ทำอย่างไร จึง "เห็นธรรม"

นี่เอาจริงๆ นะ ยังนึกถึงกลุ่มคุณธรรมชาติอยู่เลย
เพราะเขาสมถะนำ ถ้ามีสมาธิแบบทั้ง2ฝ่ายมาเล่น ก้อคงได้อ่านแบบหลากหลาย เพราะตัววิปัสสนาเขาก้อฝึกได้ แต่ตอนนี้เขาคงอ่านเฉยๆ

....

ถ้าลุงพยาธิจะว่าใคร ก้อไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพระปฎิบัติดีปฎิบัติชอบที่พ้นทุกข์ ก้อยังไม่รอด แบบนี้เขาเรียกคนไม่เจียมตัว

ยังสงสัยคุณแนนว่ามาสอบอารมณ์อะไรกับคนนี้
ดูคนเก่าๆ ที่คบลุงดิ ด่าส่ง เอาน้ำสาดไล่ทั้งนั้น บางคนก้อไม่พูดด้วยอีกเลย นั่นแหล่ะตัวพิสูจน์อะไรๆ ได้เป็นอย่างดี ว่าจริงไม่จริง

 

นึกว่าจะเป็นเหมือนกัน เพราะของพี่เคยหายไปพร้อมกัน ตามหาอารมณ์ที่ใช้กำหนดดูไม่เจอ มันหายไปอยู่ดีๆ พรึบไปเฉยๆไม่มีปีมีขลุ่ย เป็นอยู่ราวๆ 7 วัน

 

หวีเอ้ย
โซดาสิบแปดยังดีกง่ารายนั้น
กลุ่มนั้นสัญญาเสีย

สติไม่เกิดไม่ดับ ไม่ต้องมาแหละดีแล้ว เดี๋ยวไปกันใหญ่

 

มีจุดวิปัสสนาที่คุณธรรมชาติเขาตอบถูกอยู่เคยอ่านเขาโพสบ่อยๆ ไม่ได้ไปมองว่าสติของธาตุรุ้ที่เขาพูดเกิดดับหรือไม่

ก้อเหมือนคนในนี้แหล่ะ ที่ว่าไปเห็นสภาวะนิพพานก่อนไม่ได้ ทั้งที่จริงๆ เห็นก่อนได้ มันเป็นแค่สภาวะ เป็นอารมณ์ที่จิตสัมผัสแค่ชิมๆ ไม่ใช่สถานที่อะไร

 

แนนไม่ได้สอบอารมณ์กับลุงนะ แต่ตอนนี้ลุงมาสอบแนน ตามจับผิดทุกตัวอักษรเลย ไม่รุ้วันนี้ไปโดนตัวไหนมา ทำไรผิดหมด
มาพร้อมฉายาใหม่ เน่าใน

 

ต้นคดปลายตรงไม่มี

ถ้ามาจริงแนวโน้มโซดาสิบแปดไปด้วยคงมีสูง
เสียกระบวนทัพหมด

แต่ก็นะ
แล้วแต่เวรแต่กรรม

 

เหมือนจะเรียกว่าเรียกว่า”สุญญตวิหาร”นะ เป็นที่อารมณ์”อันเดียว” ไปพักก็คือแนวสมาธินั่นแหละ ศาสดาก็ ok เรื่องนี้ จะฌานอะไรก็ได้ทั้งนั้น จะเรียกนิพพานก็ไม่ผิด แต่คงเป็นนิพพานนอกศาสนา คนละความหมายของเรา อาจจะโต้เถียงกันเพียงแต่อธิบายผิดคนละความหมาย
อือ ขอบ่นหน่อย55

 

ฝึกเหมือนๆกันเเหละครับ ผมวิปัสสนานำ

 

ขยายความทีครับ
คือ สภาวะอารมณ์หายหรอครับ?

 

ขออนุโมทนาในธรรมทุกท่านด้วยความเคารพครับ

เรื่องฌาณของฤาษีกับพุทธนั้นต่างกันยังไง ข้าพเจ้าขออนุญาตให้อีกแง่มุมหนึ่งเรื่องฌาณครับ

ฌาณแบบฤาษีกับฌาณแบบพุทธนั้น มีอารมณ์แบบเดียวกันไม่ต่างกันครับ และในองค์ฌาณมีทั้งสติและสมาธิครบ
แต่ฌาณแบบฤาษีนั้น สั่งสอนอบรมสืบเนื่องกันมาแต่อดีตกาล ตั้งแต่ยังมีแต่ศาสนาพราหมณ์ กับฤาษีชีไพร ยังไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ความรู้เรื่องตัวตนที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงจึงยังไม่มีใครรู้ ฌาณแบบพราหมณ์ ฤาษีชีไพร จึงเป็นการเอาตัวตนไปพ้นทุกข์ ทำไปโดยมีตัวตน ใช้ตัวตน
แต่ของพุทธคือการละตัวตน เพราะตัวตนคือเหตุแห่งทุกข์ จึงเป็นที่มาของสัมมาสมาธิ 1 ในมรรค8
และทำในมรรคทั้ง8 เพื่อความบริบูรณ์ของกิจที่ควรทำ เพื่อพระนิพพาน

อย่าลืมว่า หากไม่มีธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่ในโลก ความรู้พวกนี้เป็นสิ่งที่ยากมาก ที่ใครจะรู้ได้

ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ

 

จิตผู้รู้ไม่เที่ยง จิตที่หลงไปคิด ไปรู้สภาวะอารมณ์ ก็ไม่เที่ยง
จิตเกิดดับตลอดเวลา ไม่มีคงอยู่นาน ยั่งยืน

นิพพาน ไม่ใช่จิต
นิพพานคือสภาวะที่จิตไปรู้ ไปเเจ้ง

 

สภาวะอารมณ์ ที่ตามดูตอนนั้นคือพวกกลุ่มโทสะค่ะ หายแบบหายจิงจัง รถตัดหน้า งูเลื้อยผ่าน มันยังไม่สะเทือน มันหายไปตอนกำลังนอนฟังธรรม สลับดูจิต อยู่ค่ะ ลุกขึ้นมาเดินตามหารอบบ้าน มันไม่ไหวติง ไม่กระเพื่อมสักนิด

 

ไม่ต้องไปเฝ้ารออารมณ์นั้นนะครับ ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ อย่าไปฝืนบังคับมัน เเค่คอยรู้ คอยดู(อย่างถูกต้อง)ก็พอเเล้ว

ผมไม่เคยเห็นเคสที่สภาวะอารมณ์หายเลยครับ เเปลกดี เเล้วอย่างนี้ถ้าบอกไม่มีโทสะ เเล้วอย่างอื่นหละครับ ราคะ โมหะ?

 

ถ้าไม่มีโทสะ มันก็ต้องมีอย่างอื่นเเทรกเเทนครับ ก็ต้องคอยรู้คอยดูให้ทัน
จิตเกิดดับตลอดเวลา มันไม่ค้าง ไม่หายไปหรอกครับ

 

ตามหาอยู่ 2 วันค่ะตอนนั้น แล้วก็ปล่อยมัน
ความชอบใจ อารม อื่นๆ ยังมีค่ะ แต่มันกระเพื่อมแผ่วมาก ต้องสังเกตุจิงๆถึงเห็น

 

้เดินหาเหตุ555แบบนี้กะได้เหรอ

 

ถ้าไม่มีอย่างนึง มันก็ต้องมีอย่างนึงมาเเทนครับ

จิตผู้รู้ ไม่ได้ค้างอยู่รู้ อยู่ดูตลอดเวลานะครับ
ถ้าอยู่ค้าง อยู่รู้ตลอดเวลา ยังไม่ถูกครับ

 

จริงค่ะ ยังตลกตัวเอง ไปหาหัวใจตัวเองด้วยนะ ว่าเต้นอยู่มั้ย ใกล้ตายยัง 555

 

อันนี้ ต้อง แก้ ฮับ

นิพพาน เป็น นามธรรม

นามธรรม ทุกชนิด สามารถทำกิจ รู้ได้

ดังนั้น

รู้นิพพาน แจ้งนิพพาน ไม่ต้องให้ จิต มาสาระแน แทรกรับเอาผลงาน

คะเต คะเต ปาระสังคะเต โพธิ ถลา หา

 

ตรงนี้ ขอแก้

จิตผู้รู้ ไม่ได้ค้างอยู่
จิตผู้รู้ ดับลงที่ใด

ที่ใด

ก็ ที่นั่น

หมั่นสดับธรรมที่พ้นการแสดง ไม่มีเพื่อนสอง