เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 4 กรกฎาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,267
    ค่าพลัง:
    +25,986
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,267
    ค่าพลัง:
    +25,986
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ทางด้านบ้านเรากำลังมีความสุขกับการที่ทีมวอลเล่ย์บอลหญิงไทยฝ่าฟัน VNL 2022 เข้าไป จนเข้ารอบ ๘ ทีมสุดท้ายได้ ๘ ทีมสุดท้ายนี่ได้ไปแข่งโอลิมปิกแน่นอน

    คนจำนวนมากบอกว่าทีมไทยโชคดี แต่กระผม/อาตมภาพบอกว่าฝีมือ ได้เพราะฝีมือ ไม่ใช่ได้เพราะโชค อย่าลืมว่าในการแข่งขัน ทีมไทยเราอยู่อันดับที่ ๘ เท่ากับเป็นทีมสุดท้ายที่จะได้สิทธิ์เข้าไป เพียงแต่ยังมีความไม่แน่นอนว่า ถ้าเยอรมันสามารถพลิกชนะอเมริกาได้ ก็จะเบียดเราตกแล้วเข้าไปแทน แต่เยอรมันพลิกไม่ขึ้น ไทยเรายังอยู่อันดับที่ ๘ เหมือนเดิม

    ส่วนที่บอกว่าฝีมือก็คือว่า ทีมไทยของเราฝ่าฟันตั้งแต่แรก ๆ ที่ประเทศตุรเคีย เราอยู่อันดับที่ ๑๙ จนกระทั่งทะลุเข้ามาได้ตั๋วไปโอลิมปิก อยู่ลำดับที่ ๘ ขณะที่อันดับ ๑ ถึง ๗ นั้น เขาอยู่ ๑ ถึง ๗ เป็นปกติอยู่แล้ว ของเขาแค่ป้องกันเก้าอี้ นั่งให้แน่น ๆ หน่อยก็ไม่มีปัญหาแล้ว..ใช่ไหม ? ส่วนของเราต้องไปแย่งเก้าอี้ชาวบ้านเขามา..!

    เพียงแต่ว่าทีมวอลเล่ย์บอลของเรายังมีข้อบกพร่องอยู่ตรงที่ว่า ต้องใช้กำลังเกินกว่าคนอื่นเขาหลายเท่า สาวฝรั่งตัวสูง ๑.๙ - ๒ เมตร เขายืนตบสบาย ๆ ส่วนสาวไทยเรา ต้องกระโดดลอยทั้งตัวกว่าจะได้ระยะตบเท่ากับเขา ต้องใช้พลังงานมากกว่ากันหลายเท่า

    ดังนั้น..ทุกท่านจะเห็นว่า ถ้าไทยเราได้พัก มีช่วงเว้นให้จะแข่งได้ดีมาก ต่อให้เบอร์ต้น ๆ ของโลกอย่างบราซิล เราก็สู้ได้สูสี มีแววว่าจะชนะด้วย แต่ถ้าหากว่าแข่ง ๒ วันติดกันเมื่อไร ก็เป็นอันว่าป้อแป้ กว่าที่จะชนะเขาได้ก็ "หืดจับ" หรือไม่ก็โดนเขา "ทุบ" ลงมา

    ถ้าตรงนี้เราบอกว่ากำลังของทีมเราไม่แข็งแกร่งพอก็โหดร้ายเกินไป เพราะว่าเท่าที่แสดงออกนั้น สาวไทยเราแข็งแกร่งกว่าชาติอื่นมาก เพียงแต่พลังงานที่ทุ่มเทไปนั้นมากกว่าคนอื่นหลายเท่า จนกลายเป็นแรงบันดาลใจว่าคนตัวเล็กก็ล้มยักษ์ได้ โดยเฉพาะประเทศในอาเซียนด้วยกันอย่างเวียดนาม คอมเม้นท์เขาว่า "เราได้เซ็ทไทยในซีเกมส์ เพราะฉะนั้น..พวกเราน่าจะชนะเกาหลีใต้ได้เช่นกัน"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,267
    ค่าพลัง:
    +25,986
    ทำไมถึงมาพูดเรื่องนี้ ? ก็เพราะว่าเรามาดูแค่ตอนที่พวกเขาประสบความสำเร็จ แต่ตอนที่เขาฝ่าฟันกันมาด้วยความยากลำบาก สร้างทีมมาตั้งแต่สมัยโค้ชอ๊อด (เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร) จนกระทั่งมาถึงโค้ชด่วน (ดนัย ศรีวัชรเมธากุล) ในปัจจุบัน ใช้เวลามาเกิน ๑๐ ปี นั่นคือวิริยบารมีและขันติบารมี ต้องอดทน อดกลั้น อดออมทุกอย่าง เพื่อที่จะให้มีวันนี้

    คราวนี้เราไปดูความสำเร็จของคนอื่น โดยที่ไม่ได้ดูความยากลำบากก่อนจะประสบความสำเร็จ เราก็มักจะเพ้อฝัน ก็คือว่าเราก็ทำได้อย่างนั้นแหละ ตรงจุดนี้เป็นจุดอ่อนใหญ่ของคนไทยรุ่นใหม่ทั้งประเทศ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?

    กระผม/อาตมภาพเคยอบรมค่ายพุทธบุตร เด็ก ๆ ไม่สนใจกัน ทั้ง ๆ ที่อยู่ในระดับมัธยมปลายแล้ว ประมาณว่าเรียนก็ได้ ไม่เรียนก็ได้ สตีฟ จ็อบส์เรียนไม่จบ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์กเรียนไม่จบ แต่รวยกันเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน

    กระผม/อาตมภาพต้องด่าเตือนสติไปว่า "โลกนี้มีประชากรกี่พันล้าน ? แล้วมีสตีฟ จ็อบส์กี่คน ? มีมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์กกี่คน ? แล้วมึงมั่นใจใช่ไหมว่าจะเป็นอย่างนั้นได้ ? ถ้าทุกวันนี้ในหัวของมึงไม่มีอะไรเลย นอกจากเป็นที่งอกของเส้นผม มึงคิดว่าจะประสบความสำเร็จแบบนั้นไหม ?"

    ก็เพราะว่าในเรื่องของการศึกษาของไทยเราไม่ใช่ว่าไม่ดี การศึกษาของไทยเราถือว่าเป็นการศึกษาที่ยากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ไม่ต้องเอาใครหรอก เอาแค่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่กระผม/อาตมภาพจบมานี่แหละ ปริญญาตรี เราต้องเรียนถึง ๑๕๐ หน่วยกิต แล้วยังมีวิชาที่ไม่คิดหน่วยกิตอีก ๒๐ - ๓๐ วิชา..! เรียนกันหนักขนาดไหน ?

    จะบอกว่าเป็นความฉลาดน้อยของคนรุ่นเก่าก็ใช่ที่ กฎหมายเขาระบุว่า ๑๓๐ ถึง ๑๕๐ หน่วยกิต สามารถมีสิทธิ์ในการรับปริญญาได้ มจร.ของเราไม่เอาน้อย ล่อมัน ๑๕๐ หน่วยกิตไปเลย..!

    การศึกษาของเรายากเป็นอันดับต้น ๆ แต่ขอโทษ...เด็กเรานั้นมักง่าย ทุกคนเลือกเรียนแต่วิชาเพ้อฝันหมด ไอ้เรื่องของความยากลำบากที่จะมาสร้างผลผลิตต่าง ๆ ไม่มี ตั้งแต่
    กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะรู้ภาษา เข้าเรียนหนังสือชั้นประถมก็มานั่งท่องว่า "สินค้าส่งออกของไทยประกอบไปด้วยข้าว ข้าวโพด ไม้สัก ยางพารา แร่ดีบุก" ทุกวันนี้เรายังส่งออกยางพาราอยู่เลย แต่มีบ้างไหมที่จะทำวิจัยว่า ยางพาราสามารถแปรรูปเป็นอะไรที่เพิ่มมูลค่าได้บ้าง ? อย่างน้อย ๆ ผลิตยางรถยนต์ไปขายก็ยังดี ๔๐ - ๕๐ ปีผ่านไปเราก็ยังคงขายยางแผ่นอยู่เหมือนเดิม..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,267
    ค่าพลัง:
    +25,986
    ในเมื่อเราไม่ยอมทำอะไรที่ยาก ก็เลยกลายเป็นพวกกลวง ว่างเปล่า ยิ่งสมัยนี้ยิ่งน่าสงสารมาก ไม่จำเป็นต้องเรียนกันหรอก ขายของออนไลน์ก็รวยแล้ว คิดเหมือนอย่างกับคนไม่มีหัว ไม่ทราบเหมือนกันว่าใช้หัวแม่ตีนคิดแทนสมองหรือเปล่า !!?

    ลองคิดดูว่า ถ้าหากว่าเด็กรุ่นใหม่ทุกคนหันไปขายของออนไลน์กันหมด แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ? ใครจะเป็นคนผลิตสินค้าให้ขาย ? แล้วการค้าขายนี่คุณคิดว่าคุณเป็น "พิมรี่พาย" ทุกคนใช่ไหม ? ที่ด่าเขาแล้วยังมีคนฟัง ยังมีคนซื้อ..!?

    เรื่องพวกนี้เป็น Born to be คือความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคน ไม่ใช่ทุกคนทำได้แบบนั้น "พิมรี่พาย" ยืนไลฟ์สด ๒ ชั่วโมง อาจจะได้ ๑๐ ล้าน ของเราไลฟ์สด ๒ วัน ไม่รู้ว่าจะได้ ๑๐ บาทไหม ? ก็เพราะว่ามักง่าย ไม่ยืนอยู่บนความเป็นจริง มีแต่ความเพ้อฝันอยู่เต็มหัวสมอง

    ต้องเรียกว่า "หลับไม่รู้จักตื่น" แล้วคำว่าหลับคืออะไร ? ภาษาพระเขาเรียกว่า อวิชชา แทนที่จะเร่งรัดการผลิต ไม่มีอะไรเลยก็ไปลงไร่ลงนา ข้าวทุกเม็ด ผักทุกต้น ผลไม้ทุกผล ล้วนแล้วแต่เป็นเงินเป็นทอง เป็นอาหารทั้งนั้น

    แม้กระทั่งกระผม/อาตมภาพเอง ช่วงที่ทำหน้าที่ส่วนเผยแผ่จริยธรรมของกรมป่าไม้อยู่ ๙ ปี สอนชาวบ้านเขาทำมาหากิน เน้นเกษตรทฤษฎีใหม่ แต่ชาวบ้านมักง่าย ไปปลูกยางพารา ไปปลูกปาล์มน้ำมัน บอกเขาว่าถ้าคุณปลูกลักษณะนั้น ต้นไม้จะแย่งอาหารกัน เพราะว่าเป็นพืชชนิดเดียว ถ้าเกิดโรคก็ติดกันหมดเลย เพราะเป็นโรคชนิดเดียวกัน แล้วที่แน่ ๆ ก็คือถ้าขายไม่ออก กินได้ไหม ? แต่ไม่มีใครสนใจ มักง่ายดี ปลูกแล้วก็ทิ้งเลย รอเวลาโตก็ไปกรีดยาง แล้วการกรีดยางทำอย่างไร ? ก็ไปจ้างลูกจ้างมอญ พม่า

    สรุปก็คือขั้นตอนการผลิตเต็มไปด้วยการใช้เงิน ไม่มีการลดต้นทุน กำไรเหลือน้อยมาก ไอ้ที่ได้ไปเต็ม ๆ ก็ลูกจ้างมอญ พม่านั่นแหละ มาอยู่เมืองไทยไม่กี่ปี ทองผาภูมิของเราตอนนี้ บรรดาเจ้าของร้านค้า เจ้าของแผงขายสินค้า เป็นมอญ เป็นพม่าไปสักเจ็ดแปดสิบเปอร์เซ็นต์ไปแล้ว ไม่ต้องอะไรมาก คนมอญ คนพม่าอยู่เมืองไทย ๓ ปี ๕ ปีพูดภาษาไทยได้หมด คนทองผาภูมิ คนสังขละบุรี อยู่กับคนพม่ามาสี่ห้าสิบปี พูดไม่ได้สักคำ เห็นหรือยังว่าความพยายามนั้นต่างกันขนาดไหน ?

    ดังนั้น...จึงไม่แปลกว่าการศึกษาของไทย ทำไมถึงรั้งท้ายแม้แต่ในอาเซียน ถ้ารั้งท้ายในอาเซียนก็รั้งท้ายของโลกด้วย ทั้ง ๆ ที่กระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงที่ได้งบประมาณมากที่สุด
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,267
    ค่าพลัง:
    +25,986
    ความผิดทั้งหมดอยู่ที่พ่อแม่ เลี้ยงลูกไม่ให้ตีนติดดิน ลำบากไม่เป็น แม้กระทั่งเรียนก็แทบจะเรียนแทน ก็เลยก่อให้เกิดสันดานแบบนี้ไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า ผ่านไปแค่ ๓ รุ่นเท่านั้นแหละ จะฝังอยู่ในดีเอ็นเอเลย ก็คือมักง่ายเข้าว่า ขาดความอดทน ขาดความพากเพียร โดยเฉพาะขาดปัญญา ขาด ๓ ตัวนี้ ถ้าเป็นนักปฏิบัติธรรม ก็ไปไม่รอดอย่างแน่นอน..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ให้มองย้อนกลับมาที่ตัวพวกเราเอง บางท่านปฏิบัติธรรมมา ๒๐ - ๓๐ ปี ลองพิจารณาดูสิว่าไอ้ที่ยังเอาดีไม่ได้นั้นเกิดจากอะไร ? อดทนไม่พอ พากเพียรไม่พอ ขาดปัญญา โดนกิเลสหลอกหัวทิ่มหัวตำอยู่ทุกวัน ถึงเวลาลำบากหน่อย กิเลสคร่ำครวญว่าจะตายแล้ว เราก็ไปหลงคิดว่าเราจะตาย เพราะว่ากิเลสอาศัยร่างกายนี้อยู่ พอถึงเวลากิเลสบอกว่าจะตาย เราก็เชื่อแล้วปล่อยไป พอกิเลสรอดก็หันกลับมาฟัดเราใหม่.!

    ตกลงว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้าหรือว่าลูกกิเลส ? พระพุทธเจ้าตรัสอะไรมา ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์จะเข้าหูสักนิดก็ยาก แต่กิเลสบอก
    ว่า รัก โลภ โกรธ หลง อะไรดี เราเชื่อไปหมด..!

    วันนี้ก็ขอฝากไว้เป็นข้อคิดสำหรับพวกเรา จากทีมวอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทยรุ่นเก่า มาจนถึงรุ่นปัจจุบันที่สร้างชื่อเสียงก้องโลก แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นไม่ได้มาอย่างง่ายดาย เกิดจากความเสียสละ พากเพียร อดทนของทุกภาคส่วน จึงมีวันนี้ขึ้นมาได้

    ส่วนพวกเราทั้งหลาย ถ้าหากว่าดูตัวอย่างครูบาอาจารย์ที่ท่านประสบความสำเร็จ แล้วดูแค่ความสำเร็จนั้น ชีวิตนี้จะน่าสงสารมาก เพราะว่าเราจะไปอยู่กับความฝัน อยู่ไปกับความเพ้อถึงอนาคต ไม่ได้อยู่กับความจริงในปัจจุบัน ความจริงตรงหน้าของเราก็คือ การปฏิบัติธรรมเหมือนกับตกนรกชัด ๆ เพียงแต่ว่า เราต้องพากเพียร พลิกนรกให้กลับมาเป็นสวรรค์ให้ได้..!

    วันนี้จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...