เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 7 ตุลาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,929
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,387
    ค่าพลัง:
    +26,202
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,929
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,387
    ค่าพลัง:
    +26,202
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นการสอบนักธรรมชั้นตรีสนามหลวงวันสุดท้าย พรุ่งนี้กระผม/อาตมภาพก็จะเข้ากรรมฐาน ๓ วันก่อนออกพรรษา เพื่อที่จะได้ออกมารับบาตรเทโวและรับกฐินจากญาติโยมทั้งหลาย ซึ่งปัจจุบันนี้เฉพาะในส่วนของเว็บเพจวัดท่าขนุน ก็จองผ้าไตรกฐินไปเกือบจะ ๑,๕๐๐ ไตรแล้ว..!

    แต่คราวนี้ว่าในช่วง ๒ วันที่ผ่านมา ข่าวที่น่าตกใจก็คือการกราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู จะว่าไปแล้วเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในเมืองไทยน้อยมาก แต่ว่างานนี้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็ก ๆ เรื่องพวกนี้ปกติแล้วเราจะได้ยินแต่ที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศใหญ่ ๆ อย่างสหรัฐอเมริกา บ้านเราเกิดขึ้น ฮือฮากันมาหน่อยหนึ่ง แล้วก็หายสาบสูญไปกับสายลม..!

    นอกจากที่จะมีผู้เสียชีวิตถึง ๓๐ กว่าศพ และบาดเจ็บอีกจำนวนมากแล้ว ผู้ก่อเหตุยังยิงตัวเองและครอบครัวตายไปด้วย ซึ่งพวกเราส่วนหนึ่งก็เห็นว่าเขาตั้งใจฆ่าตัวตายเพื่อชดใช้กรรมที่ตนเองได้ทำไป แต่กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าไม่ใช่

    ลักษณะการก่ออาชญากรรมแบบนี้ ไม่ว่าจะในประเทศหรือว่าต่างประเทศก็ตาม ผู้ก่ออาชญากรรมลักษณะนี้เขาตั้งใจที่จะตายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าก่อนตาย จะต้องเอาคนอื่นไปด้วยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในลักษณะของบุคคลผู้เกลียดชัง เคียดแค้นสังคม อยู่ในลักษณะที่ว่าสังคมนี้ติดค้างเขามาก ดังนั้น...สิ่งที่เขาทำก็คือ จะต้องทำให้สังคมนี้รู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจให้มากที่สุด ถึงจะรู้สึกสาแก่ใจของเขา

    เรื่องพวกนี้เป็นปมทางจิตวิทยา ซึ่งต้องให้บุคคลที่เรียนทาง Psychology มาโดยตรงถึงจะสามารถระบุชัดได้ แต่ถ้าหากว่าเป็นคนไทยทั่ว ๆ ไป ก็คงต้องตั้งคำถามประมาณว่า "แม่ไม่รักหรือ ?" ในเมื่อแม่ไม่รัก ก็เลยต้องไปเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น แล้วการเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นนั้น การก่ออาชญากรรมเป็นหนึ่งในวิธีการเหล่านั้น ถ้ายังไม่มีการระวังป้องกันแต่เนิ่น ๆ เรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้นอีก และจะเกิดมากขึ้นไปเรื่อย ๆ..!

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเด็กรุ่นหลังของเราขาดการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัว โดยเฉพาะพ่อแม่ จนกระทั่งมีคำกล่าวกันว่า "พ่อแม่สมัยนี้เลี้ยงลูกด้วยเงินกับโทรศัพท์" ทำให้เด็ก ๆ ทั้งหลาย ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เมื่อไม่ได้รับความสนใจจากพ่อแม่ ก็ต้องไปทำตัวให้เด่น ให้ดัง เป็นที่สนใจของเพื่อนฝูง

    หรือถ้าหากว่าเป็นบุคคลที่ไม่ชอบการเข้าสังคม ก็จะไปสร้างตัวตนสมมติในโลกโซเชียล แล้วพยายามทำให้คนอื่นเขายอมรับในสื่อโซเชียลต่าง ๆ จนกระทั่งกลายเป็นคนที่เสพติดโซเชียลจนถอนตัวไม่ขึ้น วัน ๆ จมอยู่กับโทรศัพท์ ก้มหน้าก้มตาสร้างโลกของตนเอง
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,929
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,387
    ค่าพลัง:
    +26,202
    ถ้าหากว่าจะให้พูดไป ยังมีมากกว่านี้ แต่ว่าญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่ก็อาจจะหดหู่และหมดหวังไปเลย เพราะว่าสังคมครอบครัวของเราล่มสลายมานานแล้ว แต่ว่าเพิ่งจะมาปรากฏชัดไม่นานนี้ ก็คือตั้งแต่ผู้หญิงออกไปทำงานนอกบ้าน ทำให้ไม่มีใครที่จะดูแลลูก ๆ ที่ยังเล็กอยู่ ถ้าเป็นสมัยก่อนยังมีปู่ย่าตายาย ญาติผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือดูแลให้ เพราะว่าเป็นครอบครัวขยาย

    อย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเคยบอกเอาไว้ว่า สำหรับครอบครัวของท่านแล้ว ที่บ้านเกิดอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นญาติกันเกือบทั้งตำบล ส่วนกระผม/อาตมภาพเองนั้นเคยเห็นในที่ผืนเดียวกัน รั้วบ้านเดียวกัน มีถึง ๕ ครอบครัวอยู่ด้วยกัน

    แต่พอมารุ่นหลัง ต้องการความอิสระ ไม่อยากโดนควบคุมโดยกฎเกณฑ์ของผู้ใหญ่ ก็แยกตัวออกมาตั้งครอบครัว เมื่อถึงเวลาตนเองออกไปทำงาน แม่บ้านออกไปทำงาน ไม่มีใครดูแลลูก ก็ต้องจ้างพี่เลี้ยง ก็เลยมีปัญหาที่ว่า เด็กยังไม่ทันจะพูดภาษาไทยได้ ก็เว้าลาว หรือพูดเขมรพูดพม่าได้ก่อน แล้วแต่ว่าพี่เลี้ยงจะมีเชื้อชาติอะไร..!

    แล้วจะไปหวังให้ครูช่วยดูแลเด็กให้เต็มที่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าครูโดนยึดอาญาสิทธิ์ไปหลายสิบปีแล้ว ก็คือห้ามครูตีเด็ก ในเมื่อห้ามครูตีเด็ก เด็กย่อมไม่เกรงกลัว แล้วครูจะไปทำอะไรก็ได้..!?

    โดยเฉพาะสมัยนี้ สอบอย่างไรก็ไม่ตก เนื่องเพราะว่าผู้อำนวยการสถานศึกษาจำนวนมาก ถึงขนาดมีคำสั่งไปเลยว่า ให้ครูประจำวิชาหรือว่าครูประจำชั้นต่าง ๆ ดันเด็กทุกคนให้จบผ่านชั้นไปให้ได้ โดยไม่ต้องไปใส่ใจว่าเด็กจะทำข้อสอบได้หรือว่าไม่ได้..!

    มีลูกศิษย์ของ
    กระผม/อาตมภาพท่านหนึ่งเป็นศึกษานิเทศก์ ไปนิเทศก์โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง ขออภัยที่ต้องเอ่ยชื่อจังหวัด เจอเด็กชั้นป.๖ บอกให้อ่านหนังสือ ชี้ตัวไม่ถูกแม้แต่ตัวเดียว..! แต่ถ้าหากว่าให้ท่องตามพร้อม ๆ กับเพื่อน สามารถท่องได้ เพราะว่าเด็กจำได้อย่างเดียว แต่อ่านไม่ออก ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าเป็นเด็กชั้นประถมปีที่ ๖...!

    ในเมื่อชี้ไม่ถูกว่าตัวอักษรเป็นอย่างไร แล้วผ่านมาจนถึงชั้นป. ๖ ได้อย่างไร ? ก็เพราะนโยบายที่ว่าห้ามครูตีเด็ก ห้ามเด็กสอบตก สอบตกก็ซ่อมได้ จึงทำให้สังคมบ้านเราเกิดภาวะเยาวชนด้อยคุณภาพ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,929
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,387
    ค่าพลัง:
    +26,202
    เราอย่าไปคิดว่าเรามีเด็ก ๆ ที่เข้าแข่งขันได้เหรียญทองคณิตศาสตร์โอลิมปิก เหรียญทองฟิสิกส์โอลิมปิก ประเภทนั้น กระผม/อาตมภาพเรียกว่า "เด็กรับแขก" ก็คือมีแค่ไม่กี่คน

    แบบเดียวกับที่การประชุมสภาวิชาการมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตอนที่กระผม/อาตมภาพจบปริญญาเอกใหม่ ๆ มีอาจารย์ท่านหนึ่งทักท้วงว่า "นิสิตของเราจะจบมากเกินไปไหม ? เพราะว่าถ้าปล่อยให้จบแบบนี้ จะทำให้คุณภาพการศึกษาด้อยลง"

    หลังจากที่ถกเถียงกันขนานใหญ่แล้ว ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งสรุปว่า "ถ้ามีนิสิตอย่างพระครูวิลาศกาญจนธรรมจบไปสักรุ่นละรูปสองรูป รวมกันหลาย ๆ รุ่นก็ได้ผู้มีคุณภาพมากขึ้นไปเอง" เจริญครับ...! ก็คือแทนที่ทุกคนจะจบออกมาในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน ก็กลายเป็นว่าความรู้ห่างกันมาก

    เหตุที่เป็นเช่นนั้น อย่าว่าแต่ในวงของพระภิกษุสามเณรเลย แม้แต่เด็กนักเรียนของเราก็ตาม เรียนเพื่อให้จบเท่านั้น ไม่ได้เรียนเพื่อให้รู้ ส่วนกระผม/อาตมภาพเอง มีนิสัยว่าเรียนอะไรแล้วต้องรู้ รู้แล้วต้องสอนคนอื่นต่อได้ ถ้าสอนคนอื่นต่อ ก็ต้องสอนให้ง่ายที่สุด แต่ท่านอื่น ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น มีส่วนหนึ่งเลยที่มีคติประจำใจว่า "มึนไปวัน ๆ เดี๋ยวก็จบแล้ว"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,929
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,387
    ค่าพลัง:
    +26,202
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงทำให้การสร้างจิตสำนึกให้เกิดกับเด็กและเยาวชนของเราเป็นไปโดยยาก เพราะว่าครูคนแรกและครูคนที่ ๒ ก็คือพ่อกับแม่ ไม่มีเวลาให้ ครูคนที่ ๓ ก็รับนโยบายจากผู้บังคับบัญชาว่าห้ามเด็กสอบตก กว่าจะมาถึงครูคนที่ ๔ คือวัดวาอาราม ถ้าเป็นผู้ชายก็ต้องรอจนอายุ ๒๐ ปีถึงจะเข้ามาบวช กลายเป็นไม้แก่ที่ดัดไม่ไหวแล้ว

    และโดยเฉพาะปัญหายาเสพติด ถ้าเราดูตามข่าวจะเห็นว่าผู้ก่อเหตุติดยาเสพติดมาตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน แล้วผ่านเข้าไปเป็นตำรวจได้อย่างไร ? เรื่องพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจท่านไปแก้ไข

    กระผม/อาตมภาพหวังอยู่อย่างเดียวว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จไปถึงที่ องค์ประมุขสงฆ์ คือสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สั่งให้วัดที่อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุจัดงานศพ และปลอบใจผู้สูญเสียให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ และให้ทุกวัดเจริญพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ประเทศชาติพร้อมกัน ซึ่งเดี๋ยวอีกสักครู่ พวกเราก็จะทำอย่างนั้นกัน

    เมื่อทั้งประมุขทางโลกและประมุขทางธรรมนำหน้าไปแล้ว ก็ได้แต่หวังว่า ส่วนราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะเอาจริงเอาจังกันบ้าง ไม่ใช่ปล่อยเป็นไฟไหม้ฟาง ฮือมาวูบเดียว แล้วก็หายไปกับสายลม..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...