พระผงรูปเหมือนขรัวตาคง วัดตาล อ.ชุมไชยคีรีเจ้าพิธีปลุกเสกปี๑๕เหรียญลป จันทร์ทุ่งเฟื้อ นครศรีธรรมราช

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    ประวัติ หลวงปู่ฤทธิ์ รตุนโชโต วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์
    หลวงปู่ฤทธิ์เกิดวันอาทิตย์ที่ 13 เดือน 6 (พฤษภาคม) แรม 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2460 ณ ตำบลทุ่งมน อำเภอประสาท จังหวัดสุรินทร์ ท่านบวชเณรเมื่อปี 2482 และบวชเป็นพระที่วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน จ.สุรินทร์ เมื่อปี 2483 โดยมีหลวงพ่อแปะ วัดปราสาทธนาพร(บ้านพลวง) อำเภอประสาท เป็นพระอุปปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านมาจำพรรษาที่วัดปราสาทธนาพร เพื่อศึกษาพระธรรมกับหลวงพ่อแปะอยู่ 3 ปี ฃจึงได้ย้ายไปจำวัดอยู่ที่วัดพลับ ตำบลทุ่งมน อีก 4 ปี หลวงปู่ฤทธิ์ย้ายไปอยู่ วัดบ้านกระนัง ตำบลปรือ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี 2490 ระหว่างที่อยู่วัดนี้หลวงปู่ฤทธิ์ได้ออกธุดงค์ไปเสาะแสวงหา ความรู้ทั้งทางธรรมและทางไสยศาสตร์ทั่วเขตอีสานจนตลอดเข้าไปในประเทศลาวและเขมร ท่านได้พัฒนาวัดบ้านกระนังจนเจริญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
    ในปี พ.ศ.2535 หลวงปู่ฤทธิ์ จึงได้ย้ายมาสร้างวัดชลประทานราชดำริที่บ้านกระทุ่ม ตำบลสูงเนิน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามพระราชดำริและได้จำพรรษาอยู่ที่นี่
    หลวงปู่ฤทธิ์เป็นพระเกจิดังเชื้อสายเขมรที่มีความเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมทั้งของไทย ลาว และเขมร อย่างหาผู้เทียบเคียงได้ยากท่านนึง หลวงปู่ฤทธิ์เป็นพระสงฆ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนฐานะ เป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านจะให้การต้อนรับพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องนั่งรถยนต์ราคาแพงๆ ไปกราบท่านแล้วถึงจะได้พบหลวงปู่ นอกจากจะได้รับการต้อนรับที่ดีจากท่านแล้ว หลวงปู่ฤทธิ์ยังจะปลุกเสกวัตถุมงคลในมือของท่านอีกอย่างดีก่อนมอบให้ บางครั้งท่านก็จะจารเป็นยันต์ให้ บางครั้งท่านก็จะพรมน้ำมนต์ให้ วัตถุมงคลของท่านถือว่าเป็นสุดยอดไม่ว่าจะได้โดยตรงจากมือหรือที่ศูนย์พระเครื่องต่างๆ ก็ตาม ยังไม่พบว่าวัตถุมงคลของท่านมีของปลอมหรือเสริมโดยที่หลวงปู่ยังไม่ได้ปลุกเสก บรรดาผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน ต่างก็พบกับอภินิหารแบบพลิกชะตาชีวิตให้อย่างทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เรียกเงินเรียกทอง เป็นต้น แม้ว่าทุกวันนี้จะเป็นยุค ที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำมาหากินลำบากกันถ้วนหน้า แต่คนที่บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์มักจะได้พบกับสิ่งแปลกประหลาด เช่น ค้าขายดีขึ้นอย่างผิดปกติ มีโชคได้ลาภ ลองปืนไม่ออก เป็นต้น
    ประสบการณ์ของวัตถุมงคล
    ประสบการณ์ของวัตถุมงคลรุ่นก่อนๆ ของหลวงปู่ฤทธื์ที่มีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานทั้งในหมู่ลูกศิษย์และบุคคลที่ได้ บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ไปแล้ว ผ้ายันต์กิ่งแก้ว เป็นผ้ายันต์ที่มีผลในหลายๆ ด้าน ตามลักษณะการพับผ้ายันต์ ซึ่งรวมทั้ง เมตตา/มหานิยม คุ้มครองใน ด้านการเดินทาง โชคลาภ มหาอำนาจและอื่นๆ อีกมากมาย จะเน้นมากทางด้านโชคลาภและเมตตามหานิยมคนที่ใช้แล้ว พบว่ามีคนมาติดพันมากมายเป็นต้น
    มรณะภาพ
    เมื่อวันนี้ 1 มิ.ย. 2548 เวลา 04.00 หลวงปู่ฤทธิ์ รัตนไชโย เจ้าอาวาสวัดชลประทานราชดำริ ต.สูงเนิน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้มรณภาพอยู่ภายในกุฏิที่พักของวัดอย่างสงบ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปหล่อรุ่น 1 หลวงพ่อฤทธิ์ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    img_20231227_001302-jpg.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วันนี้ จัดส่ง
    1706429498441.jpg

    ขอบคุณรับ
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    หลวงปู่สนธิ์-อนาลโย-00-1.jpg
    https://palungjit.org/threads/ประวัติและปกิณกธรรม-พระราชภาวนาพินิจ-หลวงพ่อสนธิ์-อนาลโย.138442/



    พระพรหมวชิราภรณ์ (สนธิ์ อนาลโย ป.ธ.๓)

    เกิด ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗
    อายุ ๘๙ ปี
    อุปสมบท ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๗
    พรรษา ๖๙
    วัด วัดพุทธบูชา
    ท้องที่ กรุงเทพมหานคร
    สังกัด ธรรมยุติกนิกาย
    วุฒิการศึกษา น.ธ.เอก, ป.ธ.๓
    พระพรหมวชิราภรณ์ มีนามเดิมว่า สนธิ์ คำมั่น เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ตรงกับวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๗ ปีจอ ณ บ้านโนนชาติ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดยโสธร) โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายเป และนางกัน คำมั่น ครอบครัวมีอาชีพทำนา
    พระพรหมวชิราภรณ์ เรียนจบชั้นประถมปีที่ ๔ จากโรงเรียนวัดบ้านสร้างมิ่ง แม้จะอยู่ในวัยเด็ก แต่มีนิสัยรักสงบ เชื่อฟังบิดา-มารดา กลัวบาป ท่านมีความรู้สึกที่แตกต่างจากเด็กรุ่นเดียวกัน มีความคิดอยากจะบวช และปรารภอยากไปอยู่วัด แต่โยมแม่ไม่ยอมให้ไป กระทั่งตอนอายุ ๑๘ ปี ได้มีโอกาสเดินทางไปที่วัดป่าอุดมสมพร (วัดหลวงปู่ฝั้น อาจาโร) ตำบลพรรณา อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ได้เห็นความอัศจรรย์ และระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสิ่งที่มีจริง จึงตัดสินใจออกบวช แต่ช่วงนั้นได้เตรียมตัวก่อนบวช ต้องสวดมนต์และทานข้าวมื้อเดียว ร่างกายซูบผอมลง แต่สุดท้ายท่านไม่ได้บวชเรียน ต้องกลับมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพ อย่างไรก็ตาม ท่านยังมีความคิดอยากจะบวชอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุดท่านได้นึกถึงที่โยมมารดาสั่งเสียไว้ว่า "จะทำอะไรจะมีครอบครัวก็ให้บวชเสียก่อน ขอให้บวชให้แม่ก่อน"

    อุปสมบท
    อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดป่าสุทธาวาส บ้านคำสะอาด ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยมี พระครูอุดมธรรมคุณ (หลวงปู่มหาทองสุก สุจิตฺโต) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์กว่า สุมโน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสนธิ์ ขนฺตยาคโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า อนาลโย ซึ่งแปลว่า ผู้ไม่มีความอาลัย

    หลังอุปสมบทแล้ว ได้กลับไปอยู่จำพรรษาที่วัดป่ากลางโนนภู่ ตำบลไร่ อำเภอพรรณานิคม ได้ปฏิบัติเดินจงกรม ฝึกภาวนา พิจารณากัมมัฏฐานตามที่พระอุปัชฌาย์บอก จนเกิดความรู้สึกปีติยินดี

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ พระอาจารย์กว่า สุมโน ไม่มีผู้ใดอุปัฏฐาก ท่านต้องกลับไปดูแลปรนิบัติรับใช้ และมาเรียนหนังสือที่วัดป่าสุทธาวาส เมืองสกลนคร วันแรกที่ไปอยู่วัดป่าสุทธาวาส ได้เกิดนิมิตว่าผีเจ้าของที่มาคอยหลอกหลอนรบกวน ท่านจึงปรารภความเพียรยิ่ง ระลึกถึงพระคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำความเพียรภาวนาต่อเนื่องกระทั่งจิตสงบสบาย จิตใจมีแต่ความเมตตาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


    ปฏิบัติรับใช้หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    ต่อมาท่านได้ไปอยู่ที่วัดป่ากลางโนนภู่ บังเอิญ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ได้ขึ้นไปจังหวัดสกลนคร ไปพักที่วัดป่าสุทธาวาส ได้ให้คนไปตามพระอาจารย์สนธิ์ให้ไปหาที่วัดป่าสุทธาวาส

    หลวงปู่เทสก์จึงได้พาพระอาจารย์สนธิ์ไปอยู่จังหวัดภูเก็ต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้อยู่ปฏิบัติรับใช้หลวงปู่เทสก์อย่างใกล้ชิด โดยท่านให้พระอาจารย์สนธิ์อยู่กุฏิเดียวกับท่าน

    พระอาจารย์สนธิ์ชื่นชมในปฏิปทาของหลวงปู่เทสก์ ได้ปฏิบัติต่อหลวงปู่อย่างสม่ำเสมอ หลังจากถวายนวดเส้นแล้วก็จะออกมาปฏิบัติเดินจงกรมก่อนที่จะพักผ่อน


    มาพำนักจำพรรษาที่วัดพุทธบูชา
    ครั้นต่อมา ท่านมีความคิดที่อยากไปอยู่กรุงเทพฯ เพราะอายุพรรษายังน้อย อยากเรียนบาลี จึงกราบเรียนขออนุญาตหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ซึ่งหลวงปู่เทสก์ก็ไม่คัดค้าน โดยมาพำนักจำพรรษาที่วัดพุทธบูชา ต่อมาท่านมุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรมจนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ

    ทั้งนี้ หลวงพ่อสนธิ์ได้เล่าถึงความหลังให้ฟังว่า “ที่วัดพุทธบูชาในขณะนั้นบิณฑบาตลำบาก จะบิณฑบาตแต่ละครั้งก็ยาก ต้องลุยโคลนลุยเลนลำบากมาก เกิดมีมานะขึ้นมา ถ้าอย่างไรก็เรียนก่อนเถอะ ได้ตั้งใจมาแล้วต้องอดทนอยู่ต่อไป”

    ครั้งหนึ่งหลวงพ่อสนธิ์ได้รับกิจนิมนต์ไปเจริญพระพุทธมนต์ที่รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา จำเป็นต้องต่อเครื่องบินจากเมืองดัลลัส ไปลงที่รัฐเทนเนสซี่ ระหว่างที่เครื่องบินกำลังบินอยู่ เกิดเหตุอากาศแปรปรวนและเครื่องบินเกิดมีปัญหา ทำให้เครื่องบินสั่นเสียการทรงตัว

    ผู้โดยสารบนเครื่องบินเกิดอาการหวาดกลัวว่าเครื่องบินจะตก หลวงพ่อได้นั่งภาวนาจนจิตนิ่ง จึงกำหนดจิตภาวนา เมื่อจิตสงบนิ่ง รู้สึกว่าจิตนิ่ง และไม่คิดเสียดายชีวิต ยอมตาย และรู้สึกว่ากายหายไป ในขณะนั้นได้มีเสียงมากระซิบว่า “ไม่ตายๆ” ปรากฏว่าเครื่องบินได้เปลี่ยนเส้นทางบินมาลงจอด เพื่อซ่อมเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย


    สร้าง วัดป่าภูปัง
    คราวหนึ่งหลวงพ่อสนธิ์ได้นิมิตว่า หลวงพ่อได้ไปสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีผู้ปฏิบัติธรรมนุ่งขาวห่มขาวและมีความ ยินดีเมื่อหลวงพ่อสนธิ์เดินทางไปถึง หลวงพ่อสนธิ์ได้จดจำลักษณะของสถานที่แห่งนั้นได้เป็นอย่างดี และได้สอบถามไปยังผู้ที่รู้จักอยู่เสมอ เพื่อที่จะแสวงหาสถานที่แห่งนั้น

    จนกระทั่ง พระอาจารย์บุญชวน ธัมมโฆสโก แห่งวัดป่าวังน้ำทิพย์ ตำบลสวาท อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร ได้กราบเรียนหลวงพ่อสนธิ์ถึงเขาแห่งนั้น ในเขต อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อหลวงพ่อไปถึงเห็นว่าสถานที่ดังกล่าวมีลักษณะตรงตามในนิมิตทุกประการ จึงได้ชักชวนคณะศรัทธาญาติโยมและคณะศิษยานุศิษย์ มาพัฒนาสถานที่แห่งนี้เพื่อสร้างเป็น วัดป่าภูปัง ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖ โดยได้สร้างศาลา ๓ ชั้นขึ้นจนสำเร็จ

    ถัดมา หลวงพ่อสนธิ์ได้หล่อรูปจำลองพระพุทธพิชิตมาร ขนาดหน้าตัก ๘๐ นิ้ว โดยจำลองจากพระพุทธพิชิตมาร ซึ่งประดิษฐานอยู่ในศาลาอุรุพงษ์ วัดบรมนิวาส เพื่อนำไปประดิษฐานที่วัดป่าภูปัง โดยหลวงพ่อได้ดูแลการปั้นหุ่นรูปจำลองอย่างใกล้ชิด และได้นิมนต์ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เป็นประธานในการเททอง และ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ เป็นประธานในการเจริญพระพุทธมนต์ ได้เกิดเหตุมหัศจรรย์ที่มีเหตุฝนตกโปรยปรายลงมา

    ความเมตตาของหลวงพ่อ

    หลวงพ่อจะเป็นผู้ที่เมตตาต่อลูกศิษย์ทุกคนโดยไม่มีแบ่งชั้นวรรณะ ไม่ว่าใครเมื่อมานิมนต์หลวงพ่อ หลวงพ่อก็จะรับนิมนต์ตามที่ว่างโดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นผู้มีฐานะหรือไม่



    ผีจากรถแก๊สระเบิด

    ในคืนหนึ่งประมาณเที่ยงคืน ได้มีชาวบ้านวิ่งเข้ามาหาหลวงพ่อที่กุฏิในวัดบรมนิวาสบอกว่า มีผู้ถูกผีเข้า ขอให้หลวงพ่อไปช่วย หลวงพ่อจึงได้เดินทางตามไปแถวบริเวณใกล้ทางด่วน ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พบหญิงสาวมีอาการเหมือนถูกผีเข้า จึงได้เข้าไปซักถามว่าเป็นใคร มาจากไหน ก็ได้รับคำตอบว่า ตัวเขาเป็นผีล่องลอยอยู่บริเวณนั้น เพราะตายจากรถแก๊สระเบิด แต่ยังไม่มีใครทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ จึงต้องวนเวียนอยู่ตรงนั้น จึงได้เข้าสิงผู้หญิงคนนี้ หลวงพ่อจึงถามว่าต้องการอะไร ทางผีนั้นจึงขอให้ผู้หญิงคนนั้น ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ มิฉะนั้นแล้วก็จะเอาชีวิต หลวงพ่อจึงรับปากที่จะให้ผู้หญิงคนนั้นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ พอทราบเท่านั้นหลวงพ่อก็ทำน้ำมนต์ แล้วเขาพูดว่า มึงทำอะไร พอทำน้ำมนต์เสร็จ เอาให้กินก็สลบล้มลง แล้วก็ตื่นขึ้นมาและถามว่าเป็นอะไร เขาบอกว่าไม่รู้ มีแต่บอกว่าผีมาบังคับ


    บารมีหลวงพ่อช่วยผู้ป่วยมะเร็ง

    คราวหนึ่งหลวงพ่อกำลังจะเดินทางไปวัดภูหายหลง จังหวัดนครราชสีมา มีหญิงสาวเข้ามาหาเพื่อถวายจีวร บอกว่าหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ แนะนำให้มาถวายกับหลวงพ่อ ซึ่งน้องชายเป็นนายตำรวจขณะนี้เป็นโรคมะเร็งขั้นสุดท้าย จึงได้พยายามทำบุญและได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่เหรียญให้มาถวายจีวรกับหลวงพ่อ หลังจากถวายแล้วไม่นานกลับหายจากโรคมะเร็งและยังมีชีวิตอยู่เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก


    หลวงพ่อช่วยคนใกล้ตาย

    คราวหนึ่งมีคนมาขอน้ำมนต์หลวงพ่อ เนื่องจากคนในบ้านเกิดล้มลง โดยไม่ทราบสาเหตุทำให้ไม่รู้สึกตัว ต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่ห้องไอซียู พอเข้าวันที่ 3 มีอาการเล็บเขียว อาการเข้าขั้นโคม่า มีคนแนะนำให้มาหาหลวงพ่อ จึงได้มาขอน้ำมนต์หลวงพ่อ หลวงพ่อจึงได้อธิษฐานจิตทำน้ำมนต์ให้และบอกแก่ญาติให้นำไปให้ผู้ป่วยดื่ม หากดื่มไม่ได้ให้ผ่านทางสายยางหรือหลอด หลังจากที่ให้น้ำมนต์ทางสายยางแล้ว ปรากฎว่าเล็บที่เขียวอยู่กลับเป็นปกติ และอาการดีขึ้นจนสามารถกลับบ้านได้ และเมื่อแข็งแรงแล้วก็เดินทางมาทำบุญกับหลวงพ่อ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จรุ่นแรกหลวงปู่สนธิ์อนาลโยพิมพ์เล็กให้บูชา
    400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240128_191341.jpg IMG_20240128_191402.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2024
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    เหรียญหลวงปู่สนธ์ อนาลโย ปี ๒๕๔๕
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240128_191856.jpg IMG_20240128_191921.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    %E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%8C%E0%B8%AD-1-jpg.jpg

    เมื่ออุปสมบทแล้วท่านก็จำพรรษาอยู่ที่วัดจุกกะเฌอ ซึ่งมีพระอาจารย์ขันธ์เป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อเริ่มท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย และปฏิบัติโดยเคร่งครัด จริยาวัตรงดงาม จนชาวบ้านเคารพเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่าน หลวงปู่เริ่มท่านเคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ท่านได้เคยเรียนวิชากับ หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก

    แต่ก่อนที่หลวงพ่ออ่ำจะสอนวิชาให้นั้นท่านจะมัดมือไพล่หลังไว้กับตอไม้ที่ริมป่าช้า วัดหนองกระบอก โดยให้คาถา 4 ตัว ให้ภาวนาจนเชือกหลุด หลวงปู่เริ่มท่านทำได้ หลวงพ่ออ่ำท่านจึงรับเป็นศิษย์ โดยได้เรียนวิชาฝนแสนห่า และสีผึ้งเจ็ดจันทร์ ซึ่งเป็นวิชาเมตตามหานิยมชั้นสูง

    นอกจากนี้ท่านยังได้ศึกษากับพระอาจารย์เก่งๆ อีกหลายรูป เช่น เรียนวิชาทำปลัดขิกและหนังหน้าผากเสือ กับหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ เรียนวิชาหนังหน้าผากเสือ กับหลวงพ่อสาย วัดหนองเกตุน้อย ชลบุรี เรียนวิชาทำผง ๑๒ นักษัตร จากหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ และได้ศึกษากับพระเกจิอาจารย์อีกหลายรูป เช่น หลวงพ่ออ๋อง วัดหนองรี จ.ชลบุรี, หลวงพ่อผุย วัดหน้าพระธาตุ พนัสนิคม, ท่านเจ้าคุณศรี วัดอ่างศิลา และได้เรียนวิปัสสนากรรมฐาน วิชาสร้างพระปิดตา วิชาโหราศาสตร์ กับสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ ด้วย
    ในบันปลายชีวิต หลวงปู่เริ่ม มีอาการอาพาธด้วยโรคถุงลมโป่งพอง จึงกลับมาพักฟื้นอยู่ที่วัดจุกกะเฌอ จนปี พ.ศ.๒๕๓๖ ท่านมีสุขภาพดีขึ้นสามารถออกปฏิบัติศาสนกิจ และรับนิมนต์ไปในงานพุทธาภิเษกต่างๆ ได้

    ในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๘ หลวงปู่เริ่ม ปรโม ได้มรณภาพลงด้วยอาการอันสงบ สิริอายุได้ ๙๐ ปี ๑๒ วัน พรรษาที่ ๗๐

    ◉ ด้านวัตถุมงคล
    พระครูศรีฉฬังคสังวร (หลวงปู่เริ่ม ปรโม) วัดจุกกะเฌอ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองชลบุรี มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด ในหลังยุคปี ๒๕๐๐ ถือเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง

    ในห้วงที่ยังมีชีวิตอยู่ สร้างวัตถุมงคลและปลุกเสกไว้หลายรุ่นด้วยกัน บางรุ่นมีมูลค่าค่อนข้างสูง เนื่องจากมีประสบการณ์ จนกลายเป็นความเชื่อถือสืบต่อกันมา โดยเฉพาะเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก

    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    พระสมเด็จพุทธตถาคตวัดหนองคล้าหลวงปู่เริ่มปรโมปลุกเสกให้บูชา
    120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240128_192917.jpg IMG_20240128_192937.jpg IMG_20240128_192858.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    เทพเจ้าคุัมครองดวงชะตา คุ้มครองปีชง วัดเล่งเน่ยยี่
    ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240128_195649.jpg IMG_20240128_195707.jpg IMG_20240128_195627.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2024
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1706447741814.jpg
    ครูบาสม

    เดิมนั้นท่านชื่อ อินสม บุญสุยะ

    บิดาชื่อ พ่อเฒ่าจันทร์ บุญสุยะ

    มารดาชื่อ แม่นายบัวคำ บุญสุยะ

    เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2463 ที่บ้านนาเหลืองใน เวียงสา น่าน

    บรรพชาเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2481 ที่วัดนาเหลืองใน

    อุปสมบท เมื่อวันที่ 9 พฤษภา 2483 ที่วัดดอนไชยพระบาท เวียงสา น่าน

    วิทยาฐานะ

    ปี 2479 สำเร็จการศึกษาประถมปีที่4 จากโรงเรียนนาเหลือง

    ปี 2483 สอบได้นักธรรมชั้นตรี

    ปี 2483 สอบได้นักธรรมชั้นโท

    ปี 2486 สอบได้นักธรรมชั้นเอก

    นอกจากนั้นท่านไปเรียนกรรมฐานกับครูบาอินต๊ะ วัดแสงดาว นอกจากนั้นได้ศึกษาฝ่ายวิปัสสนาธุระตามครองกรรมฐานของหลวงปู่ครูสีชิไชยยา อดีตเจ้าอาวาสวัดเมืองรามและครูบาณาณสี วัดดอนชัยพระบาท ซึ้งเป็นกรรมฐานล้านนาสายครูบามหาป่าสูงเม่น ในปี 2487 หลวงปู่ครูบาอินสม ท่านออกธุดงค์กับพระสหธรรมมิกชื่อว่า พระบุญศรีกา โดยตั้งใจว่าจะไปธุดงค์ที่ประเทศพม่า แต่ด้วยเหตุการณ์ความไม่สงบในพม่าจึงไม่สามารถธุดงค์ไปได้ จึงเปลี่ยนเส้นทางไปภาคอีสานและปฏิบัติธรรมที่พระธาตุพนมจนใกล้เข้าพรรรษาจึงธุดงค์กลับมาจำพรรรษาที่วัดนาเหลือง รวมเวลาที่ออกธุดงค์ครั้งนั้น 8 เดือน

    ท่านเคยศึกษาร่ำเรียนและฝากตัวเป็นศิษย์กับครูบาอาจารย์ต่างๆดังนี้

    1. พระมหาสิทธิ์ วัดช้างค้ำ จ.น่าน พระอุปัชฌาย์

    2. พระครูปัญญาสาราธิคุณ ,ครูบาเฒ่า วัดศรีกลางเวียง อ.เวียงสา น่าน

    3. ครูบาอินต๊ะ ปู่เผือก วัดแสงดาว

    4. ครูบาจันทร์ วัดม่วงใหม่

    5. ครูบาอินต๊ะยศ วัดศรีบุญเรือง จ.น่าน

    6. หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เพชรบูรณ์

    7.ครูบาอินหวัน วัดป่าแลวม่อน

    8. พ่อครูมหาข๋ะหนาน ขันทะ มะนิลทิพย์ บ้านนาเหลือง

    9. พ่อครูมหาข๋ะหนาน บุญสาร บ้านเมืองราม

    10. พ่อครูมหาข๋ะหนาน บุญแฝง สามแยกเพชรบูณร์

    วัตถุมงคลของท่าน

    ครูบาสมท่านสร้างวัตถุมงคลไว้สำหรับแจกและให้บูชาโดยมีมากหลายรุ่นหลายอย่าง

    เช่น เหรียญ 12มหาชัย ,เหรียญชัยมงคล,เหรียญดอกไม้เมืองสววรค์ ,เหรียญฝนแสนห่า,พระเนื้อว่าน-เนื้อดิน, ตะกรุดโทน ตะกรุดเก้ากุ่ม ,ผ้ายันต์ ,รูปหล่อ ,พระบูชา เป็นต้น

    วัตถุมงคลของท่านนั้นมีประสบการณ์กับผู้นำไปใช้มากมาย จนเป็นที่เสาะแสวงหาของใครหลายคน

    ท่านมรณะ วันที่ 14 มิถุนายน 2544 รวมสิริอายุ 81 ปี 60 พรรรษา ครับ

    ยันต์ขุมคำ ตำหรับ ครูบาอินสม วัดเมืองราม
    อักขระยันต์ ขุมคำ อยู่ที่ใดย่อมวุฒิจำเริญมั่งมูลด้วยข้าวของสัมปัติ กินบ่บก จกบ่เปลือง ฮิมาหาขึ้น สมัยก่อนหลวงปู่ครูบาอินสม ท่านลงใส่ไว้หลังเหรียญ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญครูบาอินสมปี 2529 หลังอักขระยันต์ขุมคำ
    ให้บูชา
    200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240128_201855.jpg IMG_20240128_201933.jpg
     
  8. ทองทวี

    ทองทวี “นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา" สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,771
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วัตถุมงคลหลากหลายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศครับค่าจัดส่งต่อครั้ง 30 บาทems ไปรษณีย์ไทย 08--1--70--4--72--64 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ
    บัญชีธนาคาร กรุงไทย 125-00-89-239
    Supachai thu
    โอนแล้วแจ้งบอก ทางข้อความ พร้อมที่อยู่จัดส่ง ป้อง กัน การเอาข้อมูลจากมิจฉาชีพครับ

    * มิจฉาขีพอย่าโทรมานะครับ ผมอาจจะใช้คำหยาบ ไม่สุภาพ ขออภัยท่านมิจฉาชีพด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2024
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    หลวงตามหาบัว.jpg
    พระสมเด็จมหาผ้าป่า USA 2003 หลวงตามหาบัว
    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ ตลับเดิมๆแบบนี้เลยครับ พรุ่งนี้ ทำบุญครบรอบวันมรณภาพปีที่๑๓ ของหลวงตานะครับ มีบุญปะทายข้าวเปลือกวัดป่าบ้านตาด

    IMG_20240129_222401.jpg IMG_20240129_222320.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    รูปหล่อพระกริ่งหลวงพ่อดำวัดช่างเหล็กี๒๕๓๗พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของวัดช่างเหล็กตลิ่งชัน กรุงเทพ ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240130_123953.jpg IMG_20240130_124020.jpg IMG_20240130_123914.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    watindra.jpg
    หลวงพ่อโตวัดอินทร์
    วัดอินทรวิหาร กรุงเทพมหานคร

    หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปยืน ปางอุ้มบาตร ก่อด้วยอิฐหรือปูน ประดิษฐานอยู่ที่วัดอินทรวิหาร ซึ่งเป็นวัดโบราณ ชื่อวัดบางขุนพรหมนอก อยู่ที่ตำบลบางขุนพรหม อำเภอพระนคร กรุงเทพ ฯ


    watindra4.gif
    ตามประวัติ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) เป็นผู้สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ แต่ยังสร้างไม่เสร็จ คงสร้างค้างไว้เพียงถึงพระนาภี สูงประมาณ 9 วาเศษ พระครูจรรยานุกูล (หลวงปู่ภู) เจ้าอาวาสวัดอินทร์จึงดำเนินการสร้างต่อแต่ก็ยังไม่เสร็จ พระครูสังฆบริบาล (แดง) ได้สร้างเพิ่มเติมได้สร้างต่อจบเกือบเสร็จ ขาดเพียงยอดพระเมาลี ได้องค์พระสูงประมาณ 16 วา

    ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2467 พระครูสังฆรักษ์ (เงิน) เจ้าอาวาสได้ดำเนินการสร้างต่อมา ใช้เวลา 4 ปี จึงสำเร็จเรียบร้อย และได้จัดให้มีงานสมโภช เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2471


    ปัจจุบันมีงานฉลองเป็นเทศกาลประจำปี ระหว่างวันที่ 1-7 เมษายน ของทุกปี


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    หลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร ปี2521 พร้อมกล่องเดิม พิธียิ่งใหญ่สรรพสิทธิชัยไพรีพินาศมหามังคลาภิเศก "
    ปลุกเสกโดย 109 เกจิอาจารย์จากทั่วประเทศ
    อาทิเช่น
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    หลวงปู่ดุล วัดบูรพาราม
    หลวงพ่อ.ผาง
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    หลวงพ่อคลิ้ง
    หลวงพ่อแพ
    หลวงปู่สิม ฯลฯ
    ร่วมปลุกเสก 3 วัน 3 คืน
    วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง เพื่อฉลองในวาระดิถีอนุสรณ์ 111 ปี โดยเสด็จพระราชกุศล วัดอินทรวิหาร ปี 2521

    เหรียญหลวงพ่อโต ๑๑๑ ปีวัดอินทรวิหารกะไหล่ทอง ลงยาสีแดง
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240130_141322.jpg IMG_20240130_141419.jpg IMG_20240130_141445.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2024
  13. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,146
    ค่าพลัง:
    +1,189
    โอนแล้วครับ 30/01/67 จำนวน 230 บ. เวลา 20.45 น.จัดส่งที่เดิมครับ
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1706627183974.jpg

    https://palungjit.org/threads/ใครพอรู้จักและมีประสบการณ์-หลวงพ่อเก๋-วัดแม่น้ำ-แม่กลอง-บ้างครับ.337096/
    195681-127f9.jpg

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อเก๋วัดแม่น้ำปี๒๕๓๖ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20240130_220331.jpg IMG_20240130_220255.jpg IMG_20240130_220220.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2024
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1706627823494.jpg

    ผมเอง........ไม่ค่อยทราบประวัติของครูบาอาจารย์หลวงพ่อดำ (อาจารย์สารินทร์) สักเท่าไร ผมถือว่าไม่ใช่ศิษย์สายตรงท่าน ไม่เคยไปวัดท่านที่ท่านได้สร้างความเจริญให้กับชาวบ้าน ผมเริ่มบูชาวัตถุมงคลท่านเมื่อปี 2564 ต้นปี เริ่มซึมซับ และศรัทธา ในวัตถุมงคล ทั้งทางพุทธศิลป์ และนับถือท่านเป็นครูบาอาจารย์ พอดีไปอ่านเจอข้อมูลเพียงเล็กน้อย เป็นข้อมูลให้เพื่อนๆ กัลยาณมิตรได้รู้จักครูบาอาจารย์ของเราได้มากขึ้น
    ----------------------------------------------------------------------
    พระอาจารย์สารินทร์ หรือหลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม หรือวัดไทยสามารถ ซึ่งกำลังเป็นพระเกจิอาจารย์ พระอาจารย์สารินทร์ ท่านเป็นคนเขมรที่มีวิชาอาคมสูงมาก แม้ปู่ย่าจะเป็นชาวจีนที่อยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ในยุคที่ไทยและเขมรยังเปิดเมืองเสรีไปมาหาสู่กันโดยสะดวกทางครอบครัวได้ย้ายบ้านไปทำการค้าอยู่ที่เขมร ท่านพระอาจารย์ในหมู่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดหรือพระอาจารย์สารินทร์ ต้องมุ่งมั่นอยู่กับการศึกษาเล่าเรียน และเรียนตามความปรารถนาของปู่และบิดา เพื่อต้องการใกล้เรียนภาษาจีน เนื่องจากปู่เป็นคนจีนนั้นเอง แต่พระอาจารย์สารินทร์ หรือหลวงพ่อดำ ไม่ต้องการเรียนหนังสือจีน พออายุ 13 ปี จึงหนีออกจากบ้านไปอยู่วัด และมีจิตน้อมเอียงไปในทางบรรพชา แต่เมื่อปรึกษาทางบ้านก็ยังไม่ให้บวช ให้เรียนไปก่อนในทางโหราศาสตร์ คือการดูหมอ จึงได้เรียนวิชาอาคมผสมผสานลงไปด้วย และพระอาจารย์ที่เรียนได้มากที่สุดในขบวนวิชาที่ติดตัวในปัจจุบัน และเห็นจะได้แก่ท่านพระอาจารย์ตุ๊เครียง ออกเสียงภาษาเขมร ถ้าเป็นภาษาไทยตรงกับคำว่าหลวงพ่อเครื่องนั่นเอง และเรียนกับท่านมากที่สุด โดยเฉพาะพระคณาจารย์ของเขมร จะเรียนอาคมกันเป็นรุ่น ๆ เมื่อเรียนจบจากอาจารย์ตุ๊เครียงแล้ว ท่านได้มีจดหมายฝากศิษย์ไปเรียนจากอาจารย์สำนักต่าง ๆ ที่จบมาด้วยกัน ท่านอาจารย์ตุ๊เครี่ยงนั้น อยู่ในจังหวัดกำพงจาม มีจดหมายฝากศิษย์ไปถึงอาจารย์ที่อยู่ในจังหวัดกลาง และจังหวัดสุดท้าย คือ ปรีเวง และพระอาจารย์ที่พระอาจารย์สารินทร์ได้ใช้เวลาในการไขว่คว้าหาความรู้นั้นมีถึง 8 องค์ล้วน เป็นพระอาจารย์ในเขมรทั้งสิ้น โดยเริ่มต้นจากการเรียนอักษรขอมแม่บท 33 ตัว และแยกออกเป็นตัวพระคาถา ถึง 147 , 842 คำ และเลขการผูกยันต์ 1 – 9 ส่วนเลข 0 นั้น จะไม่ค่อยปรากฏในตัวเลขของยันต์ต่าง ๆ
    ประสบการณ์ขณะนั่งวิปัสสนายามราตรี
    หลวงพ่อสารินทร์ ท่านเป็นพระอาจารย์หนุ่มที่ชอบนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ขณะที่จิตเข้าสู่สภาวะสงบ ปรากฏว่ามีผู้หญิงอันเป็นเจ้าของที่ดินวัด เรียว่าแม่สม มาปรากฏกายให้เห็นและถามหลวงท่านว่า จะมาอยู่ตลอดไปหรือว่ามาชั่วคราว ท่านจึงตอบไปว่ายังไม่แน่นอน วิญญาณแม่สมจึงบอกว่า อยู่เสียที่นี่เถอะ เรามาเป็นเพื่อนกัน ท่านจึงบอกว่า โยมเป็นผู้หญิง อาตมาเป็นพระ จะเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร วิญาณแม่สมจึงบอกว่า เราเป็นเพื่อนกันแต่ในนาม คอยช่วยเหลือกัน ท่านจึงรับปากที่จะอยู่ที่นี่ และต่อมาเจ้าอาวาสของวัดได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะทนสภาพความอดอยากไม่ไหว ท่านจึงได้รับความไว้วางใจจากทางคณะสงฆ์และชาวบ้านให้ดูแลวัด นับจากวันที่พระอาจารย์สาริทร์ได้เข้ามาอยู่ที่วัดนี้เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2528 ถึงวันที่ 28 มิถุนายน 2546 เป็นเวลา 18 ปีเมื่อได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลวัด ก็ลงมือบูรณะก่อสร้างสาธารณะประโยชน์ทันที ประสบการณ์ที่ท่านเริ่มลงมือสร้างพระอุโบสถ และศาลาการเปรียญอยู่นั้น แม่สมอันเป็นวิญญาณที่รักษาวัดมานั้น มานิมิตว่าให้หยุดการก่อสร้างทั้งสองไว้ก่อน และให้ดำเนินการก่อสร้างซุ้มประตูทางหน้าวัดก่อน แล้วจะมีผู้ใจบุญมาออกค่าใช้จ่ายให้ ท่านพระอาจารย์สารินทร์จึงรื้อแบบไปทำซุ้มประตูทางวัดเป็น 18 วัน 18 คืนก็แล้วเสร็จ ก็มีคนมารับเป็นเจ้าภาพออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ คือนายสันติ เกรียงไกรสุข ขณะนั้นเป็นรองผู้ว่าจังหวัดบุรีรัมย์ และซุ้มประตูนั้นก็ลงชื่อเป็นผู้สร้างเพื่อเป็นเกียรติและอนุสรณ์ แก่วงศ์สกุล ของท่านรองผู้ว่าฯ ซึ่งในปัจจุบันเข้าใจว่าน่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดไปแล้ว
    ********************************************************************
    **ขอบคุณข้อมูลจาก ท่านพล บารมีพระเครื่อง
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนหลังกุมารทองหลวงพ่อดำวัดสันติธรรม บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240130_221826.jpg IMG_20240130_221851.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1706687411027.jpg
    ประวัติหลวงพ่อนพวรรณ คุณสาโร วัดเสนานิมิต

    หลวงพ่อนพวรรณ เจ้าอาวาสวัดเสนานิมิต ต.บ้านหีบ อ.อุทัยจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้ได้รับการสืบทอดวิชาโดยผ่านโยมปู่ของท่าน ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อกลั่นโดยตรง โยมย่าของท่านก็เป็นน้องสาวของ หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติฯ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อกลั่นเช่นกัน และเป็นผู้ได้รับการถ่ายวิชาอาคมและสรรพตำราต่างๆ ของหลวงพ่อกลั่นเอาไว้ทั้งหมด ต่อมาเมื่อหลวงพ่ออั้นมรณภาพ ผู้ที่ได้รับตำราต่างๆ ก็คือน้องสาวของท่าน ซึ่งเป็นโยมย่าของหลวงพ่อวรรณนั่นเอง ตำราทั้งหมดในสายวัดพระญาติฯ จึงตกอยู่กับหลวงพ่อวรรณจนทุกวันนี้

    หลวงพ่อวรรณ จึงนับเป็นพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ในทุกวันนี้ ที่มีความเชี่ยวชาญในสรรพวิทยาคาถาอาคมต่างๆ อย่างมากมาย จนสามารถปลุกเสกวัตถุมงคลได้อย่างเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของบรรดาศิษย์ทั้งหลาย อย่างกว้างขวาง ชื่อเสียงของหลวงพ่อนพวรรณโด่งดังไปทั่วประเทศ รวมทั้งนักสะสมพระเครื่องรางของขลัง ในประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย

    หลวงพ่อวรรณ ท่านชอบศึกษาหาความรู้ทั้งด้านธรรมะ และไสยศาสตร์อย่างจริงจัง ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมกับอาจารย์เลื่อน และอาจารย์ใหญ่ ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อกลั่นเช่นกัน จนได้สำเร็จวิชา เก้าเฮ อันเป็นเอกลักษณ์อันลือลั่น ของวัดพระญาติฯ โดยตรงต่อมาท่านได้ศึกษาไสยเวทจากครูบาอาจารย์อีกหลายท่าน อาทิ อาจารย์เจ๊ก และ อาจารย์เยื่อ ได้สอนวิชามลกระจายจนสำเร็จแตกฉาน และยังสำเร็จวิชาธรรม ๙ โกฏิ จาก พระอาจารย์โฮม ที่ได้ศึกษามาจาก สำเร็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ ฝั่งลาว ได้ศึกษาวิชาผูกหุ่นพยนต์ กำบังตน และถอนคุณไสยจาก หลวงพ่อพา วัดกะโพ จ.สุรินทร์ รวมทั้งได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคม
    ต่างๆ จาก หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง จนหมดสิ้นและที่สำคัญสุด หลวงพ่อวรรณได้รับตำราการสร้างวัตถุมงคล และพิธีการต่างๆ ของสำนักวัดประดู่ทรงธรรม จาก หลวงพ่อนาค และ หลวงพ่อสละ อีกด้วยจึงนับได้ว่า หลวงพ่อวรรณเป็นผู้ที่คงแก่เรียน และเป็นเอกอุในศาสตร์ต่างๆ อย่างแท้จริง

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารูปถ่ายอย่างสูงครับ
    พระพรหมหลวงพ่อนพวรรณ ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240131_144633.jpg IMG_20240131_144652.jpg
    IMG_20240131_144614.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2024
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1706789972708.jpg
    หลวงพ่อขันธ์ ท่านเป็นผู้มีใจใฝ่ในการศึกษาเล่าเรียน ท่านแตกฉานด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน จิตศาสตร์ โดยได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อรอด วัดหลวง, หลวงพ่อแหยม วัดบ้านเลือก และหลวงพ่ออินทร์ วัดโบสถ์ จึงมีความสามารถทางวิปัสสนาและพุทธาคมอย่างยิ่งยวด สามารถล่วงรู้จิตใจคนที่พบและสนทนาด้วย ชาวบ้านมีทุกข์ร้อนเมื่อไปหาท่าน ก็สามารถคลี่คลายแก้ไขให้ด้วยความหยั่งรู้ด้วยภูมิธรรมอันสูงส่ง มงคลวัตถุที่ท่านสร้างไม่ว่าจะเหรียญหรือตะกรุด ล้วนแต่มีความขลังและประสบการณ์มากมาย หลวงพ่อขันธ์ กนฺตธโร จึงเป็นที่เคารพศรัทธาและเลื่อมใสในศีลาจารวัตรและปฏิปทา ทั้งจากภิกษุสงฆ์และประชาชนชาวบ้านทั่วไป ด้วยเมตตาบารมีที่สูงส่ง ท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อให้ประชาชนได้ นำไปบูชาสักการะเป็นสิริมงคลแก่ตน นอกจากนั้นได้แจกให้ทหารที่ไปปฏิบัติราชการ ณ สมรภูมิเวียดนาม อันได้แก่ กองพลเสือดำ (ในสมัยนั้น) ทหารที่ได้รับแจกวัตถุมงคลของหลวงพ่อไปล้วนปลอดภัย แคล้วคลาดภยันตรายจากศัตรูทั้งสิ้น

    วัตถุมงคลที่ท่านสร้างเมื่อ พ.ศ.2504 ต่อมาได้รับฉายาว่า พระเครื่อง พระยอดขุนพล แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง นับเป็นมงคลวัตถุที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เนื่องจากมีประสบการณ์การใช้มากมาย โดยเฉพาะในทางโชคลาภและคงกระพันชาตรี วัตถุมงคลที่เรียกว่า พระยอดขุนพล นี้ ท่านใช้มวลสารธรรมชาติ ได้แก่ แร่และว่าน โดยแร่นั้นได้มาจากแร่เขาเขียว กากพญายักษ์ จากกรุหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปัตตานี ดินกรุจากกรุต่างๆ ทั่วประเทศ ส่วนว่าน 108 มาจากประเทศมาเลเซีย เนื่องจากชาวมาเลเซียเป็นผู้เคารพเลื่อมใสในหลวงพ่อขันธ์ นำมามอบให้ อาทิ พญาหัวเดียว ข้าวสารดำ ขมิ้นดำ พญางิ้วดำ และเกสรดอกสาละ เป็นต้น พระเครื่องชุดนี้มี 5 พิมพ์ ด้วยกันคือ พระยอดขุนพล พิมพ์ใหญ่, พระยอดขุนพล พิมพ์กลาง, พระยอดขุนพล พิมพ์เล็ก, พระพุทธกวัก พิมพ์โค้ง, พระพุทธกวัก พิมพ์หน้าจั่ว หรือที่บางคนเรียกว่า พิมพ์ 5 เหลี่ยม

    นอกจากพระเครื่อง ยอดขุนพล แล้ว หลวงพ่อขันธ์ ยังได้จัดสร้าง พระพุทธรูปพระศรีอาริย์ ขนาดหน้าตักกว้าง 5 นิ้วด้วย
    วัตถุมงคลของ หลวงพ่อขันธ์ เป็นที่ยอมรับในหมู่ของประชาชน และผู้นิยมสะสมพระเครื่องตลอดมา ในทางพุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี

    มนต์ เมืองเหนือ อดีตนักร้องดัง แขวน พระยอดขุนพล วัดพระศรีอารย์ เพียงองค์เดียวแท้ๆ รอดพ้นจากอุบัติเหตุขณะขับรถยนต์บนถนนสายเอเชีย ก่อนถึงวัดอัมพวัน สิงห์บุรี เพียงเล็กน้อย ด้วยความเร็วสุดๆ รถยนต์พลิกคว่ำข้ามเกาะกลางถนน แหลกละเอียด บริษัทประกันจ่ายให้แด่เศษเหล็ก ปรากฏว่าในตัวไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยอะไรแม้แต่น้อย นับเป็นปาฏิหาริย์ที่เหลือเชื่อ แบบไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ใครๆ ที่เห็นสภาพรถแล้วทุกคนบอกคำเดียวกันว่า รอดยาก แต่ก็รอดมาแล้ว ด้วยอานุภาพแห่ง พระยอดขุนพล หลวงพ่อขันธ์ วัดพระศรีอารย์ ของดีที่มีประสบการณ์เป็นร้อยๆ ราย

    นางสนม ศรีวิไล ข้าราชการสำนักอัยการสูงสุด บ้านอยู่อำเภอเมือง จ.ราชบุรี เป็นอีกรายหนึ่งที่มีความศรัทธาเลื่อมใส หลวงพ่อขันธ์ เป็นอย่างมาก เพราะได้รับประสบการณ์จากการแขวนพระยอดขุนพล ของหลวงพ่อขันธ์ เธอเล่าประสบการณ์อันน่าระทึกใจให้ฟังว่า เมื่อปี พ.ศ.2540 เธอไปทำหน้าที่เป็นโฆษกในร้านอัยการ งานกาชาด ที่สวนอัมพร จนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2540 หลังจากทำหน้าที่เสร็จจากงานเวลาประมาณ 4 ทุ่ม เธอได้นั่งรถแท็กซี่เตรียมกลับบ้านพักในกรุงเทพฯ ขณะรถจอดติดไฟแดงอยู่สี่แยกวิสุทธิกษัตริย์ เธอนั่งอยู่เบาะหลังเพียงคนเดียว เสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนเธอหมดสติไป ทราบภายหลังว่ารถบรรทุกของทหารวิ่งมา ด้วยความเร็ว เบรกไม่อยู่ชนท้ายแท็กซี่ด้านที่เธอนั่งมาแหลกละเอียด ร่างของเธอถูกอัดแน่นอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่มูลนิธิงัดเอาร่างเธอออกส่งไปโรงพยาบาลวชิระ ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด หมอตรวจสภาพแล้วลงความเห็นว่าสิ้นชีวิต เตรียมส่งเข้าห้องดับจิต ในระหว่างนั้นเธอเล่าว่าไม่รู้ว่ารถชนด้วยซ้ำไป แต่เหมือนนอนหลับและฝันไปว่าตัวเธอนอนอยู่ในโลงศพ ขณะมีคนแบกโลงศพของเธอเดินไปมีพระภิกษุสงฆ์องค์หนึ่งมาบอกว่า คนนี้อย่าเพิ่งเอาไปขอบิณฑบาตไว้ก่อน พอรุ่งเช้า ร่างของเธอที่เตรียมเข้าห้องดับจิตนั้น มีหมอเวรใหม่เข้ามาดูก่อนให้เจ้าหน้าที่พาไป ก็พบว่าเธอยังไม่เสียชีวิต จึงนำเข้าห้อง ไอ.ซี.ยู จนบรรดาญาติจากราชบุรีมาถึง จึงขอย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลเมืองราชบุรี หมอที่ราชบุรีบอกว่า ไม่ตายก็คงพิการ เพราะกระดูกคอแตก เบ้าตาแตกคงต้องตาบอด เธอนอนรักษาตัวอยู่นานถึง 8 เดือน อาการดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงวันนี้ร่างกายเธอหายเป็นปกติดีทุกอย่าง เธอเล่าว่า ในคอเธอแขวน พระยอดขุนพล ของ หลวงพ่อขันธ์ วัดพระศรีอารย์ เพียงองค์เดียวเท่านั้น

    เครดิตจาก

    http://skeereewichien.blogspot.com/2011/04/blog-post_24.html

    ค่ำคื่นหนึ่งหลวงพ่อขันธ์ ท่านได้นิมิตเห็นหลวงปู่ดำ เทพารักษ์ผู้ปกปักรักษา วัดพระศรีอารย์ ในภาพของชีปะขาวขึ้นจากสระน้ำเก่าศักดิ์สิทธิ์ มาหาหลวงพ่อขันธ์ พร้อมกับกล่าวว่า ท่านขันธ์ ท่านอย่าลาสิกขา อยู่ช่วยสร้างวัดสร้างพระก่อน ก่อนอื่นผู้เขียนขอเท้าความย้อนหลัง ในสมัยนั้น ถ้าหลวงพ่อขันธ์ท่านจะลาสิกขา จะต้องไปลาสิกขาที่วัดอื่น เพราะวัดพระศรีอารย์ในขณะนั้นมีพระภิกษุไม่ถึง 5 รูป ที่จะประกอบพิธีกรรมทางสงฆ์
    หลังจากที่ท่านตัดสินใจว่าจะไม่ลาสิกขา ท่านก็เริ่มสนใจในวิปัสสนากรรมฐาน และคาถาอาคมอย่างจริงจัง อาจารย์ที่ท่านได้ไปศึกษาได้แก่ หลวงพ่อรอด เจ้าอาวาสวัดหลวง ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี หลวงพ่อแหยม วัดบ้านเลือก และหลวงพ่ออินทร์ วัดโบสถ์ ระหว่างที่ท่านศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและคันถธุระตลอดจนวิชาอาคม ท่านก็ได้สะสมว่านต่าง ๆ ตลอดจนมวลสารอันเป็นคุณวิเศษ ตลอดจนผงพุทธคุณของวัดต่างๆ ซึ่งรายละเอียดผู้เขียนจะกล่าวถึงในตอนท้ายในส่วนของการสร้างพระ
    หลวงพ่อขันธ์ ท่านเป็นพระที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวไม่เกรงกลัวใคร ดังนั้นการเจริญวิปัสสนากรรมฐานของท่านจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ท่านเป็นพระที่มีจิตเมตตาต่อบุคคลทั่วไปอย่างเสมอภาค โดยไม่คำนึงถึงฐานะของบุคคลนั้น จะร่ำรวย หรือยากจน หรือมียศฐาบรรดาศักดิ์สูงส่งเพียงใด ท่านก็ให้การตอนรับอย่างเท่าเทียมกัน สมัยผู้เขียนเป็นเด็กวัยรุ่น อายุประมาณ 13 ปี (พ.ศ.2511) ผู้เขียนได้ไปขอพระยอดขุนพลจากท่าน ท่านก็เมตตาให้ เป็นพระยอดขุนพลพิมพ์กลาง ท่านกำชับว่า " ให้เก็บรักษาพระให้ดีพระของข้า ข้าปลุกเสกจนเป็นพระจริงๆ ตกอยู่ใต้ถุนบ้านใครบ้านนั้นอยู่ไม่เป็นสุขแน่ " และท่านยังกล่าวเสริมอีกว่า "แขวนพระของข้าไม่มีตายโหง"
    บทความนี้จะกล่าวถึง พระยอดขุนพล ของหลวงพ่อขันธ์ ก่อนอื่นขอกล่าวถึงมวลสารต่างๆที่ใช้ในการสร้างพระครั้งนี้ (จากการบอกเล่าของคุณวิเชียร ภู่ระหงษ์ อายุ 63 ปี โทร 081-7577320เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2553)
    1. ว่าน 1000 กว่าชนิดจากประเทศมาเลเซีย ว่านและมวลสารและดินและผงของวัดช้างให้(มวลสารที่เหลือจากการสร้างพระหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ รุ่นแรก ปี พ.ศ.2497)
    2. ผงและเศษพระวัดสามปลื้มและวัดระฆัง
    3. มวลสารพุทธคุณของพระเกจิอาจารย์ทางใต้ โดยคุณณรงค์ ชาวอำเภอรอนพิบูล จังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าของเหมืองแร่ทางภาคใต้เป็นผู้นำมาถวาย
    4. ผงพุทธคุณของหลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ข้อเท็จจริงมีว่า หลวงพ่อขันธ์ได้ไปหาหลวงพ่อบุญธรรม ที่วัดพระปฐมเจดีย์ และได้แจ้งวัตถุประสงค์ในการสร้างพระ และได้ขอผงพุทธคุณจากท่านเพื่อไปสร้างพระ อันเป็นการสืบทอดพระศาสนาโดยจะไม่จำหน่ายพระเด็ดขาด แต่หลวงพ่อบุญธรรมก็นิ่งเฉยไม่พูดอะไร จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง หลวงพ่อขันธ์ก็ขอลากลับโดยเข้าใจว่าหลวงพ่อบุญธรรมไม่อนุญาติให้ผงตามที่ต้องการ เวลาผ่านมาหลายเดือนจนหลวงพ่อขันธ์ลืมเหตุการณ์นี้แล้ว ก็มีชาวพระปฐมเจดีย์มาหาหลวงพ่อขันธ์ที่วัดพระศรีอารย์พร้อมกับกล่าวว่า หลวงพ่อบุญธรรมวานให้เอาพระบูชาซึ่งเป็นพระพุทธรูป(ปางพระศรีอารย์)ให้มาถวายหลวงพ่อขันธ์ ท่านก็รับใว้และแปลกใจว่าเราขอผงพุทธคุณกลับได้พระพุทธรูปแทน หลวงพ่อขันธ์ท่านก็นั่งพิจารณาพระพุทธรูปเสียนานก็สังเกตเห็นใต้ฐานของพระพุทธรูปองค์นั้นมีรอยบรรจุผงพุทธคุณ ท่านจึงใช้ไขควงงัดออกดูก็ปรากฏเห็นผงพุทธคุณเต็มฐานพระบูชา(คุณคมน์ ภู่สุนทรศรี โทร.๐๘๕-๔๘๕-๘๗๘๘) นอกจากผงพุทธคุณที่กล่าวมาแล้ว ยังมีมวลสารพุทธคุณที่เจ้าอาวาสรูปก่อนหลายรูปได้สะสมไว้เพื่อจะสร้างพระ แต่ไม่ทันได้สร้างอันเนื่องมาจากท่านมรณภาพก่อนหรือไม่ก็ลาสึกขาไปก่อน มวรสารที่กล่าวถึงนี้นอกจากเป็นผงพุทธคุณขอเกจิอาจารย์ใอดีตแล้ว ยังมีมวลสารพุทธคุณเก่าแก่ของวัดเป็นจำนวนมากที่ตกทอดมาถึงมือท่าน
    เมื่อรวบรวมผงได้ตามที่ต้องการแล้วหลวงพ่อขันธ์ก็เริ่มลงมือสร้างพระยอดขุนพล โดยสร้างพระเป็นสองวาระ คือ
    วาระแรก เมื่อประมาณปี พ.ศ.2504 สร้างพระประมาณ สี่หมื่น องค์(โดยบรรจุพระลงในโองมังกรขนาดบรรจุ 200 ลิตร หลายใบ)แม้ท่านจะสร้างจำนวนมาก ท่านก็แจกใกล้จะหมดเหลือไม่กี่องค์
    วาระที่สอง สร้างพระประมาณปี พ.ศ.2523-2524 สาเหตุการสร้างพระครั้งที่สอง เนี่องจากพระสร้างครั้งแรกหมดเหลีอไม่กี่องค์ แต่ประชาชนมีความศรัทธาท่านจึงสร้างขึ้นอีกครั้งหนึ่งโดยนำมวลสารที่เหลือจากการสร้างพระในวาระแรกมาสร้างพระใหม่(มวลสารเหลือน้อยมากในขณะนั้นสร้างได้ประมาณไม่เกินสองหมื่นองศ์) หลวงพ่อขันธ์ท่านกล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดทีเล่นทีจริงว่า"จะสร้างให้ได้ หนึ่งล้านองค์เพื่อนำเงินรายได้มาสร้า งพระอุโบสถทองคำร้อยล้าน" ระหว่างที่กดพิมพ์พระได้จำนวนหนึ่งประมาณหมื่นกว่าองศ์มวลสารก็ใกล้จะหมดก็หยุดกดพิมพ์สร้างพระระยะหนึ่ง จนกระทั่งหลวงพ่อขันธ์ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 ขณะนั้นมวลสารเหลือน้อยมาก ต่อมาหลวงพ่อสง่า เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันก็กดพิมพ์สร้างพระต่อจนมวลสารหมดได้จำนวนมากตามที่ต้องการในปีพ.ศ.2543จึงได้จัดพิธีพุทธาภิเษกในพระอุโบสถ์ที่วัดพระศรีอารย์ โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์หลายท่านร่วมปลุกเสก ได้แก่ พลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม หลวงพ่อพูน วัดไผ่ล้อม และหลวงพ่ออุทัย วัดมฤคทายวัน(วัดเกาะตาพุด) อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
    พระยอดขุนพลที่หลวงพ่อขันธ์สร้างขึ้นมาในวาระสองนี้ หลวงพ่อได้ปลุกเสกพระในพระอุโบสถจนท่านมั่นใจในพระพูทธคุณ ท่านก็ได้แจกสมนาคุณประชาชนที่มาร่วมบริจาคทรัพย์สร้างพระอุโบสถทองคำ เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ผู้เขียนก็ได้รับแจกพระยอดขุนพลพิมพ์จิ๋ว(คะแนน)จากท่านที่วัด ผู้เขียนอยากได้พระยอดขุนพลพิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อท่านบอกว่าหมดแล้ว
    พระยอดขุนพลของหลวงพ่อขันธ์ เป็นรูปพระพุทธประทับนั่งบนฐานอาสนบัลลังก์บัวคว่ำบัวหงาย ปางมารวิชัยยกเว้นพิมพ์พุทธกวัก พระพักตร์เป็นศิลปะแบบอินเดียด้านหลังเรียบ เป็นพระเครื่องที่มีศิลปะสวยงามมากพิมพ์หนึ่งและเป็นพระที่มีพุทธคุณสูงมาก ดังนั้นจึงเป็นพระที่มีประสบการณ์สูง ไม่ว่าจะด้านอุบัติเหตุรถยนต์ หรือป้องกันอาวุธปืนหรือมีด นอกจากนี้ด้านเมตตามหานิยม โชคลาภและทางค้าขายก็ดีเป็นเลิศ จึงเป็นพระเครื่องที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในขณะนั้น(ประมาณปี พ.ศ.2508-2515) เป็นพระเครื่องที่ชาวจังหวัดนครปฐมกล่าวขานถึงมากที่สุดมากกว่าพระเครื่องของหลวงพ่่อน้อย วัดธรรมศาลาและหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมในขณะนั้น ส่วนราคาพระยอดขุนพลในขณะนั้นราคาองค์ละ 200 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากในขณะนั้น(เหรียญหล่อรุ่นแรกของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ราคาประมาณ 600-700 บาท เหรียญหล่อคอน้ำเต้ารุ่นแรกหลวงพ่อน้อยราคาประมาณ 80-100 บาท)
    จากประสบการณ์ของผู้เขียนสมัยที่ยังเป็นเด็กวัยรุ่นอายุประมาณ15-16 ปี ได้เห็นช่างซ่อมรองเท้าชื่อเล่นว่า มัน ช่างมันเมื่อเลิกงานตอนเย็นมักจะดื่มสุราเป็นประจำ เมื่อเกิดความมึนเมาก็จะเอามือกำพระยอดขุนพลของหลวงพ่อขันธ์และใช้มีดกรีดยางเฉือนลงไปที่แขนข้างที่มือกำพระอย่างแรงหลายครั้ง แต่ก็เฉือนไม่เข้า(แผงร้านช่างมันตั้งอยู่หน้าร้านประชามิตร ตลาดล่าง จังหวัดนครปฐม)
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระยอดขุนพลวัดพระศรีอารย์หลวงพ่อขันให้บูชา บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240201_190752.jpg IMG_20240201_190819.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2024
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    อาจารย์บุญหนา ทวีจิตร อาศรมแดนธรรม
    ฆารวาสผู้สำเร็จวิชาปรอกหมอกหนาวศิษย์องค์หลวงปู่เทพโลดอุดร
    พระผงที่มีอานุภาพป้องกันเชื้อโรคระบาดและดูดสารพิษต่างๆ สร้างจากผงว่านวิเศษกายสิทธิ์ในป่าลึก ตามคำสั่งของหลวงปู่เทพโลกอุดรเพื่อช่วยมนุษย์โลก
    พระสมเด็จผงว่านกายสิทธิ์ดูดสารพิษและเชื้อโรค หลังรูปหลวงปู่เทพโลกอุดร
    สร้างขึ้นตามคำสั่งของหลวงปู่เทพโลกอุดร เพื่อช่วยมนุษย์โลกให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ โดย อ.ปู่บุญหนา ทวีจิตร อาจารย์ฆราวาสผู้เฒ่าศิษย์หลวงปู่เทพโลกอุดร)))
    สร้างขึ้นจากต้นว่าน ๑๒ ราศรี (ว่านกายสิทธิ์เทพรักษาในป่าลึก มีคุณวิเศษด้านดูดสารพิษและเชื้อโรคต่างๆ)
    -ผสมกับผงพุทธคุณ ๑๐๘
    -และมวลสารว่านยาต่างๆ
    พุทธาภิเษกใหญ่
    ภายในถ้ำที่หลวงปู่ใหญ่เคยจำพรรษา
    โดยอาราธนาบารมีหลวงปู่ใหญ่มาเป็นประธาน*
    ประกอบพิธีโดย ท่านอาจารย์ปู่บุญหนา ทวีจิตร
    ผู้เคยอยู่ในป่ากับหลวงปู่ใหญ่ ตั้งแต่อายุ ๑๒ ปี
    *ปัจจุบันนี้..ท่านอาจารย์ปู่บุญหนามีอายุ ๗๒ ปี*
    พุทธคุณและอานุภาพ
    -ป้องกันโรคระบาดทุกชนิด
    -ใช้อาราธนาทำน้ำมนต์รักษาโรคต่างๆ
    -สามารถช่วยดูดสารพิษที่อยู่ในอาหารน้ำดื่ม
    -ป้องกันสารพิษและเชื้อโรคที่อยู่ในอากาศ
    - ดูดสารในร่างกายของเรา - เมตตามหานิยม
    - แคล้วคลาดปลอดภัย
    - มีลาภมาหาไม่ขาดสาย
    อาจารย์ปู่บุญหนา ได้เมตตาพูดให้ฟังว่า
    หลวงปู่ใหญ่ท่านบอกว่า หากต่างประเทศเขาเกิดรบกันด้วยอาวุธต่างๆ ซึ่งต้องยิงข้ามประเทศ หรือเกิดระเบิดบนฟ้า ก็จะมีสารพิษ แก๊สพิษต่างๆ หรือเชื้อโรคปะปนมากับอากาศ
    ถ้าเรามีพระว่านดูดสารพิษอยู่ที่ตัวหรือที่บ้าน
    ก็จะสามารถช่วยไม่ให้สารพิษเข้ามาถึงเราได้
    ในระยะ 10 เมตร สารพิษจะเข้ามาไม่ได้เลย*
    การเลี่ยมบูชาติดตัว เราควรเจาะรูเล็กๆ
    ไว้ที่กรอบองค์พระด้วยครับ
    เพื่อองค์พระจะสามารถดูดสารพิษได้ครับ*
    พระชุดนี้สร้างขึ้นตามคำสั่งของหลวงปู่ใหญ่
    เพื่อสงเคราะห์ลูกหลานที่เคารพนับถือองค์ท่าน
    ถึงจะราคาไม่สูง แต่มีอานุภาพมากเกินประมาณ
    เนื่องจากมวลสารพระสร้างจากผงว่านวิเศษ และว่านยาล้วนๆ กดพิมพ์ด้วยมือทุกองค์ พระบางองค์จึงมีรอยราน หรือบิ่นงอบ้าง แต่พุทธคุณสุดประมาณครับ
    หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านได้จิตสื่อสาร อาจารย์บุญหนา ทวีจิตร ให้สร้างพระสมเด็จนี้ขึ้นเพื่อช่วยเหลือปกป้องมวลมนุษย์จากภัยพิบัติต่างๆ รวมทั้งภัยพิบัติจากสารพิษ มลภาวะต่างๆ ที่ไม่ดีต่อร่างกายมนุษย์
    องค์หลวงปู่ใหญ่บรมครูหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งท่านได้เตือนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นต่อมวลมนุษย์

    ซึ่งหลวงปู่เทพโลกอุดรปรากฏในนิมิตรให้อาจารย์บุญหนาสร้างเพื่อแจกให้ศิษยานุศิษย์ไปบูชา ให้หลวงปู่ได้ปกปักรักษาผู้ใดบูชาติดตัว ผู้นั้นจะรอดจากภยันตรายต่างๆ สารพิษ และโรคภัยไข้เจ็บ

    เนื้อมวลสารผงผสมว่าน มวลสารศักดิ์สิทธิ์มงคลอาถรรพ์ต่างๆ มากเข้มข้นที่สุด ซึ่งป้องกันปกปักรักษาได้สารพัด

    พระสมเด็จผงว่านกายสิทธิ์ดูดสารพิษและเชื้อโรค อ.ปู่บุญหนา ทวีจิตร ท่านสร้างขึ้นตามคำสั่งหลวงปู่เทพโลกอุดรเพื่อช่วยมนุษย์โลก สร้างจากว่านกายสิทธิ์ที่มีคุณวิเศษดูดเชื้อโรคและสารพิษต่างๆ ทั้งในน้ำ อากาศ อาหาร ฯลฯเหมาะกับการนำไว้ติดตัว ติดบ้าน เพื่อป้องกันโรคระบาดที่กำลังส่งผลในปัจจุบันนี้

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จดูดพิษอาจารย์บุญหนาสีเขียวให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240201_190918.jpg IMG_20240201_190852.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2024
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1706789972708-jpg.jpg
    หลวงพ่อขันธ์ ท่านเป็นผู้มีใจใฝ่ในการศึกษาเล่าเรียน ท่านแตกฉานด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน จิตศาสตร์ โดยได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อรอด วัดหลวง, หลวงพ่อแหยม วัดบ้านเลือก และหลวงพ่ออินทร์ วัดโบสถ์ จึงมีความสามารถทางวิปัสสนาและพุทธาคมอย่างยิ่งยวด สามารถล่วงรู้จิตใจคนที่พบและสนทนาด้วย ชาวบ้านมีทุกข์ร้อนเมื่อไปหาท่าน ก็สามารถคลี่คลายแก้ไขให้ด้วยความหยั่งรู้ด้วยภูมิธรรมอันสูงส่ง มงคลวัตถุที่ท่านสร้างไม่ว่าจะเหรียญหรือตะกรุด ล้วนแต่มีความขลังและประสบการณ์มากมาย หลวงพ่อขันธ์ กนฺตธโร จึงเป็นที่เคารพศรัทธาและเลื่อมใสในศีลาจารวัตรและปฏิปทา ทั้งจากภิกษุสงฆ์และประชาชนชาวบ้านทั่วไป ด้วยเมตตาบารมีที่สูงส่ง ท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อให้ประชาชนได้ นำไปบูชาสักการะเป็นสิริมงคลแก่ตน นอกจากนั้นได้แจกให้ทหารที่ไปปฏิบัติราชการ ณ สมรภูมิเวียดนาม อันได้แก่ กองพลเสือดำ (ในสมัยนั้น) ทหารที่ได้รับแจกวัตถุมงคลของหลวงพ่อไปล้วนปลอดภัย แคล้วคลาดภยันตรายจากศัตรูทั้งสิ้น

    วัตถุมงคลที่ท่านสร้างเมื่อ พ.ศ.2504 ต่อมาได้รับฉายาว่า พระเครื่อง พระยอดขุนพล แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง นับเป็นมงคลวัตถุที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เนื่องจากมีประสบการณ์การใช้มากมาย โดยเฉพาะในทางโชคลาภและคงกระพันชาตรี วัตถุมงคลที่เรียกว่า พระยอดขุนพล นี้ ท่านใช้มวลสารธรรมชาติ ได้แก่ แร่และว่าน โดยแร่นั้นได้มาจากแร่เขาเขียว กากพญายักษ์ จากกรุหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปัตตานี ดินกรุจากกรุต่างๆ ทั่วประเทศ ส่วนว่าน 108 มาจากประเทศมาเลเซีย เนื่องจากชาวมาเลเซียเป็นผู้เคารพเลื่อมใสในหลวงพ่อขันธ์ นำมามอบให้ อาทิ พญาหัวเดียว ข้าวสารดำ ขมิ้นดำ พญางิ้วดำ และเกสรดอกสาละ เป็นต้น พระเครื่องชุดนี้มี 5 พิมพ์ ด้วยกันคือ พระยอดขุนพล พิมพ์ใหญ่, พระยอดขุนพล พิมพ์กลาง, พระยอดขุนพล พิมพ์เล็ก, พระพุทธกวัก พิมพ์โค้ง, พระพุทธกวัก พิมพ์หน้าจั่ว หรือที่บางคนเรียกว่า พิมพ์ 5 เหลี่ยม

    นอกจากพระเครื่อง ยอดขุนพล แล้ว หลวงพ่อขันธ์ ยังได้จัดสร้าง พระพุทธรูปพระศรีอาริย์ ขนาดหน้าตักกว้าง 5 นิ้วด้วย
    วัตถุมงคลของ หลวงพ่อขันธ์ เป็นที่ยอมรับในหมู่ของประชาชน และผู้นิยมสะสมพระเครื่องตลอดมา ในทางพุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี

    มนต์ เมืองเหนือ อดีตนักร้องดัง แขวน พระยอดขุนพล วัดพระศรีอารย์ เพียงองค์เดียวแท้ๆ รอดพ้นจากอุบัติเหตุขณะขับรถยนต์บนถนนสายเอเชีย ก่อนถึงวัดอัมพวัน สิงห์บุรี เพียงเล็กน้อย ด้วยความเร็วสุดๆ รถยนต์พลิกคว่ำข้ามเกาะกลางถนน แหลกละเอียด บริษัทประกันจ่ายให้แด่เศษเหล็ก ปรากฏว่าในตัวไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยอะไรแม้แต่น้อย นับเป็นปาฏิหาริย์ที่เหลือเชื่อ แบบไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ใครๆ ที่เห็นสภาพรถแล้วทุกคนบอกคำเดียวกันว่า รอดยาก แต่ก็รอดมาแล้ว ด้วยอานุภาพแห่ง พระยอดขุนพล หลวงพ่อขันธ์ วัดพระศรีอารย์ ของดีที่มีประสบการณ์เป็นร้อยๆ ราย

    นางสนม ศรีวิไล ข้าราชการสำนักอัยการสูงสุด บ้านอยู่อำเภอเมือง จ.ราชบุรี เป็นอีกรายหนึ่งที่มีความศรัทธาเลื่อมใส หลวงพ่อขันธ์ เป็นอย่างมาก เพราะได้รับประสบการณ์จากการแขวนพระยอดขุนพล ของหลวงพ่อขันธ์ เธอเล่าประสบการณ์อันน่าระทึกใจให้ฟังว่า เมื่อปี พ.ศ.2540 เธอไปทำหน้าที่เป็นโฆษกในร้านอัยการ งานกาชาด ที่สวนอัมพร จนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2540 หลังจากทำหน้าที่เสร็จจากงานเวลาประมาณ 4 ทุ่ม เธอได้นั่งรถแท็กซี่เตรียมกลับบ้านพักในกรุงเทพฯ ขณะรถจอดติดไฟแดงอยู่สี่แยกวิสุทธิกษัตริย์ เธอนั่งอยู่เบาะหลังเพียงคนเดียว เสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนเธอหมดสติไป ทราบภายหลังว่ารถบรรทุกของทหารวิ่งมา ด้วยความเร็ว เบรกไม่อยู่ชนท้ายแท็กซี่ด้านที่เธอนั่งมาแหลกละเอียด ร่างของเธอถูกอัดแน่นอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่มูลนิธิงัดเอาร่างเธอออกส่งไปโรงพยาบาลวชิระ ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด หมอตรวจสภาพแล้วลงความเห็นว่าสิ้นชีวิต เตรียมส่งเข้าห้องดับจิต ในระหว่างนั้นเธอเล่าว่าไม่รู้ว่ารถชนด้วยซ้ำไป แต่เหมือนนอนหลับและฝันไปว่าตัวเธอนอนอยู่ในโลงศพ ขณะมีคนแบกโลงศพของเธอเดินไปมีพระภิกษุสงฆ์องค์หนึ่งมาบอกว่า คนนี้อย่าเพิ่งเอาไปขอบิณฑบาตไว้ก่อน พอรุ่งเช้า ร่างของเธอที่เตรียมเข้าห้องดับจิตนั้น มีหมอเวรใหม่เข้ามาดูก่อนให้เจ้าหน้าที่พาไป ก็พบว่าเธอยังไม่เสียชีวิต จึงนำเข้าห้อง ไอ.ซี.ยู จนบรรดาญาติจากราชบุรีมาถึง จึงขอย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลเมืองราชบุรี หมอที่ราชบุรีบอกว่า ไม่ตายก็คงพิการ เพราะกระดูกคอแตก เบ้าตาแตกคงต้องตาบอด เธอนอนรักษาตัวอยู่นานถึง 8 เดือน อาการดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงวันนี้ร่างกายเธอหายเป็นปกติดีทุกอย่าง เธอเล่าว่า ในคอเธอแขวน พระยอดขุนพล ของ หลวงพ่อขันธ์ วัดพระศรีอารย์ เพียงองค์เดียวเท่านั้น

    เครดิตจาก

    http://skeereewichien.blogspot.com/2011/04/blog-post_24.html

    ค่ำคื่นหนึ่งหลวงพ่อขันธ์ ท่านได้นิมิตเห็นหลวงปู่ดำ เทพารักษ์ผู้ปกปักรักษา วัดพระศรีอารย์ ในภาพของชีปะขาวขึ้นจากสระน้ำเก่าศักดิ์สิทธิ์ มาหาหลวงพ่อขันธ์ พร้อมกับกล่าวว่า ท่านขันธ์ ท่านอย่าลาสิกขา อยู่ช่วยสร้างวัดสร้างพระก่อน ก่อนอื่นผู้เขียนขอเท้าความย้อนหลัง ในสมัยนั้น ถ้าหลวงพ่อขันธ์ท่านจะลาสิกขา จะต้องไปลาสิกขาที่วัดอื่น เพราะวัดพระศรีอารย์ในขณะนั้นมีพระภิกษุไม่ถึง 5 รูป ที่จะประกอบพิธีกรรมทางสงฆ์
    หลังจากที่ท่านตัดสินใจว่าจะไม่ลาสิกขา ท่านก็เริ่มสนใจในวิปัสสนากรรมฐาน และคาถาอาคมอย่างจริงจัง อาจารย์ที่ท่านได้ไปศึกษาได้แก่ หลวงพ่อรอด เจ้าอาวาสวัดหลวง ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี หลวงพ่อแหยม วัดบ้านเลือก และหลวงพ่ออินทร์ วัดโบสถ์ ระหว่างที่ท่านศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและคันถธุระตลอดจนวิชาอาคม ท่านก็ได้สะสมว่านต่าง ๆ ตลอดจนมวลสารอันเป็นคุณวิเศษ ตลอดจนผงพุทธคุณของวัดต่างๆ ซึ่งรายละเอียดผู้เขียนจะกล่าวถึงในตอนท้ายในส่วนของการสร้างพระ
    หลวงพ่อขันธ์ ท่านเป็นพระที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวไม่เกรงกลัวใคร ดังนั้นการเจริญวิปัสสนากรรมฐานของท่านจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ท่านเป็นพระที่มีจิตเมตตาต่อบุคคลทั่วไปอย่างเสมอภาค โดยไม่คำนึงถึงฐานะของบุคคลนั้น จะร่ำรวย หรือยากจน หรือมียศฐาบรรดาศักดิ์สูงส่งเพียงใด ท่านก็ให้การตอนรับอย่างเท่าเทียมกัน สมัยผู้เขียนเป็นเด็กวัยรุ่น อายุประมาณ 13 ปี (พ.ศ.2511) ผู้เขียนได้ไปขอพระยอดขุนพลจากท่าน ท่านก็เมตตาให้ เป็นพระยอดขุนพลพิมพ์กลาง ท่านกำชับว่า " ให้เก็บรักษาพระให้ดีพระของข้า ข้าปลุกเสกจนเป็นพระจริงๆ ตกอยู่ใต้ถุนบ้านใครบ้านนั้นอยู่ไม่เป็นสุขแน่ " และท่านยังกล่าวเสริมอีกว่า "แขวนพระของข้าไม่มีตายโหง"
    บทความนี้จะกล่าวถึง พระยอดขุนพล ของหลวงพ่อขันธ์ ก่อนอื่นขอกล่าวถึงมวลสารต่างๆที่ใช้ในการสร้างพระครั้งนี้ (จากการบอกเล่าของคุณวิเชียร ภู่ระหงษ์ อายุ 63 ปี โทร 081-7577320เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2553)
    1. ว่าน 1000 กว่าชนิดจากประเทศมาเลเซีย ว่านและมวลสารและดินและผงของวัดช้างให้(มวลสารที่เหลือจากการสร้างพระหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ รุ่นแรก ปี พ.ศ.2497)
    2. ผงและเศษพระวัดสามปลื้มและวัดระฆัง
    3. มวลสารพุทธคุณของพระเกจิอาจารย์ทางใต้ โดยคุณณรงค์ ชาวอำเภอรอนพิบูล จังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าของเหมืองแร่ทางภาคใต้เป็นผู้นำมาถวาย
    4. ผงพุทธคุณของหลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ข้อเท็จจริงมีว่า หลวงพ่อขันธ์ได้ไปหาหลวงพ่อบุญธรรม ที่วัดพระปฐมเจดีย์ และได้แจ้งวัตถุประสงค์ในการสร้างพระ และได้ขอผงพุทธคุณจากท่านเพื่อไปสร้างพระ อันเป็นการสืบทอดพระศาสนาโดยจะไม่จำหน่ายพระเด็ดขาด แต่หลวงพ่อบุญธรรมก็นิ่งเฉยไม่พูดอะไร จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง หลวงพ่อขันธ์ก็ขอลากลับโดยเข้าใจว่าหลวงพ่อบุญธรรมไม่อนุญาติให้ผงตามที่ต้องการ เวลาผ่านมาหลายเดือนจนหลวงพ่อขันธ์ลืมเหตุการณ์นี้แล้ว ก็มีชาวพระปฐมเจดีย์มาหาหลวงพ่อขันธ์ที่วัดพระศรีอารย์พร้อมกับกล่าวว่า หลวงพ่อบุญธรรมวานให้เอาพระบูชาซึ่งเป็นพระพุทธรูป(ปางพระศรีอารย์)ให้มาถวายหลวงพ่อขันธ์ ท่านก็รับใว้และแปลกใจว่าเราขอผงพุทธคุณกลับได้พระพุทธรูปแทน หลวงพ่อขันธ์ท่านก็นั่งพิจารณาพระพุทธรูปเสียนานก็สังเกตเห็นใต้ฐานของพระพุทธรูปองค์นั้นมีรอยบรรจุผงพุทธคุณ ท่านจึงใช้ไขควงงัดออกดูก็ปรากฏเห็นผงพุทธคุณเต็มฐานพระบูชา(คุณคมน์ ภู่สุนทรศรี โทร.๐๘๕-๔๘๕-๘๗๘๘) นอกจากผงพุทธคุณที่กล่าวมาแล้ว ยังมีมวลสารพุทธคุณที่เจ้าอาวาสรูปก่อนหลายรูปได้สะสมไว้เพื่อจะสร้างพระ แต่ไม่ทันได้สร้างอันเนื่องมาจากท่านมรณภาพก่อนหรือไม่ก็ลาสึกขาไปก่อน มวรสารที่กล่าวถึงนี้นอกจากเป็นผงพุทธคุณขอเกจิอาจารย์ใอดีตแล้ว ยังมีมวลสารพุทธคุณเก่าแก่ของวัดเป็นจำนวนมากที่ตกทอดมาถึงมือท่าน
    เมื่อรวบรวมผงได้ตามที่ต้องการแล้วหลวงพ่อขันธ์ก็เริ่มลงมือสร้างพระยอดขุนพล โดยสร้างพระเป็นสองวาระ คือ
    วาระแรก เมื่อประมาณปี พ.ศ.2504 สร้างพระประมาณ สี่หมื่น องค์(โดยบรรจุพระลงในโองมังกรขนาดบรรจุ 200 ลิตร หลายใบ)แม้ท่านจะสร้างจำนวนมาก ท่านก็แจกใกล้จะหมดเหลือไม่กี่องค์
    วาระที่สอง สร้างพระประมาณปี พ.ศ.2523-2524 สาเหตุการสร้างพระครั้งที่สอง เนี่องจากพระสร้างครั้งแรกหมดเหลีอไม่กี่องค์ แต่ประชาชนมีความศรัทธาท่านจึงสร้างขึ้นอีกครั้งหนึ่งโดยนำมวลสารที่เหลือจากการสร้างพระในวาระแรกมาสร้างพระใหม่(มวลสารเหลือน้อยมากในขณะนั้นสร้างได้ประมาณไม่เกินสองหมื่นองศ์) หลวงพ่อขันธ์ท่านกล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดทีเล่นทีจริงว่า"จะสร้างให้ได้ หนึ่งล้านองค์เพื่อนำเงินรายได้มาสร้า งพระอุโบสถทองคำร้อยล้าน" ระหว่างที่กดพิมพ์พระได้จำนวนหนึ่งประมาณหมื่นกว่าองศ์มวลสารก็ใกล้จะหมดก็หยุดกดพิมพ์สร้างพระระยะหนึ่ง จนกระทั่งหลวงพ่อขันธ์ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 ขณะนั้นมวลสารเหลือน้อยมาก ต่อมาหลวงพ่อสง่า เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันก็กดพิมพ์สร้างพระต่อจนมวลสารหมดได้จำนวนมากตามที่ต้องการในปีพ.ศ.2543จึงได้จัดพิธีพุทธาภิเษกในพระอุโบสถ์ที่วัดพระศรีอารย์ โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์หลายท่านร่วมปลุกเสก ได้แก่ พลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม หลวงพ่อพูน วัดไผ่ล้อม และหลวงพ่ออุทัย วัดมฤคทายวัน(วัดเกาะตาพุด) อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
    พระยอดขุนพลที่หลวงพ่อขันธ์สร้างขึ้นมาในวาระสองนี้ หลวงพ่อได้ปลุกเสกพระในพระอุโบสถจนท่านมั่นใจในพระพูทธคุณ ท่านก็ได้แจกสมนาคุณประชาชนที่มาร่วมบริจาคทรัพย์สร้างพระอุโบสถทองคำ เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ผู้เขียนก็ได้รับแจกพระยอดขุนพลพิมพ์จิ๋ว(คะแนน)จากท่านที่วัด ผู้เขียนอยากได้พระยอดขุนพลพิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อท่านบอกว่าหมดแล้ว
    พระยอดขุนพลของหลวงพ่อขันธ์ เป็นรูปพระพุทธประทับนั่งบนฐานอาสนบัลลังก์บัวคว่ำบัวหงาย ปางมารวิชัยยกเว้นพิมพ์พุทธกวัก พระพักตร์เป็นศิลปะแบบอินเดียด้านหลังเรียบ เป็นพระเครื่องที่มีศิลปะสวยงามมากพิมพ์หนึ่งและเป็นพระที่มีพุทธคุณสูงมาก ดังนั้นจึงเป็นพระที่มีประสบการณ์สูง ไม่ว่าจะด้านอุบัติเหตุรถยนต์ หรือป้องกันอาวุธปืนหรือมีด นอกจากนี้ด้านเมตตามหานิยม โชคลาภและทางค้าขายก็ดีเป็นเลิศ จึงเป็นพระเครื่องที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในขณะนั้น(ประมาณปี พ.ศ.2508-2515) เป็นพระเครื่องที่ชาวจังหวัดนครปฐมกล่าวขานถึงมากที่สุดมากกว่าพระเครื่องของหลวงพ่่อน้อย วัดธรรมศาลาและหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมในขณะนั้น ส่วนราคาพระยอดขุนพลในขณะนั้นราคาองค์ละ 200 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากในขณะนั้น(เหรียญหล่อรุ่นแรกของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ราคาประมาณ 600-700 บาท เหรียญหล่อคอน้ำเต้ารุ่นแรกหลวงพ่อน้อยราคาประมาณ 80-100 บาท)
    จากประสบการณ์ของผู้เขียนสมัยที่ยังเป็นเด็กวัยรุ่นอายุประมาณ15-16 ปี ได้เห็นช่างซ่อมรองเท้าชื่อเล่นว่า มัน ช่างมันเมื่อเลิกงานตอนเย็นมักจะดื่มสุราเป็นประจำ เมื่อเกิดความมึนเมาก็จะเอามือกำพระยอดขุนพลของหลวงพ่อขันธ์และใช้มีดกรีดยางเฉือนลงไปที่แขนข้างที่มือกำพระอย่างแรงหลายครั้ง แต่ก็เฉือนไม่เข้า(แผงร้านช่างมันตั้งอยู่หน้าร้านประชามิตร ตลาดล่าง จังหวัดนครปฐม)
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระยอดขุนพลวัดพระศรีอารย์หลวงพ่อขันให้บูชา บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    img_20240201_190752-jpg.jpg img_20240201_190819-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2024
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,730
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1706687411027-jpg.jpg
    ประวัติหลวงพ่อนพวรรณ คุณสาโร วัดเสนานิมิต

    หลวงพ่อนพวรรณ เจ้าอาวาสวัดเสนานิมิต ต.บ้านหีบ อ.อุทัยจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้ได้รับการสืบทอดวิชาโดยผ่านโยมปู่ของท่าน ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อกลั่นโดยตรง โยมย่าของท่านก็เป็นน้องสาวของ หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติฯ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อกลั่นเช่นกัน และเป็นผู้ได้รับการถ่ายวิชาอาคมและสรรพตำราต่างๆ ของหลวงพ่อกลั่นเอาไว้ทั้งหมด ต่อมาเมื่อหลวงพ่ออั้นมรณภาพ ผู้ที่ได้รับตำราต่างๆ ก็คือน้องสาวของท่าน ซึ่งเป็นโยมย่าของหลวงพ่อวรรณนั่นเอง ตำราทั้งหมดในสายวัดพระญาติฯ จึงตกอยู่กับหลวงพ่อวรรณจนทุกวันนี้

    หลวงพ่อวรรณ จึงนับเป็นพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ในทุกวันนี้ ที่มีความเชี่ยวชาญในสรรพวิทยาคาถาอาคมต่างๆ อย่างมากมาย จนสามารถปลุกเสกวัตถุมงคลได้อย่างเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของบรรดาศิษย์ทั้งหลาย อย่างกว้างขวาง ชื่อเสียงของหลวงพ่อนพวรรณโด่งดังไปทั่วประเทศ รวมทั้งนักสะสมพระเครื่องรางของขลัง ในประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย

    หลวงพ่อวรรณ ท่านชอบศึกษาหาความรู้ทั้งด้านธรรมะ และไสยศาสตร์อย่างจริงจัง ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมกับอาจารย์เลื่อน และอาจารย์ใหญ่ ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อกลั่นเช่นกัน จนได้สำเร็จวิชา เก้าเฮ อันเป็นเอกลักษณ์อันลือลั่น ของวัดพระญาติฯ โดยตรงต่อมาท่านได้ศึกษาไสยเวทจากครูบาอาจารย์อีกหลายท่าน อาทิ อาจารย์เจ๊ก และ อาจารย์เยื่อ ได้สอนวิชามลกระจายจนสำเร็จแตกฉาน และยังสำเร็จวิชาธรรม ๙ โกฏิ จาก พระอาจารย์โฮม ที่ได้ศึกษามาจาก สำเร็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ ฝั่งลาว ได้ศึกษาวิชาผูกหุ่นพยนต์ กำบังตน และถอนคุณไสยจาก หลวงพ่อพา วัดกะโพ จ.สุรินทร์ รวมทั้งได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคม
    ต่างๆ จาก หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง จนหมดสิ้นและที่สำคัญสุด หลวงพ่อวรรณได้รับตำราการสร้างวัตถุมงคล และพิธีการต่างๆ ของสำนักวัดประดู่ทรงธรรม จาก หลวงพ่อนาค และ หลวงพ่อสละ อีกด้วยจึงนับได้ว่า หลวงพ่อวรรณเป็นผู้ที่คงแก่เรียน และเป็นเอกอุในศาสตร์ต่างๆ อย่างแท้จริง

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารูปถ่ายอย่างสูงครับ
    พระพรหมหลวงพ่อนพวรรณ ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240201_194713.jpg IMG_20240201_194737.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...