พระผงรูปเหมือนขรัวตาคง วัดตาล อ.ชุมไชยคีรีเจ้าพิธีปลุกเสกปี๑๕เหรียญลป จันทร์ทุ่งเฟื้อ นครศรีธรรมราช

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,925
    ค่าพลัง:
    +6,842
    -ขอจองครับ
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1717776648551.jpg

    ประวัติของพระครูขันติธรรมรัต
    (หลวงพ่อสอน)
    พระครูขันติธรรมรัต (สอน ขนฺติธมฺโม)
    สถานะเดิม ชื่อ สอน นามสกุล ทองประเสริฐ
    เกิดเมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะแม ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ ที่บ้านเลขที่ ๔๗ หมู่ที่๓ ตำบลปลายนา อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี บิดาชื่อ นายยอด มารดาชื่อ นางกลีบ ประกอบอาชีพทำนา มีพี่-น้องรวม ๕ คน คือ
    ๑. นางทองปลิว มณีแสง
    ๒. พระครูขันติธรรมรัต (สอน ทองประเสริฐ)
    ๓. นางส้มเช้า แสงวันทอง
    ๔. นางเล็ก ทองประเสริฐ
    ๕. นายบุญชู ทองประเสริฐ
    วิทยฐานะพ.ศ.๒๔๘๗ สำเร็จชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนวัดดอนสุทธาวาส อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
    บรรพชา เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๒ ตรงกับ วันพุธ ๙ ค่ำ เดือน ๕ ณ พัทธสีมาวัดดอนบุปผาราม ตำบลวังยาง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
    พระครูศรีคณานุรักษ์ วัดดอนบุปผาราม เป็นพระอุปัชฌาย์
    อุปสมบท เมื่อวันจันทร์ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๖ ตรงกับวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ณ พัทธสีมาวัดสามจุ่น ตำบลปลายนา อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมี พระอธิการนุ่ม วัดนางใน ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อชม วัดนางใน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเชื่อม วัดสามจุ่น อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นพระอนุสาว-นาจารย์
    ได้รับฉายา “ ขนฺติธมฺโม”
    เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาเรียนพระปริยัติธรรมที่ วัดนางใน จังหวัดอ่างทอง และสอบได้นักธรรมชั้นเอกใน พ.ศ. ๒๔๙๘
    ภายหลังจากสอบได้นักธรรมชั้นเอกแล้ว หลวงพ่อก็เบนเข็มไปฝึกปฏิบัติทางสมาธิ ฝึกการนั่งทางในเรียนวิชาอาคมทางไสยศาสตร์ โดยออกจากวัดนางในไปจำพรรษาอยู่วัดต่างๆทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ เพื่อเสาะหาอาจารย์ดีเรียนและฝึกตามที่ได้ตั้งใจไว้เป็นระยะเวลานานกว่า ๑๐ ปีซึ่งก็มีวัดต่างๆที่หลวงพ่อไปจำพรรษาอยู่สรุปรวบรวมได้ดังนี้
    ๑. วัดหนองฝา จังหวัดอุตรดิตถ์
    ๒. วัดท่าหลวง จังหวัดพิจิตร
    ๓. วัดบ้านตง จังหวัดอุตรดิตถ์
    ๔. วัดสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร
    ๕. วัดถ้ำขุนเณร อ. บางมูลนาค จ.พิจิตร
    ได้ฝึกปฏิบัติสมาธิกับหลวงพ่อเขียน
    ๖. วัดป่าดอนมูล จังหวัดลำพูน
    ฝึกปฏิบัติสมาธิกับ ครูบาคำแสน คุนานํกโร
    ๗. วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่
    ฝึกปฏิบัติสมาธิกับครูบาคำแสน อิทนจกฺโก
    ๘. วัดอำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี
    ฝึกปฏิบัติสมาธิกับ หลวงพ่อโต
    ๙. วัดเมือง จังหวัดยะลา
    ๑๐. ส่วนวัดในจังหวัดปทุมธานี หลวงพ่อสอน
    เคยไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไก่เตี้ย , วัดชัยสิทธาวาส อำเภอสามโคก และวัดโบสถ์ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี
    นอกจากนี้ ในสมัยที่หลวงพ่อเป็นเณร ยังได้เคยไปเรียนการลงอักขระเลขยันต์ การถักตะกรุด และคาถาอาคมกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์
    และยังได้รับการถ่ายทอดวิชาการนั่งทางในหมอดูจากหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านอีกด้วย กล่าวได้ว่าตลอดเวลา ๑๐ ปีเศษ หลวงพ่อสอนท่านได้เรียนวิชาต่างๆ มาเต็มภูมิทีเดียว
    นั่งทางใน ดูหมอ แก้เคล็ด ดูที่ทาง

    เคยได้กล่าวไว้ในตอนต้นแล้วว่า หลวงพ่อสอนท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาการนั่งทางใน มาจากหลวงพ่อนุ่ม และหลวงพ่อได้ฝึกฝนอยู่นานหลายปี จนมีความชำนาญมากสามารถที่จะทำจิตให้เป็นสมาธิแล้วนั่งทางใน ในการดูโชคชะตาราศี ดูที่ทางทำเลในการก่อสร้างอาคารร้านค้าเพื่อทำการก่อสร้างได้ถูกต้องในพื้นที่จะได้ทำมาค้าขึ้น
    นอกจากนี้ ถ้าหากผู้ใดอับโชค ค้าไม่ขึ้น หลวงพ่อก็สามารถจะนั่งทางในแล้วบอกได้ว่าเพราะเหตุใด ควรจะแก้เคล็ดอย่างไร จึงจะได้ผลดี เป็นต้นว่า มีผู้เคยมาพบหลวงพ่อ เล่าให้ฟังว่าได้ไปเปิดร้านค้าขายแห่งหนึ่ง แต่ค้าเท่าไรก็ไม่ดีเลย มีแต่จะขาดทุนจนจะปิดร้านอยู่แล้ว
    หลวงพ่อนั่งทางในดูแล้วบอกว่า ร้านค้าดังกล่าวหันไม่ถูกทาง ต้องแก้ไขเพียงเล็กน้อยก็จะหาย และผู้ที่มาพบหลวงพ่อก็ทำตามทุกอย่าง การค้าก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับในเวลาอันรวดเร็ว ปัจจุบันมีฐานะดีในขั้นผู้มีอันจะกินผู้หนึ่งเลยทีเดียว.............
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระปิดตาเสาร์ 5 อุดชันโรงหลวงพ่อสอนวัดศาลเจ้าให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับครับ


    IMG_20240607_230646.jpg IMG_20240607_230711.jpg IMG_20240607_230736.jpg IMG_20240607_230615.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    รูปถ่ายหลวงปู่ทองวัดราชโยธาและเหรียญรุ่นสร้างโบสถ์ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240607_230945.jpg IMG_20240607_231004.jpg IMG_20240607_230805.jpg IMG_20240607_230838.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    IMG_20240608_173839.jpg

    หลวงปู่ทวด วัดโลกวิมล พิมพ์เล็ก อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ปี 2510
    อาจารย์ทิม วัดช้างให้ ได้สร้างให้วัดโก-ลก เทพวิมล จำนวน 84000 องค์ ทำพิธีปลุกเสกเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2510 ตรงกับเสาร์ แรม5ค่ำ เดือน5 ปีมะแม ร่วมกับพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน อาจารย์นอง วัดทรายขาว หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ หลวงพ่อแดง วัดเชิงเขา ทำพิธีปลุกเสก
    โดยเอามวลสารว่านที่เหลือจากวัดช้างให้ และหลวงปู่ทวดที่แตกหักจากปีเก่าๆเช่น 2497 มาบดเป็นมวลสารในการสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดรุ่นนี้ พระชุดนี้ได้นำขึ้นมาจากใต้ฐานโบสถ์วัดโกลกเทพวิมล มาให้บูชาเมื่อปี 2534 รวมเวลาที่อยู่ใต้ฐานโบสถ์กว่า 26 ปี ประสบการณ์เด่นของพระรุ่นนี้คือ เมื่อครั้งมีเหตุการณ์ระเบิดที่ตลาดอำเภอสุไหงโกลก มีคนล้มตายและเจ็บเป็นจำนวนมาก แต่ปรากฎว่ามีคนในพื้นที่บางคนที่รอดตายจากเหตุการณ์นี้ และในคอบุคคลที่รอดตายมานั้น แขวนหลวงปู่ทวดเนื้อว่านของวัดโกลกรุ่นนี้ และมีอีกหลายเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่คลาดแคล้วมาหลายๆ ครั้ง ทำให้พระรุ่นนี้เป็นที่ต้องการของคนไทยและคนมาเลย์ที่นับถือหลวงปู่ทวด เป็นจำนวนมาก และพระรุ่นนี้ส่วนใหญ่จะออกไปอยู่ในมาเลย์เสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะเชื่อในพุทธคุณของหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด สำหรับพระรุ่นนี้หาไม่ได้แล้วสำหรับพระหลวงปู่ทวดที่มี 2 ดังร่วมปลุกเสก พิธีใหญ่ พุทธคุณสูงใช้แทนพระหลวงปู่ทวดเนื้อว่านปีเก่าๆ ที่ออกจากวัดช้างให้ได้เลย
    วัดโก-ลกเทพวิมล หรือชาวบ้านเรียกว่า "วัดท่านเอียด" ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ได้รับอนุญาตสร้างวัด เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๐๐ โดยพระสมุห์เอียด พุทธสโร เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก และมรณภาพเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๓๔ อายุ ๙๕ ปี ร่างกายของท่านแข็งเป็นหิน สิ่งสักการะบูชาในวัด ได้แก่ พระมหาสังกัจจายน์องค์ใหญ่ พระพูทธรูปประจำวัน พระโพธิสัตว์กวนอิม สมเด็จพุทฒาจารย์โต หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด หลวงปู่เอียดแข็งเป็นหิน

    ให้บูชา 1000 บาทครับ ใบฝอยเดิม ๆเนื้อสวยมันส์ตามกาลเวลา

    IMG_20240608_172838.jpg IMG_20240608_172903.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วันนี้ จัดส่ง
    1717920486747.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1717931167409.jpg
    พระสมเด็จหลวงปู่เปลี้ย ๒ องค์
    ลองอ่านเรื่องหลวงพ่อเปลี้ยกับการสร้างลิงฮากันครับ หลวงพ่อเปลี้ย วัดชอนสารเดช เดิมชื่อผ่อง เกิดเมื่อ ๔ พ.ย. ๒๔๕๗ ที่บ้านดินเปล้า อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของนายชุ่ม นางคำ โพธิ์นอก ด้วยขาท่านเสีย ลีบข้างหนึ่งจึงเรียก นามท่านว่าเปลี้ย พออายุได้ ๑๗ ปี ท่านได้บวชเป็นสามเณรที่วัดบ้านเหลื่อม ตำบลวัดโพธิ์ อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อ ๖ พฤษภาคม ๒๔๗๔ โดยมีอาจารย์ช้างเป็นพระอุปัชฌาย์ พออายุครบ ๒๐ ปี ๒ พ.ค.๒๔๗๗ ท่านก็ได้บวชที่วัดบ้านค่าย มีพระครูวิจิตา เป๊นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการแบนเป็นพระกรรมวาจารย์ พระมหาบัวเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ฉายา "คุณสัมปันโน"
    หลวงพ่อท่านมาอยู่วัดชอนสารเดชตั้งแต่ปี ๒๔๙๒ มีหลวงปู่ทรัพย์ เป็นเจ้าอาวาส หลังจากท่านแจ้งความประสงค์ขอมาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ หลวงปู่ทรัพย์ก็ไม่ขัดข้อง นานไปก็ถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆให้ท่านจนหมดสิ้น หลวงพ่อเปลี้ยท่านมีเมตตาเป็นเลิศ ท่านจำวัดไม่กางมุ้ง ไม่จุดยากันยุง ท่านบอกว่า "ให้มันมากัด กินจนอิ่มแล้วมันก็ไปไม่มากัดอีก" !
    ลิงฮา ของหลวงพ่อเปลี้ย วัดชอนสารเดชนี้ ท่านตั้งใจสร้างเป็นหนุมาน ให้มีอิทธิฤทธิ์ตามแนวคิดความเชื่อให้มีพลกำลังแข็งแรง อยู่ยงคงประพัน แต่ท่านสร้างหนุมานของท่านให้มีอริยาบท ยิ้มแย้ม อย่างอารมณ์ดี ชาวบ้านเห็นต่างขนานนามให้เป็น "ลิงฮา"
    ลุงใจ อ่อนละมัย เล่าว่า ครั้งที่ไปหามวลสารเพื่อมาสร้างลิงฮา ที่ศาลพระกาฬ ลพบุรี ปรากฎว่ามีลิงในศาลติดตามมาด้วย ๔ ตัว ทั้ง ๔ ตัวเป็นลูกน้องหนุมาน ตามมาเป็นสักขีพยานในการสร้างลิงฮา หลวงพ่อเปลี้ยท่านปลุกเสกลิงฮานี้ด้วยฌาณอันกล้าแข็ง เรียกว่าเสกจนหนุมานกระโดดออกจากบาตรได้ เหตุที่ท่านทำได้เช่นนี้เพราะท่านมีพลังจิตกล้าแข็งสามารถเข้าออกฌากิดความณได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นความอัศจรรย์ในการสร้างวัตถุมงคลของท่าน จนสามารถคุ้มครองป้องกันผู้พกพา เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างแรงกล้า ตามที่หลวงพ่อท่านเสกไว้
    แม่ค้าตลาดบ้านชอนคนหนึ่งเล่าว่า ตั้งแต่ได้ลิงฮาของวัดชอนมาอยู่ที่ร้าน ตอนเช้าก็จุดธูปอธิษฐานขอให้ขายดี เมื่อเปิดร้านแล้วก็เกิดความมั่นใจอารมณ์ดี เหมือนกับอารมณ์ลิงฮา อารมณืดีตลอดวัน ลูกค้าก็เหมือนต้องจังงันของเรา เข้ามาซื้อของที่ร้าน ขายดีทั้งวัน ทุกวันนี้ยังพกติดตัวอยู่เสมอ มีคนมาขอเช่ามากมายแต่ก็หวงแหนยิ่งมิยอมปล่อยให้ใครเด็ดขาด
    ชายคนหนึ่งได้ลิงฮามาเลี่ยมแขวนคอ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปธุระ ขากลับมาก็มีคนมาถามว่าไปเอาลิงที่ไหนมานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ !! ทุกคนจึงสรุปว่าเป็นปาฏิหารย์ของลิงฮาที่แขวนคอมานั้นมากกว่า
    วัตถุมงคลทุกชนิดของหลวงพ่อมีประสบการณ์
    ขอบพระคุณบทความของคุณ อำพล เจน
    สมเด็จฝังเกศารุ่น1 ปี2538 (พร้อมเหรียญรุ่นแรก) ประสพการณ์ยืนยันว่ามีเส้นเกศาครับ เพราะผู้สร้างได้ขอเส้นเกศาหลวงพ่อเปลี้ย คุณสัมปันโน จากอาจารย์สำรวย (สมัยนั้นมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดชอนสารเดช) เมื่อสร้างเสร็จได้นำวัตถุมงคล รุ่นทวีทรัพย์ มาถวายและให้หลวงพ่อเปลี้ยฯ ปลุกเสก และนำออกมา
    แจกงานประจำปี หลังวันตรุษสงกรานต์ จะมีการทอดผ้าป่าฯที่ศาลาหลวงพ่อใหญ่ โดยมีหลวงพ่อเปลี้ยฯ เป็นประธานรับมอบ และจะแจกวัตถุมงคล รุ่นทวีทรัพย์ แก่ญาติโยมที่นำผ้าป่ามา
    ทอด (ถวาย) ที่วัดชอนสารเดช
    วัดถุมงคลรุ่นนี้น่าเก็บมากๆครับ 1.แจกฟรี 2.สวยและมีเส้นเกศาฯ 3.หลวงพ่อเปลี้ยฯ ชอบใจ และได้กล่าวว่า "มันต้องสวยแบบนี้ซิ ถึงมีศักดิ์ศรีหน่อย" 4.ราคาย่อมเยาว์
    พระสมเด็จทวีทรัพย์ผสมเกษา หลวงปู่เปลี้ย วัดชอนสารเดช ๒ องค์ไปเลยครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จหลวงปู่เปลี้ยวัดชอนสาระเดช 2 องค์ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    FB_IMG_1717931170930.jpg FB_IMG_1717931174058.jpg IMG_20240609_181445.jpg IMG_20240609_181506.jpg IMG_20240609_180806.jpg IMG_20240609_180832.jpg IMG_20240609_180743.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2024
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1717939903090.jpg

    พระปฏิบัติดี วิชาดีรูปต่อไปนี้คือ หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ อ.บางบ่อ สมุทรปราการ อายุ 92 ปี (ปัจจุบันอายุ 95 ปี) เป็นศิษย์ หลวงพ่อไผ่ วัดบางบ่อ ซึ่งเป็นศิษย์หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน อีกที ท่านจึงรับวิชามาจากอาจารย์รุ่นต่อรุ่นเต็มที่ นอกจากนั้น หลวงพ่อชาญ ยังเรียน กัมมัฏฐาน 40 กอง จาก หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา...กัมมัฏฐาน เป็นวีธีฝึกจิตให้เกิดสมาธิ เมื่อมีสมาธิก็เกิดปัญญา และมองได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง มี เกิด แก่เจ็บ ตาย สรุปคือ ไม่มีอะไรเลย เพื่อให้ ปลง และหลุดพ้น ...การเรียนกัมมัฏฐาน แบ่งเป็นหลายวิธี เช่น อสุภกัมมัฏฐาน(นั่งพิจารณาซากศพให้ได้คิดว่าก่อนนี้คือร่างกายที่เคยสวยงาม แต่ตายแล้วก็เหม็นเน่า) นอกนั้นยังมี กสิณ10, อนุสติ 10 ซึ่งล้วนเป็น อุบายพื้นฐาน ทำให้ จิตสงบ นำไปสู่นิพพาน... กัมมัฏฐาน 40 กอง เป็นพระปรีชาของพระพุทธเจ้าที่ทรงทราบกิเลสของพระสาวกว่าไม่เหมือนกัน บางรูปอยากแสดงฤิทธิ์ บางรูปอยากอยู่เงียบๆจึงมีวีธีให้เลือกตามอัธยาศัย แต่สุดท่ายก็ มุ่งพระนิพพานเหมือนกัน... หลวงพ่อชาญ ยังเรียน วิชาธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ จาก หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ซึ่งสามารถแสดงฤทธิ์ เรียกน้ำ-ห้ามไฟได้... นายนๆครั้งหลวงพ่อชาญจะสร้างวัตถุมงคลที่ดังคือ เสือแกะจากไม้พญางิ้วดำเพราะมีประสบการณ์ที่ปืนยิงไม่เข้า แต่ท่านสร้างวัตถุมงคลไว้น้อยและไม่เป็นวาระทุกวันนี้จึงหายาก ใครไปก็กราบขอพรท่านถือว่าสูงสุดแล้ว อย่าไปรบกวนท่านให้เหนื่อยสร้างโน่นสร้างนี่อีกเลย อายุตั้ง 92 แล้ว(ปัจจุบันอายุ 95 ปี)
    ที่มาของข้อมูล หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2549 :สนามพระวิภาวดี ,กราบ 9 พระดีเป็นศิริมงคล สีกาอ่าง
    จากใจผู้เขียน
    หลวงพ่อชาญ อิณมุตฺโต พระครูวิจารณ์ธรรมคุณ พระมงคลวรากร หรือ หลวงพ่อใหม่ คืออริยะบุคลคนเดียวกันที่เรารู้จักกันในนาม หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ ท่านเป็นลูกศิษย์สายหลวงพ่อปาน วัดคลองด่านโดยแท้ เริ่มจากหลวงพ่อไผ่ท่านได้เรียนวิชากับหลวงพ่อปาน จากนั้น หลวงพ่อชาญก็เรียนวิชาจากหลวงพ่อไผ่ และยังเป็นศิษย์หลวงพ่อเหลือวัดสาวชะโงก เป็นศิษย์ หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา เป็นศิษย์ หลวงพ่อดิ่งวัดบางวัว การสร้างวัตถุมงคลของท่านนานๆท่านจะสร้างเป็นวาระสักครั้งหนึ่ง เช่นพระเหรียญและพระผง 80 ปี เหรียญนั่งเสือ เสือหล่อ เสือไม้แกะและ อื่นๆเป็นต้น แต่โดยส่วนมากญาติโยมจะมาขอสร้างท่านก็เมตตาอนุญาตให้จัดสร้าง หลวงพ่อชาญท่านเกิดในสมัย ร.6 ซึ่งในปัจจุบัน(3เม.ย. 2553) หลวงพ่อมีอายุครบ 96 ปี 77 พรรษาสุขภาพท่านยังแข็งแรง ยังรับกิจนิมนต์อยู่และยังเดินทางไปพุทธาภิเศกในวาระต่างๆอยู่เป็นนิจ หลวงพ่อจะนั่งรับญาติโยมตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงวันกว่าๆแล้วท่านจะจำวัดและ จะรับญาติโยมอีกครั้งประมาณบ่ายสามโมงครึ่งเป้นต้นไปจนถึงเย็น...
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อชาญวัดบางบ่อบูรณะโบสถ์วัดศร่างโสก ๒ เหรียญ ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240609_190403.jpg IMG_20240609_190456.jpg IMG_20240609_190430.jpg IMG_20240609_190632.jpg IMG_20240609_190531.jpg IMG_20240609_190652.jpg IMG_20240609_190553.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    เหรียญราหูอมจันทร์ หลังยันต์ วัดลาดระโหง พิธีใหญ่ จ.อยุธยา กะไหล่สามกษัตริย์ ขนาด 3.0 ซม. บูชาพุทธคุณเด่นทางคุ้มครองดวงชะตาของผู้ที่มีไว้ในครอบครอง เมื่อยามดวงชะตาตก มีเมตตามหานิยมเป็นที่ตั้ง มีทั้งโชคลาภ ป้องกันคุ้มครองภัย และคุณไสย รวมทั้งผลสำเร็จในหน้าที่การงานทั้งหลาย
    คาถาบูชา
    เอกะ จักขุ นาฬิเกลา
    สุริยประภา จันทรประภา ราหูคาหา สัตตะ
    รัตนะ สัมปันโน มณีโชติ ระโสยะถา สุวัณณะ รัชชะตะ สะมิทธา อะหัง วันทามิ เม สะทา ฯ
    (เป็นมหาลาภ ค้าขายดีเยี่ยม เป็นมหาอุดดีนัก ช่วยสะเดาะเคราะห์ดีนักแล ฯ)
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาท

    IMG_20240609_191108.jpg IMG_20240609_191142.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341


    เหรียญไตรมาสปี 38 หลวงพ่อดีวัดหนองจอก ให้บูชาคู่กัน 2 เหรียญ 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240609_190716.jpg IMG_20240609_190739.jpg IMG_20240609_190809.jpg IMG_20240609_190835.jpg IMG_20240609_190857.jpg IMG_20240609_190922.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1386511-18303 (1).jpg 1386511-59910 (1).jpg
    พระเนื้อว่านสบู่เลือด รูปเหมือนหลวงพ่อแดง พุทโธ วัดถ้ำเขาเงิน ปี ๒๕๑๑ ทำจากเนื้อผงว่านวิเศษและเกสรศักดิ์สิทธิ์นานาชนิด สร้างที่วัดบ้านสวน แล้วนำไปเข้าพิธีที่วัดถ้ำเขาเงิน ชุมพร ผิวคราบสีขาว เนื้อในสีน้ำตาลม่วง คราบที่เกิดขึ้นบนผิวเกิดจากการนำพระไปทำพิธีปล่อยในทะเลแล้วให้เสด็จกลับมา เองในปี ๒๕๑๑ พิธีใหญ่ที่รวมศิษย์สายเขาอ้อร่วมกันปลุกเสก ขุนพันธ์ฯเป็นประธานจัดสร้าง อ.ชุมและหลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน ร่วมกันสร้างเพื่อแจกจ่ายทหาร ตำรวจ ประชาชนที่ศรัทธา เกจิสายเขาอ้อปลุกเสกเพียบ อาทิ
    พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง,
    หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน จ.พัทลุง,
    พระอาจารย์ปาล วัดเขาอ้อ,
    หลวงปู่หมุน วัดเขาแดงตะวันออก จ.พัทลุง,
    พระครูปลัดพวง วัดประสาทนิกร หลังสวน จ.ชุมพร,
    หลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน หลังสวน จ.ชุมพร,
    อาจารย์ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
    ปลุกเสกตามตำรับไสยเวทย์ของเขาอ้อ จึงเป็นที่มั่นใจได้ว่าใช้บูชาดีเด่นด้านมหาอุตม์ คงกระพันชาตรี เหนียว ยิงไม่ออก แคล้วคลาด ปลอดภัย ป้องกันภยันตรายทั้งปวง มีการทดลองพุทธคุณโดยเอาพระกำไว้ในมือแล้วเอาดาบคมเชือดท้องแขนให้เห็นจะๆ กันเลย ปรากฏว่าเชือดไม่เข้า เรื่องนี้เป็นข่าวโด่งดังทางหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อยุคนั้นมาก เรื่องประสบการณ์

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารูปภาพอย่างสูงครับ
    หลวงพ่อแดงพุทโธ ให้บูชา 700 บาท ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240610_124456.jpg IMG_20240610_124422.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    รูปเหมือนลอยองค์ รุ่น"ผ้าป่าถวายหลวงพ่อโต 2541 กอง" (ทำบุญกองละ1000บาทได้1องค์) หลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม ปี 2541 กะไหล่ทอง
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240609_190953.jpg IMG_20240609_191038.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2024
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1718010203772.jpg

    เหรียญพระประธานพรหลวงพ่อสุพจน์วัดสุทัศน์ ๓ เหรียญ
    ประวัติพระมงคลเทพโมลี
    หลวงพ่อพระมงคลเทพโมลี เกิดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมพ.ศ. 2471 ณ บ้านเลขที่ 12 หมู่ 8 ต. คลองสิบสอง อ. หนองจอก จ. พระนคร มีนามว่า “โพธิ์” นามสกุล “สมนึกแท่น” โยมบิดาชื่อ ปลื้ม โยมมารดาชื่อ แช่ม โยมบิดามารดามีอาชีพทำนา มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 6 คนด้วยกันคือ มีพี่สาว 5 คน ส่วนท่านเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว และเป็นลูกคนสุดท้อง โดยมีลำดับดังนี้
    1. นางนิ่ม เสือจุ้ย (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    2. นางผ่อน ทับท่าไม้ ยังมีชีวิตอยู่
    3. นางผัน บันเทิง (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    4. นางผาด แก้วลูกอินทร์ (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    5. นางเผือด สมนึกแท่น (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    6. เด็กชายโพธิ์ สมนึกแท่น (ผู้ซึ่งต่อมา คือ หลวงพ่อ พระมงคลเทพโมลี)
    ตั้งแต่เยาว์วัยได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากโยมบิดามารดาด้วยความรักและอบอุ่น ตามสมควรแก่ฐานะจนถึงวัยอันสมควรจึงได้เข้าเรียนในโรงเรียนวัดแสนเกษม ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ใกล้บ้านที่สุด โดยสภาพท้องถิ่นเป็นที่ราบลุ่มเป็นท้องทุ่งกว้างขวาง มองโล่งสุดสายตาดินเหนียวสีดำ หน้าฝนจะปกคลุมด้วยหญ้าป่ากก และต้นข้าวสีเขียวขจี ให้ความรู้สึกสดชื่น เนื้อดินจะอ่อนนุ่ม ถ้ามีน้ำขังก็จะเป็นโคลนเลน การเดินทางไปมาหาสู่กันในหน้าฝนจะต้องเดินบนคันนา หรือใช้เรือแจวเรือพายเท่านั้น เดินลัดทุ่งนาไม่ได้แต่ในหน้าแล้งดินจะแห้ง แข็ง และแตกระแหง
    ด้วยเหตุนี้ พ่อจึงขอฝาก เด็กชายโพธิ์ ไว้กับหลวงปู่เปรม เจ้าอาวาสวัดแสนเกษม ให้อยู่เป็นเด็กวัด รับใช้หลวงปู่และเรียนหนังสือไทยในโรงเรียนวัด เพื่อตัดปัญหาในการเดินทาง ครอบครัว พ่อแม่ก็มาทำบุญที่วัดเป็นประจำได้รับรู้ความเป็นอยู่ตลอดเวลา ตัดปัญหาเรื่องความห่วงหากังวลใจด้วยความรักลงได้
    การอยู่กับพระผู้ใหญ่มีผู้คนหลายระดับชนชั้นมาเคารพกราบไหว้ท่านเสมอ ถือเป็นโชคดีที่มีโอกาสจะได้เติบโตมาพร้อมกับการซึมซับเอาสิ่งดีงาม จากผู้คนเหล่านั้นมาเป็นแม่แบบหล่อหลอมชีวิตของตน
    เมื่อเรียนหนังสือจบชั้นประถมบริบูรณ์ (ประถมปีที่ 4) ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ก็กลับมาอยู่ที่บ้านด้วยหวังจะช่วยพ่อแม่ประกอบอาชีพ และเป็นการฝึกงานเตรียมตัวเป็นเกษตรกรสืบต่อไป เมื่อเติบใหญ่ไปในภายภาคหน้า
    เพียงปีแรก ที่กลับมาช่วยพ่อในอาชีพเกษตรกร ก็พบได้ด้วยตัวเองว่าเห็นท่าจะเอาดีทางนี้ไม่ได้ เพราะไม่มีความชอบ (ฉันทะ) จึงขาดความขยันหมั่นเพียร (วิริยะ) ทำไปตามหน้าที่ ไม่มีความบากบั่น (จิตตะ) แม้จะต้องทำงานจนเสร็จก็ไม่ติดตามว่าผลเป็นเช่นไร (วิมังสา) แม้พ่อปลื้มเองในฐานะครู ก็มองออกว่า ลูก (ศิษย์) คนนี้คงเอาดีทางนี้ไม่ได้จึงมองหาลู่ทางที่เหมาะสมสำหรับลูกชายคนเดียวของตนต่อไป
    พ.ศ. 2485 อายุได้ 14 ปี พ่อปลื้มจึงนำลูกชายกลับเข้าวัดอีกครั้ง ได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยมีพระครูมนูญสีลขันธ์ วัดหนองจอก เป็นพระอุปัชฌาย์ และอยู่ที่วัดแสนเกษมกับหลวงปู่เปรมอีกครั้ง แต่คราวนี้หลวงปู่เปรมมีอายุมากแล้ว อายุกว่า 90ปี (หลวงพ่อเล่าให้ฟัง) หลวงปู่ช่วยตัวเองได้น้อย ก็ต้องปรนนิบัติท่าน (คงรวมถึงการสรงน้ำป้อนข้าวด้วยบางครั้ง) เพียง 2 พรรษา หลวงปู่ก็สิ้น (ละสังขาร) และในช่วง 2 พรรษา สามเณรโพธิ์ ก็สอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท ตามลำดับ หลวงปู่เปรม ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์มีความขลังในหลายด้าน เช่นปลุกเสกปรอท ตะกรุดและน้ำมนต์ ได้เป็นที่พึ่งพิงช่วยขจัดทุกข์ร้อนของผู้ที่เคารพนับถือตลอดอายุของท่านในช่วงเวลาดังกล่าว สงครามมหาเอเชียบูรพายังไม่สงบมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิดในกรุงเทพฯโดยเฉพาะแถวโรงไฟฟ้าวัดเลียบ,สพานพระพุทธยอดฟ้าและสำเพ็ง ผู้คนคอยฟังสัญญาณเตือนภัยและเสียงเครื่องบินจะได้วิ่งเข้าที่หลบภัยทัน เศรษฐกิจย่ำแย่ ไม้ขีดไฟหนึ่งก้านต้องผ่าครึ่งจะได้ใช้ ถึง 2 ครั้งเพราะหาซื้อยากของขาดตลาด (คำบอกเล่าของหลวงปู่ศุข)
    ในเวลานั้นพระครูวินัยธรทองศุข สิริวัฑฒโน (เงินมา) ที่รู้จักกันต่อมา คือ หลวงปู่ศุข ท่านจำอยู่ที่วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหารตำบลเสาชิงช้า เห็นว่าวัดอยู่ในย่านอันตราย ท่านจึงออกไปจำพรรษาที่วัดแสนเกษมอำเภอหนองจอก เพราะยังมีความปลอดภัย ด้วยห่างจากเขตสู้รบ ท่านจำอยู่ที่วัดแสนเกษมจนญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามสงบปี พ.ศ. 2487 สงครามสงบแล้ว หลวงปู่ศุขจึงย้ายกลับวัดสุทัศน์ฯและได้ให้สามเณรโพธิ์ติดตามมาด้วย คงเป็นเพราะมองเห็นแววและความใฝ่ใจในการศึกษาเล่าเรียน พอที่จะปลูกฝังให้เป็นศาสนทายาทและเป็นกำลังสำคัญในการธำรงพระศาสนาสืบไปในอนาคต ได้นำสามเณรมาฝากไว้ในสังกัดวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหารกับพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ซึ่งเป็นอธิบดีสงฆ์ (เจ้าอาวาส) ในขณะนั้น (คำบอกเล่าของหลวงปู่ไสว วัดหนองจอก)
    ในปี พ.ศ. 2489 สามเณรโพธิ์ ก็สอบได้นักธรรมชั้นเอก ในสำนักเรียนวัดสุทัศน์ฯ (คงจะเป็นระยะเวลานี้ที่ท่านได้เปลี่ยนชื่อเป็น สุพจน์และเปลี่ยนนามสกุลเป็น ชูติรัตน์)
    พ.ศ. 2492 ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดสุทัศน์ฯ โดยมีพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สมเด็จพระพุฒาจารย์ =โสม ฉันนะมหาเถระ) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระศรีสมโพธิ์ (สมเด็จพระพุฒาจารย์ =เสงี่ยม จันทสิริมหาเถระ)เป็นพระกรรมวาจาจารย์, พระศรีสัจจญาณมุนี (พระมงคลราชมุนี =สนธิ์ ยตินธระเถระ) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2492 ได้รับฉายาว่า โชติปาโล ซึ่งแปลว่าผู้รักษาความสว่างโชติช่วง(แห่งธรรม)ขณะที่ท่านเป็นเด็กวัดและเป็นสามเณรอยู่ที่วัดแสนเกษม หลวงปู่เปรม ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสผู้ปกครองก็เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิทยาคม เป็นที่เคารพของผู้คนในท้องถิ่นในยุคสมัยนั้น เมื่อท่านมาอยู่ที่วัดสุทัศน์ฯ ท่านอยู่ใกล้กับหลวงปู่ศุข ซึ่งเป็นพระอาจารย์ผู้เป็นเอกทางเลขผานาที เป็นเอกในการให้ฤกษ์ยาม ในการประกอบพิธีมงคลต่าง ๆ ทำนายดวงชะตาราศี เพื่อขจัดความคับข้องใจความวิตกกังวล ของศิษยานุศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือทั่วไป น่าจะส่งผลผลักดันความสนใจส่วนตัวที่ท่านมีอยู่ ให้มีพลังมากขึ้น ทำให้ความตั้งใจที่จะศึกษาชั้นภูมิที่สูงขึ้นในทางปริยัติธรรมเปลี่ยนเป็นความสนใจในด้านวิทยาคม แทน ด้วยความสนใจในการเรียนวิทยาคมต่าง ๆ ในปลายปี พ.ศ.2492 หลังออกพรรษาแรก ท่านก็ได้พระมหาอำนวย (ต่อมาได้เป็นเจ้าคณะ14 วัดสุทัศน์ฯ จนถึงมรณภาพ) เป็นพระสหจร (เพื่อนร่วมทาง) ไปเรียนวิทยาคมต่าง ๆ จากหลวงปู่แต้ม วัดพระลอยเมืองสุพรรณ (จ. สุพรรณบุรี)วิชาที่เล่าเรียนคือตำราการทำพระเครื่องจากผงต่าง ๆ และการเสกน้ำพระพุทธมนต์อีกครั้งหนึ่ง คือการไปเรียนอาคมจากหลวงปู่หงส์ เมืองนครสวรรค์ (ไม่ทราบเวลา และสถานที่) นอกจากนั้นท่านยังได้เรียนคาถาอาคมจากท่านเจ้าคุณสนธิ์ (พระมงคลราชมุนี=ตำแหน่งสุดท้าย) อยู่หลายปี รวมทั้งการเรียนอักษรขอม เพื่อลงอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ(บันทึกส่วนตัว) รวม ทั้งการเรียนการทำนายดวงชะตา ส่วนรายละเอียดนั้นคงเป็นไปตามวิธีการเล่าเรียนในยุคสมัยนั้น
    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท่านเน้นหนัก คือสมาธิ คิดจะทำอะไรก็ตามความตั้งใจแน่วแน่ ทำจิตให้มั่นคงทำให้เวทย์มนตร์ คาถาอาคมมีความขลังท่านไม่เคยเหน็ดเหนื่อย ที่จะทำทุกอย่างให้บรรลุผลแก่ศิษย์ผู้มีความเลื่อมใสและแก่ทุกคนที่มาหาท่าน อย่างเท่าเทียมกัน
    ด้วยความตั้งใจจริง และมุมานะบากบั่น อย่างมั่นคง ท่านได้กลายเป็นพระเกจิอาจารย์ ผู้มีชื่อเสียงเข้มขลังและเคร่งครัดในการประกอบพิธีต่าง ๆตามแบบอย่างของบูรพาจารย์ เพื่อความถูกต้องแน่นอน ได้รับการยอมรับว่าเป็นพระเกจิอาจารย์เจ้าพิธี เป็นที่รับรู้กันทั่วไป ดังจะเห็นได้จากการที่ท่านได้รับนิมนต์ให้เป็นเจ้าพิธีในเรื่องสำคัญ ๆ เสมอ
    สมณศักดิ์
    ชีวิตในสมณเพศของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ดำเนินมาด้วยดีด้วยบุคลิกส่วนตัวที่โดดเด่น องอาจพูดจาฉาดฉาน ชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีซุบซิบ ช่วยเหลืองานการคณะสงฆ์ทั้งในวัด นอกวัดด้วยความจริงใจไม่มีเหน็ดเหนื่อย เสียสละ และเคารพนบนอบต่อผู้ใหญ่ น้อมรับใช้สนองงานด้วยความยินดี ท่านจึงได้รับเมตตาจากพระมหาเถระในสายงานปกครองเป็นอย่างดี และได้รับเลื่อนสมณศักดิ์มาตามลำดับ
    งานสาธารณูปการ (สังคมสงเคราะห์)
    ในช่วงสงครามอินโดจีน ประเทศไทยได้ส่งทหารไปร่วมรบในสงครามเวียดนาม ที่รู้จักกันทั่วไป คือกองพลจงอางศึก (ในราวปี 2505) และกองพลเสือดำ (ในปี 2512) คราวนั้นเวลาเช้าตรู่ เป็นเวลาปล่อยกำลังพลออกศึเสียงพระสวดชะยันโต หลวงพ่อพระพุทธมนต์วราจารย์ ยืนบริกรรมอาคมพร้อมประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้แก่กำลังพลที่เดินแถวผ่านหน้า เพื่อเป็นการปลุกขวัญสร้างกำลังใจ และขอให้มนตานุภาพเป็นเครื่องคุ้มครอง ป้องปกให้ปลอดภัยจากอริราชศัตรู นำชัยกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ ตามความเชื่อที่มีมาแต่โบราณ
    ด้วยความสามารถของเหล่าทหารหาญ และอานุภาพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านเมือง และกำลังใจที่ดี กำลังพลเหล่านั้นกลับบ้านด้วยชัยชนะโดยสวัสดิภาพ พร้อมเกียรติประวัติอันงดงาม เมื่อโอกาสเหมาะสมกำลังพลส่วนหนึ่งได้ขอเข้ารับการอุปสมบทที่วัดสุทัศน์ฯทั้งสองครั้ง ด้วยสายสัมพันธ์แห่งศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อ ทางทหารสื่อสารได้เคยถวายความอุปถัมภ์ เครื่องขยายเสียง พร้อมกำลังพลผู้ควบคุม ในงานประจำปีของวัดสุทัศน์ฯ อยู่หลายปี ทางสถานีวิทยุรักษาดินแดนก็เคยมาช่วยถ่ายทอดรายการบันเทิง เช่นดนตรีลูกทุ่ง เป็นต้น ในงานประจำปีของวัด ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ก้าวหน้าในยุคสมัยนั้น
    เป็นประธานอำนวยการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ชื่อโครงการ “สวนป่าหลวงรักษ์น้ำ” ในเนื้อที่ 340 ไร่ที่ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี (เริ่มเมื่อ 9 มีนาคม 2539)เป็นกรรมการดำเนินการสร้างเหรียญ “พระชัยหลังช้าง ภปร.” เพื่อเทิดพระเกียรติ และบุญญาธิการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ หารายได้ทูลเกล้าถวายตามโครงการของมหาเถรสมาคม
    บริจาคทรัพย์สนับสนุนโครงการอาหารกลางวัน แก่โรงเรียนในเขตกรุงเทพมหานคร เป็นเวลาต่อเนื่องกันหลายปีในเวลาที่ท่านยังมีสุขภาพแข็งแรง
    เป็นผู้อุปถัมภ์โครงการธรรมะ ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 อยู่ระยะหนึ่ง ในระยะที่ท่านสามารถทำได้
    เป็นกรรมการดำเนินการสร้างเหรียญ “พระชัยหลังช้าง สก.” เพื่อเฉลิมพระเกียรติและบุญญาธิการสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนารถเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ รายได้ทูลเกล้าถวาย เพื่อสมทบทุนโครงการส่งเสริมศิลปาชีพ ตามโครงการของมหาเถรสมาคม และกระทรวงอุตสาหกรรม
    ในขณะที่หลวงพ่อเป็นหัวหน้าสงฆ์ ประจำวัดไทยในลอสแองเจลีสท่านได้ตั้งหน่วยบริการชุมชนชาวไทยขึ้น (ไทยคอมมูนิตี้ เซอร์วิส) เพื่อช่วยชุมชนไทย (มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Thai Immigrant Acculturation Project = TIAP) โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ในกรณีรีบด่วนเช่นการสื่อสาร การคมนาคมและการแสวงหาความช่วยเหลืออื่นๆ โครงการนี้ รัฐเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากร ค่าเช่าที่ทำการและค่าใช้จ่ายในสำนักงานอย่างประหยัดโครงการนี้ดำเนินมาได้ 2 ปีหมดเทอมของหลวงพ่อ ก็ไม่ได้ต่ออายุโครงการอีก แต่ทราบว่าหน่วยชุมชนอิสระอื่นๆ ของไทย ได้ยื่นขออนุญาตทำต่อในชื่อโครงการอื่นโดยวัดไทยไม่ได้เกี่ยวข้องแล้ว
    ท่านได้ก่อตั้งสมาคมไทย-อเมริกันขึ้น และจดทะเบียนเป็นสมาคมถูกต้องตามกฎหมาย ของมลรัฐคาลิฟอร์เนียสมาชิกก็คือคนไทยที่อยู่ในคาลิฟอร์เนียภาคเหนือ (ซาน ฟรานซิสโก) ภาคใต้ (ลอสแองเจลีส) ร่วมกันดำเนินการในกิจการของสมาคม เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในคราวจำเป็น
    หลวงพ่อ เป็นกรรมการอุปถัมภ์และที่ปรึกษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เริ่มต้นจนตลอดชีวิตของท่าน
    หลวงพ่อ เป็นกรรมการอุปถัมภ์และที่ปรึกษา โครงการพระธรรมทูตสายต่างประเทศ จนตลอดชีวิตของท่าน เช่นกัน
    หลวงพ่อได้จัดตั้งมูลนิธิพุทธจักรมงคลศรีบุญยเขต (ปี พ.ศ. 2527) พร้อมกับสร้างวัดพุทธจักรมงคลชยารามเพราะท่านตั้งใจไว้ว่า จะสร้างชุมชนผู้สูงอายุไว้รอบวัด และพยายามจะให้เป็นสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุในอนาคตโดยให้มีพร้อมทั้งหน่วยบริการทางสุขภาพ(กาย) และเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม (เพื่อสุขภาพทางจิต) เพราะท่านมองว่าในภายภาคหน้า ความจำเป็นทางเศรษฐกิจจะทำให้ครอบครัวลูกหลานมีเวลาให้กับผู้สูงอายุน้อยลง ลำพังสถานสงเคราะห์ผู้สูงวัยของทางราชการจะแบกรับไม่ไหว ทุกฝ่ายควรช่วยกันโดยเฉพาะสถาบันทางศาสนาที่หล่อเลี้ยงโดยศรัทธาของศาสนิกชน ควรจะต้องสนองตอบต่อความจำเป็นทางสังคม ในส่วนที่ไม่ขัดกับหลักพระธรรมวินัย
    มูลนิธิพุทธจักรมงคลศรีบุญยเขตนี้ ปัจจุบันมียอดเงิน 900,000 บาทเศษ แต่ก็ไม่ทราบว่าในอนาคต จะดำเนินการอย่างไร เพราะคณะกรรมการผู้มีอำนาจบริหาร ต่างแยกย้ายกันไป ยากแก่การติดตาม จึงยังบอกไม่ได้ว่าเรื่องจะจบลงอย่างไรสำหรับเรื่องนี้ ผู้ที่พบท่านบ่อยจะรู้ดี ในขณะที่กำลังสร้างวัดพุทธจักรมงคลชยาราม เวลาท่านที่เคารพนับถือ หรือลูกศิษย์ลูกหาผู้ที่พอมีกำลังเหลือไปพบหลวงพ่อ ท่านจะชวนให้ช่วยกันซื้อที่รอบวัด เพื่อโครงการอาคารสงเคราะห์นี้เสมอ ๆ
    ฉากสุดท้าย
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ถ้าดูภาพทั่วไปจะเห็นมีญาติโยม ลูกศิษย์มากมาย มาถวายสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ แต่หลวงพ่อท่านก็บริโภคขบฉันเท่าที่จำเป็น บริจาค เสียสละส่วนเกินเพื่อผู้อื่น ถ้าเหลือเป็นกลุ่มก้อนก็จะบริจาคสร้างสาธารณประโยชน์อื่นๆ ท่านมีชีวิตเรียบง่ายและพอเพียงแต่เป็นระบบ เจ้าระเบียบและเข้มงวด ลูกศิษย์ใกล้ชิดบางคนจะบอกว่าท่านดุ เพราะท่านจะบังคับให้ทำให้ได้ ท่านเป็นคนเข้มแข็งและแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านพักผ่อนน้อย แต่ท่านหลับได้ง่าย แม้จะมีกิจนิมนต์ต้องเดินทางบ่อย ๆ ท่านก็ยังเจียดเวลาพักผ่อนพร้อมกับการเดินทางได้
    จนเมื่อปี พ.ศ. 2542 ท่านเริ่มมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ทำให้ร่างกายในซีกซ้าย ไม่มีแรง ได้เข้ารับการตรวจร่างกาย และรับการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ระยะแรก ๆ การรักษาไม่ค่อยต่อเนื่อง เพราะเวลาใดที่ท่านสามารถไปไหนมาไหนได้ ท่านก็จะไปเพื่อฉลองศรัทธาของลูกศิษย์ หลังจากนั้นท่านก็เริ่มมีโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวานซึ่งเป็นโรคที่จะต้องรักษาแบบควบคุม ไม่ใช่โรคที่รักษาให้หายขาดและอาการเจ็บไข้เพิ่มขึ้น ในขณะที่ร่างกายก็เสื่อมลงตามวัย
    เมื่อปี พ.ศ. 2544 - 2545 ท่านเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเดชาหลายเดือนจนอาการท่านดีขึ้น สามารถกลับมาพักรักษาตัวที่วัดได้ท่านก็กลับวัด โดยมีพระภิกษุคอยดูแลปรนนิบัติ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วง ปีพ.ศ. 2546 ประมาณกลางปี พระครูปลัดสรพงศ์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นเหลนของหลวงปู่ ก็ได้มีศรัทธาเข้ามาเป็นผู้ดูแล (คิลานุปัฏฐาก) และหลังจากนั้น พระครูสมุห์มานะซึ่งสนิทสนมกับพระครูปลัดสรพงศ์ ก็อาสามาช่วยดูแลอีกรูปหนึ่ง ประกอบกับท่านเป็นผู้มีความสามารถเฉพาะตัวในการปรับภูมิทัศน์สภาพแวดล้อมและพระภิกษุผู้ดูแลทั้งสองรูปก็ได้ทำหน้าที่เป็นอย่างดีเรื่อยมาอย่างหาที่ติมิได้ (ตั้งแต่นั้น จนถึงวันสุดท้าย) เดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2546 คุณหมอวีรยุทธเชาว์ปรีชา เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกจากโรงพยาบาลวิภาวดีได้มาพบท่าน เห็นว่าเป็นอาการที่น่าจะรักษาให้หายได้ด้วยวิธีทางกายภาพบำบัด จึงกราบนมัสการนิมนต์ท่านไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลวิภาวดี อาการดีขึ้นบ้างแล้วท่านก็กลับมารักษาตัวที่วัด และได้กลับไปรับการรักษาอีกครั้ง ทางโรงพยาบาลและคุณหมอได้ถวายการรักษาและค่ารักษาพยาบาลแก่หลวงพ่อฯทั้งหมด คณะศิษย์ของหลวงพ่อทุกท่าน/ทุกคนขออนุโมทนา และขอบคุณเป็นอย่างสูง
    หลวงพ่อมาหัดเดินอยู่ที่วัด เกิดขาอ่อนแรงทำให้ท่านทรุดตัวนั่งกระแทกลง ท่านบ่นว่าเจ็บที่สะโพก แต่ไม่มากนัก ทุกคนคิดว่าอีกไม่กี่วันคงหาย แต่ใกล้เวลาที่ท่านจะเดินทางไปต่างประเทศ จึงต้องให้หมอตรวจร่างกายก่อน ท่านจึงไปให้หมอตรวจร่างกาย ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์กลับพบว่ากระดูกสะโพกร้าว ในที่สุดต้องผ่าตัดและนอนพักฟื้นนานพอสมควรที่โรงพยาบาลจุฬาฯ จนต้องงดการเดินทางในคราวนั้น
    ท่านเดินทางกลับจากอเมริกาครั้งสุดท้าย เมื่อปลายปี 2550 ก็ได้เตรียมจัดงานฉลองอาคารพิพิธภัณฑ์ -ห้องสมุดที่ท่านสร้างขึ้นเป็นผลงานสุดท้าย ณ วัดแสนเกษม เขตหนองจอก แต่การก่อสร้างยังไม่ค่อยเรียบร้อย ต้องเก็บงานที่เหลืออีกระยะหนึ่ง และจัดงานฉลองขึ้น เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 อีก 3 วันจากนั้น คือวันที่ 13 พฤษภาคม ท่านก็ต้องเข้ารักษาตัว ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพราะเห็นว่ามีประวัติการเจ็บป่วย (เวชระเบียน) อยู่ที่นี่แล้ว จากการตรวจอย่างละเอียดของคณะแพทย์ พบว่าเนื้อร้าย (มะเร็ง) ในลำไส้เริ่มพัฒนา ในทางกลับ กันแนวต้านในร่างกายก็ลดลงเรื่อยๆ หลังจากคณะแพทย์ได้พยายามหาทางเยียวยา และท้ายที่สุด ก็ตัดสินใจร่วมกันกับคณะลูกศิษย์ว่าไม่ตัดเนื้อร้าย ไม่ต้องรักษาด้วยเคมีบำบัด เพราะจะทำให้ท่านเจ็บปวดมากขึ้น และกระตุ้นให้เนื้อร้ายพัฒนาเร็วขึ้น เพราะสังขารของท่านอาจไม่สามารถต้านทานต่อผลข้างเคียงของการรักษาบางวิธี
    ท่านกลับมาพักฟื้นที่วัด 2 เดือน วันที่ 6 กันยายน ต้องกลับไปโรงพยาบาลอีกเป็นครั้งที่ 2 หมอดูแลอยู่ 10 วัน จนถึงวันที่ 16 กันยายนหมอเห็นว่าท่านดีขึ้นแล้วอยากให้กลับวัด เพราะการอยู่โรงพยาบาลเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ก็ตกลงกลับวัดอีกครั้ง กลับมาคราวนี้เพียง 3 วันท่านมีอาการไข้สูงก็ต้องกลับเข้าโรงพระบาลอีกครั้ง วันนั้น เป็นเวลาเย็นฝนก็ตกเป็นฟ้ารั่วมองไปที่ไหนก็มืดมิด แต่ไม่มีอะไรจะกีดกั้นไว้ได้ ลูกศิษย์ได้พาหลวงพ่อฝ่าสายฝนไปจนถึงห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลจุฬาฯจนได้ คราวนี้อยู่นาน... จนถึงวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ขณะที่ลูกศิษย์ลูกหาส่วนหนึ่งกำลังเตรียมข้าวของ เพื่อตักบาตรในวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อ (4 ธันวาคม) ดังที่เคยปฏิบัติมาเช่นทุก ๆ ปี เวลา 5 โมงเย็นเศษ หลวงพ่อก็ได้ละสังขารไปเสียก่อน ณ เวลาเช่นนี้เอง สัจธรรมได้ปรากฏชัด ศิษย์ทุกคนเข้าใจดีว่า แม้จะโศกเศร้าอาลัยอย่างไร แต่เราไม่มีอำนาจต่อรองหรือแม้จะขอผ่อนผันกับพญามัจจุราช ผู้มีรี้พลเป็นจำนวนมาก...งานทุกอย่างก็ต้องดำเนินไปอย่างดีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้น การตักบาตรวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อฯ ก็ดำเนินไปตามปกติ แม้สังขารของหลวงพ่อจะยังฝากอยู่ที่โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ เพราะติดวันหยุดราชการสำคัญ
    พระภิกษุผู้เป็นคิลานุปัฏฐาก (เฝ้าไข้) และลูกศิษย์ที่จะต้องไปเยี่ยมไข้หลวงพ่อบ่อย ๆ ได้พบเห็นการปฏิบัติงานของคุณหมอ, พยาบาล และเจ้าหน้าที่นานวันเข้า ทำให้เกิดความเข้าใจที่ดีต่อกันมากขึ้น เพราะท่านเหล่านั้นต้องปฏิบัติดูแล ผู้คนที่ไม่รู้จักมักคุ้น ด้วยความรู้สึกจริงใจและหวังดีไม่ว่าผู้ป่วยจะอยู่ในสภาพอย่าง ได้พบเห็นเหตุการณ์อย่างนี้แทบทุกวันคณะลูกศิษย์ของหลวงพ่อขอชมเชยในน้ำใจอันสูงส่งนี้ และขอขอบคุณในความเอื้ออาทรเป็นอย่างสูง ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย ฯ
    บุญมา กองเสนา ผู้รวบรวม
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญพระประธานพรหลวงพ่อสุพจน์วัดสุทัศน์ชุด 3 เหรียญ ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240610_145547.jpg IMG_20240610_145621.jpg IMG_20240610_164034.jpg IMG_20240610_164054.jpg
     
  13. Nantana

    Nantana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +212
    รูปเหมือนลอยองค์ รุ่น"ผ้าป่าถวายหลวงพ่อโต 2541
    ขอจองค่ะ
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    ลพรวย-1024x1536.jpg


    บรรพชาและอุปสมบท
    เมื่ออายุ ๑๖ ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดตะโก โดยมี พระสมุห์บุญช่วย เจ้าอาวาสเป็นพระอุปัชฌาย์ ในขณะที่ครองเพศพรหมจรรย์ ท่านได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ในด้านพระคันถธุระ (พระปริยัติธรรม) สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี
    เมื่อมีอายุครบบวช ราวปี พ.ศ.๒๔๘๔ ก็ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดตะโก โดยมี พระครูสุนทรธรรมนิวิฐ (หลวงพ่อชื่น) เจ้าอาวาสวัดภาชี เจ้าคณะอำเภอภาชีเป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดจ้อย เจ้าอาวาสวัดวิมลสุนทร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสมุห์บุญช่วย เจ้าอาวาสวัดตะโก (ในสมัยนั้น) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับสมณฉายาว่า “ปาสาทิโก” แปลว่า “ผู้มีความเลื่อมใสในธรรม”
    ครั้นอุปสมบทแล้ว ได้อยู่จำพรรษาที่วัดตะโกเรื่อยมา ได้ศึกษาด้านคันถธุระพระปริยัติธรรมเพิ่มเติม จนสอบได้นักธรรมชั้นโท ในปี พ.ศ.๒๔๘๕ และสอบได้นักธรรมชั้นเอกในปี พ.ศ.๒๔๘๗
    ◎ สืบทอดพุทธาคม
    หลังจากจบนักธรรมเอกแล้ว ท่านคิดว่าเพียงพอสำหรับด้านคันถธุระแล้ว เพราะพระที่อยู่ตามชนบทบ้านนอก พอที่จะรักษาพระธรรมวินัยเพศพรหมจรรย์ ให้รุ่งเรืองและเป็นนำสอนชาวบ้านบ้านได้แล้ว ท่านก็หันมาสนใจทางด้านวิปัสสนาธุระ โดยมองเห็นประโยชน์ในด้านการปฏิบัติ เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ออกเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาเรียนพระกรรมฐานกับครู บาอาจารย์เก่งๆ ในยุคนั้น อาทิเช่น
    ๑. หลวงพ่อชื่น วัดภาชี อยุธยาฯ เชี่ยวชาญด้านวิปัสนากรรมฐาน ที่สืบทอดพุทธาคมมาจากหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ เป็นที่รู้จักกันดีในยุคนั้น ซึ่งมีศิษย์ที่ศึกษาวิชาจากหลวงพ่อกลั่นมากมาย อาทิเช่น หลวงพ่อใหญ่ หลวงพ่ออั้น หลวงพ่อเภา หลวงพ่อศรี หลวงปู่ดู่ และหลวงพ่อชื่น ศิษย์หลวงพ่อกลั่น ที่กล่าวถึงทั้งหมดนี้ ปัจจุบันได้มรณะภาพไปหมดแล้ว ซึ่งแต่ละองค์ล้วนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างดี
    ๒. หลวงพ่อแจ่ม วัดแดงเหนือ เชี่ยวชาญเวทมนต์คาถาอาคม ได้ถ่ายทอดสรรพวิชาให้หลวงพ่อรวยทุกอย่าง อาศัยความขยันหมั่นเพียรและความตั้งใจมุ่งมั่น จึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จนวิชาที่เล่าเรียนปฏิบัติเข้มขลังในพลังแห่งวิทยาคมสูงส่ง

    126322951.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหล่อหลวงพ่อรวยวัดตะโกหลังหลวงพ่อชื่นวัดภาชีผู้เป็นอาจารย์ท่าน
    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240611_184340.jpg IMG_20240611_184314.jpg IMG_20240611_184242.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2024
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    ประวัติพระครูพิศิษฎ์รัตโนภาส(หลวงพ่อเสียน ปภากโร)เจ้าอาวาสวัดมะนาวหวาน อดีตเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย
    ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2470 โดยได้บวชเณรตั้งแต่เล็กจนครบอายุบวชพระ เมื่อปี 2490
    ได้บวชและอยู่ที่วัดมะนาวหวาน จนหลวงพ่อองค์ก่อนมรณภาพ จึงได้แต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี 2497 จนถึงปัจจุบันรวมบวชมา 65 พรรษา อายุ 85 ปี
    หลวงพ่อเสียนท่านมีแต่ให้ และส่งเสียเด็กวัดจนได้ดิบได้ดีจำนวนมากและมีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วประเทศ ทุกวันจะมีมาหาไม่ขาดสายเพราะท่านเป็นพระสายเมตตามหานิยม
    ที่สำคัญท่านออกวัตถุมงคลหลายรุ่นด้วยกันที่โด่งดัง รุ่น 1 เหรียญรูปไข่ รุ่นสร้างศาลาการเปรียญปี 17 ตะโพนกรามช้างที่โด่งดัง
    หลวงพ่อเสียน เมื่อบวชแล้ว ท่านก็อยู่ที่วัดมะนาวหวานรับใช้หลวงพ่อเล็กพระอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาให้ท่านมากมายเป็นพระอริยสงฆ์ที่กราบได้สนิทใจ
    ท่านเป็นผู้ทรงศีลปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ มาจากหลวงปู่เล็ก (อดีตเจ้าอาวาสวัดมะนาวหวาน)
    หลวงพ่อเสียน ท่านละสังขารอย่างสงบเมื่อเวลา 08.00 น. ของวันที่ 3 เม.ย. 55 ที่ผ่านมาครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อเสียนวัดมะนาวหวาน
    120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240611_184608.jpg IMG_20240611_184635.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1718185842132.jpg

    เหรียญลป.เอี่ยมหลังยันต์สี่ ปี ๒๕๑๙ มหาพิธีพุธษาพิเศกใหญ่ที่วัดหนังครับ. มีหลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลีและพระครูช้วนวัดหนัง. และเกจิอาจาร์อีกมากครับ.... หลวงปู่เอี่ยม หรือ พระภาวนาโกศลเถระ (เอี่ยม สุวณฺณสโร) เกิดเมื่อวันศุกร์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๗๕ ซึ่งหากเป็นเหรียญที่ทันท่านปลุกเสกนั้นเป็นเหรียญยอดนิยม อันดับต้นๆในชุดเบจภาคีเหรียญคณาจารย์ที่ทุกคนในวงการพระเครื่องรู้จักเป็นอย่างดีหรือแม้แต่คนต่างชาติยังต้องยอมรับ เหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนังถือว่า ไม่เป็นสองรองใคร พุทธคุณดีทางด้านอยู่ยงคงกระพัน รวมถึงเมตตามหานิยมและแคล้วคลาด หรือเรียกง่ายๆว่าพุทธคุณครอบจักรวาล นั้นเองดังนั้น จากอดีตถึงปัจจุบันนักสะสมจึงเสาะหากันเป็นอย่างมาก ยิ่งนับวันเหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง จะมีค่านิยมเป็ นทวีคูณหรือหาค่าเปรียบมิได้.....หากจะหาของแท้ที่ทันท่านปลุกเสก....ราคาแพงมากกว่า เกินเอื้อมสำหรับบุคคลทั่วๆไป แถมยังเสี่ยงว่าเหรียญนั้นจะแท้หรือไม่ ในกระทู้นี้เป็นซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถครอบครองในราคาที่จับต้องได้ มีการปลุกเสกแน่นอน (หลวงปู่โต๊ะฯ ร่วมปลุกเสกด้วยครับ) 1) ด้านหน้าเหรียญ -บริเวณกลางเหรียญเป็นรูปหลวงปู่นั่งขัดสมาธิบนตั่ง -ที่ขอบเหรียญข้างซ้ายมือของหลวงปู่ จะมีข้อความว่า" วัน ๖ เดือน ๑๑" -ที่ขอบเหรียญข้างขวามือของหลวงปู่ จะมีข้อความว่า" ปีมะโรง จัตวาศก" 2)ด้านหลังเหรียญ -บริเวณกลางเหรียญเป็นรูปยันต์สี่และอักขระยันต์ -ที่ขอบเหรียญข้างซ้ายมือของเรา จะมีข้อความว่า" วัอนุสรณ์ ๕๐ ปี" -ที่ขอบเหรียญข้างขวามือของเรา จะมีข้อความว่า" พ.ศ.๒๕๑๙"
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240612_164646.jpg IMG_20240612_164733.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1718300675291.jpg FB_IMG_1718302447609.jpg FB_IMG_1718302444730.jpg FB_IMG_1718302452975.jpg FB_IMG_1718302450272.jpg FB_IMG_1718302458988.jpg FB_IMG_1718302455678.jpg
    เหรียญเสมาหลวงพ่อมั่งบ้านตาแผ้วบุรีรัมย์ ครูบาอาจารย์ยุคเก่าวัตถุมงคลของท่านมากประสบการณ์
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240614_004115.jpg IMG_20240614_004220.jpg IMG_20240614_004044.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2024
  18. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,146
    ค่าพลัง:
    +1,189
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    upload_2024-6-14_17-47-47.jpeg
    เปิดวัดเจดีย์หอยฟังเทศนา“พระครูสุนทร คุณธาดา”

    ชนะใจตัวเองไม่ได้ แล้วจะชนะใจใคร?

    upload_2024-6-14_17-47-47.jpeg

    ได้มีโอกาสเดินทางไปกราบนมัสการและฟังธรรมเทศนา กับ พระครู ดร.สุนทร คุณธาดา อายุ 77 ปี บวช 56 พรรษา เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หอย ต.บ่อเงิน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ปกครองพระสงฆ์ 18 รูป สามเณร 10 รูป สังกัดมหานิกาย บนเนื้อที่ กว่า 100 ไร่ เป็นที่ตั้งของ กุฎิ อุโบสถ เป็นต้น

    ทว่า ที่โดดเด่น เป็นที่สะดุดตา สำหรับนักเดินทาง นักท่องเที่ยว ผู้ผ่านไปมา ยิ่งนัก ก็คือ เจดีย์หอย ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนหน้าวัด ด้วยประติมากรรม ทำมือ ประดับเปลือกหอย นับหลายล้านชิ้น ตกแต่ง สวยงาม กลายเป็น “เจดีย์หอย” อย่างน่าทึ่ง

    พระครู ดร.สุนทร คุณธาดา หรือ หลวงพ่อทองกลึง สุนทโร เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หอย ต.บ่อเงิน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เล่าประวัติวัยเด็กให้ฟังว่า อาชีพนั้น ทำไร่ทำนา โยมพ่อ โยมแม่ ทำนา ทำสวน ระหว่างได้เติบโตมา อายุ 2 ขวบ 4 เดือน เกิดโรคภัยไข้เจ็บ ใน จ.ปทุมธานี เกิดอหิวาตกโรค ทำให้ โยมแม่และโยมพี่ 2 คน เสียชีวิต ซึ่งโยมพ่อ ฟุ้งซ่านสับสน เพราะทำใจไม่ได้ จึงพาโยมพ่อไปหาญาติพี่น้อง ให้ญาติพี่น้องปลอบใจ เป็นกำลังใจ อยู่กับญาติหลายวัน เห็นว่าดีขึ้นแล้ว จึงพาโยมพ่อมาอยู่กับโยมพี่สาว กระทั่งอาตมาถึงวัยเกณฑ์ทหาร ก็เกณฑ์ทหาร เป็นทหารรับใช้ชาติอยู่ 2 ปี และพี่สาวบอกว่า ก่อนแม่เสียชีวิต อยากให้บวช ก็เลยอุปสมบท เมื่อตอนอายุ 26 ปี วันที่ 9 ก.ค. พ.ศ.2512 ณ.พัทธสีมา วัดชินวรารามวรวิหาร ต.บางขะแยง อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี

    upload_2024-6-14_17-47-47.jpeg

    พระครู ดร.สุนทร คุณธาดา เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หอย กล่าวว่า บวชมาประมาณ 5 พรรษา จึงไปคุยกับพระอุปัชณาย์ วัดบางโพธิ์ใน ว่า กระผมตอนนี้ ได้ศึกษาเรียนนักธรรม สอบได้นักธรรม ชั้นโท จะเรียนนักธรรมชั้นเอก แต่นักธรรมชั้นเอก ขอหยุดก่อน ผมมีความประสงค์ อยากไปหาหลวงพ่ออุตตมะ ที่วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่ออุตตมะ พร้อมศึกษาเกี่ยวกับธรรมะ วิปัสสนา กรรมฐาน การเดินธุดงค์ พร้อมกับ เรียนเวทย์มนต์ คาถา ภาษามอญ ศึกษาอยู่กับหลวงพ่ออุตตมะ ประมาณ 6 ปี จากนั้น ได้กลับมาศึกษาต่อกับหลวงพ่อรอด วัดเกริน จ.ปทุมธานี ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเวลานั้น โดยศึกษาเกี่ยวกับ การทำแหวนพิรอด สร้างพระสมเด็จ 2 หน้าและเกี่ยวกับ เวทย์มนต์คาถา ต่อมา ไปหาหลวงพ่อบุตร ที่วัดชินวราราม ศึกษาการทำน้ำมนต์ การถอนของ และศึกษาเวทย์มนต์คาถาด้วย เสร็จแล้ว เดินทางไปวัดน้ำวน ได้สอบถามพูดคุยกับท่านพระอาจารย์กล้ม ท่านพระอาจารย์อำภา และครูบาอาจารย์เกี่ยวกับเวทย์มนต์ คาถา ในการทำน้ำมนต์ต่างๆแล้ว จึงไปหาศึกษาเรียนกับหลวงพ่อเส็ง วัดบางนา และหลวงพ่อลี่ วัดสองพี่น้อง ไปศึกษาธรรมกับหลวงพ่อสลัก วัดประดู่ทรงธรรม ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้น เดินทางไปหาหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ จ.ปทุมธานีและไปหาหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ปฏิบัติธรรม เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อ ที่วัดประดู่ทรงธรรม จ.พระนครศรีอยุธยา สมัยนั้น หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม มีชื่อเสียงโด่งดัง ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมา กลับมาศึกษากับหลวงปู่รอด วัดเกริน ศึกษา เกี่ยวกับ เวทย์มนต์ ถาคา ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บกับหลวงปู่รอด ท่านบอกว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สมควรที่จะศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน เลยกลับไปศึกษาเล่าเรียนกับหลวงพ่ออุตตมะอยู่เป็นประจำ และบอกกับหลวงพ่ออุตตมะว่า กระผมจะขออนุญาตหลวงพ่อ ออกธุดงค์วัตร จะไปทั่วๆ จะตั้งสัจจะว่า จะขอไปองค์เดียว ไม่ใส่รองเท้า ไม่รับปัจจัย จากญาติโยม จะฉันมื้อเดียว

    upload_2024-6-14_17-47-47.jpeg

    “ธุดงค์วัตร คือ ข้อปฏิบัติที่เข้มงวดเป็นพิเศษ เพื่อขัดเกลากิเลส พระพุทธเจ้าไม่ได้บังคับให้ภิกษุถือปฏิบัติ ใครจะปฏิบัติหรือไม่ก็ได้ มี 13 ข้อ ประกอบด้วย 1.ถือการนุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร 2.ถือการนุ่งห่มผ้าสามผืนเป็นวัตร 3.ถือการบิณฑบาตเป็นวัตร 4.ถือการบิณฑบาตไปตามลำดับแถวเป็นวัตร 5.ถือการฉันจังหันมื้อเดียวเป็นวัตร 6.ถือการฉันในภาชนะเดียว คือ ฉันในบาตเดียว 7.ถือการห้ามภัตตาหารที่เขานำมาถวายภายหลังเป็นวัตร 8.ถือการอยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร 9.ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร 10.ถือการอัพโภกาสที่แจ้งเป็นวัตร 11.ถือการอยู่ป่าช้าเป็นวัตร 12.ถือการอยู่ในเสนาสนะตามมีตามได้เป็นวัตร และ 13.ถือการเนสัชชิกังคธุดงค์ คือ การไม่นอนเป็นวัตร ซึ่งอาตมา เดินธุดงค์ไปทั่วประเทศและต่างประเทศ เช่น มาเลเซียและพม่า รวม 13 ปี”

    พระครู ดร.สุนทร คุณธาดา เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หอย เทศนาสอนญาติโยม ว่า การที่จะให้ของดีแก่ญาติโยมนั้น ญาติโยมเอาธรรมะไปก็แล้วกัน ถ้าญาติโยม มีความประสงค์จะได้ขอให้ไปที่วัด แล้วจะมอบให้ แต่หมายความว่า วันนี้ ให้ญาติโยมนั้น ให้รับธรรมะไปก่อน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้ญาติโยมทั้งหลาย พิจารณาว่า ชีวิตเกิดมานั้น มันเลือกที่เกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำความดีได้ ความดีไม่มีขาย ต้องหาเอา ต้องทำเอา โยมต้องอดทน โยมต้องขยัน โยมต้องประหยัดและโยมต้องทำหน้าที่ของโยมให้เต็มที่ ดังนี้ 1.ให้รักพ่อแม่ 2.เคารพครูบาอาจารย์และ 3.ให้ทำบุญสุนทาน แล้วโยมจะทำอะไรก็สุดแท้ ให้ตั้งสติ โยมต้องมีสมาธิ และโยมทำงานด้วยปัญญา โยมไม่มีปัญญา โยมจะทำงานได้อย่างไร โยมไม่อดทนจะอยู่ได้ไง โยมไม่อดทนจะเป็นผู้นำที่ดีได้อย่างไร โยมไม่อดทนจะเป็นครูบาอาจารย์คนได้อย่างไร ดังนั้น โยมจะทำอะไรก็สุดแท้ โยมจะต้องเข้าใจว่า โยมต้องคิดก่อนแล้วทำ คิดก่อนแล้วพูด คิดก่อนแล้วไป คิดก่อนแล้ว โยมจะทำอะไร ฉะนั้น โยมต้องคิดก่อน

    upload_2024-6-14_17-47-47.jpeg

    การที่อาตมา เดินธุดงค์ ไปภาคใต้ทุกจังหวัด เราได้สัมผัสกับชาวใต้ เดินทางประมาณ 3 ครั้ง ที่ธุดงค์ไป นอกจากนั้น เราไปจังหวัดทั่วไป ทุกภาค เพื่อเราไปหาความสงบ และเราไปชนะใจตนเอง เรานั่งสมาธิทุกสถานที่ ทุกจังหวัด ทุกป่า “ ชั่วช้างกระดิกหู ชั่วงูแลบลิ้น ชั่วไก่ขบปลีก “ อานิสงส์ ทำจิตให้สงบ ทำใจให้สบาย จะทำให้เรานี่ เกิดปัญญาญาณ และได้ความคิดเห็น จากความสงบ ทุกสถานที่

    ญาติโยมทั้งหลาย คิดอยู่ตลอดเวลาว่า อยากจะอยู่คนเดียว รับรองว่า ในโลกนี้อยู่ไม่ได้แน่นอน จะอยู่ในสถานที่ใดก็ได้ จะไปนั่งปฏิบัติธรรมอยู่ที่ท้องสนามหลวงก็ได้ หรือสวนจตุจักรก็ได้ หรือที่ไหนก็ได้ ดังนั้น ถ้าจิตสงบแล้ว มันจะไม่ฟุ้งซ่าน มันจะไม่สับสน เพราะจะต้องเอาชนะจิตของเราให้มันสงบ จนได้ จิตของเราเหมือนลิง ซึ่งลิงจะอยู่ในสวนสัตว์หรือในป่า มันไม่สงบ มันจะยุกยิกยักตลอดเวลา

    เพราะฉะนั้น จิตของเรา จะต้องเอาชนะ ถ้าเราเอาชนะใจตัวเองไม่ได้ แล้วเราจะเอาชนะใจใคร....

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับวปไซท์หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
    รูปหล่อพระพุทธนฤมิตรัตนชนะมาร วัดเจดีย์หอยหลวงพ่อทองกลึง ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240614_174917.jpg IMG_20240614_174937.jpg
    IMG_20240614_174850.jpg
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,725
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1718375623418.jpg

    ประวัติหลวงปู่ทองฤทธิ์ อุตตโม
    ใกล้ออกจากตัวจังหวัดกาฬสินธุ์ประมาณ 30 กิโลเมตรมีวัดป่าเงียบสงบตั้งอยู่ในบ้านโนนน้ำเกลี้ยงตำบลโนนน้ำเกลี้ยงอำเภอสหัสขันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์มีพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมชาวบ้านในละแวกนั้นต่างเลื่อมใสนามว่าหลวงปู่ทองฤทธิ์อุตตโมเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันเกจิอาจารย์ผู้เรืองฤทธิ์และมีชื่อเสียงของภาคอีสานเป็นเด็กชายอายุประมาณ 10 ขวบได้พบและอุปทานรับใช้หลวงปู่มั่นภูริทัตโตวัดป่าบ้านพอกใหญ่อำเภอพรรณานิคมจังหวัดสกลนครตอนที่หลวงปู่เป็นโยมอุปทานของหลวงปู่มั่นภูริทัตโตนั้นหลวงปู่มั่นได้เขียนพระคาถาลอดช่องพื้นกระดานให้หลวงปู่มั่นบอกให้ท่องจำไว้จะได้มีปัญญาดีมือหลวงปู่ทองฤทธิ์ได้เกิดความศรัทธาในตัวของหลวงปู่มั่นที่เห็นท่านฉันอาหารในหาดใหญ่มีผู้คนมาฟังเทศน์ฟังธรรมกันมากมายจึงมีความคิดที่จะบวชจนอายุได้ 18 ปีจึงได้บวชเป็นสามเณรที่วัดศรีธรรมราชบ้านพอกใหญ่ตำบลพอกใหญ่อำเภอพรรณานิคมจังหวัดสกลนครและในขณะที่ท่านบวชเป็นพระสามเณรนั้นหลวงปู่มุมได้บวชเป็นพระภิกษุแล้วท่านเป็นสามเณรจนอายุครบบวชจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดธรรมราชบ้านพอกใหญ่โตมาเมื่อปี 2481 ท่านได้ไปอบรมสมถกรรมฐานกับหลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญกรุงเทพมหานครจนสำเร็จวิชาธรรมกายขั้นอุกฤษเรียกว่าอัคนีธาตุกรดเมื่อพ.ศ 2483 ท่านได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเดิมอันเป็นบ้านเกิดของท่านปีต่อมาท่านได้อบรมเป็นพระอุปัชฌาย์ต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ที่สามารถบวชกุลบุตรได้หลวงปู่ทองฤทธิ์ได้บวชอยู่มหานิกายถึง 22 พรรษาต่อมาหลวงปู่ทองฤทธิ์อุตตโมท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูอุดมสิทธิกิจจนเมื่อปี 2496 ท่านอื่นในงานด้านบริหารปกครองพระจึงขอลาออกจากสมณศักดิ์ควบคุมหน้าบำเพ็ญกิจของสงฆ์หาทางปล่อยระหว่างเดินตามแนวทางปฏิบัติของพระอาจารย์มั่นภูริทัตโตและได้ไปขอเรียนปัสสนากับหลวงปู่ขาวอนาลโยวัดถ้ำกลองเพลจนพบว่าที่ปฏิบัติงานมานั้นยังไม่ถูกต้องจึงสึกออกนุ่งขาวห่มเท้าออกเดินดงอยู่ 2 ปีแล้วปวดไหล่กับหลวงปู่ขาวอนาลโยในธรรมยุตินิกายและได้มากบำเพ็ญความเพียรจำพรรษาที่วัดพุทธนิมิตภูค่าวอำเภอสหัสขันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์และในปี 2500 ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าฉันทนิมิตรถึงปี 2507จึงย้ายไปอยู่กูทำใจที่ผูก๙๕พรรษาต่อมาได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดด่านศรีสำราญธงสีชมพูอำเภอบึงกาฬจังหวัดหนองคายซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นจังหวัดบึงกาฬแล้วจากนั้นไปจำวัดอยู่ในพื้นที่สีแดงสั่งสอนอบรมชาวบ้านคิดร้ายต่อชีวิตของท่านสิทธิ์ของท่านเลยพาท่านนี้มาอยู่ณวัดป่าฉันทนิมิตรราวปี 2522 จนละสังขารตอนมรณภาพหลวงปู่ทองฤทธิ์ท่านได้อนุญาตให้คุณชินพรสุขสถิตย์สร้างพระให้ท่านหลายพิมพ์จนเป็นที่เลื่องลือในสมัยนั้นย้อนกลับไปกับการสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทองฤทธิ์ของคุณชินพรเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่จังหวัดระยองได้มอบให้คุณชินพรสุขสถิตย์สร้างพระกริ่งชินบัญชรรุ่นแรกและรุ่นเดียวของท่านหลังจากนั้นพระกริ่งชินบัญชรค่อยๆดึงดังมาจนเป็นที่ยอมรับและสนนราคาไม่น้อยไปกว่าพระกริ่งรุ่นเก่าๆที่มีผู้เช่าหากันมากหลวงปู่ทิมเคยพูดไว้ว่านอกจากพระเครื่องของท่านแล้วคุณชินพรจะสร้างพระให้โด่งดังอีกครั้งหนึ่งนะพรจึงได้เฝ้าเพียรพยายามแสวงหาเกจิอาจารย์ที่จะสร้างพระกริ่งไอ้โด่งดังอีกครั้งหนึ่งตามคำพยากรณ์ของหลวงปู่ทิมจนมาพบหลวงปู่ทองฤทธิ์อุตตโมวัดป่าฉันทนิมิตรจังหวัดกาฬสินธุ์ตอนนั้นท่านอายุ 91 ปีมีหูตาแจ่มใสสามารถลงอักขระเลขยันต์ได้โดยไม่ต้องใส่แว่นตาเป็นพระอริยสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตเมื่อพบกันครั้งแรกคุณชินพรสุขสถิตย์และดาบตรีชินวัฒน์จุลสุคนธ์ได้เอาแผ่นทองแดงที่เตรียมมาถวายให้หลวงปู่ทองฤทธิ์ลงเป็นตะกรุดหลวงปู่ทองฤทธิ์ท่านได้ลงแผ่นทองแดงด้วยพระญาณและอักขระเพียงไม่กี่ตัวแล้วก็ม่วงยกขึ้นจบแล้วส่งให้คุณชินพรอัมพรเล่าว่างงมากไม่คิดว่าท่านจะทำเสร็จเร็วขนาดนั้นท่านผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ลองเอาไปยิงดูสิคุณรับประกันว่ารักเดียวไม่ออกคุณชินพรและคุณธนวัฒน์จริงนามสกุลไปทดลองแล้วก็ปรากฏเป็นด่างทำที่คุณลุงโยมอุปฐากของหลวงปู่ได้กล่าวไว้นะพรจึงเชื่อแน่ว่าได้พบพระแท้พระเก่งกี่องค์นึงเข้าแล้วในวันเดียวกันนั้นคุณชินพรจึงได้นำปรกมะขามซื้อปรกฤาษีที่สร้างขึ้นมาในนามของหลวงพ่อองค์หนึ่งให้หลวงปู่ทองฤทธิ์ท่านปลุกเสกอีก 1 คืนปรากฏว่ากลุ่มมะขามรุ่นนี้โด่งดังขึ้นมาในชั่วข้ามคืนช่วงปีพ.ศ 2536 ต่อมาหลวงปู่ทองฤทธิ์อุตตโมและคณะกรรมการวัดป่าฉันทนิมิตรได้อนุญาตให้มูลนิธิหลวงปู่ทิมนิโกรสร้างพระกริ่งในนามของท่านเป็นครั้งแรกในวันเสาร์ 5 ปี 2539 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2539 ปัจจุบันนี้ถึงแม้หลวงปู่ทองฤทธิ์อุตตโมเกือบ 20 ปีแล้วแต่ความดีของท่านยังเป็นที่ประจักษ์มาจนถึงทุกวันนี้

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    หลวงปู่ทองฤทธิ์วัดป่าฉันทนิมิตรให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240603_132312.jpg IMG_20240603_132336.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...