กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,853
    ค่าพลัง:
    +4,698
    เช้าวันนี้ยังอยู่ในช่วงบรรยากาศของวันเข้าพรรษา
    เป็นอะไรที่แสนจะบังเอิญอีกครั้ง
    ความจริงเมื่อวาน(ปักหมุด26)หน้า33 จะเป็นหน้า32
    แต่ผมข้ามไปเพราะเห็นว่าเรื่อง
    "เจดีย์พระธาตุพนมล้มลงเมื่อปี2518 ในคืนที่ผมฝันปริศนา"
    กับเรื่อง"ผ่านไป 27ปีก่อนวันเข้าพรรษา1วัน
    ผมและครอบครัว3คนเห็นเงาพระธาตุพนมบนท้องฟ้า"
    (อยู่หน้า32 ลำดับ#635)ที่ผมข้ามไปเพราะไม่ต้องการลงซ้ำอีก
    แต่วันนี้เหมือนเป็นไฟน์บังคับที่ผมต้องตัดสินใจ
    ดึงมาเพื่อสะดวกต่อท่านที่ไม่เคยอ่าน
    https://palungjit.org/threads/A1.612040/
    เพราะข่าวจากผจก.ออนไลน์(8/6/2565)
    ร่วมด้วยเพจนครพนมบ้านเฮาลงภาพเงาพระธาตุพนม
    มีรายละเอียดบางประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
    คือประเด็นที่1.ที่ว่าก่อนถ่ายรูปจะไม่เห็นเงาพระธาตุ
    และประเด็นที่2.ถ่ายรูปแล้วจึงเห็นเงาพระธาตุจากรูป
    (ตามเหตุผลที่ว่าไว้ในเนื้อหาข่าว)


    ซึ่งทั้ง2ประเด็นนี้ต่างกับที่ผม3คนเห็นเงาพระธาตุพนม
    ในช่วงเย็นๆก่อนวันเข้าพรรษา 1 วัน

    คือ 1. ครอบครัวเรา3คนเห็นเงาพระธาตุก่อน...จึงถ่ายรูป
    และ 2.ถ่ายหลายรูปแล้วในรูปไม่เห็นเงาพระธาตุ...แม้แต่รูปเดียว
    ทั้งที่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและเป็นบุญตาที่ได้เห็นเงาพระธาตุพนม

    *แต่หลังจากได้อ่านเนื้อข่าวในผจก.ออนไลน์
    และภาพถ่ายเงาพระธาตุจากเพจนครพนมบ้านเฮา

    ผมกลับรู้สึกปลื้มปิติดีใจอย่างยิ่ง
    และต้องขอบคุณเนื้อข่าวนั่นเป็นบวกต่อกระทู้ผมเรื่องเงาพระธาตุ
    **เพราะผมไม่มีรูปถ่ายเงาพระธาตุเป็นหลักฐานมายืนยัน**
    แต่มีรูปท้องฟ้ายังสว่างซึ่งทางวัดยังไม่ได้เปิดไฟ(ตามรูป)
    ต้องขออภัยถ้าไปขัดแย้งกับสายวิทย์หรือนักวิชาการบางท่าน
    ที่บอกว่าเงาพระธาตุบนท้องฟ้าเกิดจากแสงไฟ เคสนั่นอาจจะใช่
    แต่เงาพระธาตุที่ผมและครอบครัว3คนเห็นพร้อมกัน
    "ไม่ได้เกิดจากแสงไฟแน่นอน"(ตามรูปถ่ายที่ผมส่งให้ดู)

    ผมจึงขอสรุปอีกครั้งสั้นๆว่า...
    เงาพระธาตุสีเทาอ่อนรูปทรงลักษณะตั้งตรงที่เรา3คนเห็น
    "มาจากบุญญาภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระธาตุพนม"
    **เป็นเรื่องที่มีอยู่จริงตามคำเล่าลือ โดยไม่มีข้อสงสัยใด**
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2024 at 21:24
  2. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,853
    ค่าพลัง:
    +4,698
    สุดอัศจรรย์ ภาพสะท้อน “องค์พระธาตุพนม” ปรากฏการณ์พิเศษในวันพระที่ผ่านมา
    เผยแพร่: 28 ส.ค. 2565 13:37 ปรับปรุง: 28 ส.ค. 2565 13:37
    โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    สุดอัศจรรย์ ภาพสะท้อน “องค์พระธาตุพนม” ในวันพระที่ผ่านมา เป็นปรากฏการณ์สุดพิเศษที่ชาวเน็ตให้ความสนใจอย่างมาก

    284491_0 - Copy - Copy.jpg

    เพจ “นครพนม บ้านเฮา” เผยภาพสุดอัศจรรย์ ปรากฏการณ์ภาพสะท้อนของ “องค์พระธาตุพนม” ที่ จ.นครพนม โดยเป็นภาพสะท้อนขององค์พระธาตุพนมด้านบนท้องฟ้า ซึ่งทางเพจให้ข้อมูลว่าเป็นปรากฎการณ์ภาพสะท้อนองค์พระธาตุพนม ในวันพระใหญ่ บุณเดือน ๙ ห่อข้าวประดับดิน ณ วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

    ด้าน รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าไปแสดงความคิดเห็นด้วยว่า “ต้องฝากถามท่านเจ้าของภาพ ว่าจริงๆ ตอนมองด้วยตาเปล่าก็ไม่เห็นภาพของพระธาตุหัวกลับด้านบน ใช่ไหมครับ ถ้าใช่ ก็น่าจะเป็นผลจากแสงจากตัวพระธาตุ สะท้อนเข้ามาที่เลนส์ของกล้อง ทำให้เกิดภาพหัวกลับขึ้น และถ่ายได้จังหวะที่สวยงามพอดี”

    ต่อมา แอดมินเพจ “นครพนม บ้านเฮา” ได้แสดงความเห็นตอบว่า “มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นครับ ส่วนตัวผมก็คิดว่าเป็นการหักเหของแสงอะไรสักอย่างของเลนส์มือถือ (ซึ่งตรงนี้ผมก็ไม่มีความรู้) แล้วก็เกิดภาพสะท้อนขึ้นมาตามรูป ก็เอามาเพิ่มสีแสงนิดหน่อยให้ชัดขึ้น เรื่องความเชื่ออันนี้ก็นานาจิตตัง ก็ประมาณนี้ครับอาจารย์”ทั้งนี้ “พระธาตุพนม” ประดิษฐานอยู่ภายใน วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระธาตุศักดิ์สิทธิ์สำคัญยิ่งแห่งถิ่นอีสาน เป็นพระธาตุประจำวันเกิดวันอาทิตย์ตามคติความเชื่อทางภาคอีสานที่เชื่อว่า ณ ที่แห่งใดซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุหลัก บริเวณใกล้เคียงก็จะมีพระธาตุบริวารเกิดขึ้นรายล้อมพระบรมธาตุองค์หลัก ซึ่งพระธาตุพนมถือเป็นพระบรมธาตุองค์หลักนั่นเอง


    ขอขอบคุณแหล่งที่มา
    https://mgronline.com/travel/detail/9650000082470


    เพจ "นครพนมบ้านเฮา"
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,014
    สวัสดีครับ เห็น คุณ 9 พูดถึงเรื่องพระธาตุ นึกออกพอดีว่าพอมีเรื่องเล่าบ้างครับ คำว่า พระธาตุ ตามประสบการ์รเท่าที่เคยเห็นก็จะมีสัณฐาน ที่แตกต่างกันออกไป แต่น้อยมากที่จะเห็นเป็นสัณฐานเป็นวงกลม และมักจะไม่มีแรงดึงดูดภายในตัวเองส่วนสีก็มักจะไม่ค่อยสดครับ ส่วนถ้าเป็นสัณฐานของพระสรีระนั้น มักจะเป็นวงกลม มีสีสันสวยงาม และก็จะมีแรงดึงดูดในตัวเอง ถ้าเราไม้จิ้มฟันไปลองเขี่ยๆดูก็จะทราบได้เอง และขนาดก็มีตั้งแต่เล็กมากจนประมาณหัวเข็มหมุด หัวไม้ขีด(สองขนาดนี้ส่วนตัวเคยมี นานมาแล้วตั้งแต่สมัยเริ่มนั่งสมาธิใหม่ๆ เคยลงในเวบนี้นานแล้ว แต่ถ้าเป็นของ ลพ.ที่เคารพท่านละสังขารไปแล้วหลายปี ที่เป็นท่านที่แนะเรื่องเจริญสติกับแนะเรื่องสมาธิรวมทั้งระบบภพภูมิ เส้นผมท่านเปลี่ยนเป็นสัณฐานวงกลมขนาดเท่าลูกแก้วได้ครับ มีเป็นถาดเลยครับ หลวงพี่ใกล้ชิดท่านปลงผมเองกับมือ ภาพที่วัดตอนนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ครับ ตอนนั้นเสด็จมา ครั้งแรก ๗ สีจากเดิมมีสีแดงสีเดียว ถ้าจำไปผิดขอมาจากชมรมพระธาตุที่ กรุงเทพฯ ทางชมรมจะให้พระธาตุ ๑ องค์และพระสรีระสีแดงจำนวนหนึ่งมา ต่อมามี สีทองและสีออกคล้ายๆมะม่วงม่าเหมี่ยว และสีใส มาเพิ่ม ต่อมาพระธาตุถึงเริ่มมีพระธาตุเสด็จมาเพิ่ม และก็ได้พระธาตุจากหลานของอดีตสมเด็จพระฯ องค์ก่อนล่าสุด มาอีก ๑o องค์ ในจำนวนนี้ มีสีดำด้วย อยู่ไปซักพัก ก็มีมาเพิ่มเหมือนก๊อปปี๊ เท่ากันทั้งขนาดและสี ยกเว้นสีดำสีเดียวที่เหมือนเดิม ส่วนของพระสรีระ ถ้าจำไม่ผิด น่าจะแจกไปจำนวน ๗ คน ส่วนพระธาตุที่เพิ่มมา และพระสรีระอีกบางส่วน นำไปบรรจุไว้ในเศียร พระหลวงปู่ใหญ่ ที่ อ.ปักธงชัย น่าจะหกเจ็ดปีได้มั่งจำไม่ค่อยได้ครับ) ส่วนเรื่องปรอทธาตุ ก็พอมีประสบการ์ณ ตอนนั้นฝึกจนเห็นมีนิมิตปรอท สองส่วน แต่ถูกพระเกจิฯท่านหนึ่งท่านพูดย้ำถึงสามครั้งว่า ห้ามไปยุงเกี่ยวหรือให้เลิกฝึกไปเลย ส่วนตัวก็เลยเชื่อตามท่าน แต่ก็ลองใช้หลักการนั้น มาลองเรียกพระธาตุแทน ก็มีเสด็จมาองค์เดียว สีใส ขนาดเล็กกว่าหัวไม้ขีดประมาณสามเท่า และก็ไม่ได้สนใจเรื่องทำนองนี้อีกเลยครับ ส่วนเรื่อง เหล็กไหล ส่วนตัวเคยมีของ ลพ.หวล แต่ว่าให้เค้าไปหมดแล้วครับ จะพอมีประสบกาณ์ กรณีเหล็กไหลแบบที่ เชิญมา เคยปะชะดะ กับท่านที่มาเหล่านั้น สุดแท้ไม่มีอะไรสู้ได้ แพ้ราบคาบ ๕๕ สุดท้ายทางนั้น ทักส่วนตัวมาว่า สวัดดีเพื่อน ตอนนั้นก็ยังงงๆอยู่ ๕๕ และที่เคยได้ยินคือเรื่องปรอทเสด็จ ส่วนนี้พระเกจิที่ยังมีชีวิตอยู่เล่าให้ฟังว่า เวลาไปไหนจะไปเป็นกลุ่ม เหมือนผึ้งบินนั่นหละครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะพระธาตุ พระสรีระ ปรอท เหล็กไหล นั้น ในวงการ ท่านจะเรียกว่า "ภูตอากาศ" ครับ เคยได้สัณฐานเล็กๆ สีใสจำนวนหนึ่งจากรุ่นน้อง เค้าบอกว่าเป็นของพระโพธิฯ แต่ส่วนตัวพบว่า ไม่มีอะไรเปลียนแปลงครับ
    และก็ยังไม่มีประสบการ์ณ ในกรณีเสด็จมาบนพระเครื่องเลยครับ ไม่งั้นคงได้มีเรื่องมาโม้ให้ฟังแน่นอน
    เอาจริงๆนะครับ ปัจจุบัน ส่วนตัวเฉยๆครับ กับเรื่องนี้
    เพราะคิดว่า บุคคลที่ มีประสบการ์ณตรงๆจริงๆ ก็คงไม่รู้ว่าจะเล่าหรือพูดให้คนทั่วไปฟังไปทำไม เพราะว่ายังไม่สามารถพิสูจน์ได้เป็นทางการ แต่ด้วยเหตุที่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ถึงได้มีประสบการ์ณ เกี่ยวกับการเสด็จของวัตถุ
    ย้ำว่าวัตถุนะครับ ตย.เช่น ยางลบหาย เดินไปเดินมาพบว่ามาปรากฏเป็นฝ่ามือเราเอง ย้ำว่า ตย.นะครับ ด้วยความสงสัย เลยถามพระเกจิฯ ท่านบอกว่า ครูบาร์อาจารย์ ท่านทำให้ดูว่า โลกนี้ยังมีอะไรแบบนี้อยู่ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่ส่วนตัวจะทำได้ และตอนนี้พูดให้ฟังยังไงสวนตัวก็ไม่เข้าใจ ความหมายก็คือ แค่ฟังไว้เฉยๆนั้นหละครับ ท้ายนี้มองว่าเข้าพรรษาปีนี้ ค่อนข้างเริ่มต้นด้วยอากาศที่เย็นสบายดี เลยกลางปีแล้ว โรคร้ายแรงโควิดที่เคยเป็นกันคงน่าจะเกือบหมดไปแล้ว(พูดไว้สามปีก่อน)
    ยังไง ก็ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันทุกคน
    ** อย่าลืมออกกำลังกายไว้ให้สม่ำเสมอนะครับ เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรงที่สุด และก็พยายามเพิ่มความเร็วในการเดินด้วยครับ เพื่อยืดอายุร่างกายของเราเอง อย่าปล่อยให้ตัวเอง มีน้ำหนักเกินมารตฐานนะครับ เพราะเดี๋ยวโรคภัยไข้เจ๊บจะถามหาเอาได้ง่ายครับ
    พยายามมองโลกในแง่ดี รู้จักการปล่อยวางเรื่องราวในอดีต ไม่เป็นคนหยุมหยิม คิดเล็ก คิดน้อย รู้จักการเติบโตการพัฒนาคุณภาพทางจิตให้เจริญขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าคิดไม่ออก ก็ให้มองย้อนดูว่า นิสัยต่างๆ ในภาพรวมของเราถ้าเทียบกับในอดีตที่ผ่านมาเราดีขึ้นไหมนั้นหละครับ
    ปล.ถ้าใจเราดีแม้ภายนอกเราไม่ดี
    แต่ใจของเราก็ยังดีอยู่
    แต่ถ้าใจเราไม่ดี แม้ภายนอกเราจะดีแค่ไหน
    ใจเราก็ยังไม่ดีครับ
    การเสาะแสวงหาครูบาร์อาจารย์ยังเป็นเรื่องภายนอก
    การสร้างสะสมบุญเพื่อหนุนขึ้นที่สูงวันข้างหน้า
    บุคคลที่จะยกพัฒนาระดับจิตตนเอง คือบุคคล
    ที่เอาตัวเราเองเป็นครูบาร์อาจารย์ตนเองนั้นหละครับ
    วันนี้จิตเกิดกี่เรื่อง เป็นกุศลไหม หรือเป็นอกุศ คอยพร่ำสอนคอยเตือนตนเอง ตัวจิตก็จะพัฒนาได้เร็ว มีความละเอียดมากยิ่งขึ้นไปตามลำดับ ส่งผลให้มีโอกาสสูงในการไปถึงที่หมายในวันข้างหน้าครับ
    แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...