ผู้สามารถ บรรลุนิพพานได้ คือผู้ชนะ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Saint Telwada, 29 เมษายน 2008.

  1. Saint Telwada

    Saint Telwada สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +5
    นิพพาน หรือ ปรินิพพาน เป็นชื่อชั้นการฝึกปฏิบัติธรรม ในทางศาสนาพุทธ ขั้นสูงสุด
    ผู้จะเข้าถึงนิพพาน ได้ ต้องผ่าน ระดับชั้น การฝึกปฏิบัติ ตั้งแต่ ระดับ โสดาบัน ฯ เป็นต้นมา
    ก่อนที่จะสำเร็จธรรมในชั้นต่างๆนั้น ล้วนต้อง บรรลุถึง ก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงจะเข้าสู่ชั้นสำเร็จ ในชั้นนั้น
    ข้าพเจ้าได้ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และได้ฝึกปฏิบัติ จนได้ผลอย่างชัดแจ้งแล้วว่า
    ชั้นการฝึกปฏิบัติธรรม ในทางพุทธศาสนานั้น มีจริง เป็นจริง ซึ่งในแต่ละชั้น ตั้งแต่ชั้นโสดาบันฯ เป็นต้นไป จนถึงระดับ อรห้นต์ และ นิพพานนั้น ล้วนมีปรากฏการณ์ทางสรีระร่างกายที่แตกต่างกันไป คำว่า ปรากฏการณ์ทางสรีระร่างกาย ย่อมหมายรวมถึงสภาพสภาวะจิตใจด้วย
    ผู้บรรลุนิพพานนั้น จะเปรียบได้กับเป็นผู้ชนะต่อสรรพสิ่งทั้งมวล ไม่ว่าจะชนะ กิเลส ในตัวเอง ยังสามารถชนะ กิเลสในตัวผู้อื่นที่แสดงออกมาอีกด้วย
    คำว่า ผู้ชนะนั้น ไม่ได้เหมือนการชนะในการแข่งขันกีฬา หรืออื่นๆทั่วๆไป
    เพราะการชนะในทางศาสนานั้น หมายถึงสามารถขจัด ควบคุม ป้องกัน สิ่งที่เรียกว่ากิเลสทั้งมวล และยังอาจหมายรวมถึง สภาพการณ์ต่างๆ ทางธรรมชาติอีกด้วย
    การบรรลุนิพพานนั้น ยังเป็นเพียงการบรรลุ ยังไม่ถึงขั้นสำเร็จ เพราะการจะสำเร็จนิพพานนั้น จำเป็นต้องสละทุกอย่าง ถึงแม้ไม่บวช ก็สำเร็จได้ ขึ้นอยู่กับ สภาวะจิตใจ และความต้องการของบุคคลนั้นๆว่า จะสละ หรือขจัดทุกอย่างหรือไม่
    การบรรลุถึงนิพพานนั้น สรีระร่างกาย ก็จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานนิวเคลียส ที่มีทั้งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คือความเป็น อัตตา คือมีตัวมีตน สามารถมองเห็นเป็นรูปร่าง แต่โปร่งแสง มีฉัพพรรณรังสี เปล่งออกมาตลอดเวลาที่มีการแปรเปลี่ยนทางสรีระร่างกาย
    การบรรลุนิพพาน อีกรูปแบบหนึ่งนั้น สรีระร่างกาย ก็จะแปรเปลี่ยน เป็นธาตุทั้ง 5 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศธาตุ มนุษย์ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
    การแปรเปลี่ยนของสรีระร่างกายนั้น หมายถึง การแปรเปลี่ยนทางสรีระร่างกายที่เป็นมนุษย์นี้แหละ แปรเปลี่ยนไปตามที่ได้อธิบายไป การแปรเปลี่ยนอย่างหลังนี้ เรียกว่า "อนัตตา" คือ ความไม่มีตัว ไม่มีตน
    การบรรลุนิพพานที่ เรียกว่า "อัตตา"นั้น สาเหตุ ก็เพราะ มีความหลง หรือความห่วง อะไรบางอย่าง อันเป็นอย่างละเอียด สุด จึงยังคงรูปให้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สรีระร่างกายก็แปรเปลี่ยน จากมนุษย์ ไปสู่อีกมิติหนึ่ง
    ส่วน การบรรลุนิพพาน ที่เรียกว่า "อนัตตา"นั้น หมายถึง ไม่หลง ไม่ห่วง หลุดพ้นจากวัฏจักร อย่างสิ้นเชิง สรีระร่างกาย จะแปรเปลี่ยน เป็นอากาศธาตุ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
    แต่ยังคงมีรูป อันเป็นรูปที่มนุยษ์มองไม่เห็น

    การแปรเปลี่ยนทางสรีระร่างกาย เมื่อบรรลุนิพพานนั้น จะแตกต่างจาก รูปร่างหรือสรีระร่างกายของ โอปปาติกะ เช่น เทวดา รุกขเทวา เจ้าที่ ฯลฯ เพราะ รูปร่าง ของโอปปาติกะ นั้น มีธรรมอยู่น้อย
    แต่ผู้บรรลุนิพพาน สำเร็จด้วยธรรม จึงสามารถ กำหนดได้ คือ ที่ว่า เป็น "อนัตตา"นั้น จะกำหนดให้เห็นเป็นรูปร่าง ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ได้ เช่นกัน
    อธิบายมาพอสมควร เมื่อท่านทั้งหลายได้อ่าน ก็โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และคิดพิจารณาด้วย ขอรับ
    เพราะข้าพเจ้าไม่ท้าให้พิสูจน์ตัวข้าพเจ้า ขอรับ
     
  2. Hikikomori

    Hikikomori เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +326
    ชนะแล้วยังไง ไปดีอยู่คนเดียวแล้วไม่คิดถึงคนทางโลกมั่งเลยเหรอ ว่าเขาต้องรับเคราะห์กันต่อไปอีกนานแค่ไหน

    โปรดกลับมาจุติใหม่เถอะ มาสอนคนที่ยังไม่รู้ที

    ก็ไม่รู้เหมือนกันถ้านิพพานกันหมดโลกจะเป็นยังไงเนี่ย คงแปลกพิลึก
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เทวาด่า มาคราวนี้ เป็น นักบุญแล้วหรือ ดีครับดี
    แต่ธรรมยังไม่กระชับ แต่ก็ถือว่า น่าอ่านระดับหนึ่งครับ

    ยินดีด้วยที่เริ่ม ชนะกิเลสในตัวเองได้บ้าง
     
  4. Saint Telwada

    Saint Telwada สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +5
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า
    คำถามของคุณ เป็นคำถามที่ดีมาก น่าจะเอาตั้งเป็นกระทู้ได้อีกหนึ่งกระทู้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว
    ที่ว่าสำคัญ ก็เพราะพวกคุณ หรือคนส่วนใหญ่ ในแวดวง พุทธศาสนานั้น ได้รับการสอนมาผิดๆ ก็เลยเกิดความเข้าใจผิดๆ คิดว่า นิพพาน แล้วไม่ยุ่งทางโลก เป็นการเข้าใจผิดมากๆเลยทีเดียว
    ถ้าทุกคนในโลกมนุษย์ นิพพานกันหมดทุกคน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการบรรลุถึงนิพพาน ไม่ใช้การตัดขาดจากการกระทำในการสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน
    แต่การบรรลุนิพพานนั้น เป็นการรู้จักขจัดอาสวะแห่งกิเลสให้สิ้น
    ถ้าจะกล่าวแบบให้เข้าใจง่ายขึ้น ก็หมายความว่า บุคคลผู้บรรลุนิพพานนั้น ก็เหมือนบุคคลธรรมดาทั่วไป เพียงแต่สามารถขจัดคลื่นแห่งกิเลส เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ออกจากร่างกายได้
    เพราะการสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน ย่อมต้องปฏิสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน ย่อมได้รับการสัมผัสทางอายตนะ คือ หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    ผู้บรรลุนิพพาน ต้องกิน ต้องใช้ ต้องอาศัยเครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เช่นเดียวกัน ปุถุชนคนทั่วไป เพียงแต่ มีความพอดี ตามแต่ฐานะ ถ้าตัวคนเดียว ก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าอยู่กับครอบครัว ก็คงมากหน่อย หากคู่ครองไม่ได้บรรลุนิพพานด้วย อย่างนี้เป็นต้น
    จะเขียนไปก็ยาวไป เพราะอธิบายไป บางครั้งก็มึนในความหมายของภาษาเหมือนกัน
    เอาเป็นว่า
    ถ้ามนุษย์ทุกคน บรรลุนิพพานได้ โลกทั้งโลก ก็จะเป็นปกติสุข อาชีพทุกอาชีพ ก็ยังมีอยู่ แถมอาชีพบางอาชีพ ก็จะได้รับการพัฒนาให้ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ ขยะ อาจจะไม่มีเลยก็ว่าได้
    โจรผู้ร้าย ก็ย่อมไม่มีเช่นกัน อาชีพ ตำรวจก็ยังคงมีอยู่ ตามเดิมไม่เสียหาย อยู่กันอย่างสนุกละคุณ
    เพราะถึงนิพพานแล้ว อยากจะดูหนังดูละครก็ดูได้ ไม่ผิด เพราะขจัดอาสวะได้อยู่แล้ว สนุกนะคุณ
    เพราะการบรรลุนิพพาน มีหลายชั้นหลายขั้น ขึ้นอยู่กับความรู้ ถ้าถึงขั้น ไม่ต้องรับประทานยารักษาโรค ไม่เจ็บไม่ไข้ ก็หลุดพ้นจากวัฎจักร เบื่อ ก็จุติดับ ไปสู่สิ่งที่มนุษย์เรียกว่า สวรรค์ อย่างนี้เป็นต้น
     
  5. หล่อลำน้ำ

    หล่อลำน้ำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +40
    สวัสดีท่านเทลวาดา ตอนนี้ Upgrade เป็นเซียนเทลวาดา แล้วเหรอ?

    เมื่อก่อนโน้นให้พิสูจน์กันแบบจ่ะ ตอนนี้ข้าวของแพง ไม่พิสูจน์กันอีกแล้วรึ?

    สวัสดี จากคนเดิมๆ ครับ
     
  6. Saint Telwada

    Saint Telwada สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +5
    ตอนนี้ ข้าวของราคาสูงขึ้น 80 ถึง 120 เปอร์เซนต์ ขอรับ

    แต่พวกนักเศรษฐศาสตร์ พวกนักการเมืองบอก เงินเฟ้อ 5 เปอร์เซ็นต์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แถมยังมัวเถียงกัน หาเรื่องกัน ไม่หยุดไม่หย่อน ไม่รู้สมองทำด้วยอะไร จริงเลย

    เพราะเหตุสินค้าราคาสูงราคาแพงนั้นแหละ จะเที่ยวท้าให้ใครเขามาพิสูจน์ เขาก็จะว่าเอาได้ว่า ไม่รู้จักอะไรเลย เศรษฐกิจยอบแยบ ยังไปท้าเขาเสียค่ารถมาพิสูจน์ ยุคนี้ต้องประหยัดแล้วขอรับ ไม่ท้าใครขอรับ
    แต่ใครอยากพิสูจน์ ก็มาได้เลยขอรับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า (พูดเล่นนะ)
     
  7. ThesLong

    ThesLong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +827
    มีชนะ ก็ย่อมมี แพ้
    เมื่อเจ้า หยุดชนะและหยุดแพ้ เจ้าจะพบมันเอง
     
  8. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    " ข้าไม่สนอะไรอีกแล้ว "

    ขอยืมลายเซ็นต์ คุณ ThtsLong มาใช้หน่อย เข้ากับสถาณการณ์ดี หุหุ
     
  9. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    เคยอ่านหนังสือพระพุทธเจ้ารู้ ไอน์สไตน์เห็น
    เขาบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีสิ่งเดียวที่ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของกาลเวลาคือ จิตที่เป็นนิพพาน
     
  10. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณใบไม้ฯ ระดับความรู้ ความเข้าใจของคุณ และความสามารถในการปฏิบัติ ของคุณ อยู่ในชั้นไหนกันละที่จะทำตัวเป็นอาจารย์ ชี้แนะผู้อื่น
    คุณสามารถพิสูจน์ ตัวคุณเอง ได้ไหมละว่า สำเร็จธรรมชั้นใด ในทางพุทธศาสนา คุณไม่มองดูตัวคุณ หลงตัวเอง ข้าพเจ้าแนะนำให้คุณ ไปโรงพยาบาล เพื่อรักษาอาการ โรคจิตประสาท ชนิด หลงคิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองรู้ แต่พิสูจน์ไม่ได้ แถมพอถามอะไร ที่สำคัญ คุณก็ตอบไม่ได้อีก ได้แต่เขียนมั่ว ไปตามความคิด ความเข้าใจ อันวิปริต หลงผิดของคุณ
    อย่าสะเออะ อย่าหยิ่งผยอง ถ้าคุณปฏิบัติธรรม ได้จริง และสามารถพิสูจน์ได้จริง ค่อยเสนอตัวแนะนำ หรือสอนผู้อื่น
    คุณกล้าท้าให้พิสูจน์ ตัวคุณ หรือคุณมีหลักธรรมคำสอน รวมไปถึงวิธีปฏิบัติ เป็นของตัวคุณเองไหมละ
    อย่างมาก ก็แค่เรียนแบบมา แล้วก็มั่วคิดเอาเอง อีกทั้งยัง มั่วเขียนใส่ร้าย บิดเบือนหลักธรรม หลักการ หรือประวัติของศาสนาอื่นๆ จนทำให้ศาสนาเขาเสี่อมเสีย ไม่รู้ตัวอีก แก้ยาก แต่คงไม่เกินกำลังของจิตแพทย์ดอกนะคุณใบไม้ฯ ฮ่า ฮ่า
     
  11. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    เอ้า คุณผู้ใช้ชื่อว่า "ใบไม้นอกกำมือ"
    ตอบคำถามหน่อย แฟนขอร้อง
    อย่าเอาแต่บอกว่า อะไรไร ก็เขียนให้แล้ว ที่คุณเขียนให้นะ มันมั่ว พิสูจน์ไม่ได้ว่ามีจริง เป็นจริง
    เอาแบบของจริงซิคุณ
    ฮ่า อ่า ฮ่า
     
  12. Soodyod

    Soodyod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +385
    สีอาน ของจริงต้อง อารมณ์โกรธ เป็นหลักใช่ไหม ครับ คุณเสือเผ่นป่าราบ
     
  13. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า
    ไม่สร้างสรรค์ เลยนะคุณ ทำตัวเป็นบ่างช่างยุ ซะด้วย ฮ่า
     
  14. หลวงพี่เหว

    หลวงพี่เหว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +17
    แล้วที่หลวงปู่หลวงตาที่ท่านได้อรหันต์ นิพพานอยู่หลังตายไม่ใช่เหรอ
     
  15. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    สมัยข้าพเจ้ายังเป็นนักเรียน ข้าพเจ้าก็คิดอย่างที่คุณกล่าวถึงนั่นแหละ คือ นิพพาน หรือ ปรินิพพาน หมายถึง การตาย เพราะได้เรียนจากครูบาอาจารย์ รวมไปถึงอ่านหนังสือ ด้วย

    แต่เมื่อ ได้ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และทดลอง ปฏิบัติ จึงพบว่า นิพพาน หรือ ปรินิพพาน เป็นชื่อชั้น ในการฝึกปฏิบัติ ธรรม ขั้นสูงสุด หมายความว่า การฝึกปฏิบัติธรรมทางพุทธศาสนานั้น มีชื่อชั้น เป็นขั้น เป็นตอนไป ดังนี้
    ขั้นที่ 1 คือ โสดาบัน อันแบ่งได้เป็น โสดาบัน ปฏิ มรรค , โสดาบันปฏิผล , และ ชั้นมรรผล
    ในขั้นนี้ จะมี ปรากฏการณ์ทางสรีระร่างกายเกิดขึ้น เนื่องเพราะสามารถขจัดอาสวะในบางเรื่องบางสิ่งออกไปได้ และมีฤทธิ์บางอย่างเกิดขึ้น
    ขั้นที่ 2 คือ สกทาคมี ในขั้นนี้ จะสามารถขจัดอาสวะแห่งกิเลส ในชั้นที่ละเอียดขึ้นกว่าขั้นที่ 1 สามารถมองเห็นและรู้ว่า อะไรคือ กิเลส ที่ละเอียด มากขึ้น

    ขั้นที่ 3 คือ อนาคามี ในขั้นนี้ กลไกในการขจัดอาสวะแห่งกิเลสจะเริ่มเป็นกลไกอัตโนมัติ และสามารถรู้ และเข้าใจในความละเอียดอ่อน ของคลื่น ความรู้สึก อารมณ์ ความคิด ชนิดที่เรียกว่า ถ้าเข้าใกล้ ผู้หญิง หรือผู้ชาย ก็จะปรากฏ รัศมี หรือฉัพพรรณรังสีออกมาป้องกัน คลื่นได้เองโดยอัตโนมัติ เขาจึงให้ความหมายของอนาคามี ว่า "ผู้ไม่เข้าสู่กามภพอีก" ซึ่งจริงแล้ว ไม่ค่อยถูกต้องนัก

    ขั้นที่ 4 คือ อรหันต์ ในขั้นนี้ เมื่อบรรลุถึง จะคาบเกี่ยวกับ
    ขั้นที่ 5 คือ นิพพาน ด้วย เพราะ สรีระร่างกาย จะแปรเปลียน เป็นโปร่งแสง มองทะลุได้ เนื่องเพราะนิวเคลียส ทั่วร่างกายมีพลังงาน เพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายเปลี่ยนจากกายเนื้อ เป็นกายทิพย์ ในบางครั้ง
    อีกทั้ง ยังมีปรากฏการณ์ อีกหลายอย่างที่มากกว่าในชั้น ที่ 3 ในที่นี้ไม่ขอกล่าว
     
  16. หล่อสะท้านภพ

    หล่อสะท้านภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +66
    เถียงกันอยู่ได้เรื่องแบบนี้มันรู้ได้เฉพาะตนผู้ที่ไม่บรรลุเข้าถึงนิพพานจริงๆต่อให้เปิดตำราทั้งโลก ระดมสมองคนทั้งโลกมาคิดก้ไม่มีวันเข้าใจได้หรอก
     

แชร์หน้านี้

Loading...