รวบรวมข้อมูลเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 28 กันยายน 2006.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ได้โทรคุยกับทางคิทแคมป์แล้วครับ

    ว่าขอให้ช่วยมาอบรมการจัดเป้ฉุกเฉิน กระเป๋าฉุกเฉินในยามเกิดภัยพิบัติ

    คาดว่าจะจัดในเดือน สค. ครับ รอคำตอบเรื่องสถานที่อยู่

    เน้นการไปใช้งานได้จริง ทั้งช่วยตัวเองและช่วยผู้อื่นครับ
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ฤดูหนาวนิวเคลียร์ (nuclear winter)

    [​IMG]

    นักวิทยาศาสตร์ได้เก็บข้อมูลที่เมืองฮิโรชิมา กับนางาซากิ หลังจากที่ได้เกิดระเบิดแล้วทั้งผลระยะสั้น และผลระยะยาว พบการเปลี่ยนแปลงของเซลในร่างกาย ( ผม, ลำไส้, ไขกระดูก, อวัยวะสืบพันธุ์ ) ปีค.ศ. 1980 นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า หลังจากสงครามนิวเคลียร์อุบัติขึ้น จะเกิด ฤดูหนาวนิวเคลียร์ เพราะการระเบิดของนิวเคลียร์ ที่มนุษย์มีครอบครองอยู่ในปัจจุบัน จะทำให้ฝุ่นผงที่อยู่บนพื้นโลก ถูกยกตัวสูงขึ้น ลอยอยู่ในชั้นของบรรยากาศเบื้องบน และฝุ่นผงเหล่านี้จะไปบดบังไม่ให้แสงอาทิตย์ส่องมายังพื้นโลก ทำให้อุณหภูมิของโลกเย็นลง จนอาจเกิดยุคน้ำแข็งขึ้นอีกครั้ง การสังเคราะห์แสงของพืชและแบคทีเรียจะลดลงด้วย ห่วงโซ่อาหารขาดออก สัตว์ต่างๆรวมทั้งมนุษย์ด้วยจะสูญพันธุ์

    ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดมาแล้ว เมื่อ 60 ล้านปีก่อน กับไดโนเสาร์ และทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ทั้งหมด แต่ตอนนั้นไม่ได้เกิดจากการระเบิดของนิวเคลียร์ แต่เป็นลูกอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่วิ่งเข้าชนโลก และทำให้เกิดฤดูหนาวเช่นเดียวกัน แต่เป็นฤดูหนาวอุกกาบาต การเย็นตัวในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งบนพื้นโลก และเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ก็มี ดังเช่น การระเบิดของภูเขาไฟหลายๆแห่ง ถ้าเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ รอบๆบริเวณนั้นอุณหภูมิจะลดลง และอาจจะมีหิมะตกอยู่หลายสัปดาห์ทีเดียว


    วิธีการเอาตัวรอดจากภัยหนาว

    [​IMG]

    แม้ว่าในประเทศไทยเรานั้น จะไม่ค่อยประสบปัญหาภัยหนาว ที่ร้ายแรงมากคือเกิดแค่บางพื้นที่ เช่น ภาคเหนือ ภาคอีสาน แต่การรู้จักระวังและรู้วิธีการป้องกันภัยหนาว การเอาตัวรอด อาจส่งผลดีไม่ต้อง วัวหายแล้วล้อมคอก เหมือนเหตุการณ์ที่เคยประสบมาครั้งก่อน ๆ เพราะแนวโน้มการเกิดภัยหนาวนั้นทวีความรุนแรงขึ้นทุก ๆ ปี

    - เตรียมอุปกรณ์การยังชีพและอุปกรณ์สำรองต่าง ๆ เพราะเราไม่อาจหยั่งรู้ว่าภัยหนาวจะหมดไปเมื่อไหร่และจะมีหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือหรือไม่ อุปกรณ์ที่จำเป็น ได้แก่ โทรทัศน์ วิทยุ โทรศัพท์ ไว้สำหรับฟังติดต่อสื่อสารกับด้านนอก เครื่องนุ่งห่ม ไฟฉายพร้อมแบตเตอร์รีสำรอง ไม้ขีดไฟ น้ำดื่ม อาหารกระป๋อง ยาสามัญประจำบ้าน เป็นต้น

    - เสื้อผ้า ควรเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายมาก ๆ เหมาะสมกับอุณหภูมิที่หนาวจัดถ้าเป็นเสื้อกันหนาวควรมีความหนากันลมได้และมีหมวกข้างหลัง หมวกควรเป็นแบบปิดหูหน้าและปิดส่วนปากเพราะมีความบอบบางมาก รองเท้าที่สวมใส่ควรเป็นรองเท้าบูทยาวกันน้ำได้

    - กรณีอยู่ในประเทศที่มีหิมะตก อุณหภูมิติดลบ อย่าให้หิมะเข้าปากได้เพราะจะทำให้ร่างกายเกิดอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงกะทันหันอาจทำให้เจ็บป่วยได้

    - ทำตัวให้กระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลาแต่ถ้าจำเป็นต้องพักผ่อน นอนหลับ ก็ควรสำรวจว่าเครื่องนุ่งห่มที่ใส่อยู่สามารถกันความหนาวให้ความอบอุ่นได้เพียงพอ

    - ถ้าจำเป็นต้องขึ้นรถออกนอกบ้าน ควรเปิดเครื่องทำความร้อนช่วยให้ความอบอุ่น

    [​IMG]

    ผลกระทบจากภัยหนาว

    ภัยหนาวที่เกิดขึ้นในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกนั้นสร้างความเสียหายให้แก่มนุษย์ สัตว์และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ บนโลกมากมาย โดยความเสียหายนี้แบ่งออกได้เป็นข้อใหญ่ ๆ ดังต่อไปนี้

    อิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์

    ถึงแม้ในประเทศไทยจะประสบปัญหาภัยหนาวไม่รุนแรงมากนัก หรือจะเป็นเพราะหนาวขั้นรุนแรงบางพื้นที่และเป็นระยะเวลาที่สั้นทำให้ไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่ข้อมูลที่แสดงความเสียหายจริงนั้นมีมากมาย เช่นอากาศที่หนาวขึ้นทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดบวม โรคคางทูม ไข้หวัด และโรคผิวหนังที่มักเกิดกับผู้ชราภาพจะเกิดมากในช่วงเวลาที่อากาศแห้ง โดยเฉพาะหน้าหนาว และที่ทำให้ตายทุกปีแม้ยอดผู้เสียชีวิตจะไม่ถึง 10 คนต่อปีก็ตาม คือโรคหนาวตายนั่นเอง

    อิทธิพลต่อทรัพย์สินมนุษย์

    ในส่วนของต่างประเทศนั้นจะมีระดับความรุนแรงมากแต่สำหรับประเทศไทยความรุนแรงไม่ค่อยมากอาจเป็นเพราะระยะเวลาของหน้าหนาวเป็นช่วงสั้น ๆ เพียง 3 เดือน และก็กลับมาอากาศอบอุ่นจึงไม่สร้างปัญหามากนัก จะมีก็เพียงปัญหาที่เกิดกับสัตว์เลี้ยงและพืชที่มนุษย์ปลูกและเลี้ยงไว้ สัตว์เลี้ยงพวกกินพืชอาจขาดหญ้าสด พืชที่ปลูกไว้ในเขตร้อนอาจตายได้เพราะไม่ทนกับอากาศที่หนาวจัด แต่ในต่างประเทศเกิดความเสียหายอย่างเห็นได้ชัดเจนเช่นตึก อาคาร

    อิทธิพลที่มีต่อพันธุ์พืช

    พืชเติบโตตามอุณหภูมิไม่เหมือนกันอุณหภูมิต่ำลงพันธุ์พืชยิ่งเกิดความหลากหลายมากขึ้นแต่พืชทางประเทศเราซึ่งอยู่ในเขตร้อนจะไม่ค่อยทนกับอากาศหนาวอาจทำให้พืชบางชนิดสูญพันธุ์ไปได้เหมือนกัน และประชาชนที่ปลูกพืชเพื่อขายอาจได้รับความเสียหายแต่มีวิธีที่จะแก้ไขคือส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกผักในท้องถินที่จะมีความพิเศษตรงที่ ทนต่ออากาศและเหมาะสมกับภูมิประเทศนั้นๆ ก็จะไม่ประสบปัญหาพืชเสียหายถ้าไม่เกิดปรากฎการณ์ทางอากาศที่เลวร้ายมากเกินที่จะรับได้

    อิทธิพลต่อสัตว์เลี้ยง

    ในปัจจุบันนั้นมีผู้เลี้ยงสัตว์เพื่อการค้ามากมาย และเลี้ยงกันทั่วภูมิภาคส่วนมากจะเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจที่ให้ราคาดีโดยมิไดคำนึงถึงสภาพภูมิอากาศภูมิประเทศแต่จะมุ่งเน้นแต่ผลกำไร ถ้าเป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ เมื่อประสบภัยหนาวอาจส่งผลให้สัตว์เลี้ยงหนาวตายหรือได้ผลผลิตที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ อาจเป็นปัญหาในระยะยาว วิธีทางแก้ไขคือคล้ายกับพืช ส่งเสริมให้เลี้ยงสัตว์พื้นเมือง คือสัตว์ที่เลี้ยงได้ดีในพื้นที่และอากาศนั้น ๆ

    ภัยหนาวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

    ประชาชนชาวไทยที่ประสบภัยหนาวทุก ๆ ปีและหนักกว่าพื้นที่อื่น ๆ นั้นคือ ประชาชนทางภาคเหนือ ภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเราจะประสบปัญหาภัยหนาวช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีแต่จะเริ่มหนาวหนักช่วงเดือนพฤศจิกายนสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดอากาศหนาวนั้นเกิดมาจากหย่อมความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่มาปกคลุมพื้นที่ประเทศไทยซึ่งได้นำความเย็นมาปกคลุมพื้นที่ประเทศไทยด้วยในประเทศไทยนั้นภัยหนาวจะเริ่มระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุก ๆ ปี

    สาเหตุเนื่องมาจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะเริ่มพัดปกคลุมประเทศไทยประมาณกลางเดือนตุลาคม ซึ่งลมชนิดนี้จะนำความหนาวเย็นมาสู่ประเทศไทย เป็นระยะเดียวกันที่ขั้วโลกใต้หันเข้าหาดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดช่วงเปลี่ยนฤดูจากฤดูฝนมาเป็นฤดูหนาว อากาศแปรปรวนไม่แน่นอน อาจเริ่มมีอากาศเย็นหรือยังมีฟ้าฝนคะนอง ท้องฟ้าปิดโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นช่วงที่บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้แผ่อิทธิพลครอบคลุมพื้นที่ของประเทศไทยตอนบน ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีสภาพอากาศหนาวจัด ประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ ได้รับความเดือดร้อนต่ออากาศหนาวเย็น

    การป้องกันและบรรเทาภัยหนาว

    ขั้นตอนการบรรเทาภัยหนาวในประเทศไทยนั้นรัฐมีส่วนทำให้เป็นไปในแนวปฎิบัติเดียวกันโดยหน่วยงานต่าง ๆ นั้นมีแผนป้องกันเพื่อที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวได้ทันท่วงทีทั้งระยะก่อนเกิดภัยหนาวและหลังจากเกิดภัยหนาว สามารถแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนได้ดังนี้

    ขั้นตอนการปฎิบัติก่อนเกิดภัยหนาว

    ก่อนจะเกิดอากาศหนาวนั้นจะมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนเพื่อจัดเตรียมลดผลกระทบอันจะดก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนี้จะแจ้งประชาชนให้ระมัดระวังเรื่องสุขภาพส่งเสริมให้รักษาสุขภาพจัดเตรียมเครื่องนุ่งห่ม ผ้าห่มเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายอย่างถูกสุขลักษณะ การเตรียมพร้อมแบ่งได้ดังนี้

    [​IMG]

    การเตรียมการของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยหนาว

    ข้อควรปฎิบัติ

    - ติดตามข่าวสารที่ทางการแจ้งให้ทราบ อย่างเช่นทางจังหวัดแจ้งมาผู้ใหญ่บ้านแจ้งเสียงตามสายฟังข่าวทั้งในโทรทัศน์และวิทยุเพื่อที่จะได้ทราบความคืบหน้าของสถานการณ์ต่าง ๆ

    - จัดเตรียมอาหารสำรองไว้ให้เพียงพอต่อครอบครัวพร้อมยารักษาโรคอุปกรณ์ป้องกันภัยหนาวเครื่องนุ่งห่มต่าง ๆ

    การเตรียมการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

    - องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องติดตามข่าวสารทางจังหวัดและรายงานพยากรณ์อากาศจากอำเภอและจังหวัด

    - เตรียมการด้านข้อมูลข่าวสาร สำรวจประชากรที่ยังขาดเครื่องนุ่งห่มและผ้าห่มกันความหนาวเพื่อติดต่อขอรับ การช่วยเหลือแต่เนิ่นๆ

    - เตรียมงบประมาณให้เพียงพอต่อการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่รับผิดชอบ
    ในขั้นตอนการปฏิบัติขณะเกิดอากาศหนาวในขณะที่มีภัยหนาวเกิดขึ้นแล้วนั้นในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรตั้งมาตรการและดำเนินการดังต่อไป

    - สำรวจว่ามีครัวเรือนไหนที่ประสบปัญหาขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภคในขณะเกิดภัยแล้งเพื่อจะดสรรงบประมาณมาให้ความช่วยเหลือโดยช่วยเหลือในกรณีหนักก่อนอันดับแรกซึ่งอำนาจการอนุมัติให้ใช้เงินสำรองจ่ายเป็นของคณะผู้บริหารท้องถิ่น ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541 ข้อ 19 และหากเงินสำรองจ่ายมีไม่เพียงพอก็อาจโอนงบประมาณรายการที่เหลือจ่ายหรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายไปเพิ่มจ่ายได้ โดยการอนุมัติของคณะผู้บริหารท้องถิ่น ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณฯ

    - ในกรณีฉุกเฉินองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความจำเป็นต้องแก้ปัญหาภัยหนาวอย่างทันท่วงทีนั้นตามวงเงินที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดซึ่งอาจอนุมัติเป็นของคณะ

    - แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการป้องกันและบรรเทาภัย ยารักษาโรค

    - ถ้าในพื้นที่รับผิดชอบไม่ไหวเกินขีดความสามารถควรทำเรื่องของความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ให้รายงานขอรับการ สนับสนุนจากกองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนอำเภอหรือจังหวัดไปตามลำดับ

    ขั้นตอนการปฏิบัติหลังเกิดอากาศหนาว

    หลังจากภัยหนาวผ่านพ้นไปแล้วนั้นทางหน่วยงานต้องเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติให้เขาสู่ภาวะปกติให้ได้โดยเร็วเพื่อให่พึ่งพาตนเองได้

    - สำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยหนาว ต้องทำบัญชีไว้โดยละเอียดเพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือได้ตามความสมควร

    - ให้ความช่วยเหลือชาวเกษตรกรรมปศุสัตว์ที่ผลผลิตเสียหาย อาจผ่อนผันหนี้กู้ยืมระยะยาวหรือให้ดอกเบี้ยที่ถูกลงอีกหรืองดดอกเบี้ย

    - ฟื้นฟูสภาพจิตใจ สุขภาพร่างกายที่อาจป่วยในช่วงภัยหนาว ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ในชุมชน

    ปัยจัยที่มีอิทธิพลต่อความกดอากาศ

    ยิ่งสูงขึ้นไป อากาศยิ่งบาง อุณหภูมิยิ่งต่ำ ความกดอากาศยิ่งลดน้อยตามไปด้วย เพราะฉะนั้น ความกดอากาศบนยอดเขา จึงมักจะน้อยกว่าความกดอากาศที่เชิงเขา อากาศเย็นมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศร้อน จึงมีความกดอากาศมากกว่า เรียกว่า “ความกดอากาศสูง” (High pressure) ในแผนที่อุตุนิยมจะใช้อักษร“H” สีน้ำเงิน เป็นสัญลักษณ์ อากาศร้อนมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศเย็น จึงมีความกดอากาศน้อยกว่า เรียกว่า “ความกดอากาศต่ำ” (Low pressure) ในแผนที่อุตุนิยมจะใช้อักษร “L” สีแดง เป็นสัญลักษณ์

    ปริมาณไอน้ำในอากาศ และความชื้นสัมพัทธ์

    อุณหภูมิมีผลต่อปริมาณไอน้ำในอากาศ ฤดูร้อนมีปริมาณไอน้ำในอากาศมาก อากาศจึงมีความชื้นสัมพัทธ์สูง และมีอุณหภูมิของจุดน้ำค้างสูงกว่าด้วย ฤดูหนาวมีปริมาณไอน้ำในอากาศน้อย อากาศมีความชื้นสัมพันธ์ต่ำ และมีอุณหภูมิของจุดน้ำค้างต่ำ อากาศจึงแห้งทำให้เกิดฤดูหนาว

    สำหรับประเทศไทย มีลักษณะภูมิประเทศ อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรของโลกทำให้ฤดูหนาวมีระยะเวลาสั้น จึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภัยหนาวรุนแรงนัก ปกติประเทศไทยจะเป็นเขตร้อนแต่เนื่องจาก ลมมรสุม พัดผ่าน เป็นประจำฤดูกาล จึงเปลี่ยนไปจากบริเวณอื่น ๆ ของโลก กล่าวคือ จะไม่มีฤดูใบไม้ร่วง และฤดูใบไม้ผลิ แต่จะมีฤดูฝน ฤดูหนาว และฤดูร้อน โดยจะเกิดขึ้นในช่วงประมาณดังนี้

    ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม
    ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคม
    ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์

    [​IMG]

    ฤดูหรือฤดูกาล เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเนื่องจาก แกนของโลกที่หมุนรอบตัวเองเอียงทำมุม 23.5 องศา กับแนวซึ่งตั้งฉากกับแนวโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้ตำแหน่งที่รังสีดวงอาทิตย์ ตกตั้งฉากกับพื้นโลกเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของแนวทางการโคจร โดยมีตำแหน่งตั้งฉากเหนือสุดที่ 23.5 N เมื่อตำแหน่งดวงอาทิตย์เลื่อนขึ้นอยู่ในซีกโลกเหนือ และมีตำแหน่งใต้สุดที่ละติจูด 23.5 S เมื่อตำแหน่งดวงอาทิตย์เลื่อนลงไปอยู่ในซีกโลกใต้ สาเหตุ ดังกล่าวทำให้พื้นที่ต่าง ๆ บนพื้นโลกในแต่ละช่วงเวลามีอุณหภูมิแตกต่างกันไป จนสามารถแบ่งช่วงเวลาของโอโซน และภาวะเรือนกระจก การเกิดฤดูตามเขตต่าง ๆ ได้โดยพิจารณาตำแหน่งการโคจรของดวงอาทิตย์เป็นเกณฑ์

    ภัย ตามความหมายในพระราชบัญญัติป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ. 2522 แบ่งภัยออกเป็น 2 ประเภท คือ สาธารณภัย และ ภัยด้านความมั่นคง โดยสาธารณภัยประกอบด้วยอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย แผ่นดินไหว อาคารถล่ม ภัยจากภัยแล้ง ภัยจากสารเคมีและวัตถุอันตราย ภัยจากไฟป่า ภัยจากอากาศหนาว ภัยจากการคมนาคมและขนส่งสำหรับ ภัยด้านความมั่นคงประกอบด้วยการก่อวินาศกรรมการชุมนุมประท้วงและก่อการจลาจล

    ภัยพิบัติ (ระเบียบกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2540) หมายถึง สาธารณภัย อันได้แก่ อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ภัยแล้ง ภาวะฝนแล้ง ฝนทิ้งช่วง ฟ้าผ่า ภัยจากลุกเห็บ ภัยอันเกิดจากไฟป่า ภัยจากโรคหรือการระบาดของแมลงหรือศัตรูพืชทุกชนิดอากาศหนาวจัดจนสัตว์ต้องสุญเสียชีวิต ภัยสงคราม และภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของผู้ก่อการร้าย ตลอดจนภัยอื่น ๆ อันมีมาเป็นสาธารณะไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติหรือมีผู้ทำให้เกิดขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนหรือรัฐ

    ขอบคุณเจ้าของบทความ คุณตุ๊กตา ครับผม
    วันที่ 24/03/2008 เวลา 18:46:58

    ที่มา http://baikrapraw.igetweb.com/index.php?mo=3&art=117579
    <!-- / message --><!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    </FIELDSET>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2008
  3. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ไม่รู้ว่ามีใครเอาเรื่องการหุงข้าวด้วยพลังแสงอาทิตย์มาลงหรือยัง เคยอ่านจากหนังสือเกษตรกรรมธรรมชาติ แต่ไม่มีรายระเอียดในเน็ต เลยค้นตัวอย่างจากต่างประเทศมาให้ดูครับ เป็นการทำเตาพลังแสงอาทิตย์อย่างง่ายใช้อุปกรณ์ไม่มากนัก ลองไปดูกันนะครับ

    http://www.angelfire.com/80s/shobhapardeshi/ParvatiCooker.html
     
  4. วัสสานะ

    วัสสานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +565
    อยากทราบว่าเทียนที่เหมาะสำหรับการจุดนานๆ (ขนาดอ้วนกว่าปรกติ) หาซื้อได้ที่ไหนบ้าง น่าจะใช้ดีกว่าเทียนธรรมดา
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    [​IMG]

    สั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต ได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ
    http://candlethai.tarad.com/product_223267_th

    แต่อยากจะแนะนำให้ซื้อเป็นเทียนไล่ยุงจะดีกว่า นอกจากจะให้แสงสว่างได้นานแล้ว ยังไล่ยุงไม่ให้มารบกวนเราได้อีกด้วยครับ

    <TABLE style="WIDTH: 100%" cellSpacing=2 cellPadding=5 width="100%" align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=#cccccc cellSpacing=0 cellPadding=0 width="5%" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]</TD><TD vAlign=top width="79%">ชื่อสินค้า : เทียนไล่ยุง
    รายละเอียด : ผลิตจากน้ำมันตะไคร้หอม (1 ก้อนสามารถใช้ได้ 8 ชั่วโมง หรือจุดเพียง 2 ชั่วโมงแล้วดับ ใช้ได้ 10 วัน)
    ราคาปกติ : 50 บาท
    ราคาพิเศษ : 40 บาท



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ
    http://ksn-realherbs.tht.in/shop_cart.html

    [​IMG]

    ถ้าต้องการซื้อเป็นจำนวนมากแนะนำให้ซื้อ แบบเป็นแพ๊ค(10 อัน) ราคาแพ๊คละ 45-50 บาท เทียน 1 อันจุดได้นานประมาณ 3 ชั่วโมงครับ มีขายที่ฟิวเจอร์ฟาร์ครังสิตชั้นใต้ดินครับ ผมซื้อใช้เป็นประจำเพราะที่บ้านยุงเยอะมาก ใช้จุดให้แสงสว่างแทนเทียนไขได้ด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <table bgcolor="white" border="1" bordercolor="blue" cellpadding="5" cellspacing="0" width="600"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="blue">เตรียมรับมืออย่างไร หากเกิดพายุเข้ากทม. </td></tr> <tr><td>
    <table align="center" border="0" width="590"> <tbody><tr><td> บ้านดิฉันอยู่พระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ ได้ข่าวว่าอาจจะมีพายุเข้าที่ปากน้ำ อยากทราบว่าดิฉันจะเตรียมรับมืออย่างไร กับเหตุการณ์นี้คะ เตรียมข้าวของเครื่องใช้ หรือว่าควรอพยพ ถ้าเราโดนแบบนากีส แย่แน่ค่ะ เพราะประเทศเรา โดนเมืองหลวงเลยคนก็เยอะ จะทำยังไงดี </td></tr> </tbody></table>
    </td></tr> <tr><td> <table align="center" border="0" width="100%"> <tbody><tr><td align="left">
    </td> <td align="right"> โดยคุณ ทำไงดี [​IMG] (58.9.34.186) [14-07-2008 21:34] </td></tr> </tbody></table> </td></tr> </tbody></table>

    <hr color="#ff1493" width="600">
    <table bgcolor="#e0ffff" border="1" bordercolor="#1e90ff" cellpadding="2" cellspacing="0" width="600"> <tbody><tr><td> <table align="center" border="0" width="590"> <tbody><tr><td align="left"> ความเห็นที่ 1 โดยคุณ TC-08W (125.24.121.83) [15-07-2008 05:19] #18052 </td> <td align="right">
    </td> </tr></tbody></table> <table align="center" border="0" width="590"> <tbody><tr><td>
    เเหล่งข่าวจากที่ไหนครับ เชื่อถือได้หรือไม่ ?


    อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการประกาศอพยบคือ

    - เขาจะประกาศอพยบก็ต่อเมื่อบริเวณพื้นที่นั้นๆ มีเเนวโน้มที่ศูนย์กลางพายุพัดผ่านมากที่สุด ให้ดูที่ศูนย์กลางพายุเป็นสำคัญ บริเวณศูนย์กลางพายุที่ว่านี้ หมายถึงบริเวณ ตาพายุ(Vortex) เเละ กำเเพงตาพายุ(Eye Wall) ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่อันตรายที่สุดของพายุตั้งเเต่ไต้ฝุ่นระดับ 1 ขึ้นไป

    - ถ้าระดับดีเปรสชัน - โซนร้อนที่มีกำลังอ่อนๆ คงยังไม่ต้องอพยบ

    - เเต่ถ้าระดับ โซนร้อนกำลังเเเรงกำลังพัฒนาเป็นไต้ฝุ่น ทางหน่วยงานราชการก็น่าจะประกาศเตรียมอพยบกันได้เเล้ว

    - เเต่ที่เเน่ๆคือ ระดับได้ฝุ่นทางหน่วนงานต้องประกาศอพยบ เเน่นอน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ไหนๆ ก็ตาม

    เรื่องนี้เรื่องใหญ่มากหากว่าระดับได้ฝุ่น ถล่มเข้ากทม.เเละปริมณฑล เเต่โอกาสน้อยมากที่มันจะเข้า ทุกอย่าง ปัจจัยต่างๆต้องลงตัวกันจริงๆหาก พายุที่ถึงระดับไต้ฝุ่นจะเข้ากทม.ได้

    ขอย้ำอีกครั้งว่าให้ดูที่ ศูนย์กลางพายุที่จะพัดผ่านเป็นสำคัญ ก็เตรียมตัวได้เลย หากเป็นไต้ฝุ่น ที่ระดับ 1 เป็นต้นไป เตรียมอพยบได้เลย

    ส่วนข้อมูลวิธีการเตรียมตัวจะนำเสนอในเร็วนี้

    </td></tr> </tbody></table> </td></tr> </tbody></table>
    <hr color="#ff1493" width="600">
     
  7. obniti

    obniti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +305
    ถ้าเป็นโรคในปากกระทันหันเช่น เหงือกอักเสบ หรือปวดฟันมีวิธีบรรเทาง่าย ๆ ยังไงครับ
    เคยดูหนังใช้กอ้นหินทุบ ถ้าจขะไม่ไหว
    obniti
     
  8. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    สมุนไพร ยาไทย ที่ได้จากธรรมชาติ

    [BIGVDO]http://palungjit.org/attachments/a.360147/[/BIGVDO]
     
  9. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384

    ใช้น้ำอุ่นผสมเกลือเล็กน้อย กลั้วให้ทั่วปากแล้วอมไว้สักระยะ... จะช่วยได้ค่ะ... ทำเช้า - เย็นนะคะ
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10>น้ำพริกรุ่งเจริญ สลัดคราบภูธรสู่แพ็กเกจใหม่ เล็กกะทัดรัด

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย ฐานเศรษฐกิจ<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน พฤหัสบดี ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550 04:50 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10>
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=4>

    </TD><TD width=575><!img001:m:r>น้ำพริก ดูจะเป็นเมนูคู่กับคนไทยมาทุกยุคทุกสมัย เรียกว่า ทุกบ้านจะต้องมีเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทาน จากที่เห็นบรรจุอยู่ในกระปุกขวดแก้ว มาวันนี้ น้ำพริกถูกย่อลงมาอยู่ในแพ็คเก็จขนาดเล็กกะทัดรัด ที่ดูทันสมัย สวยสะดุดตา ทั้งยังสะดวกต่อการพกพกไปได้ทุกที่ที่ต้องการ แต่ยังอัดแน่นไปด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของน้ำพริกอยู่เหมือนเดิม

    ธนาวัฒน์ โพธิ์เผื่อนน้อย ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ของบริษัท พี.พี.เอ็น ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย น้ำพริกรุ่งเจริญ เจเนเรชัน 2 ที่เข้ามาสืบสานธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัว บอกเล่าถึง รูปแบบใหม่ของผลิตภัณฑ์น้ำพริก ซึ่งเป็นอาชีพที่ริเริ่มและดำเนินมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ที่เหล่าลูกๆอยากจะรักษาไว้ว่า เนื่องจากรู้สึกเสียดายสูตรที่บรรพบุรุษได้คิดค้นและพัฒนามานานกว่า 20 ปี ที่จะต้องปิดตัวลง ผนวกกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ผู้บริโภคและกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ ลดความนิยมในการรับประทานน้ำพริก เพราะเห็นว่า บรรจุภัณฑ์ของน้ำพริกยังดูเชย ขณะเดียวกันน้ำหนักก็ยังเป็นปัญหาต่อการพกพาด้วย

    และในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่อยากให้คนไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ หันมาให้ความสำคัญกับอาหารที่เป็นภูมิปัญญาไทย และสนับสนุนเอกลักษณ์นี้เอาไว้ จึงได้พัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่นี้ขึ้นมา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    นอกจากจุดเด่นในเรื่องของบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่างไปจากท้องตลาด ซึ่งทำให้ น้ำพริกรุ่งเจริญ ได้รับการตอบรับที่ดีจนสามารถขยายตลาดออกไปได้อย่างรวดเร็วแล้ว การสนนราคาย่อมเยา และมีความหลากหลายในเรื่องของรสชาติของสินค้าก็ส่งผลให้ น้ำพริกรุ่งเจริญ ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจแบบนี้


    ราคาน้ำพริกกระปุกตามท้องตลาดทั่วไป จะอยู่ที่ประมาณ 20-25 บาท และมีแค่รสชาติเดียว ขณะที่น้ำพริกของเรา มีราคาจำหน่ายปลีก อยู่ที่ชิ้นละประมาณ 5-6 บาทเท่านั้น เป็นสินค้าที่ผ่าน อย. ได้คุณภาพมาตรฐานส่งออก ทั้งยังสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 10 เดือนโดยไม่ต้องแช่เย็น ที่สำคัญลูกค้าสามารถเลือกรับประทานได้ถึง 6 รสชาติ คือ น้ำพริกนรก นรกแมงดา น้ำพริกตาแดง น้ำพริกแมงดา ปลาร้าทรงเครื่อง กุ้งสวรรค์ และจากความสำเร็จที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันได้ว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว ดังนั้น ในอีก 2 เดือนข้างหน้าเราจะผลิตเพิ่มเติมอีก 4 รสชาติด้วยกัน คือ น้ำพริกปลาย่าง น้ำพริกปลาดุกฟู น้ำพริกเผาต้มยำ และน้ำพริกนรกกุ้ง

    [​IMG]

    ปัจจุบันสินค้ามีวางจำหน่ายที่เดอะมอลล์ จัสโก้ และ Family Mart ทุกสาขา ห้างฟู้ดแลนด์ร้าน 108 Shop และร้านค้าชั้นนำเกือบทั่วประเทศ

    ที่มา http://news.sanook.com/economic/economic_151072.php
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. วัสสานะ

    วัสสานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +565
  12. วัสสานะ

    วัสสานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +565

    ยาเม็ดทำน้ำสะอาด


    [​IMG]


    Oasis Water Purification Tablets

    แผงละ ๓๒ บาท สิบเม็ด หนึ่งเม็ดต่อน้ำหนึ่งลิตร เท่ากับ หนึ่งแผงต่อน้ำสิบลิตร ใส่น้ำสิบนาทีก่อนจึงจะรับประทานได้
    เบาและประหยัดมาก
    (คนที่เป็นหมอช่วยข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับว่าถ้าใส่น้ำสัก ๑ กว่าลิตรเล็กน้อย จะยังฆ่าเชื้้อโรคได้ดีไหม และทานนานๆมีผลข้างเคียงไหม เห็นในกระทู้เก่าบอกบางตัวห้ามทานติดต่อกันสองถึงสามเดือน )

    หาซื้อได้ที่

    ร้านองค์กรเภสัชกรรม call center 1648 (บางสาขาอาจไม่มี)

    ร้านวิทยาศรม ข้างๆกองฉลาก อยู่ใกล้กับร้านศึกษาภัณฑ์ราชดำเนิน
    โทร. 02-2800320-1, 02-2824981-6 (ทราบมาว่ามี)

    ร้านยาองค์การเภสัชกรรม

    [​IMG]- ร้านยาองค์การเภสัชกรรม สาขา ราชเทวี (สำนักงานใหญ่) ตรงข้าม ร.พ.รามาธิบดี
    เลขที่ 75/1 ถ.พระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
    โทร 0-2203-8846-9 โทรสาร 0-2644-6362 (มีของแน่นอน)
    [​IMG]- ร้านยาองค์การเภสัชกรรม สาขา ยศเส ด้านข้าง ร.พ.หัวเฉียว
    เลขที่ 693 ถ.บำรุงเมือง แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
    โทร 0-2222-5931 โทรสาร 0-2226-0358
    [​IMG]- ร้านยาองค์การเภสัชกรรม สาขา จรัญสนิทวงศ์ 22
    เลขที่ 154/19-20 ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700
    โทร 0-2411-2118, 0-2412-2884 โทรสาร 0-2412-2884
    [​IMG]- ร้านยาองค์การเภสัชกรรม สาขา เทเวศร์ เยื้องธนาคารแห่งประเทศไทย
    เลขที่ 226 ถ.สามเสน แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    โทร 0-2282-0729, 0-2282-1170 โทรสาร 0-2282-1170
    [​IMG]- ร้านยาองค์การเภสัชกรรม สาขา รังสิต ใกล้ตลาดสี่มุมเมือง
    เลขที่ 370-371 ถ.พหลโยธิน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12130
    โทร 0-2536-3526-7 โทรสาร 0-2536-3526-7
    [​IMG]- ร้านยาองค์การเภสัชกรรม สาขา กระทรวงสาธารณสุข ตึกกรมการแพทย์ อาคาร 2 ชั้น 1
    กระทรวงสาธารณสุข ถ.ติวานนท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
    โทร 0-2590-6034 โทรสาร 0-2951-0925
    [​IMG]- ร้านขายยาองค์การเภสัชกรรม สาขาพัฒนาการ ปากซอยพัฒนาการ 68
    92 ถ.พัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250
    โทร 0-2322-6536 โทรสาร 0-2322-6536
    [​IMG]- ร้านขายยาองค์การเภสัชกรรม สาขากำนันแม้น
    36/7-8 ม.3 ซ.กำนันแม้น 1 ถ.เอกชัย แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ 10150
    โทร 0-2416-0462 โทรสาร 0-2416-0462
    [​IMG]- ร้านขายยาองค์การเภสัชกรรม สาขาปรีดีพนมยงค์ ปากซอยปรีดีพนมยงค์
    1000/2 ถ.สุขุมวิท 71 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
    โทร 0-2391-1828 โทรสาร 0-2391-1832
    [​IMG]- ร้านขายยาองค์การเภสัชกรรม สาขาศาลาแดง ใกล้อาคารอื้อจือเหลียง
    14/10 ศาลาแดง ซ.1 ถ.สาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
    โทร 0-2234-7130 โทรสาร 0-2234-7131
    [​IMG]- ร้านขายยาองค์การเภสัชกรรม สาขาเวชศาสตร์เขตร้อน ข้างธนาคารไทยพาณิชย์
    420/6 อาคารวิทยบริการ ชั้น 1 อาคารเวชศาสตร์เขตร้อน ถ.ราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
    โทร 0-2354-9061 โทรสาร 0-2354-9061


    งานองค์การเภสัชกรรมสาขาภาค

    [​IMG]องค์การเภสัชกรรมได้จัดตั้งสาขาภาคขึ้น เพื่อเป็นแหล่งกระจายยาขององค์การเภสัชกรรมไปสู่ส่วนภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกมากขึ้น โดยได้จัดตั้งสาขาภาคขึ้นแล้ว 3 แห่ง คือ
    [​IMG]1. สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    เลขที่ 88 หมู่ที่ 10 ต.กุดสระ อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000
    โทร. 0-4221-8124-6, 0-2203-8990-1โทรสาร 0-4221-8036
    รับผิดชอบให้บริการแก่ลูกค้าภาคราชการและเอกชนใน 7จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น สกลนคร หนองบัวลำภู นครพนม หนองคาย เลย
    และอุดรธานี
    [​IMG]2. สาขาภาคเหนือ
    เลขที่ 44 หมู่ 3 ถ.เชียงใหม่-ฮอด อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 50230
    โทร. 0-5344-1315, 0-2203-8992-3 โทรสาร 0-5344-1981
    รับผิดชอบให้แก่ลูกค้าภาคราชการและเอกชนใน 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน และพะเยา
    [​IMG]3. สาขาภาคใต้
    เลขที่ 10 ถ.นิพัทธ์สงเคราะห์ 5 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
    โทร.0-7423-0534, 0-2203-8994-5 โทรสาร 0-7423-0533-4
    รับผิดชอบให้บริการแก่ลูกค้าภาคราชการและเอกชนใน 7 จังหวัด ได้แก่ สงขลา พัทลุง ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ตรัง และสตูล

    http://www.oasiswaterpurification.co.uk/


    ไฟฉายไม่ใช้ถ่าน

    [​IMG]


    OSRAM DYNAMO LED TORCH


    ที่เห็นว่าคุณภาพดีพอสมควร น่าจะไว้วางใจได้มากกว่าของจีนแดง
    ใช้ระบบหมุนและสะสมไฟไว้ได้ หาซื้อได้ตาม homework ห้างเซนทรัล
    (๓๘๔ บาท)

    ผู้ขายคนที่หนึ่งบอกว่าถ้าไม่หมุนตอนที่ไฟเปิดอยู่จะช่วยยืดอายุการใช้งาน อีกคนบอกว่าสามารถทำได้ตามปรกติ ผู้ขายคนที่หนึ่งบอกว่าควรหลีกเลี่ยงน้ำและความชื้น
    อีกคนบอกสามารถทนได้ (บอกไม่ตรงกัน ถ้าใช้ตามปรกติก็น่าไว้วางใจได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2008
  13. ~ สุดที่รัก ~

    ~ สุดที่รัก ~ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +1

    ขอบคุณสำหรับไอเดียดีๆค่ะ

    ทิชชูแบบเปียก ปกติชอบใช้เวลาเดินทางใช้เช็ดตัวและมือ หรือทำความสะอาดเป็นครั้งคราวในกรณีที่ไม่มีน้ำ

    ถ้ามีเตรียมไว้ให้ใช้ ก็สะดวกดี

    ข้อด้อยที่พบจากเคยใช้มาคือ เป็นของที่มีน้ำหนักพอควร หากรวมไว้ในเป้ฉุกเฉิน ก็คิดหนักหน่อย , เปิดแล้วควรใช้ให้หมดอย่างไว กลัวเชื้อรา

    ร่วมด้วยช่วยต่อเติมข้อมูลค่ะ
     
  14. ~ สุดที่รัก ~

    ~ สุดที่รัก ~ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +1

    ขอถามคุณFalkman ค่ะ ว่า ข้อความแบบนี้
    สามารถไปหาอ่านเพิ่มเติมได้จากเว็บไหนคะ

    ต้องการไปอ่านเพิ่ม ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  15. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
    บทความที่.....ffice:eek:ffice"
    เขียนเมื่อ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๑
    อาวุธปืนพกประจำกาย
    คนดีและเข้มแข็งเท่านั้น...จึงสมควรอยู่รอด

    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</o:lock></O:p
    ....แม้ว่า...พวกเราชาวพุทธ และกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ จะตั้งปณิธานแน่วแน่แล้วว่า จะ ไม่ทำร้ายและเบียดเบียนใคร หรือแม้กระทั่งตนเอง....แต่ในยามจำเป็น...เพื่อปกป้องคุ้มครองตนเอง ครอบครัว และ พลเมืองดี....ให้พ้นจากคนพาล หรือโจรผู้ร้าย....ไม่มีอะไรที่เหมาะสมและอุ่นใจเท่ากับการมี อาวุธปืนพกประจำกาย....ปืนจัดเป็นสุดยอดศาตราวุธ เพราะมีพิสัยทำการไกลมากที่สุด...ในสาระบบอาวุธประจำกาย.
    <O:p</O:p

    แน่นอนว่า....อาวุธดังกล่าวหมายถึงอาวุธในเชิงรับ..จึงใคร่ขอฝากบทความนี้ ถึงทุกท่านที่ ยังไม่มี และ ดำริจะจะสรรหา อาวุธประจำกายไว้ป้องกันตนเอง ในยามคับขัน....ไม่ใช่ว่า ถึงเวลาคับขัน กลับไม่สามารถทำอะไรได้...ต้องทนยอมให้เป็นฝ่ายถูกกระทำย่ำยีโดยคนเลว....อย่างไรก็ดี การใช้อาวุธประจำกายต้อง รอบคอบ หนักแน่น และ มีสติรับรู้อยู่กับตน และสมเหตุสมผลจริงๆ....จึงจะยอมใช้มัน....ผู้ฝึกจิตที่ดีแล้วเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้
    <O:p</O:p

    ....อาวุธปืนพกประจำกาย...ที่ขอแนะนำมีสองประเภท ๑. ปืนรีวอลเว่อร์ หรือปืนลูกโม่ บรรจุกระสุนมาตรฐาน ๖ นัด ขนาดลำกล้อง .๓๘ ลำกล้องยาว ๑.๕นิ้ว และ ๒. ปืนกึ่งอัตโนมัติ ใช้การบรรจุกระสุนแบบซองกระสุน บรรจุมาตรฐาน ๗ นัด หรือมากกว่า ขนาด .๓๘ ลำกล้อง ยาว ๒ นิ้ว....ทั้งสองประเภท มีขนาดเล็กกระทักรัด จัดวางบนฝ่ามือได้....ซุกซ่อนพกพาได้แนบเนียนดี...ไม่มีใครทราบว่าเรามีปืน.....สนนราคากระบอกละประมาณ ๓๔,๐๐๐บาท สำหรับเหล็กรมดำ และ ประมาณ ๔๐,๐๐๐ บาท สำหรับเหล็กสเตนเลส...หากมีเงินเหลือใช้....ขอแนะนำให้เลือกซื้อแบบเหล็กสเตนเลส เพราะดูแลรักษาง่าย กลไกไม่ค่อยเป็นสนิม.....อายุการใช้งานน่าจะยาวนานกว่า...ขายต่อได้ราคาดี....ปืนขนาดลำกล้องอื่นๆ เช่น .๒๒ และ .๔๕ ไม่แนะนำให้ใช้ เพราะเล็ก และใหญ่เกินความจำเป็นตามลำดับ ปืนขนาด .๓๒ จัดเป็นปืนที่เหมาะต่อ สุภาพสตรี เพราะ แรงสะท้อนถอยหลังไม่มาก ยิงแล้วอาการสะบัดน้อย กระสุนมีความคมทะลุทะลวงดี อำนาจการหยุดยั้งหรือแรงปะทะแม้จะไม่มาก แต่ก็ยัง สามารถหยุดยั้งเป้าหมายได้ด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว....ข้อเสียคือ หา กระสุนขนาดนี้ในท้องตลาดค่อนข้างยาก และราคาแพงกว่าหรือ ราคาเท่ากับ กระสุนขนาด .๓๘
    <O:p</O:p

    ปืนลูกโม่ .๓๘....ใช้งานง่าย ดูแลรักษาง่าย ไม่จุกจิก กระสุนหาได้ง่ายในท้องตลาด และกระสุน มีราคาถูก...ปืนที่ผลิตโดย สมิทแอนด์เวตสัน และ ปืนโคลท์ตราม้า สหรัฐอเมริกา จัดเป็นปืนที่ดีที่สุด สำหรับ แบบนี้....อย่าเสียเงินไปซื้อยี่ห้ออื่น อาจจะผิดหวัง....แต่ราคาค่อนข้างจะแพง...หากไม่มีงบประมาณเพียงพอ...จะใช้ปืนที่ผลิตในสาธารณะรัฐเชคฯ หรือประเทศสเปนก็ได้ สำหรับปืนทำในสเปน เนื้อเหล็กจะดีกว่าปืนของสหรัฐอเมริกา..ฝีมือประณีต...แต่รูปร่าง, ความนิ่มนวลและความแม่นยำในการยิงอาจเป็นรอง...ไม่แนะนำให้ซื้อปืนที่ผลิตในบราซิลครับ...ฝีมือหยาบ และเทคโนโลยีต่ำ...เสียดายเงิน...บางที.... ปืนเถื่อนที่ผลิตในไทย อาจดีกว่า....สำหรับปืนเยอรมัน..ของดีแต่ราคาแพง...ไม่นิยมทำแบบลูกโม่ ยกเว้นยี่ห้อรูเกอร์...มีคนไทยใช้น้อย..เนื้อเหล็กยังสู้ปืนสเปนแท้ๆไม่ได้ ข้อสังเกตในการเลือกปืนชนิดนี้ ...ให้เลือกปืนกระบอกที่ ช่องว่างระหว่างขอบรังเพลิงหรือลูกโม่ และขอบลำกล้องปืนมีค่า น้อยที่สุด...เช่นต่ำกว่า ๐.๘ มม...เพื่อลดการสูญเสียของแรงขับดินปืน...และเลือกกระบอกที่เมื่อทำการยิงแห้ง(ไม่มีกระสุน) รังเพลิงหรือลูกโม่ ต้องขยับไม่ได้ ในขณะที่สับไกปืนหรือหลังการ สับไกปืนที่เรียกว่า ซิงเก้ล แอ๊คชั่น...หรือไม่ซื้อปืนที่ หนังสือคู่มือการใช้งานระบุว่า ห้ามใช้วิธียิงโดย ระบบ ซิงเกิ้ง แอ๊คชั่น(ยิงโดยวิธีขึ้นนก) และห้ามใช้กระสุนซ้อมยิง(รีโหลด บูลเลท) เพราะนั่นคือ ปืนชั้นเลว.........ข้อเด่นของปืนลูกโม่คือ การยิงในนัดแรกมีโอกาสหวังผลที่สูงสุด เพราะสามารถยิงโดยการขึ้นนกปืนซึ่งให้ความแม่นยำสูงสุด....ข้อเสียของปืนลูกโม่คือ บรรจุกระสุนได้น้อย...ต้องหัดยิงให้แม่นๆหน่อย..ห้ามยิงมั่ว...และฝึกบรรจุกระสุนให้เร็วๆห้ามมือสั่น....จึงเหมาะสมในการตั้งรับ..ถ้าจะให้ดี..ควรมีสองกระบอก ใช้ยิงกระบอกหนึ่ง และให้คนอื่นช่วยบรรจุกระสุนอีกระบอกหนึ่ง
    <O:p</O:p

    ปืนกึ่งอัตโมมัติ...มีหลายยี่ห้อ..ซึ่งมีข้อเสียที่การยิงกระสุนนัดแรก จะช้า และน้ำหนักเหยี่ยวไกปืนในแบบดับเบิ้ล แอ๊คชั่น มักจะหนักกว่า ปืนแบบลูกโม่...ปืนกึ่งอัตโนมัตินี้ที่ดีควรจะ สามารถยิงแบบขึ้นนกปืนได้ แต่อาจต้องเสียเวลาปลดเซฟไกปืน ยกเว้นบางยี่ห้อมีเซฟที่สันของด้ามปืน ซึ่งปืนจะปลดเซฟอัตโนมัติเมื่อใช้มือจับกุมด้ามปืน ข้อดี คือการยิงกระสุนนัดที่สองและนัดต่อๆไปจะให้ความแม่นยำสูง เพราะเป็นการยิงแบบ ขึ้นนกปืนโดยอัตโนมัติ ไม่ควรซื้อ ปืนที่ผลิตโดยบราซิล..เพราะฟุตบอลนี่ บราซิลเก่งก็จริง แต่เรื่องปืนนี่ ..แย่จริงๆ นอกนั้น...เลือกได้ตามอัทธยาศัยครับ...จะผลิตในสหรัฐอเมริกา, เยอรมัน, อิตาลี, สวีเดน, เชคโกสโลเวเกีย และ สเปน ก็ใช้ได้ทั้งนั้น แต่ไม่แนะนำให้เลือกยี่ห้อที่โครงปืนทำ ด้วยโพลิเมอร์(พลาสติค) เพราะอาจจะเกิดการบิดตัวเสียรูปในระยะยาวได้ แต่ถ้าเป็นผม..ผมเลือก ปืนเหล็กล้วนๆ และขอแบบที่บรรจุกระสุนได้มากที่สุด อาจจะผลิตในประเทศสเปนก็ได้...เพราะราคาถูก..เนื้อเหล็กคุณภาพดีเลิศ...ยิงแม่นพอสมควร...เอาเป็นว่า เข้าเป้าในระยะ ๑๐ เมตร ก็พอแล้ว...ไกลกว่านี้ ช่างมัน..มองไม่เห็นหรอก เพราะอายุและสายตาอัน ฟ่าฟางขนาดนี้ จะไปหวังผลอะไรมาก...
    <O:p</O:p

    ....แต่อย่าไปดูแคลนปืนเล็กๆแบบนี้นะครับ....สำหรับคนสายตาดีๆและผู้ชำนาญการ....ระยะยิงหวังผล ๒๕ เมตร รับรองเข้าเป้าสบายๆ....ดีกว่ายิงหนังสติ๊กเป็นใหนๆ
    <O:p</O:p

    ...กระสุนปืนลูกโม่โดยปกติหาได้ง่ายและราคาถูกกว่ากระสุนปืนกึ่งอัตโนมัติอยู่แล้ว...ท่านควรนำไปประกอบการตัดสินใจที่จะเลือกซื้อปืนพกประจำกายแบบใหน...โดยทั่วไป ปืนพกในเชิงรุก..มักนิยมใช้ปืนแบบกึ่งอัตโนมัติ เพราะบรรจุกระสุนได้มากกว่า...และเปลี่ยนซองบรรจุกระสุนใหม่ได้ในระยะเวลาเพียง ๒-๓ วินาที...สำหรับผู้ที่เลือกใช้ปืนกึ่งอัตโนมัติจึงควรอย่างยิ่งที่จะจัดหาหรือทำ ซองบรรจุกระสุนสำรองอย่างน้อย สามชุด ซึ่งจะทำให้อำนาจการยิงเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย...
    <O:p</O:p

    ....ในความเป็นจริง....เมื่อภัยพิบัติมาเยือน...ในเรื่องปืนนี่ ....ปืนไม่ใช่ของที่จำเป็นที่สุด...แต่กระสุนปืนต่างหาก ที่จำเป็นที่สุด...และจะหาได้ยากยิ่ง...ดังนั้น หาก ไม่มีงบประมาณที่จะซื้อปืน...ซื้อแค่กระสุนเอาไว้บ้างก็ได้...รอโอกาสดีๆคอยช้อนซื้อปืนดีๆ จากเจ้าของปืนที่ไม่มีลูกกระสุน ก็คงได้กระมัง...หากไม่โดนปล้นเสียก่อนนะ....บอกก่อนนะครับว่า จะซื้อจะขายอาวุธปืน และเครื่องกระสุนนี่ กรุณาขออนุญาตและปฎิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วยนะ....

    ...ถ้าถังแตกขนาด เงินที่จะซื้อหากระสุนปืนยังขาดแคลน.....ก็ซื้อกระสุนซ้อมยิงเก็บไว้ ยังพอใช้ป้องกันตนเองได้ ที่ระยะยิง ๑๐ ถึง ๑๕ เมตร กระสุนซ้อมยิงนี่ราคาประมาณ ครึ่งหนึ่งของกระสุนจริงครับ...แน่นอนว่า สมรรถนะในการหยุดยั้งเป้าหมายก็ตกต่ำตามราคา....อย่าไปท้าดวลกับใครเด็ดขาด...


    ..ในเงื่อนไข..ภาวะโลกแตก..ไม่มีกระสุนไว้ขายอีก...ปลอกกระสุนที่ยิงแล้วนำมาบรรจุดินปืนและหัวกระสุนตะกั่วได้ใหม่..ไปหาหนังสือสูตรทำ แก็ป /ดินปืน และเตาหลอมตะกั่วบัดกรี ก็ใช้ได้แล้ว....
    <O:p</O:p

    กฎความปลอดภัยในการใช้อาวุธปืน....จงอย่ายืน หรือทำให้ ตนเองหรือผู้อื่น ที่ไม่ใช่เป้าหมาย อยู่ตรงกับหรืออยู่หน้า ลำกล้องปืน ไม่ว่ากรณีใดๆ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2008
  16. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    http://www2.tmd.go.th/webboard/webboard.php?Category=meteorology
     
  17. วัสสานะ

    วัสสานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +565
    ลองดูผ้าเย็นเอนกประสงค์สิครับ เลือกที่บางเหมือนกัน(ไม่ใช่แบบผ้าขนหนู) แยกเป็นอันต่อซอง ไม่ต้องปิดสติกเกอร์แบบของเด็ก ใช้ทำความสะอาดได้เหมือนกัน
     
  18. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ผ้าเย็นเด็ก ถ้าเป็นยี่ห้อของฝรั่งไม่ขึ้นราค่ะ
     
  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <table bgcolor="white" border="1" bordercolor="blue" cellpadding="5" cellspacing="0" width="600"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="blue">17 ถาม-ตอบ พายุหมุนเขตร้อน: การเตรียมรับสถานการณ์อันตรายสำหรับประชาชนกับพายุหมุนเขตร้อน ? </td></tr> <tr><td>
    <table align="center" border="0" width="590"> <tbody><tr><td> 17 ถาม-ตอบ พายุหมุนเขตร้อน: การเตรียมรับสถานการณ์อันตรายสำหรับประชาชนกับพายุหมุนเขตร้อน ?

    [​IMG]

    การเตรียมรับสถานการณ์อันตรายสำหรับประชาชน

    มีความเชื่ออยู่หลายประการเกี่ยวกับการโต้ตอบของมนุษย์เพื่อรับสถานการณ์อันตรายซึ่งหลักการสำคัญในกรณีนี้คือการป้องกันและเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติ ในที่สุดความสำเร็จหรือความล้มเหลวของระบบการเตือนภัยขึ้นอยู่กับการประสานงานกันระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองอาทิ การพยากรณ์ที่แม่นยำ ระบบการเตือนภัยที่วางแผนมาอย่างดี รวมทั้งความช่วยเหลือทั้งหมดทางเทคโนโลยีที่มีความสำคัญไม่มากนักนั้น ถ้ามนุษย์ทำการตอบโต้แบบไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกันตามเหตุผลที่ควรเป็น พายุหมุนทุกลูกจะนำมาซึ่งปฏิกิริยาตอบโต้ของมนุษย์แตกต่างกันไม่มีวันหมดสิ้น คือเป็นไปตามความแตกต่างกัน 4 ด้าน ได้แก่

    1. อายุ
    2. สุขภาพ
    3. การศึกษา
    4. ฐานะทางครอบครัว

    รวมทั้งประสบการณ์ภัยพิบัติที่เคยได้รับและปัจจัยอีกหลายๆอย่าง โดยยังหารูปแบบที่ชัดเจนยังไม่ได้ ซึ่งจะได้นำไปใช้กับสถานการ์ภัยพิบัติในอนาคต ตัวอย่างเช่น นักวิศวกรการบินในรัฐเท็กซัสอาจจะมีความกระตือรือล้นพอ ๆ กับชาวนาเบงคลีในบังคลาเทศ ที่เมื่อได้รับคำแนะนำให้ออกจากบ้านของตนก่อนเกิดภัยพิบัติ ก็ยังไม่ยอมออก เป็นต้น
    ดังนั้น จึงไม่น่าประหลาดในว่า การให้ความรู้แก่ประชาชนก็ดี การประสานความร่วมมือด้านข้อมูลระหว่างหน่วยงานก็ดี จึงต้องพยายามร่วมมือกันปฏิบัติในหน่วยงานด้านเทคนิคตลอดจนการออกภาคสนามเพื่อสงเคราะห์ผู้ประสบภับ แผนงานและโครงการต่างๆ มีความเป็นรูปเป็นร่าง และพัฒนาขึ้นมากในปัจจุบัน

    กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ให้แนวทางปฏิบัติสำหรับประชาชน เมื่อทราบว่าพายุกำลังใกล้เข้ามา ดังนี้
    1) ทำการรวบรวมคนในครอบครัวให้พร้อมหน้าพร้อมตา
    2) จงเปิดวิทยุ หรือร่วมฟังข่าวและคำแนะนำของทางราชการ สำหรับวิทยุควรเตรียมแบตเตอรี่ไว้ให้พร้อมที่จะใช้เมื่อไฟฟ้าดับ
    3) ไม่ควรเชื่อข่าวลือ หรือคำแนะนำของผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ราชการ
    4) ก่อนพายุจะมาถึง ถ้ามีเวลาพอให้ตัดรากหรือลิดกิ่งไม้ที่อาจหักได้จากลมพายุโดยเฉพาะกิ่งที่อาจหักตกมาทับบ้านเรือน หรือสายไฟฟ้า
    5) ตรวจสายไฟฟ้าและเสาไฟฟ้าทั้งในและนอกบริเวณบ้านให้เรียบร้อย หาที่ยึดเหนี่ยวสายไฟฟ้าให้มั่นคงแข็งแรง สับสายอากาศวิทยุและโทรทัศน์ลงดินให้เรียบร้อย
    6) อย่าอยู่ในที่ลุ่มที่มีระดับต่ำหรืออยู่ใกล้ทะเล หรือแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล ซึ่งอาจจะถูกน้ำท่วม หรือถูกกระแสคลื่นพัดพาลงทะเลไปได้ ถ้าบ้านพักที่อาศัยอยู่ในที่ที่มีลักษณะดังกล่าวนี้ ให้รีบอพยพไปให้ไกล หรือเข้าอยู่ในอาคารที่มั่นคงแข็งแรงจริงๆ ที่มั่นในว่าจะต้านทานกำลังลมพายุได้ ถ้าไม่มั่นในให้รีบอพยพ
    7) เข้าอยู่ในอาคารตลอดเวลาที่มีพายุ อย่าออกมาในที่โล่งแจ้ง เพราะต้นไม้กิ่งไม้อาจจะโค่นทับได้ แผ่นสังกะสีและสิ่งที่ปลิวตามมาจะทำให้ได้รับบาดเจ็บอันตรายได้
    8) ปิดประตูหน้าต่างทุกบานอย่างมั่นคงแข็งแรง อย่าให้เปิดได้ขณะที่มีพายุ ซึ่งจะเป็นอันตรายมาก โดยใช้ไม้ทาบตีตะปูตรึงปิดประตูหน้าต่างไว้จะปลอดภัยยิ่งขึ้น รวมทั้งซ่อมแซมตอกยึด หรือผูกมัดส่วนของอาคารบ้านเรือนที่หลุดลุ่ยให้มั่นคง
    9) ปิดกั้น ช่องทางลม ทางน้ำ และช่องทางต่าง ๆ ที่น้ำจะเข้าให้เกิดความเสีบหายได้ เช่น ห้องเก็บของ ห้องใต้ดิน เป็นต้น
    10) เตรียมตะเกียง ไฟฉาย ไม้ขีดไฟ ไว้ให้พร้อม และอยู่ใกล้มือ เมื่อไฟฟ้าดับจะได้ไว้ใช้ทันท่วงที
    11) เตรียมอาหารสำรองและอาหารกระป๋องไว้บ้าง พอที่จะมีอาหารรับประทาน เมื่อพายุยังไม่ผ่านไป เพราะตั้งแต่เริ่มมีพายุจนพายุผ่านไปแล้ว อาจกินเวลาสองถึงสามวัน และเมื่อพายุผ่านไปแล้ว การขาดแคลนอาหารโดยทั่วไปอาจจะมีได้ระยะหนึ่ง
    12) ดับไฟฟ้าในเตาให้เรียบร้อย เพื่อกันมิให้เกิดเพลิงไหม้ในขณะที่มีพายุ ส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคารที่พักอาศัยอาจจะถูกลมพัดพังทลาย ถ้ามีเชื้อเพลิงอยู่ก็อาจจะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ ควรเตรียมอุปกรณ์ดับเพลิงไว้บ้าง เช่น ทรายหรือน้ำยาดับไฟ เป็นต้น
    13) ควรเตรียมน้ำรับประทานไว้บ้าง ภาชนะที่เก็บใส่น้ำควรเติมน้ำให้เต็ม เพราะน้ำกินน้ำใช้อาจจะไม่มีภายหลังพายุพัดผ่านไปแล้ว
    14) เตรียมเครื่องมือหุงต้มไว้ให้พร้อมที่จะใช้ได้ทันที เตรียมเครื่องมือเวชภัณฑ์ไว้ใช้ปฐมพยาบาลในกรณีที่มีผู้บาดเจ็บ
    15) สิ่งของที่อาจจะตกหล่น แตกหักเสียหายได้เมื่อได้รับความกระเทือนจากลมพายุ ควรจัดวางไว้ในที่ต่ำและปลอดภัย
    16) สัตว์พาหนะต่าง ๆ เช่น ม้า วัว ควาย ตลอดจนสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ให้นำไปอยู่ในที่ปลอดภัยพ้นจากลมพายุและน้ำท่วม
    17) บรรดาเรือ แพ ให้ลงสมอผูดยึดให้มั่นคงแข็งแรง
    18) ถ้ามีรถยนต์หรือพาหนะสำหรับขับขี่อย่างใดอย่างหนึ่ง ควรเตรียมไว้ให้พร้อมเพรียงเผื่อจะใช้ได้ทันทีหลังจากพายุพัดผ่านไปแล้ว เช่น ช่วยเหลือนำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล น้ำมันควรจะมีให้เต็มถัง
    19) เมื่อปรากฏว่ามีลมเงียบสงบลง อย่าเข้าใจว่าพายุได้ผ่านพ้นไปแล้ว เพราะพายุใหญ่ขนาดไต้ฝุ่นและพายุโซนร้อน จะมีศูนย์กลางซึ่งเป็นบริเวณลมเงียบสงบและไม่มีฝนท้องฟ้ากระจ่าง เมื่อศูนย์กลางพายุผ่านบริเวณใดจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าพายุพัดผ่านไปแล้ว แต่ความจริงในช่วงระยะ 2 ชั่วโมงต่อมา จะกลับมีพายุแรงและฝนหนักอีก ลมจะพัดเปลี่ยนทิศทางตรงกันข้ามกับระยะแรก และมีอันตรายรุนแรงพอ ๆ กันฉะนั้น เมื่อลมเงียบสงบ ฝนหยุดตก ควรรอต่อไปไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง และถ้าพ้นระยะนั้นไม่มีลมแรงเกิดขึ้นอีก จึงจะวางใจได้ว่าพายุได้ผ่านพ้นไปแล้ว
    20) เตรียมทางขึ้นสู่เพดานหรือหลังคา เมื่อเกิดน้ำท่วม มีเครื่องมือช่างไม้ไว้บ้าง สำหรับตัดไม้หรือทำแพ (ในกรณีที่รุนแรงและน้ำท่วมเกิดขึ้น)
    21) ในขณะมีพายุจะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ในที่ใกล้เคียง เช่น ต้นไม้ล้มโครมคราม บ้านเรืองข้างเคียงทานกำลังพายุไม่ได้จะพังทลายลง

    ลมที่มีกำลังแรงจนบ้านสั่นสะเทือนไปหมด ฝนก็ตกหนักมีฟ้าคะนองฟ้าผ่าเปร้ยงปร้าง สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความตระหนกตกใจ คุมสติไม่อยู่จะทำอะไรไม่ถูกต้อง เมื่อผู้ใหญ่ตื่นตระหนกจนหมดสติเช่นนี้ จะทำให้เด็กเล็กปราศจากที่พึ่ง จึงควรสงบจิตใจ ตั้งสติให้มั่นคง เพื่อเตรียมต่อสู้กับภยันตรายต่าง ๆ คิดหาทางช่วยชีวิตตนเองและครอบครัว ตลอดจนช่วยบุคคลอื่นที่ประสบอันตราย

    ******************

    - เพิ่มเติม ทุกข้อมีความสำคัญหมด แต่ที่สีแดงข้อ (2)-(3) นั่นเพราะจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน ข้อ (6) นั่นเพราะเกินกว่า 80% ผู้คนเสียเสียชีวิตไปเพราะอยู่บริเวณพื้นที่ชายฝั่งเป็นจำนวนมากแล้วไม่เชื่อฟังคำสั่ง(ประมาณว่าอวดเก่ง) ไม่ยอมอพยพ ดังนั้นพื้นที่ที่อยู่ริมชายฝั่งทะเล และลึกเข้าไปในแผ่นดินประมาณ 25-30 กิโลเมตร ถ้าเป็นไต้ฝุ่นมีความรุนแรงเกินกว่าระดับ 1 ขึ้นไป ไม่ต้องคิดมากครับให้รีบอพยพไปได้เลย

    ส่วน (19) ข้อนี้คนส่วนใหญ่มักยังไม่เข้าใจกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะที่ศูนย์กลางพายุพัดผ่าน จะว่าไปแล้วส่วนใหญ่ จากการสำรวจกว่า 95% ช่วงครึ่งหลังของพายุหมุนเขตร้อนจะมีความรุนแรงมากกว่าช่วงครึ่งแรก 2-3 เท่า และจะปรากฏพายุทอร์นาโดในช่วงครึ่งหลังของพายุซึ่งเราไม่สามารถที่จะมองเห็นได้เลยว่าทอร์นาโดจะอยู่บริเวณใด เนื่องจากฝนตกหนักลมจัดจนเห็นเป็นสีขาวโพลนไปหมด ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่อันตรายมากที่สุดของพายุไต้ฝุ่นตั่งแต่ ระดับ 1 ขึ้นไป ดังนั้นผมเห็นว่าข้อ (19) ที่ว่า “มีอันตรายรุนแรงพอ ๆ กัน..” เห็นจะไม่จริง เพราะจากการสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่ครึ่งหลังของพายุ(ด้านขวามือบริเวณซีกโลกเหนือ) จะมีความรุนแรงมากกว่าครึ่งแรกของพายุหลายเท่าเลย และสำหรับผมเท่าที่สังเกตแทบจะไม่เคยเห็นเลยหรือไม่เคยปรากฏว่าทั้งครึ่งแรกและครึ่งหลังของพายุหมุนเขตร้อนจะมีความรุนแรงพอๆ กัน พายุทุกลูก ครึ่งแรกกับครึ่งหลัง ของพายุไต้ฝุ่น จะมีอยู่ครึ่งหนึ่งที่มีความรุนแรงกว่าเนื่องจากทิศทางการเคลื่อนตัวและแรงเหวี่ยง โดยส่วนใหญ่ในซีกโลกเหนือจะเป็นครึ่งหลังของพายุด้านขวามือ หรือทิศตะวันตกของศูนย์กลางพายุ

    สิ่งที่คุณสามารถนำไปคิดต่อ
    - เหตุใด พายุหมุนเขตร้อน ช่วงครึ่งแรกกับครึ่งหลังพายุ ลมจึงพัดไปทิศทางตรงกันข้าม ตามข้อ 19 ?
    ซึ่งครั้งต่อๆ ไปจะนำเสนอเพื่อเกิดความเข้าใจ

    [​IMG]

    </td></tr> </tbody></table>
    </td></tr> <tr><td> <table align="center" border="0" width="100%"> <tbody><tr><td align="left">
    </td> <td align="right"> โดยคุณ TC-2008 (125.24.116.184) [20-07-2008 20:51] </td></tr> </tbody></table> </td></tr> </tbody></table>
     
  20. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
    เขียนเมื่อ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ffice:eek:ffice"
    มาเตรียมตัวเดินทางไกลกันเถอะ...เผื่อไว้ ไม่เสียหายอะไร....
    เครื่องสนามที่จำเป็น
    <O:p</O:p

    ในการเดินทางไกล....ที่ต้องเดินด้วยเท้า....ซึ่งไม่ทราบว่า.....จะไปใหน..เมื่อไร..แต่หากประสงค์จะทำ....เครื่องสนามเดินป่า เป็นสิ่งจำเป็นต้องมี และข้อมูลต่อไปนี้อาจช่วยท่านในการจัดหาอุปกรณ์ดังกล่าวได้.....
    <O:p</O:p

    ๑.เป้สนาม ควรเป็นเป้สนามเดินป่าแบบ ตำรวจทหารใช้ มีหลายขนาดให้เลือก ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกายท่านในการนำพาสัมภาระ น้ำหนักโดยรวมของเป้ รวมวัสดุที่บรรจุแล้ว ไม่ควรเกิน ๖ กิโลกรัม สำหรับสุภาพสตรี และ ๑๐ กิโลกรัม สำหรับสุภาพบุรุษ สัมภาระที่ควรบรรจุในเป้ ควรจะเป็นดังนี้
    ๑.๑ เสื้อผ้า ไม่เกิน สามชุด
    ๑.๒ ชุดชั้นในและ ถุงเท้า ไม่เกิน สามชุด และผ้าเช็ดตัวหรือผ้าขาวม้า ๑ ผืน
    ๑.๓ กล่องพลาสติคกันน้ำ(ใช้กล่องถนอมอาหารก็ได้) บรรจุ เวชภัณฑ์ ที่จำเป็น เช่น ยาดม ยาหม่อง ชุดปฐมพยาบาล ผ้ากาวปิดแผลสด สำลี ผ้าพันแผล ยาห้ามเลือด/ใส่แผลสด เข็ม และใหมใช้เย็บแผลสด ยาฆ่าเชื้อในกระเพาะอาหาร ยาแก้อักเสบ ยาโรยแผลเช่นเพนนิซิลีน แก้ปวด/ลดไข้ ยาทานป้องกันมาเลเรีย(ควินิน) เซรุ่ม แก้พิษงูพร้อมเข็มฉีดยา ๑ ชุด (ติดต่อสถานเสาวภา เพื่อขอคำแนะนำ) ยารักษาโรคประจำตัวเตรียมไปให้มากๆหน่อย เรื่องหยูกยานี่ ต้องปรึกษาเภสัชกรครับ
    ๑.๔ กล่องพลาสติคกันน้ำ(ใช้กล่องถนอมอาหารก็ได้) บรรจุ สิ่งของมีค่าและทรัพย์สิน เช่น ช้อนสเตนเลสใช้ทานข้าว เข็มทิศเดินป่าปากกาหมึกแห้ง สมุดบันทึก ไฟฉายแบบใช้ถ่านและหรือไม่ใช้ถ่าน ไฟแช๊กก๊าซ เลนซ์นูนไว้ก่อไฟ หวีและกระจกบานเล็กๆ ด้ายและเข็มเย็บผ้า ปืนพก และกระสุน ๕๐ นัด
    ๑.๕ ขวดพลาสติคบรรจุน้ำดื่ม ขนาด ๑ ลิตรบางท่านอาจนำไปเกินกว่านี้ได้ เดินไป ทานน้ำไป น้ำหนักเป้ก็ลดไปเอง
    ๑.๖ ผ้าอนามัย ๑-๓ แพ็ค สำหรับสุภาพสตรี ผ้าอนามัยนี้ สำคัญมาก ใช้ซับเลือดจากแผลสดได้ กระดาษทิสชูอย่างดี ๑ ม้วนใช้ทำความสะอาดหลังการถ่ายอุจจาระ
    <O:p</O:p

    .....ท่านใดจะบรรจุมากกว่านี้ก็ได้....เอาไว้เวลาเดินไม่ไหว..ค่อยระบายสัมภาระให้เพื่อนร่วมทาง หรือ ทิ้งไปบ้างก็ได้ครับ....
    <O:p</O:p

    ๒. เข็มขัดสนามและสายโยง สำหรับ พ่วงสัมภาระต่อไปนี้...
    พลั่วสนามอลูมิเนียมแบบสามพับ เอาไว้ขุดหลุมหุงก่อไฟทำอาหาร และหลุมสำหรับถ่าย
    อุจจาระแล้วกลบทีหลังกระติกน้ำสนาม แบบมี ถ้วยอลูมิเนียม ใช้ใส่มาม่า หรือไวไว ต้มกินได้ มีดพกเดินป่าแบบทหารใช้ตัดฟันกิ่งไม้กรุยทาง ตัดฟันกิ่งไม้มาทำครัว และใช้ ป้องกันตนเองได้ ซองบรรจุปืนพก(ถ้าต้องการ) อย่าลืมว่าขณะนี้ท่านมีน้ำดื่ม สำรองอยู่ในเป้ อีก ๑ ลิตร เชือกมนิลา ยาวประมาณ ๘-๑๐ เมตร หนึ่งม้วน กะให้มีขนาดที่รับน้ำหนักได้ ประมาณ ๒๐๐ กิโลกรัม หรือเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑.๒ เซนติเมตร สำหรับการป่ายปีนที่สูง และ การข้ามลำห้วย ถ้าเป็นเชื่อกใช้ไต่เขา
    โดยเฉพาะจะดีมาก
    ๓. สัมภาระนอกเป้ ที่ผูกติดไปกับเป้ได้ ได้แก่ เต้นท์หรือ ถุงนอนสนามแบบกันน้ำได้ เสื้อกันหนาวแบบกันน้ำได้และใช้งานในหิมะได้ อย่างละ ๑ ชุด เส้นหมี่ หรือ บะหมี่สำเร็จรูปตามอัทธยาศัย อย่างน้อย ๑ กล่อง(๒๔ ซอง)ผ้าพันคอเนื้อละเอียดแบบลูกเสือ หรือทหารใช้ เอาไว้กรองน้ำ และต้มน้ำดื่ม และใช้ ผูกส่วนของร่างกายเพื่อ ห้ามเลือดได้ ๑ ผืน
    <O:p</O:p

    น้ำหนักบรรทุกจะเป็นดังนี้โดยประมาณ
    ๑.ใน เป้ ประมาณ ๖ ๑๐ กิโลกรัม
    ๒. นอกเป้ประมาณ ๔ กิโลกรัม
    ๓. ที่ผูกกับเข็มขัดสนาม และสายโยง ประมาณ ๔ กิโลกรัม
    <O:p</O:p

    น้ำหนักรวมทั้งสิ้น ๑๔ ถึง ๑๘ กิโลกรัม สำหรับ สุภาพสตรี และ ท่านสุภาพบุรุษ ตามลำดับ ......เป็นอย่างไรครับ พอไหวใหม?...มากหรือน้อยกว่านี้ก็แล้วแต่ความสามารถของแต่ละท่านนะครับ ...นี่ผมจัดให้อย่างเบาสุดๆแล้วนะ ยังไม่ได้รวมสิ่งของที่จำเป็นอื่นๆอีกดังต่อไปนี้แปรงสีฟันและยาสีฟัน สบู่และแชมพูสระผม และพงซักฟอก...หากท่านใดต้องการก็บวกน้ำหนักเพิ่มอีกท่านละ ๑ถึง ๑.๕ กิโลกรัม ...เวลาเดินไปก็นึกเสียว่า เรามาฝึกทหาร ก็แล้วไปครับ....หากเดินทางแบบครอบครัวหรือเป็นกลุ่ม...น้ำหนักโดยรวมของแต่ละท่านอาจลดลงได้มาก ...เพราะบางอย่างใช้ร่วมกันได้ เช่น ปืนพกและกระสุน เต้นท์นอน พลั่ว และ มีดพก สนาม อาจใช้เพียงชุดเดียว...ดังนี้เป็นต้น
    <O:p

    การแต่งกาย
    <O:p
    ๑. เสื้อควรรัดกุม แขนยาว คอปิด เนื้อผ้าค่อนข้างหนาแต่ระบายอากาศได้ดี ไม่อมเหงื่อ ปกคลุมร่างกายได้มิดชิดถึงข้อมือ หากเดินทางในเวลากลางวันอากาศร้อน พับแขนเสื้อ แบะคอเสื้อ เปิดกระดุมเสื้อได้ เสื้อ ควรเป็นสีเทา สีฟ้าอ่อน สีกากี หรือ สีอื่นที่ไม่ใช่สีเข้มจนเกินไป ไม่แนะนำให้ใช้สีดำ เขียวเข้มหรือ น้ำเงินเข้ม น้ำตาลเข้ม เพราะ ยุงชอบ และ สีที่ไม่เข้มมากทำให้เห็นตัวทาก หรือแมลงที่ป่ายปีนตามตัวได้ง่าย มีกระเป๋า ที่หน้าอกเสื้อ พร้อมฝาปิดแบบมีกระดุมหรือซิป ทั้งสองข้างและในกระเป๋าเสื้อของแต่ละท่านควรมีแผนที่มีมาตราส่วน และรายละเอียดตำบลที่สำคัญ ประกอบการเดินทางและจุดนัดหมาย ใส่ในซองพลาสติค(ถุงซิป)กันน้ำ เพื่อประโยชน์ในการติดตามกันหรือเดินทางสู่จุดหมายตามลำพังในกรณีพลัดหลง อย่าลืมว่า ท่านมีเข็มทิศ จงใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อการนี้
    ๒.กางเกง ควรเป็นผ้าหนา เช่นกางเกงยีน หรือกางเกงผ้าฝ้ายหลวมๆ ยาวคลุมข้อเท้า มีกระเป๋าและฝาปิดกระเป๋าทั้งซ้ายและขวา สีน้ำเงินอ่อน ฟ้า เทา หรือสีกากี น่าจะดีที่สุด
    ๓.เข็มขัดหนังหรือ เข็มขัดผ้า ควรมี เพราะใช้ คู่กับกิ่งไม้ในการดามกระดูกแขนขาที่หัก และ ใช้ห้ามเลือดได้ เช่นเดียวกับผ้าพันคอ
    ๔.รองเท้า ควรเป็นรองเท้านักกีฬา หรือรองเท้าวิ่งหุ้มข้อเท้า กันเท้าแพลงได้ และสวมถุงเท้ายาวและหนาๆ ใช้ เทปกระดาษกาวหรือ สายยางรัดข้อมือ(วิสต์แบนด์) พันชายกางเกงยีน ให้กระชับกับถุงเท้าและข้อเท้าป้องกันแมลงและตัวทาก มิให้เข้ามาทำอันตรายได้....
    ๕.นาฬิกาข้อมือ...ยี่ห้ออะไรก็ได้ ที่ท่านใช้ประจำ
    ๖.แว่นสายตาอย่าลืม หากลืมแล้วจะเซ็งมากๆ โลกนี้ช่างไม่โสภาเอาเสียเลย<O:p

    ว่างๆ...กรุณาออกกำลังกายที่บ้าน...เช่นกายบริหาร ..ปั่นจักรยานกับที่ หรือฝึกโยคะ..เพื่อจะได้ไม่หัวใจวาย ขณะเดินทางไกลด้วยเท้า..เมื่อวันที่ จำเป็นต้องกระทำเช่นนั้นมาเยือน....
    <O:p

    อุปกรณ์ประกอบที่จำเป็น
    <O:p</O:p

    จักรยาน เอาแบบพับได้ น้ำหนักเบาประมาณ ๑๐ -๑๒ กิโลกรัม มือสองของญี่ปุ่น ราคา ประมาณ ๒,๕๐๐ ถึง ๓,๕๐๐ บาท/คัน มีที่ซ้อนท้าย หนึ่งคันไปได้ สองคน ผลัดกันปั่นน่ะครับจักรยานนี้ช่วยผ่อนแรงได้มาก เช่นเดินเท้าไปได้ ๑๐ กิโลเมตรก็เดี้ยงแล้ว แต่หาก เป็นจักรยาน ไปได้ อย่างน้อยก็ ๔๐ กิโลเมตร/วัน และยังไม่เดี้ยงด้วย เพราะ ใช้สองแรงคนสลับกันครับ


    ...โดยปกติ..โครงเหล็กสำหรับซ้อนท้ายจะต่ำเตี้ยเกินไปและไม่แข็งแรงพอ ไม่มีเบาะรองนั้ง ทำให้เจ็บก้น อาจต้องพิจารณาเสริมความแข็งแรง และเสริมเบาะ หรือจะใช้เป้สนามรองนั่งก็คงได้...แต่ต้องแน่ใจว่า ไม่มีของแตกได้อยู่ในเป้...

    การเดินทาง

    <O:p</O:p

    ....ตราบใดที่ยังบินไม่ได้....กล่าวได้ว่า..ไม่มีภัยอันตรายใดๆจะยากแก่การป้องกันและหลุดรอดได้ยากกว่า ภัยจากคนพาลโจรผู้ร้าย...การคาดการณ์และคิดไว้ล่วงหน้าเป็นสิ่งจำเป็น....

    <O:p</O:p

    ๑. สมควรเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ มีสมาชิกที่ติดอาวุธปืนประจำกลุ่มเสมอแต่ไม่จำเป็นต้องแสดงอาวุธปืนหนึ่งกลุ่มใหญ่ ควรมีอาวุธปืนอย่างน้อย สอง กระบอก
    ๒. วางแผนการเดินทาง เริ่มต้นที่ การเลือกเส้นทางการเดินทางโดยคำนึงถึงความปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายให้มากที่สุด...โดยทั่วไปได้แก่เส้นทางที่ไม่เปลี่ยว มีชุมชนบ้านเรือน ตั้งเป็นระยะ..เมื่อพบว่ามีการสังหารหมู่หรือปล้นสดมภ์เกิดขึ้น ตามหมู่บ้านที่ผ่านไป ให้พิจารณาหาข่าวสารและปรับแผนการเดินทางใหม่ การเดินทางครั้งต่อจากนี้ต้องใช้ความระมัดระวังสูง และใช้เสียงให้น้อยที่สุด ควรมีการจัดคนลาดตะเวณหรือหน่วยแมวมอง ระวังหน้า ออกเดินทางล่วงหน้า เพื่อสำรวจเส้นทาง และหาข่าว เมื่อได้ข้อมูลว่าปลอดภัยแล้ว ค่อยเริ่มเดินทาง
    ๓. เดินทางเป็นแถวยาว และซอยเป็นกลุ่มย่อยๆ ห่างกันในระยะ ส่งเสียงถึงกันได้ แต่ไม่ควรส่งเสียงพูดคุยกันระหว่างการเดินทางเพราะทำให้เสียพลังงานเพิ่มขึ้น ควร มีสมาชิกติดอาวุธ กระจาย ที่หัวขบวน และ ปิดท้ายขบวน ระยะเวลาในการเดินทางก่อนหยุดพักไม่ควรเกิน ๕๐ นาที หยุดพัก ๑๐ นาที สลับกันไป ทำระยะทางให้ได้ประมาณ ๒.๕ - ๔ กิโลเมตรชั่วโมง และควรจะเดินทางได้ ๑๐- ๒๕ กิโลเมตร/วัน สำหรับการเดินทางด้วยเท้า และ ๔๐- ๘๐ กิโลเมตร/วัน สำหรับการเดินทางด้วยจักรยาน...เห็นแล้วใช่ใหมครับ..คุณค่าของจักรยาน...
    ๔. เมื่อจำเป็นต้องปะทะกับโจรผู้ร้าย...ให้ลงมืออย่างรวดเร็วกับ ผู้ที่เป็นหัวหน้าและผู้ถืออาวุธร้ายแรงก่อนเสมอ ระดับการลงมือ อาจเริ่มจากการจับกุม และการใช้อาวุธปืนเป็นที่สุด บริวารโจร ผู้ถือมีดไม้ก็จะพ่ายแพ้ไปเอง..การลังเลหรือความสงสารช่วยอะไรไม่ได้..นอกจากจะทำให้ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้..จงสอนให้คนพาลรู้ว่าคนกล้าที่แท้จริงเป็นเช่นไร...หากไม่อาจเอาชนะได้ และตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ให้แตกกลุ่ม แยกย้ายกันหนีภัย แล้วนัดพบกันใหม่ ที่จุดนัดพบซึ่งควรจะมีจุดสำรองไว้ด้วยสองสามแห่ง สำหรับกรณีจุดนัดพบแรกไม่ปลอดภัยหรือไม่เป็นความลับ จงคิดไว้ล่วงหน้าเสมอว่า จะทำ และไม่ทำอะไร..จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาคิดแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า...ซึ่งมันก็มีมากอยู่แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...