เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

555...จอคอมของดิฉัน มันลอยได้ด้วยค่ะ...หัวหน้าขรา..;2

 

ผมมองจนทะลุหลังจอไปแล้ว อย่าเลียนแบบนะครับ อิอิ
เอ่อ..รู้สึกกับบ้างมั๊ยครับว่าคืนนี้ พี่นักเขียนฯจะเข้ามาห้องวิทย์
ช่วยกันส่งจิตข้ามโลกไปหากันครับ ดูท่าน้องๆกำลังคิดถึงงงง..

 

วันนี้ไปทำสังฆทานที่วัดสร้อยทองกับพ่อแม่มา เอาบุญมาฝากชาวห้องวิทย์ทุกคนจ้า

เห็นพี่meadพูดถึงเรื่องแสงออร่า
ตอนนั้นที่ไปงานพลังจิต มีลองดูแสงออร่าของพระเครื่องเหมือนกัน เพ่งตั้งนานแน่ะกว่าจะเห็น
น่าสนุกเหมือนกันนะ ถ้าตาเปล่าเราสามารถเห็นแสงออร่าของคน สิ่งของได้
แต่นกไม่ค่อยอยากใช้สายตาเท่าไหร่ เพราะเพ่งทีไร ตาร้อนไปหลายวันเลย

 

โมทนาสาธุครับน้องนก
เรื่องเพ่งๆนี่คงต้องถนอมสายตาไว้นะครับ เดี๋ยวจะตาร้อนเกินจุดเดือดครับ อิอิ
จริงๆแล้วคุณเซลล์มีวีธีจ้องมองออร่าพระอาทิตย์ด้วยนะ (ขออนุญาตินำมาโพสนะครับ)

เทคนิคคือให้จ้องตอนพระอาทิตย์ขึ้นมาซักพัก หรือ กำลังจะตกก็ได้ หลักการเหมือนการ contrast ของแสงเหมือนกัน แต่***ห้ามจ้องมองโดยตรง***ให้มองเลยๆออกไปซักแป๊ปนึง แล้วหันไปมองท้องฟ้าอีกฟากเพื่อคายแสงออกก่อน แล้วค่อยหันกลับมามองที่พระอาทิตย์อีกครั้ง ถ้ายังจ้าอยู่ก็ให้หันกลับไปมองอีกฟากนึงเพื่อคายแสงใหม่ แล้วก็หันกลับไปดูพระอาทิตย์อีกครั้ง คราวนี้ก็มองด้วยตาเปล่าได้แล้ว..จะเห็นเป็นหลายๆสีเท่าที่อยากจะมองหละครับ

ส่วนประโยชน์นั้น คงต้องให้หัวหน้าห้องเราไปหามานะครับ ทุกอย่างไม่มีอะไรแปลกพิสดาร มีแต่สิ่งที่เรายังไม่รู้ไม่เข้าใจเท่านั้นเอง ^_^

อันนี้ต้องระมัดระวังด้วย ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำครับ
(smile)

 

จากประสบการณ์ส่วนตัว ถ้าจะฝึกมองออร่าให้เริ่มจากต้นไม้ หรือ สิ่งของก่อน สำหรับพระอาทิตย์นั้น ถ้าไม่มีความรู้หรือประสบการณ์มาก่อน อย่าไปเล่นเลยค่ะ อันตราย เพื่อนจินตวดีคนหนึ่งเรียนมาและไปเพ่งพระอาทิตย์ เห็นออร่าสีรุ้งจริง แต่ไม่นาน ตาเสียไปเลย ทุกวันนนี้รักษาแล้ว แต่ก็ยังฟางอยู่ เพราะตอนนั้นเจ้าตัวไม่รู้จักลิมิท แต่ตอนนี้เพื่อนคนนี้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญออร่าไปแล้ว คือ มีประสบการณ์ตรงมาแล้ว เลยรู้ดี พูดได้ อธิบายได้ รู้ทั้งคุณและโทษ รู้ว่าจ้องอย่างไรให้คุณ อย่างไรให้โทษ สำหรับตัวจินตวดีเอง เคยมองพระอาทิตยช่วงเช้า (เฉพาะพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าตรู่เท่านั้น ตอนนั้นแดดจะไม่แรง) การมองไม่ควรจะเกิน 5 นาที / วัน เพราะไม่อย่างนั้น จะร้อนมาก คายอย่างไรก็ไม่ออก คือออกไม่หมด ผลที่เกิดคือ เหลืองเหมือนแสงพระอาทิตย์เลย และ ร้อนมาก ตอนนั้นเหมือนไปอาบแดดเลยนะ แต่ถ้ารู้จักใช้ พลังนี้นำมารักษาคนได้ด้วยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะศึกษาหรือมีอาจารย์คอยชี้แนะ เพราะเล่นกับพระอาทิตย์ อันตรายค่ะ

 

สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่แจ่มใสค่ะ แต่คนพูดยังงัวเงียอยู่เลย
พูดถึงการมองดวงอาทิตย์ ตอนดวงอาทิตย์จะตกยังพอหามองได้ แต่ตอนที่เพิ่งขึ้นเนี่ยสิ สงสัยจะตื่นไม่ทัน อิอิ
เวลาแหงนมองตอนแดดจ้า ๆ แล้วชอบฮัดชิ้ว ตลกดี

 

พอดีเราคุยกันอยู่หลังห้องเรื่องออร่า ก็เลยคุยกันต่อมาเรื่อยๆ และคุณ mead เค้าเลยอยากแบ่งปันนำมาลงไว้หน้าห้อง (smile)

การจ้องมอง เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนคุณสมบัติภายในกันครับ เห็นด้วยกับคุณจินต์นะครับ ต้องรู้ลิมิตตนเอง อย่าไปจ้องตอนแดดแรง และอย่าให้นานนะครับ

เหมือนยาบำรุง น้อยๆก็ชุ่มชื้น เยอะเกินไปสำหรับร่างกายตนเองก็เป็นโทษครับ

 

สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ และขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับคุณนก
ร่างกายเราเย็นๆ และรับความร้อนเข้ามาอย่างฉับพลัน ทำให้ร่างกายเราปรับตัวโดยการฮัดชิ้วออกไปครับ (smile)

 

ใช่ครับอันตรายมากถ้าไปจ้องตรงๆกลางแดด เห็นมีโยคีบางคนทานแสงแดดแทนอาหารด้วย
ซึ่งก็อยู่ได้โดยไม่ต้องทานอาหารเลย แสดงว่ามีเบื้องหลังเกี่ยวกับการรับพลังแสงเหล่านี้จริงๆครับ
เคยจ้องตรงๆก็ตอนที่เกิดสริยุราคาเต็มดวงหลายปีก่อน
ตอนนั้นบรรยากาศรอบๆข้างก็เย็นเฉียบขึ้นมาทันที รู้สึกได้เลยครับ

 

เห็นประโยคของคุณเซลล์ " การจ้องมองเป็นการแลกเปลี่ยนคุณสมบัติภายใน" ไม่รู้มันจะเกี่ยวกับฝันเมื่อคืนหรือเปล่า ช่วงหลังมีปัญหาเรื่องเงินกับเพื่อน รู้สึกเคยเล่าแล้ว ตัวเรานั้นก็แผ่เมตตา บวกใช้จักระที่ 6 คิดถึงคนนั้นและส่งความรัก+คิดถึงไปให้ เมื่อคืนก็เลยฝันเห็นเขาเข้ามาพูดว่า "หนูควรจะคืนเงินให้พี่ใช่ไหม" เราก็ตอบว่า "ใช่ หนูควรคืนเงินให้พี่" ในฝันไม่มีความโกรธใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วภาพกลายเป็นเรื่องอุปมาอุปมัย ของตัวเราที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปกับเพื่อนและทำเงิน แบ๊งค์ 1000 บาทตก มีคนขับรถเมล์เปิดประตูมาเก็บไป เราก็ตามไปขอคืนบอกว่า มันเป็นเงินเราที่ปลิวตกมา เขาคืนให้เราแค่700 บาท เราก็บอกว่า นี่เป็นเงินเรา จะมาแบ่งไม่ได้ เขาก็ปิดประตูหนีไปเลย เราก็พยายามเรียกมอเตอร์ไซค์ตาม แล้วจิตก็พลันคิดว่า เสียเงินค่าจ้างมอเตอร์ไซค์ย่อมไม่คุ้มกับเงินจำนวนนั้น ดีไม่ดีมากกว่า ก็เลยหยุด แต่มานั่งร้องไห้แทน

เราเลยมีความรู้สึกว่า เพื่อนจะเอาเงินมาคืนเราส่วนหนึ่งจริง ถึงตอนนั้นก็ได้เรียนรู้จากฝันแล้วว่า ถ้าได้ไม่ครบก็ควรจะปล่อยวางแล้วคิดถึงความโชคดีที่เขามาคืนเงินเราบ้างคงพอ เพราะถ้าฟ้องร้องกันไป คงได้ไม่คุ้มเสียแน่นอน

ในหนังสืออมตะจิตวิญญาณได้กล่าวไว้ว่า ความฝันในช่วงเวลาที่ได้รับการปกป้องนั้น จะมี 2 ชั้น ชั้นที่หนึ่งบ่งบอกถึงสภาพแวดล้อมปัจจุบัน และ ชั้นที่สองบ่งบอกเกี่ยวกับปัญหาที่เผชิญอยู่ โดยจะมาเป็นภาพฝันที่ใช้สัญญลักษ์คลุมทับไว้ พอวิเคราะห์ตามแล้ว เข้าใจได้เลย

และก็ช่วงที่สติสัมปชัญญะคมชัดที่สุด ที่สามารถรับรู้ข้อมูลต่างมิติ ภาพ เสียง หรือติดต่อกับตัวตนภายในมักจะเป็นช่วงใกล้รุ่ง (ช่วงกายหลับจิตตื่น) และ ช่วงเคลิ้มก่อนหลับ (กึ่งหลับกึ่งตื่น) เคยลองตรวจสอบดู ปรากฏว่า หลายครั้งเป็นภาพในอนาคตจริง บางครั้งก็เห็นภาพคนเหมือนกำลังอยากจะบอกอะไรกับเรา ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นตัวตนใดตัวตนหนึ่งของเรา จากอดีต ปัจจุบัน อนาคต กำลังพยายามสื่อสารอะไร อยู่ อันนี้คิดว่าคุณเซลล์เข้าใจดี เพราะเคยมีประสบการณ์แล้วเหมือนกัน ใช่ไหมคะ

 

ถ้าลองมาคิดสิ่งที่คุณ mead ว่า เรื่องการทานแดด

ร่างกายเราดำรงอยู่ได้ ด้วยปราณจากอากาศ พลังงานจากน้ำ และพลังงานที่นำมาใช้ จากการแปลงอาหาร หรือสสาร เป็นพลังงานเคมี

ผู้ที่มีสติสัมปชัญญะจดจ่อกับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างยาวนาน จะไม่รู้สึกหิว และลืมไปเลยว่าต้องทานอาหาร ไม่รู้ว่าเวลาตามกาลเวลาโลกผ่านไปนานเท่าไหร่ ซึ่งเราทุกคนต่างก็เคยประสบกันอยู่อย่างเป็นธรรมชาติอยู่แล้วครับ นั่นคือ เราใช้สติสัมปชัญญะจดจ่อกับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยใช้เวลาทางจิต

แล้วการใช้เวลาทางจิตนั้น เรานำพลังงานจากไหนมาใช้? ถึงไม่ต้องพึ่งพลังงานจากอาหาร

ยามที่เราเหน็ดเหนื่อย แล้วไปมองดูธรรมชาติรอบตัว ทำไมถึงรู้สึกถึงความสดชื่น และหายจากอาการเหน็ดเหนื่อย?

พืชสังเคราะห์แสง โดยการเปลี่ยนอนุภาคจากแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานเคมี

เช่นเดียวกับ ร่างกายของเราที่เปลี่ยนพลังงานจากสิ่งแวดล้อม มาเป็นพลังงานเคมี อยู่ตลอดเวลา

อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด และจินตนาการ คือ เครื่องมือในการเปลี่ยนพลังงาน

ดังนั้นความรู้ในระดับเซลล์ต่างๆในร่างกาย ก็สามารถเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาได้อย่างเป็นอิสระ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนอนุภาคจากแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานเคมี

หากเราใช้อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด และจินตนาการ เป็นเครื่องมือในการรับรู้ถึงคุณสมบัติสิ่งที่เรารับรู้นั้น ก็สามารถซึมซับคุณสมบัติของสิ่งนั้นมาได้เช่นเดียวกัน

เช่น ในการมองดูดวงอาทิตย์ยามเช้า หรือตอนใกล้ตก ดวงตาเราจ้องมองดวงอาทิตย์ ตาเราจะจดจำภาพนั้นไว้แล้ว และเรามองท้องฟ้าด้านอื่นเพื่อคายประจุแม่เหล็กไฟฟ้าส่วนเกินออกไป และเมื่อหันกลับไปมองอีกที ภาพที่ติดตาเราก็จะไปสวมทับกับภาพดวงอาทิตย์ที่เรามองอยู่ จะเห็นเป็นฟิลม์ดำที่ปิดทับไว้ และก็จะมีการ contrast ของแสงระหว่างสีฟ้า สีส้ม เป็นสีต่างๆ เช่น สีชมพู สีเขียว เป็นต้น เมื่อคายแสงออกไปแล้ว ก็จะเห็นเป็นสีเหลือง
ลองสังเกตดูนะครับว่า ในการสังเกตออร่าของบุคคล เรามักจะเห็นสีเหลืองเป็นสีที่สังเกตได้ง่ายที่สุด สีอื่นๆก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามความถี่

แล้วการซึมซับคุณสมบัติต่างๆนั้น เรารับทราบตอนไหน การรับรู้คุณสมบัติไม่ใช่ว่าเราใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการรับรู้ แต่เราใช้อารมณ์ ความคิด จินตนาการในการรับรู้
เหมือนกับคำพูดสั้นๆที่ว่า ตาดู แต่ใจมอง

ซึ่งอารมณ์ ความคิด จินตนาการนั้นเป็นตัวเชื่อมต่อให้เรารับรู้สภาพแวดล้อม
เหมือนคุณสมบัติของดวงอาทิตย์ที่ภายนอกร้อน แต่ข้างในกลับเย็นเฉียบ

เมื่อเราแลกเปลี่ยนคุณสมบัตินั้น ก็คือภายนอกร้อน แต่ข้างในเรากลับรู้สึกถึงความเย็นที่มีชีวิตชีวา

เช่นเดียวกับที่เราสามารถซึมซับคุณสมบัติของสิ่งรอบตัว และส่งถ่ายคุณสมบัติให้กันได้ โดยใช้อารมณ์ ความคิด จินตนาการของเราเองเช่นกัน

เรื่องสติสัมปชัญญะที่คมชัด เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆอย่างที่คุณจินต์ว่าจริงๆครับ ประสบการณ์ยามตื่นของเราโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 สามารถรับรู้ได้ในสิ่งที่จำกัด เพราะเราตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเครื่องพรางต่างๆ

ตัวอย่าง การแก้ไขปัญหาสิ่งต่างๆที่ได้จากในฝันนั้น เมื่อเรารับรู้วิธีการในฝัน และเมื่อเราตื่นมาแล้ว และดำเนินชีวิตในชีวิตประจำวัน เหตุการณ์ทุกอย่างที่เราเจอ เหมือนเหตุการณ์ที่เราเคยเห็นมาก่อนในความฝันเลย ไม่ใช่ว่าเรารู้อนาคต แต่เป็นคำตอบจากอารมณ์ ความคิด และจินตนาการของเราในชีวิตประจำวันต่างหากที่มีคำตอบที่แปลงไปรออยู่แล้วที่อีกมิติหนึ่ง

เหมือนกับว่า เมื่อเราคิดอะไรซักอย่าง และยังแก้ไขไม่ได้ เพราะเราพยายามตีความโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ภายใต้เครื่องพราง การรับรู้จึงมีอยู่อย่างจำกัด ไม่ครบทุกมุมมอง เพราะตามธรรมชาติเรามักจะใช้ชุดความเชื่อของเราในการตีความ จึงได้ไม่ครอบคลุม

ในขณะที่เราครุ่นคิดหากวิธีการอยู่นั้น ก็เกิดการแปลงสภาพอารมณ์ ความคิด จินตนาการของเราเป็น วัตถุสิ่งของ ฉากเหตุการณ์ต่างๆ บุคคล และสภาพแวดล้อมต่างๆในอีกมิติหนึ่ง ทั้งหมดนี้คือสัญลักษณ์ที่ครอบคลุมอารมณ์ ความคิด และจินตนาการของเราไว้ทั้งหมดทุกแง่มุม ซึ่งมีคำตอบไว้รออยู่แล้ว

พอตอนกลางคืน เรานอนฝัน คิดถึงวิธีการในการแก้ไขปัญหาในเรื่องที่เราคิดอยู่ในชีวิตประจำวัน

ตอนนี้เรามีสติสัมปชัญญะที่ตามเข้าไปในฝัน ไปรับรู้ภาพเหตุการณ์ในฝันที่เกิดจาก อารมณ์ ความคิด และจินตนาการของเรา เมื่อตอนใกล้ตื่น เราจดจำภาพเหตุการณ์ และสัญลักษณ์ต่างๆในมิติของความฝัน เราก็ทำการถอดรหัสโดยใช้อารมณ์ ความคิด จินตนาการ กลับมาเป็นความเข้าใจในวิธีการแก้ไขปัญหานั้น

ดังนั้นการใช้สติที่คมชัด ในการเฝ้าดูอารมณ์ ความคิด และจินตนาการของเราจึงสำคัญมากก็เพราะเหตุนี้ครับ เพราะแค่คิด แค่รู้สึก จิตใต้สำนึกของเราก็ไปสร้างวัตถุสิ่งของ บุคคล สภาพแวดล้อมไว้รออยู่แล้ว

จิตวิญญาณจดจ่อภาวะใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่ เป็นอยู่ ดำเนินไปในภาวะนั้น เป็นคำที่เป็นอมตะเสมอครับ

 

*** เหมือนเดือน *** Resemble The Moon *** ​

<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->

​

Resemble The Moon
Intro: Indian Bansuri Flute, Steel Strings Guitar
Piano :​

จันทร์ จันทร์หนอจันทร์แรม อ่อนแสงจนดับลับนภา
กายฉัน ฉันนั้นเป็นเช่นไร ต้องดับลับไป ใยเช่นจันทร์แรม​

Orchestral Strings :
จันทร์ จันทร์หนอจันทร์เรืองรอง สว่างละอองผ่องอำไพ
เหตุใด จันทร์เจ้าจึงศรัทธา หวลสู่ฟ้าสว่างไสว​

Interlude : Piano, Bansuri Flute
Piano, Orchestral Strings :
จันทร์ จันทร์หนอจันทร์แรม อ่อนแสงจนดับลับนภา
กายฉัน ฉันนั้นเป็นเช่นไร ต้องดับลับไป ใยเช่นจันทร์แรม​

Orchestral Strings, Piano :
จันทร์ จันทร์หนอจันทร์เรืองรอง สว่างละอองผ่องอำไพ
เหตุใด จันทร์เจ้าจึงศรัทธา หวลสู่ฟ้าสว่างไสว​

Piano, Orchestral Strings :
จันทร์ จันทร์หรือจันทร์จะเตือน ว่าดวงเดือนย่อมอยู่คู่นภา
จิตฉัน ฉันนั้นเป็นเหมือนเดือน ไม่ดับลับเลือน คงอยู่คู่เธอ
ไม่ดับลับเลือน คงอยู่คู่เธอ​

Finale : Indian Bansuri Flute​

ทำนอง เนื้อร้อง เรียบเรียงเสียงประสาน บรรเลงเดี่ยวโดย พี่นักเขียนฯ
ร้องประสานเสียงโดย... kindred & Mead
นำมาฝากพี่นักเขียนและเพื่อนๆเป็นพิเศษครับ
มือใหม่หัด mix อิอิ ผิดพลาดขออภัยครับ
(smile)
;36​

[music]http://palungjit.org/attachments/a.368880/[/music]​

 

ขอบคุณบทเพลงที่ไพเราะนะครับ คุณ mead คุณเดรด
ไม่ได้รู้นะครับ แต่คุณ mead เฉลยแล้ว จากชื่อไฟล์แนบข้อความ อิอิ
ยกให้สิบนิ้วเลย ;aa46(smile)(smile)

 

สวัสดีค่ะ
แวะมาส่งข่าวว่า ช่วงนี้ติดงานหลายด้าน มหาลัยและโรงเรียนใกล้เปิด
และมีนักเรียนไทยที่เดินทางมาเรียนที่นี่ เข้ามาอยู่ในความดูแลของพี่นักเขียน ประจวบกับว่าเข้า web พลังจิตไม่ได้บ่อยๆหรือเข้าได้ก็ load ช้ากว่าปกติหลายเท่า ทำให้หาเวลาเข้ามาคุยกับพวกเราไม่ได้อย่างเคย งานซาเมื่อไรจะรีบกลับมาทันที
รักและคิดถึงทุกๆคนค่ะ(rose)(rose)(rose)

 

Wow... เพราะมากเลยค่ะ คุณมี๊ด ..พี่เดรด
..สุดยอดๆ ...
;4;4;4

 

เพลงเพราะมากค่ะ ฟังแล้วขนลุก ขอบคุณที่นำสิ่งดีดีมามอบให้เพื่อนๆค่ะ

 

ขอบคุณครับเพื่อนๆ ฟังแล้วขนลุกเหมือนกันว่าทำไปได้ไง อิอิ
ขอให้ฟังเพลงแล้วจิตใจเบิกบานป็นสุขนะครับ ขอยกเครดิตทั้งหมดให้พี่นักเขียนฯครับ แต่งทำนอง+ เล่นดนตรีได้สมบูรณ์แบบเหลือเกินครับ เห็นนักดนตรีที่มีความสามารถจริงๆเค้ามักจะหลับตาเล่นนะครับ เรียกว่าสวมจิตวิญญาณที่มีเอกลักษณ์อย่างสนิทแนบเนียนเลยครับ..และขอบคุณคุณเดรดด้วยที่ร้องมาให้หลาย 10 เที่ยว จนเสียงแหบแห้งไปเลยครับ..เลยเอาน้ำส้มเย็นๆมาฝากครับผม.. เอ่อ คิวต่อไปก็หวังว่าจะได้ฟังกันอีกนะครับครับคุณเซลล์ คุณซิปฯ และเพื่อนๆท่านอื่นๆด้วยนะครับ ***(จะรอฟังบ้างล่ะครับ)

​

 

พูดถึงเรื่องพระอาทิตย์กับพระจันทร์ ธรรมชาติสอนเราได้หลายอย่างเลยครับ
ในแง่ของความรัก+กับแรงดึงดูด พระอาทิตย์รักโลก โลกก็รักดวงจันทร์ ต่างก็ส่งแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งกันอย่างพอเหมาะพอดี คือไม่ไปดึงกระชากเข้ามาจนกระแทกกันเสียหาย และไม่พลักไสจนกระเด็นออกไป โคจรหมุนรอบตัวเองและหมุนอยู่ในระบบย่อย-ระบบใหญ่อย่างสมดุลย์
คนเราควรรักกับแบบนี้ครับ เชื่อใจกันในภาพรวม มีช่องว่างระหว่างกัน ให้อิสระภาพต่อกัน เปิดโอกาส ให้กัน เรียนรู้ได้มายมายเลยล่ะครับ ดีครับที่ช่วยกันนำเสนอแง่มุมของดวงอาทิตย์และพระจันทร์ครับ

 

ร้องเพลงได้เพราะมากเลยครับ สุดยอด

เวลาผมร้องเพลงบางทีก็หลับตาร้องเหมือนกันครับถ้าอยากให้อารมณ์มันได้ เหมือนว่าหลับตาแล้วสามารถจินตนาการสร้างอารมณ์ได้ง่ายกว่า แต่มีปัญหาตรงที่ว่าถ้าจำเนื้อร้องไม่ได้ก็ต้องลืมตามาดูเนื้อนี่แหล่ะ อิอิ

 

เพลงก็เพราะ ข้อความก็สุดซาบซึ้งกินใจ รักกันแบบ พระอาทิตย์รักโลก
โลกรักดวงจันทร์ ไม่ดึงกระชากเข้ามาจนกระแทกเสียหาย ไม่ผลักไสจน
กระเด็นออกไป เฮ้อ..... ทำได้ดังนี้ความรักจะสวยงามมาก และรักโดย
ไม่มีทุกข์ แต่เพราะ ณ วันนี้ยังทำไม่ได้ จึงต้องทานน้ำแต่ใบบัวบก+
น้ำรากบัวต้มครับ
(smile)