รบกวนคุณเอกวีร์และสหายธรรมทุกท่าน ผมเป็นอะไรไม่ทราบ (จาก TVJ)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย to2504, 8 ตุลาคม 2008.

  1. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    น้าจรทำงานอยู่หรือเปล่ว ตอนนี้
     
  2. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    น้าจร ถามหน่อยดิ (สงสัยอีกและ อิอิ แต่มีจุดประสงค์นะ) น้ายังอยากได้ดาบอีกหรือปะ
     
  3. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    น้า ๆ ถามหน่อยดิ น้าบอกเบื่อ แล้วน้าเข้ามาอยู่ทำไมในพลังจิตอ่ะ สงสัยอีกและ
     
  4. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    [​IMG]

    แต่ก็สร้างสีสันต์ประจำบอร์ดได้ดี
    แต่ควรจะพึงระวังในการให้อรรถให้ธรรมกับผู้อื่น
    สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะนำมา โปรยหว่าน ดังเมล็ดพืชพันธ์ต่างๆ
    จะเป็นบาปเป็นกรรมแก่ตน ครับ เมื่อไม่มีในตนจริง
     
  5. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ดูเหมือนสงบแต่แท้จริงภายในรุ่มร้อน
    โดยจึงต้องหาวิธีทางแก้ด้วยการทำเป็นไม่สนใจ
     
  6. ไม้ปิงปอง

    ไม้ปิงปอง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +0
  7. Soulmaki

    Soulmaki เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +357
    อาการแบบนี้ผมก็เคยเป็นครับจากประสบการณ์ ครั้งแรกนั้นก็รู้สึกแบบคุณTVJ งงๆตื้อๆโล่งๆ ไม่รู้จะยังไงดี ไม่สุข ไม่ทุกข์ แต่รู้สึกไม่ดีซักเท่าไรเหมือนมันขัดๆ ติดๆอยู่ แต่พอดูๆไปแล้วมันคือจิตที่ยังมีความอยากนี่เองที่มันยังติดๆอยู่ ยังต้องการหาทางออกจากความรู้สึกนี้โดยการคิดควานหากิเลสให้กลับมาเป็นตัวตนความรู้สึกให้เหมือนเดิม เหมือนว่าจิตนั้นยังไม่พร้อมจะไปต่อ ผมรู้สึกแบบนั้นน่ะครับ สุดท้ายเลยแก้โดยหากิเลสที่ชอบมาตอบสนองซะเลยให้เกิดความสุขปลอมๆไปก่อน ให้กลับเป็นเหมือนเดิมก่อน แล้วค่อยว่ากันต่อไป เหมือนถอยกลับมาดูเชิงก่อนก้าวนึง

    คราวนี้พอมันมาอีกผมก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่เป็น คราวนี้เหมือนเป็นความชินเพราะเคยเป็นมาแล้วก็เลยตามรู้อย่างมีสติ ก็เลยรู้ทันจิตตัวเองที่ต้องการหาความเป็นตัวตนยึดติดตามธรรมชาติของมัน สุดท้ายก็ปิ๊งขึ้นมาและแก้โดยการทำเมตตาจิต คิดแต่สิ่งที่เป็นการให้ หรือแผ่เมตตาก็ได้ ทำให้จากที่รู้สึกขัดๆ กลายเป็นสุขใจแทน วันนั้นมีความสุขทั้งวันเลยเจอใครก็ยิ้มเพราะใจคิดให้ตลอด แล้วก็กลับเป็นปกติเองไม่รู้ตัวเลย

    ที่เล่ามาเป็นประสบการณ์ของผมน่ะครับ มาเล่าให้ฟัง ไม่ได้แนะนำให้ทำตามนะครับ เพราะแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน
     
  8. นิรันตรพินทุ

    นิรันตรพินทุ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +10
    หลับ หรือ ตื่น

    ถ้าไม่รู้ก็ เข้าข่ายหลับ
     
  9. biology_ชีววิทยา

    biology_ชีววิทยา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +8
  10. ForeverYoung

    ForeverYoung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +135
    ผมขอชี้ตรง ๆ เลยนะครับ
    คือก่อนนี้ที่จะได้มาถกธรรมนั้น คุณ TVJ อาจมีความเข้าใจว่าได้เห็นธรรมขั้นสูงแล้ว
    แต่เมื่อได้มาถกธรรมกันจริง ๆ สภาวะที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ของคุณเองที่เข้าใจว่าเห็นธรรมแล้วนั้น
    แท้จริงยังไม่ไปถึงไหน เมื่อได้สนทนากับสหายธรรมที่มีสภาวะธรรมที่ชัดเจนยิ่งกว่า จึงไม่สามารถเข้าใจได้ และไม่สามารถสนทนาต่อธรรมในขั้นยิ่ง ๆ ขึ้นไปได้
    อาการนิ่งไปเฉย ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากภวังคจิตใด ๆ แต่เป็นอาการของการงุนงงสงสัยในสภาวะธรรมของตนเองไม่แน่ใจว่าจะไปทางไหน หรือถึงไหนแล้ว และจะพูดคุยอย่างไร
    ผมแนะนำว่าไม่ต้องสนใจภาวะที่เกิดขึ้นหรอกครับ มันเป็นไตรลักษณ์ เพราะเราก็คือเรา เราก็อยู่กับจิตของเรา จะเป็นอย่างไรก็คือของจริงของเรานั่นเอง ถึงเราเองจะยังไม่บรรลุธรรมจริง ๆ มันก็คือเราอยู่นั่นเอง
    และที่เราเข้าใจว่าสภาวะของเราถึงไหนแล้ว ก็ควรย้อนกลับมาพิจารณาตัวเองดู หากดูเองไม่ได้ อาจใช้คำแนะนำของสหายธรรมที่ดูว่าน่าจะใช่เป็นหลักในการพิจารณาก็ได้
    ไม่ต้องไปอายหรือกิ้วหรอกนะครับ เพราะใคร ๆ ก็เป็น ที่คิดว่าตนได้ถึงสภาวะธรรมแล้ว แต่จริง ๆ ก็ยังไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่
    บางทีสิ่งที่เราได้รู้มาจากปริยัติ ซึ่งเรานึกว่าน่าจะพออยู่แล้วนั้น เชื่อไหมครับ ปัญญาความเข้าใจจริง ๆ นั้น มันต้องออกมาจากการพิจารณา การเห็นด้วยตาปัญญาเท่านั้น
    ซึ่งปริยัติก็เป็นเพียงแผนที่ในการเดินทาง แต่การจะไปให้ถึงจริงคือการปฏิบัติ
    ค่อย ๆ ทวนสภาวะธรรมที่มีอยู่ โดยใช้ปริยัติที่คุณมีซึ่งก็น่าจะเพียงพออยู่แล้ววิปัสนาดูอาการของกายของจิต
    ถ้าให้ตรงจุดคือทวนดูที่สติปัฏฐานสี่ ทวนดูสักฐานก็ได้ แล้วแต่ความถนัด
    อาจดูกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต หรือธรรมในธรรมก็ได้
    หรือดูการเกิดดับของขันธ์ห้าของตนเองก็ได้ เลือกดูสักตัวก็ได้ไม่ว่าจะดูสัญญาเกิดดับ ดูเวทนาเกิดดับ ดูสังขารเกิดดับ ดูวิญญาณเกิดดับ
    ถ้าดูแล้วเห็นได้ชัดเจนก็สามารถจะเข้าใจได้เอง แต่ถ้ายังไม่เห็นการเกิดดับ ยังไม่เห็นไตรลักษณ์ที่เกิดขึ้นของขันธ์ห้าอย่างชัดเจนก็หมั่นพิจารณาทวนบ่อย ๆ
    ก็อิทธิบาทสี่นั่นแหละครับไม่ซับซ้อน
    ก็ขออโหสิกรรมไว้ก่อนเลยนะครับ ถ้าข้อเขียนนี้จะทำให้ขัดเคืองที่ได้วิจารณ์และชี้แนะกันตรง ๆ เพราะผมไม่ได้ต้องการอวดรู้หรือต้องการชื่อเสียงแต่เป็นการแสดงความเห็นที่ผมเองคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่สหายผู้เดินอยู่บนเส้นทางธรรมเดียวกัน
    เพราะผมเห็นประโยชน์แล้วว่า ถ้าพวกเราไม่ทันศาสนาของพระสมณะโคดมที่ยังบริบูรณ์ด้วยมรรคผลและมีผู้ที่ยังสามารถถ่ายทอดได้ยังไม่ละสังขารกันไปหมดแล้วจะเป็นการเสียโอกาสอย่างมาก
    เพราะถ้าเลยยุคนี้ไปแล้วอารมณ์ความคิดของมนุษย์จะยิ่งห่างไกลทางแห่งนิพพานออกไปทุกขณะ เพราะเหตุแห่งกิเลสตัญหา ที่เจริญกันไปในทางเสื่อมจะมากขึ้นเรื่อย ๆ จนที่สุดกลียุคก็จะเกิดขึ้น
    การที่คนหมู่มากจะมุ่งหวังในศาสนาของพระศรีอารย์นั้นก็เป็นการหวังน้ำบ่อหน้ากันเกินไป เพราะในขณะที่ศาสนาและมรรคผลนิพพานยังมีอยู่อย่างบริบูรณ์อยู่ขณะนี้กลับไม่ใส่ใจอย่างเต็มที่ ให้เป็นที่น่าเสียดายแก่ท่านผู้มีเมตตาต่อสัตว์โลกเป็นยิ่งนัก
    ถ้าข้อเขียนนี้ทำความรำคาญหรือความไม่ชอบใจให้แก่ท่านผู้ในกระผมขออโหสิไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็ ประสาท มันทำงานมากเกิน มันก็ต้องช็อต คือ ให้หยุดคิดเสีย
    ก็มันเป็นกระบวนการของธรรมชาติที่ จะช่วยรักษา จิต แต่ถ้าข้ามขั้นนี้ไป ก็หลุดโลกแล้วหละครับ
    แล้วไปเหมาเอาว่า เป็นโคตรภู โคตรภูนี่เป็นแป๊บเดียว 1 วินาทียังจะไม่ถึงเลย แล้ว จะแคล่วคล่องว่องไว
    สติปัญญา รวมตัวก็จะทำให้ ไม่ติด
    ก็อาการใด ที่ไม่เป็นอิสระ แสดงว่า อาการนั้นโดนยึดอยู่เข้ากับ สภาวะใดสภาวะหนึ่ง
     
  12. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    หายหรือยังครับถ้ายังไม่หายแวะเข้ามาหาผมก็ได้รักษาให้ฟรีหรือถ้าอยู่ไกลก็โทรมาถามก็ได้เผื่อผมช่วยอะไรได้บ้าง
     
  13. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เนวสัญญานาสัญญายตนะ เข้าสู่ภาวะมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ดับชั่วขณะหนึ่ง
    ภาษานิมิตหมายไม่ปรากฎ ไม่สามารถแสดง
    ออกทางหนึ่งทางใดได้ จนจิตมันถอนตัว
    สัญญาความจำได้หมายรู้ ก็จะค่อยกลับมารู้ตามสมมติดังนี้ .
     
  14. อาจารย์เตี้ย

    อาจารย์เตี้ย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +603
    จั่งชี่มันต้องถอน
     
  15. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ใครไปขุดมาเนี่ย กรำ
     
  16. walaphako

    walaphako ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +1,599
    ดีใจด้วย ขุดๆๆๆดันๆๆๆ
     
  17. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    พระธรรมของพระพุทธเจ้า
    เป็นสันทิฐิโกครับ
    ผู้ปฏิบัติจะพึงรู้เองเห็นเอง
    ถ้ารู้จริงเห็นจริงไม่ต้องถามหรอกครับ
    ไม่อย่างนั้นจะเป็นสันทิฐิโกได้อย่างไร

    ที่ว่าไม่รู้ จะเพราะอะไร
    ก็เพราะไม่มีสตินั่นเอง
    ชอบเจริญสติทางไหนก็เจริญเถอะครับ

    ยังไงจะต้องรู้ได้สักวันว่าเป็นอาการอะไร
     

แชร์หน้านี้

Loading...