ผิดหวังอีกตามเคยชาตินี้หนูจะไม่มีวันสมหวังเลยเหรอ..ขอโทษทุกๆคนนะคะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Igiko_L, 19 พฤษภาคม 2009.

  1. poozaa

    poozaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,071
    สวดมนต์นั่งสมาธิดีแล้ว จงทำต่อไปเถิด ไม่ว่าบทไหนต่างก็มีความศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้นจ้า

    ขอยกคำเทศนาของเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
    มาให้น้องได้มีกำลังใจต่อไปนะคะ


    "บุญเราไม่เคยสร้าง ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า"

    " ลูกเอ๋ย ก่อนเราจะเที่ยวไปขอบารมีจากหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง

    คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย

    มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมี ที่เที่ยวไปขอยืมมาจนล้นตัว เมื่อ

    ทำบุญกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมดไม่มีอะไรเหลือติดตัว แล้วเจ้า

    จะมีอะไรไว้ในภพหน้า

    หมั่นสร้างบารมีไว้ แล้วฟ้าดินจะช่วยเจ้าเอง จงจำไว้นะ เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า"


    ขอให้น้องอดทนให้มากๆนะคะ อย่าท้อถอย และเมื่อวันนั้นมาถึง พี่เชื่อว่าน้องจะได้รับความสำเร็จที่เกินความคาดหมายแน่นอน

    ตะโกนดังๆ สู้โว้ย แล้วเริ่มต้นใหม่นะ ^^
     
  2. od2499

    od2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +532
    ขอให้เลิกลังเลสงสัย ไม่ว่าหนูจะเพียรพยายามมากแค่ไหน สวดมนต์บทไหน ทำบุญอย่างไร จะไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าหนูจะสอบติด ขอให้ดูเพื่อนลุงเป็นตัวอย่าง แต่หนูมีโอกาศที่จะสอบติด ยิ่งเพียรพยายามมากแค่ไหน ก็ยิ่งมีโอกาศมากเท่านั้น

    ขอให้เลิกคิดถึงการสอบที่ผ่านมา ว่าทำไมเขาติดเี่่ราถึงไม่ติด ได้เคยตอบไปแล้ว เพราะหนูไม่ได้ทุ่มเทอะไรมาก มีการเตรียมตัวผิด อ่านแต่แบบเรียน ไม่ทำแบบฝึกหัด ไม่หาความรู้เพิ่มเติม ก็ขอให้จำไว้เป็นบทเรียนในการสอบครั้งต่อไป

    การที่จะเรียนให้เก่ง ไม่มีทางลัดทางไหน ต้องทุ่มเท มุมานะอ่านและฝึกฝน การสวดมนต์และการนั่งสมาธิก็เป็นเพียงส่วนช่วยเท่านั้น และต้องยอมรับว่าระดับสติปัญญาของแต่ละคนไม่เท่ากัน ถ้าเรารู้ว่าเราสู้เขาไม่ได้ ก็มีแต่ต้องใช้เวลาให้มากขึ้น พยายามให้มากกว่าเขา เหมือนอย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่าลุงต้องอ่านหนังสือถึงสามรอบถึงจะพอที่จะจำ ได้บ้าง

    เรื่องที่หนูจะอยู่กรุงเทพหรือกลับบ้านนั้น หนูต้องตัดสินใจเอง อยู่ที่ไหนก็ต้องทำงานเหมือนกัน แต่ในความคิดของลุง ลุงว่ากลับไปทำที่บ้าน เรามีอิสระมากกว่า นั่งขายของไปด้วย อ่านหนังสือไปด้วยก็ได้ ไม่ต้องสนใจว่าใครเขาจะค่อนแคะนินทา เราทำดีเราไม่ต้องอาย ถ้าหนูไปเที่ยวกลางคืน แบบนั้นน่าอายมากกว่า

    อย่างที่คุณ namotas และเพื่อนสมาชิกหลายๆคนแนะนำ ขอให้หนูหยุดความคิดวกวน เลิกหาทางลัดหรือสูตรสำเร็จ และเริ่มต้นเพียรพยายามตั้งแต่วันนี้
     
  3. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ...ความสุข..

    ...มันไม่อยู่ที่รวยแค่ไหน..หรือได้เป็นอะไร..

    ...แต่อยู่ที่เราจะพอแค่ไหน..
     
  4. sotthi

    sotthi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +91
    ปล่อยวาง..จากความคาดหวัง

    ลองอ่านดูนะครับ... เกิดที่ใจ... ก็ดับที่ใจ...นะ

    ปล่อยวาง..จากความคาดหวัง
    คงจะเป็นความจริง
    เมื่อทุกสิ่งอย่างในโลกนี้ไม่มีสิ่งไหนที่จีรัง
    คนโง่ ก็คือคนที่ยึดติด และคนฉลาดเท่านั้น
    ที่จะรู้จักคำว่า ปล่อยวาง

    เพราะคนเรา ไม่มีใครที่เราจะสามารถ
    ควบคุมคนอื่นนอกจากตัวเองได้ทั้งหมด
    และแม้แต่ตัวเราเอง ก็ยังมีบางครั้ง
    ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ในบางครั้ง
    แล้วจะหวังอะไร ให้คนอื่นมาเป็นได้ในแบบที่เราต้องการ

    เพราะฉะนั้น การยึดติดจึงเป็นสิ่งที่โง่มาก
    เพราะมีแต่จะทำให้คนที่ยึดติดนั้น
    เจ็บปวด กับความเป็นจริงที่ต้องเจอมากขึ้น

    แต่หากเรารู้จักการปล่อยวาง
    มองทุกอย่างให้เป็นเรื่องของธรรมชาติ จะนำพาไป
    เมื่อเกิดปัญหาอะไร ให้มองเป็นเรื่องง่าย
    และเข้าใจสัจธรรมชีวิตมากขึ้น
    ว่าในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่จะอยู่กับเราไปตลอด
    โดยที่ไม่มีวันสูญเสีย

    เราจะสบายใจมากขึ้น หากวันหนึ่งต้องสูญเสียบางอย่างไป
    เพราะนั่นคือสัจธรรม...มันคือหลักความจริง


    การจะคบใครซักคนหนึ่งก็เหมือนกัน
    หากเราคาดหวังจากใครซักคนมากเกินไป
    คนที่จะเจ็บก็คือ "เรา" นั่นล่ะ
    เพราะไม่มีใครในโลกนี้ ชอบการถูกบีบ
    และถูกบังคับความรู้สึก ธรรมชาติคนเรา
    เมื่อถูกบีบจนถึงชีดสุด มันก็เหมือนลูกโป่ง
    ที่ต้องแตกออกมาในซักวัน และเมื่อถึงเวลานั้น
    ก็จะมีแต่คนที่เจ็บ ...เจ็บกันทุกคน
    ทั้งคนที่เรารัก หรือแม้กระทั่งตัวเราเอง



    จงใช้ชีวิต อยู่บนความไม่คาดหวัง เพราะการถูกคาดหวัง
    คือภาระที่หนักเกินไป ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็ตาม

    โสตถิ
    mr.anantachai@hotmail.com
     
  5. Pharm_Pixie

    Pharm_Pixie สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +19
    อยากเรียนแพทย์
    1.อ่านหนังสือ ต้องเข้าใจ ไม่ใช่จำอย่างเดียวเพราะเนื้อหาเยอะ เหนื่อยค่ะ หุหุ
    2.การอ่านหนังสือ ลองตั้งคำถาม แล้วตอบ หาข้อสอบเก่าๆมาทำเยอะๆ บางครั้งการที่เราอ่านหนังสือมากไป ก็อาจทำให้สมองล้าได้ ต้องพอดีๆ ไม่มาก ไม่น้อย แต่สม่ำเสมอ แบ่งเวลาให้ได้นะคะ
    3.ถ้าไม่ติดหมอ สนใจทันตะ รึเภสัชมั๊ย ช่วยคนได้เหมือนกันนะ ถ้าเลือกสาย 5 แพทย์แล้วเรียนไป ถ้าอยากเรีนแพทย์จิงๆเราสามารถสอบต่อแพทย์ได้ ไม่ต้องเรียนปี 1 ใหม่ แต่ส่วนมากที่เรียนๆมา ก็นานแล้ว ถ้าให้เรียนต่อแพทย์คงแก่ก่อน
    4.พยายาม สู้ๆ ลองดูคะแนน คณะแพทย์ที่ต่ำกว่าจุฬา รึศิริราชมั๊ยค่ะ แพทย์เหมือนกันนะ
    5.คนเราล้มได้ท้อได้ แต่ อย่าถอย ถ้าอ่านหนังสือหนักๆ ก็ลองวิตามิน รึอาหารบำรุงสมองด้วยนะคะ
    ยังไงก็ขอให้โชคดีนะคะ มีอะไรปรึกษา ส่งข้อความมาได้นะคะ
     
  6. sotthi

    sotthi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +91
    ทำอย่างไรจึงจะฉลาด

    พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ ​


    ปัญหา เพราะเหตุไร คนบางคนเกิดมาจึงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เพราะเหตุไร คนบางคน เกิดมาจึงโง่ทึบ ?

    พุทธดำรัสตอบ “บุคคลบางคนย่อมไม่เข้าไปหาสมณพราหมณ์ไต่ถามว่าสิ่งไรเป็นกุศล สิ่งไรเป็นอกุศล สิ่งไรมีโทษ สิ่งไรไม่มีโทษ สิ่งไรควรเสพ สิ่งไรไม่ควรเสพ สิ่งใดที่ข้าพเจ้าทำจะไม่เกื้อกูล จะเป็นทุกข์แก่ข้าพเจ้าสิ้นกาลนาน ก็หรือสิ่งไรที่ข้าพเจ้าทำจะเกื้อกูล จะเป็นสุขแก่ข้าพเจ้าชั่วกาลนาน ดังนี้ครั้นตายไป ย่อมเกิดในอบายทุคตินรกด้วยกรรมนั้น.... ถ้าตายไปไม่เกิดในอบายทุคตินรก มาเกิดเป็นมนุษย์ในที่ใด ๆ จะเป็นผู้โง่เขลา
    “บุคคลบางคนย่อมเข้าไปหาสมณพราหมณ์ ไต่ถามว่าสิ่งไรเป็นกุศล สิ่งไรเป็นอกุศล สิ่งไรมีโทษ สิ่งไรไม่มีโทษ..... ดังนี้ครั้นตายไป ย่อมเกิดในสุคติโลกสวรรค์ด้วยกรรมนั้น.... ถ้าตายไปไม่เกิดในสุคติโลกสวรรค์ มาเกิดเป็นมนุษย์ในที่ใด ๆ จะเป็นผู้เฉลียวฉลาด
    “สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาท (คือผู้รับผล) แห่งกรรมมีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ทั้งหลาย เพื่อความเป็นผู้ต่ำช้าแลประณีตฉะนี้แล”

    จุฬกัมมวิภังคสูตร อุ. ม. (๕๘๒-๕๙๕)
    ตบ. ๑๔ : ๓๗๗-๓๘๔ ตท. ๑๔ : ๓๒๓-๓๒๘
    ตอ. MLS. III : ๒๔๙-๒๕๓
     
  7. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    ขอขอบพระคุณทุกๆท่านมากคะ ตอนนี้หนูรอลุ้นผลอีกคณะ พึงไปเดินเรื่อง เป็นคณะวิทยาศาสตร์ มหาลัยของรัฐ แต่ไม่มั่นใจเลยคะ(เพราะผิดหวังมาตลอด) หนูร้องไห้ทุกวัน ไม่ใช่เพราะไม่ติดแพทย์แผนไทยประยุกต์หรอกนะคะ เพราะยอมรับว่า ใจยังคิดถึงแต่คำพูด"หมอโบราณ จะเรียนหมอนวดเหรอ"จึงไม่อยากเรียน แต่ที่ใจเศร้าหมองเพราะไม่อยากกลับบ้าน ถ้ากลับบบ้าน1.ต้องทำงาน อยากบอกทุกคนว่า หนูก็อยากเที่ยวอย่างวัยรุ่น ไม่ได้ขยันเลย แต่เห็นแม่ ป่วย ค่ายาก็เยอะ ก็ทำหน้าด้าน(แบบพี่ชาย ที่มีครอบครัว แต่มาโกงแม่)หนูทำไมได้หรอก ตอนแรกแม่ให้เงิน หนูไม่เอาเลยนะคะ แต่ต่อมาเห้นว่า ถ้าไม่เอาแม่ไปให้พี่ ท่านจะลำบากหยูจึงเอาและซื้อของใช้จำเป้นให้แม่วันก่อนซื้อหมอง ปลอกหมอนไปให้ ซื้อผ้าเช็ดตัว เพราะของแม่เก่ามาก แม่ดีใจคะ ให้พรหนู ให้สอบติดแพทย์ หนูก็สาธุๆกราบแม่ แนใจคิด แม่ให้พรหนูแบบนี้ 4ปีแล้ว หนูยังไม่ได้เรียนอะไรเลย แค่คิดไม่กล้าพูด ไม่อยากให้แม่เสียใจ(อ๋อ แม่ให้พี่อีกคน ถือสมุดบัญชีเวลา เบิกที ตัวเองเอาไป3ส่วน ให้แม่ใช้1ส่วน เวลาแม่ให้ ก็ ไม่ได้มากมายพอจะเรียนเลยนะคะ 500บาทแต่นานๆจะให้ แต่ส่วนมากให้ครั้งละ100เพราะพี่ให้แม่น้อย)หนูมีเวลาน้อย จะอ่านหนังสือ อย่างที่รุ่นพี่ที่สอบติดแนะนำ คงยาก ยกเว้นหนูมาเตรียมสอบที่นี่ 2. อยู่บ้าน แถวบ้าน พูดใส่หู แต่ส่วนมากจะถามตรงๆ หนูก็ตอบไปด้วยดี แต่ในใจเศร้า ปิดร้าน ไม่มีใจอ่านหนังสือ ต้องมานั่งสูบบุหรี่เกือบซองกว่าจะหลับ สรุป อยู่บ้านเลิกบุหรี่ไม่ได้แน่ๆ บางวันดื่มเบียร์ ทำให้ลืม
    ขอบคุณมากนะคะ เป้นจริงอย่างนั้น หนูสวดคาถาพาหุงเพราะ ใจคิดแต่อยากสอบติดแพทย์ที่ไหนก็ได้ขอเพียงเป็นมหาลัยรัฐ เพราะการเงินไม่ดี(แต่จริงๆตอนสวด ก็อยากติดแพทย์จุฬาฯ)ไม่ทราบความหมาย ผิดกับ ที่หนูสวดคาถาชินบัญชร หนูรู้ความหมายและที่สวดก็เพราะอยากให้พระอาจารย์ที่หนูเคารบ เช่น พระอาจารย์สีวลี(นับถือท่านที่มีใจเมตตา คิดแต่จะให้ ) พระอาจารย์ สารีบุตร(ท่านมีความกตัณญู หนูจึงทำตามอย่างท่าน) พระอาจารย์ อานนนท์(รักและเลื่อมใสจากประวัติ ที่ติดตามพระพุทธเจ้า เป้นคนใกล้ชิด แต่กลับไม่ได้เป็นอรหันต์ ต้องรอพระพุทธเจ้านิพพานก่อนถ้าเป็นหนู หนูคงน้อยใจ และเลิกล้มแล้ว แต่พระอานนท์ท่านก็ยังปฏิบัติไม่ได้คิดอะไร สุดท้าย พระพุทธเจ้าทรงยกย่องให้เป้นพระผู้เลิศด้านความจำ และสติปัญญา หนูอยากเป้นอย่างพระอาจารย์ อานนท์ หนูเคารบพระอาจารย์อานนท์สุดหัวใจ) พระอาจารย์ ราหุ นับถือที่ท่านขยันหมั่นเพียร หมั่นหาความรู้อยู่เสมอ จะทำตามแบบอย่าง ในการรักการเรียน ไม่ขี้เกียจ พระอาจารย์ โมคคะลานะ ท่านสอนให้หนูยอมรับความจริง และกล้าจะจะเผชิญทุกอย่าง แม้จะเลวร้ายก็ตาม
    หนูสวดชินบัญชน เพื่อ ถ้าอาจารย์ที่หนูกล่าว สถิตอยู่ด้วย หนูจะได้ไม่กล้า ทำอะไรไม่ดี หนูไม่กล้าพูดเท็จเพราะอาจารย์อยู่ด้วยเสมอ หนูเลิกบุหรี่(ติดแล้ว ถึงไม่เครียดก็ยังอยากสูบ)เพราะทำไม่ดี กลัวอาจารย์(ที่กล่าวนามข้างบน ท่านจะเห้น) หนูใฝ่สุงเกินบุญกุศลจะถึงได้เป็นศิษย์ ของ พระอาจารย์ที่กล่าวนามมาแล้ว แต่ก็สบายใจนะคะที่ได้เขียน ระบายความรู้สึก ที่มีต่อเหล่าพระอาจารย์ ที่หนูรัก และพระอาจารย์ก็อยู่ในใจอยู่เสมอ พูดตามจริงก็ไม่ได้ขออะไรจากท่านเลย (ไม่ได้อยากเป้นศิษย์ท่าน เพราะท่านเก่ง แต่มีเหตผลตามที่บอกไป)แต่ตัวหนู จะยึดพระอาจารย์เป้นแบบอย่าง และอยากเป้นอย่างพระอาจารย์ด้วย สาธุๆ
    พรุ่งนี้ลุ้นผลสอบ คณะวิทยาศาสตร์ ตั้งใจจะเรียน เพื่อสอบ แพทย์ กสพท คิดว่าดีกว่ากลับไปอ่านหนังสือเอง อยู่ที่นี้ มีเพื่อน มีอาจารย์ มีห้องสมุด คงดีกว่าอ่านเอง ขอทุกท่านตั้งจิต สมาธิ แผ่เมตตา ให้หนูได้สมหวังด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ อนุโมทนา สาธุ
     
  8. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337

    น้องสอบหมอมากี่ปีคะ 1 หรือสอง น้องอยากรู้ไหมคะว่าชีวิตพี่ยอมทนซ้ำซากเพื่อจะได้เป็นผ่านการสอบมากี่ครั้ง ทุกคนคิดว่าพี่ต้องติดตั้งแต่ม.6 มีอยู่ปีหนึ่งพี่ใช้ชีวิตในห้องสี่เหลี่ยมเกือบ 24 ชั่วโมงต่อวันไม่ออกไปพบเจอใครอ่านแต่หนังสือทำโจทย์มาก็นับไม่ถ้วน



    แต่ทุกครั้งที่พี่สอบมันจะเกิดเหตุการณ์กระทันหันหลายๆอย่าง มันร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะร้อง พี่ปลอบใจตัวเองกับกระจกทุกวันเหมือนคนประสาท พี่ให้คนทำป้าย พญ. ..... และเสื้อกราวแขวนไว้ข้างโต๊ะอ่านหนังสือ หลายครั้งที่มันเหนื่อจะหายใจพี่ขึ้นไปอ่านประวัติของคนที่เค้าประสบความสำเร็จกันที่ มโนฯบอกด้านบนแล้วพูดกับตัวเองว่า "กูผู้ไม่แพ้"




    เพื่อนสนิทพี่หลายคนเลิกคบพี่เพราะรู้สึกว่าพี่ประสาทติดอยู่กับอดีต และเหมือนคนบ้าคุยกับกระจกทั้งวัน เพราะไม่มีใครเข้าใจความมุ่งมั่นของตัวเราดีเท่าตัวเราไงคะ บางครั้งพี่คิดว่าพี่โง่แต่ตอนนี้พี่รู้ว่าชีวิตพี่สามารถเป็นอะไรที่ช่วยเหลือสรรพชีวิตได้เฉกเช่นแพทย์
     
  9. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815

    ทุกปัญหามีทางออก หากเรายังมีลมอยู่นะจ๊ะ พี่รู้จักคนๆหนึ่งเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก เรียนที่โน้นก็เรียนเก่งระดับหัวกระทิของประเทศนู้น เล่นกีฬาก็ได้ที่หนึ่งของประเทศ ผลการเรียนอยู่ในระดับแถวหน้ามาตั้งแต่เด็ก รูปหล่อสาวกรี๊ดกันจะตาย เรียนจบไม่นานก็ประสบความสำเหร็จอย่างสูง เป็นประทานบริษัทใหญ่ตั้งแต่ยี่สิบต้นๆ ในวงการใต้ดินก็มีอิทธิผล เรียกว่าครบเครื่องทั้งบุ๋นทั้งบู๊ เพียบพร้อมในทุกด้าน ใครเห็นก็แอบอิจฉาแทบตาย ....ไม่เคยมีใครคิดว่าอยู่มาวันหนึ่งเขาล้มลง บริษัทในเครือ ทั้งหมด ปิดตัวลง ทุกอย่างที่มีแทบกลายเป็นศูนย์ แฟนก็เลิกไป เพื่อนหลายๆคนก็เปลี่ยนไป ทุกอย่างเกิดขึ้นพริบตา..........ตอนนั้นพี่นึกว่าเขาจะฆ่าตัวตายแล้วซะอีก หรือไม่ก็ฟูมฟายอยากตาย ประมาณนั้น แต่ผิดคาด เขาก็ยังมีกำลังใจดี พูดเล่นพูดคุยได้แบบปกติ ไม่ได้แสดงอาการของคนที่เจอเรื่องราวมากมายมาเลย เขาบอกว่า " เสียดายน่ะเสียดาย เสียใจก็เสียใจอยู่ แต่ตูก็โชคดีกว่าคนอื่นอีกตั้งเยอะ ยังมีที่อยู่ มีข้าวกิน มีเงินใช้ แล้วก็โชคดีที่ได้เห็นฐาตุแท้ของเพื่อนและคนใกล้ชิดบางคนที่เปลี่ยนไปด้วยตาตัวเอง ไม่เช่นนั้นตูคนโง่ไปอีกนานเลยว่ะ มันเป็นปฎิกิริยาตอบสนองที่สัมพันกับตัวเลขในบัญชี และสถานะทางสังคมที่น่าสนใจจะตาย แล้วตูจะทุกข์อะไรมากมายฟระ ที่สำคัญตูได้เห็น และสัมผัสชีวิตทั้งสองด้าน จะมีสักกี่คนในโลกนี้ในวัยอย่างนี้ ที่สามารถเห็น สัมผัสทั้งสองด้านอย่างนี้ฟระ ตอนนี้ก็แค่ใช้น้อยลง กินน้อยลงแต่ก็อิ่มเหมือนกัน แล้วตูก็ยังมีลมหายใจอยู่ วันพรุ่งนี้ วันข้างหน้าก็ยังมีหวังเสมอๆ พวกเอ็งอย่ากระพริบตาก็แล้วกัน "

    พอถามว่าแล้วไม่รู้สึกอะไรเหรอ ที่บางคนอาจมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม เหยาะเย้ย มันบอกว่า

    "ก็ช่างมันดิ๊ ใครจะไปรู้ว่าเมื่อก่อน อยู่ต่อหน้ามันยิ้มๆนอบน้อม พอตูหันหลังไป มันไม่แลบลิ้นใส่ ชูนิ้วกลางให้ หรือ ด่าตูในใจ เอาตูไปนินทาว่า ไอ้โง่ ไอ้บ้า ฯลฯ เพระฉะนั้นก็ช่างมันเถิด เรื่องของมันว่ะ"

    เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่มีทีศนะคติ และวิธีมองโลก มองปัญหาที่น่าสนใจ หวังว่าอ่านแล้วคงจะช่วยทำให้น้องมีกำลังใจขึ้นมาบ้างนะจ๊ะ หุ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2009
  10. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    อนุโมทนาค่ะ เป็นความคิดที่ดีมากๆเลยค่ะ ขอให้สมปรารถนาทุกประการนะคะ ^^
     
  11. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    ความในใจที่หนูอยากเรียนแพทย์"ที่หนูอยากเรียนแพทย์มากมายเพราะ หนูทนให้หมอ(บางท่าน ยอมรับว่าเค้าเป้นแพทย์ที่เก่งจริงๆหากินบนความเจ็บป่วยของคนจน ถ้ารวยก็ไม่เป้นไรแต่คนจนๆทำไมหมอทำได้ลงคอคะ ไม่มีเงินไล่ออกจากคลีนิก)แล้วหนูก็สงสัย แพทย์ท่านนั้นจะเลี้ยงไข้แต่หนูไม่ได้พูดตรงๆ แค่หนูบอกว่าไปโรงพยาบาลของรัฐ ก็ด่าว่าหนูไม่ใช่แพทย์จะรู้ได้ไง โรงพยาบาลรัฐไม่เต็มใจรักษาคน (ถอนหายใจ มันก็จริงของเค้านะแต่ไม่ทุกทีหรอก หนูว่าหลายแห่งก็เป้นโรงพยาบาลของรัฐที่ดี)ถ้าหนูเป็นแพทย์ ถามหน่อย ทุกคนจะพูดและทำแบบนี้กับหนูไหม ใช่ อย่างที่พี่บัวและทุกคนบอก อาชีพอะไรก็ช่วยคนได้ แล้วทุกคนเห้นไหมละ หนูไม่ใช่แพทย์ แต่ความหวังดีหนูมากกว่าแพทย์ที่รักษาเค้าอีก หนูบอกว่าเค้าจะดูแลตัวเองอย่างไร(ก็หนูดูแลแม่ที่เป้น ทั้งเบาหวาน ความดัน อัมพฤต หนูก้ต้องมีข้อมูลการดูแล และทำได้ผลจึงบอก)แต่ทุกคนทำเหมือนหนูเป็นตัวประหลาด หนูจึงอยากเป็นแพทย์ ถึงแม้หลายครั้งที่หนูเคยคิดว่า ถ้าหนูเป็นแพทย์จริงๆยังอยากจะช่วยพวกเค้าไหม ทุกคนรู้ไหม ผู้ใหญ่บ้างคนเห็นแก่ตัว ไม่สบาย เอาเงินไปหาหมอ ส่วนลูกตัวเองปล่อยให้เที่ยวไม่ดูแล (ก็วัยรุ่นเหมือนกัน คุยกัน เข้าใจว่าบ้านฐานะไม่ดี พ่อแม่สนใจแต่เรื่องตัวเอง อะไรที่ทำแล้วสบาย ก็ไม่ได้สนใจลูก ลูกก็คิดว่าพ่อแม่ไม่สนใจ ไม่ได้เรียน ก็ทำตัวไร้สาระ) พวกนั้นก็ไม่คบหนู หาว่าหนูเพ้อฝัน ทำงานได้เงินแทนที่จะเที่ยว คิดแต่เรื่องเรียน(เป็นบ้าหรือเปล่า) ตอนนี้หนูมองดูเค้ามีครอบครัว(ก็จนเหมือนเดิม)ส่วนหนูถึงจะทำงานเหนื่อย แต่หนูมีความสุขนะ ก็มีความฝันอยู่ตรงหน้า หนูคิดเสมอว่า ถ้าหนูเป้นแพทย์ จะบอกไรชาวบ้านก็เชื่อ ใจหนูอยากเป้นแพทย์อาสา ไปตามป่า ตามดอยมากกว่า(เคยพูดกับแม่ แม่ก็อนุโมทนาทุกครั้ง) หลายคนคงบอกว่า แพทย์ก็แค่ช่วยคนเจ็บป่วย อาชีพอื่นก็ทำได้ ตามที่เล่าคงเข้าใจ ชาวบ้านไม่เชื่อพวกคุณหรอกนะ แต่ถ้าคุณเป้นแพทย์ ชาวบ้านเชื่อคุณแน่นอน หนูนะ ไม่ใช่แค่อยากรักษาพวกเค้า แต่อยากช่วยทั้งครอบครัว การหาแพทย์ที่ราคาแพงๆไม่ใช่จบแค่หมดเงิน แต่อาจจะจบอนาคตคนในครอบครัว(เช่นเพื่อนหนู)
    ความในใจหนูเองค่ะ อาจจโง่ไป แต่หนูบริสุทธิใจ ในการจะเรียนแพทย์ ไม่คิดจะรวย ไม่คิดจะให้คนยกย่อง หนูแค่อยากทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเท่านั้นเอง ขอบคุณค่ะ<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    ลืมบอกไป หนูชอบเรียนวิชา ชีวะมากด้วย ตั้งใจจะเลือกเรียนเอกชีวะถ้าได้เรียนคณะวิทยาศาสตร์ (ที่หนูจะโทรไปหาพี่บัว ก็จะปรึกษาเรื่องจะไปติดต่อคณะวิทยาศาสตร์นี้ละคะ ว่าพี่บัวจะเห็นด้วยไหม แต่เห็นพี่บัวไม่ว่างเลยไม่อยากรบกวน)หนูไม่อยากกลับบ้าน เลยลองไป ติดต่อ แต่วันนี้ยังไม่รู้ผล ต้องรอวันพรุ่งนี้ หนูอาจจะไม่รู้ลึกๆว่าแพทย์เรียนอะไรบ้าง แต่คิดว่าคงเรียนกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ นะ -_-?ถ้าใช่ นั้นละที่หนูอยากเรียน
     
  13. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    แพทย์แผนไทยประยุกต์เรียนอะไรมั่งล่ะเนี่ย
     
  14. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    คุณpelagia คงเข้าใจอะไรผิดไป หนูไม่ได้อยากเรียนแพทย์แผนไทยประยุกต์นะคะ ถึงอยากเรียนเค้าก็ไม่รับหนูแล้ว ตอนนี้หนูกำลังรอผลสอบคณะวิทยาศาสตร์ แต่ถึงจะได้หรือไม่ได้หนูก็ตั้งใจจะสอบเข้าแพทย์ กสพท (คณะแพทยศาสตร์ ไม่ใช่แพทย์แผนไทยประยุกต์นะคะ) หนูก็ไม่รู้ว่าแพทย์แผนไทยประยุกต์เค้าเรียนอะไร เพราะไม่ได้สนใจ และไม่คิดจะสนใจด้วยค่ะ
     
  15. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    อ่านเรื่องของน้องมาสักพักแล้วนะครับ คิดว่ามี 4 ประเด็นที่น้องควรพิจารณา บางเรื่องอาจจะเป็นการตำหนิไปบาง แต่พี่คิดว่า "ยาขม" ดีกว่า "ยาหวาน" นะครับ ก็อยากให้เข้าใจว่า ไม่ใช่ว่าพี่ตำหนิ แต่พี่ต้องการสอน

    1. น้องต้องปรับความคาดหวังลงมาครับ เรื่องบางเรื่องเราต้องดูกำลังหรือความสามารถของเราครับ ทุกอาชีพมีความหมายและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ครับ

    2. หลายๆเรื่องน้องควรจะใส่ใจมากกว่านี้ครับ เช่น น้องบอกว่า
    "หนูก็ไม่รู้ว่าแพทย์แผนไทยประยุกต์เค้าเรียนอะไร เพราะไม่ได้สนใจ และไม่คิดจะสนใจด้วยค่ะ"<!-- google_ad_section_end --> ถ้าน้องสนใจมากกว่านี้น้องคงจะได้เรียนคณะนี้แล้วครับ

    น้องต้องปรับทัศนคติใหม่ครับ เพราะถ้าน้องเป็นหมอแล้ว น้องจะต้องใส่ใจคนไข้ทุกๆคนครับ ดังนั้นเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่วันนี้นะครับ

    3. น้องต้องปรับทัศนคติให้คิดทางบวกเยอะๆครับ แล้วกระแสที่ดีจะเข้ามาในชีวิต
    ตอนนี้น้องคิดลบมากครับ คือ น้องคิดว่าชีวิตผิดหวังตลอด ทำอะไรก็ไม่สมหวัง

    แต่ในความเป็นจริง น้องต้องคิดว่า ชีวิตของน้องสมบูรณ์กว่าคนอื่นนะครับ เพราะ บางคนเกิดในประเทศที่อดอยาก บางคนเกิดในประเทศที่มีสงคราม ฯลฯ ส่วนตัวน้องโชคดีแล้วครับที่ได้เกิดมาในเขตพระศาสนา ได้เกิดในประเทศไทยที่มีความสงบสุข และมีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐอย่างในหลวงของเรา ทีสำคัญ คือ เราได้เกิดเป็นมนุษย์ครับ

    4. ถ้าสอบไม่ได้ พี่แนะนำให้กลับไปอยู่บ้านครับ แม้ชั่วโมงอ่านหนังสือจะน้อย (คนเราอ่านหนังสือเต็มที่วันละ 6 ชั่วโมง สมองก็ไม่รับแล้วมั้งครับ จะกลายเป็นว่า ได้อ่าน แต่สมองไม่เข้าใจครับ) ชีวิตมีมากกว่าการเรียนนะครับ ถ้าน้องไม่กลับ ที่บ้านก็จะห่วงครับ ถ้าน้องจัดสรรเวลาให้ดีๆ พี่ว่ามีเวลาอ่านหนังสือพอครับ และชีวิตจะมีความสุขด้วยครับ

    ลองอ่านที่พี่แนะนำและพิจารณาตามนะครับ ต้องนี้น้องต้องเริ่มต้นจากปรับทัศนคติให้เป็นบวก และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเบิกบานครับ

    โมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2009
  16. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337
    พี่เห็นด้วกับที่พี่คมน์พูดมาทั้งหมดนะคะ น้องลองหยุดนิ่งแล้วดูตัวเองอีกครั้งนึงพี่รู้สึกว่าจิตน้องยังสับสนมากๆนะคะ
     
  17. sio191

    sio191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +601
    การที่มีสมองดีสอบติดทุกที่ไม่ได้รับประกันได้เลยว่าชีวิตของคนๆนั้นจะมีความสุข เพราะส่วนใหญ่จะเจอสิ่งแวดล้อมไม่ค่อยดี เช่น..เจอคนหัวดี แต่นิสัยไม่ดี ขาดคุณธรรม เห็นแก่ตัว อิจฉาแก่งแย่งชิงดีกัน (เพราะไอคิวสูงจะดึงให้อีคิวต่ำโดยอัตโนมัติ)เข้าไปเรียนก็ซึมซับดึงจิตใจให้ต่ำลงมากว่าเดิมก็ได้นะครับ

    แต่อย่าลืมว่าธรรมะของพระพุทธะสอนให้เรามีความสุขได้ทุกเรื่อง ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรมให้มีสุขเสมอ ถ้ามีธรรมะในใจ คุณปล่อยวางกับเรื่องที่มากระทบบ่อยๆทั้งดีและไม่ดีเสมอๆนะครับ เพราะพวกนี้อยู่กับเราไม่นานจริงๆ

    ผมเชื่อว่า
    คุณอาจโชคดีแล้วที่ไม่ได้เรียนคณะนี้
    (เพราะบุญของคุณกำลังผลักดันไปเจอสิ่งที่ดีกว่า)
    สาธุจ้า
     
  18. pump - อภิเตโช

    pump - อภิเตโช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,202
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,803
    ความคาดหวังว่า จะมี จะเป็น จะได้ ก็คือเหตุแห่งความทุกข์ ผู้ที่ไม่ทุกข์ คือผู้ที่ยอมรับความจริงได้

    ขอให้มีความพยายาม มั่นใจในตัวเอง อย่าโลเล เพราะคนที่จะเป็นหมอ คือผู้ที่คนป่วยเขาจะต้องฝากชีวิตไว้ด้วย ข้อนี้สำคัญ จงอย่าคิดแต่ว่าอยากเป็น แต่จงคิดว่าเรามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นหรือไม่ ถ้ายังพบว่าไม่ จงเสริมสร้างข้อบกพร่องนั้นแล้วก้าวต่อไปนะครับ
     
  19. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    มีหลายคนแนะนำแล้วมีแต่เรื่องดีๆที่แนะนำไป
    ผมขอแนะนำสองข้อที่ควรทำและเริ่มทำอย่างจริงจัง
    1.เลิกบุหรี่ เป็นการทดสอบกำลังใจว่าเราจะเข้มแข็งพอไหม แค่เลิกบุหรี่นี่เป็นเรื่องของกำลังใจ
    2.เลิกเหล้าเบียร์เพราะว่านี่เป็นการรักษาศีล และให้รักษาศีลห้าข้อให้ได้ ตามกำลังใจที่เรามี เรามีแต่สวดมนต์แต่ศีลไม่เอานี่ผีที่ไหนเจ้ากรรมนายเวรที่ไหนเขาจะโมทนาบุญเราได้ล่ะ เมื่อเรายังกินเบียร์อยู่ก็ยากที่จะรักษาศีลข้ออื่นๆได้ เอากำลังใจตรงนี้ให้ได้นะ เรื่องอื่นๆก็ทำไปได้ตามที่ท่านอื่นๆแนะนำนั่นแหล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2009
  20. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    จริงๆ ก็ไม่ได้คิดจะจับผิดหรืออะไรนะครับ แต่แค่อยากรู้ว่าทำไมถึงสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่าน เลยอยากจะลองถามดูว่ามีอะไรไปตอบเค้าบ้าง เพราะมีคำถามนึงที่เค้าน่าจะถามก็คือว่า "ทำไมถึงเลือกคณะนี้" และอีกอย่างนึงก็อยากจะรู้ด้วยว่าแพทย์แผนไทยประยุกต์เค้าเรียนอะไรกันบ้างเพราะเพิ่งเคยได้ยิน

    อันที่จริงถ้าไม่สนทางนี้แล้ว จะตกสัมภาษณ์ก็ไม่น่าจะเสียใจมากเท่าไหร่ จะได้มีเวลาไปเตรียมสอบแพทย์อีก ถ้าติดไปแล้วจะคิดจะสอบใหม่ ทั้งเรียนทั้งอ่านหนังสือสอบคงจะลำบากแน่ๆ

    ลองหาๆ ข้อมูลคณะแพทย์แผนไทยประยุกต์ดู เผื่อใครสนใจจะให้ลูกหลานเข้าไปเรียนบ้าง เอามาจากหลายที่ำสำนวนมันเลยจะดูแปลกๆ หน่อย

    <hr>

    สวัสดีค่ะ

    ตอนนี้ก็ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งการสอบแอดมิชชั่นกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ
    ใครที่กำลังมองหาคณะเพื่อเรียนต่ออยู่ วันนี้ขอแนะเนำให้รู้จักกับคณะแพทยศาสตร์ สาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ค่ะ ปีนี้ก็เป็นปีที่ห้าแล้วนะคะสำหรับการเปิดทำการเรียนการสอน

    ฟังดูเหมือนไม่มากเท่าไหร่ใช่ไหมคะ แต่เชื่อเถอะค่ะว่า นักศึกษาของเราเป็นนักศึกษาที่ทีคุณภาพและได้รับการยอมรับจากสังคม โดยเฉพาะหน่วยงานทางสาธารณสุข

    หลายคนคงสงสัยว่าเราเรียนอะไรกันบ้าง เรียนเป็นหมอนวดอย่างเดียวรึเปล่า

    ไม่ใช่เลยค่ะ

    สิ่งที่เราเรียนคือภูมิปัญญาการรักษาโรคแบบไทยๆ ศาสตร์อันทรงคุณค่าทั้งสี่แขนงอันได้แก่

    เภสัชกรรมไทย
    ผดุงครรภ์ไทย
    หัตถเวชกรรมไทย(ซึ่งเป็นการนวดแบบราชสำนัก กล่าวคือเป็นการนวดเพื่อรักษาโรค หาใช่นวดเพื่อผ่อนคลาย อย่างที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป)
    และเวชกรรมไทย

    อีกทั้งยังเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์
    อาทิ
    วิชากายวิภาคศาสตร์
    วิชาสรีรวิยา
    วิชาพยาธิวิทยา เป็นต้น

    <hr>

    แพทย์แผนไทยประยุกต์ คือ บุคลากรทางการแพทย์สาขาหนึ่ง เกิดขึ้นจากแนวคิดของ นายแพทย์ อวย เกตุสิงห์ ที่ต้องการพัฒนาและยกฐานะของการแพทย์แผนไทยโบราณของไทยเราให้มีความเป็น วิทยาศาสตร์และมีหลักวิชาการรองรับในการอธิบาย อาจกล่าวได้ว่า แพทย์แผนไทยประยุกต์เป็นบุคลากรการแพทย์สายพันธุ์ใหม่ของสังคมไทย ที่ครึ่งหนึ่งขององค์ความรู้ต้องร่ำเรียนหลักวิชาการทางการแพทย์แผนตะวันตก สามารถใช้เครื่องมือทางการแพทย์แผนปัจจุบันได้บางอย่าง (ตามที่ข้อกฎหมายกำหนด)สามารถวินิจฉัยตามหลักการแพทย์ เพียงแต่เมื่อถึงขั้นตอนในการรักษานั้น ต้องรักษาด้วยยาแผนไทยเท่านั้น นอกจากนั้น ยังสามารถทำคลอดและให้การบำรุงแม่และทารก ตามแนวทางการแพทย์แผนไทยเพื่อส่งเสริมสุขภาพ

    การแพทย์แผนไทย หรือ การแพทย์แผนโบราณ เป็นความพยายามจะอธิบายภาวะต่างๆที่เกี่ยวกับสุขภาพ ทั้งสภาวะปกติ และสภาวะที่ผิดปกติ(เป็นโรค) โดยใช้ทฤษฎีความสมดุลของธาตุต่างๆในร่างกายเข้ามาอธิบาย ผสมผสานองค์ความรู้จากอินเดีย พุทธศาสนา และองค์ความรู้ที่เราพัฒนาขึ้นมาเอง โดยบรมครูการแพทย์แผนไทย คือ ท่านชีวกโกมารภัจจ์ แพทย์ประจำตัวของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

    การแพทย์แผนไทยอาจจะไม่มีองค์ ความรู้ด้านกลไกการเกิดโรค และเทคนิคทางศัลยกรรมมากนัก แต่ต้องมีองค์ความรู้ด้านกลวิธีทางคลินิก เช่น การซักประวัติ และการรักษาด้วยยา เพียงแต่ขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ทางคลินิก (Evidence-based clinical knowledge) ซึ่งก็มาจากกฎข้อบังคับตามใบอนุาตประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนไทย ที่ว่า "มิให้แพทย์แผนไทยกระทำการอันเป็นวิทยาศาสตร์ใด ๆ" นั่นเอง ทำให้ไม่สามารถมีการตั้งสมมุติฐานและวิจัยได้อย่างเต็มที่

    <hr>

    วิชาที่พวกแทย์แผนไทยประยุกต์จะต้องเน้นให้การศึกษาแบบว่าเรียนการเปน โปรเลย ก้อมี อยู่ 4 ตัว หลักๆที่ทุกมหาลัยต้องให้เรียนก้อคือ

    1. เวชกรรมแผนไทย มี 1,2,3 และการฝึกปฎิบัติ วิชานี้จะกล่าวถึงโรคต่างๆๆทางการแพทย์แผนไทยสาเหตุของการ เกิดโรค รอยโรค หลักการวินิฉัยพูดง่ายๆๆก้อคือ เรา จะศึกษาโรคต่างๆๆกานนั่นเองความยากง่ายก้อจะแตกต่างกานตามลำดับ อะ

    2. เภสัชกรรมแผนไทย มี1,2,3,และฝึก วิชานี้ ชื่อก้อบอกอยู่แล้วว่าเปงเภสัช เพาะงั้น เราก้อจะเรียนการแต่ยา ยา ยา และก้อยา แต่ ยา ของเรา ไม่เหมือน ชาวบ้านนะ เรา เป็น ยาจากสมุนไพรไทย เพาะงั้น เรา ก้อจะเรียน เน้น หนักไปทางด้านสมุนไพรมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ต้อง จำหมด ละว่าต้นนี้ รสยาอะรายรักษาโรคอะราย มี พิษข้างเคียงหรือป่าว แบบ ว่า ขนมาให้กานจำทั้ง ป่า เลยก้อว่าได้

    3.หัตเวชกรรมแผนไทย มี 1 2 3 และฝึกวิชา นี้ คือวิชา นวด งิงิงิ แต่ไม่ใช่การ นวดทามมะดานะ พวกเรา เรียนการนวดแบบมีหลักการ มีแบบแผน และสามารถรักษาโรคได้จัง เน้น นะ เราไม่ใช่ พวกหมอนวดที่ นวดตาม บา เรา คือหมอเพาะงั้นถ้าเราเปงหมอ การนวดของเราก้อจะต้องมีศาสตร์และศิล เอา เปงว่า มันไม่ใช่วิชาง่ายๆๆเลยก้อแล้วกาน

    4.ผดุงครรภ์แผนไทย ชื่อก้อบอกตรงตัวว่าเกี่ยวกับการตั้งท้อง หน้าที่ของเราก้อคือดูแลหญิงมีครรภ์ในระหว่างตั้งครรภ์ไม่ให้เกิดภาวะ อันตราย การให้คำปรึกษาก่อนและหลังคลอดรวมถึงการให้คำแนะนำดูแลด้วยอีกทั้ง เรายังสามารถทามคลอดในรายปกติได้ด้วย น่าสนปะละจะอะรายยังไงก้อคราวนี้ละ

    ดังที่พูดมา 4 วิชาหลักๆๆๆที่ทุกคนชาวแพทย์แผนไทยประยุกต์ทุกคนจะต้องเจอและก้อต้องบากบั่นเรียนมันมาให้จบ 4 วิชานี้คือหัวใจของพวกเรา

    <hr>

    ขออภัยเจ้าของกระทู้ด้วยถ้าทำอะไรให้ไม่พอใจ ขออโหสิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...