ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 25 มกราคม 2008.

  1. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ได้วิชาจากคุณสุวิ เลยเอามาเผื่อแผ่

    ดิฉันได้คุยนอกรอบ เรื่องยา แล้วคุยไปคุยมา คิดว่าส่วนที่คุยไปมีประโยชน์กับผู้ที่ฝึกสมาธิ สามารถรวมสมาธิจิตได้พอสมควร ถึงขั้นดี น่าจะเป็นวิชาที่มีประโยชน์ ทั้งนี้ดิฉันได้กราบเรียนคุณสุวิแล้วว่า จะขอเอามาลงในกระทู้ของท่านเอง

    เริ่มเรื่องนี้ เพราะดิฉันมีติ่งที่ทวารริดสีดวง ถ่ายแข็งตั้งแต่เด็ก มันก็มาแย่ตอนไม่สบาย ร้อนในหนักที่ทวาร ทำให้ติ่งที่ทวารกำเริบไปด้วย จึงตัดสินใจไปซื้อเพชรสังฆาตแบบแคปซูลของ รพ.อภัยภูเบศร์มากกิน แต่รู้สึกว่ากินมาหลายวันแล้ว ติ่งมันแข็งแรงขึ้น ไม่ค่อยยุบเหมือนที่อ่านในกระทู้เว็บไซต์อื่น แต่เขาก็บอกว่าให้กินติดต่อกัน 14 วัน ซึ่งดิฉันยังกินไม่ถึง แต่อยากรู้ว่าคุณสุวิจะแนะว่ายังไง หากดิฉันกินครบวันจะหายไหม

    คุณสุวิจึงตอบกลับมาดังนี้ค่ะ (คุณสุวิรู้ว่าดิฉันฝึกสมาะถึงไหนแล้ว จึงตอบดังนี้)

    พระพุทธองค์ตรัสว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ดีที่สุด
    ลองวางใจศึกษาสิ่งที่ผมจะได้กล่าวต่อไปนี้ ทำใจนิ่งๆสบายๆ
    อย่ายึดมั่นถึอมั่นให้มากนัก อย่าสร้างอัตตาให้มากนัก (ยึดบ้าง สร้างบ้าง แล้ววางอุเบกขา)

    สมมุติอีกแล้วนะ สมมุติว่ามีวงกลมวงหนึ่งอยู่ข้างหน้า เราแบ่งวงกลมออกเป็นสองส่วน ด้านซ้ายมือ และขวามือ (มือของเราเองนะ)
    กำหนดว่า ส่วนของวงกลม ด้านซ้ายมือเป็นตัวแทนของสุขภาพ
    ควอเตอร์ด้านบน หมายถึงสุขภาพดีขึ้น ควอเตอร์ล่าง หมายถึงสุขภาพแย่ลง
    และกำหนดว่า ส่วนของวงกลมด้านขวามือ เป็นตัวแทนของโรคภัยไข้เจ็บ(โรคอะไรก็กำหนดเอา)

    ควอเตอร์ด้านบน หมายถึง โรค ทวีความรุนแรงขึ้น ควอเตอร์ล่างหมายถึง โรคทุเลาลง

    ตรงจุดศูนย์กลางของวงกลม เรากำหนดให้ผู้เจ็บไข้มานั่งอยู่ตรงนี้อาจเป็นตัวเราเองก็ได้

    เริ่มต้น เสี่ยงทายอาการโรค สุขภาพ ยา และผู้ป่วย

    กำหนดเหมือนเราถือตาชั่งอยู่ ด้านซ้ายและขวา คนไข้อยู่ที่จุดศูนย์กลาง กำหนดยาที่จะใช้(อำนาจของยา) ใส่ลงไปที่ตัวคนไข้ แล้วกำหนดรู้ ด้านซ้ายและขวา

    ถ้าผลออกมาว่า ยาที่ใส่ลงไปได้ผลในการรักษา
    ตาชั่งด้านขวามือจะลดต่ำลง(โรคลดลง) และตาชั่งด้านซ้ายมือจะยกสูงขึ้น(สุขภาพดีขึ้น
    บางที ตาชั่งทั้งด้านซ้ายด้านขวาลดลงหมด นั่นหมายถึง ยารักษาโรคได้ (โรคลดลง แต่สุขภาพก็แย่ลงด้วย)
    นั่นหมายถึงต้องหายาบำรุงสุขภาพเพิ่มลงในชุดยาที่รักษาโรคนั้น ฯลฯ ลองหาความหมายเองในแง่มุมต่างๆ

    ทีนี้ให้คุณลองดูว่ายา เพชรสังฆาตที่คุณซื้อมาจากอภัยภูเบศ รักษาริดสีดวงที่เป็นอยู่ได้หรือไม่

    กำหนดตัวเองเป็นคนไข้เข้าไปนั่งอยู่จุดศูนย์กลางวงกลม
    กำหนดยาเพชรสังฆาตจากอภัยภูเบศ ใส่ลงไปในร่างคนไข้
    นิ่งในนิ่งแล้วกำหนดถามว่ายานี้รักษาโรคนี้ได้หรือไม่ สุขภาพโดยรวมเป็นอย่างไร

    ดูซิว่าตาชั่งด้านซ้านและขวาให้ผลออกมาอย่างไร

    ผมจะให้ยาคุณอีกชุดหนึ่ง
    ใช้เถาเพชรสังฆาตสด ตัดจากต้น ยาว ๑ ข้อนิ้วมือหั่นเป็นแว่นบางๆ
    แล้วเอามะขามเปียก มาแกะเม็ดออก เอาเพชรสังฆาตที่หั่นไว้ ใส่ลงไปแทนเม็ดมะขาม หุ้มให้มิด แล้วจิ้มเกลือ ใส่ปากกลืนเลย (ห้ามเคี้ยวเด็จขาด-เพราะยางจากเพชรสังฆาตจะทำให้ปากบวมเจ่อ แต่ไม่มีผลกับ กระเพาะ ลำใส้)

    ให้ทดสอบผลของยานี้ใหม่อีกครั้ง ตาชั่งด้านซ้านและขวาให้ผลอย่างไร

    แล้วลองมาเล่าสู่กันฟังดู สนุกๆ
     
  2. ตัวกลมๆ

    ตัวกลมๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +5,941
    อ้าววววว ขออภัย นึกว่าคุณSinderkingไปหาผู้สอนเสียไกล หนองคายไปมาแล้วเมื่อต้นเดือนค่ะ
    ไปซะชิดติดโขง ที่ปากคาด ตื่นเต้นกับเรื่องราวของพญานาคศรีสุทโธ และวงศ์วานที่เกิดกันหลายชาติ
    ขอบคุณคุณAtidtarnค่ะ ได้วิชาดีจากอ.สุวิ แถมสอนต่ออีกต่างหาก ขอให้หายขาดทุกโรคนะคะ
     
  3. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    ไม่มีอะไรหรอก
    เห็นท่านผู้นี้ถามมาเรื่องยาแก้ริดสีดวงทวารที่เป็นอยู่
    ดูแล้ว หากตอบว่า ดีใช้ได้ หรือตอบว่ายาที่ซื้อมาใช้ไม่ได้ผล
    หากตอบสั้นๆง่ายๆแบบนั้นละก็ กลัวยามันจะช้ำจาย

    ทรมารอยู่กับโรคตั้งนานนนนแสนนาน อุตส่าห์หายาดีมาได้ คนขายก็บอกว่าดีๆ
    ไอ้คนซื้อก็เชื่อว่ามานดีจริงๆ กูต้องหาย กูต้องหาย
    หากตอบไปซื่อๆ ก็กลัวเสียน้ำใจ ที่ตั้งความหวังกันไว้

    อีกอย่าง มองแล้วเห็นว่าท่านผู้นี้ ค่อนข้างหนัก (คือไม่เบานะ) เชื่อมั่นตัวเองสูง และมีความสามารถอยู่
    หากตอบสั้นๆง่ายๆ ก็กลัวแกจะค่อนขอดเอาหาว่า สุกเอาเผากิน
    จึงหาของเล่นให้แกลองดู

    และแกก็ลองได้ผลด้วนะ
    เอาคำตอบมาให้พรรคพวก ได้ทัศนากันหน่อยดี้
     
  4. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ตอบ
    ถูกต้องนาก๊าบบบบบ
    แหะๆ แต่ว่า กดกันธรรมดามานไม่หลุด และไม่หายนะ
    ในข้อ ๑ กดจากด้านหลังคอ(กำด้น) มันจะยิ่งปวด เพราะอะไรรึ
    ก็เพราะพลังมันมาอัดจากหลังไปหน้า (จากกำด้นไปหน้าผาก) กดเพิ่มเท่ากับเพิ่มพลังให้มากขึ้น มันก็ปวดมึนมากขึ้นซิ

    แต่เดียวก่อน ถ้าผู้รักษามีพลังมากๆละ กดมันที่กำด้นนี่แหละ ดันให้มันทะลุหน้าผากไปเลย ถามว่าได้ไม๊
    ช่ายยยยแล้ว ถ้าทำได้ มันก็หายแน่นอน

    ในข้อ ๒ แล้วกดจากหน้าผากย้อนถอยไปกำด้นละแก้ได้ไม๊
    ก็ได้เช่นกัน แต่ หากไม่เอาพลังที่ตุงอยู่ออกก่อน พลังใหม่(ของเจ้าตัวที่พุ่งจากกลางหลังไปหน้าผาก) ยังทะยอย ดันเข้ามาเรื่อยๆ
    แหะๆมันก็กดให้ย้อนออกไปไม่ด้าย

    วิธีการ ก็ให้ผู้มีพลังสูงกว่า กด/ตบจากหน้าผากทีเดียวให้ทะลุกำด้นออกไปเลย

    เห็นมะ ง่ายออก ตบหน้าตบหลังสองทีก็หายแระ

    เขียนซะยาว มีเนื้ออยู่บันทัดเดียวเอง
     
  5. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    อ้าวววว...
    อยากเรียนก็เรียนซิ
    ไม่มีใครหวง ไม่มีใครห้ามนี่หว่า

    ตำราก็ทิ้งเอาไว้ให้แล้ว แต่จำไม่ได้วะ ว่าโพสไว้ตรงไหน
    หาดูใน กูลเกิล คงพอได้นะ
     
  6. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    กำหนดจิตดูยาเพชรสังฆาต


    เรียนคุณสุวิ

    จะให้ดิฉันเอาคำตอบมาให้พรรคพวกได้ทัศนากันจริงหรือคะ??

    เพราะดิฉันเพิ่งจะกำหนดจิตไปดูยาเป็นครั้งแรก หลังจากได้วิชาจากคุณ
    ความสามารถอะไรนั่นไม่ได้มีความมั่นใจเลย กลัวจะถูกๆ ผิดๆ เดี๋ยวผู้อื่นมาอ่านจะคิดไปว่า ยาเพชรสังฆาตแคปซูลจริงๆ แล้วไม่ได้เรื่อง

    แต่เมื่อคุณสุวิแนะว่าให้เอามาแชร์ ก็โอเคคะ ชิลๆ อยู่แล้ว
    แต่ขอย้ำนะคะว่าผลที่กำลังจะอ่านต่อไปนี้ เป็นผลเฉพาะบุคคล คือดิฉันคนเดียว สำหรับคนอื่นๆ อาจใช้ได้ผลก็ได้ค่ะ

    Re: กำหนดจิตดูยาเพชรสังฆาตได้คำตอบแล้วค่ะ

    ดูเรื่องยาเพชรสังฆาตแบบแคปซูลก่อน
    ๑. ด้านซ้ายบนของเรา เบา สบาย สว่าง โล่ง
    ด้านซ้ายล่างของเรา แน่น ทึบ หนัก ดันจิตให้กลับขึ้นไปบนด้านซ้ายบนไม่ได้ มันจะตีกลับมาที่ซ้ายล่าง

    จากข้อความสีแดง นั่นแสดงว่า จิตเรา ต้องลงมาอยู่ที่ ด้านซ้ายล่าง
    ด้านซ้าย ถูกกำหนดให้เป็นตัวแทนของสุขภาพ
    ซ้ายบน คือสุขภาพดีขึ้น
    ซ้ายล่าง คือสุขภาพแย่ลง

    คำทำนายออกมาแล้วว่า ยาที่ใช้ ทำให้สุขภาพริดสีดวงของคุณ แย่ลง หรือมีอาการกำเริบขึ้น

    ๒. ด้านขวาบนของเรา สว่าง โล่ง แต่น้อยกว่าซ้ายบน
    ด้านขวาล่างของเรา ทึบ แต่ไม่แน่น หนัก วางจิตไว้ช่องนี้ มันจะตีกลับไปที่ขวาบน รู้สึกว่าอยู่ไม่ได้ เพราะด้านซ้ายล่างของเรามันมีพลังงานสูง มันดันให้จิตที่อยู่ขวาล่างตีไปขวาบน

    จากข้อความสีแดง แสดงว่า จิตที่เฝ้ารู้อยู่ต้องระเห็จมาอยู่ที่ ด้านขวาบน
    ด้านขวา เป็นตัวแทนของโรคภัยไข้เจ็บ
    ส่วนขวาบน แสดงว่า โรคเพิ่มมากขึ้น
    ส่วนขวาล่าง แสดงว่า โรค ลดน้อยลง

    คำทำนายจึงออกมาแล้วว่า ยาที่กินเข้าไป ไม่สามารถยับยังอาการโรคได้เลย ซ้ำยังกำเริบมากขึ้นอีก

    ส่วนยาเพชรสังฆาตสด(เถา)
    ด้านซ้ายบนของเรา สว่างโล่เลยค่ะ ว่าง
    ด้านซ้ายล่างของเรา ทึบ แต่ไม่แน่น ทึบแบบสบายๆ
    ด้านขวาบนของเรา ขุ่น แต่ไม่อึดอัด
    ด้านขวาล่างของเรา ขุ่นกว่า เหมือนมีความอบอุ่นกว่าขวาบน

    ถามคุณว่า
    ด้านซ้าย จิตคุณ อยากอยู่บนหรือล่าง (ต้องตอบ ด้านบน แน่นอนเลยเพราะ มันสว่างโล่เลย และว่างด้วย)
    ส่วนจิตคุณด้านขวา อยากอยู่ส่วนบนหรือล่าง (น่าจะเป็นส่วนล่างนิ เพราะอบอุ่น กว่า)

    สิ่งที่คุณตอบคือคำทำนาย สุขภาพและอาการโรค หลังจากใช้ยาตัวนี้ กับคนไข้คนนี้

    คนไข้เปลี่ยนไป ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจเปลี่ยน
    ตอนนี้ก็รู้เองแล้วซิว่ายาอะไรใช้ได้กับตัวเรา ไม่แน่นะ ยาที่เราใช้ไม่ได้ ไม่เกิดผลการรักษา แต่กับผู้อื่น อาจใช้ได้ผลก็ได้

    จำไว้ อย่ายึดมั่น ถือมั่นในสิ่งที่ได้รู้และได้เห็น จนเกินเหตุ

    สุวิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2009
  7. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ข้าวเหนียวและอาหารแสลง

    เรียนคุณสุวิ

    ขอถาม "ความเชื่อ" เรื่องข้าวเหนียวหน่อยค่ะ ว่ามีผลต่อการหายเร็วหรือช้าของโรคบางโรค เช่น แผลที่เป็นหนองหายช้า หรืออะไรทำนองนี้บ้างหรือเปล่าคะ หรือไม่เกี่ยว???

    ขอคำตอบเรื่องข้าวเหนียวค่ะ

    แล้วอาหารบางอย่าง มีผลเป็นของแสลง สำหรับโรคบางโรคไหมคะ เช่น ถ้ากินยาหมอสุวิ ยาปลุกเตโช สำหรับธาตไฟพิการ ก็ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีทธิ์ร้อน หรืออาหารที่มีฤทธิ์เย็น เช่น

    แตงกาว แตงโม หัวไชเท้า ฟัก ฯลฯ ซึ่งมีฤทธิ์เย็น
    ทุเรียน ฯลฯ (นึกไม่ออก) ซึ่งมีฤทธิ์ร้อน

    ...กระชายทอง...ฯลฯ จำชื่อยาไม่ค่อยได้ ไม่เก่งเรื่องจำชื่อ

    เหล่านี้ อาหารจะมีส่วนทำให้ประสิทธิผลของยาดีหรือเลวได้หรือไม่คะ ขอคำตอบด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2009
  8. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    สวัสดีครับผมที่เคยบอกอาจารย์ว่าปอดรั่วอ่ะครับ ส่งสัยว่าถ้าเปิดจักรที่4มันจะหายไหมครับ
    ผมลองฝึกพลังจักรวาลดูอ่ะ(ผมอ่อนมากน่ะได้ 2 วันเอง) เปิดจักระที่มือทั้ง สองข้างได้แล้วแต่ตรงอื่นยังไม่กล้าเปิดเพราะไม่มีความรู้ รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำหน่อยครับ
    ผมเป็นคนร่างกายอ่อนแอมากครับพอไม่ได้ออกไปวิ่งทุกวันมันก็เริ่มป่วยโน้นนี้
    จึงยากจะฝึกลมปราณดูครับ ช่วยแนะนำที่ครับ(อยู่หน้าไหนน่าของโพส)ขอบคุณครับ
     
  9. ตัวกลมๆ

    ตัวกลมๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +5,941
    ขอบคุณผู้ถาม ตั้งใจหาให้ เพิ่งมาอ่านเหมือนกันค่ะ ขอbookmarkและเก็บไฟล์ไว้ก่อน
    ขอบพระคุณอาจารย์สุวิค่ะ มีอะไรให้เรียนรู้เยอะแยะไปหมด

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9D%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84.110817/page-27
    โพสโดย อ.สุวิ เมื่อ 15/1/09 10.12AM หน้า 27 กระทู้ 540ค่ะ


    ฝึกลมปราณ จาก 'คัมภีร์ปรับแต่งเส้นเอ็น' เริ่มโดย คุณvanco

    http://palungjit.org/threads/ฝึกลมปราณ-จาก-คัมภีร์ปรับแต่งเส้นเอ็น.152737/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2009
  10. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    อาหารแสลงโรค ที่ขึ้นชื่อ มีผลทำให้โรคเพิ่มขึ้นคือ

    หน่อไม้ และของหมักดองทุกชนิด

    ส่วนข้าวเหนียว มีผลในบางท่าน มากบ้างน้อยบ้าง
    ข้าวเหนียว ในบางท่าน จะทำให้เลือดข้นขึ้นทำให้การไหลเวียนโลหิต ลดลง
    ในพวกที่ผ่านการนวดรักษาโรค จะห้ามไม่ให้กินข้าวเหนียว
    เป็นเพราะ จะทำให้ปวดเมื่อยมากยิ่งขึ้น ผลการรักษาจากการนวดจะลดลง
    แผลหายช้าขึ้น เป็นฝีหนองง่ายขึ้น
    ก็เพราะการไหลเวียนเลือด อันเป็นระบบถ่ายเท อาหารและการชำระล้าง ลดลงนั่นเอง

    ในคำถามของคุณ อธิฐานเกี่ยวกับเรื่องเพชรสังฆาต ถ้าผมตอบแกง่ายๆ แบบเดียวกันนี้ มีหรือที่แกจะเชื่อ
    ด้วยการตอบแบบนี้ ใครๆก็ตอบได้ จริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ พิสูจน์ก็ไม่ได้
    เมื่อเกิดความสงสัย คนตอบก็เสียรังวัต
    แกป็นผู้มีความสามารถสูง มีหรือจะเชื่อง่ายๆ
    จึงต้องหาทางให้แกรู้เอง พิสูจน์เอง

    อาหารแสลงโรคที่ถามมา สามาถใช้ความรู้ การเสี่ยงทาย เช่นเดียวกันกับ การเสี่ยงทายเรื่อง "สุขภาพ, อาการโรค, ยา, คนไข้" ที่ได้เล่าให้ฟังแล้ว

    เพียงเรากำหนดจิต(ภาษาพระท่านเรียกอธิฐาน) เปลี่ยนยา เป็นอาหารที่สงสัย
    ใส่ลงไปในตัวคนไข้ ที่ศูนย์กลางของวงกลม
    แล้วกำหนดขอดู ความเปลี่ยนแปลงของคนไข้ ในเรื่องสุขภาพ และอาการโรค (ที่ด้านซ้าย และขวา)

    อ้อ มีปัจจัยอีกหลายตัวที่ต้องนำเข้าร่วมพิจารณาด้วย เช่น
    ตัวยา ปริมาณการกิน เวลากิน(โดสยา) เวลาที่ดำเนินไป อาหารที่สงสัย ว่าแสลงโรค ฯลฯ
    ซึ่งข้อมูลพวกนี้ ต้องกำหนดใส่ลงไปในตัวคนไข้ด้วย

    ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ถามมา คงไม่ต้องตอบแล้ว
    เพราะเธอสามารถรู้เอง เห็นเอง
    อัตตาหิ อัตโนนาโถ ได้บังเกิดขึ้นแกเธอแล้ว

    สาธุ สาธุ
     
  11. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    คำถามนี้ คุณ ตัวกลมๆ ได้ตอบให้แล้วนะครับ


     
  12. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168

    เรียนคุณสุวิ

    อ่านคำตอบแล้วอนุโมทนาสาธุค่ะ
    ชมเชยดิฉันซะตัวลอยเลย แต่จริงๆ แล้วไม่ได้สามารถอะไรขนาดนั้น ชมเชยเกินกำลังจริงของดิฉันไปแล้วค่ะ
    ถึงดิฉันจะทราบหรือไม่ทราบในคำตอบที่ถามไป แต่ก็อยากให้คุณกรุณาตอบ เพราะดิฉันเป็นคนชอบฟัง โดยเฉพาะฟังความเห็นจากผู้รู้ และข้อที่นิสัยเสียที่สุดคือ เป็นพวกมนุษย์เจ้าปัญหา ชอบถามว่าทำไม เพราะอะไร คล้ายเด็ก 3 ขวบ ไม่เลิก

    อีกประการหนึ่ง เพราะเห็นว่า สิ่งที่ถามน่าจะมีประโยชน์ต้องผู้เข้ามาอ่าน ทุกท่านโดยรวมจะได้เอาความรู้ที่ได้รับจากการอ่าน ชี้แจง ไปประยุกต์ใช้กับการกินยาของตัวเองได้

    ดีใจที่คุณตอบคำถามดิฉัน แต่ก็อยากให้คุณแจกแจงอยู่ดี ตามเหตุที่ได้กล่าวข้างต้น จึงขอถามย้ำในคำถามที่สอง

    ว่าอาหารฤทธิ์เย็น-ร้อน มีผลต่อยาต่างๆ เช่น กระชายทอง เตโชฯ...ฯลฯ หรือไม่ หากคุณจะไม่รำคาญดิฉันมากเกินไป (ต้องขออภัยด้วยค่ะ)
    แต่ที่ถามไปตั้งแต่ตอนต้น (ครั้งแรกที่ถามแล้วเขียนบนกระทู้) ก็ด้วยสาเหตุนี้เป็นประเด็นหลัก

    อนุโมทนาล่วงหน้าค่ะ
     
  13. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ไปพิษณุโลกก่อน วันจันทร์ ค่อยมาตอบ
     
  14. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    ขอบพระคุณครับ วันนี้ผมลองเปิดจักรที่มือแล้วสร้างลูกบอลกับเพื่อนๆ พอทำไปทำมามันปวดหัวอ่ะครับ ก่อนหน้านี้เคยปวดบริเวณกลางกระหม่อมด้วยเลยเอาจิตไปจองแล้วมันก็หาย ขอบคุณครับ
     
  15. tezch

    tezch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +195
    อาจารย์ครับ อีเมลอาจารย์เเอดเดรสอะไรครับ
     
  16. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    suwinand@gmail.com
     
  17. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    อู้ย..... ถล่มตัวซะจริ้ง จิ้งงงงงงง แม่เจ้าประคณลุนช่องเอ้ย (ยั่งกะโฆษณาเครื่องดืมเลยวุ้ย)

    ในกระทู้แถวนี้ใครๆก็รู้ว่า เพียงเห็นชื่อ เห็นรูปแทนตัว เขาก็รู้แล้วว่า ท่านผู้นี้มีทุนอยู่ในกระเป๋าเท่าใด
    ไม่เชื่อ ไปถามไอ้เจ้าลูกปลาน้อยดูได้ก็ได้ เห็นได้รับมอบหมายจาก อ.สามตาให้ดูแลกระทู้ จำพวก "อ่านจิตข้ามฟ้าข้ามแผ่นดิน" กันอยู่

    อู้ย...(อีกครั้ง)
    เห็นคำถามแล้ว หากตอบสั้นๆว่ามีอาหารตัวนั้นๆ ไม่ควรกิน ด้วยมีรสเย็นจืด มันจะไปขวางฤทธิยา ทำให้ยาทำงานไม่ได้
    หากจะตอบอย่างนี้ มันไม่สะจาย

    นึกขึ้นได้ว่ากาละครั้งหนึ่งนานมา ตอนเรียนมหาลัยปีสอง(วิศวะไฟฟ้า-อิเล็คทรอนิค)
    เพื่อนสงสัยว่า หลอดนีออนมันติดสว่างได้อย่างไร จึงไปถามอาจารย์ ดร.ท่านหนึ่ง(เพราะเช้านั้นพบท่านก่อนเพื่อน)
    ไอ้ผู้ถามมันอยากรู้เพียงว่า วงจรไฟฟ้ามันเดินอย่างไร กระแสไฟฟ้าวิ่งไปทางใหนจึงทำให้หลอดไฟสว่างได้

    ท่าน อ. ดร. มองหน้า ชั่งใจอยู่พักใหญ่ แล้วกล่าวว่า เอ้อ..ไปคุยกันในห้องพักอาจารย์ดีกว่า เรื่องมันยาว
    ไอ้เพื่อนก็สงสัย มานยาวยังไงหว่า จึงเดินตามต้อยๆเข้าไปในห้องพักอาจารย์ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆที่เฝ้าดูอยู่ฝูงหญ่าย

    เวลาผ่านไป และผ่านไป หนึ่งชัวโมงก็แล้ว สองชั่วโมงก็แล้ว และในที่สุด สองชั่วโทงครึ่งก่าๆ เพื่อนมันก็เดินคอตกออกมา มือถือกระดาษออกมาปึกหนึ่ง
    มองหน้ามันแล้วรู้สึกให้ฉงฉาน สายตามานเหม่อลอย กลวงโบ๋ แถมเบลร์ออีกตังหาก
    เลยค่อยๆปลอบ ค่อยๆขู่ ว่ามานไปพบไปเจออารายมา

    มานค่อยๆเล่าให้ฟังว่า
    ท่านอาจารย์ว่า คำถามเธอดีมาก น่าสนใจ แล้วเริ่มเล่า อธิบายทฤษฎีควันตั้มให้ฟัง
    อธิบายถึง มวลอะตอมของกาซ การไหลเวียน ของอิเล็กตรอนในชั้นต่างๆภายในอะตอม
    อธิบายถึงปัจจัยในการคลายประจุ ปริมาณพลังงานที่เกิด กี่ล้านล้านอิเล็คตรอนโวล์
    การเคลื่อนที่ของอิเลคตรอน การชนกันของประจุไฟฟ้า การปลดปล่อย และถ่ายเทพลังงาน
    ฯลฯ
    ฯลฯ
    ฯลฯ
    จนในที่สุด กาซก็แตกตัวปล่อยพลังงานเป็นแสงออกมา

    แถมท่านยังย้ำว่าที่ถามมานะจำได้ไม๊ ยังสงสัยตรงใหนอีก
    พอเพื่อนบอกว่าครับ ผมอ้า...
    ท่านอาจารญ์ผู้อารีย์ ก็รีบอธิบายเพิ่มทันทีไม่ต้องรอให้ถาม
    เป็นดังนี้จน ร้องอื้อ อ้าไม่ออก จึงถูกปล่อยตัวออกมา
    วิชาความรู้คงเข้าไปตุงอยู่ในหัวมันจนหนักอึ่ง มานจึงเดินหัวตกหัวห้อยออกมา

    พอรู้ความเป้นมาและเป็นไปพวกเราก็ฮากันครืนใหญ่
    และเรื่องนี้ก็แพร่กระจายโจทย์จันกันไปทั่วทุกชั้นปี รวมทั้งปี ๑ ด้วย
    ตกลงเลยไม่มีใครกล้าไปถามปัญหาง่ายๆกับท่านอาจารย์ ดร. ท่านนั้นอีก
    เพราะกลัวแกจะพาไปท่องจักรวาล แล้วหาทางกลับไม่ถูก
     
  18. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ฮา 555555 ขำอย่างเดียวค่ะ (ไม่ได้ล้อกันเล่นนะคะ) มองเห็นภาพเลยค่ะ เลยหัวเราะอย่างเดียว

    แต่ไม่ได้คำตอบ แต่ววววววว

    นั่นหนะสิคะ เพราะมันยาก ยากจะอธิบาย

    ถ้าอาหารมันไม่มีผลอะไรกับยามาก ก็ไม่รบกวนก็ได้ค่ะ รู้สึกจะยากเกินไป

    แต่ถ้าอาหารตัวไหน มีผลต่อยาที่ควรระวัง แน่ๆ รบกวนเฉพาะตัวนั้นละกันค่ะ คุณ สุวิ
     
  19. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    อาจารย์...ครับ...มังกรป่วยอีกแล้วอ่ะ

    คืองิ...เห็นอาจารย์คุยกับคุณอธิษฐาน แล้วไม่รู้เป็นไง

    ตามันร้อน ร้อนตา ยังไงชอบกล

    ทำไงดีครับจารย์ รักษาไงครับ
     
  20. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    จากคำถามที่ว่า
    อาหารฤทธิ์เย็น-ร้อน มีผลต่อยาต่างๆ เช่น กระชายทอง เตโชฯ...ฯลฯ หรือไม่

    ตอบจ้า
    การทำงานในกายมนุษย์ มีสองส่วน
    ส่วนที่ ๑ เป็นธาตุพลังงาน เรียกตรีธาตุ
    มี ปิตะ-ความร้อน ,เสมหะ-ระบบถ่ายเทความร้อน(ระบบหล่อเย็นน) และวาตะ-การเคลื่อนไหวทั้งปวงอันเกิดจากการทำงานของปิตะและเสมหะ
    ซึ่งตรีธาตุทั้งสามต้องสมดุลย์ในระดับหนึ่ง (มีช่วง ปรับตัวอยู่บ้างเล็กน้อย-ถ้าไม่หลุดจากช่วงนี้ให้ถือว่าสมดุลย์)

    ส่วนที่ ๒ เป็นโครงร่างมนุษย์ ประกอปด้วยมหาภูติรูปสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึงประกอบด้ว
    ดิน ๒๐ (ในพระไตรปิฎก ว่า ๒๑ นะ)
    น้ำ ๑๒
    ลม ๖
    ไฟ ๔
    ถ้าในอาการทั้งสี่สิบสองนี้(๒๐+๑๒+๖+๔) ทำงานได้สมดุลยฺ ร่างกายก็ไม่ป่วยไข้

    อาการป่วยจะเริ่มเกิดจาก ตรีธาตุเสียศูนย์ก่อน แล้วระบบการทำงานที่เสียศูนย์นี้จะค่อยๆแปรไปมากขึ้นๆ จนกระทบลงใน มหาภูติรูปสี่
    จนทำให้อาการสี่สิบสองที่กล่าวถึงทำงานได้ไม่ครบหรือแปรปรวนไป
    ร่างกายก็จะป่วยไข้ อันเริ่มเกิดจากการเสียศูนย์ ของ ปิตะ เสมหะ และวาตะ

    ปกติในคนทั่งไปที่เกิดขึ้นมา ทั้งตรีธาตุและมหาภูติรูปสี่ ล้วนแปรผันตามธาตผู้ให้กำเนิด กาลเวลาที่ปฏิสนธิ ฯลฯ
    ทำให้เกิดธาตุเด่นประจำตัวขึ้น เราเรียก ว่าธาตุเจ้าเรือน (เกิดภาวะสมดุลย์ประจำตัว)

    สภาพดินฟ้าอากาศรอบตัว ในสภานที่อยู่หนึ่งๆ ก็ล้วนมีผลระทบลงในตรีธาตุและมหาภูติรูปสี่เช่นกัน รวมถึงการผันแปรของกาลเวลาด้วย (ธาตุจร ๑-๒)

    อาหารการกิน รวมถึงยา ที่เรากินเข้าไป ก็เพื่อไปเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย
    ก็คือไปเพิ่ม ปิตะ วาตะ เสมหะ ก่อน แล้วแปรไปเสริมหรือขัดกันในการทำงานของมหาภูติรูปสี่ (ธาตุจร ๓)

    ดังนั้นอาหารรส เย็นร้อน ย่อมมีผลต่อการทำงานของมหาภูติรูปสี่แน่นอน
    ยา/อาหาร ที่เรากินเข้าไป ตามตำราท่านว่ามีถึง ๙ รส แต่ละรสก็กระทบต่อมหาภูติรูปสี่ต่างๆกันไป ดังนี้
    ๑. รสฝาด สำหรับสมานแผล แก้บิด ปิดธาตุ
    ๒. รสหวาม จะซึมซาบไปตามผิวเนื้อ
    ๓. รสเมาเบื่อ แก้พิษดี พิษโลหิต
    ๔. รสขม แก้ทางโลหิตและดี แก้ไข้เพื่อดีพิการ โลหิตพิการ
    ๕. รสเผ็ดร้อน แก้ลมจุกเสียด แน่นเฟ้อ
    ๖. รสมัน บำรุงเส้นเอ็น แก้เอ็นพิการ ให้ความร้อนอบอุ่นแก่ร่างกาย
    ๗. รสหอมเย็น บำรุงหัวใจ ทำให้ชื่นใจ
    ๘. รสเค็ม ซาบไปตามผิวหนัง
    ๙. รสเปรี้ยว กัดเสมหะ ฟอกโลหิต
    และท่านให้เพิ่มรสจืดอีก ๑ รสเพื่อแก้ ทางเตโช แลเสมหะ

    ดังนั้นเหตุแห่งความป่วยไข้ จึงเป็นผลรวมของธาตุเจ้าเรือนและธาตุจร ที่ทำให้มหาภูติรูปสี่ พิการไปในรูแบบต่างๆกัน

    ที่เขียนไว้ขางบนนี้จะเห็นคุณของรสยาต่างๆ
    แต่คุณและโทษเป็นของคู่กัน เช่น

    ๑. อาหาร / ยา รสเผ็ด รสขม-เย็น รสฝาด ทั้งสามรสนี้ ทำให้โรคลมกำเริบ (วาตะกำเริบ)
    ๒. อาหาร / ยา รสเผ็ด รสเปรี้ยว รสเค็ม ทั้งสามรสนี้ ทำให้โรค ดีกำเริบ (ปิตะกำเริบ)
    ๓. อาหาร ๑ ยา รสหวาน รสเปรี้ยว รสเค็ม ทั้งสามรสนี้ ทำให้ เสลดกำเริบ (เสมหะกำเริบ)


    ที่กล่าวไว้แต่ต้น ปิตะ เสมหะ และวาตะ ต้องสมดุลย์กันในภาวะหนึ่งๆ
    ดังนั้น ยาหรืออาหารที่กินเข้าไป ดังสามข้อข้างบนจึงแสลงต่อโรค

    ๑. ยา/อาหาร รสเผ็ด ขมเย็น ฝาดจึงแสลงต่อโรค ลม เช่น จุกเสียด เป็นดานเป็นก้อนในท้อง การขับถ่าย ตะครั่นตะครอเนื้อตัว ฯลฯ
    ๒. ยา/อาหาร รส เผ็ด เปรี้ยว เค็ม จึงแสลงต่อโรค ที่เกี่ยวกับปิตะ (ดี) เช่น อาการไข้ อาหารไม่ย่อย บวมมือบวมเท้า
    ๓. ยา/อาหารที่มีรส หวาน เปรี้ยว เค็ม จึงแสงตอโรค เกี่ยวกับ เสมหะ เช่น หวัดเจ็บคอ ปวดมึนศีรษะ หายใจไม่สะดวก

    สิ่งที่ถามมาทั้งหมดคำตอบอยู่ในสามหัวข้อสุดท้ายนี้

    ยาที่จ่ายให้คนไข้ ต้องไม่ไปทำลายธาตุเจ้าเรือนเดิม และปรับให้ตรีธาตุเข้าสู่ภาวะสมดุลย์
    อาหารและยาประกอบเสริมอื่นๆ ต้องไม่ไปขัดกับยาหลักที่รักษาโรค

    ดังนั้นคำถามที่ว่า
    อาหารฤทธิ์เย็น-ร้อน มีผลต่อยาต่างๆ เช่น กระชายทอง เตโชฯ...ฯลฯ หรือไม่
    ตอบได้ว่า มีแน่นอน
    จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่บปริมาณ ฤทธิ์ของรสทางยา
    เช่น ยาปลูกเตโช เป็นยาร้อน กินอาหารรสร้อนเพิ่มอีก เกิดโรคลมกำเริมแน่นอน ต้องหาอาหารหรือยารสจืด เย็น ขม มาช่วยเป็นกระสาย
    ยากระชายทองเป็นยารสขม ร้อน กินมากไป(โอเวอร์โดส ก็เกิดโรคลม กำเริบเช่นกัน)

    คนตอบเองก็ชักมึนแฮะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...