จะใช้เว็บบอร์ดเป็นที่เรียนรู้ธรรมะอย่างไรดี ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Tboon, 20 มิถุนายน 2009.

  1. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    นอกจากการฝึกเป็นผู้ให้ ๆ ๆ ๆ ๆ (ความรู้) แล้ว

    เราก็ควรต้องฝึกเป็นผู้รับ (ฟัง) ที่ดีด้วย

    การรู้จักเป็นผู้ให้ย่อมมีอานิสงส์สูง ส่วนการรู้จักเป็นผู้รับ (ฟัง) ทำให้เราได้ปัญญา

    หากเราตั้งเป้าแต่จะเป็นเพียงผู้ให้อย่างเดียว การรับฟังเราไม่มี

    เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวเพียงอย่างเดียว การให้นั้น ก็อาจจะกลายเป็น การยัดเยียดได้

    หากไม่บรรลุวัตถุประสงค์ การให้ไม่ได้รับการตอบสนอง

    การยัดเยียดนั้น ก็อาจจะกลายเป็น การเพ่งโทษได้

    หากหลงเพ่งโทษมาก ๆ ในที่สุด ก็อาจจะกลายเป็น การทำลาย ได้ในที่สุด

    จึงควรฝึกให้เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ (ฟัง) ที่ดี

    ฝึกสติขณะใช้เว็บบอร์ด ให้ต่อเนื่อง

    ให้เห็น ให้ทันเสียงภายในใจตนเองให้ได้บ่อย ๆ

    เอาคู่สนทนา ผู้เห็นด้วยไม่เห็นด้วยนั่นแหละเป็นครูสอบอารมณ์

    ยินดีหรือยินร้าย พอใจหรือไม่พอใจ หวั่นไหวหรือไม่หวั่นไหว

    จิตเกิดให้รีบดับ อย่าปล่อยไว้ เพราะการปล่อยไว้นั่นแหละ คือการเพาะบ่มในทางที่ผิด

    ก่อนตอบถ้าจิตเกิดอย่าเพิ่งตอบ ให้ดับความเกิดของจิต ดับความอยาก ดับอารมณ์ที่พุ่งแรงออกไปของตนเองนั้นให้ได้เสียก่อน จึงค่อยตอบ

    ตอบด้วยใจที่ปกติ เป็นกลาง ผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่พยาบาท ไม่อินไปในทางใดทางหนึ่ง

    ฝึกใช้เว็บบอร์ดเพื่อมุ่งเอาชนะกิเลสในใจตนเอง ไม่ใช่เพื่อเอาชนะกิเลสในใจผู้อื่นนะ...


    ขอให้ทุกท่านโชคดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2009
  2. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ธรรมะอยู่ที่การเห็นภายในใจตนเองว่าเป็นอย่างไร

    ตาอาจมองเห็นรูป
    หูอาจได้ยินเสียง
    จมูกอาจได้กลิ่น
    ลิ้นอาจรับรส
    กายอาจสัมผัสรู้ร้อนหนาว และอื่นๆ
    ใจอาจสัมผัสรับรู้ในธรรมารมณ์ทั้งหลาย

    แต่ทั้งหมดเมื่อผัสสะเกิดแล้ว ใจของผู้ผัสสะนั้นเป็นอย่างไร
    ดีใจ เสียใจ เศร้าใจ สลดใจ เหงา เซ็ง เบื่อ ท้อ โกรธ เกลียด อาฆาตฯลฯ
    นั่นแหละ ธรรมะเกิดขึ้นกับเราแล้ว เราดูที่นี่ ดูที่ใจของเราเป็นหลัก
    ถ้าใจเราทุกข์เพราะความเร่าร้อนนั้น ก็เร่งแก้ที่ใจเราเป็นหลัก
    เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงคนทั้งโลกได้แน่ ๆ
    แม้แต่กายของเราก็ยังต้องแก่ เจ็บ และตายไปเป็นธรรมดา

    แต่ เราแก้ที่ใจเราได้ ทำอย่างไร ใจจึงปราศจากความหวั่นไหวในเมื่อตากระทบรูป ฯลฯ
    มีคนด่าพระพุทธองค์ต่าง ๆ นานา พระอานนท์ทูลให้หนีไปที่อื่น ทรงไม่หนีเพราะอะไร ?

    ดับภัยภายในใจเราให้ได้เสียก่อน หากดับได้แล้ว
    แม้ภัยภายนอกจะรุนแรงสักเพียงไร เราย่อมไม่หวั่นไหวเพราะภัยนั้นหรือภัยไหน ๆ อีก
    เหมือนดั่งพระพุทธองค์ไม่ทรงหวั่นไหวเมื่อถูกคำนินทานั้นเอง...

    ธรรมะไม่ได้อยู่ที่ตัวหนังสือหรือข้อความดอก แต่อยู่ที่ใจของผู้อ่านข้อความนั้นเองต่างหาก
    จงหาใจตนเองให้เจอ และศึกษาธรรมที่ใจนั้นให้รอบรู้หมดสิ้นครับ


    ขอให้ท่านโชคดี
     
  3. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    การไม่ยึดติดในวัตถุก็ดี แม้แต่การไม่ยึดติดกับอุปาทานขันต์ทั้ง5 ก็ดี
    รวมถึงไม่ยึดติดกับอุปาทานทั้ง4 ประการ

    ก็แล้วแต่คนมองอีกนั่นแล.. ในสภาวะหลุดโลกนี้ คือผู้มีปัญญาเลิศแล้วย่อมไม่ยึดติดกับสิ่งใดให้มาเป็นตัวเป็นตนอีกต่อไป
    แต่จะทำอย่างไรเล่าหนอ..หากสังคมแวดล้อมเขามองและยึดติดอยู่กับสิ่งนั้นอยู่แล้ว
    ราวกับว่าเขาเหล่านั้นได้สมบัติล้ำค่ามาจากบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมา ..
    จู่ๆจะให้เราเดินไปปัดสมบัตินั้นๆหลุดออกจากมือมันก็ใช่สิ่งที่ควรนัก
    จึงกล่้าวได้ว่า ต้องแยกแยะแต่ละคนแต่ละขณะ ให้เหมาะแก่กาลนั้นๆ

    อืมม..ข้าพเจ้าเขาใจที่นำเสนอ และก็เข้าใจผู้ที่ร่วมแสดงความคิดเห็นนะ
    เอาเป็นว่าผู้นั้นผู้ให้ ต้องการอะไรจาก ผู้ฟัง
    และผู้ฟังอยากจะได้ยินอะไรจากผู้ให้
    ตรงนี้ใช่ไม๊ที่ต้องการ ..??
    ผู้ให้ย่อมให้อย่างไม่หวัง ให้ในสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกต้องและเป็นผู้ที่กล่าวได้ว่ามีความคิดเห็นที่ถูกต้องแล้วตามสัมมาิทิฐิ
    ส่วนผู้รับก็ไม่ต้องไปหวังว่าของขวัญในกล่องจะเป็นสิ่งที่เราต้องการเสมอไปหรอก
    เพียงแค่รับแล้วก็แกะดู ได้อะไรก็ได้อันนั้นแล .. เพราะถ้าขืนไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดๆแล้ว
    หากมันไม่เป็นไปดังหวังมันก็จะผิดหวัง สติแตก ไปเลยก็มี..

    เอาล่ะ..วกกลับมาที่แก่นแท้พระพุทธศาสนา
    เอาตำรามากางกันดู
    แล้วก็หาตำราไทยศึกษามาอ่านนะครับ
    คราวนี้แยกให้ออกระหว่าง ประเพณี วัฒนธรรม พิธีกรรม ไดๆที่ได้สืบทอดกันมานั้น
    มันเรื่องเดียวกันหรือคนละเรื่องกับคำสอนของพระพุทธองค์
    เมื่อสามารถ(อันนี้ไม่รับรองว่าจะสามารถกันได้ทุกคนหรือไม่)อ่านและทำความเข้าใจดีแล้ว
    ก็จะสามารถแยกแยะออกได้ว่านั่นคือพุทธศาสนา หรือแค่พิธีกรรม ประเพณีที่ทำต่อๆกันมา แต่ก็ยังไงเสียยังเป็นแค่การเข้าใจด้วยการอ่านอยู่ดี

    ปัญญาคนเรามันต่างกัน แต่ก็ปัญญาตัวเดียวกันนี่แหละที่พาโง่พาฉลาด
    ตัดสิ่งที่อยู่นอกกรอบออกเสีย ตัดความงมงายออก เหลือแต่ปัญญาโดดๆ ไล่จี้บี้ตามความสัจจริงทั้งปวง
    ในไม่ช้าท่านทั้งหลาย นี่รวมถึงตัวเราเองด้วย ย่อมได้เจอต้นตอแห่งความจริงซักวัน

    อนุโมทนาท่านผู้ตั้งกระทู้ ..สาธุ
     
  4. emtry phase

    emtry phase สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +3
    โดยเนื้อแท้ของพุทธศาสนาแล้วเดิมทีไม่มีการบูชาวัตถุหรือมีก็มีไม่มาก แต่ด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันก็คือหนทางการเข้าถึงได้เช่นเดียวกัน สำหรับผู้ไม่เข้าถึงธรรมอย่างแท้จริงย่อมจะกลัวกับทุกสิ่งที่อยู่รอบกาย แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็เป็นอุบายให้เราระลึกนึกถึงคุณอันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่สำหรับผู้เข้าถึงธรรมย่อมไม่มีเหตุจำเป็นใดๆ เพราะเนื่องจากจิตใจจะระลึกนึกถึงธรรม พระรัตนตรัย อยู่ตลอด และมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยเหตุด้วยผลทั้งสิ้น ละจากอคติ และอกุศลจิตได้ ด้วยปัญญาของท่านเหล่านั้น สำหรับการกระทำบางอย่างที่เกิดขึ้นนั้น ว่าด้วยเรื่องเจตนาเข้าใจว่าหวังดีต่อชาวพุทธเพื่อให้ระลึกได้คือมีสติ
    หลายท่านมักจะหลงไหลไปกับวัตถุเครื่องบูชาอีกมากมาย ซึ่งไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง ถ้าเป็นพระก็ถือว่าเป็นอาบัติ ถ้าเป็นฆราวาสเรียกยังไม่มีดวงตาเห็นธรรม แต่ทั้งหลายก็ขึ้นอยู่กับเจตนา ขอท่านผู้มีปัญญาพิจารณาเองเถิด ดังเมื่อครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า หากมีใครมาติเตียน บิดเบือนคำสอน ให้ร้ายตถาคต อย่าได้โกรธเขา อย่าได้พยาบาทเขา ให้เธอทั้งหลายผู้อยู่ต้องแก้ต่างให้พระองค์ด้วยเหตุผล และสติปัญญา ครั้นถ้าเขาไม่เชื่อก็ปล่อยเขาไปเถอะ โดยสรุปนะครับ
    จาก kengkenny
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2009
  5. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    การเรียนรู้ นั้นไม่จำกัดสื่อหรอก อย่างคุณที พูดก็ถูก การเรียนในเวปนี้
    หลัก ๆ ใหญ่ เลยนะ ฝึกละ ความพอใจ และไม่พอใจ เราฝึกแบบนี้
     
  6. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    ขอบคุณสําหรับความรู้ครับ ได้ประโยชน์มากเลยครับ อนุโมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...