۩۞۩ ★บุญโคมไฟระย้าดวงเอก☼ ดวงรอง ۩ วิหารแก้ว☆สมเด็จองค์ปฐม♥ ณ. วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

;welcome3

;aa10

:z5:z5:z5

 

รับทราบครับคุณณรงค์ ผมจะยังไม่ตัดแป๊บของจริง แต่จะไปตัดแป๊บเหล็ก ( อาจใช้แป๊บประปามาตัดเพื่อทดลองดูก่อน ราคาคงไม่กี่สิบบาทต่อท่อน ) แล้วถ่ายรูปให้ดู ถ้า half size ไม่สวย เรายังกลับมาที่ full size ได้ครับ

ช่วงนี้อาจขอเวลาผมนิดหน่อยนะครับ เพราะเหตุมีงานไฟส่องพระกลางแจ้งที่สุพรรณเข้ามา และอาจมีเหตุให้ไปเมืองนอกเพื่อช่วยเพื่อนเลือกซื้อของอีก 3 - 4 วันหรือไม่ ? ยังไม่แน่นอนครับ

งานน้อมถวายประทีปโคมไฟดวงเอกนี้มีอานิสงส์แรงกล้าครับ งานบางอย่างที่ผมเริ่มต้นทำพระแก้วตันหน้าตัก 9 นิ้วเต็มตั้งแต่มีนาคม 2005 เมื่อวานนี้มีคนโทรแจ้งผมว่า ติดตามอ่านงานผมมาตลอด จนกระทั่งได้โอกาส เข้าไปมีตำแหน่งหน้าที่ในโรงงานแก้วแห่งหนึ่งที่ผมทิ้งหุ่นต้นแบบเอาไว้ ( ซึ่งผมหมดหวังกับการค้นคว้าทดลองแล้ว เพราะอีกโรงงานแก้วหนึ่งแจ้งผมว่าค่าทดลองอบแก้วลดอุณหภูมินี้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ) แต่บัดนี้ บุคคลผู้ที่ติดตามอ่านกระทู้ผมมาตลอด เมื่อมีตำแหน่งหน้าที่ในการอบลดอุณหภูมิแก้ว เขาได้ทำการทดลองให้ผมเรียบร้อยแล้ว ได้เพิ่มอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิพิเศษอีก พร้อมกับการบ่นของผมที่เป็นการบอกแบบเปิดเผยถึงการสัมภาษณ์ CEO ของบริษัท Lalique ฝรั่งเศสว่า เคล็ดลับในการสร้างพระแก้วตันหน้าตัก 8.27 นิ้วเขาทำอย่างไร ? มีอะไรเป็นเคล็ดลับบ้าง มีอะไรที่จะช่วยให้เกิดผลสำเร็จได้บ้าง บุคคลผู้นี้ได้สืบค้นตามคำบ่นของผมจนกระทั่งนำเคล็ดลับทั้งหมดมาทดลอง และเมื่อวานนี้เป็นการทดลองที่ประสบผลสำเร็จเป็นครั้งแรก พระแก้วตันที่ Lalique สร้างองค์ละ 4 แสนกว่าบาทไม่รวมภาษี มีคนช่วยผมสร้างสำเร็จแล้ว เพียงแต่การทดลองนั้นเขาใช้แก้วที่เหลือจากการทำงานจริง จึงไม่สวย เขาโทรมาหาผมเองทั้ง ๆ ที่ผมไม่รู้จักเขาเลย และเขาดีใจมาก ผมก็ได้อนุโมทนาเขาไปด้วย ตกลงว่า โลกนี้มีพระแก้วตันที่สร้างจากแก้วจริง ๆ แก้วแท้ ๆ ในราคาไม่แพงมากเกินไปสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลกแล้วครับ

ด้วยอานิสงส์ที่ผมออกช่วยงานบุญงานกุศลมาตลอด ไม่เคยคิดค่าตอบแทน บุญกุศลนี้ได้ทำให้มีคนมาช่วยงานผมโดยผมไม่ต้องจ้าง เขาทำของเขาด้วยความเต็มใจทุกประการ ผลสำเร็จนี้ผมขอยกให้เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงครับ หากพระแก้วตันจะเป็นประโยชน์ต่อการทำนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา ขอให้ใช้ให้เกิดประโยชน์จากการสร้าง การสร้างควรมีส่วนต่างที่มากพอจะนำส่วนต่างนั้นไปบำรุงการปฏิบัติของพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา และผู้ปฏิบัติที่กำลังปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แก่พระอาพาธ และแก่พระพุทธศาสนาที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อไป

 

พระพุทธบาท ของจริงที่พระพุทธองค์ ทรงประทาน ไว้ให้เมื่อครั้งพุทธกาล ณ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
ปัจจุบันได้มีวิหารครอบไว้อย่างสวยงาม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลวงปู่วงศ์ฯ พูดไว้ว่า....
คนที่มาถึงวัดฯ แต่ไม่ได้มากราบรอบพระพุทธบาท เท่ากับว่า ยังมาไม่ถึงวัดฯ

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรอยพระพุทธบาทมากที่สุดในโลก ที่ปรากฎให้ได้พบเห็น
มีทั่วทุกภาคของไทยก็ว่าได้นะครับ สมเป็นแผ่นดินพุทธ แผ่นดินธรรม รองรับพระรัตนะตรัยได้สมบูรณ์ที่สุด

วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ที่พวกเราร่วมบุญกันอยู่นี้ เป็นวัดที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าโดยตรง
ก็เหตุเนื่องที่พระพุทธองค์ ได้เคยเสด็จมาที่ตรงนี้นั่นเอง และได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้ด้วย
และบุญกุศลที่เราได้ร่วมกันทำอยู่นี้ โคมไฟดวงเอก สร้างองค์ปฐม สร้างวิหาร สร้างพระเจดีย์
สร้างพุทธสถาน ขยายอาณาเขตความรุ่งเรือง ของวัดของพระศาสนา ที่ได้อยู่ใกล้รอยพระพุทธบาท ด้วยนะครับ
<!-- google_ad_section_end -->

 

ประวัติหลวงปู่ครูบาวงศ์วัดพระพุทธบาทห้วยต้มโดยละเอียด

เรื่อวราวขององค์หลวงปู่ครูบาวงศ์และวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ที่ระเอียดดีมากครับ​

อ่านได้ที่ลิงค์​

ประวัติ1 ​

ประวัติ2​

................​

​

ประวัติวิหารครอบรอยพระพุทธบาท ​

ถึงเดือน ๑๐ เหนือ(๘ใต้) ขึ้น ๑๐ ค่ำ วันจันทร์ที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ ท่านครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ได้บูรณะปฏิสังขรณ์รอยพระพุทธบาท ต่อมาถึงพรรษาที่ ๒ เดือน ๑๒ เหนือ(๑๐ ใต้) ขึ้น ๑ ค่ำ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๐ ปีกุนก็ได้วางศิลาฤกษ์สร้างวิหารครอบรอยพระพุทธบาทขึ้น มาถึง พ.ศ. ๒๕๔๓ ท่านครูบาเจ้าก็ได้สร้างต่อมาเรื่อยๆ รวมระยะเวลา ๕๓ ปี ตามคำบอกกล่าวของ ท่านครูบาเจ้าว่าพระวิหารหลังนี้ ตัวของท่านเองจะไม่ได้ฉลองจะมีเจ้าของมาฉลองเอง พอมาเมื่อประมาณเดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ ท่านก็ได้ปรารภว่าอยากจะ ฉลองพระวิหารหลังนี้ก็มีกระเหรี่ยงคนหนึ่งเข้ามากราบท่านครูบาเจ้า ท่านก็บอกกับกระเหรี่ยงชอยผู้นั้นว่า "ให้ไปหาหัวปลีกล้วยที่ต้นเดียวมีหัวปลี ๓ หัว มาเพื่อจะเอามาฉลองพระวิหารหลังนี้" แล้วกระเหรี่ยงชายผู้นั้นก็หายไปประมาณ ๑ อาทิตย์ ก็กลับมาพร้อมหัวปลีมาถวายครูบาเจ้า กระเหรี่ยงผู้นั้นก็พูดขึ้นว่า "ตอนที่ครูบาเจ้าได้บอกกับข้าพเจ้าไปเอานั้น ข้าพเจ้าก็นึกว่า ท่านครูบาเจ้าพูดเล่นพอไปหาก็ได้จริงๆ เสมอเหมือนกับว่าเทวดานำไป" ​

หลังจากนั้นท่านครูบาเจ้าก็ได้สั่งพระที่อยู่ใกล้ชิดท่านว่า "ต่อไปภายหน้าถ้าได้ฉลองวิหารหลังนี้ ก็ให้เอาหัวปลีต้นเดียวมี ๓ หัว นี้ไปฉลองพร้อมวิหารหลังนี้ด้วย" ​

ต่อมา เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๓ ท่านครูบาเจ้าก็ได้อาพาธด้วยโรคชรา คณะศิษยานุศิษย์ก็ได้นิมนต์ท่านครูมาเจ้าไปรับการรักษาที่ โรงพยาบาลลานนา เชียงใหม่ ถึงวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๓ อาการอาพาธของท่านก็ไม่ดีขึ้นทางคณะแพทย์ มีความเห็นว่า ควรนิมนต์ให้ท่านครูบาเจ้าไปทำการรักษาต่อที่ ร.พ. มหาราชนครเชียงใหม่ ต่อมาเมื่อเวลา ๐๑.๐๐ น. ของวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๓ ตรงกับวันวิสาขบูชา ท่านครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา ได้มรณะภาพด้วยอาการสงบ ​

จากนั้นคณะศิษยานุศิษย์ มีท่านพระครูพินิจสารธรรม(ครูบาพรรรณ) เป็นต้น ได้ปรึกษาหารือกันว่าจะฉลองพระวิหาร เพื่อจักทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปหาท่านครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา จึงได้บอกบุญไปยังศิษยานุศิษย์ จะบูรณะซ่อมแซมพระวิหารหลังนี้ เพื่อให้ทันงานทำบุญครบรอบ ท่านครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนามรณภาพครบ ๑ ปี ตรงกับวันที่ ๓ - ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ​

ข้อมูลจากเว็บแดนพระนิพาน

 

- หลวงปู่ครูบาวงศ์ พระมหาเถระอีกรูปหนึ่งที่มีผู้คนศรัทธาทั่วประเทศ ท่านบำเพ็ญพระโพธิญาณอันยิ่งใหญ่ เป็นเทพเจ้าแห่งชาวกะเหรี่ยง
ศิษย์ในครูบาชัยลังกา ครูบาเจ้าศรีวิไชย ครูบาพรหมจักร และครูบาอภิชัย ขาวปี ความอัศจรรย์ ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั้นมีมากหลาย
ผู้ที่ศรัทธาท่านต่างรู้กันดี และเป็นผู้ที่เหยียบศิลาเป็นรอยได้ตั้งแต่อายุ 22 ปี ​

ครูบาพรหมจักร แห่งวัดพระบาทตากผ้ากล่าวไว้ว่า เมื่อก่อนเรากับหลวงพ่อวงศ์ธุดงค์มาด้วยกัน เราได้อันใด หลวงพ่อวงศ์ก็ได้อย่างนั้น ​

 

ขอขอบพระคุณคุณณรงค์ที่ได้นำประวัติพระครูบาวงศ์มาแสดงให้คนที่ยังไม่ทราบอย่างผมได้ทราบ อยากได้อ่านเพิ่มเติมอีกครับ

วันนี้บ่าย ๆ วุ้ยล้งได้ส่งเม็ดแก้วรูปหยดน้ำที่ขาดมาให้จำนวน 120 เม็ด เป็นเม็ดใหญ่สลับเม็ดเล็กตามวิถีทางการร้อยเม็ดแก้ว

ส่วนวงแหวนยักษ์ได้ส่งวงแหวนยักษ์ 112 รูและ 168 รูมาอย่างละ 1 วง วันสองวันนี้ถ้าว่างแล้ว ผมจะจัดการติดตั้งขึ้นไป แต่คาดว่าน่าจะยังมีปัญหาหลงเหลืออยู่อีก เนื่องจากไม่ใช่ 102 รู และในวงแหวนอีกวงก็คาดว่าจะมีปัญหา ตรงที่รูเจาะมีการคลาดเคลื่อนขาดหายไป 2 รู อย่างไรก็ดี ผมอาจต้องร้อยเม็ดแก้วเข้าไปสวมทับเหมือนครั้งที่แล้วอีกทีหนึ่ง แต่คราวนี้ ทำเฉพาะชั้นกลางในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับวงแหวนก็พอ หากปัญหาเล็กน้อย ผมอาจขอใช้วิธีเอาเมจิแต้มทำตำหนิเอาไว้ เพื่อให้ทราบว่า ตรงไหนกันแน่ที่เป็นปัญหา แต่หากไม่มีปัญหา ก็คงผ่านได้เลย

ผมขออนุญาตทำการเจาะตัวแป๊บสี่เหลี่ยมตรงที่สายไฟร้อยผ่าน ( นำสายไฟออกก่อน ) เพื่อยึดติดตั้งวงแหวนยักษ์ ผิวทองอาจเสียหายบ้าง และเป็นรูที่ไม่ได้เจาะมาจากโรงงานครับ

 

วันนี้พอมีเวลาจึงจัดการเสียเลย ไม่รอช้า

ก่อนอื่นผมนำเฉพาะชั้นกลางแยกออกจากโคมดวงเอกทั้งชุด แยกขาดจากกัน แล้ววัดไฟรั่วด้วยไขควงวัดไฟ ภาพที่ไขควงแดงเต็มที่นั้นคือ นำไขควงไปแตะที่ที่มีไฟเต็มที่ ไขควงแดง 100% ส่วนภาพที่ไขควงแดง 30% เป็นการนำไขควงไปแตะที่ตัวเรือน จากนั้นก็กลับหัวปลั๊ก ( กลับขาปลั๊ก ) ก็ยังแดง 30% เหมือนเดิม จากตำรับตาราว่า การวัดไฟรั่วด้วยไขควง หากแดงประมาณไม่เกิน 30% นั้น อาจหมายความว่า เป็นปกติได้ ยิ่งมีสายจำนวนมากคู่เท่าใด ก็สามารถแดงได้มากกว่านี้อีกเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรก็จะต้องไม่แดงถึง 45 - 50% ( ครั้งก่อนชั้นล่างแดง 100% เพราะมีจุดที่สายไฟเปลือกทะลอกขาดถึงเนื้อทองแดง ถ้าอย่างนั้นไฟจะดูดถึงชีวิตได้ )

ผมจะต้องเดินสายไฟใหม่หมดเหมือนชั้นล่างและชั้นบน พร้อมการหุ้มเปลือกสายไฟให้หนาขึ้น 2 - 3 ชั้น

 

เป็นการประกอบเฟรมตัวเรือนโลหะแบบ full size เต็มที่ ความสูงขณะนี้สูงมาก เพราะมีการเพิ่มความสูงของแก้วครอบมงกุฏขึ้นไปอีก 25 ซ.ม.

ความสูงระหว่างชั้นล่างกับชั้นกลางคือ 25 ซ.ม.
ความสูงระหว่างชั้นกลางกับชั้นบนคือ 22 ซ.ม.

( ดังนั้นหากเป็นแบบ half size )
ความสูงระหว่างชั้นล่างกับชั้นกลางคือ 13 ซ.ม.
ความสูงระหว่างชั้นกลางกับชั้นบนคือ 11 ซ.ม.

หมายเหตุ
ความสูงของแป๊บยังไม่รวมความยาวของเกลียวที่ต้องต๊าปต่างหาก



การแก้ไขปัญหาเรื่องวงแหวน ผมได้เลือกใช้วงแหวนระหว่างชั้นบนกับชั้นกลางซึ่งเรียกอีกอย่างว่าผ้าม่านเม็ดแก้วในรุ่น 112 รู และชั้นกลางกับชั้นล่างในรุ่น 168 รู ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยแล้วโดยไม่ยากเย็นอะไรเลย

 

ขอบคุณครับ คุณสมบูรณ์
จากการที่ได้เห็น ภาพประกอบ ทุกชั้น กับความสูง
ลองดูความเหมาะสมความสูง ระหว่างครึ่ง กับ เต็ม ดูนะครับ
เมื่อลดมาใช้แบบครึ่ง แล้วต่อช่วงบน เข้ากันไหม
ผมเข้าใจว่าคุณสมบูรณ์ มีประสบการคงทำได้ออกมาสวยครับ

 

เช้านี้มานั่งพินิจพิจารณาโครงเฟรมโลหะที่ประกอบขึ้นรูปแบบ full size มีเชิงเทียนที่แบ่งขาดกันโดยเด็ดขาด แต่ละชั้นห่างกันฟุตเศษ ( แป๊บ 25 ซ.ม. + น๊อตยักษ์อีก 2 ตัวหัวท้ายประมาณ 10 กว่า ซ.ม. = ฟุตเศษ ) ทำให้เป็นรุ่น full size แบบเต็มขั้น

เมื่อมาพินิจมองผ่าน แล้วก็มามองพิศ มองดูแล้วสวยจริง ๆ ครับ ไม่อาจกล่าวคำว่า แบบ full size ไม่สวย ความสวย ความมีเสน่ห์อยู่ตรงชั้นเชิงเทียนที่ขาดแบบแตะ ๆ กัน คือยอดปลายแหลมของหลอดจำปา จะไปแตะส่วนล่างสุดของก้านเชิงเทียนตรงเม็ดแก้วลูกบอล 40 มม. ทำให้เป็นการแยกชั้นที่นับว่าเด็ดขาดแต่ก็มีความต่อเนื่อง ( แต่ไม่เหลื่อมแบบว่า เหลื่อมเต็มยศ )

ขอเรียนทุกท่านตรง ๆ ว่า เสียดายหากจะเปลี่ยนไปเป็นแบบ half size ( แต่ก็จะลองดู เผื่อแบบ half size อาจมีเสน่ห์มากกว่านี้อีก )

สรุปก็คือ แบบ full size ในโคมดวงเอก จัดว่าสวยสุด เข้าตากรรมการทีเดียวครับ

หมายเหตุ
หากเลือกรุ่นแบบ full size ค่าเม็ดแก้วคริสตัลที่ผ้าม่านชั้นกลางกับชั้นล่างนี้ มีเส้นผ่าศูนย์กลางเป็นวงกลม 1 เมตร ผ้าม่านเม็ดแก้วสูงและยาว 1 ฟุตเศษต่อเส้น รวมแล้วต้องใช้เม็ดแก้ว 168 เส้นคูณด้วยเส้นละประมาณ 18 เม็ด = 3024 เม็ด และแก้วครอบมงกุฏที่สูงขึ้นฟุตกับนิด ๆ ใช้เม็ดแก้วเพิ่มอีก 44 เส้นคูณด้วยเส้นละประมาณ 17 เม็ด = 748 เม็ด รวม 2 แห่งที่เพิ่มเม็ดแก้วคริสตัล 3772 เม็ดเฉลี่ยเม็ดละ 15 บาท = 56,580.- บาท กิ๊บโบว์จำนวน 3772 กิ๊บ@ 2 บาท = 7,544.- บาท ห่วงลวด 220 ห่วง@ 1 บาท = 220.- บาท รวมแล้วต้องเพิ่มเฉพาะวัสดุอุปกรณ์เป็นเงิน 64,344.- บาท ( หกหมื่นสี่พันสามร้อยสี่สิบสี่บาท ) +ไม่เกิน 10% - ไม่เกิน 30%

สรุปว่า หากทำแบบ full size ต้องซื้อเม็ดแก้วและกิ๊บกับห่วงเพิ่มเป็นเงินอย่างน้อย 45,000.- บาท อย่างมาก 65,000.- บาท

 

ขออภัยคำนวนราคาผิดพลาดเพราะเนื่องจากคิดว่าเม็ดแก้ว octagon ขนาดเล็กที่สุด 12 มม. ใหญ่ที่สุดคือ 24 มม. จึงทำให้ค่าเฉลี่ยนราคาผิดพลาดไปมาก เมื่อนำเส้นเม็ดแก้วคริสตัลมาดู ปรากฏว่า เม็ดเล็กสุดเป็นขนาด 12 มม. จำนวน 5 เม็ด ต่อมาเป็น 14 มม. จำนวน 7 เม็ด และใหญ่สุดเป็นขนาด 16 มม. จำนวน 7 เม็ด ( นำรายการที่ 5 ออกมาดู ) ดังนั้นค่าเฉลี่ยราคาจะต้องลดลงเหลือแค่ประมาณ 4.50 บาท

ขออภัย ขอแก้ไขเป็นดังนี้
หมายเหตุ
หากเลือกรุ่นแบบ full size ค่าเม็ดแก้วคริสตัลที่ผ้าม่านชั้นกลางกับชั้นล่างนี้ มีเส้นผ่าศูนย์กลางเป็นวงกลม 1 เมตร ผ้าม่านเม็ดแก้วสูงและยาว 1 ฟุตเศษต่อเส้น รวมแล้วต้องใช้เม็ดแก้ว 168 เส้นคูณด้วยเส้นละประมาณ 18 เม็ด = 3024 เม็ด และแก้วครอบมงกุฏที่สูงขึ้นฟุตกับนิด ๆ ใช้เม็ดแก้วเพิ่มอีก 44 เส้นคูณด้วยเส้นละประมาณ 17 เม็ด = 748 เม็ด รวม 2 แห่งที่เพิ่มเม็ดแก้วคริสตัล 3772 เม็ดเฉลี่ยเม็ดละ 4.50 บาท = 16,974.- บาท กิ๊บโบว์จำนวน 3772 กิ๊บ@ 2 บาท = 7,544.- บาท ห่วงลวด 220 ห่วง@ 1 บาท = 220.- บาท รวมแล้วต้องเพิ่มเฉพาะวัสดุอุปกรณ์เป็นเงิน 24,738.- บาท ( สองหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยสามสิบแปดบาท ) +ไม่เกิน 20% - ไม่เกิน 30%

สรุปว่า หากทำแบบ full size ต้องซื้อเม็ดแก้วและกิ๊บกับห่วงเพิ่มเป็นเงินอย่างน้อย 17,500.- บาท อย่างมาก 30,000.- บาท

<!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- edit note -->

<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>

 

คราวนี้มาดูว่า ถ้าทำแบบ half size ก่อนอื่นคือระยะความสูงของแก้วครอบมงกุฏจะเท่าเดิมคือ 70 ซม. ผ้าม่านชั้นบนกับชั้นกลางเรานำรายการที่ 5 ใน packing list ออกมาใช้จำนวน 112 เส้น เส้นละ 19 เม็ด มีรายละเอียดดังนี้ ใช้เม็ด 12 มม. 5 เม็ดมาหั่นออกเหลือ 2 เม็ด ( นำ 12 มม. 3 เม็ดไปใช้ผ้าม่านล่าง ) ใช้เม็ด 14 มม. 7 เม็ดมาหั่นออกเหลือ 3 เม็ด ( นำ 14 มม. 4 เม็ดไปใช้ผ้าม่านล่าง ) ใช้เม็ด 16 มม. 7 เม็ดมาหั่นออกเหลือ 3 เม็ด ( นำ 16 มม. 4 เม็ดไปใช้ผ้าม่านล่าง )

แต่เนื่องจากผ้าม่านล่างคือชั้นกลางกับชั้นล่างมี 168 เส้น หักที่นำของรายการที่ 5 มาใช้ 112 เส้น จึงต้องเพิ่ม 56 เส้น แต่ละเส้นประกอบด้วย 12 มม. 3 เม็ด เม็ดละ 3 บาท 14 มม. 4 เม็ด เม็ดละ 4 บาท เม็ด 16 มม. 4 เม็ด เม็ดละ 5 บาท รวมเป็นเส้นละ 45.- บาท กิ๊บโบว์ 10 ตัว 20.- บาท ลวด 2 ตัว 2.- บาท รวมเส้นละ 67.- บาทคูณด้วย 56 เส้น 3,752.- บาท

สรุปว่า หากทำแบบ half size ต้องซื้อเม็ดแก้วและกิ๊บกับห่วงเพิ่มเป็นเงินอย่างน้อย 3,000.- บาท อย่างมาก 4,500.- บาท

 

บันทึก
เรื่องโรงงานชุบทองเคที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย
จากการให้คำปรึกษางานฉัตรทองแดงชุบทองคำ ๙ ชั้นของวัดที่สุพรรณบุรี เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.0 เมตรสูง 3.0 เมตร ได้รับการยืนยันจากเพื่อนผมท่านหนึ่งคือแพรนดาเจเวลรี่ว่า โรงงานแจ๊คสัน พุทธมณฑลสาย ๕ เป็นโรงงานชุบทองเคที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งและใหญ่ที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ มีความสามารถชุบทอง gold electro plating ทั้งแบบโลหะและอโลหะ จะเคลือบหรือไม่เคลือบผิวด้วย anti tarnishing ด้วยการชุบไฟฟ้า หรือจะใช้วิธีพ่นก็ได้ ต่อมามีการคิดจะเปลี่ยนโรงชุบ เพื่อนผมเตือนว่า งานระดับใหญ่ ๆ อย่างนี้ หาโรงชุบที่ไว้ใจในผลงานได้เหมือนแจ๊คสันนี้น้อยนัก จึงขอบันทึกไว้เพื่อ หากมีงานชุบในภายหลังจะได้ระลึกถึงโรงชุบแจ๊คสันครับ

 

โหลดภาพโคมดวงเอกแบบ full size ประกอบพร้อมเม็ดแก้วเพื่อดูระยะห่างของชั้นเชิงเทียนในรุ่นฟูลไซ้ส์

 

โหลดต่อ

 

โหลดชุดรองท้าย

 

ชุดสุดท้าย

 

หลงไปภาพนึง

 

บันทึกความคิดเห็นส่วนตัว

ได้ประกอบตัวโครงเรือนโลหะ และได้นำเม็ดแก้วคริสตัลมาร้อย พร้อมกับได้ใส่จานแก้วเชิงเทียน ใส่ปลอกแท่งเทียน และหมุนหลอดจำปาปลายบิดสีใส ครบทุกองค์ประกอบเพื่อจำลองภาพที่จะเกิดขึ้นจริงในทุกมิติ ได้ถ่ายภาพไว้จำนวนหนึ่งและโพสต์ไว้ให้คุณณรงค์และทุก ๆ ท่านได้ช่วยกันพินิจพิจารณา

จากความคิดเห็นส่วนตัว คิดว่า เชิงเทียนชุดนี้มีองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบที่สุดในรูปแบบ full size คือมีความสวยสมบูรณ์ทั้งสวยผาดและสวยพิศ จะดูผ่าน ๆ ก็สวยจับใจ ยิ่งดูพิศก็ดูถูกใจไปหมดทุกมุม เมื่อพิจารณาว่าหากโคมดวงเอกนี้ถูกยกลอยขึ้นไปในอากาศสูงกว่าคนเมื่อใด มุมมองจะกลายเป็นว่า สิ่งที่เห็นว่าชั้นเชิงเทียนห่างนั้น จะกลายเป็นเหลื่อมไปในตัว การเหลื่อมในระดับนี้ไม่ดูกระจุกตัวหากสถานที่ค่อนข้างโอ่โถงใหญ่โต หรือจะกล่าวให้ถูก คือ เหมาะสมกับสถานที่ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่โต

ผมเห็นว่า full size เหมาะสมกว่าแบบ half size ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทดลองประกอบแบบ half size และบอกได้ทันทีที่ประกอบทุกอย่างทุกองค์ประกอบครบ บอกได้เลยว่า ไม่มีความจำเป็นต้องทดลองประกอบแบบ half size เพราะการเหลื่อมมากของแบบ half size อาจกลายเป็นการทำให้เกิดการกระจุกตัวของการเหลื่อมก้านเชิงเทียนมากเกินไป

หมายเหตุ
แต่ถ้าคุณณรงค์หรือท่านใดต้องการให้ทดลองแบบ half size ผมก็จะทำให้ครับ เพียงแต่ความคิดเห็นส่วนตัวว่า full size นี้สวยและเหมาะสมเพราะภูมิฐานจากการไม่กระจุกตัวเกินไป เป็นการวางองค์ประกอบที่ดีที่สุดแล้ว

การตัดสินใจของผู้ร่วมทำบุญทุกท่าน ผมขอยกให้คุณณรงค์เป็นผู้ตัดสินใจนะครับ และผมยินดีรับคำตัดสินใจของคุณณรงค์ถือเป็นที่สุดด้วยความยินดี

เรื่องเงินร่วมทำบุญในส่วนที่ยังขาดของขนาดแบบ full size น่าจะรอคอยกันได้ เพราะผมเชื่อว่า เราคงได้ผู้ร่วมน้อมถวายประทีปโคมไฟดวงเอกนี้แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมถึงองค์ปัจจุบันอย่างแน่นอนที่สุด

 

ขออภัยที่ผมต้องขอคำตอบจากคุณณรงค์ค่อยข้างด่วนนิดนึงครับ ว่าจะให้ทำอย่างไรต่อไป เพราะกล่องเปล่าที่ผมอัดแน่นไว้ด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ชนิดแข็งปั๋ง พร้อมทั้งเส้นที่ผมดึงรั้งป้องกันการเอียงของโคมเนื่องจากน้ำหนักเม็ดแก้วเพียงแค่ 2 ก้านเชิงเทียนนั้นหนักมาก ทำให้กล่องกระดาษอาจยุบตัวในเวลาเพียง 2 วัน ( ถึงแม้ผมจะแน่ใจว่าอัดไว้แน่นมากแล้วและรัดไว้ด้วยเทปใสหลายชั้นก็ตาม ) หากคุณณรงค์ต้องการให้ผมประกอบขยายแนวกว้างจาก 2 ก้านเชิงเทียนเป็น กี่ ก้านเชิงเทียนช่วยแจ้งด้วย 2 ก้านนี้ใช้เวลาประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง โคมดวงเอกที่เห็นเฉพาะในรูปมีความสูง 220 ซม. ชั้นล่างที่ยังไม่ได้ประกอบเข้าไปอีก 2 ชั้นประมาณ 30-40 ซม. โคมส่องลูกแก้วจักรพรรดิ์พญานาคราชอีกประมาณ 15 ซม. ตัวลูกแก้วเองอีก 16 ซม. รวมแล้วโคมดวงเอกนี้จะมีความสูง 2.90 - 3.10 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.50 เมตร หลอดไฟรวมแล้ว 100 หลอด ( ในกรณีไม่ตัดออกเลย ) จัดได้ว่าเป็นโคมไฟชุดที่เข้าระดับถึงที่สุดในหลาย ๆ ด้านของประเทศไทยดวงหนึ่งเลยทีเดียวครับ

ขั้วไฟกระเบื้องที่ดีและทนที่สุดในโลก
ขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาวัดทั่ว ๆ ไปในประเทศไทย
จำนวนหลอดมากที่สุดในประเทศไทย
มีผู้ร่วมบุญและมีผู้ศรัทธาติดตามความเคลื่อนไหวมากที่สุดในประเทศไทย
และอื่น ๆ อีกมาก

หมายเหตุ
อย่าเกรงใจผมนะครับ
บอกมาคำเดียว จะให้ขยายแนวกว้างออกไปอีกกี่ก้านเชิงเทียนผมจะได้ไม่ถอดออก
แต่จะหนุนกล่องให้แน่นและมากขึ้นพร้อมกับขยายแนวกว้างออกไปตามคำสั่งคุณณรงค์
หากทว่าคุณณรงค์จินตนาการออกแล้ว ผมก็ไม่ต้องเหนื่อยมากจะได้ถอดเก็บเข้ากล่องครับ