เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ฆราวาสผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สมถะ, 27 มิถุนายน 2008.

แท็ก: เพิ่มแท็ก

หน้า 2 ของ 4

Saint Telwada สมาชิก

วันที่สมัครสมาชิก:

24 เมษายน 2008

โพสต์:

131

ค่าพลัง:

+5
Saint Telwada said: ↑

ตอบ..คุณสมถะ
ข้าพเจ้าอยากจะถามคุณว่า คุณบรรลุนิพพานแล้วหรือ จึงได้กล่าวเป็นตุเป็นตะว่า ถ้าบรรลุอรหันต์ แล้วไม่บวชจะต้องตายและนิพพาน
คุณมั่วมาก ด้วยความไม่รู้จริงไม่รู้แจ้ง คุณยังเขียนได้ว่า นิพพานเป็นความตาย 1 ละนะ

ข้าพเจ้าเอง ก็บวชเรียนมา ทั้งบวชเป็นสามเณร ทั้งอุปสมบท เป็นพระภิกษุสงฆ์ ชีวิตช่วงหนึ่งของข้าพเจ้า เติบโตอาศัยข้าวก้นบาตร อาศัยวัดเป็นที่หลับนอน เรียนหนังสือ ข้าพเจัาจึงไม่อยากจะกล่าวอะไรให้มากความนัก
ข้าพเจ้าอยากจะถามคุณผู้ใช้ชื่อว่า สมถะ
ถ้าข้าพเจ้าบรรลุอรหันต์ ก็เพราะลาสิกขาจากการเป็นพระสงฆ์ เพราะการอยุ่ในสมณเพศ ไม่สะดวก ไม่มีประสบการณ์ความรู้ จึงทำให้ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ คุณคิดว่าจริงหรือไม่ หรือว่าต้องให้พิสูจน์ว่า เป็นสมณเพศนั้น ไม่มีทางหลุดพ้นจากกิเลได้เลย ถ้ายังหลงงมงายอยู่กับอวิชชา คือความไม่รู้จักว่า
ทุกข์ คือ อะไร
อะไรคือเหตุแห่งทุกข์นั้น
อะไรคือเหตุที่ทำให้ถึงความดับทุกข์นั้น
อะไรคือหนทางแห่งความดับทุกข์นั้น

ความคิดของคุณที่ว่า การบวชเป็นเพศที่เหมาะแก่การดำรงขันธ์ของผู้บรรลุอรหันต์ ก็ไม่ถูกต้อง เพราะการปฏิบัติ ไม่ว่าจะครองเรือนอยู่ในสถานะใดใด ถ้าคุณหรือใครก็ตามยังคงครองเรือนเป็นมนุษย์ ย่อมสามารถปฏิบัติธรรม และสามารถบรรลุธรรมได้ โดยที่ไม่ต้องบวชเลยก็ได้
และยังเป็นการดีต่อสภาพสภาวะจิตใจของบุคคลผู้นั้น เพราะการไม่บวชนั้น สามารถรู้จักวิธี เทคนิคและมีความชำนาญในการขจัดอาสวะแห่งกิเลส จิตใจเข็มแข็งต่อความไม่ดี(ตามค่านิยมของสังคม)
แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ห้ามหรือยุยงมิให้ไม่บวชนะ เพราะการบวชเรียน ของคนไทย เป็นวัฒนธรรมประเพณี
ที่ได้อธิบายไป ก็เพียงเพื่อทำให้คุณและท่านทั้งหลายได้เกิดความเข้าใจไว้ว่า ตราบใดที่ท่านท้ังหลายครองเรือนเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะสมมุติใดใด ล้วนสามารถปฏิบัติธรรม บรรลุธรรม ตั้งแต่ชั้น โสดาบัน ไปจนถึงชั้นนิพพานได้ อย่างแน่นอน โดยไม่มีข้อแม้หรือข้อจำกัดใดใด
หากผู้ใดกล่าวนอกเหนือจากที่ขัาพเจ้าได้กล่าวไป จงรุ้เอาไว้ว่า เขาจัดอยู่ในประเภท หลอกลวงผู้เหลือให้หลงเชื่อในทางที่ไม่ถูกไม่ควร
Click to expand...

ชัดเจนอยู่แล้วขอรับ คุณผู้ใช้ชื่อว่าสมถะ
คุณตอบคำถามข้างต้นซะก่อนเถอะขอรับ
เรื่องอื่น คุณไม่รู้อะไรเลยดอกขอรับ คุณเขียนตามความเข้าใจของคุณ
แต่ข้าพเจ้าเขียนตามประสบการณ์จริงของข้าพเจ้าขอรับ
หรือว่า คุณอยากจะพิสูจน์ไหมว่า สิ่งที่ข้าพเจ้ากล่าวไปทั้งหมดนั้น จริงหรือว่าไม่จริง
(ต้องขออภัยต่อทุกท่านเอาไว้ ณ.ที่นี้ด้วย ที่ข้าพเจ้ามักจะต้องท้าพวกคนที่ชอบทำให้ศาสนาเสื่อมโทรม โดยเขามักจะอ้างว่า เอามาจากพระไตรปิฏก มันต้องดูต้องคิด ต้องพิจารณาซิขอรับ ว่า อันไหนควร อันไหนไม่ควร อันไหนที่มันคนละยุค คนละสมัย ก็อย่านำมาซิขอรับ หัดใช้ความฉลาดซะบ้างเถอะท่านทั้งหลาย)
Saint Telwada, 1 กรกฎาคม 2008

#21
สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

19 มกราคม 2006

โพสต์:

1,091

ค่าพลัง:

+972
อืม...คุณธรรมของคุณเทวดาผมเห็นแล้ว มีแค่นี้เองนะขอรับ

คุณเทวดาขอรับเชิญเถิดขอรับ อัตโนมติของท่านเชิญท่านเถิด ท่านจะคิดอย่างไรกระผมไม่ก้าวล่วงนะขอรับ แต่ขอร้องว่าอย่าเอาความเชื่อออกหน้า ขอให้เอาความรู้ที่ถูกต้องออกหน้าเถิด...ขอรับ

ถ้าท่านเห็นแย้งกับผม กระผมรับทราบ...ขอรับ แต่ก็คงไม่จำเป็นที่เราต้องมานั่งทะเลาะเอาเป็นเอาตายกันนะขอรับ ขออย่าได้ถือมานะทิฏฐิใดๆ ต่อกันเลยขอรับ เชิญท่านตามสบายด้วยทิฏฐิของท่านเถิด กระผมขอนำเสนอความรู้ตามปกติของกระผมนะขอรับ หวังว่าเราคงไม่ต้องเจอะเจอกันอีกนะขอรับ

ขอบคุณขอรับ

สมถะ, 2 กรกฎาคม 2008

#22
- ถูกใจ x 1
- ดูรายการ
Saint Telwada สมาชิก

วันที่สมัครสมาชิก:

24 เมษายน 2008

โพสต์:

131

ค่าพลัง:

+5

คุณผู้ใช้ชื่อว่า "สมถะ" ถ้าข้าพเจ้าวิเคราะห์ตามที่คุณเขียนมา ว่า หลักธรรมศรีอาริย์ นั้นมีเพียง 8 ข้อ แล้วคุณว่า หลักธรรมในศาสนาที่คุณนับถืออยู่มีกี่ข้อกันละคุณ.......
หลักธรรมศรีอาริย์ 8 ข้อ ถ้าพิจารณา ก็สามารถพิจารณาได้ไม่รู้จักจบ คิดได้ไม่รู้จบ
อีกประการหนึ่ง คุณต้องทำความเข้าใจไว้ว่า ข้่าพเจ้าไม่มีความเห็นแย้งกับคุณ เพราะข้าพเจ้าไม่มีความเห็น
ความเห็น ไม่ใช่ธรรมชาติของมนุษย์ แต่ความเห็น เป็นศัพท์สมมุติ บัญญัติ
ที่บัญญัติ เรียก ความคิดสุดท้าย ของการคิดในเรื่องใดใด ดังนั้น คำว่า "ความเห็น" ก็คือ"ความคิด"
หรือถ้าจะกล่าวให้เข้าใจง่ายขึ้น คำว่า ความเห็น เป็นภาษาพูด ที่แสดงถึง ความคิดของตนเองและผู้อื่น หมายความว่าถ้าบุคคลใด กล่าวความคิดออกมาเป็นเสียง เป็นวาจา เขาเรียกว่า ความเห็น ดังนั้น คำว่า ความเห็นจึงไม่ใช่ ธรรมชาติของมนุษย์(เฉพาะศัพท์ภาษา)
แล้วถ้าคุณยังสงสัยว่า หลักธรรมศรีอาริย์ มีเพียง 8 ข้อ ทำไมจึงสามารถพิจารณาสร้าง เป็น "ญาณ อันนับเข้าในวิปัสสนา ได้ไม่รู้จบ" ก็อ่านตัวอย่างข้างล่างนี้
และดีแล้วที่คุณไม่อยากพบข้าพเจ้า เพราะถ้าคุณพบข้าพเจ้า คุณก็ต้องตกใจ งุนงง ว่าในยุคสมัยวิทยาศาสตร์ และยุคสมัยเทคโนโลยี่ก้าวหน้า จะมีบุคคลผู้สามารถปฏิบัติธรรมจนสามารถบรรลุธรรมชั้นอริยะบุคคคได้ (อันนี้ต้องเห็นด้วยตาจึงจะรู้ และนี้เป็นเพียงคำบอก เท่านั้น)

เชิญอ่าน เทคนิคหรือวิธีการใช้ หลักธรรมศรีอาริย์ ทั้ง 8 ข้อ จะได้รู้ว่า ทำไม หลักธรรมนี้ จึงสามารถสร้างเป็น"ญาณ อันนับเข้าในวิปัสสนาได้อย่างไร" และสามารถทำให้บุคคลขจัดอาสวะแห่งกิเลสได้อย่างไร"

<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 12"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 12"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CUsers%5CTelwada%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CUsers%5CTelwada%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CUsers%5CTelwada%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><style>  </style> [FONT=&quot]ศาสนาช่วยอะไรได้บ้าง ในยุค เศรษฐกิจฝืดเคือง น้ำมันแพง เครื่องอุปโภค บริโภคราคาแพง โดยเฉพาะศาสนาพุทธ [/FONT]
<o> </o>
[FONT=&quot]ในที่นี้จะไม่กล่าวถึงคนในศาสนาอื่นๆ เพราะทุกคนรู้เห็น และทราบกันดี ถึงความอยากชนะ ซึ่งกันและกัน ด้วยความโลภ ด้วยความแค้น อันไม่สามารถกล่าวถึงได้ เพราะมันจะเป็นการให้ร้ายศาสนาอื่นๆ [/FONT]
<o> </o>
[FONT=&quot]ดังนั้น จึงจะกล่าวถึงเฉพาะ ศาสนาพุทธ และบุคคลที่นับถือศาสนาพุทธ ทั้งหลาย ว่า หลักธรรมทางศาสนาพุทธ ช่วยอะไรประชาชนคนทั้งหลาย ได้บ้าง[/FONT]
<o> </o>
[FONT=&quot]ถ้าทุกคนที่เป็นคนไทย รุ้จักใช้ธรรมะทางศาสนา มาเป็นเครื่องเป็นปัจจัย เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เป็นแนวทางในการปฏิสัมพันธ์ สังคมเป็นอยู่ร่วมกัน ประชาชนคนไทยทั้งหลายล้วนต้องอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขไม่เดือดร้อน[/FONT]
<o> </o>
[FONT=&quot]แล้วเพราะอะไรหรือ บ้านเมืองถึงระส่ำระสาย ไปทุกหย่อมหญ้า สาเหตุก็เพราะหลักธรรมศาสนา ไม่สามารถจรรโลงใจ ไม่สามารถทำให้เขาเหล่านั้นเห็นดีเห็นงามไปกลับหลักธรรมทางศาสนาทำให้จิตใจมีแต่ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ไม่ได้มีความสามัคคีปรองดอง กัน ตั้งแต่ระดับ การเมืองการปกครอง จนถึงระดับรากหญ้า[/FONT]
<o> </o>
[FONT=&quot]ถ้าเป็นสมัยโบราณ ข้าศึก หรือฝ่ายตรงกันข้าม ย่อมถือเป็นนิมิตหมายที่จะบุกเข้าโจมตีทำลายบ้านเมืองได้โดยง่ายดาย[/FONT]
[FONT=&quot]คณะรัฐบาล ก็มัวหวง และห่วง เก้าอี้ตัวเอง เพราะรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ค่อยมีความยุติธรรมเท่าที่ควรกับพวกเขาเหล่านักการเมืองทั้งหลาย จนพวกเขาแทบไม่ได้สนใจหรือใส่ใจ หรือ สนใจน้อยมาก โดยถือสาเหตุว่า มาจากปัจจัยภายนอก อันได้แก่น้ำมัน ซึ่งในทางที่เป็นจริงแล้ว น้ำมันนั้น เป็นเพียงปัจจัย เล็กๆ ที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ในการผลิตสินค้า และประกอบการต่างๆ [/FONT]
[FONT=&quot]หลักธรรมทางศาสนา ที่สามารถช่วยทำให้บุคคลรู้จักใช้สมองสติปัญญาช่วยเหลือ หรือแบ่งเบา สภาพจิตใจ สภาพความเป็นอยู่อันขัดสนในยุคนี้ มีอยู่หลายข้อหลายอย่าง อันสามารถทำให้บุคคลทุกระดับทุกชนชั้น มีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น เข้าใจ และรู้จักเอาใจใส่ต่อตนเอง และคนรอบข้างได้เป็นอย่างดียิ่งในยุคสมัยนี้ ก็คือ[/FONT]
[FONT=&quot]ทุกคน ควรได้มองดูตัวเองว่า ตัวเองนั้น [/FONT]
<o> </o>
[FONT=&quot]ครองเรือน[/FONT][FONT=&quot] อันได้แก่ บทบาท และหน้าที่ ของแต่ละบุคคลคือ อะไร สามารถที่จะให้[/FONT][FONT=&quot]ทาน[/FONT][FONT=&quot] คือช่วยเหลือ หรือสร้างนโยบาย หรือจำกัด ราคาสินค้า หรือ ตรึงราคาสินค้า ลดราคาสินค้า หรือ เอากำไรพอควร ในกิจการต่างๆ[/FONT]
<o> </o>
[FONT=&quot]การที่บุคคลรู้และ[/FONT][FONT=&quot]ระลึกนึกถึง[/FONT][FONT=&quot]ได้อยู่เสมอถึง บทบาท และมี[/FONT][FONT=&quot]ความคิด[/FONT][FONT=&quot]ในหน้าที่ ในกิจการเกี่ยวกับหน้าที่ ซึ่งล้วนย่อมเกิดจาก การครองเรือน หรือรู้จักใช้บทบาท และหน้าที่นั้น สร้างสรรค์ นโยบาย จำกัด ราคา หรือ ตรึงราคาสินค้า ลดราคาสินค้า หรือเอากำไรพอควร ในกิจการต่างๆ ซึ่งก็ล้วนขี้นอยู่กับ [/FONT][FONT=&quot]อาชีพต่างๆ(สรรพอาชีพ)[/FONT][FONT=&quot] ที่บุคคล ดำเนินการ หรือประกอบกิจการนั้นๆอยู่ อีกทั้ง บุคคลผู้ระลึก นึกถึง และคิดพิจารณา สภาพการครองเรือนของตน รวมไปถึงหน้าที่ของตน ล้วนย่อม [/FONT][FONT=&quot]ประพฤติ ปฏิบัติ[/FONT][FONT=&quot] ไปตาม [/FONT][FONT=&quot]จรรยาแห่งอาชีพต่างๆ [/FONT][FONT=&quot]เหล่านั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และหมู่คณะ อันหมายถึงครอบครัว ห้างร้าน บริษัท จนไปถึง ระดับประเทศชาติบ้านเมือง การประพฤติ ปฏิบัติ ไปตามจรรยา ของอาชีพต่างๆเหล่านั้น ล้วนย่อมเกิดจาก[/FONT][FONT=&quot]การรู้คุณ เกิดจากการเจรจา หรือติดต่อสื่อสาร[/FONT][FONT=&quot] อันหมายถึง ความรู้ประสบการณ์ ที่ได้รับการขัดเกลา ได้ร่ำเรียน ศึกษา ย่อมแสดงให้เห็น ย่อมแสดงให้รู้ถึงสภาพสภาวะจิตใจอันมี สติสัมปชัญญะ มีธรรมะ คือ ความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อันได้ชื่อว่า เป็นธรรมแห่งพรหม ซึ่งแสดงถึงความเป็นพุทธศาสนิกชน ที่มีธรรมแห่งศาสนาอยู่ในจิตใจและความคิด[/FONT]
<o> </o>
[FONT=&quot]เมื่อบุคคล รู้ และระลึกได้ถึงการครองเรือน หรือรู้และระลึกได้ ถึงบทบาท หน้าที่ของตนเอง รู้จักคิดพิจารณา สร้างสรรค์ ไปตามจรรยาแห่งสรรพอาชีพ ที่ประพฤติปฏิบัติอยู่ ทำให้เกิดรู้คุณ รู้เจรจา หรือการติดต่อสื่อสาร หรือ ได้รับการขัดเกลา ได้รับจากประสบการณ์ ได้รับจากการศึกษา และเรียนรู้ จากการเจรจา รู้คุณ จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ อีกทั้งยังหมายรวมไปถึงผู้อื่น นั่นก็ย่อมหมายถึง ความสามารถ ในการที่จะบริหารงานใดใด กิจการใดใด ให้สำเร็จลุล่วง โดยมิได้ก่อความเดือดร้อนใดใดให้กับผู้อื่น [/FONT]
[FONT=&quot]ความเดือดร้อน ของประชาชน นั้น ย่อมเกิดจากความเป็นห่วง วิตก วิจาร เกรง จะไม่มีเงินพอใช้จ่าย ค่าขนมลูก ค่าเล่าเรียนลูก ค่าอาหารกลางวัน ค่ารถในแต่ละวัน และค่าเครื่องใช้อุปโภคบริโภค ในแต่ละวัน ในแต่ละเดือน ที่กล่าวไปนี้ จะเป็นความเป็นห่วง วิตก วิจาร ของประชาชนคนทั่วไปเป็นส่วนใหญ่ หรือจะกล่าวว่าทุกครัวเรือนเลยก็ว่าได้[/FONT]
[FONT=&quot]ความห่วงกังวล วิตก วิจาร ของเขาเหล่านั้น ล้วนเป็นความคิด เป็นการระลึกนึกถึง อันเกิดจาก การครองเรือน และ จิตใจที่ต้องการให้ทาน ต่อบุคคลในครอบครัว และเช่นเดียวกัน ถ้าเป็นบุคคลในคณะรัฐบาล หากมีความคิด มีการระลึกนึกถึง ตามการครองเรือน เพื่อที่จะให้ทาน นั้นก็หมายถึง การแบ่งปันทรัพยากรให้กับประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งยังหมายรวมถึง พฤติกรรม หรือการปฏิบัติตน รู้คุณ รู้เจรจา มิให้เกิดความแตกแยก ให้เกิดมีสามัคคีต่อประชาชนในประเทศ โดยมิให้ประชาชนเกิดความเดือนร้อนระส่ำระสาย ก็ย่อมแสดงให้เห็น แสดงให้รู้ถึงความเป็นผู้มีจรรยาแห่งอาชีพ เป็นผู้มีศีลธรรม ตามหลักพุทธศาสนา เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชน ในอันที่แก้ไขปัญหาต่างๆให้ลุล่วงไปด้วยดี[/FONT]
[FONT=&quot]สำหรับประชาชน คนทั้งหลายนั้น ต่างก็ล้วนมีสภาพสภาวะจิตใจ ดังที่ข้าพเจ้ากล่าวไปอยู่ทุกถ้วนหน้า แต่ก็ยังมีบุคคลบางกลุ่มบางพวก ที่ไม่สนใจในศาสนาเท่าที่ควร โดยไม่ได้ระลึกนึกถึง และไม่ได้คิดว่า หลักธรรมทางศาสนาพุทธนั้น สามารถที่จะช่วยทำให้ประเทศชาติ หลุดรอด จากปัญหาต่างๆไปได้อย่างแน่นอน [/FONT]
[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]

Saint Telwada, 3 กรกฎาคม 2008

#23
สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

19 มกราคม 2006

โพสต์:

1,091

ค่าพลัง:

+972
อืม...ที่แท้ก็จะมาประกาศลัทธิของตน นักบุญขายใบบุญไถ่บาปในคริสต์ศาสนาเขาก็ทำกันอย่างนี้ สุดท้ายศาสนาก็แตกแยกทางความคิด แต่เจ้าผีบุญท่านนนี้อิงหลักพุทธศาสนาเพราะเป็นศาสนาหลักเพื่อยังศรัทธาให้เกิดขึ้นต่อเนื่องได้ ผมพิจารณาดูแล้ว เรานับถือพระพุทธเจ้าพระสมณโคดมและปฏิบัติตามหลักธรรมที่พระองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้วน่ะถูกต้องที่สุด พวกประกาศลัทธิอื่นก็ถือว่าเป็นกาฝากกันไป ถ้าเราไม่ยกย่องเคารพพระพุทธเจ้าทั้งในอดีตและปัจจุบัน แต่ไปแอบอ้างเรื่องในอนาคตซึ่งเป็นการโฆษณาชวนเชื่อเช่นนี้ ศาสนาหลักก็ปั่นป่วนได้ ถือว่าเขาทำบาปกรรมหนักต่อพระพุทธศาสนา เหมือนดังผีบุญอื่นๆ ก่อนหน้านี้นั่นเอง

ลัทธิผีบุญเขาก็อ้างกันอย่างนี้ สุดท้ายราชการบ้านเมืองก็ต้องออกปราบปราม เพราะเจ้าลัทธิยกตนเป็นศาสดาเทียบพระพุทธเจ้า เป็นผีบุญหลอกคนให้หลงในคำลวง พาคนเข้ารกเข้าพงษ์ได้ สร้างความเดือดร้อนไปทุกที่

คนที่สร้างเรื่องหลอกแม้กระทั่งตนเองได้ มีหรือจะไม่หลอกคนอื่นได้ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันยังทรงศาสนาอยู่ พวกผีบุญกาฝากนอกศาสนาก็มาหลอกคนให้หลงพาคนสู่ด้านมืดอย่างนี้เห็นมาตลอดในหน้าประวัติศาสตร์

ขอให้จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด...อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ไปสู่ที่ชอบที่ชอบเถิด สวรรค์ก็ไปไม่ได้ นิพพานก็ไปไม่ได้ จะไปไหนได้ ที่เหลือก็คิดเอาเองเถิด...

สมถะ, 4 กรกฎาคม 2008

#24
- ถูกใจ x 2
- ดูรายการ
Saint Telwada สมาชิก

วันที่สมัครสมาชิก:

24 เมษายน 2008

โพสต์:

131

ค่าพลัง:

+5

สิ่งที่คุณผู้ใช้ชื่อว่า "สมถะ" กล่าวมานั้น คุณรู้หรือไม่ว่า เป็นความคิด หรือว่าความเห็น คุณลองตอบมาซิ
ถามอะไร ไม่ยอมตอบ มีแต่ทำเป็นวางฟอร์ม เขียนเสือให้วัวกลัว

ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณคิดว่า ข้าพเจ้าประกาศลัทธิอย่างนั้นหรือ คุณเอาสมองส่วนไหนคิดกันละคุณ
ลัทธิ เป็นอย่างไร หรือ
แล้ว ไม่ใช่ลัทธิ เป็นอย่างไรหรือ

ข้าพเจ้าเคยกล่าวไว้ว่า ศาสนาศรีอาริย์ เป็นศาสนาแห่งหลักความจริง ใครจะนับถือ หรือไม่นับถือ ก็ไม่มีวันหลีกพ้น หลักธรรมศรีอาริย์ไปได้
ไม่ว่าจะอยู่ในศาสนาไหน เชื้อชาติไหน หรืออยู่ ณ. แห่งหนตำบลใด ไม่ใช่เฉพาะในโลก ทั่วทั้งจักรวาลนี้ ย่อมไม่มีทางหลีกพ้น หลักธรรมศรีอาริย์ แม้แต่ธุลีอากาศยังไม่สามารถหลีกพ้น

ที่กล่าวไปข้างต้น คือ ศาสนา ที่แท้จริง ละคุณ

คุณไม่ต้องสนใจหรือเขียนแบบเขียนเสือให้วัวกลัวดอกนะ เพราะผู้ที่จะปราบปรามลัทธินั้น ไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นข้าพเจ้านี้แหละที่จะปราบปราม และขณะนี้ ก็กำลังปราบปรามคุณผู้ใช้ชื่อว่า "สมถะ"อยู่
เพราะคุณเป็นมนุษย์ประเภท รู้เท่าไม่ถึงกาล อาจจะคิดทำลายศาสนาโดยเอาข้อความที่ไม่ควรกล่าวถึงมากล่าว เป็นการหลอกลวงผู้อื่นให้เกิดความเข้าใจผิด และหลงผิด ถ้าจะคิดให้ลึกลงไปแล้วคุณมีเจตนาที่จะประจาน ข้อผิดพลาดของการบันทึกในศาสนา เป็นการทำลายศาสนาอย่างจงใจ
เพราะคุณพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีจริง เป็นจริง ตามที่คุณกล่าวว่า "ถ้าบรรลุอรหันต์แล้ว ไม่บวช ภายในเจ็ดวัน จะต้องตาย"
อีกทั้งเมื่อถามคุณว่า "คุณปฏิบัติธรรมสำเร็จชั้นอรหันต์ หรือสำเร็จในชั้นอริยะชั้นใด คุณจึงได้รู้ และกล่าวอย่างนั้นคุณกลับไม่ตอบ" แสดงให้เห็นว่า คุณมีเจตนาที่จะทำลายศาสนาอย่างเห็นได้ชัด

ไหนคุณลองตอบมาซิว่า ใจเมื่อคุณปฏิบัติธรรมไม่ได้สำเร็จ แล้วคุณรู้ได้อย่างไร สามารถพิสูจน์ได้ไหม ดังที่คุณกล่าวว่า
"ถ้าบรรลุอรหันต์แล้ว ไม่บวช ภายในเจ็ดวัน จะต้องตาย"
คุณพิสูจน์ได้ไหม ต้องตอบ ถ้าไม่ตอบ ต่อไป ก็อย่าสะเออะ นำเอาคำกล่าวที่ไม่บังควรกล่าวอันทำให้เกิดความหลงผิด และเข้าใจผิด
(หมายเหตุ) คุณอย่าอ้างว่า เอามาจากพระไตรปิฎก นะ เพราะถึงจะมีในพระไตรปิฎก ก็เป็นเพียง เรื่องเล่า ที่คุณไม่สามารถรู้ได้ว่ามีจริง เป็นจริงหรือไม่
และความในพระไตรปิฎก ก็มิได้มีบัญญัติไว้เป็นข้อศีล ข้อธรรม

ต่อไปก็ควรอ่านศึกษาธรรมอย่าแส่
และขอเตือนไว้ ข้าพเจ้ากล้าท้าให้พิสูจน์ตัวข้าพเจ้า อย่าทำเป็นล้อเล่น อย่าทำเป็นเขียนเสือให้วัวกลัว

ข้าพเจ้า ไม่ใช่พระอิฐ พระปูน จำเอาไว้

แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2008

Saint Telwada, 4 กรกฎาคม 2008

#25
สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

19 มกราคม 2006

โพสต์:

1,091

ค่าพลัง:

+972
หางโผล่แล้วหรือ ขอรับ โอ...ไม่ใช่ต้องโผล่ทั้งตัวเลย

อย่าหลอกตนเองเลยครับ จิตนาการของคุณมันหลุดโลกไปแล้วนะครับ

ผมไม่คิดเอาชนะคนอย่างคุณดอกครับ และไม่คิดจะอะไรกับคุณด้วย เชิญคุณหลงเพ้อไปวันๆ หนึ่งอย่างที่เป็นอยู่ไปเถิดครับ โลกแห่งจินตนาการของคุณมันอาจทำให้คุณสบายใจ สุขใจที่ได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่เหนือใครตามความคิดเพ้อของคุณเองจะพาไป

ผมเจอคนแบบเดียวกับคุณมามากมายแล้ว ใหญ่คับบ้านคับเมืองคับ ใหญ่คับโลกคับจักรวาลอย่างคุณนี่แหละ ของคุณเองอาจจะยังตัวเล็กกว่าที่ผมเจอมาอีกนะครับ พยายามกว่านี้อีกซีครับ พยายามคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่กว่านี้อีก เพราะที่พูดมานี่ยังใหญ่ไม่พอครับ คนที่คิดว่าตนเองเป็นศรีอาริยะนี่ในประเทศนี้มีหลายสิบคนแล้ว ผมว่าถ้ามีโอกาสน่าจะนัดมาเจอกันแล้วก็ประลองฤทธิ์กันทีซีว่าคนไหนนะตัวจริง ผมว่าน่าสงสารทุกตัวเลย

ตอนเด็กๆ ไม่ได้รับความรักจากคนรอบข้างหรือเปล่าครับ ตอนเด็กๆ ถูกคนรังแกแล้วสู้เขาไม่ได้หรือเปล่าครับ ตอนเด็กๆ เป็นคนที่ไม่มีใครพูดถึงหรือเปล่าครับ พอถึงตอนนี้จึงต้องโหยหาและสร้างปมเด่นเช่นนี้ขึ้นมา

อย่าแสดงอารมณ์ขุ่นออกมาเลย ท่านไม้หลักปักขี้เลนครับ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะผมทราบ เพราะคนประเภทคุณถ้าใครอ่อนให้ก็ข่มเขา ถ้าใครแข็งคุณก็ตอบโต้เขาแบบรุนแรง อย่านี้นะหรือผู้ยิ่งใหญ่ เขาเรียกว่าหลงตัวเองเพราะปมด้อยในใจนะครับ

ผมไม่ใช่จิตแพทย์แต่ผมรู้จักคนแบบคุณมามากแล้ว ผมไม่ต้องการมาแก้ไขความบกพร่องของคุณดอกครับ ผมเคยพยายามช่วยบางคนที่เป็นแบบคุณแต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยไปตามยถากรรม

เอาเป็นว่าผมยอมแพ้คุณล่ะกัน ท่านผู้ยิ่งใหญ่จงเจริญเถิด ท่านมหาศาดาเอกของโลกอนาคตจงยิ่งใหญ่พุงกางเถิด ท่านผู้วิเศษจะมาปราบยุคเข็นจงวิเศษวิเสโสยิ่งๆ ขึ้นไปเถิด ท่านจงประเสริฐมหาศาลบานตะไทเถิด

และขอท่านจงปล่อยลูกนกลูกกาอย่างกระผมไปเถิด ผมกลัวจะแปดเปื้อนจริงๆ โอขออภัยผมกลัวท่านจะแปดเปื้อนต่างหาก ให้อภัยคนบาปอย่างกระผมด้วยเถิด ท่านมหาศาสดาสตาร์วอร์ผู้เจริญ...ขอรับ

สมถะ, 5 กรกฎาคม 2008

#26
- ถูกใจ x 1
- ดูรายการ
สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

19 มกราคม 2006

โพสต์:

1,091

ค่าพลัง:

+972
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของคุณเสือเผ่นฯ นะครับ บาปกรรมจริงๆ ครับ แต่คนเรามันก็อย่างนี้แหละ รู้ว่าบาปแล้วยังทำ ก็บาปหนักซี...ขอรับ

สมถะ, 6 กรกฎาคม 2008

#27
- ถูกใจ x 1
- ดูรายการ
Saint Telwada สมาชิก

วันที่สมัครสมาชิก:

24 เมษายน 2008

โพสต์:

131

ค่าพลัง:

+5

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า จริงของคุณผู้ใช้ชื่อว่า "สมถะ" มันโผล่มาทั้งหางทั้งตัวจริงๆ
โผล่มาแสดงให้เห็นว่า ตัวคุณไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเลย แต่กลับนับถือลัทธิใดลัทธิหนึ่ง ที่สร้างความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง แถมยังสร้างสภาพสภาวะจิตใจ ความคิดอ่าน ที่ต่ำ...เอามากๆ
แค่คำถามที่ข้าพเจ้าถามคุณ คุณตอบไม่ได้สักอย่าง แต่ยังมีหน้าอวดรู้ใส่ร้ายถึงสภาพของข้าพเจัา อันเป็นการหลอกลวงผู้อื่นให้หลงเชื่อ แค่หลักความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ คุณยังไม่รู้ แล้วคุณยังมีหน้ามาอวดรู้ใส่ร้ายข้าพเจ้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ถ้าคุณเป็นผู้ศรัทธาในศาสนาใดศาสนาหนึ่งจริงแล้วละก้อ คุณย่อมเกิดความเข้าใจในข้อแสดงความคิดเห็นที่ข้าพเจัาแสดงไว้
แต่ทว่า สภาพสภาวะจิตใจของคุณ ไม่มีมีความศรัทธาในศาสนาใดใดเลย แต่ดันไปศรัทธาในลัทธิความเชื่อในลัทธิใดลัทธิหนึ่ง จึงได้ตอบและใส่ร้ายเช่นนั้น

เอ้าอ่านแล้วพิจารณาอีกครั้ง อ่านให้ดี พิจารณา ตามหลักศาสนาที่คุณนับถืออยู่นั่นแหละ
อย่าเอาสิ่งชั่วร้ายทางลัทธิที่คุณนับถือมาเป็นเครื่องมือในการหลอกลวงผู้อื่นโดยการใส่ร้าย ฮ่า ฮ่า ฮ่า

Saint Telwada said: ↑

สิ่งที่คุณผู้ใช้ชื่อว่า "สมถะ" กล่าวมานั้น คุณรู้หรือไม่ว่า เป็นความคิด หรือว่าความเห็น คุณลองตอบมาซิ
ถามอะไร ไม่ยอมตอบ มีแต่ทำเป็นวางฟอร์ม เขียนเสือให้วัวกลัว

ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณคิดว่า ข้าพเจ้าประกาศลัทธิอย่างนั้นหรือ คุณเอาสมองส่วนไหนคิดกันละคุณ
ลัทธิ เป็นอย่างไร หรือ
แล้ว ไม่ใช่ลัทธิ เป็นอย่างไรหรือ

ข้าพเจ้าเคยกล่าวไว้ว่า ศาสนาศรีอาริย์ เป็นศาสนาแห่งหลักความจริง ใครจะนับถือ หรือไม่นับถือ ก็ไม่มีวันหลีกพ้น หลักธรรมศรีอาริย์ไปได้
ไม่ว่าจะอยู่ในศาสนาไหน เชื้อชาติไหน หรืออยู่ ณ. แห่งหนตำบลใด ไม่ใช่เฉพาะในโลก ทั่วทั้งจักรวาลนี้ ย่อมไม่มีทางหลีกพ้น หลักธรรมศรีอาริย์ แม้แต่ธุลีอากาศยังไม่สามารถหลีกพ้น

ที่กล่าวไปข้างต้น คือ ศาสนา ที่แท้จริง ละคุณ

คุณไม่ต้องสนใจหรือเขียนแบบเขียนเสือให้วัวกลัวดอกนะ เพราะผู้ที่จะปราบปรามลัทธินั้น ไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นข้าพเจ้านี้แหละที่จะปราบปราม และขณะนี้ ก็กำลังปราบปรามคุณผู้ใช้ชื่อว่า "สมถะ"อยู่
เพราะคุณเป็นมนุษย์ประเภท รู้เท่าไม่ถึงกาล อาจจะคิดทำลายศาสนาโดยเอาข้อความที่ไม่ควรกล่าวถึงมากล่าว เป็นการหลอกลวงผู้อื่นให้เกิดความเข้าใจผิด และหลงผิด ถ้าจะคิดให้ลึกลงไปแล้วคุณมีเจตนาที่จะประจาน ข้อผิดพลาดของการบันทึกในศาสนา เป็นการทำลายศาสนาอย่างจงใจ
เพราะคุณพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีจริง เป็นจริง ตามที่คุณกล่าวว่า "ถ้าบรรลุอรหันต์แล้ว ไม่บวช ภายในเจ็ดวัน จะต้องตาย"
อีกทั้งเมื่อถามคุณว่า "คุณปฏิบัติธรรมสำเร็จชั้นอรหันต์ หรือสำเร็จในชั้นอริยะชั้นใด คุณจึงได้รู้ และกล่าวอย่างนั้นคุณกลับไม่ตอบ" แสดงให้เห็นว่า คุณมีเจตนาที่จะทำลายศาสนาอย่างเห็นได้ชัด

ไหนคุณลองตอบมาซิว่า ใจเมื่อคุณปฏิบัติธรรมไม่ได้สำเร็จ แล้วคุณรู้ได้อย่างไร สามารถพิสูจน์ได้ไหม ดังที่คุณกล่าวว่า
"ถ้าบรรลุอรหันต์แล้ว ไม่บวช ภายในเจ็ดวัน จะต้องตาย"
คุณพิสูจน์ได้ไหม ต้องตอบ ถ้าไม่ตอบ ต่อไป ก็อย่าสะเออะ นำเอาคำกล่าวที่ไม่บังควรกล่าวอันทำให้เกิดความหลงผิด และเข้าใจผิด
(หมายเหตุ) คุณอย่าอ้างว่า เอามาจากพระไตรปิฎก นะ เพราะถึงจะมีในพระไตรปิฎก ก็เป็นเพียง เรื่องเล่า ที่คุณไม่สามารถรู้ได้ว่ามีจริง เป็นจริงหรือไม่
และความในพระไตรปิฎก ก็มิได้มีบัญญัติไว้เป็นข้อศีล ข้อธรรม

ต่อไปก็ควรอ่านศึกษาธรรมอย่าแส่
และขอเตือนไว้ ข้าพเจ้ากล้าท้าให้พิสูจน์ตัวข้าพเจ้า อย่าทำเป็นล้อเล่น อย่าทำเป็นเขียนเสือให้วัวกลัว

ข้าพเจ้า ไม่ใช่พระอิฐ พระปูน จำเอาไว้
Click to expand...

อนึ่ง ท่านทั้งหลายอย่าได้หลงเชื่อ คำกล่าวที่ว่า "บุคคลผู้บรรลุอรหันต์ ถ้าไม่บวชจะตายภายในเจ็ดวันนั้น" เพราะมันเป็นคำหลอกลวง ทำลายศาสนาพุทธ

มันเป็นไปไม่ได้ เพราะการบวชไม่ใช่การต่ออายุ พระสงฆ์ที่บวช ตายกันเยอะแยะ ไม่เกี่ยวกันดอกขอรับ
ถามอะไร มันก็ตอบไม่ได้ ไม่มีเหตุผลอะไรสักอย่าง ฮ่า ฮ่า ฮ่า
มันไม่ใช่หลอกลวงแบบธรรมดา มันเป็นการหลอกลวงแบบทำลายศาสนาโดยตรง คนที่ไม่ทันคิด ก็มักจะหลงเชื่อพวกมัน ขอเตือนขอรับ

แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2008

Saint Telwada, 6 กรกฎาคม 2008

#28
สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

19 มกราคม 2006

โพสต์:

1,091

ค่าพลัง:

+972
ยังจะมีความพยายามอีกนะครับ คุณเทวดาท่าจะบ๊องครับ

เขาหัวร่องอหายคุณกันทั้งนั้นะครับ ถามว่าก็ดูซีครับว่าใครที่ไม่เห็นด้วยกับคุณและเห็นคุณเป็นตัวประหลาดบ้าง ดูซีครับ คุณเสือเผ่นป่าราบเขาก็มายืนยันเบื้องหลังของคุณขนาดนี้แล้ว

คุณเทวดาท่าจะบ๊องครับจะมาเอาอะไรกับผมอีกครับ จะให้ผมยอมรับนับถือคุณหรือครับ ก็คนอื่นเขายังมองคุณว่าเพี้ยน ทำไมคุณไม่รู้จักพอเสียบ้างละครับ อันที่จริงคุณหยุดเสียก็จบ จะได้ไม่ต้องเปลืองตัวมากกว่านี้ แค่นี้ชาวบ้านร้านตลาดเขาก็รู้ครับว่าคุณมันเป็นอะไรที่แปลก แปลกจริงหนอด้วยซี

พอเถิดครับผมเบื่อแหละ คุณจะไม่ได้อะไรจากผมดอกครับ ได้แต่ความรู้สึกเห็นใจ และเห็นว่าไม่จำเป็นที่คุณจะมาเอาอะไรกะผมนะครับ บอกตรงๆ เบื่อครับ

กระทู้นี้ผมว่าปล่อยไว้เฉยๆ เดี๋ยวก็ลงไปข้างล่างเอง คุณเทวดาท่าจะบ๊องไม่ต้องเข้ามาตอบก็ได้ครับ

ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมปลงต่อสัตว์โลกได้มากยิ่งขึ้น...ขอบคุณจริงๆ

***********************************************************************

สำหรับข้อมูลในกระทู้นั้นผมนำมาจาก ข้อมูลจาก : "สิ่งที่ควรทำความเข้าใจกันใหม่ เพื่อความถูกต้อง" โดย วศิน อินทสระ และอ้างจาก คิหิอรหัตตปัญหา มิลินทปัญหา ซึ่งมิได้ใช้ความเห็นของผมเอง และท่านแรกคือคุณวศินนั้นท่านเป็นปราชญ์ในพุทธศาสนาอยู่แล้ว ส่วนมิลินทปัญหาเป็นการอธิบายไขปัญหาโดยพระนาคเสนซึ่งเป็นพระอรหันต์ ถ้าใครจะพยายามเห็นแย้งก็เป็นสิทธิของคุณ แต่ผมขอเสนอให้ตอบคำถามให้ได้ก่อนดังนี้

ในสมัยพุทธกาลไม่เคยมีพระอรหันต์ที่เป็นฆราวาสเลย ถ้ามีฆราวาสบรรลุอรหันตผลก็ต้องบวชในวันนั้นมิเช่นนั้นก็จะนิพพานในวันนั้นเช่นกัน ถามว่าใครจะอ้างว่ามีพระอรหันต์ที่เป็นฆราวาสในสมัยพุทธกาลที่ครองเพศฆราวาสโดยไม่บวชบ้าง ขอให้แสดงออกมาเถิดก็จักหักล้างข้อมูลที่ผมนำเสนอได้ ที่นี้เรื่องการอธิบายว่าทำไมต้องบวชเมื่อบรรลุอรหันต์ท่านพระนาคเสนท่านอธิบายชัดเจนแล้วขอให้ย้อนกลับไปอ่านทวนดูเอาเอง

ที่นี่ถามว่าถ้าใครจะสมอ้างในยุคปัจจุบันว่าตนเป็นพระอรหันต์ในเพศฆราวาส มันจะเข้าข่ายหลงหรือหลอกลวงคนอื่นได้ไหม ท่านผู้อ่านโปรดพิจารณาด้วย ถ้าเป็นนายเทวดาท่าจะบ๊องที่คิดว่าตนเองเป็นอรหันต์ในเพศฆราวาสไปถามเด็ก 7 ขวบเด็กก็ไม่มีทางเชื่อ เพราะพฤติกรรมยังหนาด้วยกิเลสอยู่เลย แล้วถ้าจะมาอ้างว่าผมรู้ได้อย่างไร ก็รู้จากบุคคลทั้ง 2 ท่านที่ผมอ้างและจากเหตุผลที่ท่านทั้ง 2 แสดงนั่นไง ใครที่เป็นฆราวาสแล้วคิดว่าตนเองบรรลุอรหันต์น่าจะเข้าข่ายพูดจริงหรือเท็จขอให้ผู้อ่านพิจารณาเองเองเถิดครับ

แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2008

สมถะ, 6 กรกฎาคม 2008

#29
- ถูกใจ x 1
- ดูรายการ
korn1234 สมาชิก

วันที่สมัครสมาชิก:

3 มีนาคม 2009

โพสต์:

11

ค่าพลัง:

+17

การยึดเอาสิ่งภายนอกมาตัดสินว่า แต่งกายอย่างนี่น่ะเป็นพระ อย่างนี่น่ะฆราวาส แต่สมมติว่าฆราวาสผู้นั้นมีจิตเยี่ยงพระสงฆ์ แต่ไม่ได้บวชหรือครองชุดอย่างพระเท่านั้นเอง เขาต้องนิพพานภายในวันนั้นเลยหรือ? เมื่อเขาสำเร็จอรหันต์

korn1234, 7 ตุลาคม 2009

#30
visutto เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

31 ตุลาคม 2006

โพสต์:

3,541

ค่าพลัง:

+1,167

หัวข้อกระทู้ ฆราวาสผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

มันโดนใจ...เท-ว-ด๋า

visutto, 7 ตุลาคม 2009

#31
บุคคลไปทั่ว เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

23 มกราคม 2009

โพสต์:

200

ค่าพลัง:

+106
ถ้ามองในแง่คุณโทษ หลังจากบรรลุอรหันต์แล้ว บวชหรือไม่บวชนี่ ก็คงจะเป็นคุณเป็นโทษแก่บุคคลอื่นมากกว่า เพราะอรหันต์คงไม่รับในส่วนนี้แล้ว ถ้าบรรลุแล้วบวชก็จะยังประโยชน์แก่คนหมู่มาก แต่ถ้าไม่บวชยังเป็นฆาราวาสอยู่ โอกาสทีบุคคลอื่นจะล่วงเกินโดยรู้เท่าไม่ถึงกาลก็ยังมีสูง ถ้าเราลองคิดดู ความต่างของเครื่องแต่งกาย ที่คุณ คร1234 กล่าวถึง ก็ยังช่วยดึงรั้งคนที่จะล่วงละเมิด ทางกาย วาจา ใจ ได้ดีในระดับหนึ่ง เนาะ จะนิพพานในวันนั้น หรือ เจ็ดวัน ก็คงเป็นเรื่องที่คนรุ่นหลังจะกล่าวถึงกันไปอีกนาน..ว่าแมะ

บุคคลไปทั่ว, 7 ตุลาคม 2009

#32
- ถูกใจ x 2
- ดูรายการ
kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

2 ธันวาคม 2008

โพสต์:

2,878

ค่าพลัง:

+2,500
อนุโมทนาสาธุครับ หากไม่ใช่การโต้เถียงที่หาที่สุดไม่ได้ด้วยทิฏฐิมานะของปุถุชนผมไม่ร่วมตอบเพราะ...เบื่อ หากตอบเพื่อสนับทัศนะคติในด้านดีต่อผู้มีสัมมาทิฏฐิ ผมเลือกที่จะตอบว่า ข้อแตกต่างที่แท้จริงและมองเห็นได้ง่ายที่สุดคือ ความมีเมตตา ที่มีต่อเหล่าสัตว์ทั้งหลาย ไม่พูดถึงเรื่องความยิ่งใหญ่แห่งบุญบารมีหรอกที่ว่ากายสังขารปุถุชนจะรับไม่ไหว หรือว่าเพราะกลัวว่าปุถุชนคนธรรมดาจะก้าวล่วงเพราะความไม่รู้จึงต้องบวช ที่จริงแล้วเรื่องอย่างนี้ผู้ปฏิบัติทั้งหลายทราบดีว่าหากใครก็ตามที่เข้าถึงธรรมหรือบรรลุธรรมขั้นต่างๆแม้จะยังไม่ถึงอรหัตผลก็ดี ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้ที่ทำลงไปย่อมทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนได้ เพราะความไม่รู้ของเขาเหล่านั้น แต่ความจริงผู้บรรลุคุณธรรมขั้นสูงสุดของบวรศาสนานี้อันมีพระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดมเป็นพระศาสดานั้นไม่หลงเหลือความกลัวต่อสิ่งใดๆอยู่เลย เหลือแต่พรหมวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่และจะเห็นได้ชัดเจนมากในเรื่อง ความเมตตา ดังนั้นเนื้อหาที่แท้จริงคือ เพราะเหล่าท่านทั้งหลายนั้นมีเมตตาต่อสรรพสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงเป็นเหตุให้ต้องถือพรหมจรรย์ อยู่ในเพศบรรชิต และเพราะคุณธรรมนั้นแหละเป็นทุนเดิมจึงเป็นเหตุให้บรรลุคุณธรรมขั้นสูงสุด แม้การจะเป็นฆราวาสจะทำได้ก็ไม่สะดวกและคล่องตัวเท่ากับเพศบรรชิตอีกทั้งผู้จะก้าวล่วงด้วยความไม่รู้ก็มีน้อยยกเว้นมารผู้มีบาปที่ไม่รู้จักความชั่วหรือความดีอย่างแท้จริง ด้วยว่าผู้ครองเรือนจะต้องมีหน้าที่ต่างๆมากมายต้องรับผิดชอบ และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสภาพนั้นมีแต่จะทำให้ผู้ไม่รู้ไม่เข้าใจยิ่งสร้างบาปเวรแก่เขาทั้งหลายมากขึ้นเท่านั้น แต่ของอย่างนี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆกับใครก็ตาม และมีแต่จะบอกว่าสำหรับยุคสมัยที่มีแต่ความหลงนี้แล้ว แยกไม่ออกกระทั่งความชั่วกับความดีแล้ว ฆราวาสผู้สำเร็จอรหันต์จึงไม่ใช่ฐานะที่จะมีที่จะเกิดขึ้นได้ในยุคนี้ เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะเข้าสู่วิถีทางดังกล่าวที่ว่ามานี้เองนั้นแหละ
ด้วยความเมตตาที่มีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2009

kengkenny, 8 ตุลาคม 2009

#33
- ถูกใจ x 1
- ดูรายการ
Pikzy เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

19 ธันวาคม 2008

โพสต์:

76

ค่าพลัง:

+619

มีสาระ ๆ
เรื่องการบรรลุอรหันต์ในเพศฆราวาส อย่าว่าแต่ในไตรปิฎกเลยครับ
หลวงพ่อฤๅษีท่านก็เคยกล่าวไว้เหมือนกัน และยกตัวอย่างให้เห็นด้วยสิ ชนิดที่ว่าตามไปดูกันได้ถ้าไม่เชื่อ

Pikzy, 8 ตุลาคม 2009

#34
guest_1 Active Member

วันที่สมัครสมาชิก:

24 กันยายน 2009

โพสต์:

76

ค่าพลัง:

+41

นี่อย่างเช่น คุณยาย นุ่ม ชุวานนท์ โยมอุปัฐถากหลวงปู่มั่น
อย่าง ยายกั้ง ที่มีในประวัติหลวงปู่มั่น
อัฐิท่านเป็นพระธาตุทั้งนั้น รับรองความเป็นพระอรหันต์แล้ว

แล้วมีมั้ยล่ะ
ฆราวาสผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

ก็เราอยู่ไกลพระอรหันต์ท่านน่ะสิถึงรู้ไม่ได้
ถ้าได้ใกล้ชิดท่านก็รู้ได้

แต่จะใกล้ชิดท่านได้ต้องมีบุญกุศลที่สั่งสมมาแต่กาลก่อนหนา
ไม่อย่างนั้นเป็นไปได้ยาก

เพราะฉนั้นท่านจึงสอนให้เข้าหาปราชญ์ เข้าหาบัณฑิต
นี่เป็นการสั่งสมปัญญาบารมี
การสั่งสมปัญญาบารมีต้องเข้าหาปราชญ์ เข้าหาบัณฑิต

มัวแต่ปฏิบัติกันไปงู ๆ ปลา ๆ ไม่ได้เรื่องหรอก
จะมีก็แต่หลอกลวงชาวโลกเค้าไปวัน ๆ เท่านั้นล่ะ
พวก งู ๆ ปลา ๆ นี่

guest_1, 8 ตุลาคม 2009

#35
hisogakung2511 สมาชิก

วันที่สมัครสมาชิก:

21 ธันวาคม 2010

โพสต์:

178

ค่าพลัง:

+19

เห็นด้วยกับคุณสมถะเพราะเคยฟังหลวงพ่อฤษีลิงดำบอกไว้เหมีอนกัน

hisogakung2511, 18 ตุลาคม 2011

#36
bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

31 ธันวาคม 2009

โพสต์:

1,912

ค่าพลัง:

+1,512

ดีครับ^^
........................

กรรมคือ ผลของการกระทำ

bosslnwskr10, 9 พฤษภาคม 2012

#37
ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

วันที่สมัครสมาชิก:

12 เมษายน 2010

โพสต์:

4,255

กระทู้เรื่องเด่น:

11

ค่าพลัง:

+5,796

โมทนาสาธุ เจ้าคะ
คำกล่าวใด ที่พระพุทธองค์ ว่าไว้ ย่อมไม่สงสัย และทำให้ ไม่หลงทาง เจ้าคะ
เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ผู้ปฎิบัติ ย่อมรู้ได้ ด้วยตน เจ้าคะ

ราชาวดี สิริโสภา@ สุธรรมมะราชาธิบดี

ยศวดี, 10 พฤษภาคม 2012

#38
ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

29 สิงหาคม 2011

โพสต์:

1,622

ค่าพลัง:

+1,618

มีอีกตัวอย่างครับ ขอให้เจ้าของกระทู้เขียนจะดีมาก พระยส ท่านก็เป็นพระอรหันต์ตอนอยู่ในเพศฆราวาสเหมือนกันครับ

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเสื่อมสลายไป

ballbeamboy2, 10 พฤษภาคม 2012

#39
no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

1,198

ค่าพลัง:

+3,380
มีอีกตัวอย่างด้วยค่ะ พระอัครสาวิกาเบื้องขวา พระเขมาเถรี ท่านบรรลุอรหัตผล เมื่อครั้นยังครองเพศฆราวาส

คลิ๊กอ่าน พระเขมาเถรี...เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีปัญญา

no-ne, 10 พฤษภาคม 2012

#40
- ถูกใจ x 2
- ดูรายการ

(คุณต้องเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน เพื่อที่จะโพสต์)

หน้า 2 ของ 4

แชร์หน้านี้

Loading...