รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Ga_t

    Ga_t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +867
    ขออนุโมทนากับคุณ Xorce<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2588436", true); </SCRIPT> ด้วยครับ
     
  2. silverraion

    silverraion Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +49
    ขอบคุณครับ

    ผมจะนำคำแนะนำไปปรับปรุงและพยายามพัฒนาตนเองต่อไปครับ
    แต่ว่าที่บอกให้ประคองผมยังไม่เข้าใจความหมายครับว่าให้ประคองยังไงครับ
    เพราะว่าตอนที่ความรู้สึกของผมหาย ผมจะไม่รับรู้อะไรเลยครับ แต่ว่าเหมือนกับว่าจิตผมจะถอนออกจากการไม่รู้เองครับ ผมไม่ได้บังคับเลย พอถึงตอนนี้ผมรู้เลยว่าถ้านั่งต่อจะไม่มีสมาธิแล้วครับ ต้องถอนออกมาจากการนั่งสมาธิเลยแต่ช่วงนี้ผมมีอารมตัวใหม่มาอีกแล้วครับ ก่อนจะนั่งสมาธิผมจะอธิษฐานขอบารมีพระพุทธเจ้าและคุณงามความดีตลอดจนบารมีที่ผมได้สั่งสมมา แล้วจึงค่อยเริ่มสูดหายใจยาวๆช้าเพื่อจะนึกถึงลมหายใจแต่ว่าพอครั้งที่ 3 ความรู้สึกของจิตผมจะค่อยๆขึ้นไปทางศรีษะ เหมือนลอยอยู่เหนือศรีษะประมาณ 1 ฝ่ามือแต่ยังรับรู้ได้ครับ และก้อเหมือนว่าผมมองลงมาจากทางด้านบนเหมือนคนก้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย แล้วอาการนี้จะอยู่ได้แปบเดียวครับ จิตจะถอนเองครับจะเป็นอย่างนี้ประมาณ 3 รอบ พอรอบที่ 3 ผมจะหลับไปเลยครับอย่างนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับว่าเป็นอาการของปิติ และก้อผมเกร็งเกินไป แต่ผมก้อได้ทำการอธิษฐานแบบที่คุณสอนครับเมื่อได้อะไรใหม่ให้ทำการอธิษฐานปักหมุดไว้ พอมาตอนกลางวันผมลองมาทำสมาธิไม่สามารถนั่งได้เลยครับจิตฟุ้งซ่านอย่างแรงเลยครับ แต่ว่าช่วงที่ผมทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆผมพยายามรับรู้ลมหายใจให้มากที่สุดครับ ส่วนเรื่องมโนมยิทธิผมก้ออยากฝึกครับ แต่ว่าจิตผมตอนนี้ไม่รับนิมิตครับ ถ้ามีนิมิตเกิดเหมือนว่าจิตผมตัดไปทันทีเลยครับ ผิดถูกยังไงแนะนำได้นะครับผมแค่อยากก้าวไปข้างหน้าต่อครับ
    ขอบคุณครับ
    สิงห์
     
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ เมตตาบารมี ครับ

    อนุโมทนาค่ะพี่ขอบคุณมากค่ะนอนรวมกันดีกว่านอนคนเดียวค่ะงั้นเวลาที่เรานอนในห้องโถงเราต้องเตรียมหมอนหรือเสื่อหรือผ้าห่มไปไหมค่ะ คือไม่ทราบจริงๆค่ะไม่เคยไปเลยค่ะพี่ พี่ช่วยตอบหน่อยเถอะค่ะ

    ผมแนะนำให้เอา เต็นท์ ที่ปูนอน กับถุงนอนไปครับ
    ต้องเผื่อว่าหากห้องนอนใหญ่เต็ม จะต้องนอนบริเวณรอบนอก ซึ่งถ้าไม่มีเต็นท์จะลำบากครับ


    ขอแจ้งใหม่นะครับ รถที่จะไปงานมโนมยิทธิเต็มกำลัง
    ในปีนี้กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ จะขอจัดเฉพาะสำหรับ ทีมงาน ที่จะไปช่วยจัดงานหล่อพระเจ้าองค์แสนเท่านั้น

    ส่วนท่านใดจะไปเพื่อฝึกมโนมยิทธิ จะมีรถแยกต่างหากของทางเว็บพลังจิตนะครับ

    แต่ก็สามารถจะมาเจอ มาร่วมงานด้วยกันได้ครับ แค่เดินทางแยกกันครับ
    เพราะกลุ่มพวกเราอาจจะต้องล่วงหน้าก่อนซักวันสองวัน เพื่อช่วยเตรียมงานครับ
    หรือหากใครอยากไปช่วยเตรียมงาน จะมากับพวกเราก็ได้ครับ

    อนุโมทนาค่ะพี่xorceอยากสอบถามเรื่องของกสินสีขาวค่ะคือพอดีว่าซื้อสดึงมาเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ3คืบกว่าและตัดกระดาษสีขาวเป็นวงกลมประมาณ1คืบตัดแปะทากาวเอาไว้จะนำมาทำกสินอยากทราบว่าเราใช้จ้องประมาณ5นาทีแล้วหลับตาจำภาพสีขาวไว้หรือเราจ้องไม่หลับตาจนเป็นสีขาวประกายพรึกโดยไม่ต้องหลับตาค่ะอยากรู้ค่ะว่าทำอย่างไรพี่ช่วยสอนดิฉันหน่อยซิค่ะขอบคุณมากค่ะพี่ดิฉันไม่เข้าใจวิธีค่ะกลัวว่าจะทำผิดค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

    จริงๆ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เลยก็ได้ครับ
    ยิ่งถ้าได้มโนแล้วยิ่งไม่ต้องใช้เลยก็ได้ครับ

    สำหรับถ้าได้มโนแล้วนะครับ ให้เราขึ้นไปกราบพระท่านก่อนเลยครับ
    แล้วเราก็เห็นท่านจนชัดเจนแจ่มใส เห็นเป็นเพชรใส เปล่งประกายระยิบระยับ สว่างไสว ถึงที่สุด จนใจสบาย ใจยิ้มก่อน
    เสร็จแล้วเราก็นึกถึงภาพลูกบอล กลมๆ สีขาวขึ้นมา ใจเรายังอยู่ข้างบนนะครับ
    แล้วก็เปลี่ยนลูกบอลสีขาวนี้ ให้เป็นลูกบอลเพชร เนื้อเดียวกันกับข้างบนเลยครับ
    เป็นลูกบอลเพชรใส ประกายระยิบระยับ สว่างไสว
    เห็นว่าแสงสว่างเป็นเพชรแผ่กระจายขยายส่องสว่างจากลูกเพชรไปยังทั้งจักรวาล ไปยังทุกๆทิศทาง
    จนเห็นทุกๆอย่างเป็นเพชรใสประกายระยิบระยับทั้งหมด
    แสงสว่างเพชรแผ่กระจายไปยังทั้งจักรวาล เราแผ่ควบเป็นอารมณ์เมตตาด้วยจะยิ่งดีครับ
    ตั้งใจว่าดวงจิตใด ที่ได้สัมผัสกับรัศมีเพชรนี้ ขอให้มีพระนิพพานเป็นที่สุดได้โดยเร็ว แบบที่เรากำลังสัมผัสอยู่นี้ด้วยเทอญ

    แล้วก็อธิษฐานปักหมุดเอาไว้
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งกสิณสีขาว เป็นฌาณ4 ดวงเพชร ใสประกายระยิบระยับ ส่องสว่างนี้
    ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
    อธิษฐานย้ำไว้สามครั้ง

    เป็นอันจบกสิณสีขาว เร็วไหมครับ ถ้าได้มโนมยิทธิ อารมณ์ก็เกินไปนานแล้วครับ
    จับทีเดียวให้จบเลยครับ

    คราวนี้เราไล่ทำให้ครบอีก9กองที่เหลือ แล้วปักหมุด ให้ครบ
    กสิณไฟ ลูกไฟ เปลี่ยนเป็นเพชร สัมผัสถึงความร้อน แสงสว่างของไฟ
    กสิณน้ำ ลูกบอลน้ำ เปลี่ยนเป็นเพชร สัมผัสถึงความเย็น ความเหลวของน้ำ
    กสิณลม ลูกบอลกำเนิดจากคลื่นลม เปลี่ยนเป็นเพชร สัมผัสถึงอาการพัดของลม ความเย็นของลม
    กสิณดิน ลูกบอลดินทำจากก้อนดิน เปลี่ยนเป็นเพชร สัมผัสถึงความทึบ ความแน่นของเนื้อดิน
    ลูกบอลสีแดง เปลี่ยนเป็นเพชร
    ลูกบอลสีเหลือง เปลี่ยนเป็นเพชร
    ลูกบอลสีเขียว เปลี่ยนเป็นเพชร
    ลูกแก้วแสงสว่าง แสงสว่างเป็นเพชร ระยิบระยับทั้งหมด สัมผัสความสว่างของลูกแก้ว
    กสิณอากาศ เป็นลูกบอลอากาศความว่าง พอลุกบอลเคลื่อนผ่านกำแพงก็เกิดเป็นความว่าง เว้าแหว่งเข้าไป เปลี่ยนเป็นเพชร


    ลองทำให้ได้ครบดูครับ แล้วเดี้ยวมาต่ออีกที ยังมีอีกครับ

    ขอให้ทุกๆดวงจิต สามารถเข้าถึงซึ่งกสิณทั้งสิบกอง ปลุกตื่นสัมมาอภิญญา
    อันเป็นไปเพื่อการสงเคราะห์ผู้คนให้พ้นจากความทุกข์
    ได้อย่างง่ายดาย ได้โดยฉับพลันทันใด ด้วยบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเทอญ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2009
  4. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ suwinpupagare ครับ

    เราจะใช้หรือจะมีวิธีการเรียกใช้ อย่างไรบ้างหรือไม่....
    ขอสอบถามด้วยความไม่รู้นะครับ

    ก่อนที่จะไปถึงจุดที่เรียกใช้นะครับ
    ให้เราฝึกเข้าออกให้คล่อง ทำให้ได้ทุกครั้ง ทุกเวลาที่เราต้องการก่อนครับ
    ทำงานอยู่ กินข้าว อยู่เข้าให้ได้
    แล้วก็ประคองฌาณอยู่ได้เป็นวัน ประคองให้ได้ทั้งวันครับ
    ถ้าทำจุดนี้แล้ว คือจิตเป็นฌาณทั้งวัน หรือเกือบทั้งวัน

    ถ้าจิตเราทรงฌาณได้เป็นวัน ประคองได้ เข้าออกได้ทุกเวลาที่ต้องการ
    ถึงจุดนี้ จะเรียกใช้ทำอะไรก็ได้ครับ แค่คิดก็เป็นการใช้โดยอัตโนมัติแล้ว ไม่ต้องตั้งท่าเลย
    แต่ถ้าจะให้ดี ต้องมาฝึกเรื่องกสิณก่อน ถึงจะเรียกใช้อะไรได้เยอะครับ

    ตอนนี้ฝึกประคอง อารมณ์สบาย อารมณ์สุข ชุ่มเย็น ที่เกิดจากสมาธิให้ได้ตลอดเวลาก่อนครับ
    ถ้าประคองฌาณได้โดยจิตไม่เคลื่อนเลย หรือแทบไม่เคลื่อนเลย
    ติดต่อกันซักเดือนสองเดือน ความเป็นทิพย์จะเริ่มเกิด อยากทำอะไรได้ก็จะมาเองครับ
    แล้วถ้าประคองเอาไว้ได้ ใจเราก็มีความสุข เราสบายใจ ทุกข์น้อย มีแต่ผลดีครับ

    สามารถเอาไปใช้ได้ ตั้งแต่ รักษาโรค ย้อนไปพิจารณาในอดีตชาติว่าทุกข์มาแค่ไหน จนถึงเรื่องคงกระพันชาตรีฟันแทงไม่เข้าก็ทำได้ครับ
    แต่เอาเรื่องทรงฌาณให้ได้ตลอดเวลาให้ดีก่อนครับ

    ขอให้สามารถทรงสมาธิ รวมถึงใช้กำลังของสมาธิทำสิ่งต่างๆอันเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้ตามที่ปรารถนา
    ได้ตลอดเวลา ทุกครั้ง ทุกสถานที่ ทุกชั่วขณะจิตที่ต้องการ ทุกภพชาติไป ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  5. alonesoul

    alonesoul Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2009
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +77
    ถามเรื่อง อาโลกสิณ หน่อยครับว่า มองแสงไฟสีขาวแทนได้ไหมครับ
     
  6. suwinpupagare

    suwinpupagare Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +84
    ขอบคุณครับทีแนะนำ

    ขอบคุณครับทีแนะนำ
     
  7. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    คือว่ามันเกิดหลังจากตอนที่จิตมันเศร้าหมองเรื่องหนึ่งมากๆ
    คือ คิดถึงที่นั่นมากก็เลยมานอน พอนอนแร้วก่ไม่รุ้ตัวแร้ว
    รุ้สึกเหมือนลุกไป หรือทำอะไรมากมาย มนไม่เหมือนฝันอ่ค่ ไม่เหงเปงเรื่องราว แต่มันเปงความรุ้สึก
    แต่ว่าไม่รุ้ไปไหน ไปทำอะไร หลับไปยังไม่ถึงห้านาทีด้วยค่
    มารูสึกตอนที่ เหมือนมีอะไรเหวี่ยงเราลงมาจากที่สูงแร้วตกลงมานอนในร่างที่นอนอยู่
    ตอนที่ตกลงมาถึงแร้ว มันเด้งก่อนค่ะ แร้วทรุดลงดิน เหมือนเราหล่นมาทับคนที่นอนอยุ่
    แต่ที่จิงมันคือตัวเรา แร้วก่สะด้งขึ้นมาร้อง หึ่ยย เรยค่ะ มันคืออะไรหรอค่
     
  8. เด็กหัวจุก

    เด็กหัวจุก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +1,436
    ถามต่อเลยนะคะ ทรงภาพนิมิตรได้แล้ว ยิ้มด้วย อาการสบาย ๆ แต่เราไม่ได้ ทำตลอดวันนะคะ เมื่อไหร่ที่คิดว่าจะทำ ก็จะทำเลย ทำด้วยอาการสบาย ๆ ทรงภาพพระได้เท่าเดิม ไม่เล็กไม่ใหญ่ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแล้ว ต้องปฏิบัติ ต่อไปอีกนานไหมคะ ทราบว่าคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Xorce<!-- google_ad_section_end --> ไปงานมโนมยิทธิเต็มกำลัง ขออนุโมทนาด้วยค่ะ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2594498", true); </SCRIPT>
     
  9. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,653
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,019
    เอ่อ จารครับ เมลไปหลายเมลเเล้วครับผม ไม่รู้จารได้อ่านเปล่า รบกวนช่วยตอบด้วยก็ดีครับ ขอบคุณครับ เจริญในธรรมครับจาร
     
  10. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    <TABLE class=tborder id=post2608585 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->kananun<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2608585", true); </SCRIPT>
    หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: May 2006
    ข้อความ: 8,688
    Groans: 10
    Groaned at 16 Times in 16 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 36,631
    ได้รับอนุโมทนา 164,437 ครั้ง ใน 8,735 โพส
    พลังการให้คะแนน: 9716 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_2608585 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->มีคำถามส่งมาคาดว่าจะมีประโยชน์ในการปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพานครับ

    --------------------------------------------------------
    มีคำถามมาขอคำแนะนำคะ รบกวนพี่เล็กช่วยแนะนำเกี่ยวกับการซักฟอกมโนธาตุในความหมายแบบเบื้องต้นไปจน ถึงเชิงลึก (เอาของสาวกภูมินะคะ ไม่เอาพุทธภูมิ อิอิ) เบื่อเกิดเต็มทีแล้ว บางทีตอนเผลอและหน่ายก็อดคิดไม่ได้ว่า ลงมาเกิดทำไมเนี่ย ไม่น่าเลย แต่พอสติมาก็รู้หน้าที่ ว่าลงมาเพื่อทำงานสร้างบารมีสั่งสมบุญ ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานสั่งสมบุญต่อไป
    เป็นมนุษย์สร้างบุญง่ายกว่า แต่สู้กับกิเลส ตัณหาและอุปทานยากกว่า ตอนนี้เลยอยากตัดภพชาติแล้วแต่ภาระผูกพันทางโลกรัดแน่นเกินไป จะหันหลังให้ก็จะกลายเป็นกรรมขึ้นมาไม่จบสิ้น
    เลยอยากได้ข้อมูลมาไว้เป็นกำลังใจและเตือนจิตตัวเอง

    ------------------------------------------------------------



    "การซักฟอก มโนธาตุ" ก่อนอื่นเรา ต้องเข้าใจก่อนว่า มโนธาตุนั้นหมายความ ถึง ธาตุแห่งจิต เพราะมโนแปลว่าจิต


    ดังนั้นการซักฟอกมโนธาตุก็คือการขัดเกลาจิตใจในให้ใสสะอาดปราศจากกิเลส จนเข้าถึง นิพพานธาตุ ปราศจากกิเลสอันเป็นเครื่องพอกฉาบทาจิตใจให้เศร้าหมอง และสังโยชน์ทั้งสิืบประการอันเป็นเครื่องร้อยรัดจิตใจให้หลงอยู่ในสังสารวัฏ ฏ์

    การซักฟอกมโนธาตุก็ดี การชำระล้างธาตุธรรมก็ดี จะประกอบไปด้วยการใช้ฌานสมาธิและญาณเครื่องรู้เป็นเครื่องประกอบการปฏิบัติ และการพิจารณา

    การใช้สมาธิโดยเฉพาะมโนมยิทธินั้น เรากำหนดใช้ได้ทันที แบบง่ายๆ(สำหรับคนที่ได้มโนมยิทธิและมีความคล่องตัวอยู่แล้ว)

    -ตั้งกำลังจิตพิจารณาให้เห็นความทุกข์ ความไม่เที่ยงในกายจนจิตเกิดความสะอาด ปราศจากการยึดในร่างกาย ในภาพและการเวียนว่ายตายเกิด

    - ทรงภาพพระพุทธเจ้าให้ใสสะอาดเป็นแก้วเป็นเพชรประกายพรึกส่องสว่าง

    -อธิฐานกำหนดจิตขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านทรงสงเคราะห์ขึ้นไป ปรากฏกายเนื้อของเรา(เน้นว่ากายเนื้อก่อน)บนพระนิพพาน ต่อหน้าพระพุทธเจ้า

    -จากนั้นเราใช้กายในที่ลักษณะเหมือนกายเนื้อทุกอย่างนี้ นอบน้อมกราบพระพุทธเจ้าด้วยจิตด้วยใจที่เคารพต่อพระองค์ท่านสุดจิตสุดใจ

    -จากนั้นกราบขอพุทธบารมี ขอธาตุธรรม และนิพพานธาตุของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยะเจ้าทุกพระองค์ ทรงเมตตาแผ่ฉัพพรรณรังสี มายังกายในที่เป็นกายเนื้อของเรา ทั้งที่นั่งอยู่บนพระนิพพาน

    และกายเนื้อที่อยู่บนโลกมนุษย์ด้วยเป็นแสงสว่าง ชำระล้างฟอกกายเนื้อธาตุหยาบของเรา ไล่ไปตั้งแต่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง

    ทำให้ละเอียดชัดเจน จนเห็นทุกส่วนถูกฟอกธาตุจนใสไปแก้ว

    จากนั้นไล่ไปในอาการ สามสิบสองหรืออย่างง่ายก็ พิจารณาในเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก อวัยวะต่างๆไล่ไปจนใสเป็นแก้ว ทำความสะอาดธาตุหยาบเป็นธาตุธรรม ธาตุนิพพาน

    จนกายในบนพระนิพพาน

    กายเนื้อบนโลกกลายเป็นแก้วใสสะอาด เป็นแก้วประกายพรึก เป็นกายพระวิสุทธิเทพ สะอาดบริสุทธิ์

    จากนั้น มาพิจารณาจิต กำหนดเห็นจิตในกายแก้วเป็นดวงแก้วใส

    กราบขอบารมี พระพุทธเจ้าท่านทรงสงเคราะห์ แผ่ฉัพพรรณรังสี มาชำระล้างฟอกมโนธาตุ ให้มโนธาตุเราสะอาดด้วยนิพพานธาตุ

    เห็นดวงจิตเรายิ่งสะอาด สว่างใสเป็นแก้วประกายพรึก ส่องสว่าง จิตเราชุ่มเย็น ชุ่มชื่น

    จากนั้นพิจารณาชำระล้างมโนธาตุด้วยวิปัสนาญาณ โดยพิจารณาตัดสังโยชน์สิบไปทีละข้อไล่ตั้งแต่

    - ตัดความเป็นตัวตน ความยึดติดในกายเนื้อ ในร่างกายของเราก็ดี กายบุคคลอื่นก็ดี ชำระล้างความติดความหลงไปจากจิต ดูว่าจิตใสขึ้นสะอาดขึ้นอีก จากนั้น


    -น้อมจิตให้นอบน้อมอ่อนโยนเคารพในพระรัตนไตร อย่างมั่นคง เปลื้องความลังเลสงสัยในพระรัตนไตรและสัมมาทิฐิออกไปจากดวงจิตของเรา

    -เจริญเมตตาจิต พรหมวิหารธรรมจนจิตเราใสสะอาดชุ่มเย็นเป็นเมตตา มีการให้การเกื้อกูล ชะโลมล้างดวงจิต จนจิตนุ่มนวลด้วยเมตตา จนจิตที่คิดละเมิดศีลทั้งห้าประการไม่มีในดวงจิตของเรา

    -ล้างความปฏิฆะ ความโกรธ ความพยาบาท ออกไปจากดวงจิตของเราด้วยเมตตาจิต

    -ล้างความหลง ยึดติดในกามฉันทะ กามคุณห้าอันประกอบไปด้วย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ทางกาย ออกไปจากดวงจิต ขึ้นชื่อว่า กามภูมิภพเราไม่ปรารถนา ล้างไปจากจิตของเรา

    -ล้างความยึด หลงในฌานก็ดี ภพแห่งพรหมก็ดีว่าไม่ใช่ที่สุดแห่งทุกข์

    -ล้างความยึด หลงในอรูปฌานก็ดี ภพแห่งอรูปพรหมก็ดีว่าไม่ใช่ที่สุดแห่งทุกข์

    -ล้างความฟุ้งซ่าน อารมณ์จิตที่ฟุ้งวุ่นวายออกไปจากจิตเป็นอารมณ์ที่ตั้งมั่น มั่นคงเป็นหลักเอาไว้

    -ล้างทิฐิ มานะ ความถือดี ความยกตนออกไปจากจิต เป็นความนอบน้อมอ่อนโยนนิ่มนวลคารวะในความดี ในธรรมต่อผู้อื่น

    -ล้างจิตที่ยึดหลง ในการเวียนว่ายตายเกิด ในภพภูมิทั้งปวง คงมั่นในพระนิพพานเพียงจุดเดียว

    อธิฐานฟอกมโนธาตุให้เป็นนิพพานธาตุ ขอบารมีพระพุทธเจ้าและพระอริยะเจ้าทุกท่าน ทรงสงเคราะห์ หากดวงจิตที่สะอาดบริสุทธํ์ิ เพียงใด ขอให้ลูกทรงอารมณ์จิต ตั้งมั่นในอารมณ์พระนิพพานเป็นปกติได้เพียงนั้น ด้วยเทอญ

    ประคับประคอง ทรงอารมณ์จิตในอารมณ์พระนิพพานเอาไว้ ทุกเวลา สบายๆ ทำงานอยู่ พูดอยู่ก็ประคองเอาไว้เป็นปกติ

    เมื่อใดที่เรารู้สึกว่าจิตเศร้าหมองเราก็ อธิฐานฟอกมโนธาตุ

    และเจริญจิตเอาไว้ทุกวัน โดยเฉพาะทุกเช้าช่วงตื่นนอน ทรงเอาไว้ตลอดวัน และพิจารณาละเอียดอีกครั้งก่อนนอน เราทำเป็นปกติ
    ไม่ช้าภูมิธรรมก็จะก้าวหน้าขึ้น อารมณ์จิตแนบในอารมณ์พระนิพพาน

    "ขอธรรมมะแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ จงแผ่ไพศาลกลางใจ ผู้ใฝ่ธรรม ให้ร่มโพธิ์แห่งวิมุติญาณทัศนะจงบังเกิดกลางดวงจิตทุกดวง จนก้าวเข้าสู่กระแสแห่งพระโลกุตรธรรมเจ้า มีพระนิพพานเป้นที่สุดด้วยเทอญ"<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    " จิตใจที่ดีงามจะคงอยู่ตลอดไป "

    วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ
    แจกเหรียญทำน้ำมนต์เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ ทั่วประเทศไทย

    บัญชี เพื่องาน พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ คณานันท์ ทวีโภค
    บัญชี ออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาคลองสานเลขที่ 151-0-91868-1
    บัญชี เพื่องานพระบรมสารีริกธาตุ และ การสร้างพระเจ้าองค์แสน
    ธ.กรุงเทพ สาขาสยามพารากอน เลขที่ 855-0-14998-6
    <!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("2608585")</SCRIPT> [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ alonesoul ครับ

    ถามเรื่อง อาโลกสิณ หน่อยครับว่า มองแสงไฟสีขาวแทนได้ไหมครับ<!-- google_ad_section_end -->

    กสิณให้เรากำหนดภาพในจิตของเราเลยครับ
    ที่ต้องให้ดูแสงไฟก่อน ก็เพื่อให้สามารถจำมานึกได้
    ถ้าเรานึกได้เลย ก็ไม่ต้องมามองแสงไฟครับ เป็นการลัดขั้นตอนครับ

    แล้วก็ต้องเน้นให้กำหนดภาพ เป็น ลูกแก้วแสงสว่าง มีแสงสว่างไสว เราสามารถสัมผัสได้ถึงความสว่างของดวงแก้วนี้
    แล้วเราก็เปลี่ยนแสงสว่าง ให้ค่อยๆมีประกายระยิบระยับมากขึ้น มีความสว่างไสวมากขึ้นๆ
    จนกลายเป็นรัศมีเพชร เป็นแสงเพชร เป็นลูกเพชร ที่เปล่งแสงสว่างไสวประกายเพชรออกมา

    แล้วก็ให้แผ่แสงสว่างประกายเพชรนี้ ให้ส่องสว่าง แผ่ขยายออกไปจนทั้งจักรวาล
    ใครที่ได้สัมผัสกับแสงสว่างจากดวงเพชรนี้ ก็เห็นกายเขา ดวงจิตของเขา
    เปล่งประกายแสงสว่างระยิบระยับ เป็นเพชร เหมือนกับดวงเพชรของเรา
    ร่างกายของตัวเราเองก็เปลี่ยนเป็นเนื้อเพชรใส ประกายระยิบระยับทั้งร่าง
    ให้ดวงกสิณแสงสว่าง รัศมีเพชร ชะโลมล้าง ชำระล้าง
    ทั้งร่างกายและจิตใจของเราให้เกิดความใสสะอาดบริสุทธิ์ เป็นเพชรทั้งกายและใจ

    แล้วก็ให้เราปรคับประคอง และตั้งใจว่า เราจะรักษาดวงจิตของเราให้เป็นดวงเพชรใส
    มีแสงสว่าง มีรัศมีเพชรส่องสว่างออกมาแบบนี้ ให้ได้ตลอดทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกภพชาติไป ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
    อธิษฐานย้ำไว้สามครั้ง

    แล้วก็หมั่นนึกถึงดวงเพชรนี้ และเผื่อแผ่รัศมีเพชรไปยังร่างกายและดวงจิตอื่นๆอยู่เสมอ

    ดวงจิตของเราก็จะมีแต่ความงดงาม กาย วาจา ใจของเรา ก็จะถูกขัดเกลาชำระล้าง
    ให้เป็นเพชรแท้ จากภายในอย่างแท้จริง

    ขอให้ทุกๆดวงจิต เข้าถึงซึ่งดวงจิตอันประภัสสร ความงดงาม ความสวยงาม ความเป็นเพชรจากภายในอย่างแท้จริง กันได้ทุกๆดวงจิต ได้โดยฉับพลันทันใดด้วยเทอญ
     
  12. davilnut

    davilnut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +66
    ท่านครับ
    ผมนอนภาวนา
    นะมะพะทะ
    แล้วจิตก็ออกไปได้
    แต่มันมองไม่ค่อยจะเห็น
    แล้วมันก็ไปเร็วมากจนแสบหู
    แต่มันก็มองเห็นแค่ลางๆ
    ได้ยินเสียงพูดแต่ไม่ชัด
    ซักพักก็กลัวเพราะมันมองไม่เห็นทาง
    ตกใจก็กลับมาที่เดิม
    เป็นเพราะอะไรหรือครับ
    เพราะกรรมเก่าของผม
    หรือว่าสมาธิผมยังไม่ถึง
    หรือว่าศีลผมไม่ค่อยดีจึงมองไม่ค่อยเห็น
    ชี้แนะด้วยครับ
     
  13. sagi_kaew

    sagi_kaew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +232
    สอบถามผู้รู้ค่ะ

    นั่งสมาธิแล้วก็รู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในบ่อน้ำหรือในทะเล เป็นสีน้ำเงิน
    รู้สึกเย็นสบาย
    เคยพยายามไม่สนใจ ปล่อยๆไป
    แต่มันก็ยังนิ่งไปเรื่อยๆ

    แล้วควรจะทำยังไงต่อไปคะ ก็ปล่อยไว้อย่างนั้นไปเรื่อยๆรึป่าว

    แล้วบางทีชอบมีเสียงดังรอบๆตัว มาทำให้ตกใจอยู่ตลอดในเวลาที่ทำสมาธิ
    ไม่รูู้ว่าควรจะทำยังไงดีค่ะ
     
  14. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    ขอบคุณครับ เรื่อง มโนธาตุ
    เป็น ประโยชน์มาก ๆ ครับ
     
  15. alonesoul

    alonesoul Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2009
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +77
    อนุโมทนาครับ

    จริงๆแล้วผมไม่ได้ฝึกกสิณหลอกครับ พอดีมองหลอดไฟแล้วหลับตา ผมก็จำภาพได้ติดตาเลยครับ พอลืมตาภาพก็ยังไม่หาย หลับตาอีกก็ยังไม่หาย ผมเลยสงสัย จึงได้ถามอ่าครับ ขอบคุณมากครับ
     
  16. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ สตธศร ครับ

    คือว่ามันเกิดหลังจากตอนที่จิตมันเศร้าหมองเรื่องหนึ่งมากๆ
    คือ คิดถึงที่นั่นมากก็เลยมานอน พอนอนแร้วก่ไม่รุ้ตัวแร้ว
    รุ้สึกเหมือนลุกไป หรือทำอะไรมากมาย มนไม่เหมือนฝันอ่ค่ ไม่เหงเปงเรื่องราว แต่มันเปงความรุ้สึก
    แต่ว่าไม่รุ้ไปไหน ไปทำอะไร หลับไปยังไม่ถึงห้านาทีด้วยค่
    มารูสึกตอนที่ เหมือนมีอะไรเหวี่ยงเราลงมาจากที่สูงแร้วตกลงมานอนในร่างที่นอนอยู่
    ตอนที่ตกลงมาถึงแร้ว มันเด้งก่อนค่ะ แร้วทรุดลงดิน เหมือนเราหล่นมาทับคนที่นอนอยุ่
    แต่ที่จิงมันคือตัวเรา แร้วก่สะด้งขึ้นมาร้อง หึ่ยย เรยค่ะ มันคืออะไรหรอค่

    <!-- google_ad_section_end -->กายทิพย์ออกมาครับ แต่ว่าออกมาด้วยอารมณ์ที่เศร้าหมอง ทำให้ไม่มีสติควบคุม
    มันก็จะเร็วๆ มัวๆ มั่วๆ คล้ายๆฝัน แล้วก็รู้สึกตัวอีกทีตอนกลับมาแล้ว
    ถ้าเวลาคนเราเหนื่อยมากๆ ก็มีสิทธิ์ที่กายทิพย์จะออกมาได้เช่นกันครับ แต่จะไม่มีสติ ทำให้คุมได้ลำบากครับ

    ต้องพยายามทำใจของเราให้ใส ให้เบา ให้สบาย ให้แย้มยิ้มจากภายใน เอาไว้เสมอๆครับ
    ลองฝึกกสิณภาพพระพุทธรูป คือให้นึกถึงภาพพระพุทธรูปที่เราเคารพรักที่สุดมาองค์หนึ่ง
    เห็นท่านแย้มยิ้ม จนใจของเราเกิดปีติ เกิดความสบายใจ
    เสร็จแล้วให้นึกต่อว่า ภาพพระท่านค่อยๆขาวขึ้นๆ จนเปลี่ยนเป็นเนื้อขาวนวลทั้งองค์
    แล้วก็นึกต่อว่าภาพพระท่านเปลี่ยนเป็นเนื้อแก้วทั้งองค์
    จากนั้นให้นึกต่อว่าภาพพระท่านค่อยมีแสงสว่างมากขึ้นๆ มีประกายระยิบระยับมากขึ้นๆ
    จนภาพพระพุทธรูปกลายเป็นเนื้อเพชรใสประกายระยิบระยับทั้งองค์ เป็นเพชรหมดทั้งองค์
    พอภาพพระท่านเป็นเพชรแล้ว ให้เรากำหนดให้ภาพพระองค์ที่เป็นเพชรนี้
    ผุดขึ้นกลางอกของเรา อยู่ตรงกลางอกของเรา
    แล้วให้เรานึกแผ่แสงสว่างจากภาพพระกระจายส่องสว่างเป็นรัศมีเพชรออกมา
    จนปกคลุมร่างกายของเราทั้งหมด ให้ร่างกายของเราเป็นเพชรใสระยิบระยับทุกส่วน
    แล้วก็ให้รัศมีเพชรแผ่กระจายส่องสว่างออกไปเรื่อยๆ แผ่กระจายออกไปยังัท้งจักรวาล
    เราเห็นัท้งจักรวาลเรืองแสงสว่างเป็นเพชรระยิบระยับ ยิ่งเราแผ่รัศมีเพชรออกไปมากทเหร่ ภาพพระท่านก็ยิ่งแย้มยิ้มมากขึ้น ดวงจิตของเรา ใบหน้าของเราก็ยิ่งแย้มยิ้มมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
    ให้เราแผ่ความรักความเมตตาเป็นรัศมีเพชรจากองค์พระนี้ ให้ไปกระทบกับทุกๆดวงจิต
    ชะโลมล้างทุกๆดวงจิต ให้มีแต่ความรักความเมตตา ความงดงามในจิตใจ ความเป็นเพชรเสมอกัน
    ยิ่งแผ่รัศมีเพชรออกไปได้มากเท่าไหร่ ใจของเราก็จะยิ่งชุ่มเย้น เบาสบายใจ อิ่มเอิบอิ่มเอมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

    แล้วให้เราอธิษฐานไว้สามครั้งว่า
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งพุทธานุสติกรรมฐาน ทรงภาพพระพุทธเจ้าเป็นกสิณควบอารมณ์เมตตานี้ ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกชั่วขณะจิต ตลอดไป ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    กสิณนั้นเป็นของไม่มีโทษภัย มีแต่คุณประโยชน์ เป็นเครื่องยังจิตให้เกิดความสว่างไสว
    สามารถเห็นทางออกจากความทุกข์ได้ชัดเจนแจ่มใส
    ยังความศรัทธาในพระรัตนตรัยให้เกิดขึ้นกับดวงจิต เป็นเครื่องตัดสังโยชน์กิเลสที่ร้อยรัดพันใจ
    ยิ่งเจริญให้มาก ทำให้มาก ก็จะยิ่งเข้าใกล้ความเป็นพระอริยเจ้า และพระนิพพานมากเท่านั้น

    ถ้าเป็นไปได้ก็ลองหาเวลามาฝึกมโนมยิทธิดู น่าจะเหมาะกับจริตครับ

    ขอให้มีภาพพระประจำจิต มีภาพพระในใจ ด้วยบารมีของพระพุทธองค์ ตลอดไป ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2009
  17. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ เด็กหัวจุก ครับ

    ถามต่อเลยนะคะ ทรงภาพนิมิตรได้แล้ว ยิ้มด้วย อาการสบาย ๆ แต่เราไม่ได้ ทำตลอดวันนะคะ เมื่อไหร่ที่คิดว่าจะทำ ก็จะทำเลย ทำด้วยอาการสบาย ๆ ทรงภาพพระได้เท่าเดิม ไม่เล็กไม่ใหญ่ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแล้ว ต้องปฏิบัติ ต่อไปอีกนานไหมคะ ทราบว่าคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Xorce<!-- google_ad_section_end --> ไปงานมโนมยิทธิเต็มกำลัง ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

    พระอริยเจ้าท่านทรงเอาไว้สบายๆ เรื่อยๆ ตลอดจนถึงพระนิพพานครับ
    ถ้าเราอยากจะเข้าถึงซึ่งอารมณ์ของพระอริยเจ้า ก็ต้องทรงอารมณ์นี้เอาไว้เรื่อยๆครับ
    จนอารมณ์นี้กลายเป็นพื้นจิตของเราครับ คือ ไม่ว่าเราจะเผลอหรือไม่เผลอก็ตาม
    จิตจะไม่เคลื่อนจากอารมณ์นี้เลย ถ้าทำได้แบบนี้ แปลว่าใกล้อารมณ์พระอริยเจ้าแล้วครับ
    คราวนี้ให้ทำเพิ่มแบบที่ผมได้อธิบายเอาไว้กับคุณ สตธศรเลยครับ

    ทรงภาพพระให้ท่านยิ้มกลางใจของเรา แล้วแผ่อารมณ์สบาย แบบที่เราได้สัมผัสแล้วนี้ออกไปยังทั้งประเทศไทย ขยายไปยังทั้งโลก ส่องสว่างเป็นเพชรไปทั้งจักรวาล
    ยิ่งเราแผ่ออกไปมากเท่าไหร่ ใจจะยิ่งสบาย ยิ่งเบา ยิ่งอิ่มเอม อยู่ในความสุขจากเมตตายิ่งๆขึ้นไปเท่านั้น
    ยิ่งเมตตามากยิ่งสุขมาก ยิ่งเย็นมาก ภาพพระท่านก็ยิ่งแย้มยิ้ม ยิ่งชัดเจนแจ่มใส ยิ่งเป็นเพชร ระยิบระยับ

    พอทำได้แล้วก็ปักหมุดเอาไว้ด้วยครับ

    แล้วก็ให้เราหมั่นทรงภาพพระ พร้อมกับเจริญเมตตาไปเรื่อยๆ
    จนศีล5 ของเราบริสุทธิ์ โดยไม่ต้องบังคับ
    คือว่า เรามีความเมตตาสูงมาก จนทำร้ายใครไม่ลง เบีดเบียนใครไม่ลง ผิดศีล5 ไม่ลง
    ถ้าทำได้แบบนี้ ก็เรียกว่าอริยศีล ศีลของพระอริยเจ้า
    ที่จะบริสุทธิ์ตลอดไป เพราะเมตตามากจนผิดศีลไม่ลงนั่นเอง

    อารมณ์พระอริยเจ้าอีกข้อนึง ก็คือ ความเคารพ ความนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย
    ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากความอ่อนโยนเวลาที่เรากราบพระ เรากราบพระส่งๆไป
    หรือว่าเราตั้งใจกราบด้วยความเคารพนอบน้อมอย่างถึงที่สุด อย่างแท้จริง
    วิธีการที่ง่ายที่สุด เวลาเราจะกราบพระ
    ให้เรานึกว่าเราอยู่ในสมัยพระพุทธกาล แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงอยู่ข้างหน้าเราจริงๆ
    แล้วเราจะกราบพระพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ทรงอยู่ข้างหน้าเรานี้อย่างไร
    จะกราบส่งๆไป หรือจะตั้งใจกราบด้วยความนอบน้อมที่แทบเบื้องพระพุทธบาทอย่างถึงที่สุด
    หากเรากราบพระโดยที่เชื่อมั่นว่า พระพุทธเจ้าทรงอยู่ต่อหน้าเราจริงๆ
    ทำไปเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็จะถึงพระจริงๆ แล้วพระท่านก็จะมาอยู่ต่อหน้าเราจริงๆ ทุกครั้งที่เรากราบ

    อารมณ์ในเบื้องต้นข้อสุดท้าย
    ตัดกำลังใจให้แน่วแน่ว่า
    ถ้าเราเกิด ดันตายขึ้นมาตอนนี้ คอมอาจจะระเบิด อาจจะหลับไม่ตื่นหรืออะไรก็แล้วแต่
    เราจะไปอยู่ไหน
    อบายภูมิเราปิดถาวรไม่ยอมไป มนุษย์เราไม่มาเกิดอีก เทวดาก็ไม่ไป พรหมก็ไม่ไป
    ตายเมื่อไหร่เราจะไปพระนิพพานเท่านั้น
    พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ที่ใด เราตั้งใจว่าเราจะไปอยู่กับพระองค์เท่านั้น
    แล้วก่อนตายท่านจะเมตตามารับเราไปอยู่บนพระนิพพานครับ
    ตายเมื่อไหร่ ไปพระนิพพานเท่านั้น ท่องบ่อยๆ พิจารณาบ่อยๆ เอาให้เข้าถึงใจ
    ถ้าเราคิดกี่ทีๆ ว่าตายแล้วจะไปไหน ก็ตอบย้ำๆ ว่าไปพระนิพพานแน่นอน
    ผมสาธุด้วยครับ
    เพราะตายแล้วถึงพระนิพพานแน่นอนครับ ที่อื่นไม่ไปทั้งนั้น พระนิพพานจุดเดียว

    ดังนั้นให้เราตั้งกำลังใจสามข้อให้แน่วแน่ครับ
    1.ศีล5จากเมตตา
    2.เคารพพระ กราบพระ เหมือนพระองค์ทรงอยู่ตรงนั้นจริง
    3.ตายเมื่อไหร่ ไปพระนิพพานจุดเดียว

    ขอให้ทรงกันให้ได้ทุกๆคนครับ
    แล้วพระนิพพานจะถึงกันได้ในชาติปัจจุบัน เข้าถึงได้ครบทุกๆคนแน่นอนครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2010
  18. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ davilnut ครับ

    ท่านครับ
    ผมนอนภาวนา
    นะมะพะทะ
    แล้วจิตก็ออกไปได้
    แต่มันมองไม่ค่อยจะเห็น
    แล้วมันก็ไปเร็วมากจนแสบหู
    แต่มันก็มองเห็นแค่ลางๆ
    ได้ยินเสียงพูดแต่ไม่ชัด
    ซักพักก็กลัวเพราะมันมองไม่เห็นทาง
    ตกใจก็กลับมาที่เดิม
    เป็นเพราะอะไรหรือครับ
    เพราะกรรมเก่าของผม
    หรือว่าสมาธิผมยังไม่ถึง
    หรือว่าศีลผมไม่ค่อยดีจึงมองไม่ค่อยเห็น
    ชี้แนะด้วยครับ

    ศีลตอนที่เรานอนภาวนาก็บริสุทธิ์แล้วครับ ตอนที่เรานะมะพะธะอยู่ ศีล5บริสุทธิ์
    สมาธิก็ถึงแล้วครับ

    <!-- google_ad_section_end -->ลืมนึกถึงพระ ลืมขอบารมีพระนี่แหละครับ ก็เลยมองไม่เห็น
    เวลาออกมาแล้วจะต้องตั้งจิตถึงพระท่านก่อนครับ จึงจะสว่างไสว มองเห็นได้ชัดเจน เหมือนที่โล่งแจ้ง

    พอออกมาได้แล้ว
    1.อธิษฐานปักหมุดเอาไว้ก่อน
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถออกมาได้แบบนี้ ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการตราบเท่าเข้าถึงซึ่พระนิพพานด้วยเทอญ
    2.นึกถึงพระทันทีครับ ตั้งจิตให้นอบน้อม ขอบารมีพระ หลวงปู่ หลวงพ่อก่อน แล้วจะสว่างครับ

    ลองไปทำตามนี้ดูนะครับ
    เคล็ดลับอีกอย่างคือ ภาวนาสบายๆ อย่าไปอยากให้ออก ตอนที่เราออกมาได้ตอนแรกใจสบายแบบใด
    ก็ต้องจำอารมณ์ให้ได้ แล้วให้อารมณ์เดียวกัน
    ความคล่องของสมาธิ อยู่ที่การจำอารมณ์ให้ได้ ยิ่งจำได้ชัดเจนมาก ก็ยิ่งคล่องแคล่ว

    ลองไปปฏิบัติดูครับ

    ขอให้บังเกิดความสว่างไสว ด้วยพระบารมีอันหาที่สิ้นสุด หาที่ประมาณไม่ได้ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเทอญ
     
  19. เด็กหัวจุก

    เด็กหัวจุก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +1,436
    ขอบพระคุณมาก ๆ เลยค่ะ
     
  20. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    <TABLE class=tborder id=post2625878 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->kananun<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2625878", true); </SCRIPT>
    หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: May 2006
    ข้อความ: 8,715
    Groans: 10
    Groaned at 16 Times in 16 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 36,776
    ได้รับอนุโมทนา 165,115 ครั้ง ใน 8,762 โพส
    พลังการให้คะแนน: 9753 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_2625878 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->ทริปหล่อ"พระเจ้าองค์แสน"ฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง วัดท่าซุง 12-13 ธค. 2552<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->[​IMG]
    เพื่อการร่วมงานหล่อ"พระเจ้าองค์แสน " พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ์ หล่อทองเหลืองหน้าตัก 4 ศอก ปิดทองคำประดับเพชร

    ที่พวกเราทุกๆท่านได้ร่วมแรง ร่วมใจกัน จัดสร้างด้วยความวิริยะอุตสาหะ กันมาตลอด เพื่อ น้อมถวาย ครูบาวิทูรย์ ท่านเจ้าอาวาสวัดชัยมงคล(วังมุย) ต. ประตูป่า อ.เมือง จ.ลำพูน

    จะได้ดำเนินการหล่อ ที่วัดท่าซุง ในวัน เสาร์ ที่ 12 ธันวาคม 2552 เวลา 20.00 น. โดย พระเดชพระคุณพระครูปลัดอนัต์ ท่านเจ้าอาวาส วัดท่าซุง ท่านเมตตาอนุญาต ให้ใช้สถานที่ของวัดในช่วงธุดงค์และการฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง เพื่อให้การอธิฐานจิตมีกำลังฌาน กำลังสมาธิ กำลังแห่งการเจริญวิปัสสนาญาณจนทุกดวงจิตที่ร่วมใจในวันหล่อพระนั้น เกิดปรากฏความศักดิ์สิทธิ์ ที่สุด


    ที่สำคัญ ก็คือท่านเมตตา หล่อเพิ่มอีก พระองค์หนึ่ง ดังนั้น เท่ากับเราได้ร่วมสร้างร่วมหล่อ พระเจ้าองค์แสน สมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักพรรดิ์ ถึง สองพระองค์ด้วยกัน

    ทางหมู่คณะและพี่ๆน้องๆ ในเวบไซท์พลังจิตจึงร่วมใจเดินทางไปร่วมงานหล่อพระในครั้งนี้กันครับ

    โดยประชาสัมพันธ์กันในหลายห้อง

    ทางห้องภัยพิบัติและการเตรียมการ ได้จัดทริปเดินทางไปร่วมบุญ รวมใจ เพื่อตั้งจิตเจตนาเป็นเป็นมหากุศลเพื่อส่วนรวมกัน

    โดยจัดเดินทางในเช้า วันเสาร์ที่ 12 ธค. 2552 เพื่อร่วมฝึกสมาธิมโนมยิทธิเต็มกำลัง ในช่วงเที่ยงถึงบ่าย

    และร่วมหล่อพระเจ้าองค์แสน ในเวลา 20.00 น.

    พักค้างที่วัดท่าซุง(โปรดเตรียมเครื่องนอนพอสมควร เนื่องจากคนไปทำบุญในงานเยอะมาก)

    สำหรับพระสงฆ์ที่ท่านเดินทางไปร่วมด้วย จะได้จัดที่พักพิเศษ ที่ สถานธรรมหาดเสลา ของพี่สันติ ครับ

    จากนั้นเราร่วมทำบุญ ปฏิบัติจิตกัน ต่อด้วยการฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง ในวันอาทิตย์อีกครั้งแล้วจึงเดินทางกลับกรุงเทพกันครับ

    รายละเอียดจะทะยอยแจ้งให้ทราบครับ

    แจ้ง กันได้ครับว่าไปกันกี่ท่าน

    [FONT=&quot]ทริปมโนมยิทธิเต็มกำลัง + งานหล่อพระเจ้าองค์แสน
    ณ วัดจันทาราม(ท่าซุง) ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี [/FONT]
    <O></O>

    12-13 [FONT=&quot]ธันวาคม 2552

    <O></O>
    [/FONT]​
    [FONT=&quot]รายละเอียด[/FONT]<O></O>
    <!--[if !supportLists]-->1.<!--[endif]-->[FONT=&quot]ทริปเพื่อเดินทางไปและกลับ ร่วมฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี[/FONT]<O></O>
    <!--[if !supportLists]-->2.<!--[endif]-->[FONT=&quot]เพื่องานหล่อพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ พระเจ้าองค์แสน<O></O>[/FONT]



    [FONT=&quot]วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2552[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]กำหนดการเดินทาง [/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]จุดนัดพบที่ 1[/FONT][FONT=&quot] เวลา 5.00 น[/FONT] [FONT=&quot](ล้อหมุนออก)<O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]จุดนัด [/FONT]A–[FONT=&quot] ปั๊ม ปตท ข้างสนามเป้า[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]จุดนัด [/FONT]B–[FONT=&quot] ลาดหญ้า[/FONT]<O></O>
    <O></O>
    [FONT=&quot]จุดนัดพบที่ 2[/FONT][FONT=&quot] เวลา 05.45 น.[/FONT] [FONT=&quot](ล้อหมุนออก)[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]ปั๊มเชลล์ เยื้องฟิวเจอร์รังสิต[/FONT]<O></O>

    [FONT=&quot]พิธีการและกิจกรรม[/FONT]
    [FONT=&quot]9.30 น.[/FONT]: [FONT=&quot]ถึงวัดท่าซุง[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]9.30-10.00 น.[/FONT]: [FONT=&quot]ขน กระเป๋ารวมพลที่....... เพื่อประชุมพร้อมกันถึงรายละเอียดต่างๆ เช่น ที่พัก การติดต่อนัดหมาย กำหนดการต่างๆ ฯลฯ โดยอาจารย์คณานันท์ [/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]10.00-10.30[/FONT][FONT=&quot] น. [/FONT]: [FONT=&quot]จัดกระเป๋าเข้าที่พัก จะมีการลงทะเบียน เตรียมบัตรประชาชนทุกคน[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]11.00[/FONT]-12.30 น. : [FONT=&quot]เริ่มพิธีมโนมยิทธิเต็มกำลัง ที่ศาลา 12 ไร่ (ควรไปรอล่วงหน้าและเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย [/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]13.00 น. [/FONT]: - [FONT=&quot]พักผ่อนและเที่ยวชมบริเวณโดยรอบวัด ตามอัธยาศัย[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]- สำหรับทีมพลังจิตพิชิตภัยพิบัติและผู้มีจิตศรัทธา ร่วมช่วยในงานหล่อพระเจ้าองค์แสน โปรดรวมกันโดยรอสัญญาณนัดหมายจาก อ.คณานันท์[/FONT]<O></O>
    <O></O>
    14.00-19.00 [FONT=&quot]น. [/FONT]: [FONT=&quot]งานเตรียมพิธีหล่อพระเจ้าองค์แสน<O></O>[/FONT]
    20.00 [FONT=&quot]น. [/FONT]: [FONT=&quot]เริ่มพิธีหล่อพระเจ้าองค์แสน[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]21.00[/FONT][FONT=&quot] น. [/FONT]: [FONT=&quot]พักผ่อนตามอัธยาศัย[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]<O></O>[/FONT]

    [FONT=&quot]วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2553[/FONT]<O></O>
    <O></O>
    [FONT=&quot]03.30 น. [/FONT]: [FONT=&quot]ทำวัตรเช้า [/FONT]–[FONT=&quot] ตามอัธยาศัย[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]05.00 น. [/FONT]: [FONT=&quot]เตรียมจัดโต๊ะ สำหรับตักบาตร พระสงฆ์จำนวน 300-500 รูป, แม่ชี และผู้ปฏิบัติธุดงค์ [/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]7.00-8.00 [/FONT][FONT=&quot]น.[/FONT]: [FONT=&quot]รับประทานอาหารเช้า [/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]9.00 น. [/FONT]: [FONT=&quot]พบกันที่งานหล่อพระเจ้าองค์แสน ... (อาจมีเปลี่ยนกำหนดการ)[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]11.00-12.30 น. เริ่มมโนเต็มกำลัง[/FONT]
    [FONT=&quot]12.30 น. [/FONT]: [FONT=&quot]พักผ่อน รับประทานอาหาร .. (อาจมีเปลี่ยนกำหนดการ)[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]14.00 น. [/FONT]: [FONT=&quot]เก็บสัมภาระ ออกจากที่พัก 12.30 น.[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]14.30 น. [/FONT]: [FONT=&quot]รวมพล เช็คชื่อ ที่................<O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]15.00 น. [/FONT]:[FONT=&quot] เดินทางกลับสู่ กรุงเทพ โดยสวัสดิภาพ[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]19.30 น. [/FONT]: [FONT=&quot]ถึงกรุงเทพ, ส่งคืนรถและจ่ายค่าเช่า+ค่าน้ำมัน<O></O>[/FONT]
    <O></O>
    [FONT=&quot]การแต่งกาย[/FONT]
    [FONT=&quot]ควรมีชุดขาว หรือโทนสีขาว<O></O>[/FONT] โทนสีสุภาพสะอาดตา

    [FONT=&quot]การรับประทานอาหาร[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]ที่ วัดจัดให้มีโรงทานมาออกร้านทุกปี ดังนั้นสามารถทานอาหารได้ฟรี หรืออุดหนุนชาวบ้านที่นำมาออกร้านบริเวณถนนรอบวัด และมีร้านสหกรณ์ของทางวัด (ชุดขาวหรือของถวายพระ ของใช้ส่วนตัวที่ลืมเตรียมมา หาซื้อได้ที่นี่)<O></O>[/FONT]
    <O></O>
    [FONT=&quot]ระบบการสื่อสาร[/FONT]<O></O>
    <!--[if !supportLists]-->[FONT=&quot]-[/FONT]<!--[endif]-->[FONT=&quot]โทรมือถือ [/FONT]–[FONT=&quot] จะมีไฟล์รวมเบอร์มือถือของทุกท่าน แจกก่อนเดินทาง[/FONT]<O></O>
    <!--[if !supportLists]-->[FONT=&quot]-[/FONT]<!--[endif]-->[FONT=&quot]วิทยุสื่อสาร [/FONT]–[FONT=&quot] ขอให้ผู้ที่มีวิทยุสื่อสาร นำติดตัวมาด้วย (อย่าลืมใบอนุญาตพกพา[/FONT]!![FONT=&quot]) ใช้ช่องสัญญาณ 35 เป็นหลัก หรือช่อง 31 (สำรอง)[/FONT]<O></O>
    <!--[if !supportLists]-->[FONT=&quot]-[/FONT]<!--[endif]-->[FONT=&quot]ระบบแบ่งกลุ่ม ดูแลกันแบบบัดดี้ลิสต์ (อัพเดทภายหลังจากทราบจำนวนคนแล้ว)[/FONT]<O></O>

    [FONT=&quot]ที่พัก[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]พักรวม ที่ ศาลา......[/FONT]<O></O>

    [FONT=&quot]เดินทางโดย[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]รถตู้ 4 คัน คันละ 12 ที่นั่ง ทริปนี้รับได้ 48 คน[/FONT]<O></O>
    [FONT=&quot]ขอ อนุญาตทุกๆท่าน สำรองที่ข้างคนขับทั้งหมดไว้ก่อน เพราะทริปนี้มีกระเป๋าสัมภาระของแต่ละท่าน และของที่ต้องใช้ในพิธีหล่อพระเจ้าองค์แสน[/FONT]<O></O>
    <O></O>
    [FONT=&quot]ค่าใช้จ่าย[/FONT]<O></O>
    <!--[if !supportLists]-->1.<!--[endif]-->ค่าเช่ารถตู้ คันละ 1,800 บาท ต่อวัน (2วัน 3,600บาท)<O></O>
    <!--[if !supportLists]-->2.<!--[endif]-->ค่าน้ำมัน ประมาณคันละ 1,500 บาท (2วัน 3,000บาท)<O></O>
    <!--[if !supportLists]-->3.<!--[endif]-->ค่าผ่านทาง + ค่าล่วงเวลา+ค่าอาหารเครื่องดื่มพนักงานขับ(ถ้ามี)<O></O>
    <!--[if !supportLists]-->4.<!--[endif]-->…<O></O>
    ประมาณการค่าใช้จ่ายเฉลี่ย (3,600บาท +3,000บาท ) x 4คัน = 26,400 บาท<O></O>
    หารจำนวน 48 คน = ท่านละ 550 บาท<O></O>
    <O></O>
    :: ค่ามัดจำรถ จ่ายล่วงหน้า คันละ 500 บาท<O></O>


    -------------------------------------------
    <O></O>
    __________________
    Download เอกสารประชาสัมพันธ์โครงการ "พระเจ้าองค์แสน"<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->" จิตใจที่ดีงามจะคงอยู่ตลอดไป "


    บัญชี เพื่องาน พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ คณานันท์ ทวีโภค
    บัญชี ออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาคลองสานเลขที่ 151-0-91868-1
    บัญชี เพื่องานพระบรมสารีริกธาตุ และ การสร้างพระเจ้าองค์แสน
    ธ.กรุงเทพ สาขาสยามพารากอน เลขที่ 855-0-14998-6
    <!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 พฤศจิกายน 2009
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...