บูชาพระขรรค์-พระแสงขรรค์สลีศรีกัณไชย บรรจุคตปรอทหิน-ชมพูนุชและมวลสารพันแปด

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 19 พฤศจิกายน 2009.

  1. nut1663

    nut1663 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +2,691
    น้องหยก เหลือ อยู่ กี่ดอกครับ ( ถามเจ๋ย ๆ )
     
  2. หยกแดง

    หยกแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +3,623
    ......................................
    สู้ๆนะคะคุณนัท เขาว่าเอาไว้ว่าฟ้าหลังฝนมักงามเสมอเจ้าค่ะ ไม่แน่ท่านอาจจะมอบให้แบบไม่ทันตั้งตัวเลยก็ได้เจ้าค่ะ .. โชคดีนะเจ้าคะ

    ......................................

    ส่วนตะกรุดนั้นคงเหลือไม่มากเจ้าค่ะ เก็บไว้ให้ลูกหลานเจ้าค่ะ
     
  3. banjerdw

    banjerdw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2008
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +1,110
    รายการที่ ๒. พระขรรค์ขนาด ตัวเล่ม ๕ นิ้ว ด้ามยาวประมาณ ๑๑ ซ.ม. สร้างจำนวน ๑๐๙ เล่ม ราคาจองก่อนเข้าพิธี เล่มละ ๔,๑๐๙ บาท

    ยายครับ ผมขอจองรายการนี้ 1 เล่มครับ
     
  4. chanunnon

    chanunnon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +755
    555555 พี่นัทคิดเหมือนกันเลยว่า จะขอ 3 นิ้วมาเหน็บติดตัวไว้ดีไหมหนอ คริครินัทมีอาการเสียดายนิดหน่อยเพราะพึ่งช่วยยายบูชาสมเด็จองค์ปฐมท่าน แล้วยายก็เปิดจองพระขรรค์ตามมา อ่ะ ท่านมันนี่ปั้มไม่ทันเลย เรื่อยๆเนาะ ทุกอย่างมันเหมาะสมในตัวเองก็ครูท่านจัดให้น่ะค่ะ ทุกท่านขออนุโมทนาในกิจนี้ด้วยจ้า สาธุ
     
  5. nut1663

    nut1663 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +2,691
    ขอโมทนาบุญ กับ น้องนัดจ๊ะ ทำบุญตลอดเลย ขอให้รวยและสวยขึ้น ๆ ๆ ๆ ๆ

    เรา 2 คน พี่น้อง ชื่อเหมือนกัน เลยใจตรงกัน ( กระเป๋าแบนคล้ายกาน ด้วยแหระ) เอิ๊กส์

    เพิ่งกลับมาจาก กทม ไปเอารถไฟที่ อาของ เจ้าตัวเล็ก (อาเขาชื่อ อาอ้วน) อยู่ ชิกคาโก เขา สไกย์ คุยกัน บ่อย ๆ อาหลาน

    รพไฟส่งมาถึง หลายเพลาแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปเอา วันนี้ มาปลุกแต่เช้า ว่า ไปเอารถไฟกันเห๊อะ วันนี้ว่างๆ ( ที่จริงก็ว่างทุกวัน ) เลย พาเขาไป

    มีเรื่องขำ ๆ อาเขาชื่ออาอ้วน ตัวเล็กก็ ทวงรถไฟ ผ่าน เนต เกือบทุกวัน
    ที่หมู่บ้าน มีผู้ชาย ชื่อ อ้วน เวลา ขี่ รถสวนกัน เขาก็เรียก เสียงดัง ว่า..
    อ้วน เอารถไฟมา

    พระขรรค์ ถ้าจะเอามาใช้ทางโลก เช่น ทวงหนี้ ประมูลงาน หรือ อะไร ทำนองนี้ได้ไหมครับ

    กองทัพ ต้องมี อาวุธ คนก็ต้องมีเขี้ยวเล็บ คงต้องจัดไป ซักเล่ม (จิ๋ว)

    ปล. ตอนอาบน้ำ ก้ ยังนึกถึงเรื่องพระขรรค์ ว่าจะใช้ทางโลกได้แบบไหนบ้าง

    พอถูสบู่ที่หน้า ก็หลับตา เห็น ด้ามดาบสลักลายแปลกตา แต่ตัวดาบเป้น แสงเลเซอร์ เหมือน ดา่บ ลุก สกายวอร์กเกอร์ ( หนัง ใหม่ ไปหน่อย ไม่รู้ น้องนัด เกิดทันรึปล่าว )
     
  6. nut1663

    nut1663 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +2,691
    สาธุ ขอพรนั้น กลับไป ร้อยเท่า พันเท่าคราบบบ
     
  7. Osz

    Osz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +280
    รายการที่ ๒. พระขรรค์ขนาด ตัวเล่ม ๕ นิ้ว ด้ามยาวประมาณ ๑๑ ซ.ม. สร้างจำนวน ๑๐๙ เล่ม ราคาจองก่อนเข้าพิธี เล่มละ ๔,๑๐๙ บาท

    จอง 1 เล่มครับ
     
  8. chanunnon

    chanunnon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +755
    ขอโมทนาบุญ กับ น้องนัดจ๊ะ ทำบุญตลอดเลย ขอให้รวยและสวยขึ้น ๆ ๆ ๆ ๆ

    เรา 2 คน พี่น้อง ชื่อเหมือนกัน เลยใจตรงกัน ( กระเป๋าแบนคล้ายกาน ด้วยแหระ) เอิ๊กส์

    เพิ่งกลับมาจาก กทม ไปเอารถไฟที่ อาของ เจ้าตัวเล็ก (อาเขาชื่อ อาอ้วน) อยู่ ชิกคาโก เขา สไกย์ คุยกัน บ่อย ๆ อาหลาน

    รพไฟส่งมาถึง หลายเพลาแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปเอา วันนี้ มาปลุกแต่เช้า ว่า ไปเอารถไฟกันเห๊อะ วันนี้ว่างๆ ( ที่จริงก็ว่างทุกวัน ) เลย พาเขาไป

    มีเรื่องขำ ๆ อาเขาชื่ออาอ้วน ตัวเล็กก็ ทวงรถไฟ ผ่าน เนต เกือบทุกวัน
    ที่หมู่บ้าน มีผู้ชาย ชื่อ อ้วน เวลา ขี่ รถสวนกัน เขาก็เรียก เสียงดัง ว่า..
    อ้วน เอารถไฟมา

    พระขรรค์ ถ้าจะเอามาใช้ทางโลก เช่น ทวงหนี้ ประมูลงาน หรือ อะไร ทำนองนี้ได้ไหมครับ

    กองทัพ ต้องมี อาวุธ คนก็ต้องมีเขี้ยวเล็บ คงต้องจัดไป ซักเล่ม (จิ๋ว)

    ปล. ตอนอาบน้ำ ก้ ยังนึกถึงเรื่องพระขรรค์ ว่าจะใช้ทางโลกได้แบบไหนบ้าง

    พอถูสบู่ที่หน้า ก็หลับตา เห็น ด้ามดาบสลักลายแปลกตา แต่ตัวดาบเป้น แสงเลเซอร์ เหมือน ดา่บ ลุก สกายวอร์กเกอร์ ( หนัง ใหม่ ไปหน่อย ไม่รู้ น้องนัด เกิดทันรึปล่าว )<!-- google_ad_section_end -->



    โฮะ ๆๆๆ ยินดีอย่างยินเจ้าค่ะพี่ชาย ที่เรา 2 ศรีพี่น้องจะเหมือนกันในหลายอย่าง แต่ขอยกเว้นกระเป๋าแบนได้ไหมหนอ ข้อกล่าวมาหลังจากนั้นรับหมดเลย ทั้งสวย ทั้งรวย คริคริ
     
  9. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    โฮ๊ะๆ...น้องนัทยังตามเลขเด็ดไปแทงพอได้เงินประตันตัวน้องชายจากเจ้าแม่ใบตอง แต่ท่านพี่นัทของน้องนัทนั่นหน่ะ อุตส่าห์ไปจ่อคิวรอรายต้นๆ คิดว่าจะได้หวยเจ้าแม่ใบตองไปแทงบ้าง ตกลงมันแต่ห่วงรถไฟนี่เอง


    ขอสิคะ ภาวนาตามหน้าแรกที่บอก บอกทางจิตคือพูดเอาดื้อๆ เลย ท่านจะวางเฉยไม่ได้นะคะถ้าเรากล้าตื้อขอ

    มีบางท่านติดต่อขอบูชาเฉพาะพระแสงขรรค์ฯ

    ขอบอกว่า ถ้าท่านมีพระขรรค์อย่างเดียวได้ แต่มีพระแสงขรรค์โดยปราศจากพระขรรค์ บารมีเรายังไม่หนักพอที่จะครอบครองได้ เราอาจเหลิงจนหลุดโลกนะคะ

    ดังนั้นจึงจัดทำพิเศษแบบชุดเจ้าค่ะ


    ....................................

    ท่านใดที่กำลังจดๆ จ้องๆ ขอให้รีบตัดสินใจนะเจ้าคะ เพราะว่ายายผีป่าทำอะไรแต่ละทีนี่มีที่มาที่ไป

    เพราะว่าโลกเรามันใกล้ช่วงที่จะชะงักหลายๆ อย่าง การมีชุดโสฬสมหามงคลนี่จะช่วยเฉพาะคนและครอบครัว แต่ถ้ามีชุดสลีศรีกัณไชย ไว้ในยุคนี้นะคะ เราสามารถสงเคราะห์ผู้อื่นได้วงกว้างค่ะ เช่นเอาไปทำพิธีแก้เคราะห์สะเดาะ์กรรมบ้านกรรมเมือง เพื่อคนทั่วไทยได้อิ่มเอิบ ปลอดภัย

    การจะจัดทำ ใช่ว่าจะทำได้เพียงเขียนว่า พระขรรค์ หรือพระแสงขรรค์ แล้วเข้าพิธีให้บูชานะคะ

    อย่างพี่หม่อมท่านยังบอกว่า นี่ถ้าพ่อขุนเม็งรายไม่พยักหน้าให้ทำ พี่ไม่กล้าทำ เพราะว่าแรงมากๆ ถ้าคนทำและผู้อธิษฐานจิตไม่ได้วิชาด้านนี้มา รับรองว่ามีเหตุให้เห็นแน่นอน และพ่อขุนผาเมืองท่านเกรงว่า จะตกไปอยู่ในมือพวกมิจฉาทิฐิ อันจะไปทำให้พวกนั้นมีอำนาจ แล้วมาใช้ในทางที่จะส่งให้มันรุ่งเรืองเข้าทางพวกนั้นมากขึ้น

    ยายผีป่าได้ตั้งจิตขอครูบาอาจารย์นั้น ตอนแรกไม่ิดจะสร้าง แต่ที่เป็นเหตุให้ต้องสร้างเพราะว่า

    "ตั้งจิตขอดูว่าเราจะเดือดร้อนมากเพียงไร ก็พบว่า โห...คนมีบุญเยอะนะ แต่เขาชอบวางเฉย ถ้าเรากระตุ้นให้คนเหล่านี้ออกมาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อช่วยพยุงก็จะมี เพื่อลูกหลานในวันข้างหน้า


    ก็ได้ไปกราบท่านปู่พระอินทร์

    ขอตัวแป๊บ
     
  10. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ไปตำส้มตำมาค่ะ เอโน้ตบุคมาที่ร้านด้วย
     
  11. nut1663

    nut1663 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +2,691
    ตำไท ใส่ปู พริก 2 เม็ด ไม่ชู ครับ ( หลังปีใหม่ไปกิน )

    คุณยาย ช่วย ขยาย ความ สีแดงหน่อยครับ
    เอาแบบ โม้มากๆ เลย ชอบอ่าน

    ถ้าแบบนี้ ผม บูชา พระขรรค์ อย่างเดียวก็แย่ซิครับ บารมี มีน้อยมากแบบนี้ จะครองไหวหรอครับ
     
  12. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    คือหมายความว่า คำว่าไชยศรี นี่ คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ดูอย่างขอมสิคะ ได้พระขรรค์มาจากลังกา ขนาด่านอักขระมคธไม่ออก(จารไว้ในเล่ม) ก็ยังแผ่อำนาจได้ไพศาล พอพ่อขุนเม็งรายลูกพ่อขุนผ่าเมือง ท่านได้ครอบครอง ท่านก็ชนะและแผ่อาณาจักรได้ไพศาลใช่ไหม

    คือผู้ใดได้ครอบครองก็จะไม่มีคำว่าแพ้ ยิ่งชุดที่ยายผีป่าจัดสร้างนี่นะคะ มวลสารนี่สุดยอด ไม่ใช่สักแต่ว่าลงอักขระอย่างเดียวแล้วอธิษฐานจิต

    เรารวมสุดยอดมาไว้ในการจัดสร้างครั้งนี้ และยายผีป่าคิดว่า ถ้าทำชุดนี้แล้ว คงไม่ทำพระขรรค์ -พระแสงขรรค์อะไรอีก ยกเว้นตะกรุด

    ..................................

    ท่านที่คิดว่า ผู้หญิงจัดทำ หรือที่อื่นก็ทำได้ ราคาก็อาจถูกกว่า ไปบูชาได้เลยเจ้าค่ะ แต่ถ้าปิดหรือหมด อย่ามาร้องขอให้ทำอีกนะคะ (โอ้ย..คิดว่าคงไม่นะ ขนาดที่เขาสร้างมาเร็วๆ นี้ ๓ นิ้ว เล่มละหมื่น ตอนเปิดตัวเลยนะคะ)

    จะต้องเดินทางไปลำปางเพื่อพบสล่าท่าน ท่านใดจะช่วยออกค่าน้ำมันรถ ช่วยขับรถ ชูรักแร้เลย อิอิ...เนื่องจากว่าผัวน้อย(เจ้าบอย) ที่ช่วยขับไปทั่วทิศเขาไปอบรมไฟฟ้าที่อุตรดิตถ์ ทิดเก๋ขืนขับไปให้ รับรองว่าฆ่ากันตายระหว่างทาง

    กำลังติดต่อช่างทำพระขรรค์ไม้งิ้วดำนะคะ ช่างที่รู้จักเขาคิดค่าทำราคาสูงและช้า เลยไม่ปลื้มค่ะ เพราะเรามีกำหนดเข้าพิธีตามกำหนด ช้ากว่าเราทำอะไรไม่ได้ ยายผีป่าใจร้อนอะจ้า


    อ้อ..ลืมสรุป

    คือถ้าคนมันบ้าอำนาจ คนมันอยากคุมอำนาจทุกอย่าง ไม่ว่าระดับใดๆ หากได้มีไว้ในครอบครอง แล้วเขาใช้เป็นนะคะ เขาครอบงำทุกอย่างได้ อย่างให้เมียใช้นี่ ผัวแย่เลย เมียชี้นิ้วสั่งทุกอย่าง ผัวนี่หงอเลย

    ให้ดูผัวยายผีป่าเป็นตัวอย่างเจ้าค่ะ หงอเมียจนวันๆ ไม่กล้าเข้าใกล้เมีย กลัวเมียมาก อิอิ
     
  13. chanunnon

    chanunnon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +755
    โธ่ ยายจ้า นัทเลยเกิด ความ "อยาก" ขึ้นมาสะงั้น แล้วพี่นัทว่าไง ลุยไหมค่ะเนี่ย เหอๆๆ ว่าแต่ถ้าบูชาชุดใหญ่มาเนี่ยสงสัยว่าจะได้ตั้งบูชาไหม กลัวทางบ้านจริงเชียว ไอ้เราก็แค่คนอาศัยค่ะยาย หุหุหุ หรือจะไปเป่าหูให้อามาบูชาแทนดีหนอ
     
  14. h_pisit

    h_pisit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    384
    ค่าพลัง:
    +1,272
    ว้ากๆๆๆๆ

    โวยวาย อยากได้อีกแว้ว

    เก็บตังๆ
     
  15. nut1663

    nut1663 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +2,691
    [​IMG]
    <!-- MSTableType="layout" -->
    “สรีกัญไชย” คำนี้ เขียนตามอักษรธรรมล้านนา ออกเสียงว่า “สะ-หลี๋-กั๋น-ไจ” บางแห่งใช้ “สรีกัญชัย” ก็มี หมายถึงดาบวิเศษของพระโพธิสัตว์ ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในนามของดาบศักดิ์สิทธิ์ ที่ครูบาอาจารย์พระเถระสังฆเจ้า ได้เมตตาสร้างไว้เป็นเครื่องรางทรงพุทธานุภาพ ปกป้องคุ้มครองบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่ได้มีไว้สักการบูชา กล่าวได้ว่าเป็นที่สุดแห่งศาสตร์พระเวทย์ล้านนา เป็นวิชาชั้นสูงของภาคเหนือก็ว่าได้
    ดาบชื่อนี้ เป็น ๑ ใน ๕ อย่างของเครื่องราชกกุธภัณฑ์ล้านนา มีรูปลักษณ์ต่างกันออกไป เช่น เป็นดาบยาววาก็มี เป็นดังมีดน้อยก็มี หรือมีด้ามยาวอย่างง้าว ที่ใช้เป็นเครื่องเทียมยศพระพุทธรูป ปักเรียงกับละแอบังสูรย์ ทั้งหมดต่างเรียกขานว่า ดาบสรีกัญไชย และหากจะเทียบศักดิ์แห่งดาบนี้ คงทำนองเดียวกับพระแสงขรรค์ชัยศรีของภาคกลาง รูปแบบดาบโดยละเอียดเป็นอย่างไร เนื้อเหล็กเป็นอย่างไร ในเอกสารล้านนาไม่ได้พรรณนาไว้ รู้แต่ว่าเป็นของวิเศษคู่บุญพระโพธิสัตว์
    หากจะพูดถึงที่มาที่ไปของดาบสรีกัญไชย คงต้องนับย้อนไปถึงตำนานความเชื่อตามโบราณกาล ที่เล่าสืบทอดกันมาว่าพญาอินทร์ (พระอินทร์) หรือสักกะเทวราช ได้มีบัญชาให้พระเวสสุกรรมเทวบุตร ซึ่งเทพผู้เชี่ยวชาญงานช่างของสวรรค์ ลงมาตีพระขรรค์ถวายพระเกตุมาลา
    ตามตำนานเล่าว่า พระเวสสุกรรมเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในงานช่าง ประกอบกับมีฤทธาอภินิหารพอตัว การตีดาบจึงไม่ใช่ธรรมดา ต้องใช้เหล็กถึงสี่หาบ นำมาผ่านพิธีการเผาตีไล่เนื้อเหล็ก และใช้ว่านยาซัด จนเหลือเป็นพระขรรค์เนื้อบริสุทธิ์เพียงเล่มเดียวมาถวายพระเกตุมาลา
    ด้วยความไม่รู้ถึงพิธีกรรมที่พระเวสสุกรรมได้ตั้งอกตั้งใจทำพระขรรค์วิเศษเล่มนี้ขึ้น เมื่อพระเกตุมาลาเห็นดาบเล่มเดียวก็พาให้คิดว่าพระเวสสุกรรมมีจิตคิดไม่ซื่อ ฉ้อฉลเอาเนื้อเหล็กไปถึงสี่หาบแต่นำพระขรรค์เล่มเดียวมาถวายก็เลยออกปากต่อว่าพระเวสสุกรรม
    แม้พระเวสสุกรรมไม่ได้พูดตอบโต้อย่างไร แต่ก็บังเกิดความน้อยใจลุกขึ้นลากพระขรรค์เล่มนั้นไปบนท้องพระโรง เกิดเป็นอัศจรรย์ คมพระขรรค์นั้นกล้านัก ผ่าท้องพระโรงแยกออกเป็นสองซีกในทันที จากนั้นเวสสุกรรมก็โยนพระขรรค์เล่มนั้นทิ้งลงไปในทะเลสาบ
    ดาบสรีกัญไชย จึงจมอยู่ใต้ทะเลสาบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    ตำนานต่อจากนี้ค่อนข้างจะสับสนและมีหลายกระแส ตามแต่ว่าผู้รจนาไว้เป็นชนชาติใด บ้างก็ว่าพระอินทร์ใช้อิทธิฤทธิ์เรียกเอาดาบสรีกัญไชยขึ้นมามอบให้กับเจ้าเมืองผู้มีบุญาธิการพระองค์หนึ่ง ซึ่งพระองค์ก็ได้ใช้เป็นอาวุธคู่พระวรกายจนสามารถรวบรวมผู้คนตั้งตนเป็นอาณาจักรขึ้นมา อาณาจักรที่ว่านี้ จะเป็นล้านนา ล้านช้าง จะเป็นชนชาติขอม มอญ พม่า ก็สุดจะเดาได้
    บางสำนวนก็ว่า พระเกตุมาลาเห็นปาฏิหาริย์ของดาบสรีกัญไชยจึงได้ไปงมขึ้นมาใช้คู่พระวรกาย และสืบทอดมาจนถึงคนรุ่นหลัง กลายเป็นดาบคู่บ้านคู่เมือง เป็นเครื่องแสดงพระเกียรติยศ หรือที่เรียกว่าเครื่องราชกกุธภัณฑ์ในที่สุด
    ตำนานมักจะเป็นเช่นนี้แล... เมื่อได้ฟังจากหลายแหล่ง จากผู้เล่าแตกต่างเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ กัน ก็มักจะได้เนื้อหาที่แตกต่างหลากหลาย เพราะผู้รจนาตำนานเหล่านี้ในอดีต ต่างปรารถนาจะสรรเสริญชนเผ่าของตนนั่นเอง แต่ไม่ว่าจะเป็นตำนานฉบับไหนก็ตาม ล้วนมีความเชื่อตรงกันว่า ดาบสรีกัญไชย เป็นดาบวิเศษที่พญาอินทร์ ท่านประธานให้ผู้มีบุญ เป็นของสูง เป็นเครื่องแสดงบุญาธิการ มีอิทธิฤทธิ์ในการปราบเหล่าร้ายศัตรู เป็นต้น
    ::: ตำนานดาบสรีกัญไชยกับพระขรรค์ไชยศรี :::
    <table id="table14" width="267" align="right" cellpadding="0" cellspacing="0" height="341"> <!-- MSTableType="layout" --> <tbody><tr> <td> </td> <td height="300" valign="top">
    [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td width="11"> </td> <td width="256" height="41" valign="top">
    [​IMG] ครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย
    นักบุญแห่งล้านนาไทย​
    </td> </tr> </tbody></table> ​
    ดาบสรีกัญไชยในส่วนที่เกี่ยวพันในแง่ของประวัติศาสตร์มีเล่าขานสืบทอดกันมานานตั้งแต่ยุคสมัยอยุธยากับแผ่นดินล้านนา เนื้อหารายละเอียดแตกต่างกันไปตามความเชื่อถือศรัทธาของผู้บันทึก แต่เนื้อหาหลักพอจะสรุปเป็นสังเขปได้ว่า
    ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้มีบุญญาธิการ ทรงแผ่พระราชอำนาจไปทั่วแคว้น พระองค์มีอาวุธวิเศษคู่พระวรกายคือ “พระขรรค์ไชยศรี” ยามเมื่ออกรบทัพจับศึกก็แสดงอานุภาพเอาชนะข้าศึกได้ทุกครั้งไป เป็นพระแสงดาบที่นอกจากจะเป็นอาวุธคู่พระวรกายแล้ว ยังเป็นขวัญกำลังใจให้กับเหล่าแม่ทัพนายกอง ทหารหาญทั้งหลายที่ร่วมทัพอีกด้วย
    ในขณะเดียวกันนั้น อาณาจักรทางล้านนาก็มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่งนามว่าพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้เปี่ยมด้วยเดชานุภาพทั้งในการรบ และการทำนุบำรุงบ้านเมือง พระศาสนาเป็นที่ร่ำลือไปทุกทิศ ยุคนั้นเป็นเสมือนยุคทองของเมืองเชียงใหม่ มีการขยายเขตแดนแสดงอานุภาพออกไปอย่างกว้างขวางเช่นเดียวกับพระบรมไตรโลกนาถของทางอยุธยา
    การแย่งชิงหัวเมืองที่เป็นยุทธศาสตร์ทั้งด้านการค้าและการสงคราม ถือเป็นภารกิจหนึ่งของพระมหากษัตริย์ในยุคนั้น ซึ่งหนึ่งในหัวเมืองที่เป็นที่หมายปองของอาณาจักรใหญ่ในย่านอุษาคเณย์ นี้ก็คือเมืองเชลียง ด้วยว่าเป็นหัวเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ การแย่งชิงครอบครองเมืองเชลียงจึงเป็นเหตุให้เกิดข้อพิพาทขึ้นระหว่างกรุงศรีอยุธยากับอาณาจักรล้านนา
    สองอาณาจักรยกทัพขึ้นประลองกำลังกันเป็นสามารถ อยุธยามีของวิเศษ คือ พระขรรค์ไชยศรี ส่วนพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนาก็ทรงมีดาบวิเศษคู่พระวรกาย คือ ดาบสรีกัญไชย จึงมิได้เกรงกลัวต่อทัพกรุงศรีอยุธยาแต่อย่างใด ต่างก็ยกทัพเข้ารบพุ่งกันอยู่เนิ่นนานก็ไม่มีผู้ใดแพ้ชนะ ทำให้ขุนทหารทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก จนสุดท้ายก็ได้เลิกราทัพกลับไป ต่อมาเผ่าไทยทั้งสองหัวเมืองอ่อนแอลงเรื่อยๆ และเสียแก่พม่าทั้งสองอาณาจักรในที่สุด
    เรื่องดาบสรีกัญไชยของพระเจ้าติโลกราช มีข้อถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบันหลายกระแส บ้างเชื่อว่าพระเจ้าติโลกราชได้รับดาบอาญาสิทธิ์วิเศษนี้ตกทอดมาจากยุคพ่อขุนเม็งรายมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งนครเชียงใหม่ แต่บางตำนานกล่าวว่า ขณะกองทัพอยุธยายกมาถึงนั้น ทางล้านนาทราบถึงความวิเศษของพระขรรค์ไชยศรี จึงประชุมเสนาอำมาตย์ราชครู ผู้มีความรู้มนตราอาถรรพ์ ประกอบพิธีจัดสร้างดาบสรีกัญไชยขึ้น เพื่อรับมือกับพระขรรค์ไชยศรีโดยเฉพาะ
    อีกตำนานหนึ่งกล่าวย้อนไปในอดีตกว่ายุคนั้นว่า ในสมัยที่อยุธยาขยายอาณาเขตเข้ามาสู่แผ่นดินล้านนา เมื่อทัพของอยุธยาได้มาตีเมืองต่างๆ ก็ไม่สามารถเอาชนะแย่งชิงได้สะดวก เนื่องว่าเหล่าทหารนักรบของล้านนานั้น มีคาถาอาคมที่แก่กล้า มีสุดยอดของขลัง อีกทั้งสักยันต์รูปรอยตามร่างกาย จึงทำให้ฟันแทงไม่เข้า ยากที่จะเอาชนะได้ เมื่อทองทัพของอยุธยาไม่สามารถที่จะแย่งชิงอาณาจักรล้านนาได้ จึงถอยทัพกลับไปยังเมืองของตน และได้ปรึกษาหารือกันว่า ทำอย่างไรจึงจะทำลายอาคมของเหล่านักรบของล้านนาได้ จึงได้ทำศาสตราวุธวิเศษขึ้น และให้ชื่อว่า “พระขรรค์ไชยศรี” ซึ่งได้ลงคาถาอาคมต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนหล่อหลอมจนถึงกระทั่งตี และทำการลงอักขระปลุกเสกคาถาอาคมอีกมากมาย
    เมื่อได้ดาบวิเศษดังนี้แล้ว เมื่อทัพอยุธยายกขึ้นมาตีชิงหัวเมืองฝ่ายเหนือ ก็สามารถเอาชนะคาถาอาคมของเหล่าทหารล้านนาได้โดยง่าย
    เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เหล่านักรบ ผู้เก่งกล้าทางอาคมและพระเกจิของอาณาจักรล้านนา จึงได้ปรึกษาหารือกันถึงสาเหตุที่พระเวทย์คาถาด้านอยู่ยงคงกระพันถึงได้พ่ายแพ้ต่อคมดาบของอยุธยา เมื่อส่งคนไปสืบก็ได้ทราบถึงอานุภาพของพระขรรค์ไชยศรี เหล่าปราชญ์ล้านนาจึงได้คิดหาทางแก้ โดยการสร้างศาสตราวุธโดยลงย้อนคาถากลับ เหมือนกับเป็นการย้อนเกล็ดปลา หรือเกล็ดชะมด เพราะเกล็ดก็เหมือนเกราะกำบัง เมื่อขูดเกล็ดย้อนกลับก็สามารถถอดเกล็ดปลาหรือเกล็ดชะมดได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้สร้างและตั้งชื่อดาบนั้นว่า “ดาบสรีกัญไชย” หรือ “พระศรีขรรค์ไชย” ตามสำเนียงภาคกลาง เป็นการย้อนเกล็ดตั้งชื่อกลับจากพระขรรค์ไชยศรีนั่นเอง
    เมื่อกองทัพล้านนายกออกไปรับมือกับทัพอยุธยาด้วยดาบสรีกัญไชย ก็เสมือนคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ มีอาวุธที่ทัดเทียมกัน จึงสามารถป้องกันเขตขันธ์สีมา ไม่ให้ถูกยึดครองได้ ต่างฝ่ายต่างก็รบพุ่งเป็นสามารถแต่ไม่สามารถเอาชนะกันได้ จนเลิกราทัพกลับไป
    นี่คือตำนานอิงประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันไป
    <table id="table15" width="239" align="left" cellpadding="0" cellspacing="0" height="313"> <!-- MSTableType="layout" --><tbody><tr> <td valign="top">
    [​IMG]
    </td> <td height="270"> </td> </tr> <tr> <td width="226" align="center" valign="top"> [​IMG]ครูบาชุ่ม โพธิโก
    ผู้สืบทอดคาถาสรีกัญไชยจากครูบาเจ้าศรีวิชัย
    </td> <td width="13" height="43"> </td> </tr> </tbody></table>
    ไม่ว่าจะเชื่อในตำนานใดก็ตาม อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า ดาบสรีกัญไชย เป็นดาบที่ทรงอิทธิฤทธิ์ สามารถป้องกันภูมิผีปีศาจ ป้องกันอาถรรพ์ ป้องกันภัย ชนะข้าศึกหมู่มาร หรือทำให้เกิดโชคลาภที่ดีได้ พึงมีไว้กราบไหว้ ให้เกิดเป็นมงคลแก่ผู้สักการบูชา จึงได้มีครูบาอาจารย์ที่ทรงพระเวทย์วิทยาคมของล้านนา หลายรูปหลายองค์ได้จัดสร้างดาบสรีกัญไชย ดาบศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานล้านนา ให้ลูกศิษย์ลูกหาผู้เคารพนับถือได้มีไว้สักการะ ซึ่งก็มีแตกต่างกันหลายสำนัก
    ดาบสรีกัญไชยของแต่ละท้องถิ่นมีรูปแบบที่แปลกแตกต่างกันไปตามแต่ผู้สร้าง เช่นทางน่านก็จะเป็นแบบหนึ่ง แถบลำพูนจะใกล้เคียงกับทางเชียงใหม่ ส่วนของลำปางบางครูบาอาจารย์ลงแตกต่างจากของเชียงใหม่โดยสิ้นเชิง บางตำราแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ซึ่งอาจจะเป็นได้ว่าในอดีตเกิดการคัดลอกถ่ายเทศาสตร์โบราณ ดังนั้นเมื่อได้พบเห็นตำรับที่ได้รับความนิยมในท้องถิ่นที่แตกต่างกันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
    เมื่อกล่าวถึงดาบสรีกัญไชยในอดีตที่โด่งดังที่สุด ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วประเทศ เห็นจะไม่มีเกินดาบสรีกัญไชยของหลวงปู่ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง จังหวัดลำพูน ด้วยเชื่อว่า ท่านครูบาขันแก้ว และครูบาชุ่ม โพธิโก วัดชัยมงคล (วังมุย) ได้รับสืบทอดวิชาการสร้างดาบสรีกัญไชยจากครูบาเจ้าศีลธรรม (ศรีวิไชย) ซึ่งเป็นที่เล่าลือกันในอดีตว่า ครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้รับดาบทองคำจากพระอินทร์ จนเป็นเหตุให้มีผู้กล่าวอ้างว่าครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยมีดาบสรีกัญไชยฝักทองคำ ตกลงมาจากสวรรค์สู่แท่นบูชา ใช้เป็นอุบายเกลี้ยกล่อมซ่องสุมผู้คน คิดแข็งขืนต่อบ้านเมือง เรื่องนี้เลยกลายเป็นหนึ่งในหลายๆ ข้อกล่าวหา ที่ทำให้ครูบาเจ้าศีลธรรมต้องอธิกรณ์ถูกไต่สวน ซึ่งสุดท้ายครูบาเจ้าศีลธรรมก็สามารถยืนยันในความบริสุทธิ์ของท่านต่อสมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
    ซึ่งในสำนวนการไต่สวน โดยกรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ พระญาณวราภรณ์ และ พระธรรมไตรโลกาจารย์ (สมณศักดิ์ในขณะนั้น) ที่มีถวายต่อองค์สมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราช ได้ยืนยันคำพูดของครูบาเจ้าศรีวิชัยว่า “ของเช่นนี้ (ดาบสรีกัญไชย) ท่านไม่มี”
    ซึ่งข้อมูลนี้ตรงตามบันทึกคำบอกเล่าของครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย ที่ว่าท่านครูบาเจ้าศีลธรรมได้เจอตำรายันต์เล่มหนึ่ง เป็นตำราคาถาอาคม ตลอดจนวิธีการสร้างดาบสรีกัญไชย (มิใช่ดาบ) ที่ถ้ำเชียงดาว จึงได้เก็บรักษาไว้ ต่อมาครูบาชุ่มซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิด ได้คัดลอกตำราเล่มนี้ไว้ และสืบทอดมายังครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ผู้เป็นสหธรรมิกของครูบาชุ่ม และในเวลาต่อมาตำรายันต์เล่มนี้ได้สูญหายไปในที่ใด ไม่เป็นที่ปรากฏ
    ::: ดาบสรีกัญไชยในรูปของวัตถุมงคล :::
    <table id="table8" width="211" align="left" cellpadding="0" cellspacing="0" height="300"> <!-- MSTableType="layout" --><tbody><tr> <td valign="top">
    [​IMG]
    </td> <td height="257">
    </td> </tr> <tr> <td width="206" align="center" valign="top"> [​IMG]หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์
    เจ้าตำรับ "มีดหมอปราบไพรีพินาศ"
    </td> <td width="5" height="43">
    </td> </tr> </tbody></table>
    ใน ตำนานการสร้างเครื่องรางของขลังในอดีตมีพระเกจิอาจารย์มากมายหลายครูบา อาจารย์ที่ท่านได้สร้างเครื่องรางของขลังประเภทมีดและประเภทดาบซึ่งเป็นที่ นิยมของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก เช่น หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จังหวัดนครสวรรค์ เจ้าตำรับการสร้างมีดหมอปราบไพรีพินาศอันโด่งดังเลื่องลือชื่อ หลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก จังหวัดเพชรบุรี เจ้าตำรับการสร้างมีดหมอเขาควายเผือก ส่วนทางภาคใต้ก็มีการสร้างมีดหมอหรือดาบกายสิทธิ์ของสำนักตักศิลาเขาอ้อเช่นกัน
    สำหรับภาคเหนือเมืองลานนานั้น ก็มีเกจิอาจารย์ที่โด่งดังมากในอดีต ที่ได้สร้างดาบสรีกัญไชย ด้วยเชื่อว่าเป็นดาบที่ใช้ลบล้างอาถรรพ์ คุณผี คุณคน ได้ฉมังนัก แต่ไม้ได้สร้างเป็นรูปทรงดาบ แต่ใช้การลงอักขระเป็นรูปดาบบนแผ่นทองแดงแทนการลงบนตัวดาบจริงๆ ทั้งนี้อาจเป็นด้วยว่า การหาวัสดุมาทำดาบเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นการลงอักขระบนแผ่นทองแดง หรือแม้กระทั่งผืนผ้ายันต์ ก็มีคุณวิเศษไม่ด้อยไปกว่ากัน ซึ่งตะกรุดยันต์ดาบสรีกัญไชยที่สร้างโดยครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง และครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุยนี้ก็โด่งดังและในปัจจุบันก็เป็นสิ่งที่หายากอีกด้วย
    ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ตำราการสร้างและเสกดาบสรีกัญไชยในแผ่นดินล้านนานั้น มีตำรับวิชาที่แตกต่างกันมากมายหลายวิธี ทั้งที่แตกต่างกันในลักษณะของขนาดและแตกต่างกันที่อักขระยันต์ ตามรูปแบบของสูตรลงยันต์ต่างๆ ของแต่ละสำนัก แต่ทั้งนี้สำหรับพุทธคุณแล้วล้วนมีอิทธิฤทธิ์ไม่แตกต่างกัน ดังตัวอย่างหนึ่งที่หนานบุญ เมืองงาช้างดำ ได้พบข้อความจารึกในตำราโบราณกล่าวว่า ใครก็ตาม ที่ได้ถือเอาคุณแห่ง “พระยันต์ดาบสรีกัญไชย หรือยันต์มีดดาบสรีกัญไชย” นั้น ก็
    <table id="table9" width="197" align="right" cellpadding="0" cellspacing="0" height="274"> <!-- MSTableType="layout" --> <tbody><tr> <td> </td> <td height="231" valign="top">
    [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td width="11"> </td> <td width="186" height="43" valign="top">
    [​IMG] หลวงพ่อโศก
    วัดปางคลองบางครก​
    </td> </tr> </tbody></table> ​
    “จักสมดั่งกำมักอยู่เย็นเป็นสุข จ๊ะนะผาบแป๊ฝูงผีสางมารแมนทั้งหลาย มีไจยจ๊ะนะต่อข้าศึกสัตถู มีป๋าระมีอำนาจวาสนามากมูลตุ่นเต้านักแล”
    ความหมายก็คือ
    “ใครก็ตามถ้าได้เคารพบูชาในยันต์ดาบสรีกัญไชย ก็จะประสพตามความปรารถนาทุกประการ จะอยู่เย็นเป็นสุข มีชัยชนะต่อข้าศึกศัตรู ผีร้ายทุกประการ มีบารมี อำนาจวาสนาสูงส่ง มากนักแล”
    ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่อดีตกาลจวบจนถึงปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใด หากเป็นผู้ที่มีความเคารพนับถือในศาสตร์แห่งคุณพระคุณเจ้าและพระเวทย์อาคมแล้ว ก็มักจะนิยมเสาะหาเครื่องรางของขลังประเภทมีดหมอ มีดครู ดาบครูต่างๆ มาบูชาสักการะ และนำมาเป็นเครื่องช่วยป้องกันตัว ป้องกันครอบครัวให้อยู่เย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า
    ตำรายันต์มีดดาบสรีกัญไชยหรือมีดดาบกายสิทธิ์ เป็นตำราการสร้างวัสดุอาวุธอาถรรพ์ที่เปรียบเสมือนเป็นอาวุธของพระอินทร์ พระพรหม พระนารายณ์ พระฤาษี และอาวุธของพระพุทธเจ้า มีคุณวิเศษมากนักตามความเชื่อของเกจิอาจารย์มาหลายยุคหลายสมัย ลักษณะของมีดดาบสรีกัญไชยที่ได้มีการบันทึกไว้คือ
    ดาบขนาด ๑ กำมือ แทนคุณครูบาอาจารย์
    ดาบขนาด ๓ กำมือ แทนคุณพระรัตนตรัยทั้งสามประการ
    ดาบขนาด ๕ กำมือ แทนคุณพระพุทธเจ้าห้าพระองค์
    ดาบขนาด ๙ กำมือ แทนคุณพระเจ้าทั้งหลาย คุณเทพ คุณอินทร์ คุณพรหมทุกๆ องค์ ทั่วทั้งจักรวาล เป็นต้น
    จะเห็นได้ว่า คนโบราณหรือครูบาอาจารย์ในอดีต ท่านจะมีการสร้างอาวุธเครื่องรางของขลังต่างๆ แต่ละอย่างแต่ละชิ้นขึ้นมานั้น ย่อมมีคุณค่าและมีความหมายเป็นที่สุด กำหนดเอาคุณแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมาเป็นตัวเชื่อมกับวัสดุที่ทรงคุณเหล่านั้นเสมอ เพื่อให้ผู้ที่นำเอาไปใช้ไปบูชานั้น ได้รับสิ่งที่มีคุณค่าและทรงคุณที่สุด
    ตัวอย่างความพิถีพิถันในการจัดสร้างวัตถุสิ่งมงคลในอดีต อาจจะเห็นได้จากวรรณกรรมเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับ “ขุนแผน” ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า เป็นนักรบที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งความหล่อ ความสง่างาม แล้วยังมีพระเวทย์อาคมที่สูงส่งมาก ขุนแผนมี “ดาบฟ้าฟื้น” เป็นอาวุธประจำกายที่ทรงอานุภาพมากที่สุดในยุคนั้น
    การสร้างอาวุธ หรือดาบคู่บารมีนั้น ครูบาอาจารย์แต่ละสำนัก แต่ละคน ท่านก็มีส่วนผสมในการสร้างที่แตกต่างกันออกไป อย่างขุนแผน ก็มีส่วนผสมที่หล่อหลอมเป็นดาบฟ้าฟื้นอันวิเศษมากมาย เช่น เหล็กน้ำพี้อันกล้าแกร่งคงทน เจ้าน้ำเงิน เหล็กสะกดอาถรรพ์ และเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ เป็นต้น
    <table id="table11" width="211" align="left" cellpadding="0" cellspacing="0" height="290"> <!-- MSTableType="layout" --><tbody><tr> <td valign="top">
    [​IMG]
    </td> <td height="247">
    </td> </tr> <tr> <td width="206" align="center" valign="top"> [​IMG]ครูบาอิน อินฺโท
    ผู้สร้างตำนาน "ดาบฟ้าหลั่ง"
    </td> <td width="5" height="43">
    </td> </tr> </tbody></table>
    ในยุคปัจจุบัน พระเกจิอาจารย์ทางภาคเหนือที่สร้างดาบสรีกัญไชยไว้ให้ลูกศิษย์ลูกหาได้สักการบูชาก็มีหลายรูป เท่าที่ทราบก็คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท แห่งวัดฟ้าหลั่ง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านได้สร้างดาบฟ้าหลั่งมาแล้วหลายรุ่น มีประสบการณ์เข้มขลังและโด่งดังเป็นที่เสาะหากันของบรรดาลูกศิษย์ลูกหา และเมื่อท่านย้ายมาอยู่วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย) ท่านก็ได้สร้างดาบสรีกัญไชย มีดหมอ และดาบหน้อยขึ้นเป็นรุ่นสุดท้ายของท่านเมื่อปี ๒๕๔๖ ซึ่งดาบสรีกัญไชยรุ่นนี้ของท่านก็มีส่วนผสมของ “เหล็กน้ำพี้” ที่ทรงอานุภาพล้างอาถรรพ์ และกล้าแกร่งเช่นกัน
    และนอกจากนี้ก็ยังมีพระเดชพระคุณพระนิมมานโกวิท หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเมื่อครั้งที่ท่านยังทรงสังขารอยู่ก็ได้สร้าง “มีดดาบมีดหมอกายสิทธิ์” ด้วยธาตุโลหะศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองอุตรดิตถ์ ก็คือเหล็กน้ำพี้อันลือชื่อนั่นเอง
    และเมื่อไม่นานมานี้ก็มีการสร้างมีดดาบถวายครูบาน้อยวัดศรีดอนมูล ปลุกเสกในพิธีเข้านิโรธกรรมอยู่ ๙ วัน เสร็จพิธีลูกศิษย์ลูกหาก็บูชาหมดในเวลาอันรวดเร็ว พอๆ กับเมื่อครั้งที่เปิดให้บูชามีดดาบที่สร้างถวายวัดชัยมงคล (วังมุย) ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งอาจารย์ปริญญา ณ เชียงใหม่ ได้บันทึกถึงประสบการณ์ของดาบชุดนี้ไว้ว่า
    “ผมได้ทราบจากคุณณรงค์ซึ่งทำงานที่องค์การโทรศัพท์เชียงใหม่ว่า ดาบชุดนี้ดีจริง มีคนถูกผีเข้า ทำอย่างไรก็ไม่ออก พอพี่ณรงค์อธิษฐานขอบารมีดาบยกจากหิ้งบูชา คนที่ถูกผีเข้าก็มีอาการกลัวลนลาน ยอมออกจากร่างไปในทันที นับว่าแปลกมากๆ”
    ดังที่ท่านพระมหาบุญหมั้น วัดห้วยหม้ายลำพูนได้กล่าวไว้ว่า ดาบสรีกัญไชย จะศักดิ์สิทธ์แค่ไหน อยู่ที่เงื่อนไขที่ว่า วัตถุหรือมวลสารที่นำมาสร้าง และพิธีกรรมปลุกเสกจะต้องดีและถูกต้อง พระเกจิอาจารย์หรือผู้สร้างต้องมีความสามารถถึง และผู้ใช้ต้องมีคุณธรรมและมีศีลธรรม จึงจะสามารถใช้ดาบสรีกัญไชยให้บังเกิดผลได้สมปรารถนาอย่างแท้จริง
    ในเรื่องของการสร้างดาบสรีกัญไชย ใช่ว่าใครก็จะสร้างได้ เพราะมีเหตุการณ์ให้ประจักษ์หลายต่อหลายครั้ง ถ้าผู้สร้างไม่มีคุณบารมีที่ถึงจริงแล้ว นอกจากดาบสรีกัญไชยที่สร้างขึ้นจะไม่มีพุทธานุภาพสมดังปรารถนาแล้ว อาจจะส่งผลต่อตัวผู้สร้างเอง ต้องอาถรรพ์ทำให้ชีวิตตกต่ำประสบกับความเสื่อมถอยในชีวิตก็มีให้เห็นมาแล้ว ทั้งนี้เป็นเรื่องคุณบารมีของผู้สร้างผู้เสก ไม่เกี่ยวกับผู้บูชา
    ::: คาถาลงดาบสรีกัญไชย :::
    ด้วยความเชื่อว่า ดาบสรีกัญไชย เป็นดาบที่ประทานมาจากสวรรค์ เป็นดาบพระอินทร์ การสร้างการเสกจึงต้องมีพระคาถาที่เกี่ยวพันกับพญาอินทร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ดาบสรีกัญชัยที่จัดสร้างขึ้นกันในท้องถิ่นล้านนา จะมีการลงด้วยพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นตำราที่หวงแหนกันหนักหนา ซึ่งยันต์แต่ละลูกนับได้ว่าเป็นยันต์ชั้นสูงแทบทั้งสิ้น อาทิเช่น คาถาพญาอินทร์ คาถาจักรพรรดิราช คาถาจักรแก้วพระพุทธองค์ บทชุมนุมพระคาถา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พ่อคาถา แม่คาถา และที่ขาดไม่ได้ก็คือ พระคาถาสรีกัญไชยที่แตกต่างกันไปแต่ละสำนัก เป็นต้น
    ดาบสรีกัญไชยของครูบาขันแก้ว เมื่อถอดใจความพระคาถาที่จารลงดาบสรีกัญไชยของท่านได้ความดังนี้
    แถวที่หนึ่ง ลงว่า โย เว โว กะ ถัง ลา ลัง กะ โต๋
    แถวที่สอง ลงว่า ติ มะ หัง ตั๋ง มิ มะ นะ
    แถวที่สาม ลงว่า วะ โน โส ยะ เล ตวา ตะ ยะ เส
    วิธีการลงอักขระเป็นแบบค่ายกลบท ใช้สลับกันทั้งสามแถว
    ดาบสรีกัญไชยของครูบาขันแก้ว นับว่าได้รับความนิยมเสาะหากันมากที่สุด
    [​IMG]
    อีกตัวอย่างหนึ่ง เป็นพระคาที่ใช้ลงดาบสรีกัญไชย ของหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย) จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระคาถาที่จารลงบนแผ่นเงิน และแผ่นทองเหลือง แล้วนำไปผนึกติดกับปลอกดาบ โดยที่ส่วนของใบมีดจะลง “นะชาลีติ” เท่านั้น
    คาถาดาบสรีกันชัย (ดาบฟ้าหลั่ง)
    โอม ปัตโต เภตะสะหะจักกะวะโร พุทธะมังคะละ สักกัสสามิ ทะสะ เอเก จัมหิ ปะวุดฑิฆัง นะมามิหัง สวาหาย
    สิโลมัง สะเหเห กาเว ติสสันโต มัทธิญาโณ ยันโต ทัสสะ ธะนะสิทธิ สะวิสปะเร เอเตนะสัจจะ วัชเชนะ
    ไชยยะโสตถิ ภะวันตุสัปปะทา สวาหายะฯ
    [​IMG]
    [​IMG]
    พระคาถานี้ นอกจากจะเป็นคาถาที่จารแผ่นเงิน แผ่นทองแดงติดปลอกมีดแล้ว ยังเป็นพระคาถาที่ใช้อธิษฐานบูชาดาบสรีกัญไชยของหลวงปู่ครูบาอิน ซึ่งหากท่องบ่นบูชาเป็นประจำ ก็จะบังเกิดฤทธิ์ เช่น จะช่วยป้องกันสิ่งเลวร้ายได้ และยังเป็นวัตถุมงคลช่วยคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ ป้องกันภูมิผีปีศาจไม่ให้เข้ามากล้ำกรายราวี (เอาแขวนหันออกหน้าบ้าน) ถ้าเจ็บป่วยก็ให้เอาดาบไปแช่ทำน้ำมนต์ แล้วเอาไปดื่ม-อาบ รักษาโรคได้ โดยการอธิษฐานขอบารมีหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ท่านช่วยก่อนใช้ดาบ เป็นต้น
    ในส่วนของทางจังหวัดน่าน ก็มีบันทึกพระคาถายันต์สรีกัญไชยตำรับเมืองงาช้างดำ ไว้หลายรูปแบบหลายสำนัก อาทิเช่น ฉบับอารามนาท่อ ฉบับหัวเวียงเหนือ ฉบับฆาราวาสอุ๊ยหนานพญาวงศ์ต๊าวหลวง และ ฉบับสำนักป่าเมี้ยง (ต๋าแหวน) เป็นต้น
    ส่วนพระคาถาลงดาบตำรับเมืองงาช้างดำ ลงเป็นกลบทรูปยันต์ อ่านได้ว่า
    ธุ
    ปะ สิ สะ อิ สวา สุ วุท ธา นัง สวา หะ
    กะ ยะ วะ สะ นะ วะ หะ สะ
    อุ ฆิ ระ เต ว เร หิ สวา หะ
    โส
    รอบล้อมด้วยตัวอุณาโลมทั้งสี่ด้าน เป็นพระคาถาสำหรับลงดาบสรีกัญไชยของแถบจังหวัดน่านที่ได้รับความนิยมมากตำรับหนึ่ง ซึ่งจะเห็นว่าแตกต่างจากของเชียงใหม่และลำพูนอย่างสิ้นเชิง
    ในส่วนของพระเกจิอาจารย์จังหวัดเชียงใหม่ที่สร้างดาบสรีกัญไชยตามตำราโบราณที่เข้มขลัง เชื่อว่าจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คือดาบสรีกัญไชย ของพระครูปัญญาวชิรธรรม (พระอาจารย์สุมินทร์) วัดต้นแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี อาจารย์ ปริญญา ณ เชียงใหม่เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้าง พระคาถาดาบสรีกัญไชย ที่ใช้ลงบทแรกเรียกว่า “คาถาสรีกัญไชยพระเจ้า” อ่านว่า
    “ติวิตีธะนุเจต๋า ธะราอาวุธทา จักกาเกปินิกุกุ สังระยะนะจัง นัมปะโยโหนตุเมนิจัง
    เมตตัญจะสัพป๊ะ โลกัสสมิงสาพุทธาหับยะ”
    [​IMG]
    คาถาสรีกัญไชยพระเจ้านั้น ใช้ได้ทั้งมหาอำนาจปกครองคน ใช้เสริมชะตาชีวิตให้เป็นใหญ่เหนือผู้อื่น ปราบเหล่าข้าศึกศัตรู เด่นทางอำนาจวาสนา อุดมไปด้วยเดชอำนาจบารมี เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา
    อีกบทหนึ่งเป็นพระ “คาถาบอกไฟแตก” ดีทางข่ามคง จากบันทึกของหลวงปู่คำหล้า ท่านเขียนเอาไว้ว่าให้ทดลองดู โดยเขียนคาถาบทนี้ แล้วเอาอุดลงรูบั้งไฟแล้วจุด บั้งไปจะแตก คือ มีฤทธิ์ห้ามดินปืนนั่นเอง หากเป็นปืนก็คงปืนแตก เพราะตามตำราเขียนไว้ดังนี้นั่นเอง
    [​IMG]
    พระคาถาทั้งสองบทมีคุณวิเศษ ตำราบอกว่ามีค่าควรเมือง โบราณจารย์มักหวงแหนพระคาถานี้ พระสังฆราชเจ้าลานนาได้บันทึกเอาไว้ในยุคของพระบรมราชาธิบดีที่หนึ่ง หรือพระเจ้ากาวิละ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่พระองค์แรกในวงศ์ทิพจักร (ทิพย์ช้าง)
    พระคาถาทั้งสองบท ลงเป็นตะกรุดบรรจุลงด้ามดาบสรีกัญไชย ของพระครูปัญญาวชิรธรรม (พระอาจารย์สุมินทร์) วัดต้นแก้ว พร้อมทั้งอุดผงวิเศษต่างๆ อีกมากมาย
    ส่วนตัวดาบ ด้านหนึ่งท่านพระครูลงด้วย “คาถาฟ้าฟีก” คือ “ระตะนังปุระโตอาสิ” ซึ่งเป็นพระคาถาที่มีคุณทางกันไฟและสายฟ้า พระเถราจารย์เจ้าของเชียงใหม่และลำพูนหลายรูป ใช้พระคาถานี้บรรจุไว้หลังเหรียญและวัตถุมงคลของท่าน อาทิเช่น ครูบาสิงห์ วัดฟ้าฮ่าม ลงพระคาถาฟ้าฟีกด้านหลังเหรียญรูปเหมือนของท่าน ครูบาอิน อินฺโท วัดฟ้าหลัง ใช้พระคาถานี้ลงหลังพระรอด พระสมเด็จ พระกริ่ง และลงเป็นตะกรุด ยันต์ อีกหลายแบบ
    อีกด้านหนึ่งลงด้วย “หัวใจท้าวเวสสุวรรณ” อันเป็นเจ้าแห่งปีศาจทั้งปวง ถอดคาถาออกมาได้ดังนี้ “เวสสะธัมมะราชาสุวัณโณกะระหิติ” ใช้ข่มผีสาง ทั้งปวง เป็นที่เกรงกลัว และกันสิ่งชั่วร้าย
    ถือว่าเป็นการรวมสุดยอดพระคาถาทั้งด้านข่ามคง กันฟ้ากันไฟ กันสิ่งชั่วร้าย และเสริมบารมี อุดมด้วยวาสนาบารมีอย่างที่สุดตำรับหนึ่งในปัจจุบัน
    จากตัวอย่างที่ยกมา คงจะพอทำให้ผู้อ่านสามารถมองเห็นภาพถึงอุปเท่ห์การใช้บทพระคาถาที่แตกต่างกัน แต่มุ่งเน้นสรรพคุณไปในทางการเสริมบารมีและป้องกันสิ่งชั่วร้ายเป็นหลัก
    ::: พิธีกรรมการปลุกเสกดาบสรีกัญไชย :::
    ในส่วนของกรรมวิธีการปลุกเสกก็คล้ายกับพระคาถาที่ลงดาบ แต่ละสำนักก็ปลุกเสกด้วยพระคาถาที่แตกต่างกันไป ตามที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา
    อาจารย์ปริญญา ณ เชียงใหม่ ปราชญ์ล้านนาผู้ศึกษาเรื่องดาบสรีกัญไชยมาเป็นเวลานาน ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคาถาที่ครูบาอาจารย์ล้านนาใช้ปลุกเสกดาบสรีกัญไชย แตกต่างกันว่า
    <table id="table12" width="197" align="right" cellpadding="0" cellspacing="0" height="274"> <!-- MSTableType="layout" --> <tbody><tr> <td> </td> <td height="231" valign="top">
    [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td width="11"> </td> <td width="186" height="43" valign="top">
    [​IMG] ครูบาคำ สํวโร
    วัดศรีดอนตัน จ.ลำพูน​
    </td> </tr> </tbody></table> ​
    “ในเรื่องคาถาดาบสรีกัญไชยนี้ ผมเคยเห็นครูบาอาจารย์หลายท่านใช้แตกต่างกันไปในบทปลุกเสก เช่น ครูบาคำ สํวโร ท่านจะปลุกเสกขึ้นต้นด้วย ‘อม เทปะสวาหังมัง ดาบสรีกัญไชยกูนี้.....’ ไปจนถึงลงด้วย ‘อมสวาหะเท็ก’ ส่วนครูบาคำหล้าท่านจะเสกด้วยสรีกัญไชยบท ‘อมนะโมนะมาสุภาษิตเทศน์แสนตอนจักรวาฬ....’ และลงด้วย ‘อมธุ ธะ ธา อะ ปิด ธะ ธา อม สังถะ’ เป็นต้น
    นอกจากนี้ผมยังเคยเห็นยันต์ชนิดนี้ลงเป็นดาบสี่เล่ม ผมเคยลองถามอาจารย์ณรงค์ชัย ท่านบอกว่าเป็นยันต์ลงดาบสรีกัญไชยสีเถื่อน ตามความเชื่อที่เล่ามาว่า ดาบทั้งสี่นี้เป็นของท้าวโลกบาล หรือที่คนเหนือเรียก ‘ท้าวทั้งสี่’ ส่วนคาถาปลุกเสกเคยเห็นท่านอาจารย์บุญเลิศบันทึกเอาไว้ เป็นบทสรีกัญไชยสีเถื่อนเหมือนกัน ใช้เสกมีดและไม้เท้า ดีทางข่มผีปีศาจ มีอำนาจเหนือคนทั้งปวง”
    ย่อมเป็นข้อสรุปได้ว่า พระคาถาที่ใช้ปลุกเสกของแต่ละสำนัก แต่ละพระเกจิอาจารย์ ล้วนแตกต่างกัน ซึ่งรวมไปถึงพิธีการปลุกเสกก็แตกต่างกัน อาทิเช่น บางแห่งต้องมีการตั้งขันครู ชุมนุมเทวดา มีเครื่องเซ่นสังเวย ตำรับเมืองน่านที่บันทึกโดยหนานบุญเมือง ได้ระบุถึงพิธีกรรมที่ต้องเตรียมเครื่องสักการะ ไว้ชัดเจน เช่น ผ้าขาว ผ้าแดง หมาก กล้วย อ้อย ข้าวเปลือก ข้าวสาร อาหารคาวหวาน ทำพิธีในเขตที่ล้อมรอบด้วยราชวัตร ฉัตร ธง มีเครื่องพลีแม่พระธรณี เป็นต้น ในขณะที่พิธีกรรมปลุกเสกของหลวงปู่ครูบาอิน เริ่มต้นที่การเลือกวันที่ฤกษ์ยามดี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ขันข้าวตอกดอกไม้ เครื่องสักการะ แล้วก็ทำพิธีปลุกเสกเดี่ยวได้เลย
    บางครั้งก็มีการนำเอาดาบสรีกัญไชยที่จัดสร้าง และลงอักขระเรียบร้อยแล้วเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก ร่วมกับวัตถุมงคลอื่นๆ เช่นพิธีพุทธาภิเษกตามวัดวาอารามต่างๆ ที่นิมนต์พระเกจิอาจารย์มาร่วมปลุกเสก หรือเข้าร่วมพิธีเข้านิโรธกรรมเช่น ดาบสรีกัญไชยของครูบาน้อยวัดศรีดอนมูลเป็นต้น
    ซึ่งไม่ว่าจะปลุกเสกด้วยพิธีกรรมแบบไหนก็สามารถให้ผลที่ดีตามปรารถนาได้เช่นเดียวกัน
    ::: วิธีการบูชาดาบสรีกัญไชย:::
    อาจารย์ปริญญา ณ เชียงใหม่ ได้กล่าวถึงวิธีการบูชาดาบสรีกัญไชยของวัดต้นแก้วตามแบบโบราณไว้โดยละเอียดว่า
    ๑. ให้จัดที่บูชาดาบ ให้มีหิ้งบูชา หรือเก็บเอาไว้สูงเกินศีรษะของผู้เป็นเจ้าของ
    ๒. ห้ามนำดาบมาเล่น หรือชักดาบออกจากฝัก เว้นแต่ใช้ปราบผี ให้ชักออกจากฝักแล้วทำน้ำมนต์ ภาวนาด้วยคาถา “เวสสะธัมมะ ราชาสุวัณโณ กะระหิติ” ๗ ครั้ง ผีออกแล
    ๓. ปรารถนาความรุ่งเรือง ให้บูชาด้วยดอกมะลิ ๙ พวงทุกวันพระ
    ๔. ทุกวันพญาวัน ๑๕ เมษายน ของทุกปี หรือตามกำหนดปฏิทินล้านนา ควรมีน้ำส้มป่อยพรมดาบ ภาวนาคาถานวหรคุณ “อะสังวิสุโลปุสะภุพะ” ๗ ครั้ง ดาบจะมีอานุภาพไม่เสื่อมคลาย
    ๕. ดาบนี้อยู่ในเคหะหอเรือนใด อธิษฐานป้องกันคุณไสย คุณผี คุณคน ได้ทั้งปวง
    ๖. ดาบนี้ใช้ข่มอาถรรพ์ ตลอดจนล้างความข่ามคงของศัตรูผู้คิดร้ายได้
    ๗. หากปรารถนาพันช่วงเจริญรุ่งเรือง ให้ภาวนาด้วยบทสรีกัญไชยพระเจ้า ๓-๕-๗-๙ ครั้ง ดังนี้ “ติวิตีธะนุเจต๋า ธะราอาวุธทา จักกาเกปินิกุกุ สังระยะนะจัง นัมปะโยโหนตุเมนิจัง”
    สำหรับวิธีการอธิษฐานใช้ดาบของหลวงปู่ครูบาอิน ท่านให้แขวนหันออกหน้าบ้าน เพื่อป้องกันสิ่งอัปมงคลชั่วร้ายที่จะมากล้ำกลาย ไม่ว่าจะเป็นคุณไสยที่ถูกส่งมา หรือลมเพลมพัดที่มาตามอากาศก็ดี ถ้าเจ็บป่วยก็ให้เอาดาบไปแช่ทำน้ำมนต์ แล้วเอาไปดื่ม-อาบ พร้อมทั้งอธิษฐานขอบารมีหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ท่านช่วยก่อนใช้ดาบ สำหรับผู้ที่ถูกภูตผี ให้อธิษฐานใช้ดาบทำน้ำมนต์ มารดราดผู้ถูกผี ถูกของ ก็จะได้ผล
    อธิษฐานเป็นประจำด้วยคาถา “โอม ปัตโต เภตะสะหะจักกะวะโร พุทธะมังคะละ สักกัสสามิ ทะสะ เอเก จัมหิ ปะวุดฑิฆัง นะมามิหัง สวาหาย สิโลมัง สะเหเห กาเว ติสสันโต มัทธิญาโณ ยันโต ทัสสะ ธะนะสิทธิ สะวิสปะเร เอเตนะสัจจะ วัชเชนะ ไชยยะโสตถิ ภะวันตุสัปปะทา สวาหายะฯ” เพื่อเพิ่มพุทธคุณแก่ดาบที่สักการบูชา วันศีลวันพระบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน และประพรมด้วยน้ำขมิ้นส้มป่อย ในวันพญาวัน ๑๕ เมษายน ของทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นวันมงคลมหาฤกษ์แห่งปี ควรแก่การสระสรงพระเครื่องวัตถุมงคล ให้มีความศักดิ์สิทธิ์คงทน ตลอดไป
    เมื่อพูดถึงดาบสรีกัญไชย คนเหนือรู้จักกันดี แต่สำหรับเรื่องราวของดาบสรีกัญไชยที่นำมาเสนอนี้ เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบถึงที่มาที่ไปในเชิงลึก อุปเท่ห์การสร้าง เสก และสักการบูชาเพื่อให้เกิดผลต่อผู้ใช้อย่างสมบูรณ์ที่สุด แต่ทั้งนี้ ขอให้พึงทราบไว้ประการหนึ่งว่า ของดีสิ่งวิเศษตลอดคุณพระต่างๆ จะดีได้ก็ต่อเมื่อ ผู้ครอบครองมีความเชื่อมั่น และดำรงตนอยู่ในคุณความดีเท่านั้น หากไม่ปฏิบัติรักษาศีล วัตถุมงคลใดๆ ก็ ไม่อาจจะคุ้มครองรักษาเจ้าของได้ จงหมั่นสักการบูชาด้วยความเชื่อมั่นนับถือ และรักษาตนให้ห่างไกลจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง ดาบสรีกัญไชย สิ่งสูงสุดแห่งพระเวทย์ล้านนานี้ก็จะปกปักรักษา เสริมดวงชะตาของผู้ใช้ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไปได้อย่างแน่นอน
    เรียบเรียงโดย: ธีระยุทธ ไขยวงศ์, webmaster
    [​IMG]
    ==========================================================================
    ::: ข้อมูลอ้างอิง :::
    ปริญญา ณ เชียงใหม่, “ดาบสะหลี๋กัญไชย”, คอลัมน์พระเวทย์ล้านา, อุณมิลิต ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๗ เดือนสิงหาคม ​
    ๒๕๔๘​
    ปริญญา ณ เชียงใหม่, “ยันต์ก๋าสะท้อน”, คอลัมน์พระเวทย์ล้านา, อุณมิลิต ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๓๖ เดือนเมษายน ๒๕๔๙​
    พระมหาบุญหมั้น สุนทรธมฺมโม, “เรื่องเล่าของพระขรรค์ไชยศรี และดาบสรี๋กัญไชย”, อุณมิลิต ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๓๘ ​
    เดือนกรกฎาคม ๒๕๔๙​
    วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย), “เอกสารสั่งจองวัตถุมงคลรุ่นไตรมาส สืบชาตาหลวง ๒๕๔๖” หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท, ๒๕๔๖​
    วิลักษณ์ ศรีป่าซาง, “เรื่องเล่าชุดชายหาญล้านนา: ตอน ดาบหาญล้านนา” อุณมิลิต ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๔๐ เดือนกันยายน ​
    ๒๕๔๙​
    หนานบุญ เมืองงาช้างดำ, “ยันต์มีดดาบสหลีกัญไชย (มีดดาบกายสิทธิ์) ฉบับเมืองงาช้างดำ” อุณมิลิต ปีที่ ๔ ฉบับที่ ​
    ๓๙ เดือนสิงหาคม และ ฉบับที่ ๔๐ เดือนกันยายน ๒๕๔๙​
    อมเรศ, “พระครูปัญญาวชิรธรรม เจ้าอาวาสวัดรัตนาราม (ต้นแก้ว)” อุณมิลิต ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๓๖ เดือนพฤษภาคม ​
    และ ฉบับที่ ๓๗ เดือนมิถุนายน ๒๕๔๙​
    ==========================================================================


    คัดลอกมาจากเวป ระลึกคุณครูบาอิน มหาเถระแห่งนครพิง เชียงใหม่
    www=http://krubain.awardspace.com/home.htm
    ขอขอบพระคุณ ท่านเจ้าของเวป อย่างสูง ครับ
    คุณยาย เอื้อม หาบทความนี้ ไม่สมควรแต่ประการใด ขอครูบาอาจารย์ โปรดเว้นโทษด้วย และ กรุณาช่วยบอกผมด้วย ได้ ละบทความนี้ ไป

    ปล. ถึง น้องนัด คนสวย พอๆ กับ จขกท หลังอ่านบทความนี้ พี่ว่าต่อม อยากของน้อง คงห้ามไม่อยู่แน่จ๊ะ อิอิ ( พี่อ๊ะ ไปแล้ว 200% ติดแต่ พญา มันนี่ )


     
  16. chanunnon

    chanunnon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +755
    ฮา ท่านพี่ก็ช่างหาข้อมูลมากระตุกต่อมอยากข้าเจ้า หุหุหุ มีข้อมูลมาดึงดูดพร้อม งานนี้จะปั้มพญามันนี่ทันไหมหนอ อ๋อ ไปรอหวยเจ้าแม่ใบตองดีกว่าเนาะยายเนาะ เผื่อจะได้พญามันนี่มากระชากต่อมอยากให้หายอยากเลย อิอิ

    ปล ว่าแต่พี่ชายจะไปรอด้วยคนเปล่า
     
  17. nut1663

    nut1663 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +2,691
    เล่าต่อครับ กราบท่าน ปู่พระอินทร์ แล้ว..............
    (เพื่อ คุณ ยาย ลืม .. )


    PM บอกมั่ง ฮี่ ๆ.. อ่านแล้ว ก็ งง ไม่รู้ว่าเลขไหน - -*
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2009
  18. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    อรุณสวัสดิ์ชาวไทยและบ้านใกล้เรือนเคียง


    ขอขอบคุณที่คุณนัทได้นำข้อมูลที่ยายผีป่าก็ไม่ว่างนำมาอธิบาย คือจริงๆ แล้วยายผีป่ามีตำราที่เขียนด้วยลายมือแบบคนยุคก่อนหนาปึกเลยเขียนเรื่องราวละเอียดมากเกี่ยวกับที่มาที่ไปของพระขรรค์ - พระแสงขรรค์สลีศรีกัณไชย (บ้างเขียนว่า สลีกัณไชย บ้างเขียนว่า สหรีกัณไชย แต่สำหรับยายผีป่าท่านบอกว่า ให้เติมสิริ หรือ ศรีเข้าไปด้วย เพราะสหรี นั้น ในคำโบราณไม่มีการใช้ ห นำหน้าค่ะ สลี ก็คือความเป็นมงคลอันเกรียงไกร)

    เมื่อวานมีลูกค้าสั่งส้มตำมากแต่ขาดทุน เพราะจ่ายค่าคนมาช่วยล้างจานหมดเลยกับค่าขนมลูกๆ กับลูกชาวบ้านที่พ่อแม่เขามาฝากให้เล่นกับลูกๆ เรา เออ..ลูกเราอิ่มอย่างไร ลูกเขาก็ต้องได้อิ่มเท่านั้น เลยขำตัวเองว่า ...แล้วฉันมาเหนื่อยเพื่ออะไรนี่ แต่ก็อิ่มใจเพราะว่าได้พบคนถิ่นอื่น มาทานแล้วบอกว่า อร่อย และได้เจอคนบางคนที่เขาป่วย เราก็แนะนำการบำบัดไป บ้างเครียด เราก็คุยให้หายเครียด เออ...น่าจะเรียกว่า ยายผีป่าเกิดมาโม้ แข่งกับวู้ดดี้เกิดมาคุย ดีไหมคะ

    ................................

    เมื่อตั้งจิตขอทราบความกับท่านอินทราช (พระอินทร์) ท่านบอกว่า " เหล่าผู้คนยุคนี้เวลามีภัย หาได้กล้าเช่นปากว่าไม่ ล้วนรักตัวกลัวตายเป็นยิ่งนัก อันตนบุญพอพึ่งได้ ก็ปานหยิบมือ ฤๅจักกู้จักแก้ไขได้ทันช่วง กลัวจะล่วงเลยเพลาฟ้ามืดดับ...พ่ออยากให้เจ้ารับงานนี้ไปสร้างให้ลุล่วงทันกาล เพื่อช่วยให้เมืองดี เป็นสรีต่อลูกสืบหลาน" แล้วยายผีป่าก็ได้รับการพาขึ้นถวายสักการะสมเด็จองค์ปฐมที่รายล้อมไปด้วยพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและครูศีล ครูธรรมที่สืบๆ ต่อกันมา ท่านได้ให้พร แล้วลากลับ ก่อนลากลับ ได้เข้าไปในถ้ำกราบท่านบรมครู...ท่านเมตตาให้พรเช่นกัน ท่านบอกว่า "งานนี้มารขัดขวางเยอะ แต่ขอให้ทำไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวเหนื่อย ปู่ให้เวลาเจ้าสองวรรค อันวรรคแรกนั้นแจงเหล่าคนกล้า กับผู้มานับถือเรา (พุทธภูมิ ที่จะช่วยรักษา ปกป้อง และสร้างบารมีต่อ อันมีทั้งลูกหลานที่ผ่านการครอบครูและพวกที่เขานับถือสมเด็จฯ นับถือปู่ใหญ่ ฯลฯ) วรรคสอง ให้เหล่าคนที่เขากลัวภัย และต้องการสร้างอำนาจ วาสนาทางโลก ก่อนจะตั้งมั่นในการปฏิบัติอย่างจริงจังเมื่อเขาอยู่ดีมีสุข วรรคนี้ให้ไปถึงแล้งหน้า (คงช่วงปลายเดือนพฤษภาคม)

    ...............................................

    ก็เท่ากับว่า ช่วงแรกนั้น ที่มีคนมาจองก่อน เราจะจัดทำตามยอดจอง แต่ถ้าครบตามจำนวนที่แจ้ง จะไม่ทำทำเพิ่ม เพราะท่านสั่งให้ทำเท่านี้ก็ต้องเท่านี้ เมื่อท่านทำการจองและโอนเงินมัดจำแล้ว จึงจะทำการตีเข้าเล่ม แล้วรวบรวมส่งไปเข้าพิธีตามที่ได้กำหนดไว้ โดยปิดท้ายที่งานเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดท่าขนุนเดือนมีนาคม เพราะมวลสารนี้มีมวลสารสำคัญที่จำเป็นต้องอาราธนาสมเด็จองค์ปฐมท่านมาสงเคราะห์เท่านั้น

    ......................................

    ส่วนท่านที่สั่งจองวรรคหลังนั้น (หวังว่าจองหมดก่อนพร้อมกันวรรคแรกนะเจ้าคะ) จะนำมวลสารที่จะบรรจุและหลอมตีรวมกับเหล็กนั้นไปเข้าพิธีพร้อมๆ กับการนำชุดแรกเข้า แล้วจึงนำมาทำการหลอม ตีเข้าเล่ม พร้อมนำเข้าพิธีตามแต่ว่าช่วงนั้นครูท่านจะชี้นำมาจะนำไปขอบารมีองค์ใดสงเคราะห์ (คาดว่าจะมาสงเคราะห์ที่บ้านยายผีป่า หรือไม่ก็ที่เขมรค่ะ)

    .................................


    เการทำงานครั้งนี้ ท่านสั่งงานคนจนอีกแล้วค่ะพี่น้อง เหมือนกับตอนที่ท่านสั่งให้ทำบันไดนาค เคยบ่นว่า...ทำไมไม่ไปสั่งคนรวย ท่านบอกว่า คนรวยเขาทำอะไรเขาทำคนเดียว เพราะเงินเขามาก แต่ถ้าคนจนทำนั้น ถ้าทำลุล่วง บารมีจะมากขึ้น เพราะประการแรกนั้น คนจนต้องมีกำลังใจที่จะกล้าทำ และการให้คนอื่นๆ ได้มีส่วนร่วมสนับสนุน เท่ากับเป็นการก่อฐานไปถึงยอดเจดีย์ สร้างบารมีร่วมกัน ถ้าไม่นิพพานชาตินี้ ก็ไม่มีตกอับ เพราะคนเหล่านี้เขาจะไม่ทอดทิ้งกัน "

    เคยบ่นกับครูทิพย์เวลาท่านบอกว่า ทำนั่นทำนี่นะว่า

    "บางทีคนก็ด่าเรา มองเราในแง่ไม่ดี บางทีไม่อยากทำอะไร"

    ท่านบอกว่า

    "ถ้ามีคนคิดอย่างนี้ (หมายถึงขี้ขลาด ท้อ บ่น)หลายๆ คน ก็ล่มจมพอดี"

    เอ้า...เลือกจองตามกำลังนะเจ้าคะ ท่านที่ต้องการจองวรรคแรกตามกำลังก่อน หากวรรคสองมีกำลัง ก็มาจองเพิ่มได้นะคะ

    อนุโมทนาเจ้าค่ะ
     
  19. อายุมั่น

    อายุมั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2007
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +3,864
     
  20. w.สุรพล

    w.สุรพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,216
    ค่าพลัง:
    +4,544
    ยายครับผมโอนเรียบร้อยครับ 21500.00 23/11/52 เวลา20.07น
    เผื่อว่ายายต้องใช้ในการดำเนินงานจัดสร้าง ขอให้สำเร็จลุล่วงตามประสงค์อนุโมทนาบุญกับคุณยายครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...