พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

<TABLE class=tborder id=post190210 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal"> 07-02-2006, 05:31 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right> #205 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_190210", true); </SCRIPT>
สมาชิก
สมาชิกยอดนิยม



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:17 AM
วันที่สมัคร: Dec 2005
ข้อความ: 4,194 <!-- Start Post Thank You Hack -->
Thanks: 423
Thanked 4,077 Times in 1,320 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 862


</TD><TD class=alt1 id=td_post_190210><!-- message -->ผมขออนุญาติอธิบายพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า คะแนนร้อยครับ

พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า คะแนนร้อยนั้น เป็นลักษณะที่เวลาการสร้างพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าซึ่งเป็นพระสมเด็จเป็นพิมพ์สี่เหลี่ยม ได้99 องค์ จะสร้างเป็นพระคะแนนเป็นพระสมเด็จเป็นพิมพ์สี่เหลี่ยมแต่ขอบด้านบนโค้งทั้งสองด้าน 1 องค์ จึงเรียกว่าคะแนนร้อยครับ
<!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ผมเคยเจอเนื้อเบญจรง หลังตราครุฑ แต่ฐานชั้นล่าง มีพศ.พออ่านได้ว่า 2411 ครับ เนื้อหาสวยมาก อันนี้ทั้นหลวงปู่ใช่ไหม่ครับ

 

พระพิมพ์ที่ด้านหลังมีตราครุฑนั้น เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2415 อันเป็นปีที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี มรณภาพไปแล้ว จวบจนปลายสมัยรัชกาลที่ 6 ดังนั้น ผุ้ที่เสกพระพิมพ์ที่ด้านกลังเป็นตราครุฑนั้น จะมีอยู่หลายองค์ บางพิมพ์เป็นหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก บางพิมพ์เป็นเกจิอาจารย์ในสมัยนั้นเสก

ส่วนที่เป็นเนื้อเบญจรงค์หลังตราครุฑนั้น ฐานชั้นล่างมี พศ.2411 เท่าที่ดูจากข้อมูลนี้ น่าจะเป็นพระในพระราชพิธี พ.ศ.2451 พิธีฉลองรัชมังคลาภิเษกรัชกาลที่ 5 ครองราชย์ครบ 40 ปีครับ ผู้ที่เสกนั้นเป็นเกจิในสมัยรัชกาลที่ 5 พิธีในพระอุโบสถวัดพระแก้ว รัชกาลที่ 6 ท่านเป็นเจ้าพิธีครับ

ของผมมีเป็นตัวเลขอย่างเดียวครับ เป็นเลข 2411 หลังเรียบ หลวงปู่อิเกสาโร(องค์ที่ 3 ในคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร) เป็นผู้เสกครับ

ผมเองได้นำพระไปให้ท่านอาจารย์ประถม ตรวจสอบทั้งรูป(พิมพ์และเนื้อ)และนาม(พลังอิทธิคุณ)แล้วครับ

พระพิมพ์ที่เป็นเนื้อปัญจศิริ(เบญจรงค์) นั้น จะมีความแตกต่างกันทั้งสี ทั้งเนื้อ ทั้งรูปทรงพิมพ์ ส่วนบล็อคนั้น มีการยืมกันระหว่างวังหน้าและวังหลวงครับ พระประเภทนี้มีการสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2412 จนกระทั่งปลายสมัยรัชกาลที่ 6 นะครับ

 

2451 หลวงพ่อเงินได้เข้าร่วมพิธีด้วยหรือเปล่าครับ

 

ถ้าจำไม่ผิดนะครับ หลวงพ่อเงินท่านไม่ได้เสกครับ

 

หลวงพ่อเงินท่านมรณภาพตรงกับวันศุกร์ แรม 11 ค่ำ เดือน 10 ปีมะแม พ.ศ. 2462 สิริอายุได้ 107 ปี

 

แผนที่ วัดบ่อเงินบ่อทองนะครับ

 

ตอนนี้ท่านหลวงปู่โลกอุดร ทั้ง 5 องค์ยังดำรงชีวีตอยู่หรือครับ

 

พระเจ้าอโศกมหาราช ท่านได้เชิญหลวงปู่มาเป็นคณะพระธรรมทูต (คณะโสณะ-อุตระ) เดินทางจากอินเดีย มาเมื่อ ปี 235 ท่านอธิษฐานอยู่ครบพุทธศาสนา 5000 ปี (เท่าที่อาจารย์ประถม ท่านทราบมาว่า พระที่ท่านจะอยู่ครบอายุพระศาสนาสมณโคดม 5000ปี นั้น มีทั้งหมดอยุ่ 19 องค์ หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 องค์ก็อยู่ใน 19 องค์ด้วยครับ)

หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรในปัจจุบัน ท่านเป็นอทิสมันกายครับ แต่ท่านอาจารย์ประถม ท่านเห็นหลวงปู่ในนิมิต(การนั่งสมาธิ) ส่วนพระหลานชายท่าน เห็นหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ออกมาจากรูปทีละองค์จนครบ 5 องค์ ด้วยตาเนื้อครับ รูปนี้ ผมจะนำไปให้บูชากันในงานผ้าป่าด้วยครับ เป็นสิ่งเดียวที่ผมนำไปในวันงานผ้าป่า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรท่านเสกให้ทั้ง 5 องค์ครับ

 

ขอแจ้งเรื่องรถที่จะเดินทางไปวัดบ่อเงินบ่อทอง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ในวันทอดผ้าป่า วันอาทิตย์ที่ 9 กรกฏาคม 2549 ครับ

เป็นรถบัสปรับอากาศ 42 ที่นั่ง เนื่องจากเราจะไม่นำเงินจากผ้าป่ามาเป็นค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เงินทุกบาททุกสตางค์จะต้องมอบให้วัด จึงขอความกรุณาท่านช่วยกันเรื่องค่ารถ หากท่านใดต้องการจองที่นั่ง กรุณาลงชื่อจองไว้และโอนเงินค่ารถ 200 บาท/ที่ เข้าบัญชีข้างล่างได้เลยครับ เนื่องจากเราต้องเตรียมการล่วงหน้าก่อนการเดินทาง เราจะปิดรับการจองวันที่ 30 มิถุนายน 2549

ส่วนเรื่องสถานที่และเวลาี่ที่จะจอดรถรอรับท่าน เราจะแจ้งให้ทราบโดยละเอียดอีกครั้ง


ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
ชื่อบัญชี นางสาวฐิติวรรณ คุณานพรัตน์
สาขา บางนา
เลขที่บัญชี 015-4 32192-6
ประเภทบัญชี ออมทรัพย์

 

อานิสงส์จะเกิดผลต่อเมื่อได้ลงมือปฏิบัติเท่านั้น

​

จงตั้งใจสลัดอารมณ์ ความวุ่นวายใด ๆ ทั้งหลายที่เป็น “ ขยะหยากเยื่อหยากไย่ ” ของความคิด สติ และดวงจิต สลัดให้หลุด หยุดมันให้ได้ แล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ดูดเอากลิ่นอายแห่งความเบิกบาน พลังแห่งชีวิต และเสรีภาพอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นเสรีภาพที่เราปลดปล่อย ขยะ “ หยากเยื่อหยากไย่ ” ฝุ่นละอองแห่งดวงจิต รวมทั้งความคิดทั้งหลายได้ เราจะเล่นเกม และเล่นสนุกกับกิริยาท่าทาง และกระบวนการแห่งความคิด อันเยอะแยะมากมาย ลองมาหาความเพลิดเพลินเบิกบานสำราญใจด้วยการวางภาระทั้งหลายให้จบสิ้น และหมดลงไปในบัดดล กลายเป็นบุคคลผู้เปล่า ผู้ปราศจาก เปล่าและว่าง ปราศจากความคิดอ่านทั้งปวงผนึกกายและใจให้แนบแน่นกันเป็นหนึ่งเดียว โดยไม่ให้ความคิดมาแยกออกจากกาย ผูกกายกับใจให้รวมเป็นหนึ่ง ฝึกได้ขนาดนี้ อย่างนี้และถึงขั้นนี้ จนถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิต เราจะได้มีสติดำรงมั่นในจิตวิญญาณที่ใสสะอาด มีทางแห่งสุขคติภพเป็นที่ไปในวาระสุดท้ายของชีวิต

เมื่อจิตเราไม่เศร้าหมอง ไม่ขุ่นมั่ว ไม่ฝักใฝ่ ไม่ดิ้นรน ไม่ขัดข้อง ไม่กระเสือกกระสน และไม่แสวงหา ถือว่าเป็นหนทางปิดกั้น “ อบายภูมิ ” เพราะพระศาสดาทุกพระองค์ทรงกล่าวว่า “ ผู้ไม่ดิ้นรนจนเกินพอดี ไม่กระเสือกกระสนแสวงหา คือผู้สันโดษยินดีในสิ่งที่พึงมีพึงได้ ย่อมพบทางสบาย ผ่อนคลายอิสระ สัตว์ทั้งหลายที่เที่ยวเดือดร้อนดิ้นรน กระเสือกกระสนและแสวงหานั้น เป็นกิริยาของอสูรกาย เดรัจฉาน เปรต และสัตว์นรก รวมทั้งกริยาอาการของผู้ทุกข์ไม่รู้จบสิ้น.. ”

สมณะ นักบวช พระ หรือผู้สงบ ผู้หยุด ผู้ไม่วิ่ง ผู้สันโดษ ผู้ไม่แสวงหา เป็นสภาวะของ “ เนกขัม ” ถือการออกบวชแห่งจิตวิญญาณเป็นหนทางอันบริสุทธิ์ใสสะอาด เป็นความสงบ และสันติ เป็นความรู้สึกสุข เสรีภาพ และเป็นเสรีภาพที่ได้รับการปลดปล่อยจากจิตวิญญาณที่หิ้วอยู่ – หุ้มอยู่ – จมอยู่ ในกองขยะหยากเยื่อหยากไย่ทั้งหลายในและนอกกายเรา...
โปรดกรุณาปลดปล่อยตนเองออกจาก “ คุกแห่งอารมณ์ ” ไม่มีผู้ใดในโลกมาขังเราได้ ถ้าเราไม่ขังตัวเราเอง พวกเราทุกคนกำลังตกเป็นทาส เป็นนักโทษที่มี “ คุก ” เป็นเครื่องจองจำ นั่นก็คือ “ อำนาจแห่งกรรม ” และ “ การกระทำที่ไร้ความไตร่ตรองและพิจารณา ”
ในขณะเดียวกัน เราก็ “ ติดคุก ” อยู่ลึก ๆ ซึ่งมันซ่อนอยู่ในดวงใจเล็ก ๆ เป็น “ คุก ” ที่มีอำนาจผูกให้เราตกอยู่ในความหลง ความโกรธ ความโลภ และความสับสนวุ่นวาย คุกชนิดนี้มันยิ่งใหญ่กว่า “ คุก ” ที่ชาวโลกสร้างมันขึ้นมา เพื่อขังมหาโจรเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าสัตว์ตนใด “ ติดคุกแห่งอารมณ์ ” เขาจะไม่มีวันได้ออก ไม่มีใครบอกได้ว่า เขาจะ “ ออกจากคุก ” เมื่อไหร่ อย่างไร จนกว่าเขาจะสามารถหาทางออกได้ ด้วยตัวของเขาเอง เพราะสรรพสัตว์ที่ “ ติดในคุกอารมณ์ ” จึงต้องอุบัติ “ พระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ” มาทำหน้าที่เป็นนายทวารไปไขกุญแจ ปลดปล่อยสรรพสัตว์พ้นจากโทษทัณฑ์ และบ่วงกรรม ความเป็นทาสของความหลงโง่งมงาย
เราชาวศากยะ และตระกูลวงศ์แห่งพระศาสดา มีหน้าที่ปลดปล่อยตนเอง แล้วก็ปลดปล่อยสรรพสัตว์ที่ไม่ใคร่ระวัง สติรู้ตัวทั่วพร้อมให้พ้นบ่วงแห่งกรรม และทุกข์โทษภัยทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ใจที่ไม่ได้มีการพัฒนาและฝึกฝน และไม่ได้ระแวดระวังด้วยความรู้สึกที่ได้จากตาเห็น หูฟัง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายถูกต้องสัมผัส ไม่มีสติรู้ทั่วพร้อม เราปล่อยให้ตัวเองติด “ คุก ” และส่งเสริมให้วิญญาณ “ ติดคุก ” อีกต่างหาก โดยการหลงใหลลื่นถลาไปกับ “ ตาเห็นรูปสวย ” “ หูฟังเสียงเพราะ ” “ จมูกได้กลิ่นหอม ” “ ลิ้นรับรสอร่อย ” “ กายถูกต้องสัมผัสที่ชอบ ” ลองมาใช้เวลาอันน้อยนิดสมมติว่าจะปลดปล่อยตัวเองออกจาก “ คุก ” แห่งความวุ่นวาย สับสน และหงุดหงิด โดยการมีสติควบคุม สิ่งที่เกิดจากตาเห็น หูฟัง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัส อย่าปล่อยให้มันมามีอำนาจเหนือจิตใจของตนเอง

วิธีการปลดปล่อยตนเองก็คือ หยุดคิด หยุดพูด หยุดทำ หยุดพฤติกรรมต่าง ๆ และอย่าปล่อยให้ความรู้สึกใด ๆ ปรากฎขึ้นในขณะนี้ยกเว้นมีความรู้สึกว่า “ กายรวมใจเป็นผนึกแนบแน่น ” มีสติสัมปชัญญะคือความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ภายในกาย จงอย่าปล่อยให้อารมณ์ใด ๆ เกิดขึ้นภายในกายนี้ ในเวลานี้เป็นอันขาด เมื่อเราทำได้ถือว่าเป็นผู้ที่ฝึกตนเองที่พร้อมจะปลดปล่อยวิญญาณให้เป็นอิสระ..ได้ในลำดับตน



จากหนังสือทำวัตร-สวดมนต์แปล
หลวงปู่พุทธอิสระ
วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม


ผมเองเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ขออนุญาตนำมาลงให้อ่านกันนะครับ

.

 

วันนี้ ผมได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาต และนำพระพิมพ์ ,น้ำมันชาตรี ไปให้คุณkwok เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งคุณkwok ได้ฝากขนมปัง ที่จะนำไปถวายเณร ในงานผ้าป่าไว้ที่ผมก่อน ในวันงานผมจะนำขนมปัง จำนวน 15 กล่อง ไปร่วมงานผ้าป่า ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่คุณkwok ได้ทำด้วยครับ

.

 

จริงๆ แล้ว พระสมเด็จหลายสีเรียกพระสมเด็จเบญจสิริ ไม่ใช่หรือครับ ส่วนพระปิดตาวังหน้าแนะนำให้เลือกบางพิมพ์ครับ เช่นพิมพ์อรหันต์น้อย เนื่องจากผสมผงชัยวรมันต์มาก จะเด่นทางด้านเจ้าชู้ อรหันต์ใหญ่ให้ทหารไว้แขวนจะดีมาก (อำนาจ) ส่วนคุ้มครองให้เลือกองค์ที่มีฐานอุ (อุดร) รังสีท่านจะเป็นสีทอง หรือถ้าจะดีคุณสิทธิพงษ์น่าจะขออนุโมทนากับอ.ประถม ขอวัดระฆังเนื้อกระรอกด่อน (เพดานโบสถ์วัดพระแก้ว)มาให้สมาชิกด้วยเถอะครับ บอกว่าจะนำมาทำบุญท่านน่าจะให้ หรือจะหาพิมพ์แปลกๆ ก็ได้ แรงชะมัดยาด พระทั้งหมดข้างต้น เคยให้ท่านอาจารย์อนันต์ กับ อาจารย์ทอง แห่งวัดมาบจันทร์ ระยองตรวจแล้ว ท่านคว้าใส่ย่ามเลย บอกเฉพาะของหลวงปู่ฯ นี่ใช้พลังสุริยัน จันทราเสกเลยนี่ หาที่ไหนได้ในโลก หรืออย่างน้อยก็ท่านท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตท่านเสกไว้(ทั้ง 2 ท่าน บารมีด้านนี้ หรือของเก่าท่านมีมาก จับกระแสพระได้แน่นอนแต่ตอนตรวจ ควรเป็นช่วงเย็นๆ คนจะได้ไม่ตกใจครับ ให้รู้เฉพาะสมาชิกเราก็แล้วกัน)

 

คำว่าเบญจรงค์ อ.ประถมท่านคิดว่าใช้กับถ้วยชามเท่านั้น เบญจะหรือปัญจะ หมายถึง 5 เหมือนกัน ซึ่งก็คือ สีของธาตุทั้ง 5 บวกกับคำว่าสิริแปลว่าความดี รวมความแล้ว แปลว่าความวิเศษของธาตุทั้ง 5 จึงตั้งพระนามของพระพิมพ์วรรณนี้ว่า ปัญจสิริ ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ถ้าเป็นพระที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก(ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่องค์ไหน) ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ไหน ก็เป็นสุดยอดของสุดยอดแล้ว โดยเฉพาะถ้าเป็นพระที่หลวงปู่ใหญ่(พระอุตตระ)เสกแล้ว ยิ่งสุดยอด ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ใด เรื่องอิทธิคุณนั้นครอบจักรวาลแล้วแต่จะอธิษฐานเอา (แต่ก็มีบางพิมพ์ที่หลวงปู่ทั้ง 5 องค์ร่วมกันเสก อันนี้ผมอยากได้มาก ๆ ไม่รู้จะไปหาที่ไหน)

 

คำว่าเบญจรงค์ นั้น ในความคิดเห็นส่วนตัวผม น่าจะใช้เรียกเครื่องถ้วยชาม , โถต่างๆ หรือแม้แต่กาและถ้วยน้ำชา ซึ่งท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) ท่านสั่งเตาทำสังคโลก จากประเทศจีนมา ในสมัยนั้น เป็นที่นิยมกันมากทั้งในวัง ทั้งข้าราชบริพาร ทั้งขุนนางต่างๆ

แต่ปัญจศิริ ท่านอาจารย์ประถมท่านเรียกพระพิมพ์ที่เป็นสีๆ นะครับ วันนี้ ผมจะเดินทางไปหาท่านอาจารย์ประถม ผมจะลองสอบถามท่านดูนะครับ ในความคิดเห็นส่วนตัว นั้น คำว่าเบญจศิริกับปัญจศิรินั้น ความหมายเหมือนกันนะครับ

ส่วนพระพิมพ์ที่ผมนำมาแจกให้กับผู้ที่ทำบุญนั้น ที่เคยสอบถามท่านอาจารย์ประถมว่า พระพิมพ์ที่ผมมีอยู่แจกให้กับผู้ที่ทำบุญกับวัดบ่อเงินบ่อทองได้หรือเปล่า ท่านบอกว่า ถ้าเป็นพระที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ใช้ได้ทุกพิมพ์ และใช้ได้ในทุกๆทาง แล้วแต่จะอธิษฐานครับ ในความคิดเห็นส่วนตัว ผมเองก็เห็นเช่นเดียวกันกับท่านอาจารย์ประถมครับ

พระพิมพ์ที่ผมนำมาแจกให้กับผู้ที่ทำบุญนั้น ผมเองก็ห้อยอยู่ประจำ เพียงแต่ว่า วันนี้ผมอยากห้อยองค์ไหน สร้อยเส้นไหนเท่านั้นเอง ผมมีสร้อยที่ผมห้อยอยู่เป็นประจำ มีอยู่ 30 เส้น บางเส้นอาจมี 7 องค์ บางเส้นอาจมี 9 องค์ครับ จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันใช้

ในวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม 2549 นี้ ผมขอเชิญคุณสิงห์แดงไปร่วมงานบุญด้วยกันนะครับ

 

เคยเอาพระรุ่นนี้ไปตรวจพลังหรือยังครับ อยากจะรู้ว่าคนตรวจพลังจะรู้สึกอย่างไร เพราะสมเด็จองค์ปฐมท่านมาเป็นองค์ประธานปลุกเสก สมเด็จองค์ปัจจุบันคุมการอธิฐานจิตเองกับพระองค์ ขอบคุณครับ

 

ผมเองไม่มีพระคำข้าวหรือพระหางหมากเลย รวมทั้งพระรุ่นนี้ครับ ถ้าอยากทราบว่า มีพลังอิทธิคุณเป็นอย่างไร ลองนำไปให้ท่านอาจารย์ประถม ท่านตรวจสอบให้ได้ครับ ท่านเองอยุ่ทีชลบุรีครับ

วันนี้ผมเองได้พระสมเด็จองค์ปฐม มาเป็นองค์แรกในชีวิต จากคุณนักเดินทาง ได้นำมามอบให้ผมไว้ ท่านอาจารย์ประถม ท่านก็ได้บอกว่าพระองค์นี้แรงครับ ขอขอบคุณคุณนักเดินทาง ณ โอกาศนี้ด้วยครับ

 

วันนี้ พี่ตุ่น ,คุณนักเดินทาง ,คุณพุทธันดร ,เพื่อนคุณพุทธันดร และผม ได้ไปหาท่านอาจารย์ประถม ผมเองได้นำพระไปให้ท่านตรวจสอบ เพื่อที่จะนำไปให้บูชากันในงานผ้าป่ามหากุศลที่วัดบ่อเงินบ่อทอง ในวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม 2549 นี้ และได้ร่วมกันทำบุญนำพระไปบรรจุกรุ ซึ่งได้ฝากท่านอาจารย์ประถม ฝากพระหลานชายท่านไปบรรจุกรุให้

ผมขออนุโมทนาในบุญกุศลที่ทุกท่านได้ร่วมกันทำด้วยครับ

.

 

ผมเคยเอาไปให้ อ.ประถมตรวจแล้วครับ แต่ไม่ใช่พิมพ์นี้ เป็นรุ่นปืนแตก ท่านบอกว่าพลังแรงหายห่วง แขวนได้สบายใจ รุ่นปืนแตกสมเด็จฯท่านก็มาเสกให้เหมือนกันอิทธิคุณน่าจะคล้ายกัน ส่วนสมเด็จองค์ปฐมที่ผมให้คุณ sithiphong ็ก็เป็นของท่านอาจารย์มหาสิงห์ที่ผมจองกับคุณวุฒิพงษ์นั่นแหละ องค์นี้ อ. ประถมท่านก็บอกว่าแรงหายห่วง

 

ขอบคุญครับ พิมพ์นี้สร้างที่ไหนใครเสก ครับ