คุณและโทษของการสวดมนต์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย โสภา จาเรือน, 28 กรกฎาคม 2008.

  1. ลมรำเพย

    ลมรำเพย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +503
    อ้างอิง : คุณ ชนะมาร #1

    สำหรับผู้ชอบสวดมนต์เป็นภาษาบาลี ถ้าไม่รู้เรื่องคือไม่ได้แปล
    เมื่อไม่แปลก็ไม่เข้าใจความหมาย

    เมื่อไม่เข้าใจความหมายของบทสวดมนต์ถึงแม้จะมีสติกำกับอยู่อย่างดี
    แต่สตินั้นก็เป็นมิจฉาสติ

    แม้กระทั่งมีความเลื่อมใสปลาบปลื้มปีติอยู่ด้วยก็ยังเป็นความเลื่อมใส
    ปลาบปลื้มปีติที่ผิด

    .................................................................
    เมื่อเป็นมิจฉาสติ
    เมื่อเป็นความเลื่อมใสปลาบปลื้มปีติที่ผิด

    คนสวดก็คงต้องไปอบายภูมิแหงๆ
    มันจะขนาดนั้นเลยเหรอ คุณ ชนะมาร

    เรามาดูกัน
    พวกที่สวดมนต์มากที่สุด คือ พระ
    แล้วพระท่านรู้ความหมายของบทที่สวดทุกตัวหรือเปล่า
    ก็เปล่า ไม่รู้ทุกตัว คือบางบทรู้ บางบทไม่รู้

    เริ่มกันเมื่อคนจะบวชกันเลย ก็กล่าวคำขอบวชเป็นภาษาบาลี
    ถามว่ารู้ไหมแปลว่าอะไร ก็ตอบว่าไม่รู้
    รู้ว่าเพียงคำขอบวช ท่องไปอย่าให้ผิดก็แล้วกัน

    แล้ว พระคู่สวดก็สวดเป็นภาษาบาลี สวดจบก็เป็นพระ
    เป็นพระได้ทั้งที่ไม่รู้คำแปลนี่แหละ จริงมั้ยครับ

    แล้วเวลาพระไปสวดมนต์ตามบ้าน เช่น ขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญอะไรต่างๆนี่
    ท่านก็จะสวดพระปริตร ส่วนมาก ท่านจะไม่รู้ความหมายทุกตัวหรอกครับ
    นอกจากพระมหาเปรียญที่ท่านผ่านการศึกษาบาลีมาแล้ว แต่จะมีสักกี่องค์
    ท่านทราบเพียงคร่าวๆว่า บทนี้มีอานุภาพอย่างนี้ บทนี้ใช้สวดงานอย่างนี้ อย่างนั้น

    ไม่เชื่อลองถามท่านดูก็ได้ ว่าที่ท่านสวดมานี่ท่านแปลได้ทุกตัวหรือเปล่า
    แต่ควรจะถามหลังท่านสวดเสร็จแล้วนะ ถ้าถามก่อนสวด เดี๋ยวท่านยั๊วะ ขึ้นมา
    บอกไม่ต้องส่งไม่ต้องสวดกันละ มันจะยุ่ง


    พระท่านตั้งใจสวดด้วยความเคารพว่าเป็นคำของพระพุทธเจ้า เป็นเรื่องราวของพระพุทธเจ้า
    เป็นคำที่บุรพาจารย์ท่านประพันธ์ไว้ เป็นคำที่กล่าวแต่เรื่องที่ดี เรื่องที่เป็นมงคล
    อย่างนี้ พระปริตรที่สวดก็มีอานุภาพ ได้ แม้จะไม่รู้ความหมายทุกตัว


    คนฟังตั้งใจฟังพระสวดด้วยความเคารพว่าเป็นคำของพระพุทธเจ้า เป็นเรื่องราวของพระพุทธเจ้า
    เป็นคำที่บุรพาจารย์ท่านประพันธ์ไว้ เป็นคำที่กล่าวแต่เรื่องที่ดี เรื่องที่เป็นมงคล
    อย่างนี้ พระปริตรที่ฟัง ก็มีอานุภาพ ได้ แม้จะไม่รู้ความหมายทุกตัว


    เมื่อผู้สวด (จะเป็นพระหรือใครก็ตาม) ตั้งใจไว้อย่างนี้ แม้จะไม่รู้ความหมายทุกตัว
    และ ผู้ฟัง ก็ตั้งใจไว้อย่างนี้ แม้จะไม่รู้ความหมายทุกตัว

    จะเป็นมิจฉาสติ ได้อย่างไร
    จะเป็นความเลื่อมใส ปลาบปลื้มปีติที่ผิด ได้อย่างไร


    ยกตัวอย่างการฟังแบบไม่รู้คำแปล ก็ เกิดประโยชน์ได้

    หลังจากที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้แสดงยมกปาฏิหาริย์
    เพื่อปราบพวกเดียรถีย์นิครนถ์ที่มาท้าทายแล้วจึงเสด็จขึ้นไปโปรด
    พระพุทธมารดาที่ดาวดึงส์ และจำพรรษาที่เทวโลกเป็นเวลา ๓ เดือน

    พระพุทธองค์ทรงแสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
    และเหล่าเทวดาทั้งหลาย ทรงปรารภพระมารดาด้วยพระอภิธรรมปิฎก
    ว่า” กุสลา ธมฺมา,อกุสลาธมฺมา อพฺยากตา ธมฺมา” ดังนี้เป็นต้น

    ทรงแสดงธรรมอยู่ในเวลาภิกขาจาร ทรงนิรมิตพระพุทธนิมิต
    ด้วยทรงอธิษฐานว่า”พระพุทธนิมิตนี้ จงแสดงธรรมชื่อเท่านั้น
    จนกว่าเราจะมา”

    ทรงเคี้ยวไม้สีฟันชื่อ นาคละตา บ้วนพระโอษฐ์ที่สระอโนดาต
    นำบิณฑบาตมาแต่อุตตรกุรุทวีป ได้ประทับนั่งทำภัตกิจในโรงกว้างใหญ่แล้ว

    พระสารีบุตรเถระไปทำวัตรแด่พระศาสดาในที่นั้น พระศาสดาทำภัตกิจแล้ว
    ตรัสแก่พระเถระว่า”สารีบุตร วันนี้เล่าภาษิตธรรมชื่อเท่านี้ เธอจงแสดง
    แก่สัทธิวิหาริก(ภิกษุ ๕๐๐)ของเธอ” ในครั้งนั้นกุลบุตร ๕๐๐
    เลื่อมไสยยมกปาฏิหาริย์ บวชแล้วในสำนักของพระเถระ

    พระศาสดาตรัสแล้วอย่างนั้น ทรงหมายเอาภิกษุเหล่านั้น ก็แล
    ครั้นตรัสแล้ว เสด็จไปสู่เทวโลก ทรงแสดงธรรมเองต่อจากที่พระพุทธนิมิตแสดง

    แม้พระเถระก็ไปแสดงธรรมแก่ภิกษุเหล่านั้น
    ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระพุทธเจ้านามว่ากัสสป ภิกษุทั้ง ๕๐๐ เหล่านั้น
    เป็นค้างคาวหนูห้อยอยู่ที่เงื้อมเขาแห่งหนึ่ง

    เมื่อพระเถระ ๒ รูป จงกรมแล้วท่องพระอภิธรรมอยู่
    ค้างคาวได้ฟัง จึงถือเอานิมิตในเสียงนั้น ค้างคาวเหล่านั้นไม่รู้ว่า
    “เหล่านี้ชื่อว่าขันธ์,เหล่านี้ชื่อว่าธาตุ”ด้วยเหตุสักว่าถือเอานิมิตในเสียงเท่านั้น


    จุติจากอัตภาพนั้น แล้วเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติสิ้นพุทธันดรหนึ่ง
    จุติจากเทวโลกนั้นแล้วเกิดในเรือนตระกูลในกรุงสาวัตถี
    เกิดความเลื่อมใสในยมกปาฏิหาริย์บวชในสำนักของพระเถระแล้ว
    ได้เป็นผู้ชำนาญในปกรณ์ ๗ ก่อนกว่าภิกษุทั้งปวง

    แม้พระศาสดาก็ทรงแสดงพระอภิธรรมโดยทำนองนั้นเอง ในบรรดาหมู่สัตว์ทั้ง
    หลายที่ยังเวียนว่ายอยู่ในวัฎฎะจะกระทำกรรมเหมือนกันตลอดอัตภาพหนึ่งๆ
    ไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นไปได้ ด้วยเหตุดังนั้น วิบากกรรมจึงส่งให้สัตว์เหล่านั้น
    ได้รับผลของกรรมต่างกัน

    ค้างคาวหนูทั้ง ๕๐๐ ก็เฉกเช่นเดียวกัน แต่ละตัวมีวิบากกรรมที่ต่างกันไป
    แต่ด้วยการกระทำกรรมสุดท้ายอย่างเดียวกัน คือได้ฟังพระเถระ
    ท่องพระอภิธรรม การกระทำกรรมที่เหมือนกันในครั้งนี้ ส่งผลให้ค้างคาว
    ทั้ง ๕๐๐ จุติจากค้างคาวไปปฎิสนธิในสุคติภูมิ คือเทวโลกทันที
    วิบากกรรมที่จะนำไปสู่อบายภูมิในภพขาติต่อไป ถูกตัดทอนเสียสิ้น

    ในกาลครั้งนั้น ค้างคาวเหล่านั้นมีภพเหลือเพียง ๒ ภพภูมิคือ สุคติภูมิเทวโลก
    และมนุษย์ภูมิเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องด้วยค้างคาวเหล่านั้นอยู่ในกำเนิดดิรัจฉาน
    ในขณะที่ฟังพระเถระท่องพระอภิธรรมจึงมิอาจบรรลุธรรมได้
    แต่ด้วยอานิสงส์ของการน้อมจิตฟังพระธรรมจึงส่งผลอันยิ่งใหญ่
    แก่ค้างคาวเหล่านั้น และอานิสงส์นี้มิใช่จะยังประโยชน์เฉพาะแก่ค้าวคาวเท่านั้น

    เพราะเมื่อผู้ใดก็ตามได้น้อมจิตถึงพระธรรมแล้ว ผู้นั้นย่อมจะได้รับประโยชน์
    อันยิ่งใหญ่นั้นเสมอ


    ในกาลจบเทศนา ธรรมภิสมัยได้มีแก่เทวดา ๘ หมื่นโกฏิ

     
  2. ngern42

    ngern42 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +588
    อยู่ที่เจตนาครับ "อย่าคิดมาก"

    ความดีและบุญกุศล สร้างได้ง่ายๆครับ
     
  3. spamman

    spamman สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +17
    สวดมนต์ต่อให้ไม่รู้ความหมายก็ได้ศรัทธาในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    การเผยแพร่คำสั่งสอนที่ไม่ถูกต้องนี่น่าจะเป็นมิจฉาทิฐิมากกว่านะ
     
  4. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    บทสวดมนต์ คือ การสืบทอดคำสอน นำคำสอนไปเผยแพร่ผิด ทำให้ผู้อื่นเข้าใจคำสอนผิดจากทึ่พระศาสดาสอน ผู้นั้นต้องได้รับโทษ.......................

    การสวดมนต์ผิดโดยที่ผู้สวดไม่มีเจตนา แต่อ่านมาจากตำราผิด เราแก้ไขได้ ไม่น่าจะต้องมีโทษอะไร เพราะ คนสวดมนต์ตั้งใจทำดี ไม่ได้เจตนาทำผิด .
     
  5. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    จะเป็นบุญหรือไม่เป็นบุญอยู่ที่จิต
    สวดด้วยใจที่รัก เคารพ ศรัทธา บูชา สรรเสริญ ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งเป็นที่พึ่งอันประเสริฐหาประมาณมิได้ ก็ได้บุญ
    ยิ่งถ้าสวดแล้วพิจารณาถึงความหมายในบทสวด ยิ่งได้บุญและได้ปัญญา
     
  6. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ผมว่าการสวดมนต์ไม่มีโทษหรอกครับ มีแต่คุณอย่างเดียว..แต่จะมีคุณมากน้อยแค่ใหน..อยู่ที่จิตใจของเรา....มากกว่านะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2009
  7. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    ผมอยากจะบอกว่า

    ผมอ่านแล้วผมรู้สึกแย่สุดๆ

    ไม่รู้ว่า อันความจริงเป็นอย่างไรกันแน่

    เพราะผมก็ตั้งใจสวดมนต์แต่ผมไม่รู้ความหมายอะไรเลย

    ผมรู้สึกสบายใจ มีึความสุข แต่ผมก็ไม่รู้ความหมายของบทสวด

    ผมต้องตกนรกหรือครับ
     
  8. nemesis_2523

    nemesis_2523 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +1,002
    แบบนี้เด็กๆตั้งแต่อนุบาล จนถึงมัธยม ที่มีการสวดมนต์ตอนเช้า แล้วไม่รู้ความหมายก็ลงนรกกันหมดเลยน่ะสิครับ เข้าใจว่าสวดมนต์แล้วได้บุญมาตลอดเลยนะเนี่ย
     
  9. Palita N

    Palita N เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +1,515
    ขออนุโมทนาบุญค่ะ
    เห็นด้วยนะคะ สวดมนต์ ค่อยๆเริ่มศึกษาปฏิบัติธรรมตามสติปัญญาด้วยจิตที่เคารพและนอบน้อมต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พระรัตนตรัย อย่างนี้จะได้ไหมคะ
     
  10. จิตนิพพาน

    จิตนิพพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +414
    ตอนนี้ผมว่ามีความสับสนมาก ผมพบว่าบทความเกี่ยวกับการสวดมนต์ที่ไม่ถูก
    แล้วต้องเป็นบาป ต้องตกอบายภูมิ ฯลฯ มีอยู่หลายเวป หลายห้อง หลายกระทู้
    ผมมองว่าเป็นผลลบ และทำให้ชาวพุทธบางส่วน เกิดความรู้สึกที่ไม่ดี
    ต่อการสวดมนต์ .. ทำให้การชักจูงพุทธศาสนิกชนรุ่นต่อๆไป เข้าหาพระศาสนา
    ทำได้ยาก บรรดาลูกๆหลานๆ ตัวเล็กๆ ที่สวดมนต์ ตามพ่อ แม่ ก็เริ่มไม่สบายใจ
    และพบว่าบางกระทู้มีการยกพระไตรปิฏก มาอ้างกันอย่างละเอียด แล้วชี้ให้เห็นถึง
    โทษ แห่งการสวดมนต์อย่างน่ากลัว ซึ่งผมมองได้ 2 ด้าน

    1. เป็นการเอาพระไตรปิฏกมาโยงกัน ตัดต่อกัน เชื่อมโยง โดยมีวัตถุประสงค์
    เพื่อให้ตรงกับแนวคิด ของตนเองในเหตุผลนี้

    2. ปรากฏหลักฐานตามพระไตรปิฏกจริง แต่นัยของความหมาย
    หรือจุดประสงค์ไม่ใช่ ตามบทความที่เขียน (สื่อให้เห็นโทษอย่างมหันต์ของ
    ผู้ที่มีจิตศรัทธาสวดมนต์ ไม่รู้ความหมาย และผิดอักขระ )

    ในความเห็นของผม ผมว่าการสวดมนต์ เราอาจจะรู้ความหมายบ้างไม่รู้บ้าง
    หรืออาจผิดอักขระบ้าง แล้วต้องมารับโทษภัยจากการที่เราทำดี ประพฤติดี
    ตรงกันข้าม ผู้ที่อยู่เฉยๆ กิเสลเต็มตัวไม่ทำอะไรเลย ไม่เสี่ยงกับบาปบุญคุณโทษ
    ไม่เสี่ยงกับการตกนรก ...มองอย่างไรก็ขัดกับความรู้สึก และปัญญาของชาวพุทธ

    ผมเองยอมรับว่าไม่มีความสัดทัด และเข้าใจในพระไตรปิฏกอย่างลึกซึ้ง
    แต่เป็นห่วงมากกับกรณีอย่างนี้ และเมื่อมีการสอบถามจากผู้ที่เริ่มเข้ามาในศาสนา..
    ก็ไม่รู้ที่จะหาเหตุผลมาหักล้างบทความนี้ได้อย่างไร..ได้แต่แนะนำว่าถ้าทำดี จิตใจดี
    เจตตนาดี ก็จะไม่ผิด...ผมเชื่อว่าในเวปนี้มีผู้ทรงความรู้ในด้านพระไตรปิฏกเยอาะมาก
    ขอได้โปรดช่วยกันชี้แนะ ว่าพระไตรปิฏกที่นำมาอ้าง ถูกต้องหรือไม่อย่างไม่
    หรือถูกต้องแล้ว นัยของความหมาย เป็นไปตามที่เจ้าของกระทู้ว่าหรือไม่ .....

    ผมเชื่อว่าทุกคนในกระทู้มีความปราถนาดี ที่จะสืบสอดพระศาสนา
    แต่บางมุมมองหรือวิธีการกระทำ อาจจะส่งผลในด้านตรงข้ามก็ได้.....
    ให้ลองพิจารณาดูให้รอบคอบ มองในทุกๆมุม ชั่งใจในผลดีผลเสียที่จะได้รับ .....
    ทั้งนี้ก็เพื่อศาสนาพุทธของเราเอง หาใช่อย่างอื่นไม่..........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2010
  11. ภัทรวรรณ

    ภัทรวรรณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +50
    ธรรมะคุ้มครองค่ะ
     
  12. twojit

    twojit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2010
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +239
    สามัญชนทั่วไปไม่มีใครรู้หรอกครับ เป็นปัญหาระดับชาติเลย บางคนสวดมนต์ก็สวดไปเรื่อยๆ แต่ผมว่าคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เจตนาที่จะสวดผิดหรอก แต่ธรรมเนียมธรรมต่างหากที่เสื่อมไป ทำให้คนรุ่นหลัง ๆ ทำผิดเยอะ แบบนี้ถือเป็น บาปไหม ...ขออนุโมทนาท่านเจ้าของกระทู้
     
  13. จิตนิพพาน

    จิตนิพพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +414
    อย่าไปกังวลเลยครับ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ พระอริยะเจ้าทั้งหลาย
    ทั้งที่นิพพานไปแล้ว หรือที่ครองขันธ์อยู่ ไม่มีท่านผู้ได้ทักท้วง
    ในประเด็นนี้เลย มีเพียงแต่บอก ให้ทำบุญทำทาน ถือศีล ภาวนา
    สวดมนต์ทุกวัน .....จิตใจที่เป็นกุศลจากการสวดมนต์นี้แหละ
    คือบุญ บุญเกิดขึ้นที่ใจและเห็นได้ที่ใจทันที และขอให้เชื่อว่า
    คำเตือนหรือคำสอนใดที่แอบอ้างพระไตรปิฏก ทำให้ขัดต่อความรู้สึก
    ของชาวพุทธ ขัดต่อปัญญาของชาวพุทธ และไม่เป็นไปตามที่
    พระอริยะเจ้าทั้งหลาย ทั้งที่นิพพานไปแล้ว หรือที่ครองขันธ์อยู่
    ได้สั่งสอนแนะนำ ให้พึงสันนิษฐานก่อนเลยว่า เป็นคำเตือน
    หรือคำสอนที่เป็นมิจฉาทิฎฐิ .....

    ขอให้สบายใจเถิด อย่าได้กังวลไปเลย ทำบุญให้ทาน
    ถือศีลภาวนา หมั่นสวดมนต์ทุกวัน ตามที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์
    สั่งสอนไว้เถิด ....อย่าไปกังวลกับคำสอนที่เป็นมิจฉาทิฎฐิเลย....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2010
  14. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    มั่ว ความคิดปนเปื้อนมิจฉาฐิถิ ใครจะไปสวดมนต์แช่งให้คนอื่นฉิบหาย บทสวดมนต์เป็นบทสรรญเสริญคุณพระรัตนไตร มีความศักดิ์อยู่ทุกประโยคที่สวดออกมา มีเทวดาสิงสถิตอยู่ทุกตัวอักษร รู้ไม่จริงอย่าทำให้ชาวพุทธไขว้เขว อบายภูมิเป็นที่ไปนะจะบอกให้
     
  15. naron

    naron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,515
    ค่าพลัง:
    +3,573
    ทุกอย่างมีคุณและก็มีโทษอยู่ในตัว อยู่ที่คนนำไปใช้ ใช้ถูกก็เกิดประโยชน์มหาศาล ใช้ไม่ถูกก็เป็นโทษอย่างมหาศาลเช่นกันฉนั้น จึงให้ระลึกถึงพระพทุธ พระธรรม พระสงฆ์ก่อนเสมอจะทำอะไร จิตใจจะได้เป็นบุญก่อนเป็นเบื้องแรก
     
  16. Junja

    Junja Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +75
    มีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับบทความนี้ค่ะ

    พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนว่าการกระทำที่จะชี้ว่าเป็นบุญ หรือ บาป อยู่ที่เจตนา หนูคิด

    ว่าเมื่อผู้ที่สวดมนตร์มีความตั้งใจดี ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บุคคลผู้นั้น

    ย่อมได้รับบุญแทนที่จะได้รับบาป
     
  17. ปลาแมว

    ปลาแมว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +797


    คุณครับ ถ้าสวดมนต์ไม่รู้ความหมายแล้วบาป ต้องไปอบายภูมิ ผมว่าเกินครึ่งของคนที่สวดมนต์ในประเทศไทยก็ต้องไปอบายแล้วล่ะครับ รวมถึงตัวผมด้วย เพราะผมก็ไม่ได้เข้าใจความหมายทุกประโยคของบทสวดเหล่านั้น

    ถ้าขนาดสวดมนต์ยังมีบาป ก็คงไม่ต้องทำความดีอะไรแล้วมั้งครับ ผมถามกลับนะ บทสวดอะไรครับที่คนจะนำมาใช้เพื่อสวดแช่งให้คนอื่นชิปหาย ตอบแค่ตรงนี้ให้ได้ก่อนครับ บทไหนว่ามา

    การสวดมนต์เป็นการปฏิบัติธรรมในขั้นที่ง่ายที่สุดแล้ว ถ้าแม้แต่สิ่งนี้ยังเป้นที่พึ่งไม่ได้ก็ไม่ต้องหวังพึ่งอะไรแล้ว

    ปล. พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสเรื่องนี้ไว้ในพระไตรปิฏกหรือเปล่าครับ ผมอ่านมาทั้งหมดยังไม่เคยเจอนะครับ

    ปล.2 เคยคิดมั้ยครับว่าสิ่งที่ท่านพูดคือการขัดขวางการปฏิบัติธรรมของผู้อื่น ขัดขวางการเผยแพร่ศาสนา และตัวคนพูดจะตกอบายซะเอง
     
  18. พหุปราชญ์

    พหุปราชญ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2010
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +39
    ผมขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมนะครับ
    1.ต้องเอามาจากเว็บวัดสามแยก จ. เพชรบูรณ์แน่ๆ ที่ใช้อรรถกถาแต่ไม่ได้ใช้พระไตรปิฏก บาลี เลย
    2.ทุกบทสวด ถึงจะไม่ทราบความหมาย แต่ภายหลังก็จะทราบความหมายไปด้วย ก็ไม่เสียหาย
    3.การตีความในลักษณะนั้น จะต้องทำด้วยความระมัดระวัง แต่ตีความครั้งนี้ ขาดความรอบคอบ และสร้างความขัดแย้งของคนส่วนมากโดยปริยาย
    4. ในพระไตรปิฏก พบว่า ไม่มีบทสวดมนต์ใดที่สวดให้ผู้อื่นฉิบหายเลยแม้แต่บทเดียว
    5. หากเป็นเช่นนี้ ถือว่าเป็นการบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...