ปริศนา "ZERO POINT"... แหล่งพลังงานแห่งการดำรงอยู่ของสรรพสิ่ง

อือ...สองคน นี้ ถกประเด็นได้น่าคิดที่เดียวเชียว
ขอบคุณที่มาจุดประกาย กำลังเลือกเรื่องที่จะโพสต์ต่อ ได้ไอเดียเรียแระ

ทำให้มาคิดเลยว่า ที่ว่าเราต้องมีประสบการณ์ทางกายภาพ
เพราะการรับรู้ทางประสาทสัมผัสของมนุย์มันจำกัด
การที่จะให้ญาณ หยั่งรู้ แบบที่หมวยบอกทำงานได้

มันก็ต้องมีการเชื่อมต่อ ทั้งสัมพัทธ และสัมพันธ์กัน
สัมพัทธ น่าจะ เป็นคล้ายๆสิ่งที่แทนกัน คล้ายกัน เหมือนกัน หรือเปล่าค่ะคุณริสา
เหมือนทฤษฎีสัมพัทธภาพ ซึ่ง เป็นการคาดคะเน ตั้งสมมติฐานเสมือนจริง

ส่วนสัมพันธ์ ต้องมาเกี่ยวข้อง เชื่อมต่อกันจึงจะเห็นผล
จักรวาลจึงต้องส่งรหัสต่างๆ มาให้ สิ่งต่างๆที่เราถูกพบเห็นมาให้เราสัมพันธ์ อย่างสัมพัทธ
(เดี้ยนเข้าใจถูกหรือเปล่าค่ะ...พี่น้อง)

เป็นการกระตุ้น ซึ่งมันอยู่ในขีดจำกัดของโลกมนุษย์ จึงต้องกระตุ้นกันแบบ
ให้เห็น ให้รู้สึก ให้สัมพันธ์กัน ซึ่งก็มาในแบบ รูปทรงเรขาคณิต
ที่ว่าเป็นภาษาจักรวาล เพราะเป็นภาษาร่วม เข้าใจกันหมดทุกรูปธรรม
เพื่อที่จะไปสัมพัทธ กับสิ่งที่อยู่นอกเหนือ เวลาที่เป็นเส้นตรงแบบนี้

อือ....สงสัย ก็ไต่ถาม ถกกัน เป็นการขยาย และเชื่อมต่อ
จริงมะ สาวๆๆ .....Thanks หลายๆเด้อ

 

อ่ะ เริดดดดดดดดดดด สัมพันธ์อย่างสัมพัทธ์ เก๋กู๊ดดดอ่ะแจ้เดรด สุดท้ายก็คือทั้งหมดรวมกันคือหนึ่งเดียว *0*

 

ชอบกระทู้นี้จัง

 

เนื้อหาของกระทู้นี้ เป็นข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับ
พลังงาน Zero Point ซึ่งเป็นพลังงาน ที่เกี่ยวข้องกับสรรพสิ่ง
จึงจำเป็นต้อง ให้คำอธิบายในหลายๆเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ที่มา ที่ไป...ลักษณะที่แฝงไว้ ในสิ่งที่ล้อมรอบการดำรงอยู่ของมนุษย์

ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบสัญลักษณ์ต่าง เรื่องราวที่เกิดขึ้น
และมันเชื่อมโยงอย่างไรกับมนุษย์ และการขับเคลื่อนพลังงานในมนุษย์
หรือ การรับข่าวสารจากรูปธรรมต่างมิติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการ Ascension ทั้งสิ้น

โพสต์ต่อไป ขอกล่าวถึง เรื่อง Consciousness
ที่จะเรียกว่า จิตสำนึก สติสัมปชัญญะ ความตระหนักรู้
หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่เกี่ยวข้องโดยตรง กับความเป็นเรา
รวมทั้งวิธีการ เชื่อมต่อกับผู้นำทาง ทีอาจจะเรียกวิธีการนี้ว่า
การ Channeling ....

เราลองมาทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันนะคะ
หวังว่าข้อมูลต่อไปนี้ คงพอจะมีประโยชน์บ้าง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งค่ะ

 

Consciousness​

จิตสำนึก เคลื่อนเวียนวนเป็นวัฏจักร​

ในทุกขั้นตอน ของการหมุนเวียนกลับมาใหม่
มันจะบด ย่อย ตัวมันเอง จนกระทั่ง ตัวมันหายไป... ​

​

จิตสำนึกรู้ คือทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่าง ในประสบการณ์ของพวกเราบนโลกเสมือนจริงสามมิติ
เพื่อนำเข้าไปสู่ การตื่นรู้ ผ่านการทำงานของเครื่องจักรกลอิเลคโทรเคมี ในสมอง
โดยการมีประสบการณ์ และการแปลความหมาย
จากมุมมองผ่านกระแสรหัสที่เลื่อนไหล อยู่ตลอดเวลา ​

แหล่งพลังงานแห่งแสงสว่าง คือบ่อเกิดของจิตสำนึกรู้ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อการเรียนรู้
การทดลองทางกายภาพของมนุษย์ คือความตระหนักรู้ ที่ถูกนำออกมาจากกายเนื้อ
โดยผ่านรูปแบบของรูปทรงที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ในวงรอบของเวลา​

ความเป็นจริง เกี่ยวข้องกับการวิวัฒน์ของจิตสำนึก ในวงล้อเวลาของ alchemy
กลายเป็นความตระหนักรู้ที่เต็มเปี่ยม คือการที่คุณจดจำได้ว่า
คุณคือพลังชีวิตแห่งแสงสว่าง ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ และ ที่ไหนที่คุณกำลังจะไป
เหมือนมีการระบุตำแหน่งผ่านสิ่งที่สั่งสมอยู่อย่างไร้จิตสำนึก
มันสร้างสรรค์โปรแกรมชุดคำสั่งของความเป็นจริง ผ่านทะลุ
ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณที่เกิดอย่างพร้อมเพรียงกันทุกขณะ ​

<o></o>

 

​

จิตสำนึก อาจรวมถึง ความคิด ความรู้สึก การรับรู้ อารมณ์ ความอ่อนไหว ความฝัน
และ การระลึกรู้ด้วยตัวเอง มันมีหลากหลายมุมมอง เหมือนกับ หลากหลายภาวะขั้นตอนแห่งจิต ​

เส้นทางแห่งความรู้สึกเข้าใจ หรือ ความสัมพันธ์ระหว่าง ตัวเอง และผู้อื่น
มันอธิบายให้เห็นในจุดแห่งมุมมอง และฉัน ​

เหมือนกับที่ สิ่งซึ่ง Thomas Nagel เรียกว่า
การมีอยู่ของบางสิ่งบางอย่าง อย่างที่มันเป็นบางสิ่งบางอย่าง(ความเป็นเช่นนั้นเอง...)​

นักปรัชญามากมาย เล็งเห็นว่า จิตสำนึก เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในจักรวาล <o></o>
ในอีกมุมองหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ ก็เล็งเห็นว่า การนำคำๆนี้ไปใช้งาน
เหมือนเป็นการให้คำอธิบายถึง ความหมายที่คลุมเครือ ของเมฆหมอก <o></o>​

จิตสำนึก เป็นประเด็นในการค้นคว้าวิจัยมากมาย ในปรัชญาด้านจิต จิตวิทยา ประสาทวิทยา (neuroscience)
เกี่ยวกับกระบวนการการรับรู้; ที่เกี่ยวกับกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์
การสร้างสรรค์เชาว์ปัญญา ข้อเขียนถึงการฝึกฝนต่างๆที่เกี่ยวข้องรวมไปถึง
การประเมินผลของจิตสำนึก ณ ตอนที่เกิดการเจ็บป่วยที่สาหัส หรือ สลบไสล ไม่ได้สติ
ไม่ว่าจะรู้สึกตัวหลงเหลืออยู่หรือไม่ แล้วถ้าอย่างนั้น จะสามารถวัดค่าของจิตสำนึก
ณ จุดที่ตัวอ่อนเริ่มมีพัฒนาการ ขณะอยู่ในครรภ์ ได้อย่างไร
และคอมพิวเตอร์จะสามารถบรรลุขั้นตอนนี้ได้หรือไม่
<o></o>
จิตสำนึก มันเป็นคำพูดที่แสนจะธรรมดาทั่วๆไป
แต่ในบางครั้ง มันก็เป็นตัวแทนของการตื่นรู้ และ การตอบสนองต่อสถานการณ์แวดล้อม ​

แม้แต่ในภาวะของ การหลับใหล หรือ อาการของโคม่า
จิตสำนึก นั้นกลับให้ความหมายแตกต่างออกไปอย่างโดยสิ้นเชิง <o></o>​

 

Messages From Other Realms​

ที่มา...Messages From Other Realms - Crystalinks

​

Automatic Writing​

การเขียนที่เป็นไปเอง หรือการเขียนอย่างไร้จิตสำนึก
เป็นกระบวนการหรือผลิตผลของการเขียนข้อมูลข่าวสาร ที่ไม่ต้องผ่านการรับรู้ใดๆของผู้เขียน
ข่าวสารที่ผ่านมาทางมือ สิ่งซึ่งเขียนออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

บางครั้งก็กระทำไปอย่างไม่รู้สึกตัว
หรือบางครั้งผู้เขียนก็รู้สึกถึงสิ่งต่างๆรอบตัว แต่ไม่ได้รับรู้ถึงมือที่กำลังกระทำอยู่​

การบำบัดรักษา – การเขียนที่เป็นไปเอง หรือการเขียนไร้จิตสำนึก

ถูกใช้เป็นเครื่องมือ ทางจิตวิทยาของซิกมันส์ ฟรอยด์
และ เกี่ยวพันกับ การศึกษาแบบ "self knowledge"
(การรู้จักตัวเอง, ความเข้าใจในตัวเอง – อัตตัญญุตา..ข้อ ๓ ในสัปปุริสธรรม ๗) )
สิ่งที่เราเห็นนั้นเป็นสิ่งซึ่งออกมาจากภายในจิต ของผู้ที่เขียนไปอย่างเป็นอัตโนมัติ
ผ่านมาทางถ้อยคำที่ถูกเลือกมาจากจิตใต้สำนึก.
วิธีการนี้เคยถูกใช้มาก่อนจาก Pierre Janet ในฝรั่งเศส
และล่าสุดโดย Morton Prince และ Anita Muhl ในสหรัฐอเมริกา<o></o>

ศาสนา - – การเขียนที่เป็นไปเอง หรือการเขียนไร้จิตสำนึก นี้

ถูกใช้ในลัทธิความเชื่อทางจิตวิญญาณ และ การเคลื่อนไหวของยุค นิวเอจ
ที่มาในรูปแบบของการ channeling
(ช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับ ชีวิต หรือจิต เหนือธรรมชาติ เข้าทรง เป็นร่างผ่าน...ฯลฯ)​

หนึ่งในผู้เขียนที่รู้จักกันดีที่สุด ในต้นยุคศตวรรษที่ 20 คือ Helene Smith
นักฟิสิกส์ผู้ค้นพบว่า การเขียนที่เป็นไปเอง ของเธอ
เป็นการติดต่อที่มาจากชาวดาวอังคารสู่โลกมนุษย์
เธออ้างว่า เธอสามารถแปลภาษาของชาวดาวอังคารเป็นภาษาฝรั่งเศสได้ <o></o>​

 

แนวคิดของ Helene Smith มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของ ลัทธิเซอร์เรียลลิสม์
(Surrealism…ความหมายว่า เหนือความจริง เป็นเรื่องราวเหนือธรรมชาติ
ถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในความฝันออกมา ว่ากันว่า
ความฝันนั้นเป็นสิ่งที่จริงแท้เสียยิ่งกว่าความจริง เป็นสุดยอดของความเป็นจริง)

Andre Breton,ผู้นำซึ่งได้บุกเบิกวิธีนี้ขึ้นมา ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวในกลุ่มลัทธิเซอร์เรียลลิสม์
และสร้าง หลายๆสิ่งที่สำคัญในการเขียนที่เป็นไปเอง ลัทธิเซอร์เรียลลิสม์
ให้ฉายาคนดังอย่าง Soluble Fish ว่าเป็น"เทพธิดาแห่งแรงบันดาลใจของนักเขียนอัตโนมัติ"
Smith เป็น "Genius of Knowledge."

การเขียนที่เป็นไปเอง กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ ในการเล่นเกมส์ แบบ Surrealist
และ การใช้เครื่องมือแบบนี้ในการเคลื่อนไหว
เป็นแนวทางที่กระตุ้นให้เกิดการความคิดสร้างสรรค์
สำหรับทั้งนักเขียนและนักประพันธ์




ผู้ตั้งข้อสงสัย ชี้ให้เห็นถึง การเขียนที่เป็นไปเอง หรือการเขียนโดยไร้จิตสำนึก
ว่า มาจากแหล่งกำเนิดที่เหนือธรรมชาติ เหมือนห้องนั่งเล่นเกมส์
ผลที่ได้รับน้อยเกินกว่าที่จะไป ช่วยจุดประกายสิ่งที่สร้างสรรค์จากในใจของ ผู้เข้าร่วม

พวกเขาอ้างว่า เหมือนเป็นอีกด้านหนึ่งของ ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เหนือธรรมชาติ,
มันเป็นเพียงการแสดงสิ่งที่ชักจูงการกระทำของพวกเขาออกมาจากจิตใต้สำนึกของผู้เขียนเอง
และมัน ไม่มีหลักฐานที่เป็นตัวเป็นตน ว่าข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ กำลังมาจากที่ใด
นอกไปจากอีกด้านหนึ่งในใจของผู้ที่ถือดินสอนั้นเอง สิ่งนี้ทำให้นึกถึง ideomotor effect.
(หมายถึง ผลจากความคิดที่จะสร้างการเคลื่อนไหวหรือการเคลื่อนไหวที่เกิดจากความคิด....
เช่น การเล่นผีถ้วยแก้ว มีการขับเคลื่อนถ้วยออกไป
เป็นการกระทำโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆที่ผู้เล่นบอกไม่ได้ทำ)




ไม่มีหลักฐานใดทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุน วิธีการเขียนโดยไร้จิตสำนึกนี้ ที่จะมาใช้เป็นการบำบัด
มันถูกสงสัยว่า เป็นวิธีการที่จะปลดปล่อยความทรงจำที่ถูกสะกดกลั้นให้ออกมามากกว่า

ขณะที่แนวคิดเรื่องจิตไร้สำนึกนี้ แสดงออกมาในรูปของการเขียนที่เป็นไปอย่างอัตโนมัติ
ผู้ตั้งข้อสงสัยชี้ให้เห็นว่า มันไม่เหมือนกับ เป็นสิ่งที่อยู่ลึกล้ำข้างใน
ภายใต้จิตสำนึกผู้เขียนเอง

ผู้ที่ตั้งข้อสงสัย โต้แย้งว่า ไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามันคือ
“ตัวตนที่แท้จริง” ที่นอนเนื่องอยู่ใต้จิตสำนึก
มากไปกว่า การกระทำการของจิตสำนึกปกติธรรมดา<o></o>

การวาดหรือลากเส้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นรูปแบบของการเขียนไปเองอย่างเป็นอัตโนมัติ
มันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปของการไม่ได้มีสติจดจ่อในการเขียน
หลายๆคนวาดหรือลากเส้นรูป สไปรัล ขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ที่ทำให้พวกเขาเชื่อมโยงไปถึง รูปทรงเรขาคณิตอันศักดิ์สิทธิ์

<o></o>

พวกเราพยายามให้เกิดการเขียนแบบที่เป็นไปเองนี้ขึ้น โดยมีเหตุผล หลายๆอย่าง
อย่างแรก – เพื่อที่จะได้รับข่าวสาร เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของพวกเรา
อย่างที่สอง เพื่อ ยืนยันบางสิ่งบางอย่างจากใครบางคนอยู่ในอีกด้านหนึ่ง หรือ ผู้ที่เสียชีวิตไป<o></o>

และ...คำตอบมักทำให้ประหลาดใจ
... แต่ ต้องระมัดระวังเสมอในการใช้เครื่องมือแห่งญาณหยั่งรู้ที่ถูกเลือกนี้
อย่างเช่น กระดานอักษรและสัญลักษณ์ที่ใช้ในการเข้าทรงเรียกผี(ouija board)

 

ถ้าคุณมีปัญหาทางอารมณ์ – คุณอาจจะไม่ชอบข่าวสารที่ส่งผ่านมา
จิตสำนึกรู้ของคุณ – กำลังอยู่ในภาวะความถี่ที่ต่ำ
เพราะว่าการประสบปัญหาทางอารมณ์ ของคุณจะดึงดูด ความถี่ระดับต่ำทั้งหมดเข้ามา

ถ้าคุณชอบหนังชีวิตรันทด – และคิดว่าชีวิตของคุณเป็นหนังชีวิต – จะไม่มีการสื่อสารเกิดขึ้น

<o></o>

ในการเขียนให้เป็นไปอย่างอัตโนมัตินี้ คุณอาจจะใช้เครื่องมือในการเขียน
อย่างเช่น คอมพิวเตอร์ หรือ อะไรก็ได้ที่สามารถสื่อความหมายออกมาเป็นถ้อยคำได้
หลายๆคนชอบคอมพิวเตอร์ เพราะมันสามารถพิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว
โดยไม่มีการกลั่นกรองข้อมูลที่กำลังไหลผ่านเข้ามา
เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง – ตัวพิมพ์เหล่านั้น กลับมีความหมายอะไรบางอย่าง<o></o>


เพื่อที่จะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อ ของผู้เขียน
– เปลี่ยนการคิดแบบตรรกะจากสมองซีกซ้าย-มาสู่การคิดแบบปัญญาญาณโดยสมองซีกขวา

– หยิบดินสอขึ้นมา
– และจรดมันลงไปบนกระดาษ ราวกับว่า กำลังจะเขียนบางสิ่งบางอย่างลงไป
...จากนั้น หันความสนใจไปทางอื่น อย่าง หันไปดูทีวี อ่านหนังสือ หรือพูดจากับใครบางคน
แต่มือของหลายๆคนกลับเขียนอะไรบางอย่างที่ดูมีเหตุมีผลสอดคล้องกันออกมา

<o></o>

 

คนจำนวนมากเข้าสู่การควบคุม
และ สมัครใจที่จะอยู่ในภาวะ ซึ่งละวางประสาทสัมผัสทางกายเนื้อ <o></o>

ปริมาณเวลาที่ต้องใช้ในการเขียนแบบอัตโนมัตินี้
จะแตกต่างกันไป ในแต่ละ บุคคล และ การเข้าร่วมประชุม <o></o>

ถ้อยคำ ประโยคต่างๆ หรือ พารากร๊าฟทั้งหมด ที่ปรากฏขึ้น
บ่อยครั้งอาจเป็นภาษาที่อ่านไม่ออก หรืออ่านยาก
– ตัวหนังสืออาจกระโดดไปกระโดดมา
– ผิดไวยากรณ์ปกติ หรือผิดหลักภาษา
– ส่วนใหญ่ก็วิ่งไหลไปเรื่อย-บนประโยคเหล่านั้น


<o></o>

ข้อความจะถูกเขียนเป็นภาษา – หรือเป็นลายมือ – ไม่ต้องไปพยายามที่จำให้
ได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ ใด จากผู้เขียนใด หรือจากใครที่ไม่รู้จัก <o></o>

อาจเป็นการเขียนภาพ หรือสัญลักษณ์<o></o>

การเขียนที่เป็นไปเองนี้ บางคน ก็รู้ว่าข้อมูลถูกส่งมาจากใคร
ขณะที่บางคนก็ไม่รู้ ถ้าคุณรู้สึกถึงพลังงานที่สบายๆมาสู่ตัวคุณ
จากนั้น ในไม่ช้าคุณจะเรียนรู้ว่า ใครอยู่ตรงนั้น และทำไม เขา หรือเธอ จึงเขียนถึงคุณ <o></o>

ถ้าคุณ รู้สึกไม่สบายแม้เพียงน้อยนิด กับภาวะที่เป็นอยู่ หรือจากข้อมูลที่ได้รับ
จงหยุด!!!


ปล่อยให้ข้อมูล ไหลไป ...เรื่อยๆ! อย่าหยุดเพื่อจะนึกและไตร่ตรอง
– ประมวลผล – ในสิ่งที่คุณกำลังเขียน หรือกำลังพิมพ์

ถ้าคุณรู้สึกถึง มีใครมากกว่า หนึ่งคนที่พยายามเขียนถึงคุณในภาวะที่คงอยู่นั้น
– ขอเวลาพวกเขา คุณจะสามารถเขียนถึงพวกเขาเหล่านั้นได้ในเวลาเดียวกัน และ มักจะรู้ชื่อเสมอ <o></o>

คนที่ทำงานกับตัวหนังสือได้ดีที่สุด จะเข้าสู่การการเขียนเพื่อ channeled <o></o>
เวลาฉันอ่านงานลูกค้า โดยปกติฉันมักจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ มีกระดาษและปากกาในมือ
และบ่อยครั้งฉันพบว่าตัวเองกำลังเขียนชื่อ หรือ วาดภาพ หรือสัญลักษณ์ขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ<o></o>

(หมายเหตุ...ฉัน คือ Ellie Crystal นักจิตวิทยา, นักเยียวยา, อาจารย์, ผู้วิจัย,
ผู้เขียนบทความ, นักประพันธ์r, ผู้กระจายเสียงทางวิทยุหรือโทรทัศน์…
ผู้เขียนต้นฉบับภาษาอังกฤษของบทความนี้ จากเวบ…http://www.crystalinks.com)<o></o>

ทางที่ดีที่สุดที่จะรู้ว่า ถ้าข้อมูลข่าวสารที่ได้รับนั้นถูกต้องใช้ได้
คือ โดยการตรวจสอบความถูกต้องของสิ่งซึ่งได้รับมา<o></o>

ถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย จงหยุด!!!
ถ้าการเขียนที่เป็นไปเองนี้ ดีสำหรับคุณ – คุณจะรู้ได้ทันที
(you will know right (write) away!) <o></o>
<o></o>

....ต่อไปจะ เป็นเรื่อง ข้อแนะนำ ในการฝึกปฏิบัติ
<o>
</o>

 

หยุดทำไมหละแม่หมอ กำลังอ่านมันส์ๆเลย
ขอติดตามด้วยคนครับ

 

Getting Started​

มาเริ่มกันเลยค่ะ...
(ขอบคุณ หน้าม้าค่ะ อิอิ)​

อยู่ในท่าที่สบาย อย่างวันนี้ คุณนั่งลงหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์<o></o>
ให้แน่ใจว่า มีสมาธิพอ ไม่ว่อกแว่กกับสิ่งใด<o></o>
อยู่ในที่ๆสงบ วิเวก โดยลำพัง

<o></o>

ถ้าคุณกำลังเหนื่อย – สิ่งนี้จะทำให้คุณทำงานได้ดีขึ้น.
ตอนนี้ ทำใจให้สบาย ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน ใบหน้า ลำคอ แขน มือ....

ผ่อนคลาย<o></o>

คุณกำลังใช้ คอมพิวเตอร์ของคุณ พูดคุยกับ ผู้นำทาง<o></o>
โปรดจงรู้ว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่คุณจะเขียน มันเป็นการเขียนผ่านจิตวิญญาณ<o></o>

อย่าพยายามฟังเสียงที่เกิดขึ้นในใจ.
...แค่พิมพ์มันลงไป ....จิ้ม ดีด อย่างเดียว

คุณอาจจำเป็นต้องเพ่งสายตาไปที่บางสิ่งใกล้ๆคอมพิวเตอร์ของคุณ
เพื่อทำให้สองซีกซ้ายมีภาระกิจ ในขณะที่สมองซีกขวาของคุณกำลังสื่อสารอยู่ <o></o>

มันอาจจะดูเหมือนความคิดของคุณเองในตอนแรก

แต่นั้นละ ใช่เลย!! มันจะง่ายและเร็วมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยู่กับคอมพิวเตอร์

นี่คือการฝึกฝน.... <o></o>

 

You are ready to begin
คุณ...พร้อม ที่จะเริ่มหรือยัง...???​

วางมืออย่างนุ่มนวลลงบนคีย์บอร์ด ผ่อนคลายไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่จะเขียน​

พิมพ์วันที่ลงบนหัวกระดาษ...(อย่าลืม!!!)<o></o>​

ร้องเรียกผู้นำทางของคุณอย่างเบาๆในใจ และบอกเขาหรือเธอว่า...
คุณต้องการติดต่อสื่อสารผ่านคอมพิวเตอร์ บอกพวกเขาว่า
คุณสามารถคุยได้เพียงคนเดียวในเวลานั้น ​

คุณอาจจะเลือกผู้นำทางเอง หรือ...บางที มันก็เป็นการเลือกของพวกเขา
ผู้นำทางทั้งหมดไม่ได้ใช้วิธีการเขียนแบบอัตโนมัติ ทุกผู้นำทาง<o></o>
ในวันแรกคุณต้องรู้ก่อนว่าผู้นำทางของคุณคือใคร<o></o>​

พิมพ์คำว่า“สวัสดี คุณชื่ออะไร”<o></o>​

ตามด้วยคำถาม เกี่ยวกับผู้นำทางจิตวิญญาณ และ ความสัมพันธ์ของเขากับคุณ<o></o>​

ฉันขอแนะนำให้คุณ เริ่มด้วยคำถามง่ายๆ ที่สามารถตอบแค่​

“ใช่” หรือ “ไม่”<o></o>
อย่าหยุดเพื่อที่จะคิด แค่ปล่อยให้นิ้วของคุณพิมพ์มันลงไป<o></o>​

นี่เป็นเวลาที่คุณจะทำความรู้จักกับผู้นำทางของคุณ
และทำไม เขาหรือเธอ จึงมาทำงานร่วมกับคุณในเวลานี้<o></o>​

หลังจากนั้นสอง-สาม นาที คุณจะพบว่าคุณพิมพ์ได้อย่างรวดเร็วขึ้น ​

อาจมีการผิดพลาดบางอย่างในการใส่เครื่องหมายวรรคตอน ​

– ไม่มีช่องว่างระหว่างคำ
-- ไวยากรณ์ที่แย่
--- ถ้อยคำที่ไม่รู้จัก
----ไม่ว่าอะไรก็ตาม นี่ไม่สำคัญ! ​

คุณจะสามารถทำให้มันเหมาะสมได้ในภายหลัง....อย่า!!! กังวล<o></o>​

เพียงแค่...พิมพ์คำถามและคำตอบ ​

 

อย่าเขียนอะไรมากมายในวันแรก. เริ่มช้าๆและรู้สึกสบายๆ
คุณสามารถเริ่มอีกเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่คุณต้องการ
ไม่มีตารางกำหนด
แต่ละประสบการ์ณจะทำให้คุณรู้สึกสบายมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ<o></o>

ในวันที่สองคุณสามารถถามคำถาม
ที่คำตอบจะมากไปกว่าคำว่า ใช่ หรือไม่ ได้ และเริ่มลงรายละเอียดได้มากขึ้น
<o></o>
ฉันขอแนะนำคุณว่า อย่าถามคำถามที่เกี่ยวกับชีวิตรักของคุณ
จนกว่า คุณจะรู้สึกว่าจิตวิญญาณของคุณสบาย

และนี้เป็นรูปแบบของการผ่านร่าง(เข้าทรง)
มันแสนจะง่ายมากเมื่อ คำถามเหล่านั้นไม่เกี่ยวกับคุณ <o></o>

ในวันที่สาม
– ถามจิตวิญญาณ (ตอนนี้คุณควรมีชื่อของเขา หรือเธอแล้ว)

– เกี่ยวกับงานด้านจิตวิญญาณของคุณ
– ความสัมพันธ์ของผู้นำทาง – คำถามเกี่ยวจิตวิญญาณ
และ...เรื่องอื่นๆ <o></o>

ในวันที่สี่
– ถามเกี่ยวกับผู้นำของโลก
– การเปลี่ยนแปลงของโลก
– การเปลี่ยนแปลงในรอบ 1 พันปี
– อื่นๆ <o></o>

ในวันที่ต่อไป – เริ่มคำถามส่วนตัว

แต่โปรดจำไว้ว่า คุณสามารถถามคำถามได้เพียงคำถามละ 1 ครั้งเท่านั้น
การถามคำถามซ้ำไปซ้ำมาจนได้คำตอบ – คำตอบนั้น จะผิด <o></o>

ตัวอย่างเช่น
"คุณ....??? รักฉัน หรือเปล่า?" <o></o>

ถ้าคำตอบคือ
ไม่ !!!!!........กรุณา ปล่อยมันไว้อย่างนั้น ! (อย่าไปเซ้าซี้ เชียว...)<o></o>

เปลี่ยนคำถามเป็น....
"ฉัน....จะพบรักแท้บ้าง(...เผื่อไว้หน่อยค่ะ เดี๋ยวถอดใจ)ไหม ?
ใช่.. แมรี่ หรือเปล่า....? และ....อื่นๆ."
<o></o>

นี่เป็นการกระทำที่เที่ยงตรง แม่นยำ
เราจะพบว่า นักจิตวิทยาที่อ่านใจคน
จะบอกกับคุณถึงสิ่งที่คุณต้องการได้ยิน ไม่ใช่ ในสิ่งที่มันเป็นความจริง จริงๆ
ยิ่งคุณเขียนโดยไม่ได้ตั้งใจแบบนี้ มากยิ่งขึ้นเท่าไหร่
มันจะง่ายมากขึ้น และเร็วยิ่งขึ้น เท่านั้น

จงจำไว้ว่า โปรดจงเก็บรักษาโน๊ตของคุณไว้<o></o>
พวกเราแต่ละคนมีบทกวีของตัวเอง รูปร่างของอารมณ์
แสดงตัวของมันเอง ผ่าน ศิลปะของบทประพันธ์
บางครั้งเราก็เขียนในสิ่งที่เรารู้สึก ดังนั้น
จงปลดปล่อยความเจ็บปวด ให้ไหลผ่านออกม....

---------------------------------------------------------------<o></o>

จบแล้ว 1 เรื่อง...มีวิธี Channelling อีกหลายหัวข้อ
ขอเวลาไปเรียบเรียงก่อนค่ะ สต๊อกหมดแระ แล้วจะนำมาโพสต์เป็นระยะ

ขอให้ทุกท่านได้รับความบันเทิงโดยถ้วนหน้า...
<o>
</o>

 

น่าสนใจอย่างมากถึงที่สุดของที่สุดของแจ้เลยค่ะ

โดยส่วนตัวเคยใช้วิธีคล้ายๆนี้บ่อยๆเวลาคิดงานไม่ออก จะหากระดาษกับดินสอแหลมๆมาแล้วตั้งสมาธิ จากนั้นเขียนๆๆๆๆโดยไม่คิดไม่อ่านตามที่เขียน ตั้งเวลาเอาไว้ 15 นาที จะเขียนได้หลายหน้าแล้วพอนาฬิกาดังหมดเวลาก็วางดินสอเลยค่ะ จากนั้นทิ้งไว้สักพัก ไปกินน้ำกินหนมแล้วค่อยกลับมาอ่านที่เขียน

แต่วันนี้ได้วิธีที่มีรูปแบบไม่ใช่มวยวัดแบบเราก็จะลองกลับไปทำดู ขอบคุณมากค่ะ ไว้เป็นนักเขียนดังแล้วจะเลี้ยงข้าวผู้แปลนะคะ

 

น่าสนใจทุก ๆ ข้อมูล และ ขอบคุณที่นำมาแบ่งปัน ให้ได้อ่านกัน

 

มาลงเสียง ว่าติดตามอ่านครับ ^^

 

นิสัยของคุณตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คืออะไร ?

 

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านและให้กำลังใจนะคะ
กำลังเรียบเรียงข้อมูลอยู่ คาดว่า สิ่งที่จะนำมาโพสต์ต่อไป
จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ Spirit Guides
อาจมาในหลายรูปลักษณ์ ต่างมิติ หรือในมิติเดียวกัน
จะเรียกว่าจิตวิญญาณพี่เลี้ยง-ตัวตนที่สูงส่งภายใน หรือเทพผู้นำทาง ก็ได้ทั้งนั้นค่ะ

ตามความเชื่อหลายๆความเชื่อก็เชื่อว่า เราต่างมีเทวาอารักขาด้วยกันทุกคน
อาจเป็นเทพที่เราเคารพบูชา หรือ ครูบาอาจารย์ที่เรา เคารพนับถือ
เปรียบเสมือนผู้นำทางของเรา ในชาติภพนี้

มีบทความที่อยากนำมาให้อ่านกันก่อน คัดมาบางส่วนค่ะ
เป็นหนังสือในชุดของ อ.โนวา อนาลัย ซึ่งมีทั้งหมด 10 เล่ม
อ่านเป็น e-book ได้ที่นี่ค่ะindex
จริงๆแล้วต้องอ่านเล่มที่1 คือ ธรรมชาติของชาติภพก่อน จึงจะเข้าใจเล่มต่อๆไป
แต่อันนี้คัดตัดตอนมา เพื่อเสริม ข้อมูลเท่านั้น ลองอ่านดูไปพลางๆก่อนนะคะ

 

ประสบการณ์หลังความตายปราศจากขีดจำกัด ทุกสิ่งทุกอย่างมีความเป็นไปได้
แต่บางประสบการณ์ก็มีความเป็นไปได้ต่ำกว่าประสบการณ์อื่นๆ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางจิตวิญญาณของเธอ
โดยทั่วไปแล้วประสบการณ์หลังความตายมีทางเลือกหลักอยู่สามประการ
แต่ละทางเลือกมีข้อยกเว้นและกรณีพิเศษแตกต่างกันไป

ฉันได้กล่าวถึงทางเลือกหลังความตายว่า :

1.เธออาจเลือกที่จะทบทวนแก้ไขการตัดสินใจในชาติภพล่าสุด
โดยไม่ไปถือกำเนิดในชาติภพต่อไป

2.เธออาจเลือกที่จะศึกษาโดยการทบทวนแก้ไขการตัดสินใจ
ในชาติภพล่าสุดก่อนแล้วจึงไปถือกำเนิดในชาติภพต่อไป

3.เธออาจจะก้าวล่วงไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันเป็นไปได้-โลกอื่น-มิติอื่น
ซึ่งแตกต่างไปจากโลกของเธอ และแปลกแยกไปจากการมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-
ดำเนินไปในวงจรของชาติภพทั้งหลายโดยสิ้ยเชิง
ในกรณีนี้-เธอจะละทิ้งความคิดเกี่ยวกับการดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในกาลเวลาไว้เบื้องหลัง

บางบุคคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนเลือกชีวิตที่ผูกพันกับ อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต
ซึ่งมีโครงสร้างเป็นเหตุ-เป็นผล บุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนเหล่านี้
มักเลือกการถือกำเนิดในชาติภพต่อไป

บางบุคคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนมีความไม่เดียงสา
พวกเขาเลือกที่จะเผชิญกับเหตุการณ์ด้วยสัญชาติญาณพิเศษ
ซึ่งเอื้อำนวยต่อกระบวนการที่เกี่ยวพันกันพวกเขาจะเลือกไปถือกำเนิด
ในระบบโลกของเส้นทางแห่งความเป็นไปได้
เพื่อบรรลุเป้าหมายด้วยการใช้ความเพียรพยายามของเขา

บางบุคคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนพบว่า
ระบบโลกทางกายภาพไม่ใช่ระบบที่เขาชอบและเลือกที่จะจากระบบโลกนี้ไป
แต่การเลือกในทิศทางนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
จนกว่าวงจรของชาติภพที่เขาได้เลือกไปถือกำเนิดจะครบบริบูรณ์แล้ว
ดังนั้นผู้ที่จะเลือกระบบนี้ได้ จะต้องพัฒนาความสามารถ
ผ่านชาติภพมามากที่สุดที่จะเป็นไปได้

บางบุคคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนเลือกที่จะเข้าสู่วงจรของการทำหน้าที่เป็น"ครู"
ในกรณีนี้พวกเขาจะระลึกได้ถึงความเป็นเอกลักษณ์ที่เหนือกว่า
ซึ่งมีอยู่ในบุคลิกภาพของเขาอยู่เสมอแต่อาจระลึกไม่ได้มาก่อน

นอกเหนือไปจากนี้ มีภาวะที่อยู่ระหว่างการเลือกหรือตัดสินใจ
ซึ่งเป็นภพภูมิที่อยู่ระหว่างการเลือกหรือตัดสินใจที่มีอยู่ระหว่างการมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป
เปรียบได้ว่าเป็นเสมือนที่พักผ่อน ภาวะระหว่างการพักผ่อน
ไปภาวะที่การติดต่อสื่อสารกับญาติมิตรที่ตายไปแล้วเกิดขึ้นได้
ภพภูมิดังกล่าวนี้เป็นภาวะที่จิตวิญญาณของคนสามารถมาพบปะคนตายได้ในความฝัน....

..................................................................................

จากหนังสือ อมตะแห่งจิตวิญญาณ-ภาคต้น
บทที่ ๑๐ กลไกของชีวิตระหว่างชาติภพ