ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. ~อมริศา~

    ~อมริศา~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +2,335
    ขออนุโมทนากับทุกๆบุญของเพื่อนๆนะคะรวมทั้งพี่ ณหทัย ด้วยค่ะ

    พี่ ณหทัย หายไปนานเลย พอกลับมาก็มีสิ่งดีๆมาฝากน้องๆเพื่อนๆ
    ขอให้พี่เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ

    สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
     
  2. nunattja

    nunattja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2007
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +1,035
    มาร่วมโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ และเอาบุญมาฝากด้วยค่ะ ได้ถวายปัจจัยแก่หลวงปู่ดี วัดเทพากร, หลวงตาโปร่ง วัดตำหนักเหนือ, หลวงตาชั้น วัดบางแคกลาง และหลวงปู่เก๋ วัดปากน้ำ ได้ให้ท่านใช้ส่วนตัว และได้ทำบุญปูกระเบื้อง ซื้อปูนขาวเพื่อซ่อมแซมที่องค์ปฐมเจดีย์ค่ะ
     
  3. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ธรรมจากหลวงปู่ท่อน ญาณธโร (พระราชญาณวิสุทธิโสภณ)

    ถ้าคนมีสติแล้วไม่พูดพล่ามอะไรหรอก อยู่กับสติของตัว ไม่พูด..เสียเวลา
    ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา ให้เคารพต่อการฟังธรรมด้วยใจจริง ไม่ส่งจิตไปทางอื่น เพื่อให้ได้เนื้อหาสาระเข้ามาสู่ใจของเราจริงๆ <O:p</O:p
    เรื่องการปฏิบัติธรรม ปฏิบัติอะไร ปฏิบัติจิตปฏิบัติใจของเรานี่แหละ
    ทำอย่างไรใจของเราจะสะอาดหมดจด ปราศจากมลทิน ปราศจากโทษทั้งปวง<O:p</O:p
    วาง....เฉย มันก็ไม่ติดภพติดชาติ<O:p</O:p
    เวลาเรายืนเราก็มีสติ เราเดินเราก็มีสติ เรานั่งเราก็มีสติ เรานอนเราก็มีสติ
    จนกว่าจะหลับไป อยู่กับสติปัฏฐาน ๔ มีสติรู้อยู่ในกาย เวทนา จิต ธรรมนี่แหละ

    :cool: :mad:
    หลวงปู่มักเมตตาเตือนพระเณร ให้รู้จักตน รู้จักบุคคล รู้จักกาล รู้จักประมาณ
    คนเราถ้าไม่ปฏิบัติธรรมแล้ว เรียกว่า ย่ำต้นกิเลส เหยียบย่ำต้น กินแต่ผลย่อมมีแต่จะเสื่อมไปสิ้นไป ถ้าปฏิบัติธรรมแล้ว เรียกว่าบำรุงต้นให้งามจึงออกดอกออกผลให้ได้บริโภคใช้สอย<O:p</O:p
    เราอยู่ในโลก อย่าฝืนโลก ถ้าฝืนโลกมันผิดธรรมดา ฝืนธรรมดา<O:p</O:p
    สิ่งใดที่ผิดธรรมผิดวินัย พวกเราอย่าทำ อย่าฝ่าฝืนคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา
    ทำตามธรรมตามวินัย ให้เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
    ก็เป็นธรรมไปเรื่อยๆ ไม่เหยียบไม่ย่ำ จะมีแต่ความเจริญ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มกราคม 2010
  4. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ธรรมจากหลวงปู่ท่อน ญาณธโร (พระราชญาณวิสุทธิโสภณ)

    ราคะไม่มี โทสะไม่มี โมหะไม่มี ความดึงดูดของโลกดูดไม่ได้เลย เพราะไม่มีสิ่งที่จะดึงดูดกันได้แล้ว
    เพราะฉะนั้นพระอริยเจ้าท่านไปไหนมาไหน ท่านเหาะเอาเพราะโลกไม่ดึงดูด
    <O:pผู้ภาวนาชั้นยอด ท่านเพียรฆ่าความโกรธให้มันหมด ฆ่าความโลภให้มันหมด ฆ่าความหลงให้มันหมด <O:p</O:p
    ไปเดือดร้อนอะไรกับคนนินทา ใครนินทาเราไม่ได้ยินไม่ใส่ใจก็สบาย คนนินทาน่ะ เป็นยาชูกำลังที่จะเตือนตัวเอง
    เขาติดีกว่าเขาชมจะได้รู้ตัว ถ้าเราเป็นอย่างนั้นจะได้ปรับปรุง เราจะไปโกรธเขาทำไม
    ถ้าไปโกรธเขาก็เรียกว่าเราแพ้ตัวเอง <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p:cool: :mad:


    ไม่ต้องรู้อะไรมาก รู้ภายในน้อยๆ ก็ตามคำสั่งสอนน้อยๆ มันก็กว้างออกมาได้<O:p</O:p
    รู้ทุกขัง รู้อนิจจัง รู้อนัตตา รู้แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว <O:p</O:p
    สังขารความคิดปรุงแต่ง มันไม่ใช่เรา แต่มันลากเราให้ติดให้ทุกข์ไม่รู้จักจบจักสิ้น เพราะฉะนั้นจงอย่าเชื่อสังขาร <O:p</O:p
    เรียนทางโลก เรียนไปๆ ก็ยิ่งหนาไปเรื่อยไม่เบาบางได้เลยเรียนทางธรรม เรียนละ ละโลภ ละโกรธ ละหลง ละกิเลสตัณหา
    มันก็เบาไปๆ จนไม่มีภาระ หมดภาระ <O:p</O:p
    ธรรมะแสดงอยู่ทุกเมื่อ เกิดอยู่เสมอ
    ผู้มีปัญญาย่อมโอปนยิโก คือ น้อมเข้ามาใส่ตัวเอง
    น้อมเข้ามาพิจารณาในตัวเองเมื่อพิจารณามากเข้าก็จะปัจจัตตัง คือ รู้ได้เฉพาะตน<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มกราคม 2010
  5. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ธรรมจากหลวงปู่ท่อน ญาณธโร (พระราชญาณวิสุทธิโสภณ)

    บุญกุศลเกิดขึ้นที่ใจเรา ถ้าใจเรามีศีล มีสมาธิ
    มันก็เกิดปัญญาขึ้นมา ถ้าใจของเราไม่มี ศีล ไม่มีสมาธิ ไม่มีความมั่นคงอะไรเลย มันก็ไม่เกิดปัญญา ไม่สิ้นสงสัยได้
    ไม่ต้องถามปัญหาอะไรหลาย ไม่มีปัญหาไม่ต้องสงสัยอะไร มีความสงสัย เกิดขึ้น รู้อยู่ อย่าไปตาม ถ้าปล่อยให้มันสงสัย มันก็สงสัยเรื่อยไป
    รู้เท่าทันความสงสัยก็พอ
    ใจมันหยุดนึกหยุดคิด มันสบายจริงๆ ไม่มีเรื่องร้อนมาปรุงตัวเอง นั่งสบาย นอนสบาย เป็นเสรีเต็มตัว กิเลสมันปรุงออกไปมันร้อน พอเห็นหน้ามันมา
    ก็รู้ทันทีพอแล้วๆ ตัวเอง สอนตัวเอง รู้เท่าเอาทัน
    อย่าให้มันปรุง
    เมื่อได้อะไรมาก็ว่าของกูๆ ไม่ปล่อยไม่วางได้เลย
    กอดทุกข์อยู่นั้นแล้ว ปล่อยไม่ได้เลย
    :cool:
    จะเป็นพระ เณร อุบาสก อุบาสิกา ที่ดีได้ต้องมี
    สติ สัมปชัญญะ ร ะลึกได้อยู่เสมอรู้ตัวอยู่เสมอ ต้องฝึกให้ยิ่ง
    อย่ากินสมอยาก อย่าปากสมเคียด เป็นคำที่หลวงปู่เตือนลูกศิษย์ลูกหาเสมอๆ
    เรื่องที่แล้วไปแล้ว มันก็แล้วไปแล้ว จะเอามาคิดอะไรอีก ผ่านไปแล้ว อย่าเอามาคิด จิตจะฟุ้งซ่านขุ่นมัว
    ถ้าจิตใจเศร้าโศกไม่เบิกบานร่าเริงแล้วเสียมงคลไปหมด ใจอภัย แต่ถ้าจิตใจไม่เศร้าไม่โศก มีแต่ร่าเริงเกษมสำราญแล้ว เป็นมงคลอย่างยิ่ง
    ธรรมดาคนหลงทั้งหลายเขาไม่เคยพอ มีหนึ่งมีสองแล้วเขายังหาเอาใหม่ต่อไปอีกเรียกว่า คนโลภ โลภในกาม ไม่รู้จักเบื่อจักหน่าย เมื่อไหร่ที่มันเบื่อ
    มันหน่ายจะรู้จักเองหรอก โอ! มันทุกข์ขนาดนี้หนอ
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
     
  6. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ธรรมจากหลวงปู่ท่อน ญาณธโร (พระราชญาณวิสุทธิโสภณ)

    มัวแต่พูดสอนคนอื่น ตัวเองยังสงสัยอยู่เลย ยังไม่สิ้นอาสวะ
    ไม่ดีเท่าไรหรอก
    การทำความเพียรอย่าหลอกตัวเอง ให้เอาจริงเอาจังกับมัน
    ว่าจะตั้งก็ต้องตั้งสิ ว่าจะกำหนดก็ต้องกำหนดสิ ให้สติมันแก่กล้า
    ทำสัมปชัญญะให้มันแจ้ง
    หลวงปู่มักนำข้อคิดของคนโบราณมาเตือนว่า ทำดีไว้ให้ลูก
    ทำถูกไว้ให้หลาน พัฒนาการไว้ให้ชาติบ้านเมือง
    ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาเป็นเครื่องชำระจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ที่เราทำกันนั้นมีความหมาย ถ้าทำแล้วกำจัดกิเลสของตัวได้เป็นการดี แต่ถ้าทำแล้วกำจัดไม่ได้ ก็ชื่อว่ามาทำเล่นๆ ไม่ดี
    :cool: :mad:

    ดูตัวเองสิปัญญาเรามีไหม เราพิจารณาได้ไหม ทำอย่างนี้จะเจริญจริงไหม ทำอย่างนี้จะเสื่อมไหม พิจารณาไตร่ตรองด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของตนเองดู
    เราไม่เก็บ ไม่กำ ไม่กอบ ไม่โกย ไม่โกง ไม่กิน ไม่เอาเปรียบผู้ใดเลย แต่ถ้าเราเก็บ กำ กอบ โกย โกง กิน ตัวเองก็มีแต่จะเสื่อม หมดสง่าราศี
    เครื่องประดับใดๆ ในโลก ก็สู้ธรรมะไม่ได้ ถ้ามีธรรมะประดับใจตนแล้ว
    ย่อมเป็นผู้เจริญรุ่งเรืองแน่นอน
    อย่าปล่อยสติให้มันเป็นไปตามความชอบใจของมันเอง ทำอะไรก็ให้มีสติทำข้อวัตรปฏิบัติอะไรก็ให้มีสติอยู่เสมอ จับแก้วก็ให้มีสติ จะวางตรงไหนก็ให้มีสติ ถ้าไม่มีสติ เวลาวางเสียงจะดัง ข้าวของอาจเสียหายได้ ผู้ที่ไม่ปล่อยสติให้เลินเล่อดูแล้วงาม
     
  7. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ธรรมจากหลวงปู่ท่อน ญาณธโร (พระราชญาณวิสุทธิโสภณ)

    ฟังเทศน์ถ้ามีสมาธิในการฟังชื่อว่าเคารพแล้ว
    อย่าเอาใจส่งไปไร่นาไปที่ไหน ให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัว ได้ยินอยู่ที่หู รู้อยู่ที่ใจ ใช้วิจารณญาณอยู่ในตัว
    คบคิดเนื้อหาอยู่กับตัวนั่นแล เรียกว่าได้ความเคารพ
    โกรธเขาเราทุกข์เองนั่นแหละ ถ้าไม่โกรธก็ไม่ทุกข์ สบาย ฆ่าความโกรธได้อยู่เป็นสุข เราจะชนะความโกรธของเขา ด้วยความไม่โกรธของเรา
    ไม่เผลอ ไม่หลง ไม่ส่ง ไม่ส่าย ไม่วุ่น ไม่วายกับเรื่องใดๆ ทั้งนั้น ก็สบายแฮ อยู่อย่างนั้น...สบาย
    กินหลายบ่หายอยาก (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส) นอนมากบ่รู้ตื่น รักคนอื่นกว่ารักตัว
    สิ่งควรกลัวกลับกล้า (ราคะ โทสะ โมหะ)
    ของสั้นสำคัญว่ายาว (ชีวิต)
    :cool: :mad:

    ทำทานแล้วต้องรักษาศีลด้วย เหมือนเอาถ้วยชามมาใส่ของ ใส่อย่างเดียว ไม่ล้างถ้วยล้างชามก็ไม่น่าใช้
    นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี ทำใจให้เป็นไปอย่างนั้นเด้อ
    ขันธ์ทั้งห้าเป็นภาระอันหนัก ต้องรู้จักวาง รู้จักเฉยซะ หากเราวางได้ จะเบากาย เบาใจอย่างยิ่ง
    ถ้าท่านรู้ตัวท่านดีว่าท่านไม่ได้ผิด ก็ไม่ต้องเกรงกลัวอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นจะต้องหวั่นไหวอะไรเลย ต่อให้คนทั้งโลกจะชี้หน้าว่าผิดแม้ตัวผมเอง
    (หลวงปู่ชี้นิ้วเข้าหา หลวงปู่ก็ไม่ต้องหวั่นไหว)
    ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร ทำอย่างไรกับเรา
    อย่าหวั่นไหว เฉยไว้ก็ดีเองๆ
     
  8. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ธรรมจากหลวงปู่ท่อน ญาณธโร (พระราชญาณวิสุทธิโสภณ)

    ถ้ามีศรัทธาความเชื่อมั่นแล้ว ทำให้ไม่ลำบากในการบำเพ็ญกุศล เพราะไม่มีสิ่งมากีดขวาง
    สัปปายะ ๕ ได้แก่ อาหารเป็นที่สบาย อากาศเป็นที่สบาย เสนาสนะเป็นที่สบาย บุคคลเป็นที่สบาย
    ธรรมะเป็นที่สบาย ท่านว่าอยู่ได้ มีโอกาสเจริญ จิตตภาวนาไปได้สะดวก
    เวลาภาวนา ต้องไม่มีตัวไม่มีตนไม่มีอะไร เป็นอาการว่างไปหมด แต่ความรู้ไม่ว่างให้ย้อนเข้ามาพิจารณา ธรรมะว่า เราตกอยู่ในกองทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เราเป็นผู้รู้ผู้เดียว
    แม้ที่สุดก็ไม่มีเราในรู้นั้น ไม่ยึดมั่นยึดถืออะไรอีก วางหมด มันเบาไม่หนักแล้ว
    ความโมโหพาตัวตกต่ำ อย่าไปโมโหโกรธผู้อื่นมันเป็นไฟ มันจะไหม้หัวใจเจ้าของเอง
    ถ้าเขาไม่ดีมันเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา


    :cool::mad:

    เห็นธรรมคือเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทำอย่างไรเราจะพ้นจากกองทุกข์
    เห็นว่าของทุกอย่างไม่ใช่เรา เป็นอนัตตา แม้ร่างกายที่อยู่ร่วมกันก็ไม่ใช่เราเลย
    มันอยากเจ็บมันก็เจ็บ มันอยากแก่มันก็แก่ มันอยากตาย มันก็ตาย ห้ามมันไม่ฟัง

    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นไม่กลัวตาย ตายเมื่อไรช่างมัน ทำความดี...ดีกว่า

    <O:p</O:p


    ขอความสุข ความเจริญมั่นคงในกุศลธรรม
    จงมีแด่ญาติสัมมาปฎิบัติทุกท่านเทอญ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มกราคม 2010
  9. ปฏิสัมภิทัปปัตโต

    ปฏิสัมภิทัปปัตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    375
    ค่าพลัง:
    +1,326
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงค่ะ
    ขอบุญกุศลจงโปรดหนุนนำให้พี่ณหทัยมีดวงตาเห็นธรรมได้เข้าสู่แดนสุขาวดีในเร็วพลันค่ะ สาธุ
     
  10. เกิดมานาน

    เกิดมานาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +2,547
    ขอขอบคุณคุณนหทัยที่นำธรรมดีๆจากหลวงปู่มาฝากอ่านแล้วจับใจจริงๆแล้วผมจะนำไปทำตามครับ สาธุขอไห้เจริญไนรรม และถึงฝั่งพระนิพพานไนชาตินี้นะครัยสาธุ สาธุ สาธุ
     
  11. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ขอขอบคุณ คุณ nahathai สำหรับธรรมมะที่นำมาฝากพวกเราค่ะ สาธุ
     
  12. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    บุญ

    บุญ
    ชาวพุทธเราส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิด<O:p</O:p
    เกี่ยวกับเรื่องของ บุญ ” <O:p</O:p
    คิดว่าการทำบุญก็คือ<O:p</O:p
    การตักบาตร<O:p</O:p
    การถวายทรัพย์ , ปัจจัย<O:p</O:p
    การถวายสังฆทาน ฯลฯ<O:p</O:p
    เพียงเท่านี้ <O:p</O:p
    เป็นต้น

    :cool:
    <O:p
    บุญ หรือ ปุญญแปลว่า ชำระ<O:p</O:p
    หมายถึงการทำให้หมดจด<O:p</O:p
    จากมลทิน เครื่องเศร้าหมอง<O:p</O:p
    อันได้แก่<O:p</O:p
    โลภะ โทสะ และ โมหะ
    <O:p

    :cool:</O:p
    <O:pบุญ
    ตามพระไตรปิฎก
    เราสามารถสร้าง บุญ
    ได้ถึง ๓ อย่าง คือ
    ๑.ทาน
    ๒.ศีล
    ๓.ภาวนา
    </O:p

    </O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2010
  13. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    บุญ

    . ทาน คือ การให้
    เช่นที่กล่าวมาแล้ว คือ การตักบาตร
    บริจาคทรัพย์ ถวายสังฆทาน เป็นต้น
    ถือเป็น จาคะ หรือ การให้
    นับเป็น บุญอย่างหนึ่ง
    แต่มีการให้บางประการที่ไม่นับเป็นบุญ
    เช่น สุรา มหรสพ ให้สิ่งเพื่อกามคุณ
    เป็นต้น
    :cool:
    . ศีล คือ ความประพฤติที่ไม่ละเมิด
    หรือรักษาความสำรวมทางกาย วาจา
    การรักษาศีลสำหรับฆราวาส
    ได้แก่ ศีล ๕
    และอุโบสถศีล ( มี ๘ ข้อ )
    :cool:
    . ภาวนา
    ภาวนา คือ การอบรมจิต<O:p</O:p
    ทางสมถะ และทางวิปัสสนา<O:p</O:p
    การนั่งสมาธิ เรียกว่า สมถะภาวนา<O:p</O:p
    ส่วนการนั่งวิปัสสนา<O:p</O:p
    ( สติรู้ถึงรูป นาม )<O:p</O:p
    เรียกว่า วิปัสสนาภาวนา<O:p</O:p
     
  14. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    บุญ

    บุญ ยังมีอีก ๗ อย่าง
    ตามอรรถกถา หรือ ข้อปลีกย่อย<O:p</O:p
    นอกเหนือจากพระไตรปิฎก<O:p</O:p
    นับถัดไปเป็นลำดับที่ ๔ ดังนี้<O:p</O:p
    . อปจายนะ<O:p</O:p
    ความเป็นผู้นอบน้อม<O:p</O:p
    ต่อผู้ที่ควรนอบน้อม<O:p</O:p
    :cool:
    . เวยยาวัจจะ<O:p</O:p
    ความขวนขวายในกิจ<O:p</O:p
    หรืองาน ที่ควรกระทำ<O:p</O:p
    . ปัตติทาน<O:p</O:p
    การให้บุญที่ตนถึงแล้วแก่คนอื่น<O:p</O:p
    เช่น การอุทิศส่วนกุศล<O:p</O:p
    การกรวดน้ำ<O:p</O:p
    :cool:
    . ปัตตานุโมทนา<O:p</O:p
    คือการยินดีในบุญที่ผู้อื่นถึงพร้อมแล้ว<O:p</O:p
    เช่น เห็นผู้อื่นทำบุญตักบาตร<O:p</O:p
    เมื่อเราพลอยปลื้มปิติยินดี<O:p</O:p
    กล่าวอนุโมทนา<O:p</O:p
    เพียงเท่านี้ ก็ได้บุญแล้ว<O:p</O:p
    :cool:
    . ธัมมัสสวนะ<O:p</O:p
    หรือการฟังธรรม<O:p</O:p
    ไม่ว่าจะฟังธรรมโดยตรง<O:p</O:p
    หรือจากสื่อวิทยุ โทรทัศน์ ฯลฯ<O:p</O:p
    . ธัมมเทศนา<O:p</O:p
    หรือ การแสดงธรรม<O:p</O:p
    เมื่อได้ศึกษาธรรมะแล้ว<O:p</O:p
    การถ่ายทอดให้แก่ผู้อื่น<O:p</O:p
    นับเป็นบุญประการหนึ่งด้วย<O:p</O:p
    :cool:
    ๑๐. ทิฏฐุชุกรรม<O:p</O:p
    คือการกระทำความเห็นให้ตรง<O:p</O:p
    หรือ สัมมาทิฏฐิ นั่นเอง<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2010
  15. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    บุญ

    บุญ
    บุญทั้ง ๑๐ ประการนี้<O:p</O:p
    บางที่เรียกกันว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐<O:p</O:p
    จะเห็นว่าบุญทำได้ถึง ๑๐ อย่าง<O:p</O:p
    มีเพียงข้อแรกเท่านั้นที่ต้องใช้ทรัพย์<O:p</O:p
    อีก ๙ ข้อล้วนไม่ต้องใช้ทรัพย์<O:p</O:p
    รู้ว่าบุญทำได้อย่างนี้แล้ว<O:p</O:p
    ({) วันนี้ คุณทำบุญแล้วหรือยัง
    :cool:
    บุญ<O:p></O:p>
    ช่วยส่งต่อเรื่องบุญนี้<O:p</O:p
    ถือเป็นบุญประการหนึ่ง<O:p</O:p
    ดังพระพุทธวจนะ<O:p</O:p
    การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง
    ขอให้บุญรักษา คุณพระคุ้มครองทุกๆๆท่าน
    และเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยกัน
    The utmost goodness - สิ่งดีที่สุด สูงสุดของมนุษย์ที่จะต้องพบได้ในชาตินี้
    In this very life คือชีวิตปัจจุบันนี้ เรียกว่า SUMMUM BONUM ในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็คือ นิพพาน ที่พวกเรากำลังมุ่งมั่นกันนั่นเอง สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
    "นิพพาน* ปรม* วทน.ติ พุทธา" (จะเข้ามาเขียนให้ถูกต้องโอกาสต่อไปค่ะ หาตัวเติมไม่เจอค่ะ)
    แปลว่าพระนิพพานเป็นบรมธรรม เป็นสิ่งที่สูงสุดของมนุษย์เรา
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2010
  16. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    LONG TIME NO SEE ...KA คุณอมริศา
    ขอบคุณมากๆๆๆค่ะ ที่ยังระลึกถึงเสมอ
    และคงจะเป็นเพราะ เป็นโรค Homesick ด้วยอ่ะค่ะ
    ก็เลยขอฝากด้วยช่อธรรมะ ดอกไม้ธรรม
    ยิ่งเห็นคุณน้องวิณวิญ กลับบ้านด้วยความสดชื่น พร้อมทั้งนำบุญมาฝากก็มีความรู้สึก เหมือนพวกเราเคยเป็นครอบครัวเดียวกันมาก่อน ปานนั้น
    ....ถ้าหากพวกเราเคยเป็นพี่น้องกันมา โดยมีคุณกัปตันใจดี เป็นผู้นำทางชักนำให้มาได้พบกันในภพนี้จริง ก็แสดงว่าพวกเราคงเป็นครอบครัวใหญ่ที่สุดในโลกเลยเนอะ Our family are the biggest family in the world.
    ....ขอให้มีความสุขมากๆ เงินไหลนอง ทองไหลมา และให้มีดวงตาเห็นธรรม พบแสงสว่างในชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม เช่นเดียวกับที่คุณปฏิสัมภิทัปปัตโต อวยพรให้มาเช่นเดียวกันนะคะ
    ...konkangwad คุณติดวัด คงปฏิบัติธรรมไปไกลแล้วนะคะ ขอให้เจริญ เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ ขอให้มีปัญญาบรรลุธรรมทะลุแจ้ง แทงตลอดทั้งทางโลกและทางธรรมนะคะ
    ....ขอบคุณคุณน้องหมอassume, คุณsabzajeed,คุณเกิดมานาน,คุณLinda2009,คุณnoinea,คุณnunattja และทุกๆท่านที่ร่วมอนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ รวมทั้งทุกท่านที่แวะผ่านเข้ามาเยี่ยมเยือนกระทู้บุญครอบครัวใหญ่ของพวกเรานะคะ ขอให้มีพลังบุญอันยิ่งใหญ่ ยิ่งๆขึ้นไป ปรารถนาสิ่งใด ก็ขออย่าได้ขัดข้องในใจนะคะ
    บุญรักษาค่ะ
     
  17. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    คติธรรม และคำสอน

    เป็นคติธรรม และคำสอนของหลวงปู่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    คติธรรม และคำสอน

    เป็นคติธรรม และคำสอนของหลวงปู่

    (ปล. กำลังหาวิธีร่วมบริจาค upgrade ram and servers ในฐานะสมาชิกที่เข้ามาใช้งานคนหนึ่ง ตอนนี้กำลังใช้เนื้อที่เยอะด้วย เหมือนช่วยชำระหนี้สงฆ์เลย คงจะรบกวนขอผ่านทางท่านกัปตัน ไม่ทราบจะสะดวกหรือเปล่าค่ะ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    คติธรรม และคำสอน

    ยังเป็นคติธรรม และคำสอนของหลวงปู่

    อิฐเก่าเล่าตำนานแต่กาลก่อน สั่งสอนไตรลักษณ์ประจักษ์จิต
    อนิจจาอนิจจังชีวังชีวิต ไม่มีสิทธิ์ยืนยันนิรันดร
    .....เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป จริงใจจริงจังคำสั่งสอน
    แปรทุกข์ เป็นทุนอันสุนทร ใจร้อนไปไย ต้องใจเย็น
    ..... ความรักล้นเหลือเผื่อแผ่โลก ดับโศก ดับทุกข์ ดับขุกเข็ญ
    เป็นญาติร่วมสายใย หรือไม่เป็น มองเห็นเช่นญาติร่วมชาติชน
    ...............เวลาชีวิตเหลือนิดน้อย แม้นปล่อยเปล่าไปก็ไร้ผล
    พระกาฬหาญพรากเข่นฆ่าคน ผู้ยอมจำนนกับชีวิต

    เพียงเพื่อต้องการเป็นอนุสติให้แก่ชีวิต
    "สิ่งต่าง ในโลกนี้มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่ว่าจะเป็นชีวิต สังขารของเรา หรือแม้แต่จิตวิญญาณของเรา ก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เช่นเดียวกัน"
    ....ยังกิญจิ สมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมัง มีความหมายว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงมีการดับไปเป็นธรรมดา

    ....ความเป็นจริง เกี่ยวกับไตรลักษณ์ ซึ่งก็คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    เราจะรู้เลยทีเดียวว่า ไตรลักษณ์ทำให้เราเห็นถึงธรรมชาติของจิตวิญญาณ ที่มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป จะทำให้เราไม่เอาจริง เอาจังกับภาวะจิต
    ขณะใดขณะหนึ่งมากมายนัก จิตของเราก็จะเสวยอารมณ์อยู่ "อารมณ์๓" คือ

    ๑. สุขเวทนา หมายถึง อารมณ์ที่เป็น "สุข" เป็นความยินดี
    ๒. ทุกขเวทนา หมายถึง อารมณ์ที่เป็น "ทุกข์" เป็นอารมณ์ที่ไม่น่ายินดี
    ๓. อทุกขสุขเวทนา หมายถึง อารมณ์ที่ "ไม่ใช่ทั้งเป็นสุขและเป็นทุกข์ คือ อารมณ์กลางๆ วางเฉย

    ....หากถามว่า "เช่นนั้น อารมณ์ที่ดีที่สุด คือ อารมณ์ใด"
    ตอบว่า "ไม่ใช่อารมณ์ดี และก็ไม่ใช่อารมณ์ไม่ดี แต่เป็นอารมณ์ที่พ้นไปจากอารมณ์ดี และอารมณ์ไม่ดี"
    ...คือ ไม่มีอารมณ์บวก ไม่มีอารมณ์ลบ ไม่มีอารมณ์ชอบ ไม่มีอารมณ์ชัง เข้ามากระทบสู่จิตของเราเลย ฉะนั้นเราจึงจะต้องพยายามรักษาอารมณ์ของเรา

    ...กระบวนการนำพาชีวิตของเราไปสู่การเรียนรู้ไตรลักษณ์ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เราได้รู้เท่าทันอาการของจิต ที่มีทั้งอารมณ์บวก และอารมณ์ลบ ซึ่งมักจะผ่านเข้ามาและผ่านไปอยู่เสมอ ๆ

    ...อารมณ์ที่มีกิเลสเป็นตัวนำนั้น มันไม่พอดีทั้งสิ้น เราต้องถอดถอนกิเลสออกไปจากอารมณ์ และพยายามทำจิตใจของเราให้เป็น "จิตที่มีธรรมชาติเป็นธาตุรู้" โดยไม่ต้องมีกิเลสเจือปน

    .....สุดท้าย สำหรับวันนี้ จงพยายามฝึกรับรู้ความจริงตามความเป็นจริง และทำจิตของเราให้สงบ เบิกบาน แจ่มใสอย่างมากที่สุด แล้วจะเกิดผลดีแก่ตนเองอย่างแน่นอน
     
  20. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    คติธรรม และคำสอน

    ยังเป็นคติธรรม คำสอนหลวงปู่อยู่ค่ะ

    โอกาสหน้า จะนำบุญต่างแดน มาฝากทุกท่านนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...