ประสบการณ์ ธรรมะ พระเครื่อง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Specialized, 14 ตุลาคม 2009.

  1. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    - เรื่องคนทรงนี่ที่ถ้ำจะเจอกันประจำ บางครั้งมาลองดีกับหลวงตาท่านก็บ่อย

    - เรื่องพระต้องเอารูปมาลงให้ดูนะครับพี่ มีพี่ๆหลายท่านในนี้ดูพระเก่งครับ หากได้เห็นรูปคงพอจะคะเนได้ครับพี่ว่าเป็นอย่างไร :cool:
     
  2. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    อนุโมทนาครับ เรื่องนี้ยังไม่เคยอ่านเลย :cool:
     
  3. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ประสบการณ์เยอะครับ แขวนไว้แก้ดวงตกได้ดีครับ เพราะมีดวงหลวงปู่อยู่ด้วย แหล่มแต๊ แหล่มแต๊

    ส่วนเนื้อที่นิยมกันปกตินิยมเนื้อ 'ตะกั่ว' เพราะหลวงตาบอกว่า ตะกั่วเป็นโลหะที่นิ่มผ่านพลังงานได้ง่าย แถมสร้างน้อยกว่าทุกเนื้อเว้นแต่เนื้อเงินและทองคำ

    ส่วนปัจจุบันเหรียญดวงโพธิญาณพิมพ์เล็ก ต้องเล่นหาเนื้อปรอทชมพูนุช เพราะมีการผสมปรอทของหลวงปู่ละมัยลงไปด้วย หลวงตาม้าปัจจุบันท่านก็พกปรอทติดในอังสะตลอด ผมเคยถามว่าทำไมท่านต้องพก ท่านบอกกันไข้ป่าดีแต๊ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2010
  4. xman1221

    xman1221 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,167
    อ้าวพี่บอยเหรียนนดวงมีพิมเล้กกด้วยหรองับ
    มีทั้งพิมไหญ่และเล็กเหรองับ
    เนื้อปรอทสีชมพูนี่..มีรูปป่ะครับผมยังไม่เคยเห็น
     
  5. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,232
    กระทู้นี้มีข้อมูลครับ ลงไว้นานแล้ว มีทั้งรูปพิมใหญ่พิมเล็กเนื้อต่างๆ และประวัติการสร้าง พร้อมทั้งประสบการณ์
    ลองกลับไปดูหน้าแรกๆครับ (หน้า 9 - 15)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2010
  6. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    มีครับ ผมเคยลงรูปไว้แล้ว แบบนี้แสดงว่าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ :boo:

    กลับไปอ่านทุกหน้าซะโดยดี 55555+
     
  7. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,232
    ชื่อปรอทปรอทชื่อชมพูนุชนะครับ ไม่ใช่ปรอทสีชมพู (ปรอทของหลวงปู่ละมัย มีหลายชนิด หลายชื่อ)
    ชมพูนุช แปลว่า ทอง ครับ :cool:
     
  8. earn1

    earn1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +651
    เหรียญดวงโพธิ์ญาณของหลวงตาม้า ของผมมีเนือทองเหลืองปิดทองอยู่(เพิ่งได้มา)
    ตอนนี้อยู่ที่คอเหรียนเดียวเลย(ปกฎิแขวนพระผงแจกฟรี3องค์) กำทำสมาธิได้ดีมาก(ความรู้สึกว่าสมาธินิ่งกว่าเดิม)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2010
  9. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    พี่ก็พึ่งรู้นะครับ ว่า ชมพูนุช แปลว่า ทอง

    เหรียญดวงเนื้อปรอทฯ นี่ผมว่าใครพอมีกำลังเก็บได้ก็หาไว้เถอะครับ ราคาเบาๆ ถ้าจะไปเอาปรอท ลป.ละมัย เพียวๆต้องว่ากันหลักหมื่น หรือเกือบหมื่นนะครับ
     
  10. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    อนุโมทนาครับ หมั่นสังเกตุที่องค์พระบ่อยๆนะครับ เพราะพระรุ่นนี้ เกศา กับ พระธาตุ เสด็จบ่อยๆครับ :cool:
     
  11. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    เมด อิน วัดสะแก

    [​IMG]

    จากหนังสือ 101 ปี หลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ

    ท่านที่มีความสนใจในพระเครื่องพระบูชาของ หลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ จะพบว่าพระเครื่อง พระบูชา วัตถุมงคลของท่านมีมากมายหลายรุ่นหลายแบบ

    เท่าที่พอจะสืบทราบ หลวงพ่อได้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๘๔ เรื่อยมา มีทั้งชุดพระบูชาที่เป็นพระพุทธรูปและที่เป็นรูปหล่อ หลวงปู่ทวด หลวงพ่อดู่ ครูบาอาจารย์องค์อื่น ๆ เช่น หลวงพ่อเกษม เขมโก ที่เป็นพระเครื่องก็ได้แก่ ชุดพระเหนือพรหม ชุดชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ) ชุดเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อดู่ รวมทั้งเหรียญโลหะ อื่น ๆ พระหยดน้ำ รูปหล่อลอยองค์ ขนาดเล็ก พระพิมพ์ต่าง ๆ ล็อกเกต และแหวน

    เมื่อต้นปี ๒๕๔๐ ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้เห็นหนังสือเกี่ยวกับพระเครื่องเล่มหนึ่ง ผู้เขียนได้เล่าถึงข่าวดังในรอบปี ๒๕๓๙ และได้จัดอันดับ ๑๐ ข่าวดังแห่งวงการพระเครื่องในรอบปี ซึ่งก็ว่ากันไปตามประสาคนในวงการพระเครื่อง แต่มีข่าวหนึ่งในบรรดา ๑๐ ข่าวดังนี้ที่สะดุดใจข้าพเจ้า คือ

    “...สับสนที่สุด ในวงการพระเครื่องคือ พระเครื่องบูชา ของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สับสนจนบรรดาเซียนพระไม่กล้าจัดประกวด เพราะไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนของจริง อันไหนของปลอม”

    ข้าพเจ้าอ่านแล้วอดขำไม่ได้ ก็พวกท่านทั้งหลาย (บรรดาเซียนพระเครื่อง) เล่นจัดประกวดพระเครื่องด้วยวัตถุประสงค์ที่จะตีราคาพระเครื่องพระบูชาของหลวงพ่อออกมาในเชิงพาณิชย์ เพื่อนำมาซื้อๆ ขายๆ แสวงหากำรี้กำไรกันในตลาดซึ่งไม่ใช่วัตถุประสงค์ของหลวงพ่อ

    วัตถุประสงค์ของหลวงพ่อ ต้องการให้พระเครื่องบูชาของท่านเป็นสื่อ..ให้เข้าถึงพระแท้ในจิตใจของผู้ประพฤติปฏิบัติตามธรรมคำสอนของท่าน ต้องการให้พระนี้ได้ถึงมือบุคคลที่สนใจศึกษาปฏิบัติจริง ๆ ดังจะเห็นได้จากการที่มีพระเครื่อง พระบูชาของหลวงพ่อ จำนวนมากที่ทำเป็นพระผงผสมปูนซีเมนต์ขาวมีจำนวนมากมายนับแสนองค์ จนบางคนมีความรู้สึกว่า

    พระหลวงพ่อดู่...ไม่มีราคา แต่ข้าพเจ้ากลับรู้สึกตรงกันข้ามว่า
    พระหลวงพ่อดู่... เมด อิน วัดสะแกนี้

    ที่ว่า...ไม่มีราคานั้น คือ ไม่มีราคาแบบที่หาค่ามิได้ เป็น Invaluable หรือ Priceless Thing สำหรับผู้รู้ คุณค่า มิใช่ สำหรับผู้รู้ มูลค่า ที่นิยมการซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินทองกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2010
  12. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,232
    ชมพูนุช แปลว่าทองครับผม (ซึ่งปรอทชมพูนุช ก็มีสีทอง)

    แต่ถ้าให้ถูกหลักตามพจนานุกรม แล้ว ต้องสะกดอย่างนี้ครับ "ชมพูนุท"

    ต้องตัวสะกด ท.ทหาร ไม่ใช่ ช.ช้าง แต่สมัยปัจจุบัน คนนิยมเขียนด้วย ช.ช้าง

    :cool:
     
  13. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    รู้จริงท่านอาจารย์เคน :cool::cool::cool:
     
  14. urica

    urica เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +407
    พระหลวงพ่อดู่...ไม่มีราคา แต่ข้าพเจ้ากลับรู้สึกตรงกันข้ามว่า
    พระหลวงพ่อดู่... เมด อิน วัดสะแกนี้


    ที่ว่า...ไม่มีราคานั้น คือ ไม่มีราคาแบบที่หาค่ามิได้ เป็น Invaluable หรือ Priceless Thing สำหรับผู้รู้ คุณค่า มิใช่ สำหรับผู้รู้ มูลค่า ที่นิยมการซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินทองกัน<!-- google_ad_section_end -->
    ............................................
    เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ
     
  15. xman1221

    xman1221 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,167
    ขอชมภาพเหรียญดวงเนื้อชมพูปรอทหน่อยได้ป่ะครับ
    ใครมีภาพบ้างอิอิ
     
  16. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ไม่เคยโกหกใคร

    [​IMG]

    จากหนังสือ 101 ปี หลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ

    หลังจากที่ผู้เขียนสอบสัมภาษณ์ปริญญาโทเรียบร้อยแล้ว ได้กลับมานมัสการหลวงปู่พร้อมกับรายงานผลเนื่องจากก่อนจะไปสอบ ผู้เขียนได้ขอบารมีหลวงปู่ให้ช่วยเหลือ ท่านพยักหน้ารับ ซึ่งในวันนั้นหลวงปู่มีอารมณ์แจ่มใสมาก ท่านพูดว่า

    "ข้าอธิษฐานบารมีพระ แผ่บุญกุศลไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาของแกนั่นแหละ เอาบุญให้เขา เพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา สามคนข้ารู้ชื่อ แต่อีกคนไม่รู้ เลยขอให้สามคนถาม อีกคนคอยนั่งฟัง"

    ซึ่งก็เป็นจริงดังที่หลวงปู่พูดไว้...

    ต่อมาผู้เขียนได้สนทนากับท่านจนถึงเรื่อง คาถามหาจักรพรรดิ

    ผู้เขียน "หลวงปู่เป็นผู้แต่งคาถาบูชาพระ (คาถามหาจักรพรรดิ) ใช่ไหมครับ"

    หลวงปู่ "สำเภาเขาสร้างพระพุทธรูป อยากได้คาถาบูชาพระก็เลยมานึกเอาเอง มันจะผิดอยู่หน่อยตรงคำบูชาที่มี นะโมพุทธายะ แล้วก็ ยะธาพุทโมนะ หรือแกว่าไง"

    ผู้เขียน "ปกติการตั้งองค์พระ (การอธิษฐานให้เป็นพระ) โบราณเขาใช้กันว่า นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ ดังนั้นการที่หลวงปู่กล่าวเช่นนี้ ต้องการให้บูชาคาถาเกิดเป็น พระพุทธเจ้าปางมหาจักรพรรดิ ใช่ไหมครับ"

    หลวงปู่พยักหน้ารับพร้อมทั้งกล่าวว่า

    "คาถาบทนี้เป็นของดี หมั่นท่องไว้ทุกวัน ปกติเขาไม่ให้กันหรอก เพราะเขากลัวลูกศิษย์จะดีกว่าอาจารย์ แต่ข้าไม่เคยกลัวและไม่ปิดบัง ท่องให้ดีนะอีกหน่อยจะรวย เพราะมีการกล่าวถึงพระสีวลี ผู้เลิศทางลาภไว้ด้วย อาบน้ำอาบท่า อาบไปเสกไปก็ได้ กินข้าวก็ได้ ดีทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามาบอกพวกแก ข้าทดลองมาแล้วทั้งนั้น เมื่อดีแล้วจึงมาบอก ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ศรัทธาและการหมั่นฝึกฝนปฏิบัติ คนเราอยู่ดีๆ จะให้รวยได้อย่างไร ต้องปฏิบัติให้ดีเสียก่อน ดูอย่างข้าเมื่อก่อนต้องไปยืมเงินเขามาซื้อธูปเทียนใบชามาเลี้ยงแขก เดี๋ยวนี้ของกินของใช้มีให้เกลื่อนกลาดไป เรามาพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น แกว่าจริงไหม ของดีของอร่อยกินก็ไม่ได้ ฟันไม่มี"

    หลวงปู่หัวเราะแล้วเสริมอีกว่า

    "คนเราต้องทำให้ดี เมื่อดีแล้วจึงรวย แล้วจะได้ไม่ซวย พระจะดีต้องหมดอยาก ถ้ายังอยากอยู่ก็ไม่ใช่พระดี"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.jpg
      0.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.7 KB
      เปิดดู:
      3,378
  17. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,232
    เหรียญดวง เนื้อ ปรอทชมพูนุท

    อยู่ที่

    หน้า 14 บทความที่ #271
    หน้า 17 บทความที่ #333
    หน้า 39 บทความที่ #771
     
  18. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,232
    ไม่ขนาดนั้นครับ แหะๆ รู้บ้างนิดหน่อย จากอาจารย์สอนสังคม สมัยก่อน ตอนที่อยู่ ม.ปลาย

    เรื่องมันยาวครับ คืออาจารย์แกชื่อ อ.ชมพูนุท ใครเขียน ชมพูนุช จะโดนหักคะแนน ต้องสะกดให้ถูก แล้ว อาจารย์เป็นผู้ที่ศิษย์ทุกคนจะเคารพยำเกรงมาก เพราะแกสอนที่โรงเรียนตั้งแต่รุ่น 1 จนเกษียร

    วันนึง อาจารย์เล่าให้ฟังว่า ไปสำนักแห่งหนึ่งในอยุธยา ไปกับพวกลูกศิษย์ ตอนแรกแกก็ไม่ได้สนใจอะไร ไม่ค่อยเชื่อด้วย แค่ไปทำบุญ แล้วแวะผ่านเฉยๆ(ถ้าจำไม่ผิด) แต่ สำนักนั้น เขาว่ากันว่า พระเจ้าตาก จะมาลงที่ร่างทรง

    พอพระเจ้าตากมาลง ท่านก็มองไปรอบๆ แล้วก็เดินไปหาอาจารย์ผมที่นั่งอยู่หลังห้อง แล้วก็เรียกอาจารย์ผมว่าทอง แล้วก็พูดประมาณว่า ทอง ชาตินี้เป็นครูอีกแล้วนะ ชาติที่แล้วเอ็งก็เป็นครู แล้วก็หัวเราะ อาจารย์ผมก็งงว่ามารู้จักชื่อ ฉันได้ยังไง หลายคนยังไม่รู้เลย ว่าชื่อฉันแปลว่าทอง

    คุยไปคุยมา รุ้สึกอาจารย์ผมจะเป็นลูกน้องคนสนิทของพระเจ้าตาก เคยเป็นทหาร เป็นครูมาก่อน

    และเนื่องด้วยอาจารย์ผมเป็นครูสอนวิชา ประวัติศาสตร์ไทย เลยถามถึงประวัติศาสตร์ของพระเจ้าตากท่าน ในสมัยนั้นๆ คุยกันยาวเลย มีประวัติศาสตร์บางตอนคลาดเคลื่อน แต่ผมจำไม่ได้ว่าอะไรบ้าง

    ตอนกลับจากสำนัก มีแต่คนรุมถาม ว่า อ.ผม เกี่ยวข้องกับพระเจ้าตากยังไง


    ปัจจุับันนี้ เวลาใครไปที่สำนัก ร่างทรง มักจะถามว่า ทองไปไหน อยู่เสมอๆ

    ผมเลยจำได้ว่า คำๆนี้ ต้องสะกด ชมพูนุท ถึงจะถูก แล้วแปลว่าทองคำ:cool:

    ปล.เรื่องร่างทรง คนทรงเจ้า ต้องใช้วิจารณญาณในการเชื่อด้วยนะครับ ของแท้ก็มี แต่ส่วนมากของเทียม(ที่มาเข้าร่างเป็นผีนั่นเอง)
    ปล2. ผมชักจะงงซะแล้ว ว่าเป็นพระเจ้าตากสินมหาราช หรือพระนเรศวรมหาราช
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2010
  19. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,232
    ขอนอกเรื่องนิดนึงนะครับ เล่าเรื่องพระเจ้าตาก เลยนึกขึ้นมาได้เรื่องนึง น่าสนใจมาก ใครยังไม่รู้ลองอ่านดูนะครับ ใครรู้แล้วกระผมก็ต้องขออภัย (one-eye)
    -------------------------------------------------------------------

    เรื่องพระเจ้าตาก จากหลวงพ่อจรัญ
    ข้อ เท็จจริงตามประวัติศาสตร์ที่ว่า พระเจ้าตากนั้นเป็นผู้กู้เอกราชให้กับไทยนั้นพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นักรบ ที่เก่งกาจกล้าหา­ญ และเสียสละอย่างมากอย่างที่ชนธรรมดามิได้ล่วงรู้อีกมากมาย แต่เรื่องที่จะเล่าเกี่ยวกับพระเจ้าตากนั้นไม่ได้มีในประวัติศาสตร์ที่เรา เคยเรียนกัน

    พระเจ้าตากมิใช่เป็นลูกของคนจีนสามั­ญชนตามประวัติ ศาสตร์ แต่เป็นโอรสในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศกับสนมลับชาวจีนชื่อ ไหฮอง แต่เนื่องจากสมัยอยุธยานั้นมีการแก่งแย่งชิงดีกันมาก มีการฆ่ากันเพื่อชิงราชสมบัติ พระมารดาของพระเจ้าตากเกรงจะเป็นอันตราย จึงได้ปิดเป็นความลับ และบอกว่าบิดาของพระเจ้าตากชื่อ ไหฮอง (ชื่อของนางเอง) และมารดาชื่อนางนกเอี้ยง (ชื่อที่แต่งขึ้นไม่มีตัวตนจริง)


    ประวัติ ศาสตร์นั้นได้ถูกบันทึกไปตามเหตุการณ์ที่ถูกทำให้เป็นว่าเป็นไปโดยที่หามี ใครรู้ข้อเท็จจริงไม่ (โดยส่วนตัวของข้าพเจ้าในสมัยที่เรียนประวัติศาสตร์นั้นก็มีความรู้สึกไม่ ค่อยเชื่อว่าคนที่จะขึ้นมาเป็นระดับพระมหากษัตริย์นั้นจะเกิดมาจากคนสามั­ ญชนเพียงเท่านั้น เพราะผู้ที่จะเป็นพระมหากษัตริย์นั้นย่อมต้องมีบุ­บารมีสูงย่อมน่าจะสืบสาย เลือดมาจากเชื้อพระวงศ์)

    พระเจ้าตากไม่ได้สติวิปลาสและถูกสำเร็จ โทษด้วยท่อนจันทน์ดังที่ได้บันทึกในประวัติศาสตร์ ความจริงเป็นพระประสงค์ของพระองค์เองที่จะสละความเป็นกษัตริย์เพื่อหันไปออก ผนวชเป็นพระภิกษุจึงได้ขอร้องให้พระสหายร่วมสาบานปราบดาภิเษกแทน (พระสหายนี้คือรัชกาลที่หนึ่งนั่นเอง)

    ความจริงพระสหายนั้นมีความ ซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเจ้าตากเป็นมั่น มิได้มีความคิดที่จะก่อกบฏหรือหวังขึ้นตั้งตัวเป็นกษัตริย์ และก็ไม่ยอมทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าตากแต่ด้วยเหตุผลของพระเจ้าตากว่า พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ยากจนเข็ญ­ใจ เงินในท้องพระคลังไม่มีเลย ไม่มีแม้แต่เบ­จราชกกุธภัณฑ์ (เครื่องหมายแสดงความเป็นพระราชา มี ๕ ได้แก่ พระขรรค์ ธารพระกร อุณหิส ฉลองพระบาท และวาลวิชนี) เนื่องจากผลของสงคราม ข้าวยากหมากแพง พระองค์ต้องช่วยเหลือราษฎรของพระองค์ จนต้องเป็นหนี้กับจีนถึงหกหมื่นตำลึง ถ้าหากพระองค์จะค่อยๆ ผ่อนใช้ก็พอได้แต่เมื่อรู้ว่าจีนคิดมิซื่อหวังยึดเอาไทยเป็นของตน ดังนั้นจึงมิอาจยอมได้ทรงคิดว่าการผลัดแผ่นดินเป็นการล้างหนี้ที่ดีที่สุด

    พระองค์ ทรงใช้กุศโลบายเพื่อรักษาเอกราชของชาติ โดยแสร้งทำตนว่าสติวิปลาสแล้วให้พระสหายขึ้นปราบดาภิเษก ถึงตอนนั้นจีนก็ไม่สามารถยึดเอาไทยไปได้เพราะผู้ที่ทำสั­­ญญากับจีนนั้นเป็น พระเจ้าตากเพียงผู้เดียวที่รับผิดชอบ

    ผู้ที่ถูกสังหารด้วยท่อน จันทน์ไม่ใช่พระเจ้าตากแต่เป็นสหายอีกคน(หลวงอาสาศึก) ที่หน้าตาท่าทางคล้ายกับพระเจ้าตากเป็นอันมาก ยอมเสียสละชีวิตตนแทนส่วนพระเจ้าตากนั้นพระสหายได้แอบพาหนีไปที่อื่นอย่าง ปลอดภัย นี่แสดงให้เห็นถึงความเสียสละของพระเจ้าตากกับความรักความสามัคคีและความ ซื่อสัตย์ที่พระสหายมีต่อพระเจ้าตากนั้นเป็นที่สูงสุด และนี้จึงเป็นผลบุ­ให้พระสหายซึ่งต่อมาได้สืบพระราชวงค์ใหม่ได้มีแต่ความเจ ริ­ญยั่งยืนสืบยาวนานตลอดรัชกาล

    พระเจ้าตากสิ้นพระชนม์(ละสังขาร)อย่างไร
    เมื่อ ครั้งที่พระเจ้าตากได้ไปตั้งค่ายในป่าได้พบกับพระรูปหนึ่งได้ให้กรรมฐานแก่ พระเจ้าตากจึงทรงมิอยากครองราชต่อไป ทรงดำเนินแผนการว่า ทางอยุธยาเกิดเรื่องจึงสั่งให้พระยาสวรรค์ยกกองทัพไปปราบ เสร็จแล้วให้กลับมายังกรุงธนบุรีและล้อมพระราชฐานไว้แล้วจับพระองค์บวชเสีย แต่ปรากฏว่าพระยาสวรรค์เกิดลืมตัวอยากเป็นใหญ่ ตั้งตนเป็นกษัตริย์ขึ้นมาจริงๆ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่หนึ่ง) จึงได้ยกทัพลงมาปราบ ส่วนพระเจ้าตากได้ไปเจริ­วิปัสนากรรมฐานในถ้ำแห่งหนึ่งที่เพชรบุรี ในวันที่พระองค์บรรลุธรรมสูงสุดคือวันที่ท่านละสังขาร ขณะที่กำลังดูดดื่มอยู่ในวิมุติสุข พระองค์ถูกชายสองคนใช้ไม้คมแฝกฟาดที่ศรีษะอย่างนับไม่ถ้วน ชายสองคนนั้นเป็นพวกกลุ่มคนที่ต้องการเอาความดีความชอบ เมื่อรู้ว่าผู้ที่ถูกสำเร็จโทษ ไม่ใช่พระเจ้าตากตัวจริงจึงสืบหาเพื่อตามสังหารแต่กรรมตามทันมีการกบฏซ้อนกบ ฎกันวุ่นวายพวกนั้นก็ฆ่ากันตายเอง ส่วนพระเจ้าตากได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์กลายเป็นวิสุทธิเทพในที่สุด

    หนังสืออ้างอิง
    ความหลงในสงสาร,(สุทัสสาอ่อนค้อม),๒๕๔๙

    เรื่อง ราวนี้เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์ของพระเดชพระคุณพระธรรมสิงหบุราจารย์ (จรัญ­ จิตธัมโท/หรือพระครูเจริ­ จิตธัมโม) ซึ่งได้เจริ­กรรมฐานจนได้อนิสงส์สามอย่างคือระลึกชาติได้เจ็ดชาติเห็นกฏแห่ง กรรมและเกิดปั­­ญญาแก้ปั­ญหาได้ ท่านได้พบกับพระเจ้าตากซึ่งเป็นพระวิสุทธิเทพแล้วเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน พระเจ้าตากได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังด้วยต้องการให้นำไปเผยแพร่ข้อเท็จ จริง เพราะท่านเห็นว่าคนไทยเราต่างมีความขัดแย้งกันมากมาย ที่สำคัญ­คือท่านไม่ต้องการให้สถาบันกษัตริย์เสื่อมเสียเพราะจากความเข้าใจ ผิดและความมิชฉาทิฐิ ท่านที่ได้อ่านจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ปั­­ญญาและสัมมาทิฐิของแต่ละบุคคล แต่โดยส่วนตัวของข้าพเจ้ามิได้มีอำนาจอิทธิฤทธิ์ใดๆ ที่จะเห็นได้ว่าเรื่องที่เล่านั้นจริงหรือไม่เพียงแต่อ่านแล้วรู้สึกเกิดแรง บันดาลใจที่จะเล่าต่อต่อให้แก่กัน

    โดยหวังว่าอานิสงค์นี้จะช่วยก่อ ให้เกิดผลแก่ประเทศชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้ ประชาชนได้เกิดความสามัคคี อย่าได้มีความขัดแย้งแตกแยกกันจงเกิดปั­­ญญาและสัมมาทิฐิ รู้ข้อเท็จจริงด้วยปั­­ญญาของตนเอง มิใช่จากการฟังเสียงลือเสียงเล่าอ้างแล้วมิได้ไตร่ ตรองจนทำให้เกิดความทะเลาะเบาะแว้ง

    เมื่อท่านได้อ่านแล้วมีจิตนึกถึง ความเจริ­ญของ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์" ก็ขอให้ช่วยกันอธิษฐานแล้วช่วยลงความเห็นยิ่งมากเท่าไหร่ ย่อมเป็นพลังให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากขึ้นเท่านั้น และด้วยบุญ­แห่งการอธิษฐานที่ไม่ใช่เพื่อตัวเองนี้แลจะกลับมาส่งถึงตัวท่าน เองมากมายหลายร้อยเท่า



    ที่มา :http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=accordingto&date=23-04-2009&group=7&gblog=10
     
  20. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    อยากรู้อดีตชาติ

    [​IMG]

    โดย พี่สิทธิ์

    สมัยที่เข้าวัดใหม่ ๆ ก็เห็นมีบางคนสนอกสนใจอยากรู้อดีตชาติของหลวงปู่บ้าง ของตนเองบ้าง สุดท้ายก็มีคนไปกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า

    "หลวงปู่ จริงไหมที่มีบางคนบอกว่าหลวงปู่คือพระเจ้าตากสินมหาราช"

    .....(ไม่มีคำตอบ).....

    "หลวงปู่ จริงไหมที่มีคนบอกว่าหลวงปู่คือพระที่ใช้วิชากำบังพาพระเจ้าตากสินพร้อมทหาร ๕๐๐ คนฝ่าทัพพม่าหนีออกจากกรุงศรีอยุธยาออกมาได้"

    .....(ไม่มีคำตอบอีก).....

    กาลเวลาผ่านไป มีลูกศิษย์หลวงปู่คนหนึ่ง (ซึ่งก็เป็นศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำด้วย) เป็นผู้มีการรู้การเห็นภายในดี และถือเป็นครูฝึกกรรมฐานคนหนึ่งให้น้องใหม่ ๆ ที่เพิ่งเข้ามาปฏิบัติกรรมฐาน แต่ต่อมาเห็นได้ชัดว่าเขากำลังหลงยึดมั่นถือมั่นกับนิมิตต่าง ๆ ที่สำคัญหลงยึดความรู้ความเห็นว่าตนคือกษัตริย์ที่สำคัญองค์หนึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เขาห่างหลวงปู่ไปเป็นระยะ ๆ เริ่มมีพฤติกรรมที่แปลกแยก และออกจะหยิ่ง ๆ ผ่านไปนาน มารู้ข่าวคราวของเขาอีกทีก็เมื่อตอนที่ออกจากโรงพยาบาลเพราะต้องเข้ารับการบำบัดปัญหาโรคจิต

    ยังมีกรณีตัวอย่างของความหลงในเรื่องอดีตชาติอีกกรณีหนึ่ง คือ นายแพทย์และพยาบาลคู่หนึ่งที่เป็นนักปฏิบัติ (ไม่เกี่ยวกับวัดสะแกหรือหลวงปู่) เขานั่งปฏิบัติไปแล้วก็เกิดความรู้ (รู้จริงรู้เท็จก็ไม่ทราบได้) ว่าเขาเป็นคู่ครองกันมาแต่อดีตชาติ เขาจึงมีอะไร ๆ กันทั้ง ๆ ที่ต่างคนต่างก็มีครอบครัวแล้ว

    บทสรุปจากกรณีตัวอย่างเหล่านี้ ทำให้ศิษย์หลวงปู่หลายคนไม่คิดจะถามหลวงปู่ในเรื่องอดีตชาติของหลวงปู่ หรือของตนเองอีก เพราะดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องส่งเสริมกิเลสเสียส่วนมาก รู้แล้วก็ไม่มีประโยชน์ หากรู้แล้วเป็นไปในทางสลดสังเวชใจกับการเกิดการตายก็นับว่าเป็นประโยชน์ แต่หากรู้แล้วเป็นไปในทางเพิ่มกิเลส สู้อย่ารู้เสียเลยดีกว่า ดีไม่ดีจะเป็นไปในทางใช้เป็นข้ออ้างหาลาภสักการะ ฯลฯ จนเดินสวนทางกับปณิธานเดิมที่ตั้งไว้

    มิน่าเล่าว่าทำไมหลวงปู่จึงไม่เฉลย อีกทั้งไม่ให้ความสำคัญใด ๆ เลยกับเรื่องอดีตชาติ (ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่คันหัวใจลูกศิษย์หลาย ๆ คน) นี่คงเพราะท่านพิจารณาแล้วว่าจะเป็นโทษมากกว่าคุณ ก็คล้าย ๆ กับที่ในหลวงไปถาม หลวงพ่อเกษม, หลวงปู่แหวน, หลวงปู่ขาว ว่าอดีตชาติ พระองค์เคยเกิดเป็น (กษัตริย์)นักรบ เคยฆ่าคนไว้มากใช่หรือไม่ แต่พระอริยเจ้าเหล่านั้นล้วนตอบตรงกันว่า

    "มหาบพิตร อาตมาไม่อาจพยากรณ์ได้ แต่ที่สำคัญมหาบพิตรจะรู้ไปทำไม มีประโยชน์อันใดอันเกิดจากความรู้นี้"

    มาบัดนี้ หากแม้นหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ก็เชื่อว่าลูกศิษย์ที่เคยสงสัยในเรื่องเหล่านี้ ก็คงหมดคำถาม มิใช่ไม่อยากรู้ แต่เพราะไม่รู้ว่าจะรู้ไปทำไมนั่นเอง ...รู้เพื่อจะลำพองใจในอดีตที่ยิ่งใหญ่ แล้วจะได้เอาไปบอก (โกหก) ใคร ๆ หรือรู้เพื่อให้จิตเศร้าหมองที่เคยทำบาปกรรมไว้มาก

    นี่แหละที่พระท่านสอนว่า

    "อดีตก็ดีดไปแล้ว อนาคตก็คดไปคดมาไม่แน่นอน
    สู้ทำปัจจุบันให้ดีด้วยความไม่ประมาท จะไม่ดีกว่าหรือ"

    ความรู้ความเห็นภายในเป็นเรื่องส่วนตัวที่คนอื่นมิได้รู้ไม่ได้เห็นด้วย หลวงปู่ว่า

    "พูดออกไปก็เรียกว่าเหมือนพูดโกหก เพราะคนอื่นเขาไม่รู้กับเราด้วย"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...