พระวิหารวัดป่าโนนจ่าหอม!!!มุงกระเบื้องเสร็จแล้วพร้อมสร้างต่อ!!!ร่วมอนุโมทนาหน้า 20

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย เก๋ณัฐา, 20 กุมภาพันธ์ 2010.

  1. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ความมหัศจรรย์ของการสวดมนต์

    [​IMG]

    อาตมา (สมเด็จโต)
    ได้เห็นอานิสงส์ของการสวดมนต์ด้วยตัวอาตมาเอง

    ในสมัยที่อาตมาได้ ออกเดินธุดงค์ในป่าเป็นเวลา 15 ปี
    โดยอาศัยอยู่ในเขตดงพญาไฟ
    ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใกล้ชายแดนของประเทศเขมร
    ในสมัยนั้นเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และภูติผี วิญญาณ
    ตลอดจนชาวบ้านที่มีเวทมนต์คาถา
    และเล่นคุณไสยกันอยู่อย่างมากมายในอาณาบริเวณชายแดน

    ช่วงนั้นอาตมามิได้ศึกษาในพระเวท มนต์คาถาอาคมใดเลย
    นอกจากคำว่า

    [​IMG]

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ซึ่งมีความหมายว่า ข้าพเจ้าขอยึดมั่น พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
    พระธรรมเป็นที่พึ่ง พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง

    อาตมาไปที่แห่งหนตำบลใด
    ก็จะกล่าวเพียงคำนี้ตลอดเวลาของจิตใจอันเป็นที่พึ่งของอาตมา
    อาตมาเดินทางธุดงค์เข้าสู่หมู่บ้านชายแดนแห่งประเทศสยาม ในดงพญาไฟขณะนั้น
    ในหมู่บ้านมีชาวบ้านอาศัย อยู่เพียงเล็กน้อย
    อาตมาจึงได้ปักกลดอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน

    อาตมาอาศัยอยู่ที่นั้นเป็นระยะเวลาหลายปี และ ณ ที่แห่งนั้น
    อาตมาจึงได้พบคุณวิเศษแห่งการสวดมนต์

    [​IMG]

    มีชาวบ้านผู้หนึ่งได้เข้ามาสนทนากับอาตมาหลังจากได้ถวายอาหารแล้ว
    ชาวบ้านผู้นั้นอาตมา ทราบชื่อภายหลังว่าชื่อ นายผล

    นายผลได้เล่าให้อาตมาฟังว่า เขาเป็นผู้ฝึกเวทย์มนต์คาถาอาคม
    เล่าเรียนจนมีญาณแก่กล้า
    และมักจะทดสอบเวทย์มนต์คาถาอาคมแก่พระภิกษุสงฆ์ที่เดินทางมาปักกลด ณ
    บริเวณนี้เป็นประจำ


    เขาเล่าให้อาตมาฟังว่า
    เขาได้ส่งอำนาจคุณไสยเข้ามาทำร้ายอาตมาทุกคืน แต่
    ไม่ได้หวังทำรายเป็นบาปเป็นกรรมถึงตาย

    เพียงแต่ต้องการทดสอบดูว่าภิกษุรูปนั้น จะมีวิชาอาคมแก่
    กล้าสามารถที่จอต่อสู้กับคุณไสยเขาได้หรือไม่


    นายผลก็ได้ทำคุณไสยใส่อาตมาถึง
    7 วัน เต็มๆ ไม่ว่า จะเป็นการปล่อยควายธนู หรือปล่อยหนังควาย ปล่อยตะขาบ
    ตลอดจนภูติพรายเข้ามาทำร้ายอาตมา แต่ปรากฏสิ่งที่ปล่อยมา
    ก็ไม่สามารถเข้ามาทำร้ายอาตมาได้ เลย

    วันนี้จึงได้มากราบเพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กับอาตมา
    อาตมาจึงได้บอกว่าตัวอาตมาเองไม่ได้ ศึกษาพระเวทย์มนต์คาถา หรือคุณไสยใด


    นายผลก็ไม่ยอมเชื่อหาว่าอาตมาโกหก ถ้าหากไม่มีของดี
    แล้วไซร้ไฉนอำนาจคุณไสยดำที่เขาส่งมา จึงกลับมายังเขาซึ่งเป็นผู้กระทำ
    ไม่สามารถทำร้ายอาตมาได้


    อาตมาก็พยายามชี้แจงให้เขารู้ว่า
    อาตมาไม่มีวิชาเหล่านี้จริง ๆ ทำให้นายผลสงสัยยิ่งนักว่า
    เหตุใดอาตมา จึงไม่ได้รับภัยอันตรายจากอำนาจเวทมนต์คุณไสยดำที่เขาส่งมาทำร้ายได้

    อาตมาได้บอกกล่าวแก่เขาว่า
    เมื่ออาตมาจะนอน อาตมาก็จะสวดแต่คำว่า

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คุจฉามิ

    จนจิตมีความสงบนิ่งแล้ว
    จึงได้แผ่ส่วนกุศลไปให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย

    จงอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
    อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

    และอาตมาก็จำวัดนอนเป็น ปกติ

    นายผล เมื่อได้ฟังดังนี้น จึงได้บอกแก่อาตมาว่า ข้าแต่ท่านอาจารย์
    ก็เช่นนั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้ ท่านในวันนี้ ก่อนที่ท่านจะจำวัด
    จงหยดการสวดมนต์สัก 1 คืนได้หรือไม่

    ข้าพเจ้าต้องการจะพิสูจน์ว่า การสวดมนต์ของท่านเช่นนี้
    จะเป็นเกราะคุ้มครองภัยท่านหรือเป็นเพราะอำนาจเวทมนต์ถาถาในภูติผี ปิศาจของข้าพเจ้าเสื่อมกันแน่

    ข้าพเจ้าของรับรองว่า
    จะไม่ทำอันตรายแก่ท่าอาจารย์อย่างเด็ดขาด
    เพียงแต่ต้องการที่จะทดสอบให้ความรู้แจ้งเห็นจริงว่าเกิดอะไรขึ้น

    อาตมาก็ตกลงรับปากแก่นายผลว่า คืนนี้จะไม่ทำการสวดมนต์

    นายผลจึงได้ลากลับไป

    [​IMG]

    ครั้น ถึงเวลาพลบค่ำอาตมาก็นอนโดยมิได้ทำการสวดมนต์ตามที่ได้ปฎิบัติเป็นปกติ เมื่ออาตมานอนหลับไป อาตมารู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าอาตมาได้ยินเสียง กุกกัก กุกกัก จะขึ้นมา จึงได้จุด เที่ยนและพบตะขาบใหญ่ยาวเท่าขาของอาตมากำลังเลื้อยเข้ามาอยู่ใกล้ตัวของอาตมามาก

    อาตมารู้สึก ตกใจถึงหน้าถอดสี
    และด้วยสัญชาติญาณจึ่งกล่าวคำสวดมนต์

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง
    คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


    ด้วยจิตยึดมั่นในพระพุทธองค์เป็นที่พึ่ง

    [​IMG]

    เป็นเวลานานเท่าใดไม่ทราบได้ เสียงกุกกักและตะขาบที่อยู่ข้างหน้าก็อันตรธานหายไป จากนั้นอาตมาจึงได้จำวัดเป็นปกติ

    ในวันรุ่งขึ้น นายผลก็มาหาอาตมาและได้กล่าวว่า
    เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้าได้ปล่อยตะขาบเข้าไปใน กลดที่ท่านพักนักอยู่
    อาตมาบอกว่า อาตมาได้ตื่นมาและตกใจ จึงได้
    สวดมนต์ภาวนาตะขาบตัวนั้น ก็อันตรธานหายไป

    นายผลจึงได้ยกมือพนมขึ้น แล้วกล่าวว่า

    บัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่า
    อำนาจเวทมนต์คาถา และ คุณไสยใดๆ ของข้าพเจ้า
    มิอาจทำร้ายท่านได้ ก็เพราะอำนาจแก่การ
    สวดมนต์ภาวนาของท่านเป็นเกราะคุ้มครองภัยอัตรายต่างๆ ได้

    [​IMG]

    ที่อาตมา (สมเด็จโต)
    ได้เล่าให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ได้ฟังกัน
    เพื่อให้เป็นอานิสงส์ของการ สวดมนต์ว่า

    เหล่าพรหมเทพได้มาฟังการสวดมนต์จริงดังที่อาตมาได้เทศน์ไว้

    เพราะถ้าไม่ใช่เหล่า พวกพรหมเทพแล้วไซร้
    ก็คงไม่สามารถที่จะขับไล่สิ่งที่เกิดจากอำนาจคุณไสย ที่นายผลส่งมาเล่นงาน อาตมาได้อย่างแน่นอน

    ท่านเจ้าพระยา และ อุบาสก อบาสิกา ในที่นั้น
    เมื่อได้ฟังคำเทศนาแล้วต่างก็ยกมือขึ้นสาธุ
    ว่า อานิสงส์ของการสวดมนต์ช่างมีคุณค่าสูงส่งยิ่งนัก<!-- google_ad_section_end -->

    ____________________________________________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

    การสวดมนต์ช่างมีคุณค่าสูงส่งยิ่งนัก<!-- google_ad_section_end -->
    ________________________________________

    ที่มา : wellrider - การสวดมนต์ (สมเด็จโต)

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
    ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    [​IMG]
    _________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    ร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ l ร่วมไถ่ชีวิตโค-กระบือ l ช่วยวัดพระบาทน้ำพุด่วน l งานปริวาสกรรม ทั่วไทยตลอดปี 2553
    กด 1900 - 222 - 200 ​บริจาคเงิน​ให้​กับ​มูลนิธิธรรมรักษ์​ ​ร่วม​กับ​หลวงพ่ออลงกต​ ​ครั้งละ​ 9 ​บาท​ทั่ว​ประ​เทศ
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2010
  2. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ธรรมดีหนีกรรมชั่ว พระนิพนธ์โดยสมเด็จพระญาณสังวร

    ทุกชีวิตก่อนแต่จะได้มาเป็นคนเป็นสัตว์อยู่ในปัจจุบันชาติต่างเป็นอะไรต่อมิอะไรมาแล้วมากมายแยกออกไม่ได้ว่ามีกรรมดีกรรมชั่วอะไรบ้าง ทำกรรมใดก่อนทำกรรมใดหลัง ทั้งกรรมดีและกรรมชั่วที่ทำไว้ในอดีตทั้งหลายย่อมมากมายเกินกว่าที่ได้กระทำในชาตินี้ในชีวิตนี้อย่างประมาณมิได้และกรรมดีกรรมชั่วทั้งหลายเหล่านั้นย่อมให้ผลตรงตามเหตุทุกประการแม้ว่าผลอาจจะไม่เกิดขึ้นพร้อมกันทุกสิ่งทุกอย่างและไม่อาจเรียงลำดับตามเหตุที่ได้เกระทำแล้วก็ตาม แต่ผลทั้งหลายย่อมเกิดแน่แม้เหตุได้กระทำแล้ว

    เป็นที่เห็นกันอยู่ว่าทุกคนมีชีวิตที่มิได้ราบรื่นเสมอไป ไม่มีสุขตลอดชีวิตและไม่มีทุกข์ตลอดชีวิต แต่ละคนพบอะไรๆทั้งดีและร้ายหนักบ้างเบาบ้าง โดยที่ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องเป็นเช่นนั้นเช่นบางคนเกิดในครอบครัวยากจนต่ำต้อย บางคนเกิดมาในครอบครัวร่ำรวยบางคนเกิดมาพิการ บางคนเกิดมารูปร่างหน้าตาดีบางคนอายุยืนแต่บางคนอายุสั้น บางคนประสบความสำเร็จบางคนทำอะไรๆก็มักผิดหวัง เป็นต้น

    ทุกคนกำลังมีผลกรรมดีและกรรมไม่ดีติดตามมาเป็นผลของเหตุที่ทำไว้ในอดีตชาติที่ทำกันเอาไว้อย่างสลับซับซ้อนนับประมาณมิได้ เมื่อพูดถึงกรรมไม่ดีกรรมไม่ดีนั้นเปรียบดั่งมือมารที่ใหญ่โตมโหฬารทรงพลังอำนาจมากมายมือนั้นกำลังเอื้อมมือมาตะปบเราเพื่อลากเข้าไปขยี้ให้แหลกเหลวแต่เราก็รอดหวุดหวิดเพราะความบังเอิญความบังเอิญนั้นก็คือคุณงามความดีที่มีมากพอซึ่งเป็นกำลังพาให้หลบหนีพ้นมือมารไปได้ มีความสวัสดีอยู่ได้ชั่วครั้งชั่วคราว

    แต่ใช่ว่ามือมารนั้นจะหยุดตามตะครุบเราก็หาไม่จะกี่วันกี่เดือนกี่ปีกี่ภพกี่ชาติมือมารก็จะติดตามตะครุบเราอย่างไม่ลดละไม่ท้อแท้เหน็ดเหนื่อยจะคว้าผิดคว้าถูกก็ตามมือมารจากผลแห่งกรรมชั่วที่เคยทำไว้ในอดีตจะตามคว้าไม่ยอมลดละ ถ้าปรากฏเป็นภาพก็จะเป็นภาพที่น่ากลัวที่สุดซึ่งเรื่องของกรรมนี้เป็นสิ่งที่ทำแล้วลบล้างไม่ได้แต่เราหนีมันได้โดยการสร้างความดีซึ่งเป็นกรรมดีให้หนักกว่ามากกว่ากรรมไม่ดี จะทำให้เราสามารถวิ่งหนีกรรมไม่ดีได้(ชั่วคราว)

    แต่ผลแห่งกรรมไม่ดีก็ยังวิ่งตามเราอยู่แต่ส่งผลไม่ทันเพราะมีกรรมดีวิ่งแซงตัดหน้ามาช่วยเหลือเราทัน เหมือนเราเดินอยู่มีคนไม่ดี(ผลกรรมชั่ว)ถือมีดดาบวิ่งไล่ตามหลังเราอยู่ด้วยความเครียดแค้น (เราอาจจำไม่ได้ว่าเราไปทำอะไรให้เขาโกรธอาฆาตเครียดแค้น) ขณะเดียวกันก็มีคนดี(ผลกรรมดี)กำลังวิ่งจ้ำตามมาอย่างรวดเร็วเพื่อจะชิงตัดแซงหน้าคนไม่ดีให้ได้เพื่อจะมาพาเราหนีไปให้พ้นจากคนไม่ดีที่กำลังถือมีดวิ่งไล่หลังเรา ถ้าคนดีนั้นมีกำลังแข็งแรงกว่าก็วิ่งแซงคนที่ไม่ดีและมาช่วยเราได้ทันการณ์

    แต่ถ้าคนดีที่วิ่งมาช่วยแรงน้อยกำลังน้อยกว่าคนไม่ดีเขาก็ไม่สามารถมาช่วยเหลือเราได้ เราก็ต้องโดนคนไม่ดีเอามีดฟัน แต่ถ้าคนดีแรงดีวิ่งแซงมาช่วยเราทันเราก็รอดพ้นจากคนไม่ดีไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ถ้าคนดีเริ่มอ่อนแรงช่วยให้เราหนีรอดได้สักระยะหนึ่ง ส่วนคนไม่ดีนั้นถ้าเขายังไม่อ่อนแรงเขาก็วิ่งตามมาทันพอดีแล้วอะไรจะเกิดขึ้น...

    ทุกคนมีมือแห่งอกุศลกรรมที่น่ากลัวตามตะคุรบอยู่ไม่มีใครไม่มีและมีกันคนละไม่น้อยด้วย เพราะทุกคนได้ผ่านภพชาติมาแล้วนับไม่ถ้วนยาวนานนักหนาทำอะไรต่ออะไรกันมาเสียนักต่อนักทั้งกรรมดีทั้งกรรมชั่วสลับซับซ้อนกันอยู่และก็ลืมกันไปเสียสิ้นแล้วทั้งบางคนก็ยังไม่เชื่อว่าเคยเกิดมาแล้วในอดีตชาติมากมายหลายชาตินับไม่ถ้วนจึงยังไม่นึกเลยว่าได้ทำกรรมดีกรรมชั่วมาก่อนจะมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้การไม่นึกนี่แหละทำให้ประมาท ไม่พยามหนีให้พ้นจากกรรมไม่ดี

    การส่งผลกรรมดีและกรรมไม่ดีนั้นข้ามภพข้ามชาติได้ กรรมในอดีตชาติส่งผลมาทันในปัจจุบันชาติก็มี ไปส่งผลถึงในอนาคตชาติก็มีแล้วแต่ว่าผู้ทำกรรมไม่ดีจะหนีได้ไกลเท่าไหร่หรือหนีได้นานเท่าไหร่ก็คือแล้วแต่ว่าผู้ทำกรรมไม่ดีไว้ในอดีตนั้นจะสามารถทำจิตใจสร้างคุณงามความดีในปัจจุบันนั้นได้แค่ไหนเพียงใดและจะเป็นกรรมที่ใหญ่และหนักหนากว่ากรรมไม่ดีในอดีตหรือไม่

    การให้ผลของกรรมเปรียบกับวัตถุที่ตกจากที่สูงวัตถุที่ตกจากที่เดียวกันเวลาใกล้เคียงกันแต่วัตถุไหนหนักกว่าก็จะตกถึงพื้นก่อนวัตถุที่เบากว่าเปรียบดังกับกรรมทั้งสองอย่างคือกรรมดีและกรรมไม่ดีกระทำในเวลาใกล้เคียงกันกรรมที่หนักกว่าจะเป็นกรรมที่ดีหรือไม่ดีก็ตามย่อมส่งผลก่อนกรรมที่เบากว่าย่อมส่งผลที่หลัง และย่อมส่งผลทั้งสองแน่นอนไม่เร็วก็ช้า ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้าไม่ชาติหน้าก็ชาติต่อไป ต่อไป อาจจะอีกกหลายภพหลายชาติก็ได้แล้วแต่เหตุปัจจัยเพราะกรรมไม่ใช่สิ่งที่ลบเลือนได้ด้วยกาลเวลาจะนานสักเพียงไรกรรมก็ยังตามส่งให้ผลอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นกรรมหนักกรรมเบาก็ตาม กรรมจึงมีอำนาจเหนืออำนาจทั้งปวง

    เมื่อกรรมดีจะส่งผลจะไม่มีผู้ใดสิ่งอันใดมากีดขวางได้ยกเว้นแต่กรรมที่ไม่ดีที่แรงกว่าเท่านั้นจะกีดขวางกั้นการส่งผลของกรรมดีได้เช่นเดียวกันกับกรรมที่ไม่ดีจะส่งผลก็ไม่มีอะไรผู้ใดมาขวางกั้นได้นอกจากกรรมดีที่แรงกว่าเท่านั้นจึงจะมากีดขวางกั้นการส่งผลกรรมไม่ดีได้ฉะนั้นเราทั้งหลายไม่ควรประมาทเรื่องของกรรมและผลของกรรมควรรีบเร่งสร้างกรรมดีให้มากไว้งดเว้นการทำกรรมชั่วทั้งปวง

    อย่าเป็นผู้ปฏิเสธเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรมอย่างปราศจากเหตุผลอย่าคิดว่าเป็นคนสมัยใหม่แล้วจะไม่ยอมเชื่อเรื่องกรรมจงอย่าปฏิเสธโดยไม่รู้จริง เพราะวันหนึ่งจะหนีไม่พ้นผลของกรรม

    “ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นทางแยกจะไปสูงไปต่ำ จะไปดีไปร้าย เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้นพึงสำนึกข้อนี้ให้จงดี แล้วจงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด”

    [​IMG]


    [​IMG]
     
  3. Pinnacle

    Pinnacle เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +1,333
    พี่เก๋ครับ เนื่องในวันเสาร์ 5
    ผินได้รวมกันกับญาติๆทำบุญถวายกระเบื้องให้กับทางวัดเพิ่มเติมนะครับ

    วันที่ 20/03/10
    สถานที่ S1B8943
    ลำดับ 5068
    เวลา 20:33
    เข้าบัญชี SCB 5302755424
    จำนวน 9,000.00 บาท
    - นายธนพล ชัยวานิชกุลและครอบครัว -

    -------------------------------------------------------------------

    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงได้โปรดโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงได้โปรดอโหสิกรรม ให้แก่ ข้าพเจ้า ตั้งแต่วันนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

    และข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเทวดาเทพยดาทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเทวดาทั้งหมดทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเทวดาทั้งหลาย และพระยายมราช ได้โปรดโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอได้โปรดเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้า ในครั้งนี้ด้วยเถิด

    และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญกุศลนี้จงเป็นปัจจัยสำเร็จ ให้แก่ข้าพเจ้า เทพเทวดา เหล่าพญานาค บิดา มารดา ครอบครัว ครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูงมิตรสหาย ผู้ร่วมงาน บริวาร ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า รวมทั้งสรรพชีวิตทั้งมวล ขอให้ทุกดวงจิตจงมีแต่ความสงบ ร่มเย็น เป็นสุข ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้เถิด
     
  4. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    อนูโมทนาบุญกับคุณธนพล ชัยวานิชกุลและครอบครัวครับ

    คิดและหวังสิ่งใด
    ขออำนาจพระรัตนตรัยดลบันดาลพรให้สมหวังทุกประการครับ
    ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ

    ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
    ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2010
  5. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาบุญกับคุณน้องและครอบครัวด้วยนะจ๊ะ
    พี่ขอให้เราได้เริ่มปฏิบัติเสียที และขอให้บุญที่เราช่วยสร้างวัด
    จงหนุนส่งให้เราได้มีดวงตาเห้นธรรมในชาติปัจจุบัน เอาให้ได้นะ
    ถ้ายังไม่นิพพานก็ไม่เป้นไร ให้ได้ถึงพระอนาคมีจะได้ไปเกิดบนพรหมโลก
    ถึงตอนนั้นก็ไปปฏิบัติต่อข้างบน ไปฟังธรรมของพระพุทธเจ้าข้างบนต่อ
    ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่มั่นที่ยังไม่ได้มรรคผลนิพพานท่านก็ไปปฏิบัติต่อบนนั้น
    เอาให้ได้นะ เกิดเป็นมนุษย์มันลำบาก ไปอยู่บนโน้นก็ปฏิบัติอย่างเดียวไม่ต้องมีขันธ์ทั้งห้าให้ดูแล
    ปฏิบัติอย่างเดียวเลยสบายไม่ต้องมีห่วง แต่ต้องเริ่มนะ เริ่มแล้วเราจะรู้ว่าเวลานั่งนี่สุขอย่างไร

    เราเป็นคนมีบุญนะ แต่ต้องเริ่มนะภาวนาไม่เริ่มไม่ได้ ต้องเริ่มก่อนแล้ว
    มันจะค่อยๆมาเองของเก่าแต่อดีตชาติที่พวกเราสั่งสมมาน่ะ แต่ต่อให้เก่งแค่ไหน
    มีของเก่ามามากขนาดไหนไม่เริ่มก็ไม่ได้นะ ไม่เพียรก็ไม่ได้หรอกมรรคผลนิพพานน่ะ ต้องมีความตั้งใจจริง

    ฮึฮึ อันว่าคนเกี่ยวข้องกันแล้วไม่แคล้วต้องวนเวียนมาช่วยกันอยู่เรื่อยจริงๆนะเนี่ย

    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2010
  6. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    อานิสงฆ์การสร้าง "มหารัตนวิหารคด"

    บุญเป็นเพียงที่พึ่งเดียวของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า
    ดังที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ในอันนสูตรว่า



    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    "บุคคลพึงนำความตระหนี่ออกไปเสีย
    พึ่งข่มความตระหนี่ ซึ่งเป็นตัวมลทิน
    แล้วพึงให้ทานเถิด
    เพราะบุญทั้งหลาย
    เป็นที่พึ่งของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า"


    ดังเรื่องราวในอดีตชาติของ พระอานนท์เถระ ยอดพุทธอุปัฏฐาก
    ที่ได้เคยสร้างมหาวิหารถวายเป็นสังฆทานแด่คณะสงฆ์นับแสนรูป เมื่อแสนกัปนับแต่ภัทรกัปนี้ ในสมัยของพระบรมศาสดาทรงพระนามว่า "ปทุมุตตระ"

    ทำให้ท่านได้รับผลบุญอันยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ
    ส่งผลให้ความปรารถนาของท่านเต็มเปี่ยมในภพชาติสุดท้ายจนมาเป็นบุคคล
    ผู้ใกล้ชิดกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากที่สุด
    มีโอกาสได้ฟังธรรมและสอบถามธรรมะ ในสำนักของพระบรมศาสดา
    จนกระทั่งได้รับการยกย่องว่าเป็น ​

    "ยอดของภิกษุผู้เป็นพุทธอุปัฏฐาก" และ "ยอดของภิกษุผู้เป็นพหูสูต"

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
    ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    [​IMG]

    ที่มา : วิหารทาน ทานอันเลิศที่พระบรมศาสดาทรงสรรเสริญ
    วารสารอยู่ในบุญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2010
  7. i-Anne

    i-Anne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +694
    ขออนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยค่ะ

    และขอร่วมด้วยนะคะ วันนี้ได้โอนเงินร่วมบุญจำนวน 100 บาทค่ะ
     
  8. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาค่าคุณ i-Anne ขอให้มีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมยิ่งๆขึ้นไปตราบสู่พระนิพพานค่ะสาธุ
     
  9. pacio

    pacio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2009
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +536
    ผมได้ร่วมทำบุญโดยโอนเงินเข้า ธนาคาร ไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชีพระชยางกูร โชติช่วง เป็นจำนวน 300.00 บาท เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2553 เวลา 20.55 น. ครับ

    อนุโมทนาบุญทุกท่านครับ
     
  10. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ขออนุโมทนาบุญทุกประการครับและขอขอบคุณเป็นอย่างมากครับ
    ที่มีจิตศรัทธาร่วมบุญวิหารทานของวัดป่าโนนจ่าหอมทั้งอิฐและกระเบื้องในครั้งนี้ครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    ___________________________________________________________


    [​IMG]

    ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
    ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ
     
  11. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    [​IMG]

    *************************************************************

    ธรรมโอวาทหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    จิตตัวนี้สำคัญนัก แม้เพียงไปยึดติดหรือข้องอยู่กับกรรมเพียงน้อยนิด
    ขณะใกล้จะสิ้นใจตาย ก็ยังสามารถเบี่ยงเบนจุดหมายปลายทางที่จะไปเกิดได้


    ธรรมโอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    "พญาเอรกปัตตนาคราช"

    [​IMG]

    ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "สมเด็จพระพุทธกัสสป"
    ได้มีภิกษุรูปหนึ่งจำพรรษาอยู่ในถํ้าติดชายทะเล คือภูเขาชายทะเล เวลานั้นคนมีอายุถึง ๔๐,๐๐๐ ปี ท่านบวชเป็นพระจำศีลภาวนานานถึง ๒๐,๐๐๐ ปี ยังเป็นพระปุถุชนคนธรรมดาที่เรียกว่า"สมมุติสงฆ์"

    <O:p</O:p
    วันหนึ่งท่านอาบนํ้าอยู่ชายทะเล มีเรือสำเภาลำหนึ่งแล่นมาช้าๆ
    เพราะลมอ่อน เฉียดเข้ามาใกล้ที่ท่านอาบนํ้า ท่านเห็นตะไคร่นํ้าจับข้างเรืออยู่มันยาวมาก เรือเดินทะเลต้องเดินทางกันเป็นเดือนๆ ตะไคร่ก็จับมาก ท่านก็เลยนึกสนุกขึ้นมาโผกายไปจับตะไคร่นํ้า ปล่อยให้เรือลากไปตามอัธยาศัย ร่างกายของท่านหนัก ตะไคร่ไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้จึงหลุดออกมา ตัวท่านก็หลุดออกมาจากเรือแต่ไม่เป็นไรเพราะนํ้าตื้น<O:p</O:p

    การพรากของเขียว คือการทำให้ตะไคร่นํ้าหลุดออกจากที่เดิม พระพุทธเจ้าทรงปรับเป็นอาบัติปาจิตตีย์ แต่มีโทษไม่เหมือนกับอาบัติปาจิตตีย์การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั้นลงนรก


    แต่ปาจิตตีย์การพรากของเขียวให้พลัดพรากจากที่เดิมของท่านก็คือ
    ท่านเป็นพระอยู่องค์เดียวจึงไม่มีการแสดงอาบัติ คือไม่มีโอกาสระงับโทษนี้ เวลาตายอาบัติก็คาใจนิดเดียวเท่านี้ การจำศีลภาวนาของท่านไม่มีผลให้เกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดาหรือพรหม แต่ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นพญานาค

    ด้วยอำนาจแห่งการบำเพ็ญบารมีมานานถึง ๒๐,๐๐๐ ปี และมีความเคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงมีสภาวะเป็นทิพย์มีความเป็นอยู่คล้ายเทวดา มีที่อยู่เป็นทิพย์ มีเครื่องบริโภคเป็นทิพย์ มีสมบัติอันเป็นทิพย์แต่ทว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานมีนามว่า "พญาเอรกปัตตนาคราช"ก็เพราะว่ามีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนนาคธรรมดา มีสภาพเหมือนตะไคร่นํ้าคือ ทั้งตัวรุ่มร่ามนุงนังไปหมด เหมือนตะไคร่นํ้าลอยนํ้า


    ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->


    ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
    ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    ที่มา : เว็บบอร์ด พลังจิต ดอทคอม<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ชราปิทุกขา
    [​IMG]
    พระพรหมมังคลาจารย์(หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ)

    ความ แก่ นี้มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเกิดต้องมีแก่คนทุกคน หนีไม่พ้น

    ในชีวิตของเราทุกวินาทีนี่เราแก่อยู่ตลอดเวลา เมื่อเป็นเด็กก็เรียกว่าแก่ขึ้น เป็นหนุ่มก็แก่ขึ้น พอเป็นผู้ใหญเต็มตัวก็เริ่มแก่ลง

    [​IMG]

    เพราะว่าความแก่นี้มันขึ้นอยู่กับเวลาปรุงแต่งของร่างกาย
    บางคนก็แก่ลงช้า แต่บางคนก็แก่ลงเร็ว

    คนที่แก่ลงเร็ว ก็คือคนที่ชอบเอายาพิษใส่เข้าไปในตัว
    เช่น คนชอบดื่มเหล้า ชอบเที่ยวกลางคืน อดหลับอดนอน คนประเภทนี้แก่เร็ว ร่างกายชำรุดทรุดโทรมเร็ว

    แต่ถ้าเป็นคนรู้จักรักษาอนามัย พักผ่อนเป็นเวลา รับประทานอาหารถูกต้อง ความแก่ก็ช้า
    แต่ว่ารวมแล้วมันก็แก่นั่นแหละ หนีไปจากความแก่ไม่พ้น เราต้องแก่เป็นธรรมดา แต่ว่าจิตใจเรานี่มันไม่ยอมแก่
    ถ้าใครมาทักเราว่า "หือ ปีนี้ดูแก่ไป" ไม่มีใครชอบสักคนเดียว แต่ถ้าเขาทักเราว่า "เออ ดูยังหนุ่มแข็งเรงดีนี่" เรายิ้มชอบอกชอบใจ

    คนเรามันชอบหลอกไม่ชอบจริง เพราะไม่ชอบของจริงนี่และจึงเป็นทุกข์เรื่อยไป

    พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า เรามันแก่เป็นธรรมดา
    เรารับรู้ว่าเราจะต้องแก่ แต่ว่าเราก็ต้องรักษาตามหน้าที่
    อย่างนี้เรียกว่า เป็นคนรู้จักใช้ร่างกายให้เป็นประโยชน์
    ไม่ใช้ให้เกิดความทุกข์ความเดือดร้อน

    เพราะความเข้าไปยึดถือว่า เราไม่แก่ อันนี้เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับความแก่
    เป็นทุกข์หรือไม่เป็นทุกข์ก็อยู่ที่ ความคิดถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
    ถ้าคิดถูกความทุกข์มันก็น้อย ถ้าคิดไม่ถูก ก็เกิดความทุกข์ขึ้น เพราะความแก่เป็นธรรมดา

    ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
    ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2010
  13. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    ผมร่วมทำบุญสร้างวิหารทาน 300.99 บาทครับ
    โอนจากบัญชี KTB 4030225691 วันที่ 24/03/2553 เวลา 17.33 น.

    ขออุทิศผลบุญทั้งหมดให้กับผู้ที่ได้อ่านกระทู้นี้ทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2010
  14. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาค่าพี่ ขอให้บุญที่เก๋ได้ทำจงดลบันดาลให้ท่านผู้ร่วมบุญทั้งหลาย
    ได้มีดวงตาเห้นธรรมในชาติปัจจุบันด้วยเทอญสาธุ

    [​IMG]
     
  15. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศล และคำทำนายของพระพุทธเจ้าทั้ง 16 ประการ

    <CENTER>นำ“พุทธทำนาย” อันปรากฏอยู่ในอรรถกถาพระไตรปิฎก มหาสุบินนิมิตชาดก เอกนิบาตชาดก ขุททกนิกาย ซึ่งเป็นเรื่องเล่าถึงสมัยที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงทำนายพระสุบิน(ความฝัน) ให้พระเจ้าปเสนทิโกศล จำนวน 16 ข้อ

    วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล ผู้ครองกรุงสาวัตถี ได้เสด็จเข้าสู่นิทรารมย์ในราตรีกาล ครั้นล่วงปัจฉิมยามใกล้รุ่ง ได้ทอดพระเนตรเห็น พระสุบินนิมิตอันใหญ่หลวง ถึง 16 ประการ อันเป็นพระสุบินที่แปลกประหลาด จึงทรงตกพระทัยตื่นบรรทม และครั้นรุ่งเช้า ก็ได้ให้พวกพราหมณ์ปุโรหิตประจำราชสำนักทำนาย พวกพราหมณ์ปุโรหิต ก็พากันทำนายว่าเป็นพระสุบินที่ร้าย และว่าพระองค์จะต้องประสบภัยอันตราย 3 ประการ ไม่เสียราชทรัพย์ ก็จะมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน หรือไม่ก็ต้องสวรรคต อย่างใดอย่างหนึ่ง และแนะให้พระองค์ทำพิธีบูชายัญสัตว์ เพื่อสะเดาะห์เคราะห์ เมื่อพระนางมัลลิกา พระมเหสีทราบเรื่องเข้า จึงทูลให้ไปขอคำแนะนำจากพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ก็ได้ทรงทำนายว่า เหตุร้ายนั้นจะมีแน่นอน เพียงแต่มิใช่เกิดแก่พระเจ้าปเสนทิโกศล หรือแว่นแคว้นของพระองค์ แต่เหตุร้ายเหล่านี้จะเกิดแก่สัตว์โลกทั่วๆ ไป และแก่พระศาสนาของพระพุทธองค์ในภายภาคหน้า เมื่อล่วงเลยพุทธกาลไปแล้ว 2500 ปี เมื่อศาสนาเสื่อมลง (กล่าวกันว่า อายุของพุทธศาสนาในกัลป์นี้ ยืนยาวเพียง 5,000 ปี หลังจากนั้น ต้องรอยุคของพระศรีอาริยเมตตไตรย์ พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปเสด็จมาโปรดสัตว์)

    ความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศล และคำทำนายของพระพุทธเจ้าทั้ง 16 ประการ ประกอบด้วย
    </CENTER>สุบินนิมิตข้อที่ 1 : ภัยธรรมชาติ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นโคล่ำสัน 4 ตัว วิ่งมาจากทิศทั้ง 4 มีลักษณะอาการเกรี้ยวกราด ประดุจจะชนกัน ด้วยความโกรธแค้นกันมา นาน พอโคทั้ง 4 วิ่งเข้ามาใกล้กันแล้ว กลับถอยห่างออกจากกันไป ไม่ชนกันเลย
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น จะเกิดภัยธรรมชาติขึ้น คือ ฟ้าฝนจะไม่ ตกต้องตามฤดูกาล จะมีก้อนเมฆขนาดใหญ่ลอยมาจากทิศทั้ง 4 เหมือนกับฟ้าฝนจะตกลงมาในพื้นปฐพีอย่างหนัก เมื่อก้อนเมฆทั้ง 4 ลอยเข้ามาใกล้กันแล้ว ก็ลอยถอยห่างออกจากกันไปไม่มีฝนตกลงมาในพื้นปฐพีเลย
    สุบินนิมิตข้อที่ 2 : เยาวชนมั่วสุมเสพกาม พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นต้นไม้นานาชนิด ยังไม่ใหญ่โตพอที่จะมีดอกมีผล แต่ต้นไม้นั้นเต็มไปด้วยดอกและผล จนกิ่งก้าน สาขาจะรองรับดอกผลนั้นไม่ไหว
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น กุมารีที่มีวัยยังไม่สมควรจะมีสามี แต่กุมารีนั้นอยากแต่งงานให้เป็นครอบครัว เพราะ มีความกระสัน ใฝ่ฝันในราคะตัณหา ใจมีความกำเริบในกามคุณ มีความยินดีใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นอย่างมาก มีความอยากในกามารมณ์แห่งความรักความใคร่ จึงได้ แต่งงานกันเมื่ออายุยังวัยเด็ก ถูกต้องตามประเพณีนิยม บางคนมั่วสุมกัน ไม่มีความละอาย เยี่ยงสัตว์ดิรัจฉาน เมื่อตั้งครรภ์ขึ้นมา ก็หาวิธีฆ่าลูกในท้องของตัวเอง จึงเป็นบาปกรรม ต่อไปในภายภาคหน้ายิ่งนัก เด็กบางคน ยังมีพ่อแม่เลี้ยงดูอยู่บ้างเด็กบางคนพ่อแม่เลี้ยงดูไม่ไหว จึงได้ปล่อยปละละเลยให้หาขอทานกินตามลำพัง เป็นเด็กเร่ร่อนจรจัด ไม่มีพ่อแม่ไม่มีตระกูล ไม่มีการศึกษา ไม่มีที่พึ่งพาอาศัยในบ้านเรือน ค่ำที่ไหนนอนที่นั่น อดบ้าง อิ่มบ้าง น่าเวทนายิ่งนัก เหตุการณ์อย่างนี้ จะมีในภายภาคหน้าโน้นใครได้ไปเกิดในยุคนั้น สมัย นั้น ก็จะต้องเจอเหตุการณ์อย่างนี้แล
    สุบินนิมิตข้อที่ 3 : พ่อแม่ต้องเอาใจลูก พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิต เห็นฝูงพ่อแม่โคทั้งหลายพากันดูดกิน นมลูกของตัวเอง
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไป ในภายภาคหน้าโน้น พ่อแม่ทั้งหลาย จะได้อาศัยกินหยาดเหงื่อแรงงานของลูก อาศัยข้าวปลาอาหารเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ ที่ลูกแสวงหามาเลี้ยงดู พร้อมทั้งเงินทอง ก็ต้องแบ่งปัน ให้พ่อแม่ได้จับจ่ายใช้สอย ในยุคนั้นสมัยนั้น พ่อแม่ก็ต้องเอาอกเอาใจลูกยิ่งนัก ต้องประจบประแจงปะเหลาะลูกอยู่เสมอ ถ้าพูดต่อลูกดีๆ ลูกก็แบ่งปันเงินทองให้ได้ใช้บ้าง ถ้าพ่อแม่ พูดไม่ดี ก็จะไม่ได้รับส่วนแบ่งอะไรจากลูกนี้เลย เหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 4 : ผู้อ่อนประสบการณ์บริหารประเทศ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นฝูงคนทั้งหลายพากันจับลูกโคตัวเล็กๆ เข้ามาเทียมแอกเพื่อลากล้อเกวียน เมื่อลากไปไม่ไหว ก็จะพากันเฆี่ยนตี
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่าอนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนทั้งหลายจะพากันนิยมเอาเด็กที่จบปริญญามาใหม่ๆ ไปรับราชการแผ่นดิน บริหารการพัฒนาประเทศชาติ บ้านเมือง อันเป็นงานที่หนักถึงจะมีความรู้อยู่ก็ตาม แต่เด็กนั้นยังขาดประสบการณ์ ขาดความสามารถ ขาดความรอบรู้ขาดความรอบคอบ ในการบริหารเศรษฐกิจการเมืองและสังคม จึงเกิดความผิดพลาด ล่าช้าไม่ทันต่อเหตุการณ์ ขาดความรับผิดชอบ ขาดดุลการค้า ทำให้ประเทศชาติเสียหายทำให้ถ่วงความเจริญของประเทศชาติ ทำให้คนดุด่าว่ากล่าวนานาประการ เหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 5 : ความไม่เป็นธรรมในการตัดสินความ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นม้าตัวเดียว หัวเดียว มีสองปากกินหญ้าได้สองทาง กินเท่าไรก็ไม่มีความอิ่มพอ
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้นคนผู้มีหน้าที่ตัดสินคดีความต่างๆ จะใช้อุบายวิธีอันมีเล่ห์เหลี่ยมเพื่อเอาเงินจากคู่กรณีทั้งสอง เอาทั้งฝ่ายโจทก์ เอาทั้ง ฝ่ายจำเลย เพื่อเป็นค่าจ้างรางวัลในการวินิจฉัยคดีความบ้างเอาค่านั้นบ้าง เอาค่านี้บ้าง ถ้าไม่ได้ตามความเรียกร้องก็จะไม่รับเรื่องที่มาร้องเรียน ต้องการเท่าไรก็เรียกร้องตามใจชอบถ้าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็เรียกร้องเอาน้อยถ้าเป็นเรื่องใหญ่ก็จะเรียกร้องเอาเงินอย่างเต็มที่ แล้วจึงจะมาวินิจฉัยคดีตัดสินต่อไป เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีภายภาคหน้าทั่วโลก
    สุบินนิมิตข้อที่ 6 : พระธรรมคำสอนถูกเหยียบย่ำ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นมีหมู่มนุษย์ ถือถาดทองคำอันมีค่ามหาศาลไปวางไว้สุนัขจิ้งจอกถ่ายอุจจาระถ่าย ปัสสาวะใส่
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้นกลุ่มคนที่โง่เขลาปัญญาทราม จะเอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคต ไปให้ลัทธิต่างๆเหยียบย่ำทำลายแล้วถ่ายทอดลัทธิของเขา เอาคำสอนของเขาที่สกปรกโสโครกด้วยกิเลสตัณหามากลบเกลื่อนในคำสอนของเรา แล้วดัดแปลงแก้ไขคำสอนของเรา ให้เข้ากันกับลัทธิของเขาแล้วประกาศว่า คำสอนของเราตถาคต เป็นส่วนหนึ่งในลัทธิของเขาให้คนทั้งหลายมีความเข้าใจผิดว่า คำสอนของเราเข้ากันได้กับของเขาถือว่าเป็นอันเดียวกัน ลัทธิเหล่านั้นก็จะไม่รู้คุณค่าของคำสอนของเราตถาคตแต่อย่างใด มนุษย์อย่างนี้ก็จะมีในเมื่อเราตถาคตนิพพานไปแล้วและจะมีลัทธิต่างๆ มาอวดอ้างว่าเป็นศาสนาเป็นจำนวนมาก
    สุบินนิมิตข้อที่ 7 : ผู้มีใจต่ำแอบอ้างสถาบันกษัตริย์ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นชายคนหนึ่ง เอาหนังสือมานั่งฟั่นให้เป็นเชือกอยู่บนม้านั่ง แล้วมีสุนัขจิ้งจอกคอยกัดกิน อยู่ เมื่อฟั่นเชือกเสร็จ สุนัขจิ้งจอกก็กินหมดทันที
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนผู้มีจิตใจต่ำ ปัญญาทราม จะได้รับสมมุติ ยกย่องขึ้นเป็นผู้มียศถา บรรดาศักดิ์ นั่งทำงานอยู่ในพระราชสำนักระดับสูง อาศัยอำนาจ พระบารมีของพระมหากษัตริย์ ว่าราชการแผ่นดินแทนพระองค์อยู่เนืองนิตย์ โดยมีความโง่เขลาเบาปัญญา พูดจา ขาดความสำรวม กล่าวเปิดเผยความลับต่างๆ ในพระราชสำนัก ให้หมู่ประชาชนได้รู้ คนลัทธิต่างๆ ที่ไม่มีความหวังดีต่อพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว ได้ยินเข้า จึงนำเอาไปตีแผ่ โฆษณา ให้คนอื่นคลายศรัทธา หมดความเคารพในวงศ์พระมหากษัตริย์ และหมดความเชื่อถือในพระราชวงศ์ต่อไป เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้นคนที่ไม่มีความหวังดี ต่อพระมหากษัตริย์ จะเป็นหนอนบ่อนไส้เสียเอง
    สุบินนิมิตข้อที่ 8 : ทำบุญเลือกหน้า พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสุบินนิมิตเห็นโอ่งน้ำใหญ่และโอ่งน้ำเล็กตั้งอยู่ในที่แห่งเดียวกันแล้วมีทคนทั้งหลาย แย่งกันตักน้ำ เทใส่โอ่งน้ำใหญ่จนล้นเหลือ ส่วนโอ่งน้ำเล็ก ไม่มีใครตักน้ำใส่เลย
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น จะมีคนทำบุญโดยเลือกหน้า พระองค์ที่มีอายุมาก พรรษามาก มี ยศถาบรรดาศักดิ์ในตำแหน่งต่างๆ จะมีคนให้ความสนใจจะพากันถวายเครื่องไทยทานเป็นจำนวนมาก ล้วนแล้วแต่ของที่ดีๆ มีค่า มีราคา ข้าวปลาอาหาร ปิ่นโตเถาขนาดใหญ่ ตั้ง ต่อหน้า จนเหลือเฟือ ส่วนพระเล็กเณรน้อยนั่งอยู่รอบข้าง ไม่มีใครคิดถวายอะไรเลย มีแต่งนั่งดูตาปริบๆ เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 9 : คอรัปชั่นในแผ่นดิน พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นสระน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำรอบนอกใส่สะอาดเยือกเย็นส่วนน้ำในกลางสระขุ่นข้นเป็นโคลนตม แล้วมีสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย พากันแย่งชิงกินน้ำในสระที่ขุ่นข้นเป็นตมนั้นส่วนน้ำรอบนอกที่ใสสะอาดเยือกเย็น ไม่มีสัตว์ตัวใดอยากจะกินเลย
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคต่อไป ในภายภาคหน้าโน้น คนจะมีความโลภ ความอยาก ไม่อิ่มพอในเงินทองมากขึ้น การงานที่สะอาด บริสุทธิ์ และสุจริต ไม่อยากทำ ถือว่า เงินเดือนน้อย ร่ำรวยช้า ไม่พอกับความโลภ ความอยากของตัวเอง จึงได้ลงสมัครตัวเข้ามาในสภาสันนิบาต เพื่อจะมีอำนาจในการบริหารงานและบริหารเงินของแผ่นดินได้อย่างเต็มที่ ใช้อุบายวิธี อันมีเล่ห์เหลี่ยม ทุจริตคิดมิชอบ ในเงินของแผ่นดิน มือใครยาว สาวได้สาวเอา จะได้เงินมาด้วยวิธีสกปรกอย่างไร จะไม่มีความละอายแก่ใจตัวเองเลย ขอให้ได้เงินก้อนโตมา ก็เป็นที่พอใจ ลักษณะนี้จะมีกันทั่วโลก มี ทั่วทุกประเทศเขตแดน และจะเพิ่มความรุนแรงขึ้น จะเกิดความยุ่งเหยิงในสภาสันนิบาตของประเทศนั้นๆ เพราะการแบ่งสันตำแหน่งในการดูดกินเงินภายในประเทศนั้น ไม่ลงตัว ผู้นั้นจะได้กินน้อย ผู้นั้นจะได้กินมาก ผู้นั้นจะไม่ได้กินอะไรเลย สุดท้ายก็เกิดงัดข้อกันเอง เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 10 : สงสัยในมรรคผลนิพพาน พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นหม้อหุงข้าวหม้อเดียวมีความแตกต่างกันข้าวในหม้อซีกหนึ่งสุก ซีกหนึ่งดิบๆ สุกๆ อีกซีกหนึ่งข้าวไม่สุกเลย
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนในโลกนี้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป กลุ่มหนึ่งจะมีความเชื่อว่า เราตถาคตเป็นที่พึ่ง ที่เคารพจริง พระธรรมคำสอนของเราตถาคตเป็นสวากขาตธรรม เมื่อนำไปปฏิบัติให้ถึงที่สุดแล้วจะพ้นจากทุกข์ได้จริง เชื่อว่ามีมรรคผลนิพพานจริง นรกสวรรค์มีจริง กรรมด ีกรรมชั่วให้ผลแก่บุคคลที่กระทำจริงตายแล้วเมื่อยังมีกิเลสตัณหาอยู่เชื่อว่าได้มาเกิดใหม่ อีกกลุ่มหนึ่งยังไม่แน่ใจว่า มรรคผลนิพพานในยุคนี้ สมัยนี้ มีจริงหรือไม่ เพราะ พระพุทธศาสนาได้ล่วงเลยไปนาน พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า มีความสมบูรณ์อยู่หรือไม่ พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ในยุคนี้มีจริงหรือไม่ มีแต่ ความสงสัยลังเล ไม่แน่ใจ อีกกลุ่มหนึ่งปฏิเสธว่า มรรคผลนิพพานไม่มีนรกสวรรค์ไม่มี ทำดี ทำชั่วไม่ให้ผลในภายหน้าชาติหน้า ตายแล้วไม่ได้เกิดใหม่แต่อย่างใด ในช่วงปลาย พุทธศาสนาโน้น คนจะเกิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิดมากขึ้นๆ ดังนี้
    สุบินนิมิตข้อที่ 11 : นำพระธรรมมาขายกิน พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นคนพวกหนึ่ง เอาแก่นจันทร์แดงที่มีค่าราคาแพงไปแลกกับนมเปรี้ยวหม้อเดียว ซึ่งไม่สมค่าราคากันเลย
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนพวกหนึ่ง จะเอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคต ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินตรา จะเขียนเป็นตำราเพื่อออกจำหน่าย ขายกิน หารายได้เพื่อเลี้ยงชีวิต เอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคต ทำเป็นการแสดง แต่งกลอน เพื่อผลประโยชน์ในกัณฑ์เทศน์ แสดงธรรมเพื่อเห็นแก่ค่าจ้างรางวัล อันเป็นอามิส ไม่สมค่าราคากันเลย สิ่งเหล่านี้ จะเกิดขึ้นในช่วงปลายศาสนาของเราตถาคตโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 12 : คนดีถูกขัดขวางรังแก พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสุบินนิมิตเห็นน้ำเต้าแห้งเปล่ากลวงใน ตามธรรมดาแล้วจะลอยอยู่บนน้ำแต่น้ำเต้าเปล่านั้น กลับดิ่งจมลงในน้ำ นั้นเสีย
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนดี มีความรู้ดี มีสติปัญญาดี มีความรอบรู้ มีความฉลาด มีความสามารถ มีทั้งพระและฆราวาส จะไม่ได้รับความยกย่องเชิดชูในสังคม จะถูกขัดขวางจากกลุ่มคนพาลสันดานชั่วอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นฆราวาส ก็ไม่มีโอกาสได้ทำงานในการบริหารประเทศชาติบ้านเมือง คนมีความรู้ความ สามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีโอกาสได้รับเลือกตั้งเข้ามาในสภาสันนิบาต หรือได้รับเลือกเข้ามาแล้ว ก็ไม่มีโอกาสได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ จะมีกลุ่มทุจริตคิดมิชอบ เพื่อหวังผลประโยชน์ต่างๆ เบียดสีให้ตกเก้าอี้ไป ในสายตาของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ จะมองเห็นคนดีๆ ว่าเป็นตัวกาลกิณีของเขา ไม่ยอมที่จะให้เข้าไปรู้เห็นในความทุจริตคิดมิชอบ ของตนคนดีๆ จึงไม่มีในสังคมนี้เลย ถ้าเป็นนักบวช ก็เป็นในลักษณะนี้เช่นกันท่านองค์ใดมีใจบริสุทธิ์ผุดผ่องในพระธรรมวินัย มีความรู้ดี ปฏิบัติชอบต่อมรรคผลนิพพาน ท่านเหล่านั้น จะไม่มีใครให้ความสนใจ ไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากฟังธรรม จะมองเห็นว่าเป็นพระคร่ำครึล้าสมัยไม่เกิดศรัทธา ไม่อยู่ในสายตาของเขาแต่อย่างใด เพราะใจไม่มีความเคารพเชื่อถือ ในท่านเหล่านั้น แม้แต่จะแบ่งปันปัจจัยทั้งสี่ ที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือ ก็ไม่เต็มใจ ถึงจะถวายให้ ก็นิดหน่อยพอเป็นพิธีเท่านั้น ท่านเหล่านี้จึงมีชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก ใครก็ไม่อยากบวช เป็นพระในลักษณะนี้ ในที่สุด พระดีๆ มีคุณธรรม ก็จะค่อยหมดไปๆ ในศาสนาของเราตถาคต เรื่องเหล่านี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 13 : คนชั่วเรืองอำนาจ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นก้อนศิลาแท่งทึบ ขนาดใหญ่เท่าเรือ ลอยอยู่บนผิวน้ำเหมือนกับเรือสำเภาเปล่า ตามธรรมดาแล้ว ก้อนศิลาย่อมจมอยู่ใต้น้ำ แต่ก้อนศิลานั้นกลับลอยอยู่บนผิวน้ำ
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนพาลสันดานชั่ว คนทุศีล คนทุธรรม คนขี้โกง คนหัวประจบ สอพลอ คนทุจริตคิดมิชอบ คนไม่มีความละอาย
    จะได้เป็นที่ยกย่องเชิดชูในสังคม เป็นผู้มีบทบาท มีอำนาจ มีชื่อเสียงเกียรติยศ มีพวกพ้องบริวารมาก ถ้าเป็นฆราวาสก็จะมีแต่ผู้เชิด หน้าชูตา ไปไหนมาไหนมีแต่คนเคารพยำเกรง มีฝูงชนให้การต้อนรับเอาใจ เรียกว่าเป็นกระจกบานใหญ่ ให้แสงสะท้อนเงาของประเทศนั้นๆ สังคมของประเทศนั้นมีความเจริญ หรือเสื่อมลง ก็ให้ดูกระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในสภา จะเป็นสื่อบอกประตู้หน้าต่างของสังคมได้เป็นอย่างดี ประเทศใดมีตัวแทนในลักษณะใด จะรู้ได้ว่าผู้ที่เลือกเขาเข้ามา ก็เป็นลักษณะ อย่างนั้น เขาจะเลือกเอาเกรดเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน ถ้าเป็นนักบวช นักพรต ก็เป็นลักษณะนี้ศาสนาจะมีความเจริญขึ้นหรือเสื่อมลง ก็ขึ้นอยู่กับบริษัททั้งสี่ ลำพังพระอย่างเดียว จะโดด เด่นขึ้นในท่ามกลางของสังคมนั้นไม่ได้ พระที่จะมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็เพราะญาติโยมนำไปออกข่าวโฆษณา ว่าองค์นั้นมีความขลังอย่างนั้น องค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้ มีอภินิหาร ไปทางไหนก็นำไปออกข่าว องค์ไหนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ องค์ไหนเป็นพระอริยเจ้า ฆราวาสจะเป็นผู้คาดการณ์ให้เอง ในยุคสมัยนั้น พระอรหันต์จะเกิดจากลูกศิษย์ยกให้เอง ศิษย์แต่ละ ครู ศิษย์แต่ละสำนัก จะผลิตจะกำหนดรูปแบบอาจารย์ของตัวเอง ให้เป็นพระอรหันต์ขึ้น เรื่องข้อวัตรปฏิบัติของอาจารย์ มีความเคร่งครัดอย่างไร ก็นำไปโฆษณาอย่างหยดย้อย นี่เอง ก้อนศิลาแท่งทึงจึงได้ลอยอยู่บนผิวน้ำมีความโดดเด่นเห็นได้อย่างชัดเจน จึงเป็นธุรกิจในคราบผ้ากาสาวพัสตร์บังหน้า เอาศาสนามาแอบอ้างหากิน เมื่อช่วงปลายศาสนาโน้นคนจะหมด ความเลื่อมใสในศาสนาของเราตถาคต คนที่มีศรัทธาเบาบางก็จะค่อยจืดจางไป เพราะเห็นความชั่วร้ายในพระยุคนั้นๆ ผู้ที่มีปัญญาดี มีความมั่นคง มีเหตุมีผล เขาจะแสวงหาพระที่ เป็นพระได้อย่างถูกต้อง เมื่อปลายศาสนาโน้น เรื่องอย่างนี้จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน
    สุบินนิมิตข้อที่ 14 : นักบวชหลงลาภยศ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นนางเขียดน้อยไล่กินงูเห่าตัวมหึมา เมื่อไล่ทันก็กระโดดคาบกลืนกินทันที
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนาย ว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น นักบวชองค์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมีคำพูดเป็นวาทศิลป์ เคยแผ่พังพานในการแสดงธรรม มีบทบาทในสังคม มีประชาชนให้ความเคารพเชื่อถือเป็นอย่างมาก ได้รับลาภ ยศ สรรเสริญจนลืมตัว ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา รักษาใจไม่มีความฉลาด จึงขาดในการสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ปล่อยให้ไปสัมผัสในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ จึงทำให้ใจเกิดอัฏฐารมณ์ คือ อารมณ์แห่งความรักความใคร่ในกามคุณ มีความกำหนัดย้อมใจ นางเขียดน้อย (สตรี) ได้มองเห็นช่องโหว่ จึงได้วางแผนหว่านล้อมด้วยมารยา นานาประการ มีคำหวานอันหยดย้อยเหมือนน้ำอ้อยน้ำตาล ชโลมหัวใจงูเห่าจนหน้ามืดตาลาย หายใจไม่เต็มปอดอีนางเขียดน้อยได้จังหวะก็กระโดดคาบกลืนกินทันทีเรียบร้อยไป
    สุบินนิมิตข้อที่ 15 : แวดล้อมด้วยพระทุศีล พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสุบินนิมิตเห็นหงส์สีทองทั้งหลาย ไปห้อมล้อมอีกา อีกาไปไหน ฝูงหงส์สีทองทั้งหลาย ก็ห้อมล้อมเป็นบริวาร
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น พระเณรผู้บวชใหม่ ใจยังมีความบริสุทธิ์อยู่ในศีลในธรรม จะห้อมล้อมพระที่ทุศีลทุธรรม จะยกให้เป็นครูอาจารย์
    เพื่อเคารพกราบไหว้อย่างเหลือเฟือ อีกาฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยมในการหาอาหารฉันใด พระทุศีลทุธรรมเหล่านี้ก็ฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยมในการหาลาภสักการะได้ฉันนั้น และแบ่งลาภสักการะ ให้แก่หงส์เล็กหงส์ใหญ่ได้อย่างทั่วถึง ฝูงหงส์ทั้งหลาย จึงให้ความสำคัญในอีกาเป็นอย่างมาก ในยุคต่อไปช่วงปลายศาสนาโน้น การเปลี่ยนไปในสังคมของสมณะก็จะเป็นอย่างนี้ พระที่ทุศีลทุธรรมจะเพิ่มมากขึ้น พระเณรที่ขาดการศึกษา จะไม่รู้ธรรมวินัย ไม่เข้าใจว่าอะไรควร อะไรไม่ควร อะไรผิดศีล อะไรผิดธรรม จะไม่รู้หน้าที่ของตน เพียงบวชกันตาม ประเพณีเท่านั้น เหตุการณ์อย่างนี้ ก็จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 16 : โค่นล้มราชาธิปไตย พระเจ้าปเสนทิโกศล
    ทรงสุบินนิมิตเห็นฝูงแพะทั้งหลายพากันไล่จับเสือมาเป็นอาหาร พากันเคี้ยวกินอยู่กรอบๆ
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนาย ว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น ประชาชนทั้งหลาย
    ไม่พอใจการปกครองแบบราชาธิปไตย จึงพากันจับกลุ่มเพื่อเรียกร้องต่อต้านการปกครองของพระราชา ให้ได้มาซึ่งการ ปกครองแบบประชาธิปไตย ให้พระราชาลดบทบาท ลดอำนาจลง
    อยู่ในการปกครองภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกัน เมื่อพระราชาไม่ยินยอม ก็พากันปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจ ให้เป็น ไปตามความต้องการของประชาชน ถ้าพระราชาองค์ใดขัดขืน ก็ลบล้างพระมหากษัตริย์ ผู้เป็นประมุขของประเทศนั้นๆ พร้อมด้วยพระราชวงศ์ ให้หมดไปจากประเทศชาตินั้นเสีย มีบางประเทศที่พระราชายินยอมตามคำขอร้องของประชาชน ยอมลงจากอำนาจเดิมคือราชาธิปไตย ประชาราษฎรในบ้านนั้นเมืองนั้น ก็จะพากันให้ความเคารพเชื่อถือในองค์ พระมหากษัตริย์ พากันยกย่องเชิดชูในพระราชวงศ์นั้นจนสุดชีวิต เพื่อให้เป็นร่มโพธิร่มไทร เป็นสมมุติเทพ กราบไหว้เทิดทูน ให้เป็นศูนย์รวมน้ำใจของประเทศนั้นๆ ตลอดไป สินกาลนาน เหตุการณ์อย่างนี้ ก็จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น



    [​IMG]
     
  16. บุษบรรณ

    บุษบรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    2,212
    ค่าพลัง:
    +8,603
    ทำบุญกระเบื่องมุงหลังคาค่ะ

    ได้โอนเงิจำนวน300บาทเป็นค่าทำบุญกระเบื้องมุงหลังคา 10 แผ่น ตามใบแนบค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG.jpg
      IMG.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.9 KB
      เปิดดู:
      31
  17. wirotp

    wirotp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ผมและครอบครัวขอร่วมบูญด้วยจำนวน 500 บาทครับ

    วิโรจน์ ผาณิตพจมาน และครอบครัว
    ============================

    <table class="SectionR" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td>โอนเงินต่างธนาคาร

    </td> <td align="right">
    • พิมพ์
    </td> </tr> </tbody></table>
    รายการของท่านได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว
    ท่านสามารถจัดพิมพ์เป็นเอกสารเพื่อเก็บไว้เป็น หลักฐานอ้างอิงได้
    <table class="MainTb" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr class="SubIntroR"> <td colspan="3" class="BorderA">รายการเสร็จสมบูรณ์</td> </tr> <tr class="SwapR"> <td class="LeftCL">โอนจากบัญชี</td> <!--<td width="100">SAVING-01 </td> <td width="150" class="BorderR">THB 85,003.25</td>--> <td colspan="2" class="RightCL">209-2-07977-7</td> </tr> <tr class="SwapBR"> <td class="LeftCL">ชื่อบัญชีผู้โอน</td> <td colspan="2" class="RightCL">นาย วิโรจน์ ผาณิตพจมาน </td> </tr> <tr class="SwapR"> <td class="LeftCL">เลขที่บัญชีผู้รับโอน</td> <td colspan="2" class="RightCL">530-2-75542-4</td> </tr> <tr class="SwapBR"> <td class="LeftCL">ธนาคารผู้รับโอน</td> <td colspan="2" class="RightCL">ธ.ไทยพาณิชย์ - SCB</td> </tr> <tr class="SwapR"> <td class="LeftCL">ชื่อบัญชีผู้รับโอน</td> <td colspan="2" class="RightCL">Pra Chayangkul</td> </tr> <tr class="SwapBR"> <td class="LeftCL">จำนวนเงิน</td> <td colspan="2" class="RightCL">500.00</td> </tr> <tr class="SwapR"> <td class="LeftCL">ค่าธรรมเนียม </td> <td colspan="2" class="RightCL">0.00</td> </tr> <tr class="SwapBR"> <td class="LeftCL">กำหนดวันโอน</td> <td colspan="2" class="RightCL">26/03/2010</td> </tr> <tr class="SwapR"> <td class="LeftCL">วันที่ตัดยอดเงินจากบัญชี</td> <td colspan="2" class="RightCL">25/03/2010</td> </tr> <tr class="SwapBR"> <td class="LeftCL">หมายเลขอ้างอิงรายการ</td> <td colspan="2" class="RightCL">tmbi1835453</td></tr></tbody></table>
     
  18. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    อนุโมทนาสาธุการครับ

    ขอบคุณมากครับที่กรุณาร่วมบุญกับทางวัดป่าโนนจ่าหอมครับ
    ทางวัดจำเป็นต้องบอกบุญอย่างต่อเนื่อง เพราะเราสร้างวัดทั้งวัด

    พระอาจารย์ท่านเป็นพระสายวัดป่า ที่ไม่มีผู้รู้จักมากมาย
    แต่ท่านเป็นพระผู้ทรงศีลอันบริสุทธิ์ ทำบุญกับท่านย่อมได้อานิสงฆ์มากแน่นอนครับ

    [​IMG]



    ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
    ขอให้ได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    "การถวายวิหารแก่สงฆ์ เพื่อปลีกวิเวก เพื่อความสุข เพื่อเพ่งฌาน และ
    เพื่อเจริญวิปัสสนา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ"<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2010
  19. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    อนุโมทนาสาธุการครับ

    ขอบคุณมากครับที่กรุณาร่วมบุญกับทางวัดป่าโนนจ่าหอม
    มาโดยตลอด



    [​IMG]

    ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
    ขอให้ได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    "การถวายวิหารแก่สงฆ์ เพื่อปลีกวิเวก เพื่อความสุข เพื่อเพ่งฌาน และ
    เพื่อเจริญวิปัสสนา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2010
  20. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต โดย หลวงตามหาบัว

    [​IMG]

    ท่านจึงว่า ผู้ใดอยากเห็นตถาคตให้ปฏิบัติธรรม

    ผู้ปฏิบัติธรรมเห็นธรรมนั้นแล ชื่อว่าผู้เห็นตถาคตไปโดยลำดับ
    ท่านไม่ได้บอกว่าให้ไปดูเมืองอินเดีย เมืองไหนๆ ที่ท่านประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน

    ท่านให้ดูใจของเรา

    ชำระจิตใจของเราที่มีสิ่งมัวหมองอยู่ภายในนั้น
    ด้วยอรรถด้วยธรรม
    คือ ความพากความเพียร
    ความอุตส่าห์พยายาม
    เจริญเมตตาภาวนา
    บำเพ็ญทาน รักษาศีล
    อบรมจิตใจของตน

    นี่เรียกว่า ให้พยายามเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าที่ตรงนี้

    ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญของวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    "การถวายวิหารแก่สงฆ์ เพื่อปลีกวิเวก เพื่อความสุข เพื่อเพ่งฌาน และ
    เพื่อเจริญวิปัสสนา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ"


    ที่มา : ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต โดย หลวงตาบัว

     

แชร์หน้านี้

Loading...