ท่านวางแผนจะทำอะไรบ้าง-หากท่านมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง3 ปี

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 4 กันยายน 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    [​IMG]





    ท่านวางแผนจะทำอะไรบ้าง หากท่านมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 3 ปี



    คลื่นสึนามิ หรือคลื่นยักษ์ที่ได้ถล่มภาคใต้ 6 จังหวัด เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2547 มีคนตายไปมากกว่า 5,000 คน บาดเจ็บมากกว่า 10,000 คน และยังสูญหายมากกว่า 3,000 คน หากรวมกับประเทศที่อยู่ริมทะเลหลายประเทศ ปรากฏว่าคนตายรวมกันมากกว่า 220,000 คน ซึ่งทุกคนส่วนใหญ่ มีความเห็นว่าเป็นมหันตภัยใหญ่ ที่ไม่มีคนไทยคนใดได้เคยพบเห็นมาก่อน แต่ถ้าเทียบกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2551 (ค.ศ.2008) แล้ว จะเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่เสียหายเพียงเล็กน้อย เพราะจะมีชีวิตชาวโลกเสียชีวิตจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ภายในปี 2551 นั้น มากกว่าเหตุการณ์สึนามิครั้งนี้ประมาณ 1,000 เท่า มีหลายเสียงให้ความเห็นมาว่า น่าจะมากกว่า 1,000 เท่า แต่ผู้เขียนขอเพียงตัวเลข 1,000 เท่าก่อน จึงไม่อยากให้เป็น 1,000 ล้านคน ขอเพียงตัวเลข 220 ล้านคนทั่วโลกที่ต้องสังเวยชีวิตในปี 2551 ก็น่าจะมากพอแล้ว โปรดเก็บบทความนี้ไว้ตรวจสอบ เพราะอีก 3 ปีเศษเท่านั้น เราจะได้รู้เห็นกัน แต่ถ้าโชคดีขยับเคลื่อนไปอีก 9 ปี จากปี 2557 เป็นปี 2560 (ค.ศ.2017) ก็จะมีเวลาวางแผนป้องกันมากขึ้น แต่ไม่ยืนยัน เนื่องจาก ณ ขณะนี้ (มกราคม 2548) โอกาสเกิดมหันตภัยในปี 2551 มีโอกาสมากกว่าปี 2560 อยู่

    สำหรับจังหวัดใดอยู่ จังหวัดใดหาย ผู้เขียนเคยนำแผนที่ออกแสดงทาง itv. ในรายการ “น้ำท่วมโลก” ซึ่งผู้เขียนได้ยืนยันว่า ไม่มีน้ำท่วมโลก มีแต่น้ำท่วมในบางพื้นที่ของโลกเท่านั้น บางพื้นที่อาจเปลี่ยนจากพื้นดินเป็นผืนน้ำถาวรแทน เป็นการออกรายการทีวี ประมาณปลายปี 2539 โดยให้สัมภาษณ์คุณสุทธิชัย หยุ่น 2 เสาร์ติดกัน โดยมีนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นนักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นฝ่ายโต้แย้ง เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ส่วนใหญ่ไม่มีผู้ใดเชื่อเรื่อง “ซูนามิ” ที่ผู้เขียนเคยกล่าวถึง


    ท่านที่ไม่เชื่อ ผู้เขียนไม่ว่า เพราะผู้เขียนไม่มีวัตถุมงคลมาบอกขาย ไม่มีที่ดินมาบอกขาย ไม่มีการเรี่ยไรขอบริจาคสิ่งใดจากท่านผู้อ่าน หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สิ่งใดจากท่านผู้อ่าน เป็นเรื่องที่ท่านผู้อ่านจะใช้ดุลพินิจและตัดสินใจดำเนินชีวิตของท่านเอง

    แต่ถ้าท่านติดตามข่าวสารของสื่อมวลชนต่าง ๆ ในช่วงเกิดคลื่นสึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ท่านคงได้ยินข่าวต่างประเทศ รายงานข่าวให้ทราบว่า มีเกาะหลายเกาะของประเทศอินเดีย ปัจจุบันสูญหายไปจากที่ตั้งเดิม บางเกาะเหลือเพียงเสาสูงโผล่ให้เห็นเท่านั้น

    แต่ไม่เห็นบ้านเรือนของประชาชน บางพื้นที่ในภาคใต้ของเราเอง ก็มีพื้นดินยุบตัวเป็นหลุมใหญ่ มีการเคลื่อนตัวของเกาะภูเก็ตไป 15 ซ.ม. จากพิกัดละติจูดและลองติจูดเดิม (ปกติจะมีการเคลื่อนตัวประมาณปีละ 1 มม.เท่านั้น แต่ครั้งนี้เคลื่อนตัวเท่ากับ 150 มม.) เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ มิใช่เหตุการณ์ใหญ่โตอะไร ถ้าเทียบกับสิ่งที่จะปรากฏในปี 2551 แม้จะเป็นเหตุการณ์วิปโยคที่คนตายไปมากกว่า 220,000 คน ตามที่ทุกคนได้ทราบกันดีแล้วก็ตาม

    กรุณาอย่าประมาท การเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ มีการบัญญัติศัพท์ใหม่ว่า ธรณีพิบัติภัย ซึ่งปกติน่าจะเป็นเพียง ธรณีภัย ซึ่งจะสอดคล้องภัยที่เกิดจาก อุทก (น้ำ) วาตะ (ลม) อัคคี (ไฟ) โดยเรียกว่า อุทกภัย วาตภัย และอัคคีภัย ภัยที่เกิดจากแผ่นดิน ก็ควรเป็นธรณีภัย คำว่า ภัย : ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน ปี 2542 ให้ความหมายคำว่า “ภัย คือ สิ่งที่น่ากลัว หรือ อันตราย" โดยมีการเติมคำว่า พิบัติเข้าแทรกกลาง คำว่า “พิบัติ แปลว่า ความฉิบหาย ความหายนะ หรือความอัปมงคล”

    ดังนั้น คำที่ถูกต้องในการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ (เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547) ซึ่งมีคนตายในเหตุการณ์เดียวกันนี้มากกว่า 220,000 คน คือ ธรณีพิบัติภัย ซึ่งแปลว่า สิ่งที่น่ากลัวจากความหายนะของแผ่นดิน โดยในปี 2551 จะมีคำที่เรียกเกี่ยวกับสิ่งที่น่ากลัวจากน้ำ ลม และไฟ เปลี่ยนไป โดยเรียกว่า อุทกพิบัติภัย / วาตะพิบัติภัย และอัคคีพิบัติภัย ทั้งนี้เพราะจะมีเหตุให้มีคนตายในแต่ละเรื่อง ในแต่ละคราว ไม่น้อยกว่าครั้งละพันคน หมื่นคนทีเดียว

    ผู้ใดใครเชื่อ ก็เชื่อ ใครไม่เชื่อ ก็ไม่ต้องเชื่อ เพราะผลคงไม่แตกต่างกันมากนัก

    ถ้าสภาพจิตใจของท่านยังไม่พัฒนา ท่านยังไม่ฝึกเตรียมตายก่อนตายจริง ท่านอาจต้องเผชิญกับการสูญเสียสิ่งที่เรารักที่สุด หวงที่สุดทั้งด้านทรัพย์สินเงินทองและบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เกียรติยศและชื่อเสียง รวมตลอดถึงบิดามารดา คู่สมรส และบุตรหลานที่รักยิ่งของเรา ที่ต้องฉับพลันสูญหาย หรือตายลงต่อหน้าต่อตา ถ้าท่านยังยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู หลงติดอยู่ในโลกียสมบัติ จิตใจไม่สอดรับความจริงตามธรรมชาติที่เป็นลักษณะสามัญ คือ อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ซึ่งหมายความว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยง ทนอยู่สภาพเดิมตลอดเวลามิได้ และแท้จริง ไม่มีสิ่งใดเป็นตัวตน เนื่องจากเกิดจากการผสม หรือรวมตัวของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เท่านั้น

    อย่างไรก็ดี ผู้เขียนมิได้หมายความว่า ท่านต้องละทิ้งครอบครัว ละทิ้งสังคม ออกบวช การบวชที่กาย แต่ใจมิได้บวช หาประโยชน์ไม่ได้ ภิกษุในพระพุทธศาสนา แม้จะมีมากกว่า 400,000 รูป ในประเทศไทย แต่ที่มีศีลาจานุวัตร และเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่เป็นบุคคล 4 จำพวก ตามคำสรรเสริญพระสงฆ์นั้นน่าจะมีในประเทศไทยไม่เกิน 400 องค์ หรือภิกษุ 1,000 รูป ที่เป็นพระแท้ หรือพระสงฆ์จริง ๆ นั้นอาจจะมีเพียง 1 รูป เท่านั้น หรือ 0.001% แม้จะมีวัดต่าง ๆ ในประเทศไทยมากกว่า 30,000 วัด ซึ่งก็แปลว่า เจ้าอาวาสวัดมากกว่า 29,000 วัด มิใช่พระสงฆ์แท้ ตามบทสวดพระสังฆคุณ

    เพราะบุคคล 4 จำพวก ในคำสรรเสริญพระสงฆ์นั้น คือ เป็นพระอริยบุคคล ชั้นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และพระอรหันต์ ซึ่งผู้เขียนมิได้ปรามาส พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แต่ปรามาสลูกชาวบ้านที่มาบวชในพระพุทธศาสนา แต่มิได้ตั้งใจปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงตามคำสอนของพระศาสดา ซึ่งเป็นได้อย่างมากก็เพียง “ภิกษุ” ในพระพุทธศาสนา ยังไม่ถึงระดับนักบวช ยังไม่ถึงระดับสมณะ และยังไม่ถึงระดับ พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาที่เป็นพระอริยบุคคล
     
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    ความหมายของผู้เขียน คือ ท่านจะเป็นใครก็ตาม จะเป็นภิกษุ นักบวช สมณะ พระหรืออุบาสก หรือฆราวาสก็ตาม จะต้องลดความโลภ ความโกรธ ความหลง มีเมตตาปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข ช่วยเหลือเกื้อกูลสงเคราะห์ผู้อื่น มีความกตัญญูกตเวที / มีกรุณา(ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ ไม่เบียดเบียนคนและสัตว์ให้ทุกข์ยากลำบาก) มีมุทิตา (ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดี) และอุเบกขา (วางตัวเป็นกลาง / รักษาความเป็นธรรม / ไม่ลำเอียง / ไม่ปรุงแต่งอารมณ์) มากขึ้น

    มีหิริ โอตตัปปะมีความละอายชั่ว กลัวบาป ยอมรับกฎแห่งกรรมว่าเป็นความจริงแท้ ผู้ใดทำกรรมใดไว้ จะต้องได้รับผลกรรมหรือการกระทำของตน ผู้ใดทำดี ย่อมได้รับผลดีในสัมปรายภพ หรือโลกหน้า ผู้ใดทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว ทุกขเวทนาในสัมปรายภพ หรือโลกหน้า ต้องยอมรับความจริงว่า ทุกอย่างล้วนแต่ไม่เที่ยงทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ตลอดไป และไม่มีตัวตนที่แน่นอน ทุกสิ่งล้วนเป็นเพียงสมมุติบัญญัติเท่านั้น เป็นส่วนประกอบของธาตุต่าง ๆ มารวมกัน เป็นวัตถุสิ่งของตัวตนบุคคลล้วนแต่เป็นสมมุติบัญญัติทั้งสิ้น ในที่สุดก็ต้องแปรเปลี่ยนและแตกสลายไป การหลงเรื่องตัวกู ของกู แท้จริงก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ควบคุมมิให้มีสภาพแก่ มิให้เจ็บและมิให้ตายไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ต้องทิ้งร่างกายของตนจากไป นั่นก็แปลว่า ตัวกู ก็มิใช่ของกู สิ่งอื่น ๆ ของอื่น ๆ ย่อมต้องมิใช่ของกูใช่ไหม เพราะตัวกู ยังมิใช่ของกู คิดดูให้ดี เพื่อพวกเราจะได้รู้จักปล่อยวางบ้าง ลดแสวงหาโลกียทรัพย์ หันมาสะสมอริยทรัพย์มากขึ้น น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าในช่วง 3 ปีสุดท้ายที่เหลือ หรืออาจกล่าวโดยสรุป คือ ในช่วง 3 ปีสุดท้ายนี้ ท่านจะต้องสร้างเสริมและถือปฏิบัติอย่างจริงจังให้มี 5 มี 5 ให้ และหนึ่งทำ
    มี 5 มี ได้แก่

    1. มีสติสัมปชัญญะ – ในการทำหน้าที่ของตนจะต้องทำทุกหน้าที่ให้ดีที่สุด คิด ก่อนพูด / ก่อนทำเสมอ ไม่ปล่อยชีวิตให้หมดไปกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ทุกวัน ต้องพยายามทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด

    2. มีความกตัญญูกตเวที – รู้บุญคุณคนและรู้จักตอบแทนคุณทุกคน ตั้งแต่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ลุง ป้า น้า อา และผู้มีพระคุณทุกคน

    3. มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา – มีความต้องการให้คนอื่นมีสุข พ้น ทุกข์ และได้ดีก็ยินดีด้วย ไม่อิจฉาริษยาใคร มีใจเป็นธรรมช่วยใครมิได้ก็ทำใจเป็นกลาง

    4. มีน้ำใจ – ช่วยเหลือเกื้อกูลเอื้ออาทรคนอื่นเสมอ
    5. มีศีล 5 – ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดลูกเมียคนอื่น ไม่พูดปดหลอกลวง ไม่ดื่มสุรา

    มี 5 ให้ ได้แก่
    1. ให้อภัย – ไม่ว่าใครจะทำอะไรให้ไม่พอใจ จะต้องให้อภัยเสมอ
    2. ให้ความรัก – ให้ความเอาใจใส่ ให้ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
    3. ให้ความจริงใจ – ไม่หลอกลวง ไม่เบียดเบียนคนอื่น
    4. ให้เกียรติผู้อื่น – ให้เกียรติในความเป็นคนของคนอื่น ไม่ดูถูกเหยียดหยามคน
    5. ให้การเสียสละ – ยิ่งให้ จะยิ่งได้ ไม่มีหมดในสิ่งที่ให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือแก่คนอื่น

    1 ทำ ได้แก่ - ทำความดี ทุกเวลา ทุกโอกาส และทุกสถานที่
    - ทำให้ทุกคน และทุกชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดมีความสุข และได้ประโยชน์จากตัวของเรา โดยเริ่มจากคนในครอบครัวเป็นลำดับแรก คนในที่ทำงานเป็นลำดับ
    ที่สอง คนในสังคมเป็นลำดับที่สาม
    - ทำการฝึกอบรมพัฒนาจิตใจโดยการวิปัสสนากรรมฐานให้มากขึ้น พิจารณาให้เห็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จนเห็นชัดในดวงจิต
    หวังว่าในวันที่โลกเข้าสู่วิกฤติ ท่านคงจะได้สะสมคุณสมบัติ 5 มี 5 ให้ และ 1 ทำ ที่มีปริมาณมากเพียงพอให้ชีวิตของท่าน และครอบครัวอยู่รอดและปลอดภัย

    เพื่อให้มีแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ชัดเจนมากขึ้น ผู้เขียนแนะนำแนวทางที่เคยชี้แนะไว้ ในสารชมรมศาสนาและการกุศลที่ผู้เขียนได้พิมพ์แจกเผยแพร่ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2540 โดยได้ประมวลข้อมูลจากบางตอน ในบทความเก่าที่เคยพิมพ์เผยแพร่แล้ว โดยได้ข้อมูลจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ถือศีลที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ บางท่านเป็นพระธุดงค์ที่เคร่ง บางท่านเป็นนักปฏิบัติธรรมมานานหลายปี

    ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ จากผู้ปฏิบัติในสายพุทธธรรมนั้น ส่วนใหญ่ท่านไม่ตอบปัญหาที่ถามตรง ๆ เกี่ยวกับ “อันตรายที่จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้” ท่านมักจะพูดในทำนองว่า “โยมจะรู้ไปทำไม โยมรู้ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนักหรอก เพราะผู้ที่ไม่เชื่อนั้นมีมาก ระวังเขาจะกล่าวหาโยมว่า เพี้ยน หรือเพ้อเจ้อ เลื่อนลอย ไร้แก่นสาร และที่สำคัญ คือ ถ้าอาตมาพูดออกไป ก็จะเป็นเรื่อง “อุตริมุนษย์ธรรม”..........

    โยมต้องเข้าใจนะว่า เมื่อความเจริญได้เดินทางมาถึงที่สุด ความเสื่อมก็จะต้องติดตามมา และในช่วงเวลานับแต่นี้ไป จะเข้าสู่เวลาแห่งการนับถอยหลังเข้าไปสู่ความเสื่อม ความหายนะแล้ว มันเป็นวัฏจักรของโลก เหตุการณ์อย่างนี้ เคยเกิดขึ้นมาในโลกนับเป็นแสนปี ล้านปีมาแล้วมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย และมิใช่เรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในโลกของเรา.............

    ความทุกข์ยากลำบาก ทุพภิกขภัยต่าง ๆ โยมคงจะได้เห็นกันในช่วงชีวิตของโยมนี่แหละ เพราะเท่าที่ดูมารดำ หรือความชั่วร้าย แผ่คลุมโลกมากขึ้นทุกที กฎหมู่จะมีอำนาจเหนือกฎหมาย คนดีจะถูกย่ำยีมากขึ้น คนโดยทั่วไปจะขาดสติในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ฝูงชนจะถูกชักนำให้ร่วมขบวนการในการทำลายล้างมากขึ้น คนส่วนใหญ่จะถูกชักนำและจูงใจให้ทำสิ่งที่ไม่ดีมากขึ้นจะสนุกกับการทำลาย บางครั้งทำเหมือนคนบ้าคลั่ง ที่เจ็บแค้นมานานปี ทั้ง ๆ ที่มิได้มีเหตุที่ควรเจ็บแค้นเช่นนั้นเลยก็ตาม เหมือนเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะมารดำเข้าสิงจิตใจผู้คน เมื่อไรก็ตามที่คนขาดสติกำกับการคิด การพูด และการทำ มารดำจะสิงสู่ทันที และมีอิทธิพลครอบงำจิตใจให้ทำในสิ่งที่เป็นภัยต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง............................ความรุนแรง ความเดือดร้อน อันตรายต่าง ๆ จะลดลงได้อย่างมาก ถ้าบุคคลที่มีชีวิตอยู่ในขณะนี้.........จะหันมาปฏิบัติสิ่งที่ดีให้มากขึ้น ให้ความดีงามช่วยขจัดสิ่งชั่วร้าย ความรุนแรงก็จะลดลงได้

    สิ่งที่ดี หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์นั้นมีหลายระดับ ในระดับของคนทีเป็นฆราวาสที่ยังต้องเกี่ยวพันกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มากมายนั้น ไม่ต้องไปคิดถึงประโยชน์ในชาติไหน ๆ เอากันในชาตินี้ก็พอ พยามยามละเว้นการทำความชั่ว พยายามทำแต่ความดี และทำจิตใจให้ผ่องใส มารร้าย มารดำ ย่อมครอบงำเราไม่ได้ แต่ถ้าตรงกันข้าม คือ ทำแต่ความชั่ว ละเว้นทำกรรมดี และทำจิตใจให้เศร้าหมอง การกระทำดังกล่าวจะเป็นแรงเสริมมารดำ มารร้าย ให้มีพละกำลังเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ปัญหาความเดือดร้อนก็จะมีไปทั่ว และรุนแรง ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในปี 2551

    การละเว้นทำชั่ว นั้น ในเบื้องต้นขอให้ละเว้นการทำผิดศีล 5 ก็นับว่าเพียงพอแล้ว ซึ่งพอสรุปได้ ดังนี้

    1. ละเว้นการฆ่าสัตว์ การเบียดเบียนสัตว์และการสนับสนุนให้เกิดการฆ่าและเบียดเบียน สัตว์ด้วย แม้จะไม่ได้ลงมือกระทำ แต้ถ้าเป็นเหตุให้เกิดการกระทำดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีควรละเว้น ควรลด และเลิกเสีย

    2. ละเว้นการลักขโมย หรือการเอาทรัพย์สินบุคคลอื่นมาเป็นของตน การกระทำทุจริตต่อหน้าที่ หรือการขโมยผลงานคนอื่น แล้วอ้างว่าเป็นผลงานของตน ผู้ที่ถูกลักขโมยก็ย่อมเกิดความเสียดาย และเกิดอาฆาตแค้น ผูกใจเจ็บ

    3. ละเว้นผิดลูกเมีย (สามี) คนอื่น คือ คนที่เขามีเจ้าของแล้ว ผู้ที่ได้ครอบครองก่อนหากถูกแย่งชิงไป ก็ย่อมโกรธแค้นและอาฆาตพยาบาทเป็นธรรมดา ปัญหาความไม่สงบก็จะเกิดขึ้นติดตามมา

    4. ละเว้นการพูดโกหก หลอกลวง นินทาว่าร้าย ส่อเสียด ประชดประชัน กระทบกระแทกแดกดัน พูดแล้วเกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเสียแก่ตนเอง เสียแก่ผู้ฟัง หรือเสียแก่ผู้ที่ถูกกล่าวถึงก็ตาม ไม่ควรพูดออกไป

    5. ละเว้นการเสพสิ่งเสพย์ติดให้โทษ ที่ก่อให้เกิดอาการมึนเมา ที่เป็นการเสียหายแก่สุขภาพของผู้เสพย์ ที่เป็นการทำลายทรัพย์สินที่ก่อให้บุคคลอื่นเดือดร้อน รำคาญจากการเสพย์ของตน บุคคลอื่นนั้น นับตั้งแต่บุคคลในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และสาธารณชนโดยทั่วไป


    พยายามทำแต่ความดี นั้น หมายถึง การกระทำต่าง ๆ ตัวอย่าง เช่น

    - มีเมตตา คือ มีความปรารถนาให้ทุกชีวิตมีความสุข ตั้งจิตด้วยความกรุณา คือ ปรารถนาให้ทุกข์ชีวิตพ้นจากทุกข์ รู้จักการให้อภัย และการอโหสิกรรม ตั้งจิตให้มีมุทิตา คือ แสดงความยินดีกับทุกชีวิตที่ได้ดีมีสุข ไม่อิจฉาริษยา เมื่อเห็นคนอื่นเขาได้ดีกว่า

    ในกรณีที่เราช่วยลดทุกข์ให้ผู้อื่นมิได้ หรือช่วยเพิ่มสุขให้ผู้อื่นมิได้ ก็จะต้องทำจิตวางเฉย ทำความเข้าใจว่า ทุกชีวิตต่างก็มีกรรมเป็นของตนเอง มีกรรมเป็นมรดก เมื่อกรรมนั้นตามทัน ใครก็ช่วยไม่ได้ เว้นแต่กรรมนั้นเบาบาง หรือกรรมนั้นตามยังไม่ทัน แต่บุญนั้นฉุดขึ้นให้พ้นจากห้วงกรรมไปก่อน ดังเช่น ท่านองคุลิมาร แม้จะได้ฆ่าฟันชีวิตไปถึง 999 ชีวิต แล้วก็ตาม แต่กุศลกรรมดีที่สั่งสมมามากได้ดึงท่านให้หลุดพ้นบ่วงกรรม ทำให้ท่านบรรลุเป็นอรหันต์ได้ ดังนั้น ใครก็ตามแม้เคยทำความชั่วมามาก หรือทำความชั่วมากกว่าทำดี ต้องเร่งทำกรรมดี เพื่อความดีจะได้ฉุดรั้งขึ้นก่อนที่กรรมชั่วจะตามทัน ก็ย่อมมีโอกาสเกิดขึ้น และเป็นไปได้ ความดีที่ได้ทำแล้ว ผลดีย่อมตอบสนอง แต่ถ้าประมาทขาดความใส่ใจ โชคร้าย โรคภัยต่าง ๆ ย่อมเบียดเบียน หรืออาจเป็นโรครักษาไม่หายได้ ซึ่งเป็นกรรมที่ตามมาทัน หรือเป็นเหตุให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ นั่นเอง ขอให้ทุกคนได้โปรดหันมาทำแต่กรรมดี ทั้งในด้านการคิด การพูด และการกระทำต่าง ๆ ความดี ทำได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกโอกาส และทุกหน้าที่ หากทุกคนทำดีกันมาก ๆ เหตุการณ์ที่เกิดในปี 2551 อาจเลื่อนไปเกิดในปี 2560 แทน

    - ถ้าเราทำงาน เราก็ทำงานของเราให้ดี มีความรับผิดชอบ ทำงานให้เต็มที่ ไม่เบียดเบียนเวลาไปเดินซื้อของ หรือคุยติดลม จนลืมว่าต้องกลับมาทำงานอีกครั้ง อันเป็นเครื่องแสดงถึงความบกพร่องอย่างหนึ่ง การกระทำเช่นนี้ “พอกันสักทีจะได้ไหม”

    - ถ้าเราเป็นผู้บังคับบัญชา เราก็ต้องเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี ช่วยชี้แนะสอนงานให้ลูกน้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำผิดพลาด ก็ตักเตือนให้โอกาสลูกน้องในการทำงาน และทำความดี ชมเชยทุกครั้งที่ลูกน้องมีความดี เพื่อเป็นกำลังใจ และต้องมีใจที่ยุติธรรม มองเห็นลูกน้องอยู่ในสายตา มิใช่พิจารณาแต่บุคคลที่เป็นพวกพ้อง หรือสอพลอคอยรับใช้ส่วนตัวเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่กิจการที่ทำงานรับค่าตอบแทนเลย ซึ่ง “น่าจะพอกันสักทีได้แล้ว”

    - ถ้าเราเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เราก็ต้องทำตนให้เป็นลูกน้องที่ดี ช่วยเหลือกิจการงานของผู้บังคับบัญชาให้สำเร็จ ไม่นินทาว่าร้ายผู้บังคับบัญชา แต่ปกป้องผู้บังคับบัญชา ขยันและตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และสำเร็จอย่างไม่บกพร่อง อีกทั้ง ต้องไม่พูดในทางที่จะเกิดความเสียหาย แก่สถาบันหรือธนาคารที่เราทำงานอยู่โดยเด็ดขาด หากผู้อื่นเข้าใจผิด เราต้องช่วยแก้ความเข้าใจผิด มิใช่พูดซ้ำเติมสถาบันที่เราทำงานอยู่

    - ถ้าเราเป็นเพื่อนร่วมงาน เราต้องไม่กลั่นแกล้งเพื่อน ไม่พูดให้ร้ายเพื่อน ไม่เหยียบย่ำเพื่อน ไม่ทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้เพื่อนต้องตกต่ำ ถ้าท่านอยากได้ดี ท่านก็แสดงความรู้ความสามารถของท่านให้ผู้บังคับบัญชาเห็นได้อยู่แล้ว ไม่สมควรเลยที่ท่านจะต้องพูดให้ร้ายแก่คนอื่น เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาเห็นคนอื่น เป็นผู้ที่ไม่เหมาะสม โดยมีท่านเท่านั้นที่เหมาะสม การก้าวขึ้นตำแหน่งสูง โดยการเหยียบย่ำผู้อื่นนั้น ท่านต้องเข้าใจว่า ความลับไม่มีในโลก สักวันหนึ่ง ความนั้นมันจะไม่ลับต่อไป ถ้าคนที่ท่านเหยียบย่ำเขาเกิดใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเขาทราบว่าท่านนั้นเคยแอบแทงข้างหลังให้ร้ายเขามาก่อน กรรมชั่วที่ท่านทำไป ก็อาจกลับมาสนองท่านได้ จงละ ลด และเลิกกระทำเสียตั้งแต่บัดนี้เถิด

    - ถ้าเราเป็นผู้มีครอบครัว เราต้องถามตัวเองบ่อย ๆ ว่า เราได้ทำดีกับทุกคนในครอบครัวของเราหรือยัง ทำดีนั้น ต้องดีชนิดที่คนอื่นในครอบครัวเขายอมรับว่าดี มิใช่ตัวท่านคิดเอง เออออเอง แต่คนอื่นที่ใกล้ชิดกลับอึดอัด บางคนเข้าใจผิดคิดว่าการห่วงใยติดตามทุกฝีก้าว คอยตรวจสอบทุกเวลา เป็นความดี แท้จริง คือ ความเห็นแก่ตัวเท่านั้น แต่ทุกคนก็ต้องซื่อสัตย์ต่อกัน จริงใจต่อกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ก่อนช่วยชาวบ้าน ก่อนช่วยสังคม ก่อนช่วยชาติบ้านเมือง ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าท่านได้ช่วยครอบครัวของท่านเป็นอย่างดี ทำให้ทุกคนในครอบครัวอยู่ดีมีสุขแล้ว บางคนหลงผิด ครอบครัวเดือดร้อนลำบาก กลับปล่อยปละละเลย โดยใช้เวลาไปช่วยเหลือคนที่อยู่ไกลตัวก่อน คนใกล้ตัวเป็นอย่างไรก็ช่าง ซึ่งดูให้ดีแล้วเป็นเรื่องของความเห็นแก่ตัว ความอยากได้หน้าของตัวเอง ทำทุกอย่างเพื่อตนเองจะได้รับประโยชน์จากคำสรรเสริญ คำยกยอปอปั้น แท้จริงคือ คนที่ขาดความรับผิดชอบและเห็นแก่ตัว เพราะแม้แต่ครอบครัวของตัวเอง ยังรับผิดชอบมิได้ แต่ก็อยากได้ชื่อว่า เป็นผู้รับผิดชอบต่อสังคม

    ถ้าทุกคนเริ่มต้นจากตัวเอง และครอบครัวเป็นลำดับแรก ที่ทำงานเป็นลำดับถัดไป อย่างน้อยสังคมก็ไม่เลวร้ายจนเกินไป ขอให้พวกเราใส่ใจกันสักนิดว่า ทุกชีวิตในบ้านของเรา
    ในที่ทำงานของเรา มีความเป็นอยู่อย่างไร เราจะทำอย่างไรให้ทุกคนมีความสุข และต้องคิดเสมอว่าเราต้องไม่นำทุกข์ใด ๆ มาใส่ครอบครัวและมาใส่ที่ทำงานของเรา


    ตัวอย่างความดีต่าง ๆ ที่ว่ามานี้ เป็นเพียงเสี้ยวเล็ก ๆ ของการมีชีวิตของคนเรา
    หากเราคิดได้ พูดชักชวนคนอื่นได้ และทำได้ ก็นับว่าได้สร้างให้สังคมของเรา เป็นสังคมที่มีคุณธรรมแล้ว

    ในชีวิตของคนเรา ในระหว่างมีสติอยู่ เรามักวนเวียนอยู่กับการคิด การพูด และ
    การกระทำเกือบตลอดเวลา แม้ในเวลาหลับ ซึ่งเราไม่มีสติกำกับ บางครั้งกระแสแห่งการคิดก็ยังทำงานต่อ แต่ถ้าในขณะที่เรามีสติ ในขณะที่เราตื่นอยู่ เรามาหยุดคิด หยุดพูด และหยุดทำทุกสิ่ง วันละ 5-10 นาที อาจช่วยท่านเติมพลังงาน หรือเติมประจุใหม่ ให้ท่านมีพลังแห่งความสดใส ชื่นบานด้วยจิตใจที่ผ่องใส เราอาจมานั่งจับความคิดของเราดูก็ได้ ว่า 5-10 นาที เราจับความคิดได้กี่เรื่อง เอาเทปเล็ก ๆ มาอัด หรือเอากระดาษมาจด เมื่อความคิดมันวิ่งผ่านเข้ามา เราอาจจะได้แง่คิด หรือแนวคิดที่มีประโยชน์อย่างมากก็ได้ จิตใจของเราก็จะผ่องใสด้วย
     
  3. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    สำหรับ “อันตรายที่จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้” นั้น ให้สังเกตเหตุการณ์ต่าง ๆ ต่อไปนี้ว่าจะมีเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามีเหตุการณ์ต่อไปนี้เกิดขึ้น ก็ขอให้มนุษยชาติได้เตรียมตัวเผชิญชะตากรรมร่วมกันที่จะพบกับมหันตภัยสาธารณะ ทุพภิกขภัย และความเดือดร้อน ที่จะติดตามมาหลังเหตุการณ์เหล่านี้ไม่นาน

    1. ทารกแรกเกิด คนหนุ่มสาว และคนแก่เฒ่าชรา จะเป็นโรคที่รักษาไม่มีหาย มีการติดโรคร้ายได้ทุกวัยของมนุษย์ ใครเป็นโรคนี้แล้วจะต้องตายทุกคน จะนับจำนวนได้มากกว่า 60 ล้านคน ซึ่งโรคนี้ติดต่อได้ยาก เพราะจะติดต่อได้โดยการมีเพศสัมพันธ์ หรือโดยโลหิตของมนุษย์เท่านั้น (องค์การอนามัยโลก ได้แถลงข่าวทางสื่อมวลชนเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2547 ว่าขณะนี้ ประชากรโลก ได้ติดเชื้อเอดส์แล้ว ประมาณ 60 ล้านคน)

    2. จะไม่พบว่า มีวันใดที่จะว่างเว้นจากการฆ่ากัน เพื่อแย่งชิงอำนาจปกครองดินแดน ไม่เกิดในประเทศนี้ ก็เกิดในประเทศโน้น มีการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอำนาจในการปกครองดินแดนทุกวัน (ให้สังเกตข่าวต่างประเทศในโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ดูกันเอาเอง)

    3. สภาพดิน ฟ้า อากาศ จะมีความแปรปรวนสูง ไม่เป็นไปตามธรรมชาติที่เคยเป็นมา แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด จะเกิดขึ้นในช่วงนี้มากขึ้น แม้บางแห่งไม่เคยเกิดแผ่นดินไหว ก็จะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น บางแห่งภูเขาไฟได้ดับไปหลายร้อยปีมาแล้ว ก็จะระเบิดอีกครั้ง (เช่น เหตุการณ์ภูเขาไฟพินาตูโบ้ ในฟิลิปปินส์ ซึ่งดับมาเกือบ 600 ปีแล้ว ได้ระเบิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เป็นต้น)

    4. ความต้านทานโรคของมนุษย์จะมีน้อยลง จะมีโรคแปลก ๆ เกิดใหม่มากขึ้น

    5. หลายประเทศจะมีการสร้าง ที่อยู่อาศัย ที่ทำมาหากินกันอยู่ในใต้ดิน (ใครที่เคยไปโตเกียวมาแล้ว หากได้มีโอกาสเดินลงไปในสถานีรถไฟใต้ดิน จะพบความยิ่งใหญ่ของเมืองใต้ดินที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่นับเป็นหมื่นคน อยู่ในใต้ดินถึง 3 ชั้นมหึมา มีทั้งร้านอาหาร ภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่าง ๆ น้ำพุ น้ำตก ฯลฯ อยู่ในใต้ดินนั่นเอง ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยือนเมื่อปลายปี 2534 แล้วพูดได้อย่างเดียวว่า มีเหตุการณ์เช่นว่าแล้วจริง)

    6. พลังแห่งความชั่วร้าย หรือซาตาน จะครอบงำโลก จะยุแหย่ให้ผู้คนแย่งชิงอำนาจฆ่าฟันกันเอง คนจะขาดสติมากขึ้น คนจะมีทิฐิมากขึ้น คนจะเห็นผิดเป็นชอบมากขึ้น ใครพูดผิดจากฝ่ายที่ตนคิด จะถูกตราหน้าว่าเป็นฝ่ายผิด ในขณะที่ฝ่ายตนตะโกนเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ใครที่มีความคิดต่างจากฝ่ายตน จะถูกประฌาม และสาปแช่งในรูปแบบต่าง ๆ แม้แต่พี่น้องพ่อแม่ก็อาจแตกแยกอันเนื่องมาจากแนวคิดในทางการเมืองต่างกัน และรุนแรงถึงขนาดทำร้ายและฆ่ากันได้ เพียงเพราะมีความเห็นที่ไม่ตรงกันในทางการเมืองเท่านั้น การกระทำเพื่อยุติปัญหาการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอำนาจ ก็กระทำควบคู่กับการฆ่ากันอย่างต่อเนื่อง วิถีทางการทูตก็ทำกันไป แต่ไม่สามารถยุติการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ได้

    7. อารมณ์ของคนโดยทั่วไป จะมีความพลุ่งพล่าน หงุดหงิดงุ่นง่าน อย่างไม่ค่อยมีสาเหตุมากขึ้น คนที่รักสงบ จะถูกกดขี่ย่ำยี ผู้ที่มีอำนาจ ก็จะบ้าอำนาจมากขึ้น

    หากสังเกตได้ว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ได้เกิดขึ้นแล้ว หรือมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นแน่ อันตรายโดยส่วนรวมของมนุษยชาติก็จะเกิดขึ้นติดตามมาในปี 2551 แต่ถ้าผู้คนส่วนใหญ่หันมามีการกระทำความดีมาก ๆ โดยมีคุณสมบัติ 5 มี (มีสติสัมปชัญญะ มีความกตัญญูกตเวที มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา มีน้ำใจ และมีศีล 5 มีคุณสมบัติ 5 ให้ (ให้อภัย ให้ความรัก ให้ความจริงใจ ให้เกียรติผู้อื่น ให้การเสียสละ) และทำ 1 ทำ คือ ทำความดีมาก ๆ เหตุการณ์ที่เป็นมหันตภัยร้ายครั้งร้ายแรง จะเคลื่อนย้ายไปเกิดในปี 2560 (ค.ศ.2017)
     
  4. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    ขออนุญาตเรียนเพิ่มเติมว่า เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย ผู้เขียนขอให้ท่านดำเนินการดังนี้


    1. นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ท่านต้องเตือนตัวเองทุกวัน ว่า “ต้องไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปในแต่ละวัน โดยมิได้ทำประโยชน์อันใดให้เกิดขึ้น”
    อะไรก็ได้ สิ่งใดก็ได้ ที่เป็นประโยชน์ จะเป็นประโยชน์แก่ตนเอง ประโยชน์ต่อคนในครอบครัว ประโยชน์ต่อที่ทำงาน ประโยชน์ต่อผู้บังคับบัญชา ประโยชน์ต่อลูกน้อง ประโยชน์ต่อชุมชน ประโยชน์ต่อสังคม ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ฯลฯ

    โปรดอย่าปล่อยชีวิตให้หมดเปลืองไปกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์ และอย่าอ้างว่า “การนอนมาก การกินมาก การไม่ทำอะไร” เป็นประโยชน์ตน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่หลงผิดอย่างมหันต์ หรือกล่าวโดยสรุป คำว่า “ประโยชน์ตน” จะต้องเป็นสิ่งที่ปราชญ์สรรเสริญว่า “สิ่งนั้นต้องเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์โดยแท้” สิ่งนั้น จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้แก่ผู้ใด สิ่งนั้นจะต้องทำให้บุคคลผู้นั้นเอง มีความเข้มแข็งทั้งด้านร่างกายและจิตใจ สิ่งนั้น จะต้องทำให้บุคคลนั้นเอง ไร้ทุกข์-มีสุข อย่างถาวร สิ่งนั้น จะต้องเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ครอบครัว ที่ทำงานชุมชน และสังคม ได้ประโยชน์ร่วมกันด้วย ฯลฯ

    2. ขอให้ท่านตระหนักว่า ในยามที่มหันตพิบัติภัยของโลก และของชาติมาถึง โรคภัยไข้เจ็บมีมาก ภัยธรรมชาติ และภัยสงครามระหว่างชาติแผ่ขยาย ข้าวปลาอาหารและยารักษาโรคขาดแคลน มีเงินและทรัพย์สินก็อาจหาอาหารมาประทังชีวิตมิได้ อาจเข้าสู่ยุคของการ “นำอาหารแลกเปลี่ยนอาหาร” หรือ “นำอาหารไปแลกเปลี่ยนเป็นยารักษาโรค” เพราะการป่วยเจ็บในยามมีภยันตราย ย่อมมีมากกว่าเกณฑ์ปกติ เป็น 10 เท่าทวีคูณได้

    3. ฝึกฝนตนให้เป็นคน “กินน้อยลง ใช้น้อยลง และนอนน้อยลง” ให้เริ่มต้นโดยพยายามลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ เมื่อลดได้มากพอ ให้ลดมื้ออาหารลงเหลือเพียงวันละ 2 มื้อ เพราะจะเดือดร้อนน้อยเมื่อโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ที่ขาดแคลนอาหารอย่างที่ท่านไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งนี้ ข้าวราดแกง ที่เคยมีราคาจานละ 20 บาท อาจจะมีราคาถึงจานละ 600 บาท ทุกอย่างที่มีราคาในปัจจุบัน ถ้าราคากระโดดสูงขึ้น 30 เท่าตัว จะเป็นอย่างไร กรุณาลองวาดภาพดู เราจะไม่มีทางฟุ่มเฟือยได้เลยในภาวะวิกฤติภายหน้า
    ถ้าเราไม่ฝึกฝนตนเองในปัจจุบันให้เกิดความเคยชิน เราต้องลำบากยากเข็ญมากแน่

    4. ฝึกอบรมพัฒนาจิตใจให้มากขึ้น ฝึกจนใจร้อยเข้าสู่แกนสงบนิ่ง แล้วพิจารณาพระไตรลักษณ์ อันประกอบด้วย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้ประจักษ์แจ้ง เห็นจริง ลงไปในส่วนลึกของจิต และให้เห็นจริงตามธรรมชาติว่า ทุกสิ่งมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป วนเวียนเปลี่ยนไปเสมอ ให้เห็นเรื่องการตายเป็นเรื่องธรรมดา ฝึก “ตายก่อนตายจริง” แล้วทุกสิ่งจะเห็นเป็นธรรมดา

    5. ฝึกกินอาหารพืชผักให้มากขึ้น ค่อย ๆ ลดเนื้อสัตว์ลง หากงดกินได้ในที่สุด ก็จะอยู่รอดได้ยาวนาน เพราะในสภาวะที่แร้นแค้น ทุกชีวิตล้วนแต่ตกระกำ ยากแค้น มีเงินทองก็อาจซื้อเนื้อสัตว์มิได้ แต่เราสามารถที่จะปลูกผักสวนครัว ไว้รับประทาน ประทังให้มีชีวิตอยู่รอดได้ ถ้าไม่ฝึกเสียแต่วันนี้ ความเคยชินก็จะไม่มี บางท่านอาจบอกว่า หากกินแต่พืชก็ขาดโปรตีน จะทำอย่างไรดี ก็ขอเรียนว่า โปรตีนจากพืชก็มี ความจริงในโรงพยาบาลบางแห่ง เช่น โรงพยาบาลมิชชั่น ทั้งหมอและพยาบาล ตลอดจนผู้ป่วยทุกราย รับประทานอาหารมังสวิรัติตลอดชีวิต เขาอยู่อย่างปกติสุข มีสุขภาพที่ดี ก็มีมากให้เราพบเห็นในปัจจุบัน “โปรดอย่าอ้างว่า กินแต่ผัก จะทำให้อ่อนแอ” แท้จริงนักโภชนาการ กลับบอกว่า “ผู้ที่กินเนื้อสัตว์ต่างหาก จะมีความอ่อนแอ ภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าผู้ที่รับประทานพืชผัก”

    พวกเราจำเป็นจะต้องใช้ชีวิตที่หวนคืนกลับเข้าหาธรรมชาติให้มากขึ้น ผู้ใดเข้ากับธรรมชาติของมนุษย์ในสมัยโบราณได้ จะมีความเป็นอยู่ปกติสุขได้มาก ในยามโลกวิกฤติ ท่านจะทำอย่างไร ถ้าไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำประปาใช้ ไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเติมรถยนต์ขาย.......... โปรดไตร่ตรองให้ดี พิจารณาให้รอบคอบ ผู้เขียนไม่ปรารถนาให้เกิดมีขึ้น ไม่ว่าจะเกิดใน 3 ปี ข้างหน้า (ปี 2551) หรืออีก 12 ปี ข้างหน้า นับจากมกราคม 2548 (ปี 2560) แต่เราก็คงจะหลีกหนีเหตุการณ์ณ์ดังกล่าวมิได้ อย่างมาก ก็คงช่วยให้เหตุมหันตภัยดังกล่าวขยายเวลาออกไปให้ยาวไกลที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้เท่านั้น แต่ถ้าไม่มีเหตุวิกฤติหรือมหันตภัยใด ๆ เกิดขึ้นในโลกใบนี้ได้ โดยแลกกับการที่ผู้เขียนต้องถูกประฌามด่าว่า “ไอ้บ้า ทำให้คนตกใจกลัวทั้ง ๆ ที่ไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดในโลกใบนี้” ผู้เขียนยินดีให้ประฌามด่าว่า ผู้เขียนอยากให้เรื่องเลวร้ายและมหันตภัยไม่เกิดขึ้น ผู้เขียนอยากให้เรื่องของมหันตภัยเป็นเรื่องเหลวไหล หลอกลวง เลอะเทอะ ผู้เขียนยอมให้เวลาที่ผู้เขียนค้นคว้าในวันหยุดและตอนกลางคืนวันละหลายชั่วโมง สูญเสียไปโดยไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีเรื่องเลวร้ายใด ๆ เกิดขึ้น กับมนุษย์และสัตว์ทั้งปวง ความจริงนั้น ผู้เขียนไม่ต้องการเห็นมนุษย์และสัตว์ต้องทุกข์ทรมาน จากภัยพิบัติที่ร้ายแรง ที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่มนุษย์ทั้งหลายตกอยู่ในความประมาท ในที่สุด ก็ต้องสูญสิ้นความเป็นมนุษย์ในยามโลกเข้าสู่วิกฤติอีกทั้งไปเพิ่มความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น เป็นการเพิ่มความรุนแรง ด้วยการฉกชิง วิ่งราว จี้ปล้น และฆ่าผู้มีทรัพย์สิน หรืออาหาร หรือยารักษาโรค ผู้เขียนขอวิงวอนท่านที่มีโอกาสได้อ่านบทความนี้ ได้โปรดไตร่ตรองและอ่านทบทวนโดยรอบคอบ แม้จะเป็นชีวิตของท่าน ที่ท่านจะเลือกทางเดินอย่างไร ได้ตามใจชอบ แต่ผู้เขียนก็ไม่อยากให้ท่านทุกข์ยากเข็ญใจหนักหนาสาหัสกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น สิ่งใดที่ผู้เขียนจะชี้แนะให้พ้นภยันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ ก็ขอทำหน้าที่ดังกล่าวสักนิด

    6. ถิ่นที่อยู่อาศัยในยามโลกเข้าสู่แดนมิคสัญญี เกิดโรคร้ายแรงระบาด สารพิษแพร่กระจายเต็มไปในอากาศและน้ำดื่มน้ำใช้ เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด การสื่อสารทุกชนิดงดให้บริการหมด “อยู่ในภาวะสิ้นสุดของโลกยุคโลกาภิวัตน์” เป็น “การสิ้นสุดของโลกไร้พรมแดนในการติดต่อสื่อสาร” สภาพดังกล่าว พวกเราอาจจะได้พบได้ใน 3 ปี ข้างหน้า มิฉะนั้นก็ภายใน 12 ปี ข้างหน้า (เวลาผ่อนปรนสุดท้าย) ไม่อาจหลีกหนีพ้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำสอนในพุทธศาสนา คริสต์ศาสนา ศาสนาอิสลาม ขงจื๊อหรือเต๋า และนิกายศาสนาอื่นใด มีคำเตือนมาแต่โบราณกาล กล่าวถึง “วันพิพากษาโลก / วันชำระล้างคนบาป / วันที่ไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก” เพียงแต่อาจจะมาเกิดให้เห็นในยุคของเราเท่านั้น


    สถานที่ต้องระวังและต้องขยับขยายถิ่นฐานคือ
    จังหวัดชายทะเลทุกจังหวัดบริเวณที่ลุ่ม บริเวณใต้เขื่อนต่าง ๆ

    และสถานที่ควรเข้าใกล้ คือ สถานที่ใกล้พุทธสถาน สถานที่ใกล้วัดป่า สถานที่ใกล้บริเวณที่ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง

    สถานที่อยู่อาศัย จะต้องหาบริเวณไว้ปลูกผักสวนครัว พืชไร่ พืชสวน และพื้นที่เลี้ยงสัตว์สำหรับประกอบอาหาร (สำหรับผู้ที่ยังติดในรสชาติเนื้อสัตว์ที่เลิกรับประทานมิได้ ก็เตรียมไว้ จะเป็นไก่ เป็ด หมู ปลา กุ้ง หอย ท่านก็จะต้องวางแผนไว้) หรือเลี้ยงสัตว์ที่จะใช้แทนยานพาหนะ เพื่อการติดต่อหรือเดินทางในยามจำเป็น และถ้าเป็นไปได้ ขอให้สร้างห้องใต้ดินไว้ทุกบ้าน ห้องใต้ดินควรปูด้วยแผ่นหินที่จะช่วยให้เกิดความเย็น หรือใช้วัสดุใดก็ได้ที่มีความเย็นเป็นหลัก มีระบบระบายอากาศที่มีคุณสมบัติในการกรองอากาศเสีย เพื่อมิให้ควันพิษจากข้างนอกเข้าไปภายในห้องใต้ดินได้

    7. ต้องจัดเตรียมเสบียงอาหาร โดยเฉพาะเครื่องกระป๋องให้มาก (ต้องดูวันหมดอายุให้ดีด้วยครับ) ปัจจัย 4 ที่จำเป็นต่าง ๆ อุปกรณ์เครื่องใช้และเครื่องช่วยดำรงชีพในป่า เพราะทุกแห่งหน จะมีสภาพเหมือนป่า โดยให้จัดเตรียมสิ่งของต่าง ๆ เช่น

    - เชือกชนิดดี มีความเหนียวทน ความยาวประมาณ 10 เมตรต่อคน
    - ยารักษาโรคที่จำเป็นต่าง ๆ อาทิ ยาแก้ปวดศรีษะ ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ปวดท้อง ยาแก้อักเสบ ยาแก้ไข้หวัดและยาประจำตัวต่าง ๆ ก่อนวิกฤติดังกล่าว
    - อุปกรณ์ให้แสงสว่างต่าง ๆ เช่น ไฟฉาย ไฟแช็ค ไม้ขีดไฟ น้ำมันก๊าด เป็นต้น
    - ถังใส่น้ำดื่มขนาดใหญ่ หรือภาชนะสำรองน้ำดื่ม (น้ำใช้มีความจำเป็นน้อยกว่ามาก ช่วงเวลานั้นไม่มีการซักเสื้อผ้า ไม่มีการอาบน้ำกันแล้ว)

    บทความนี้ ขอให้ท่านเก็บไว้อ้างอิง และเป็นแนวทาง เมื่อโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ซึ่งท่านทั้งหลายจะได้เห็นในปี 2548 เป็นต้นไปว่า จะมีความรุนแรงอันเกิดจากภัยธรรมชาติมากขึ้นถี่ขึ้น ดินฟ้าอากาศจะปรวนแปรมากขึ้น พายุใต้ฝุ่นและน้ำท่วมมีมากขึ้น แผ่นดินไหวมีเพิ่มขึ้น การฆ่าทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามในประเทศต่าง ๆ มีมากขึ้น การแย่งชิงอำนาจในการเข้าบริหารประเทศชาติมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งก็ได้เกิดให้เห็นแล้วในปัจจุบันหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอัลบาเนีย ซาอีร์ ปาปัวนิวกินี เป็นต้น และจะมีระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่เป็นจริง ก็สบายใจไปได้ 50% แสดงว่าเงื่อนเวลาขยายออกไปอีกช่วงหนึ่ง ประมาณ 9 ปี นั่นคือ

    ความพยายามในการสงบระงับเหตุร้ายแรงนั้น ทำได้สูงสุดไม่เกิน พ.ศ.2560 หรือภายใน 12 ปีข้างหน้า ถ้าเหตุร้ายจะเกิดขึ้นจริง เกิดใน 12 ปีข้างหน้า นับจากมกราคม 2548 ย่อมดีกว่าเกิดภายใน 3 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2551) แต่ถ้ารอไปอีก 12 ปีข้างหน้า ผู้คนทั้งหลายยังตกอยู่ในความประมาท ตกอยู่ในความมัวเมา ก่อกรรมทำเข็ญมากขึ้น หลีกหนีจากความดีงาม ไม่สนใจที่จะงดกระทำสิ่งที่เป็นบาปกรรม ไม่สนใจที่จะฝึกจิตให้ผ่องใส หากจะเกิดเหตุร้ายใน 3 ปีข้างหน้า ก็คงจะหนีชะตากรรมไปมิได้ เมื่อนั้น ต่างก็คงจะต้องหาทางช่วยตัวเองและรับการตัดสินจากเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่ติดค้างมานานถึง 60,000 ปี จะได้ขุดรากถอนโคนให้หมดหนี้กรรมไปวาระหนึ่ง โดยผู้โชคดี หรือมีหนี้กรรมน้อย จะได้ตายในทันที ไม่ทรมาน แต่ผู้ที่มีกรรมชั่วมากจะตายก็ไม่ตาย แต่ได้รับความทรมานแสนสาหัส อยู่อย่างแร้นแค้น ยากเข็ญ ร้อนก็ร้อน สุดโหด หนาวก็หนาวสุดขีด ซึ่งก็คงจะได้พบเห็นกันในเร็ว ๆ นี้ โดยจะได้เห็นหิมะตกในประเทศไทยด้วย
    ด้วยความปรารถนาดี
    จาก นายมงคล กริชติทายาวุธ
    วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม 2547
    เวลา 02.35 น.

    หมายเหตุ ท่านใดที่ต้องการรับข่าวสารชมรมศาสนาและการกุศล ที่รวดเร็วโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
    ใด ๆ ชมรม ฯ จะจัดส่งข่าวสารชมรม ฯ ให้ทาง E-mail กรุณาแจ้งให้ชมรมฯ ทราบ ด้วยว่าจะให้ส่งทาง E-mail ของท่านหมายเลขใด แจ้งมาที่ประธานชมรมฯ
    ที่ mkrichti@ktb.co.th ด้วยครับ



    ขอขอบคุณ คุณFalkman
    ที่มา : http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=43313<!-- / message --><!-- edit note --><!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. ยอดยาหยี

    ยอดยาหยี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    576
    ค่าพลัง:
    +2,697
    ขอบคุณค่ะ ที่บอกล่วงหน้า
    เราจะไม่ประมาท
     
  6. วสวัต

    วสวัต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +2,079
    รักษาศีล ทำบุญ กุศลครับ
    อย่าว่าแต่ 3 ปีเลยครับ พรุ่งนี้ยังไม่รู้จะอยู่ถึงหรือป่าวนะครับ
     
  7. boydd

    boydd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +1,773
    ใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งต่อไป
    หมั่นทำความดี อยู่ให้มีความสุข
    ถ้ามีฝันก้อ อย่าหยุดฝัน ก้าวต่อไปเรื่อยๆอย่างเข้มแข็งไม่ย่อท้อ
    เพราะว่า ถ้ารู้วันตาย กันหมด แล้วปล่อยให้จิตใจตกต่ำโลกจะ
    วุ่นวายกันไปใหญ่
     
  8. varanyo

    varanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    925
    ค่าพลัง:
    +3,373
    อย่างน้อยก็ใช้สติในการใช้ชีวิตอยู่ในประจำวันจนกว่าจะถึงวันนั้น...
    แต่ถ้ารู้ว่าภายใน 3 ปีแน่นอนก็ต้องเร่งปฏิบัติให้มากขึ้น...
    การเตรียมเสบียงไว้แต่เนิ่นๆ ก็จะดีไม่น้อยนะครับ...
    อย่ารอให้ถึงวันนั้นเลย...
     
  9. chuang205

    chuang205 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +708
    ขอบคุณครับ ผมจะพยายามเตรียมตัวให้ได้อย่างน้อยเป็นพระโสดาบันให้ได้ ความตายคงหนีไม่ได้ แต่นรกนั้นหนีได้ร้อยล้านเปอร์เซ็นต์ครับ(เชื่อมาจากหนังสือหนีนรกของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับ)
     
  10. pop

    pop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +313
    อ่านแล้วน่ากลัวจังค่ะ ...

    โมทนาด้วยน่ะค่ะ _/\_

    คิดดี ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลง

    ไม่ยึดมั่น ถือมั่นใดๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั้งร่างกาย หรือความคิดของเราเอง

    ตั้งใจทำดี เพื่อคนอื่นและส่วนรวม ก็พอ
     
  11. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    ขอบคุณมากครับ จะหมั่นปฏิบัติธรรมมากขึ้นครับ ตอนนี้อยู่ต่างประเทศไม่มีโอกาสไปวัดเลย ไว้กลับเมืองไทยปลายปีนี้จะไปวัดให้หนำใจไปเลยครับ ตอนนี้ก็ได้แต่ทำบุญโดยวิธีอื่น เช่น ละกิเลส ช่วยเหลือทำความดี อะไรทำนองนี้ครับ... ก็ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ด้วยนะครับผม
     
  12. *44*

    *44* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    528
    ค่าพลัง:
    +1,808
    *44*

    ถ้าจะตาย ลูกอยากจะกลับไปตายที่เมืองไทยมากกว่า ตอนนี้ ได้แต่ถือศีล 5 อยู่เป็นนิจ
     
  13. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,790
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ถ้ามีชีวิตอยู่แค่สามปีจะใช้ชีวิตที่เหลือนี้ให้อย่างคุ้มค่าที่สุด
    แต่จริงๆแล้ว เราจะมีชีวิตเหลืออยู่เท่าไหร่เรายังไม่อาจรู้ได้
    จะเป็นปีนี้หรือปีไหน วันนี้หรือวันไหน..นาทีนี้หรือนาทีไหน

    พญามัจจุราชท่าน ก็ไม่ได้บอกเราด้วยสิว่า วันไหนเราจะตาย
    สิ่งที่จารึกฝากไว้กับอนุชนคนรุ่นหลังได้ระลึกถึง คือ"ความดี"
     
  14. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,588
    น้ำที่จะเป็นอันตราย มี 3 ประเภท
    1.น้ำลาย แวดวงการเมืองกำลังเจออยู่ กำลังเป็นพิษจากการพูด
    2.น้ำโห (โมโห) โกรธทำให้ร้อนทั้งกายและใจ
    3.น้ำเงิน (เงินเป็นใหญ่) โลภและหลง เกิดยึดมั่นถือมั่น
    แต่มีอีก 5 น้ำ ที่จะช่วยได้
    1.น้ำคำ (อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่ร่วมมิตรระวังวาจา ศีล)
    2.น้ำยา มีความรู้ความสามารถ รู้ปัญหา แก้ปัญหาได้ (ตนถามตน ตนเตือนตน ภาวนา)
    3.น้ำพักน้ำแรง (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน มรรค8)
    4.น้ำ............อันนี้จำไม่ได้ช่วยกันเติม
    5.น้ำใจ เมื่อมีมาก ก็เผื่อแผ่ให้ผู้อื่นได้ (ทาน สังคหะวัตถุ4 พรหมวิหาร4 อุทิศบุญให้แก่สัตว์ทั้งปวง)
    ฟังจากรายการวิทยุเมื่อวานนี้ AM1089 18.00-19.00
     
  15. Forest_Sa

    Forest_Sa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +1,444
    เห็นด้วยอย่างยิ่ง

    เราทุกคนอยู่ได้ก็เพราะมีความหวัง
    ถ้าความหวังหมดไปตั้งแต่ชีวิตยังมีอยู่นั้น มันยิ่งกว่าตายอีกนะ
     
  16. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398


    อ่านแล้วน่ากลัวบาป ท่านมีญาณหยั่งรู้หรือว่าเดาเอาเองว่าพระแท้มีแค่ 400 องค์ หากความจริงมีพระแท้มากกว่านั้นรับรองว่าบาปมหันต์ถึงขั้นมหานรกทีเดียว โทษของการดูหมิ่นพระรัตนตรัยนั้นหนักมากมหาศาล ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หากไม่ทราบจริงๆ ควรรีบแก้ไขจะได้ไม่มีบาปติดตัว รีบขอขมาพระรัตนตรัยโดยด่วน จะได้ไม่มีโทษภัยติดตัว
     
  17. *44*

    *44* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    528
    ค่าพลัง:
    +1,808
    *44*

    เห็นด้วยกับคุณถิ่นธรรมคะ
     
  18. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    จงอย่าประมาทในการดำเนินชีวิต
    ขออนุโมทนากับNoOTa<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_311498", true); </SCRIPT> ด้วยครับที่นำบทความดีๆมาโพสต์
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ตั้งใจทำความดีให้มากที่สุดครับ และผมเห็นด้วยกับคุณถิ่นธรรมที่ว่า พระดียังมีอีกมากมายครับ ทั้งที่เราอาจไม่รู้ไม่เห็น ก็มีครับ มีพระแถวบ้านท่านเป็นพระหลวงตา คนไม่รู้ แต่พอท่านมรณะภาพ เผาแล้วกระดูกท่านกลายเป็นพระธาตุก็มีครับ พระอภิญญาที่ท่านอยู่ในป่าก็มากครับ และหลังจาก ภัยพิบัตินี้ พระพุทธศาสนา จะกลับมารุ่งเรืองคล้ายสมัยพุทธกาล และมากด้วยพระอริยเจ้าครับ ผมขอฟันธงครับ
     
  20. yaring

    yaring เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2006
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +155
    เพราะคนชั่วมาก โลกเราถึงเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เหรอครับ
    ทำความดีให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้ไปสู่ที่ดีๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2006

แชร์หน้านี้

Loading...