หลักในการอธิษฐาน : หลวงปู่ทวด

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 5 เมษายน 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    [​IMG]


    หลวงปู่ทวดสอนว่าให้กล่าวคำอุทิศอย่างเจาะจงลงไปเท่าที่เราจะนึกได้ จะเป็นสรรพสัตว์ทั้งหลาย หรือเจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา เจ้ากรรมนายเวร ฯลฯ
    สุดท้ายให้กล่าวคำอธิษฐานบารมีว่า "ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ในชาติปัจจุบันนี้เทอญ และขอบารมีแห่งพระคุณรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ และเทพพรหมทุกพระองค์ ได้โปรดปกป้องคุ้มครองช่วยเหลือข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าสมปรารถนา โดยสะดวกราบรื่น รวดเร็ว ฉับพลันทันที จงทุกประการเทอญ"

    นี้เป็นหลักในการอธิษฐานโดยทั่วไป ถ้าจะปรารถนาไปเกิดในยุคพระศรีอารย์ก็สามารถปรารถนาได้ และขอให้ได้ดวงตาเห็นธรรม ได้ฟังธรรมจากท่านด้วย อย่างนี้รับรองว่าเกิดทันแน่ และเกิดในที่ดี ๆ ด้วย อย่างน้อยก้เกิดเป็นมนุษย์ในยุคของท่าน อย่างดีก็เกิดเป็นเทวดาหรือพรหมไปเลย สบายกว่ามนุษย์เยอะ ส่วนการขอบารมีจากองค์หลวงปู่ทวด หรือครูบาอาจารย์เทพพรหมท่านอื่น ๆ ก็แค่สวดมนต์ระลึกถึงท่านท่านก็รับรู้แล้ว เพราะเบื้องบนท่านมี "ทิพยญาณ"
    ทุกพระองค์ชัดเจนยิ่งกว่าดาวเทียมซะอีก แต่ขอให้ระลึกถึงท่านด้วยความเลื่อมใสอย่างจริงใจ ไม่ใช่เดือดร้อนทีก็นึกถึงที อย่างนี้ไม่ได้เรื่องหรอก ต้องทำการบูชาด้วยการสวดมนต์และถวายอามิสบูชาเป็นประจำ สำคัญที่สุดคือ การปฏิบัติบูชา

    อย่างหลวงปู่ทวดนี่ สวดคาถาของท่าน และนั่งสมาธิถวายท่านอย่างน้อยวันละสิบนาทีทุกวัน(เอาคาถาของท่านไปใช้เป็นบทบริกรรมก็ได้) สมเด็จโตนี่สวดชินบัญชรให้ได้วันละหนึ่งจบ หรือคาถาสมเด็จ วันละสามจบ บทไหนก็ได้มีหลายบท เช่น พุทธะ พุทธา พุทเธ พุทโธ พุทธัง อรหัง พุทโธ อิติปิโส ภควา นะโมพุทธายะ หลวงพ่อ โอภาสีนี่สวดคาถาที่เรารู้จักกันดีว่า

    อิติ สุคโต อรหัง พุทโธ นะโม พุทธายะ ปฐวีคงคา พระภุมมะเทวา ขมามิหัง ใช้ได้หลายทางและพระคาถาอีกหลาย ๆ บทที่นิยมใช้กันมาแต่โบราณกาล ก็มีความศักดิ์สิทธิ์มาก เช่น มงกุฎพระพุทธเจ้า อาวุธพระพุทธเจ้า จักแก้วพระพุทธเจ้า ข่ายเพชรพระพุทธเจ้า และ บารมีสามสิบทัศ เป็นต้น

    ที่จะแนะนำให้ใช้อีกบทก็คือ "คาถานิพพานจุติ" ของท่านท้าวพญายมราชผู้เป็นใหญ่แห่งยมโลก ที่ว่า ปะโตเมตัง ประชีวินัง สุคโต จุติ จิตตะเมตะ นิพพานัง สุคโต จุติ ที่มีคนฟื้นจากความตายมาเล่าว่า ได้คาถาบทนี้มาจากท่านท้าวพญายมราช อันนี้เป็นความจริง เพราะได้ถามหลวงปู่ทวดแล้ว ไว้สวดเพื่อป้องกันภัยพิบัติได้ ถ้าดวงใครยังไม่ถึงฆาต ก็อาจแคล้วคลาดปลอดภัย รอดพ้นจากเงื้อมมือแห่งพญายมราชได้ ( หลวงปู่ทวดกล่าวถึงเรื่อง "ดวง" ว่า กรรมกำหนดดวง ดวงกำหนดคน คนกำหนดธรรมชาติ ธรรมชาติกำหนดโลก โลกกำหนดจักรวาล จักรวาลกำหนดโลกวิญญาณ โลกวิญญาณดำเนินตามกฎแห่งกรรม และรองรับดวงวิญญาณทุกดวง วนเวียนดังนี้ ไปตลอดกาลจนกว่าจะบรรลุถึงพระนิพพานอันเป็นบรมสุข)

    อีกบทที่อยากแนะนำก็คือ คาถาของท่านท้าวเวสสุวัณ อิติปิโส ภควา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ มรณัง สุขัง อรหัง สุคโต นะโมพุทธายะ บทนี้ใช้กันผีกันคุณไสยกันอันตรายต่าง ๆ ได้

    สุดท้ายคือ บทพญาธรรมิกราช ที่ว่า พุทโธ ดส ภควา ธัมโม โส ภควา สังโฆ โส ภควา ธรรมิกราชา ชัมพูทีเป กลียุคเข มนุสสานัง พหุยักขะ ปิสาเจวะ ปะลายันติ ไว้สวดเพื่อป้องกันโรคระบาด ใช้เสกน้ำมนต์ให้สัตว์และคนดื่มกินเพื่อป้องกันโรค แต่ถ้าเป็นมาแล้วต้องใช้ยาสมุนไพรกับคาถาปราบโรคโดยเฉพาะ ทั้งสามบทเหมาะกับยุคนี้สมัยนี้เป็นอย่างยิ่ง

    และที่นับถือกันมากในวงของผู้ปฏิบัติธรรมก้คือ หลวงปู่ใหญ่ หรือ พระครูโลกเทพอุดร ที่ในตำราพระเวทของไทย และ คัมภีร์พุทธมนต์ ของ สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว พระอาจารย์ในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ระบุไว้ว่า "ตำราสร้างพระภคัมบดีปิดตา หรือ ปิดทวาร และ พระประจำดวงจากไม้โพธิ์แกะนี้ เป็นของพระครูเทพผู้วิเศษ" ( โดยพระปิดตาหรือพระปิดทวารทั้งเก้านี้ เป็นสัญลักษณ์แห่งการเข้านิโรธสมาบัติของพระอรหันต์ และบุคคลใดได้ทำบุญ หรืออย่างน้อยได้กระทำการบูชาพระอรหันต์ที่กำลังเข้านิโรธสมาบัติ หรือเพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ จะอำนวยผลให้บังเกิดบุญและโชคลาภเป็นอย่างมาก และได้รับผลอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ อีกทั้งอำนาจแห่งการเข้านิโรธสมาบัติของพระอรหันต์ ยังผลให้เกิดนิรันตราย ความปลอดภัยอย่างสูงสุดอีกด้วย)

    ซึ่งเรื่องของหลวงปู่ใหญ่ หรือพระครูเทพผู้วิเศษนี้ ตรงกับคติความเชื่อของชนชาวจีนโบราณที่นับถือกันว่ายังมีพระอรหันต์ผู้ทรงคุณวิเศษดำรงขันธ์อยู่มาแต่ครั้งพุทธกาลเป็นจำนวนมาก โดยชือคณะสิบแปดอรหันต์ หรือ "จับโป้ยหล่อหั้น" มีพระปิณโฑโล่ หรือ " พระปิณโฑลภารทวาชเถรอรหันต์" เป็นประธาน สถิตอยู่ ณ อมรโคยานทวีป ( เป็นอีกมิติหนึ่งที่ซ้อนขนาบอยู่กับโลกของเรา) พร้อมด้วยพระอรหันต์ที่เป็นศิษย์จำนวนถึงหกหมื่นรูป บางครั้งก็ไปพำนักอยู่ที่เขาคันธมาทน์ ณ ป่าหิมพานต์

    พระอภิญญาหลังยุคพุทธกาล ส่วนใหญ่ก็เป็นศิษย์ของท่านทั้งนั้น เพราะท่านได้รับมอบหมายจากพระพุทธองค์ให้เจริญอิทธิบาทภาวนา ดำรงขันธ์อยู่เพือ่ดูแลค้ำจุนพระพุทธศาสนา จนกว่าจะครบห้าพันปี ( เรื่องเจริญอิทธิบาทภาวนานี้ เป็นวิสัยของผู้สำเร็จฌานสมาบัติชั้นสูงบรรลุซึงอภิญญา แม้แต่พระฤาษีที่มีฤทธิ์มาก ก็สามารถอยู่ได้หลายพันปี หรือเป็นหมื่นปี แต่ส่วนใหญ่ก็จะปล่อยไปตามธรรมชาติ) และมีพระพุทธะดำรัสตรัสพยากรณ์ไว้แล้วว่า

    ''พันปีแรก จะมากด้วยพระอรหันต์จตุปฏิสัมภิทาญาณ
    พันปีที่สอง จะมากด้วยพระอรหันต์อภิญญาหก
    พันปีที่สาม จะมากด้วยพระอรหันต์วิชชาสาม
    พันปีที่สี่ จะมากด้วยพระอรหันต์สุกขวิปัสสโก
    พันปีที่ห้า จะมากด้วยพระอนาคามี พระสกิทาคามี และพระโสดาบัน"

    ซึ่งนี่ก็ใกล้เข้าสู่ยุคแห่งพระวิชชาสาม กำลังจะสิ้นสุดยุคแห่งพระอภิญญาแล้ว และต่อไปสติปัญญาคนจะทรามลง กิเลสคนจะมากขึ้น หลงใหลในวัตุมากขึ้น แก่งแย่งกันมากขึ้น ลุ่มหลงกันมากขึ้น ก็เกิดภัยพิบัติมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งก็เริ่มปรากฏแล้ว และจะหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ)

    ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พระองค์ก็ได้ทรงพบกับหลวงปู่ฯ และมีพระราชศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทรงหมอบกราบแทบบาททั้งสองของหลวงปู่ ฯ พร้อมกับทรงจุมพิตที่บาททั้งสอง และตรัสว่า

    "การได้เห็นซึ่งพระคุณเจ้า ซึ่งเป็นพระอรหันต์แต่
    ครั้งพุทธกาล ทำให้หม่อมฉันได้ระลึกถึงซึ่งพระ
    พุทธคุณเป็นอย่างยิ่ง เสียดายนักที่หม่อมฉันไม่มี
    โอกาสได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่กระนั้น
    การได้พบพระคุณเจ้า ก็ทำให้หัวใจของหม่อมฉัน
    พองโตเปี่ยมไปด้วยความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง"

    และพระองค์ยังได้ทรงดำรัสถามพระเดชพระคุณหลวงปุ่ฯ ว่า "เพราะเหตุใด พระคุณท่านจึงดำรงค์ขันธ์อยู่จนถึงปัจจุบัน" ซึ่งหลวงปู่ฯ ได้ตอบไปว่า "การที่อาตมาภาพดำรงกายสังขารอยู่จนทุกวันนี้ ก็เนื่องด้วยได้รับพระพุทธบัญชาให้อยู่ดูแลศาสนาจนกว่าจะครบห้าพันปี" นอกจากที่พระเจ้าอโศกมหาราชจะได้ทรงพบกับหลวงปู่ฯ แล้ว พระองค์ยังเป็นศิษย์ของพระอุปคุตมหาเถรเจ้าอีกด้วย (พระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระผู้เป็นประธานสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 3 กับ พระโสณะพระอุตตระ ที่เป็นพระธรรมฑูตสายสุวรรณภูมิสมัย พระเจ้าอโศก ฯ ก็เป็นศิษย์ของหลวงปู่ใหญ่ และ บทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก กับ บทพระอาการวัตตาสูตร ก็เกิดขึ้นโดยเหล่าพระอรหันต์จตุปฏิสัมภิทาญาณในสมัยนั้น ร่วมกันร้อยกรองขึ้นตามพุทธบัญชา เพื่อเกื้อกูลแก่เวไนยสัตว์มิให้พลาดไปสู่อบายภูมิ และตกทอดมาสู่เมืองไทยครั้งสมัยทวารวดียุคสุวรรณภูมิ ใช้สวดเพื่อสืบชะตาบ้านเมือง สืบอายุ กลับชะตาร้ายให้เป็นดี แก้สรรพเคราะห์ และสมปรารถนาทั้งปวง ซึ่งนิยมสวดมากครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี เปิดกรุได้ที่เมืองสวรรคโลก)
    ซึงปัจจุบันนี้ท่านพระอุปคุตก็ยังดำรงค์ขันธ์อยุ่ เพราะท่านก็เป็นศิษย์ของหลวงปู่ใหญ่ด้วยเช่นกัน

    ศิษย์ของหวงปู่ฯ มีทั้งพระไทย พระจีน พระธิเบต พระพม่า พระมอญ พระลาว พระศรีลังกา พระอินเดีย ฯลฯ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดก็คือ ท่านปรมาจารย์ตั๊กม้อ หรือ ท่านพระโพธิธรรม ปรมาจารย์แห่งลัทธิเซน ถ้าประเทศไทยในปัจจุบันก็มี

    หลวงปู่มันฯ พระบูรพาจารย์แห่งสายกรรมฐาน
    หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา
    หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด
    หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค
    หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน
    หลวงปู่กอง วัดสระมณฑล
    หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง
    หลวงพ่อจรัญ ฯ วัดอัมพวัน ฯลฯ

    (ท่านปรมาจารย์ตั๊กม้อ ปัจจุบันนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ คอยช่วยหลวงปู่ฯ ดูแลศาสนาในจีนและยี่ปุ่น เหมือนพระอุปคุตที่ช่วยหลวงปู่ฯ ดูแลศาสนาในลาว เขมร พม่า และไทย ) ซึ่งลักษณะแห่งรูปขันธ์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ฯ จริง ๆ นั้น ในคัมภีร์อโศกาวทานระบุว่า...

    "มีกายดุจพระปัจเจกพุทธเจ้า ผมยาวเลยบ่า ผิว
    หนังย่นชราแต่ผ่องใส เล็บมือยาว หนวดเครา
    ยาวดุจฤาษี รูปร่างสูงใหญ่ ใบหูกับหนังทั้งสอง
    หย่อนยานมาก ยามเหาะเหินประดุจพญาหงส์
    ยามก้าวย่างดุจพญาราชสีห์ ยามเปล่งวาจา พลัง
    เสียงมีตบะอำนาจมาก แม้พระเจ้าอโศก ฯ เอง
    ยังไม่กล้าทัดทาน จีวรที่ครองก็เก่าคร่ำคร่า มีสีกรักเข้ม"

    พระในสายของหลวงปู่ ฯ จะเป็นพระอภิญญาล้วน ๆ เนื่องจากท่านเป็นผู้นำสายอภิญญาในยุค "พันปีที่สองจะมากด้วยพระอภิญญา" นั่นเอง ศิษย์ของท่านมีทั้งนอกดงในดงเรียกว่า "คณะพระโลกอุดร" แปลว่า พระเหนือโลก ถ้าเป็นพระนอกดง จะแสดงฤทธิ์มากไม่ได้ เพระจะทำให้คนติดฤทธิ์ และศิษย์ของหลวงปู่ฯ ก็มีอยู่หลายระดับ แต่ถ้าเป็นพระในดงศิษย์ของหลวงปู่ ฯ จะมีอภิญญาสูงมาก เช่น

    1. หลวงปู่อิเกสาโร (หลวงปู่เดินหน) แห่งเทือกเขาตะนาวศรี

    2. หลวงพ่อโพรงโพธิ์ อาจารย์ของ หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า
    - หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
    - หลวงปุ่แสง วัดมณีชลขันธ์
    - หลวงปู่เชย วัดราษฎร์บำรุง

    3. หลวงพ่อพระอุปคุต อาจารย์ของ หลวงปู่คำคะนึง
    วัดถ้ำคุหาสวรรค์ อ. ดขงเจียม จ.อุบล ฯ
    - หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ วัดประสิทธิธรรม อุดรธานี
    - ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนาม จ. ลำพูน
    - หลวงปู่บุดดา ถาวโร
    - หลวงพ่ออุตตมะ ท่านพ่อลี วัดอโศการาม

    4. หลวงปุ่เเจ้งฌานแห่งเขาใหญ่ ดงพยาเย็น

    5. หลวงพ่อดำในดง ฯลฯ

    คาถาที่ถ่ายทอดมีมากมายหลายบท (เพราะคาถาเป็นคู่มือในการฝึกอภิญญาเบื้องต้น เป็นอุบายในการฝึกสมาธินั่นเอง) แต่ที่นิยมกันมากก็คือ "บทมงกุฎพระพุทธเจ้า" ที่ใช้บทนี้เพราะท่านมาสั่งอาตมาเอง และเคยพาอาตมาไปดูแผ่นศิลาทองคำจารึกพระคาถาบทนี้ ที่ทางเข้าพระทุสสเจดีย์บนพรหมโลกชั้นอกนิฏปัยจสุทธาวาส ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มาก บทที่ท่านพระอาจารย์ชาญนรงค์ ศิริสมบัติ หรือ ท่านอภิชิโตภิกขุ ศิษย์ของหลวงตาดำในดงรูปหนึ่งนำมาถ่ายทอดเพื่อใช้รักษาโรคก็คือ สมุหะคัมภีรัง อะโจระภะยัง อะเสสะโต โส ภควา พุทโธ หยุด ธัมโม หยุด สังโฆ หยุด โรคภัยทั้งหลายจงหยุด หยุดด้วย
    นะโมพุทธายะ

    หรือหากใครอยากพบท่าน ก็สวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกบ่อย ๆ แล้วอธิษฐานเอา หรือจะสวดบทพระอาการวัตตาสูตก็ดี มีอานุภาพและอานิสงค์สูงมาก เวลาสวดถ้าสมาธิดี ๆ จะเห็นรังสีทองคำสว่างจ้าพุ่งลงมาจากเบืองบน เป็นกระแสบารมีของพระรัตนตรัยและของเบื้องบนตั้งแต่พระนิพพานและพรหมโลกชั้นสุทธาวาสทั้งห้า ลงมาคลุมทั่วบริเวณที่เราสวดอยู่



    www.dhammajak.net
     
  2. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,681
    ค่าพลัง:
    +9,239
    [​IMG]

    สาธุ..ขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ

     
  3. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    ลองสวดดูแล้วแต่สงสัยว่าสมาธิจะยังไม่ดี จึงยังไม่เห็นรังสีทองคำ

    แต่ก็จะพยายามต่อไป สาธุๆๆ
     
  4. kueya

    kueya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2005
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +363
    "นะโมโพธิสัตโต อะคันติมายะ อิติภัคะวา"
     
  5. vilawan

    vilawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,432
    พุทธะ พุทธา
    พุทเธ พุทโธ
    พุทธัง อรหัง
    พุทโธ อิติปิโส ภควา
    นะโมพุทธายะ

    คาถาของหลวงพ่อโอภาสี
    อิติ สุคโต อรหัง พุทโธ นะโม พุทธายะ
    ปฐวีคงคา พระภุมมะเทวา ขมามิหัง

    คาถาของท่านท้าวเวสสุวัณ
    อิติปิโส ภควา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
    มรณัง สุขัง อรหัง สุคโต นะโมพุทธายะ

    "คาถานิพพานจุติ" ของท่านท้าวพญายมราชผู้เป็นใหญ่แห่งยมโลก
    ปะโตเมตัง ประชีวินัง สุคโต จุติ จิตตะเมตะ นิพพานัง สุคโต จุติ

    บทพญาธรรมิกราช
    พุทโธ โส ภควา
    ธัมโม โส ภควา
    สังโฆ โส ภควา
    ธรรมิกราชา ชัมพูทีเป
    กลียุคเข มนุสสานัง
    พหุยักขะ ปิสาเจวะ ปะลายันติ

    :cool:
     
  6. โป๊ยเซียนสาว

    โป๊ยเซียนสาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,543
    ค่าพลัง:
    +2,279
    สาธุ สาธุ สาธุ

    [​IMG]


    .
     
  7. EakChutidet

    EakChutidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +856
    ขออนุโมทนา สาธุ เชื่อ เพราะ ลองอย่างท่านว่ามาทุกประการ ขอความเจริญในธรรมจงบังเกิดแด่ทุกท่านทุกรูปทุกนาม หากการกระทำใดๆ ของข้าพเจ้าล่วงเกินท่านทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นวจีกรรม,มโนกรรม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมมา ณ ที่นี้



    ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ไปให้ทุกรูปทุกนามทั้ง 20 ชั้นพรหมโลก 6 ชั้น
    เทวะโลก มนุษย์โลก มารโลก ยมโลก อบายภูมิทั้ง 4 มี นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
    และในหมื่นโลกธาตุกับอีกแสนจักรวาลพิภพ ทั้งที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ รูปวิญญาณ อรูปวิญญาณ
    และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่เป็นมิตรและศัตรู ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า
    .........ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย
    อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงโมทนาในส่วนกุศลนี้
    พึงได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกัน ข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดนี้ด้วยเทอญ .........

    พร้อมกันนี้ ขออนุโมทนา บุญกุศลกับทุกท่านด้วยครับ
    _/l\_ สาธุ สาธุ สาธุ _/l\_
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. jee4

    jee4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +848
    สวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกบ่อย ๆ แล้วอธิษฐานเอา หรือจะสวดบทพระอาการวัตตาสูตก็ดี มีอานุภาพและอานิสงค์สูงมาก เวลาสวดถ้าสมาธิดี ๆ จะเห็นรังสีทองคำสว่างจ้าพุ่งลงมาจากเบืองบน เป็นกระแสบารมีของพระรัตนตรัยและของเบื้องบนตั้งแต่พระนิพพานและพรหมโลกชั้นสุทธาวาสทั้งห้า ลงมาคลุมทั่วบริเวณที่เราสวดอยู่

    อนุโมทนา สาธุ..ครับ ได้สวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ก่อนนอน 3 จบเห็นแสงสีส้มเหมือน
    ไฟ หลอดตะเกียบสีส้มส่องลงมาจากทางข้างบนอยู่ด้านขวามือ ส่องอยู่นานประมาณเกือบ
    4-5 นาทีครับ เมื่อวันที่ 15-08-53 ช่วงตี1 ผมแหงนไปมองสักพักแสงค่อยๆจางและหายไป.....
     
  9. คาคะ

    คาคะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    424
    ค่าพลัง:
    +1,533
    อนุโมธนาคะ ขอบคุณคะที่นำเสนอแต่สิ่งดีๆๆมาให้คะ
     
  10. thol

    thol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +837
    ผมขออนุโมทนาสาธุครับ
    ขอให้หลวงปู่ทวด ช่วยคุ้มครองประเทศชาติและขอให้ประเทศกลับสู่ความสงบในเร็ววัน
    และผมขอกราบหลวงปู่ทวดเหมือนครั้งที่ผมเคยฝันเห็นองค์หลวงปู่ครับ
     
  11. พุทธกา

    พุทธกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +135
    ขออนุโมทนาค่ะ

    ได้รับคาถาบูชาหลวงปู่ทวดที่ได้มาจากหลวงปู่โดยผ่านร่างทรง และได้สวดบูชาทุกวันมามากว่า ๑๐ ปี

    " นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธะสะ" กล่าว ๓ จบ
    "นะโม โพธิสัตโต พระสมเด็จพระราชมุนีสามีราม อาคัจติมายะ อิติภะคะวา" กล่าวสรรเสริญ ๓ หรือ ๕ หรือ ๗ หรือ ๙ หรือ ๑๐๘ ครั้ง แล้วแต่ท่านจะสะดวก
    จบด้วยกล่าว "สาธุ" ๓ ครั้ง
    นั่งสมาธิสัก ๕ นาที ก็จะดีมาก
    สวดบูชาเป็นประจำที่ระลึกได้ คุ้มครองดีมากๆค่ะ
     
  12. Limtied

    Limtied เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    822
    ค่าพลัง:
    +3,662
    คาถาที่ถ่ายทอดมีมากมายหลายบท (เพราะคาถาเป็นคู่มือในการฝึกอภิญญาเบื้องต้น เป็นอุบายในการฝึกสมาธินั่นเอง) แต่ที่นิยมกันมากก็คือ "บทมงกุฎพระพุทธเจ้า" ที่ใช้บทนี้เพราะท่านมาสั่งอาตมาเอง และเคยพาอาตมาไปดูแผ่นศิลาทองคำจารึกพระคาถาบทนี้ ที่ทางเข้าพระทุสสเจดีย์บนพรหมโลกชั้นอกนิฏปัยจสุทธาวาส ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มาก บทที่ท่านพระอาจารย์ชาญนรงค์ ศิริสมบัติ หรือ ท่านอภิชิโตภิกขุ ศิษย์ของหลวงตาดำในดงรูปหนึ่งนำมาถ่ายทอดเพื่อใช้รักษาโรคก็คือ สมุหะคัมภีรัง อะโจระภะยัง อะเสสะโต โส ภควา พุทโธ หยุด ธัมโม หยุด สังโฆ หยุด โรคภัยทั้งหลายจงหยุด หยุดด้วย
    นะโมพุทธายะ

    หรือหากใครอยากพบท่าน ก็สวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกบ่อย ๆ แล้วอธิษฐานเอา หรือจะสวดบทพระอาการวัตตาสูตก็ดี มีอานุภาพและอานิสงค์สูงมาก เวลาสวดถ้าสมาธิดี ๆ จะเห็นรังสีทองคำสว่างจ้าพุ่งลงมาจากเบืองบน เป็นกระแสบารมีของพระรัตนตรัยและของเบื้องบนตั้งแต่พระนิพพานและพรหมโลกชั้นสุทธาวาสทั้งห้า ลงมาคลุมทั่วบริเวณที่เราสวดอยู่

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    โมทนา
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ลูกขอกราบ หลวงปู่ เทพโลกอุดรหรือหลวงปู่พระกัสสปะมหาเถระเจ้าด้วยเศียรเกล้า

    ลูกขอกราบ หลวงปู่ทวด ปู่โต พระกษิติ พระอวโลกิเตศวร พระโพธิสัตว์ ทุกๆพระองค์

    ผู้เป็นบรมครูทุกๆพระองค์ สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...