ผมจะเป็นพระที่ดี (ตอน….บิณทบาต)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย darkforever, 4 เมษายน 2010.

  1. darkforever

    darkforever Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +73
    ผมจะเป็นพระที่ดี (ตอน….บิณทบาต)
    ======================================


    ………เสียงนาฬิกาปลุกชำแรกแทรกโสตประสาท …ลงไปฉุดผมให้ออกมาจากห้วงภวังค์ อันที่จริงมันก็แค่ตีสามกว่าๆเท่านั้นเอง เป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่เค้ากำลังหลับสบายได้ที่อยู่บนเตียงนุ่มๆ …..เจ้ากิเลสตัวหนึ่งแอบกระซิบบอกผมให้กลับไปนอนเถอะน่า ยังเหลือเวลาอีกถมเถไป …..ผมเกือบจะหลงเชื่อเจ้านั่นอยู่แล้วเชียว ถ้าผมไม่เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งเข้า
    ….. ‘ผ้าเหลือง’ยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดีเช่นเคย ……ปณิธานที่ว่า ‘ผมจะเป็นพระที่ดี’ ดังก้องขึ้นมาในหัวผม ฉุดผมออกมาให้ห่างจากเจ้ากิเลสความง่วงตัวนั้นในทันที
    ผมรีบอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ครองจีวรที่พับจีบเตรียมเอาไว้เมื่อคืน แล้วมุ่งตรงไปยังอุโบสถ

    ความจริงนี่มันก็เป็นเวลาก่อนทำวัตรเช้าตั้งครึ่งชั่วโมง เลยยังไม่มีใครลงมาเปิดอุโบสถ …..แต่ผมตั้งใจเอาไว้ว่าจะเดินจงกรมนั่งสมาธิซะก่อน เนื่องจากกัลยาณมิตรท่านหนึ่งบอกผมไว้ก่อนที่ผมจะบวชว่า ตอนเช้ามืดควรที่จะบำเพ็ญบารมี ทำจิตให้บริสุทธิ์ เอาไว้ก่อน เพื่อที่ว่า ตอนออกไปบิณทบาต พอเราแผ่ส่วนบุญหรือให้พรแก่โยมที่มาใส่บาตร …เขาจะได้รับอานิสงส์ผลบุญที่บริสุทธิ์ …….และผมก็น้อมเอาคำสอนนี้ใส่ไว้ในใจเสมอ

    วัดที่ผมบวชอยู่นี้เป็นวัดบ้าน อยู่ในกรุงเทพใกล้ๆกับบ้านผม และนั่นก็เป็นสาเหตุหลักที่ผมบวชวัดนี้ เนื่องจากใกล้กับบ้านผมและญาติๆผม ….เค้าก็อยากจะมาใส่บาตรกันน่ะแหละ แต่ทั้งนี้ผมก็ได้ขอพ่อแม่เอาไว้ว่า หลังจากบวชที่นี่ได้ซักระยะผมก็อยากจะย้ายไปที่วัดป่า เพราะใจจริงผมอยากจะไปปฏิบัติ อยากไปศึกษากรรมฐานจึงอยากได้สถานที่ที่สัปปายะซักหน่อย ……ก็นับว่าโชคดีที่ไปได้เอาวัดป่าแห่งหนึ่งเข้าที่ชลบุรี ดีที่ญาติฝั่งแม่คนหนึ่ง เค้ารู้จักกับท่านเจ้าอาวาสจึงไปฝากฝังกับท่านไว้ ซึ่งท่านก็ตอบตกลง……

    ตีสี่ครึ่ง พระใหม่ทุกรูปมานั่งกันพร้อมหน้า ซักพักท่านเจ้าอาวาสก็มา แล้วพระอื่นๆก็ค่อยๆทยอยกันมาทำวัตรเรื่อยๆ เสร็จจากทำวัตรประมาณตีห้าครึ่ง ท่านเจ้าอาวาสก็เรียกพระใหม่เข้าไปอบรม ถือเป็นกิจวัตรประจำของที่นี่ (ซึ่งพวกเราก็นับว่าโชคดีมาก เพราะโดยมากแล้วเจ้าอาวาสวัดอื่นๆมักมีกิจเยอะ ไม่ค่อยมีเวลามาพูดคุยกับพระใหม่) ท่านก็เทศน์สอนให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องการบวชจนถึงประมาณ 6 โมงเกือบครึ่ง จึงปล่อยให้ไปบิณทบาต …ซึ่งถือว่าออกสายมากแล้ว เวลานี้พวกเราเลยต้องรีบเร่งกลับกุฏิเพื่อไปเอาบาตร ก่อนจะกลับพวกพระใหม่รุ่นพี่สอนผมครองจีวรแบบห่มคลุม ซึ่งผมก็ค่อนข้างจะงงมิใช่น้อย…แถมจีวรผมนั้นค่อนข้างยาวกว่าชาวบ้านชาวเมืองเค้า(เนื่องจากตัวสูง เค้าจึงต้องสั่งไซส์พิเศษ)…การม้วนผ้าสะบัดผ้ามันเลยต้องลำบากกว่าคนอื่นเค้าพอสมควร ก็ถูๆไถๆกันไปจนเสร็จนั่นแหละ(..ฝีมือผมเองประมาณ 20% ) จึงรีบกลับไปที่กุฏิ

    …..ถึงกุฏิผมรีบตรงรี่ไปยังห้องน้ำ (เนื่องจากไม่ไหวแล้ว..ข้าศึกบุกประชิดถึงประตูเมืองแล้ว) เข้าเสร็จ …ออกมาจีวรทำท่าจะหลุดอีกเลยต้องห่มใหม่ พอจำได้คลับคล้ายคลับคลา ก็เลยลองห่มไป รีบคว้าบาตรแล้วลงข้างล่าง …..พอดีเจอกับท่านพระครู ผู้เป็นพระพี่เลี้ยงผม ท่านบิณทบาตเสร็จแล้วกลับเข้ามาพอดี ….เลยบอกว่าผมห่มผิด (ถึงว่า… มันแปลกๆอยู่….แขนมันรู้สึกโล่งๆ) และจัดแจงช่วยผมห่มใหม่ ให้ผ้าคลุมแขนเรียบร้อย …แล้วเอาบาตรคล้องบ่าให้ผมใหม่ และสอนวิธีอุ้มบาตร เปิดบาตร…….. เอ้าทีนี้ค่อยดูเป็นผู้เป็นคน….เอ้ย เป็นพระเป็นเจ้าขึ้นมาหน่อย

    เสร็จสรรพเรียบร้อย ผมกำลังจะเดินออกไป..ท่านก็ถามผมขึ้นมาว่าวันนี้ไปรับบาตรที่บ้านโยมแม่และโยมตารึเปล่า(ท่านรู้จักกับโยมแม่และโยมตาผม) ผมก็ตอบว่าไป ท่านเลยบอกผมว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ญาติโยมที่หน้าวัดจะมาใส่บาตรกันเยอะ ….ท่านกลัวว่ากว่าจะไปถึงบ้านโยมแม่บาตรจะเต็มซะก่อน (เพราะค่อนข้างไกล) ท่านเลยเมตตาบอกว่าจะให้โยมลูกศิษย์หน้าวัดขับรถซู(สองแถวเล็ก)พาไปส่ง…..แล้วท่านก็เดินอุ้มบาตรนำผมไป

    ผมเข้าใจคำพูดของพระครูขึ้นมาทันที ระหว่างเรากำลังจะไปหน้าวัด …..ขนาดยังอยู่ในวัดแท้ๆ โยมมาดังรอพระอยู่เต็มไปโม้ด อันที่จริงระยะทางจากกุฎิไปหน้าวัดก็ประมาณซัก 200 เมตรเองแท้ๆ แต่เล่นเอาบาตรผมกับพระครูเกือบเต็ม ท่านเลยต้องขอถุงพลาสติคจากโยมมาใส่เพิ่ม แล้วเดินนำไปบอกโยมลูกศิษย์ให้พาเราไป(..ท่านก็ไปด้วย)
    ……ตกลงการบินทบาตวันแรกของผม ก็เลยได้ไปแค่ 2 บ้านเอง

    วันต่อมาก็ค่อยยังชั่วหน่อย ท่านเจ้าอาวาสเริ่มปล่อยเร็วขึ้น(กว่าเดิมนิดหน่อย) และผมก็เริ่มครองจีวรคล่องขึ้น แถมเค้าจัดลูกศิษย์วัดให้เดินตามคนนึง …ก่อนออกจากวัดผมก็ไหว้พระประธาน ขอให้ญาติโยมที่มาใส่บาตรได้บุญกันไปถ้วนหน้า

    วัดที่ผมบวชนี้มีตลาดขนาดย่อมๆตั้งอยู่เลยหน้าวัดไปหน่อย จึงไม่น่าแปลกใจนักที่จะมีคนมาใส่บาตรกันเยอะมากตอนวันพระหรือวันเสาร์อาทิตย์… ผมเองเคยเจอมาแล้วกับตัว ถึงกับต้องยืนให้รับบาตร และให้พรโยมอยู่อย่างนั้นประมาณ 10 กว่านาทีเนื่องจากขยับไปไหนไม่ได้ โยมกรูกันเข้ามาใส่บาตรกันอย่างไม่ขาดสาย จนลูกศิษย์วัดที่เดินตามต้องเปลี่ยนย่ามแล้วเปลี่ยนอีกพัลวัน ( เขาจะสะพายย่ามสำรองเอาไว้ประมาณ 4 ย่าม ) โดย(หัวหน้า)ลูกศิษย์อีกคนคอยขี่มอเตอร์ไซค์เอาย่ามมาผัดเปลี่ยนให้ ซึ่งก็ต้องมาเปลี่ยนกันประมาณ 2-3 รอบ จึงจะพอใส่ แถมถนนก็แคบครับเวลาจะให้พรโยมก็ต้องดูดีๆ พยายามเดินเข้ามาใกล้ๆฟุตบาทหน่อย ….เดี๋ยวเกรงว่าโยมกำลังรับพรอยู่ดีๆ พระหายไปซะฉิบ (โดนรถเสยไป) เหนื่อยก็เหนื่อย หนักก็หนักนะครับ แต่พอได้เห็นพลังศรัทธาของญาติโยมแล้ว พระก็ทนได้ครับ ……เฮ้อ………กว่าโยมจะปล่อยให้กลับวัดได้ ก็เล่นเอาพระหมดแรงไปตามๆกัน
    แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันจันทร์ ….คนใส่บาตรจึงไม่ค่อยเยอะมากนัก
    ผมค่อยๆเดินเท้าเปล่า ไปอย่างช้าๆ สายตาเหลือบต่ำมองไปในระยะ 4-5 เมตรข้างหน้า ดูว่ามีเศษแก้วเศษอะไรอยู่ที่พื้นรึเปล่า … เข้าใจว่าเป็นกุศโลบายของคนสมัยก่อนที่ให้พระเดินถอดรองเท้า จะได้ทำให้พระมีสติรู้ตัวตลอดเวลา ซึ่งก็ได้ผลดีซะด้วย และถือเป็นการฝึกภาวนาไปในตัว ….

    สัมผัสที่ฝ่าเท้าของผมได้สัมผัสกับพื้นถนนขรุขระยามเช้านั้น เป็นความรู้สึกที่ดี แบบแปลกๆ มันเหมือนกับว่าผมได้สัมผัสรับรู้กับโลกตามความเป็นจริง โดยไม่ผ่านการปรุงแต่ง (รองเท้า??)
    ทรายทุกเม็ด….กรวดทุกก้อน ที่ฝ่าเท้าผมเหยียบย่ำไป ……จะมีบางก้อนที่ติดฝ่าเท้าผมขึ้นมาด้วย …หากเป็นกรวดคมๆมันก็จะทำให้ผมเจ็บแปล๊บขึ้นมาบ้าง …..ราวกับจะบอกให้ผมรับรู้ถึง ’ความมีอยู่’ ของมัน
    ครั้นพอเดินไปสักพัก มันก็อาจจะหลุดไปบ้าง และมีเม็ดใหม่ติดขึ้นมาบ้าง
    ………ผมได้แต่เฝ้าดูเฝ้ารู้ตามไป ...........ความรู้สึกเจ็บที่….เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
    …..คล้ายกับว่าเค้ากำลังสอน ’ไตรลักษณ์’ ให้ผมได้รับรู้
    ………………
    ภาพชีวิตอันวุ่นวายของผู้คนยามเช้าสองข้างทางที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า บ้างหาบเร่ บ้างเข็นผักขาย บ้างกำลังจัดร้านไว้เตรียมรอลูกค้า ……… ดูผิวเผินอาจเหมือนว่าพวกเขากำลังทำสิ่งที่หลากหลาย แตกต่างกันไปตามแต่ภาระหน้าที่ของตน
    ….ทว่าเป็นไปด้วยจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือความดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง อันเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนให้ ‘ชีวิต’ดำเนินต่อไป
    ….ผมมองภาพเหล่านั้นราวกับว่ากำลังดูละครเรื่องหนึ่ง

    …’ละคร’ ที่ไม่เคยมีตอนจบ

    ………….น่าแปลกที่เมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมเองก็ยังเป็น ‘ตัวละคร’ อยู่ในละครเรื่องนั้นเองแท้ๆ
    …………………

    “ นิมนต์ค่ะหลวงพี่ ” เสียงคุณโยมคนหนึ่งดังขึ้นมาจากริมฟุตบาท ผมเดินไปหยุดตรงหน้า ค่อยๆเปิดบาตรฝาออกมาเบาๆ โยมคนนั้นค่อยๆบรรจงประคองถุงข้าวถุงกับใส่ลงในบาตร แล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม

    “ ….จัตตาโร ธัมมาวัททันติ อายุวัณโณ สุขัง พะลัง ” ผมสวดให้พรโยมไปพร้อมกับ แผ่เมตตาไปให้ จากนั้นค่อยปิดฝาบาตร แล้วเดินต่อไป

    ………………..


    สักวันหนึ่ง…ผมจะต้องกลับไปสวมบทบาทในละครเรื่องนั้นอีกครั้ง
    สักวันหนึ่ง…ผมอาจจะมายืนใส่บาตรอยู่ตรงนี้ ให้กับพระสักรูปที่เดินผ่านมา
    แต่เมื่อถึงวันนั้น …..ผมจะกลับออกไปด้วยสายตาที่มองเห็นและเข้าใจความเป็นจริงของโลกมากยิ่งขึ้น

    ……….เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป………

    เหมือนกับก้อนกรวดบนฝ่าเท้า (….ที่มาสร้างความเจ็บให้ผมรู้สึกได้เป็นครั้งคราว)

    ………..เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป………..

    ในกระแสความเป็นไป….ของเวลา <!--MsgFile=0-->
     
  2. amarpinky

    amarpinky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    423
    ค่าพลัง:
    +522
    อนุโทนาค่ะ
     
  3. beverzone

    beverzone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    589
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +2,174
    อนุโมทนาครับ
    ผมกำลังจะบวชเหมือนกันครับ
    เอ.. ใน youtube เค้ามีสอนห่มจีวร มั๊ยน้อ 55
    เวลาถึงวันจริงจะได้ห่มคล่องเป็นพระเก่า 55
     
  4. วิจิตร

    วิจิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +514
    ขออนุโมทนาครับ ขอให้สิ่งที่คิดจงสำเร็จลุล่วงทุกประการ สาธุ สาธุ
     
  5. marin1156

    marin1156 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +107
    อนุโมทนาครับ หลับตาแล้วนึกถึงตัวเองเลย ผมเพิ่งสึกมาได้เดือนกว่าๆแล้วครับ แปลกมากครับตอนที่เป็นฆราวาสตื่นสาย พอเป็นพระจะตื่นง่ายมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 เมษายน 2010
  6. dragoona

    dragoona เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +129
    ตกลงการให้พรหลังโยมใส่บาตรทันที ไม่ผิด เสขิยวัตร ใช่มั้ยน่ะครับ บางวัดก็ไม่ให้พร ไปให้ที่วัดเลย แต่ที่เห็นส่วนใหญ่ จะให้พร หน้าบ้านทันทีหลังใส่
     
  7. darkforever

    darkforever Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +73
    ตอบคุณ Dragoonaครับ

    จริงๆแล้วพระควรจะให้พรได้เฉพาะกับญาติโยมที่ "ยืน"รับพรเท่านั้นนะครับ เพราะถ้าว่าตามวินัยแล้ว พระจะแสดงธรรมให้ฆราวาสได้ขณะยืน ก็ต่อเมื่อฆราวาสยืนด้วยกันเท่านั้นครับ ซึ่งการให้พรก็ถือเป็นการแสดงธรรมอย่างหนึ่งนั่นเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...