พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    ขออนุโมทนาบุญทุกท่านด้วยครับ
    <!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->__________________



    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เพื่อน Fwd Mail มาให้ ผมนำมาลงคลายเครียดกันครับ

    6 ข้อพึงกระทำในเวลางาน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1-1.gif
      1-1.gif
      ขนาดไฟล์:
      129.4 KB
      เปิดดู:
      875
    • 2-2.gif
      2-2.gif
      ขนาดไฟล์:
      102.9 KB
      เปิดดู:
      851
    • 3-3.gif
      3-3.gif
      ขนาดไฟล์:
      84.3 KB
      เปิดดู:
      843
    • 4-4.gif
      4-4.gif
      ขนาดไฟล์:
      122.8 KB
      เปิดดู:
      847
    • 5-5.gif
      5-5.gif
      ขนาดไฟล์:
      89.9 KB
      เปิดดู:
      833
    • 6-6.gif
      6-6.gif
      ขนาดไฟล์:
      75.2 KB
      เปิดดู:
      830
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed,Tahoma]<CENTER>คนแกนกลวง
    โดยพระธรรมกิตติวงศ์
    </CENTER>

    หากใจอยู่ในสภาพที่กลวง ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไร ผ่านมาก็ผ่านไป ไม่ยินดียินร้ายมากนัก รู้เท่าทันว่าสิ่งต่าง ๆเหล่านั้นผ่านมาเพียงให้สัมผัสเท่านั้น ไม่ช้าก็ผ่านเลยไปผ่านแล้วก็ผ่านเลย

    <DD>ใจที่มีลักษณะเช่นนี้ ก็เหมือนกับท่อระบายน้ำที่กลวง ไม่มีอะไรมาอุดตัน น้ำเน่าเสียและขยะมูลฝอยต่าง ๆ ก็จะไหลผ่านเลยไปได้โดยง่าย

    <DD><DD>ใจที่คิดได้และรู้สึกอย่างนี้แหละ ที่ปริศนาธรรมเรียกว่า “แกนกลวง” ซึ่งก็คือใจที่ไม่มีอุปาทานนั่นเอง
    [/FONT]</DD>
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อานิสงส์จะเกิดผลต่อเมื่อได้ลงมือปฏิบัติเท่านั้น

    [​IMG]


    จงตั้งใจสลัดอารมณ์ ความวุ่นวายใด ๆ ทั้งหลายที่เป็น “ ขยะหยากเยื่อหยากไย่ ” ของความคิด สติ และดวงจิต สลัดให้หลุด หยุดมันให้ได้ แล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ดูดเอากลิ่นอายแห่งความเบิกบาน พลังแห่งชีวิต และเสรีภาพอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นเสรีภาพที่เราปลดปล่อย ขยะ “ หยากเยื่อหยากไย่ ” ฝุ่นละอองแห่งดวงจิต รวมทั้งความคิดทั้งหลายได้ เราจะเล่นเกม และเล่นสนุกกับกิริยาท่าทาง และกระบวนการแห่งความคิด อันเยอะแยะมากมาย ลองมาหาความเพลิดเพลินเบิกบานสำราญใจด้วยการวางภาระทั้งหลายให้จบสิ้น และหมดลงไปในบัดดล กลายเป็นบุคคลผู้เปล่า ผู้ปราศจาก เปล่าและว่าง ปราศจากความคิดอ่านทั้งปวงผนึกกายและใจให้แนบแน่นกันเป็นหนึ่งเดียว โดยไม่ให้ความคิดมาแยกออกจากกาย ผูกกายกับใจให้รวมเป็นหนึ่ง ฝึกได้ขนาดนี้ อย่างนี้และถึงขั้นนี้ จนถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิต เราจะได้มีสติดำรงมั่นในจิตวิญญาณที่ใสสะอาด มีทางแห่งสุขคติภพเป็นที่ไปในวาระสุดท้ายของชีวิต

    เมื่อจิตเราไม่เศร้าหมอง ไม่ขุ่นมั่ว ไม่ฝักใฝ่ ไม่ดิ้นรน ไม่ขัดข้อง ไม่กระเสือกกระสน และไม่แสวงหา ถือว่าเป็นหนทางปิดกั้น “ อบายภูมิ ” เพราะพระศาสดาทุกพระองค์ทรงกล่าวว่า “ ผู้ไม่ดิ้นรนจนเกินพอดี ไม่กระเสือกกระสนแสวงหา คือผู้สันโดษยินดีในสิ่งที่พึงมีพึงได้ ย่อมพบทางสบาย ผ่อนคลายอิสระ สัตว์ทั้งหลายที่เที่ยวเดือดร้อนดิ้นรน กระเสือกกระสนและแสวงหานั้น เป็นกิริยาของอสูรกาย เดรัจฉาน เปรต และสัตว์นรก รวมทั้งกริยาอาการของผู้ทุกข์ไม่รู้จบสิ้น.. ”

    สมณะ นักบวช พระ หรือผู้สงบ ผู้หยุด ผู้ไม่วิ่ง ผู้สันโดษ ผู้ไม่แสวงหา เป็นสภาวะของ “ เนกขัม ” ถือการออกบวชแห่งจิตวิญญาณเป็นหนทางอันบริสุทธิ์ใสสะอาด เป็นความสงบ และสันติ เป็นความรู้สึกสุข เสรีภาพ และเป็นเสรีภาพที่ได้รับการปลดปล่อยจากจิตวิญญาณที่หิ้วอยู่ – หุ้มอยู่ – จมอยู่ ในกองขยะหยากเยื่อหยากไย่ทั้งหลายในและนอกกายเรา...
    โปรดกรุณาปลดปล่อยตนเองออกจาก “ คุกแห่งอารมณ์ ” ไม่มีผู้ใดในโลกมาขังเราได้ ถ้าเราไม่ขังตัวเราเอง พวกเราทุกคนกำลังตกเป็นทาส เป็นนักโทษที่มี “ คุก ” เป็นเครื่องจองจำ นั่นก็คือ “ อำนาจแห่งกรรม ” และ “ การกระทำที่ไร้ความไตร่ตรองและพิจารณา
    ในขณะเดียวกัน เราก็ “ ติดคุก ” อยู่ลึก ๆ ซึ่งมันซ่อนอยู่ในดวงใจเล็ก ๆ เป็น “ คุก ” ที่มีอำนาจผูกให้เราตกอยู่ในความหลง ความโกรธ ความโลภ และความสับสนวุ่นวาย คุกชนิดนี้มันยิ่งใหญ่กว่า “ คุก ” ที่ชาวโลกสร้างมันขึ้นมา เพื่อขังมหาโจรเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าสัตว์ตนใด “ ติดคุกแห่งอารมณ์ ” เขาจะไม่มีวันได้ออก ไม่มีใครบอกได้ว่า เขาจะ “ ออกจากคุก ” เมื่อไหร่ อย่างไร จนกว่าเขาจะสามารถหาทางออกได้ ด้วยตัวของเขาเอง เพราะสรรพสัตว์ที่ “ ติดในคุกอารมณ์ ” จึงต้องอุบัติ “ พระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ” มาทำหน้าที่เป็นนายทวารไปไขกุญแจ ปลดปล่อยสรรพสัตว์พ้นจากโทษทัณฑ์ และบ่วงกรรม ความเป็นทาสของความหลงโง่งมงาย
    เราชาวศากยะ และตระกูลวงศ์แห่งพระศาสดา มีหน้าที่ปลดปล่อยตนเอง แล้วก็ปลดปล่อยสรรพสัตว์ที่ไม่ใคร่ระวัง สติรู้ตัวทั่วพร้อมให้พ้นบ่วงแห่งกรรม และทุกข์โทษภัยทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ใจที่ไม่ได้มีการพัฒนาและฝึกฝน และไม่ได้ระแวดระวังด้วยความรู้สึกที่ได้จากตาเห็น หูฟัง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายถูกต้องสัมผัส ไม่มีสติรู้ทั่วพร้อม เราปล่อยให้ตัวเองติด “ คุก ” และส่งเสริมให้วิญญาณ “ ติดคุก ” อีกต่างหาก โดยการหลงใหลลื่นถลาไปกับ “ ตาเห็นรูปสวย ” “ หูฟังเสียงเพราะ ” “ จมูกได้กลิ่นหอม ” “ ลิ้นรับรสอร่อย ” “ กายถูกต้องสัมผัสที่ชอบ ลองมาใช้เวลาอันน้อยนิดสมมติว่าจะปลดปล่อยตัวเองออกจาก “ คุก ” แห่งความวุ่นวาย สับสน และหงุดหงิด โดยการมีสติควบคุม สิ่งที่เกิดจากตาเห็น หูฟัง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัส อย่าปล่อยให้มันมามีอำนาจเหนือจิตใจของตนเอง

    วิธีการปลดปล่อยตนเองก็คือ หยุดคิด หยุดพูด หยุดทำ หยุดพฤติกรรมต่าง และอย่าปล่อยให้ความรู้สึกใด ๆ ปรากฎขึ้นในขณะนี้ยกเว้นมีความรู้สึกว่า “ กายรวมใจเป็นผนึกแนบแน่น ” มีสติสัมปชัญญะคือความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ภายในกาย จงอย่าปล่อยให้อารมณ์ใด ๆ เกิดขึ้นภายในกายนี้ ในเวลานี้เป็นอันขาด เมื่อเราทำได้ถือว่าเป็นผู้ที่ฝึกตนเองที่พร้อมจะปลดปล่อยวิญญาณให้เป็นอิสระ..ได้ในลำดับตน



    จากหนังสือทำวัตร-สวดมนต์แปล
    หลวงปู่พุทธอิสระ
    วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม


    ผมเองเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ขออนุญาตนำมาลงให้อ่านกันนะครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องการจับพลัง (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวผม)

    เรื่องของการจับพลังพระพิมพ์นั้น มีปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่หลายประการ อาทิเช่น <O:p</O:p
    1.พระพิมพ์บางองค์ เวลาที่กดพระพิมพ์นั้น อาจกดไปโดนฤกษ์ดอกลูกพิษ ถ้าพระพิมพ์องค์ไหน กดโดนฤกษ์ดอกลูกพิษ ไม่ว่าพระองค์ไหน ก็เสกไม่เข้าทั้งสิ้น ฤกษ์ดอกลูกพิษนั้น มีทุกวัน แต่ว่ามีเป็นช่วงๆ บางครั้งในหนึ่งวัน มีช่วงเดียว บางครั้งในหนึ่งวัน อาจมีหลายช่วงก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น
    <O:p</O:p
    2.ในการจับพลังองค์พระพิมพ์นั้น บางวัน พระผู้เสกท่านอาจปิดกระแสขององค์พระพิมพ์ก็เป็นได้ การปิดกระแสนั้น พระผู้เสกย่อมทำได้เนื่องจากว่า ระดับของญาณหรืออภิญญาสูงกว่าผู้จับพลังองค์พระพิมพ์ มีเพื่อนผมคนหนึ่ง สามารถจับพลังขององค์พระพิมพ์ได้ มีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนผมผู้นี้ได้นำพระพิมพ์องค์หนึ่ง ไปให้อาจารย์ของเขาตรวจพลังให้ แต่ปรากฏว่า อาจารย์ของเขาได้บอกว่า พระพิมพ์องค์นี้ ไม่มีพลัง ไม่มีอะไรเลย แต่เพื่อนผมได้นำพระพิมพ์องค์เดิมไปให้เพื่อนของเขาจับ ปรากฎว่าเพื่อนของเขาจับพลังได้ และยังบอกอีกว่า พลังขององค์พระพิมพ์นั้น แรงมากด้วย ในเรื่องนี้ ความคิดเห็นส่วนตัวผม ผมเห็นว่า พระผู้เสกท่านอาจปิดกระแสไม่ให้อาจารย์ของเพื่อนตรวจพลัง นะครับ <O:p</O:p
    3.ในบางวัน พระผู้เสก ท่านอาจปิดกระแสขององค์พระพิมพ์ ก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน <O:p</O:p
    4.และในบางวัน ผู้ที่ตรวจพลังของพระพิมพ์ เป็นวันที่เบื้องบนไม่ให้ตรวจพลังขององค์พระพิมพ์ ก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน <O:p</O:p
    5.พิมพ์ทุกองค์นั้น เวลาที่ผ่านการปลุกเสกแล้ว จะมีเทวดารักษาองค์พระพิมพ์ทุกองค์ บางครั้งเทวดาที่รักษาองค์พระพิมพ์อาจจะปิดกระแสก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน <O:p</O:p
    6.ในบางครั้งพระปลอมก็มีพลังเช่นเดียวกัน ถ้าผู้ทำพระปลอมได้นำพระไปเข้าพิธีพุทธาภิเษก <O:p</O:p
    7.หรือบางครั้งผู้ทำพระปลอมได้นำเศษพระแท้ผสมลงไป ก็สามารถมีพลังได้เหมือนกันเพียงแต่พลังอาจจะน้อยกว่าพระแท้ครับ <O:p</O:p
    8.การนำพระแท้ไปไว้ในที่ไม่สมควร เทวดาที่รักษาองค์พระพิมพ์ ท่านอาจจะไม่อยู่ครับ และทำให้พลังขององค์พระพิมพ์นั้นเสื่อมได้ครับ ตามหลัก มีเกิดได้ก็มีดับได้นะครับ

    พระพิมพ์ที่มีการเสกนั้น พระที่มีญาณหรืออภิญญาสูงกว่า สามารถเสกครอบหรือเสกคลุมพระพิมพ์ที่พระที่มีญาณหรืออภิญญาต่ำกว่าได้ แต่พระที่มีญาณหรืออภิญญาต่ำกว่า ไม่สามารถเสกครอบหรือเสกคลุมพระพิมพ์ที่พระที่มีญาณหรืออภิญญาสูงกว่าได้ครับ

    พลังอิทธิคุณของพระอริยสงฆ์ผู้ที่เสกนั้น แต่ละองค์ก็ไม่เหมือนกัน ผมเปรียบเทียบเหมือนกับคลื่นวิทยุ แต่ละองค์พลังอิทธิคุณก็เป็นของพระอริยสงฆ์องค์นั้นๆ(แต่ถ้าเชิญครูบาอาจารย์มาช่วยเสกอาจมีพลังของครูบาอาจารย์ด้วย เช่นหลวงปู่ภู หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ท่านมาช่วยหลวงปู่ภูเสกพระพิมพ์ พลังที่ได้จะเป็นพลังของหลวงปู่ภูและหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร แต่ในบางครั้ง พลังของครูบาอาจารย์อาจไม่แสดงออกมาก็ได้ครับ )

    การเสกพระพิมพ์นั้น พระอริยสงฆ์จะเสกตอนเดินอยู่บนฌาณ 1 หรือ ฌาณ 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ดีที่สุดแต่หากว่าขึ้นฌาณ 3 แล้ว การเสกมักจะได้พลังที่ไม่แรง จะเป็นพลังที่ละเอียดมากๆ ส่วนถ้าเสกในฌาณ 4 แล้ว จะเหมือนกับไม่ได้เสกครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผมเอง ก่อนที่จะนำพระไปแจกให้ใครก็ตาม ผมจะนำพระไปให้ท่านอาจารย์ประถม ท่านเป็นผู้ที่ตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ท่านอาจารย์ประถมท่านเคยบอกผมว่า พระผู้เสกพระพิมพ์แต่ละองค์นั้น จะมีกระแสที่ไม่เหมือนกัน ผมเองเชื่อว่า ท่านอาจารย์ประถม ท่านรู้กระแสพระแต่ละองค์ว่า มีกระแสเป็นอย่างไร และผมยังเชื่ออีกว่า ท่านอาจารย์ประถม ท่านสามารถมองเห็นรังสีขององค์พระพิมพ์ได้ เนื่องจากท่านเองได้เล่าให้ฟังในเรื่องของรังสีของคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรให้ฟังหลายครั้ง อีกทั้งลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถมหลายท่าน ก็สามารถตรวจสอบพลังขององค์พระพิมพ์ได้ เช่นการนั่งดูว่าใครเสก ,การนั่งดูพิธีเสก ,การจับพลังขององค์พระพิมพ์ ครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    การตรวจสอบพลังอิทธิคุณขององค์พระพิมพ์นั้น ผมแนะนำให้ไปหาผู้ทรงฌานหรือผู้ทรงญาณ หลายๆท่าน(ควรไม่ต่ำว่า 3 ท่าน) นะครับ และผลที่ตรวจได้นั้น ต้องตรงกัน

    เรื่องของการทดสอบโดยการใช้ปืนยิง หรือนำพระพิมพ์ใส่ในตัวสัตว์แล้วยิงนั้น หากพระพิมพ์ที่เสกมา เสกแต่เมตตามา ยังไงๆก็ยิงถูกพระพิมพ์หรือสัตว์ แต่ถ้าเสกมาเป็นแคล้วคลาด ก็จะยิงไม่ถูก แต่ถ้าเสกมาเป็นคงกระพัน ก็ยิงถูกแต่ไม่เข้าตัวสัตว์ ผมเองก็แนะนำไม่ควรให้ลอง เพราะว่าเป็นการปรามาสพระผู้เสกพระพิมพ์และเทวดาประจำองค์พระพิมพ์ครับ

    .<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2006
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระสมเด็จวังหน้า สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า พระพิมพ์จุฬามณี หรือพิมพ์อื่นๆ ทุกๆพิมพ์นั้น มีการจัดสร้างขึ้นที่วังหน้าทั้งหมดครับ เพียงแต่ว่า จะแยกกันโดยทรงพิมพ์ เนื้อของพระพิมพ์ โดยพระวังหน้า จะเป็นพิมพ์หลากหลายพิมพ์ ผมเองคาดว่ามีพิมพ์อยู่ประมาณ 100 กว่าพิมพ์ มีการจัดสร้างเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2400 จนถึง พ.ศ.2428 อันเป็นปีที่ท่านเจ้า (กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) ท่านทิวงคต

    แต่พระพิมพ์เจ้าคุณกรมท่า พิมพ์เจ้าคุณกรมท่าที่เป็นพระคะแนน พิมพ์จุฬามณี เนื้อพระพิมพ์ในลักษณะนี้ จะเป็นของท่านเจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค)(หรือท่านเจ้าคุณกรมท่า) ซึ่งท่านรับราชการ เป็นเสนาบดีกรมท่า หรือตามที่ใช้เรียกกันในสมัยก่อนซึ่งก็คือ เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ท่านเจ้าคุณกรมท่า ท่านเปรียบเสมือนมือขวาของท่านเจ้า(ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) ท่านเจ้าท่านให้ท่านเจ้าคุณกรมท่า เดินเรือสำเภา นำเครื่องบรรณาการ(ไม่ใช้ว่าไทยเราเป็นเมืองขึ้นของจีนนะครับ แต่เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน) ไปถวายเจ้ากรุงจีน พร้อมทั้ง นำสินค้าของไทยไปขายแลกเปลี่ยนกับสินค้าเมืองจีนครับ

    การสร้างพระ ไม่ว่าจะเป็นพระวังหน้า หรือพระเจ้าคุณกรมท่านั้น การสร้าง สร้างโดยช่างสิบหมู่เหมือนกัน สร้างขึ้นที่วังหน้าเหมือนกัน มวลสารหลักก็เป็นปูนเพชร ที่นำเข้าจากเมืองฮันซุย ประเทศจีนเหมือนกันครับ

    เรื่องพระราชพิธีพุทธาภิเษกนั้น พระทุกพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นของวังหน้าหรือพระเจ้าคุณกรมท่า ก็ทำพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานมงคลเหมือนกัน ท่านเจ้า ท่านจะนิมนต์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีมาเป็นประธาน อีกทั้งพระผู้ใหญ่ในสมัยนั้น มาทำพิธีพุทธาภิเษก แต่ท่านเจ้าท่านจะเชิญหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรมาเสกให้ด้วย เพียงแต่ท่านเจ้าจะเชิญหลวงปู่องค์ไหนใน 5 องค์เท่านั้น ส่วนใหญ่หลวงปู่ที่มาเสกให้นั้น จะเป็นหลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)ซึ่งเป็นองค์ที่ 3 ในคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร เป็นส่วนใหญ่ แต่หลังจากปี พ.ศ.2415 ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านมรณภาพแล้ว ก็เป็นพิธีหลวงเช่นกันครับ เพียงแต่ว่า มีการทำพิธีพุทธาภิเษกโดยเชิญพระผู้ใหญ่ในสมัยนั้นมาเหมือนกัน และท่านเจ้าท่านก็เชิญหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรมาเสกให้เหมือนกัน ครับ

    คำอารธนาที่เป็นพิมพ์ต่างๆนั้น จะให้ใช้ตามพิมพ์พระวังหน้า ซึ่งพระในยุคแรกๆ จะเป็นพระพิมพ์ 15 พิมพ์ที่เป็นพิมพ์อรหันต์ใหญ่ ,กลาง ,เล็ก หรืออื่นๆใน15พิมพ์แรก
    แต่ของพระพิมพ์เจ้าคุณกรมท่านั้น ให้ใช้คำอารธนา หลวงปู่แบบเต็มหรือแบบย่อก็ได้ครับ

    โดยสรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพระวังหน้าหรือพระเจ้าคุณกรมท่านั้น สร้างที่เดียวกัน มวลสารลักษณะเดียวกัน เพียงแต่พระวังหน้าอาจจะมีมวลสารประเภทอื่นๆอีก พิธีพุทธาภิเษกก็ที่วัดบวรสถานสุทธาวาส ก็ที่เดียวกัน ส่วนผู้เสกนั้น แล้วแต่ท่านเจ้า(ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) ท่านจะเชิญหลวงปู่องค์ไหนมาเสกให้เท่านั้นเอง ในบางพิมพ์อาจมี 1 องค์เสก ในบางพิมพ์อาจมี 2 องค์เสก ในบางพิมพ์ อาจมี 3 องค์เสก หรือในบางพิมพ์อาจมี 5 องค์ แต่ในบางพิมพ์ของวังหน้าอาจเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านเสกเอง ครับ

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post283412 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal">วันนี้, 12:29 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right>#63 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>oyoyo554<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_283412", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 12:46 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2004
    สถานที่: กรุงเทพฯ
    ข้อความ: 284 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    Thanks: 2,143
    Thanked 1,184 Times in 221 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 215[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_283412><!-- message -->ขอแจ้งเว็ปไซต์ของ บจ.ไปรษณีย์ในการติดตามจดหมายลงทะเบียนค่ะ

    http://track.thailandpost.co.th/

    ใช้ติดตามสถานะการนำจ่ายของไปรษณีย์ค่ะ
    <!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>
    จากกระทู้ เรื่องราววัดภูเหล่าเงินฮาง จ.อุบล กับการสร้างองค์ปฐม สมปราถนาได้ทันใจ
    http://www.palungjit.org/board/showt...429#post283429

    ผมขอนำมาลงในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

    ขออนุโมทนาด้วยครับ<!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ในการทำบุญนั้น มีหลายวิธีที่จะทำบุญ บางคนอาจจะทำบุญโดยการใส่บาตร ,ทำสังฆทาน ,บริจาคทรัพย์ในกิจกรรมต่างๆตามวัดก็ดี ตามสำนักสงฆ์ก็ดี หรือหน่วยงานทั้งทางราชการหรือเอกชนก็ดี การทำบุญในลักษณะนี้ ควรทำบุญตามกำลังของตนเองที่มีอยู่ แต่บางคนทำบุญโดยการไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ ซึ่งไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียวแถมได้บุญมากกว่าอีกครับ แต่บางคนก็ทำบุญทั้งสองลักษณะก็มี ซึ่งก็แล้วแต่ว่า จริตของแต่ละคนเป็นอย่างไร
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สำหรับการทำบุญที่ดีที่สุดนั้น ควรเป็นการทำบุญที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นการลดกิเลส ลดโลภะของตนเองครับ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    การทำบุญในปัจจุบันนั้น ผู้คนมักให้ความสำคัญกับการทำบุญวัดที่ใหญ่ๆ วัดเหล่านี้บางวัดก็มีการโฆษณากันหลายหลากรูปแบบ แต่คนมักจะไม่ค่อยที่จะใช้ปัญญาของตนในการทำบุญสักเท่าไร บางครั้งไปทำบุญตามคำที่เขาร่ำลือกันมาว่าวัดโน้นดังเรื่องนี้ วัดนี้ดังเรื่องนั้น วัดที่ใหญ่ๆนั้น มักมีเงินทองเข้าวัดเป็นจำนวนมาก โดยอาจจะเป็นการออกวัตถุมงคลก็ดี ,การให้ใช้สถานที่การประกอบพิธีทางศาสนาไม่ว่าจะเป็นงานศพ ,งานบวช หรืองานอื่นๆก็ดี หรือเป็นการสะเดาะเคราะห์,ลงนะหน้าทอง ฯลฯ แต่จริงๆแล้ว วัดเองก็มีเงินอยู่มากมายแล้ว แถมพระก็ยังร่ำรวย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แต่ในวัดหรือสำนักสงฆ์บางแห่งยากจน มีความลำบาก ไม่มีชื่อเสียง ผู้คนก็มักจะไม่สนใจไม่ใส่ใจในการไปทำบุญกับวัดหรือสำนักสงฆ์นั้นๆ การทำบุญกับวัดหรือสำนักสงฆ์เหล่านี้ จึงควรเป็นการทำบุญด้วยเงิน หรือสิ่งของที่ไปบรรเทาทุกข์ เพื่อที่จะลดความเดือนร้อนลง และทำให้วัดหรือสำนักสงฆ์ยืนได้ด้วยตนเอง การทำบุญกับวัดหรือสำนักสงฆ์ที่เดือนร้อนนั้น ผมมีความคิดเห็นว่า ได้บุญมากกว่าการทำบุญกับวัดหรือสำนักสงฆ์ที่มีเงินอยู่แล้วนะครับ และการทำบุญนั้น ก็แล้วแต่ว่าใครจะศรัทธาทำบุญกับวัดหรือสำนักสงฆ์ที่ใดก็ได้ทั้งนั้นครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ส่วนการนำพระมามอบให้ผู้ที่ทำบุญกับวัดหรือสำนักสงฆ์นั้น สำหรับผู้ที่มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะสามารถบูชาไปครับ ส่วนท่านที่กำลังทรัพย์ไม่มากนั้น ก็ทำบุญตามแต่กำลังศรัทธาครับ หรือถ้าไม่มีเงินที่จะช่วยทำบุญ แต่บอกบุญให้ผู้อื่นช่วยทำก็ย่อมทำได้ครับ แม้แต่การอนุโมทนาก็ได้ครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผมเห็นว่าพระพิมพ์ที่มอบให้ผู้ที่ทำบุญนั้น มีคุณค่า มากกว่าเงินนั้น หลายร้อยหลายพันเท่าครับ ท่านอาจารย์ประถมเองท่านใช้เวลาในการศึกษาเรื่องพระ เรื่องพระสมเด็จและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่านานครับ ใช้ระยะเวลาในการค้นคว้าจากตำรับตำราหลายเล่ม เอกสารที่ท่านใช้อ้างอิงในหนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯและพระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า ซึ่งเขียนโดยท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ท่านใช้นามปากกาว่า ปรัศนี ประชากร ท่านใช้เอกสารอ้างอิง ดังนี้ 1.ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 13 2.ตำนานเรื่องเครื่องโต๊ะและถ้วยปั้น พระนิพนธ์สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 3.ประวัติเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี 4.พระราชประวัติวังหน้า และ 5.ประวัติเจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) เจ้าคุณกรมท่าฉบับนายณัฐวุฒิ สุทธิสงคราม เอกสารอ้างอิงนั้น มีอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติ (เทเวศร์) ครับ อีกทั้งได้นำพระตรวจสอบอิทธิคุณโดยการนั่งสมาธิจากผู้ที่มีสมาธิสูงแม้กระทั้งนำไปให้พระสงฆ์ที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบดูให้ ผมเองไม่ต้องการให้ท่านใดท่านหนึ่งมาเชื่อในสิ่งที่ผมแจ้ง แต่ถ้าต้องการที่จะรู้จริงๆ ว่าพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าที่ผมบอกว่ามีคุณค่ามากกว่าเงินหลายร้อยหลายพันเท่านั้นจริงหรือไม่ ลองไปอ่านหนังสือที่ผมแจ้งว่าเป็นเอกสารอ้างอิงนั้นดูครับ หรือถ้าไม่ต้องการที่จะอ่านหนังสือหลายเล่ม ลองไปหาอ่านหนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯและพระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า ซึ่งเขียนโดยท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ก็ได้นะครับ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    และพระที่ได้ไปนั้น ให้เป็นสิ่งเตือนใจว่าเราได้ทำบุญกับวัดหรือสำนักสงฆ์ที่มีความเดือนร้อนและเงินที่เราได้ทำบุญได้ไปช่วยเหลือพระเณร ในปัจจุบัน และในอนาคต อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือคน สร้างคน ที่อาจจะไม่มีอนาคตให้กลับมีอนาคต เป็นกำลังของครอบครัว ของสังคม ของประเทศชาติ ในที่สุดประเทศชาติก็จะดีขึ้น คนในสังคมก็ดีขึ้น มีคนที่เป็นคนไม่ดีน้อยลง ผลก็จะกลับไปสู่คนที่อยู่ในสังคม มีคนที่เป็นคนดี ครอบครัวแต่ละครอบครัวก็มีความสุข และมีโอกาสได้ทำดีในสิ่งที่ตนเองต้องการที่จะทำครับ<O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แจ้งหลวงตา,แจ้งท่านพราหม์น้อย ,แจ้งอ้วน นายทัพตีกลอง วันนี้หลังจากที่ไปทำบุญกันที่อยุธยาแล้ว ขากลับบ้าน ตอนรถติดไฟแดง เห็นทหาร 4 คน ผมก็เลยนำพระพิมพ์สมเด็จวังหน้าไปมอบให้ทหารทั้ง 4 คนๆละองค์ครับ


    .

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2006
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพุทธคุณไม่มีในองค์พระเครื่อง (ตอนที่ 9)<O:p</O:p


    1. รูปไหว้ 5 ครั้งของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดเทพศิรินทร์ นับว่ามีความศักดิ์สิทธิ์สูงมาก และทดสอบได้ ขนาดผีเข้าและหมอไล่ไม่ออก ถ้าเรามีรูปติดตัวไป พอเหยียบบรรใดบ้านผีร้ายที่สิงอยู่จะหนีออกทันที มีคนรับมาแล้วหุ้มพลาสติค ผีเข้าสิงได้ ตรวจสอบดูปรากฏว่ารังสีไม่สามารถทะลุออกมาได้ คงวนเวียนอยู่ภายในกรอบนั้นเอง แม้พระคุณท่านเองก็มีผู้เล่าว่าเคยกล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดปิดกั้นกระแสจิตได้ แต่ผู้เขียนพิจารณาแล้วว่ามันเป็นคนละลักษณะ ต่างกรรมต่างวาระกัน<O:p</O:p
    2. สหายของผู้เขียนท่านหนึ่งถูกยิงด้วยปืนลูกกรดกระสุนปืนทะลุและฝังใน 5 นัด จาการยิงเผาขน 5 ครั้ง แขวนพระเครื่องดังนี้ สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ทรงเจดีย์ สมเด็จปิลันท์ หลวงพ่อหม่น คลองสิบสองลำลูกกา พระวัดพลับพิมพ์พุงป่องเล็ก ฯลฯ ล้วนเป็นของแท้ทั้งสิ้น แต่เสียที่อัดปิดด้วยพลาสติคทุกองค์ ท่านจึงช่วยอะไรไม่ได้ สำหรับท่านที่ไม่เชื่อ สักวันหนึ่งคงรู้ดี และมันก็อาจสายเกินการเพราะละทิ้งปัจฉิมวาทะแห่งพระพุทธองค์<O:p</O:p
    3. นักเลงพระชื่อวันชัย แห่งจังหวัดอยุธยา แขวนพระสมเด็จวัดระฆัง ถูกส่องด้วยปืนตัวพรุนสาหัสเป็นการแสดงชัดว่า 1. ไม่มีคุณในทางเมตตาเขาจึงยิงเอา 2. ไม่มีคุณทางแคล้วคลาดเขาจึงยิงถูก 3. ไม่มีคุณทางคงกระพันจึงยิงเข้า 4. ไม่มีคุณทางอุดจึงยิงออก ตกลงไม่มีคุณอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่กล่าวกันว่าเจ้าประคุณสมเด็จเสกพระเครื่องของท่านวันละ 3 เวลา มิได้ขาด หลวงพ่อธัมมะวิตตักโก นั่งหันหลังเสก 2 ชั่วโมงยังถูกยิงไม่เข้าเลย แล้วจะว่าอย่างไรกัน อย่าไปโทษว่าพระสมเด็จไม่ดีไม่ได้ อย่าสงสัยเลยต้องเลี่ยมอัดพลาสติคแน่นอน แต่ว่าขณะ ที่ผู้เขียนอยู่อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เพื่อนฝูงที่เป็นนายตำรวจ ตชด. เคยงัดพระเครื่องออกอวดแล้วถามว่าว่าวัดอะไร ผู้เขียนตอบว่าวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ ทำไมหรือ เขาพูดว่านับถือมากจริง ๆ เคยถูกยิงด้วยกระสุนเจาะเกราะถูกเข้าที่น่องขวาถึงล้มเพราะแรงผลักดันของกระสุนปืน แปลกแท้ ๆ ไม่ยักเข้าเพียงแต่เป็นรอยแดง ๆ เพียงไม่กี่วันก็หายเป็นปกติ และใช้พระองค์นี้องค์เดียว โทนจริง ๆ ไม่เลี่ยมเลยพกใส่กระเป๋าเท่านั้นเอง ผู้เขียนไม่ได้แนะนำให้เลี่ยม บอกว่าใช้อย่างนี้แหละ ถ้าเลี่ยมแล้วบางทีอาจจะไม่ได้ใช้เพื่อนผู้นี้เชื่อและเลื่อมใสในองค์เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ จริง ๆ ส่วนอีกรายหนึ่งเกิดขึ้นที่อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ มีการจ้างฆ่าโดยดักยิงด้วยปืนพกขนาด .45 หรือเรียกว่า 11 ม.ม. ผู้ถูกยิงแขวนพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ทรงเจดีย์ ไม่เลี่ยมปิด เพราะเป็นคนบ้านนอกคอกนา ปรากฏว่าถูกเข้าอย่างจังที่ก้านคอถึงกับพลิกตีลังกาตกจากอานรถจักรยานยนต์ รายนี้เพียงแต่รู้สึกขัดยอกและเอี้ยวคอไม่ถนัดไปหลายวัน อันพระสมเด็จที่แท้นั้นหักแบ่งเป็นชิ้น ๆ แล้วอมใส่ปากเข้าตะลุมบอนกันก็ยังได้ พระสมเด็จวัดไชโยวรวิหารจึงโด่งดังด้วยเหตุนี้ สักวันหนึ่งอาจมีพระของพระคุณเจ้าธัมมะวิตตักโก เกิดไม่ขลังขึ้นมาโดยการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็อาจเป็นได้ ทำให้เกิดการงงงันยิ่งกว่าไก่ตาแตก ก็เพียงพระสมเด็จบางขุนพรหมกรุเก่าพิมพ์ฐานเส้นด้าย สมัยสงครามมหาบูรพาเอเชีย หน่วยงิของญี่ปุ่น ไปจ๊ะกับหน่วยแงะของไทยแลนด์เข้า เกิดความพิศวาสถึงสุดขีด ประเคนด้วยซามูไรขนาดสองมือเง่นตามกำลังของพ่อแม่ประทานมา ปากก็ตะโกนร้องเอ๊ะแบบยูโด ตั้งใจจะผ่าออกเป็นสองท่อน พลพรรคฝ่ายหน่วยแงะถึงกลับกลิ้งหลุน ๆ เสื้อขาดมีผื่นหลังพอเป็นยางบอนเท่านั้น เล่นเอาหน่วยงินึกว่าผีหลอกกลางวัน ใครว่าพระสมเด็จไม่อยู่คง ใครว่า นอกจากของปลอมไม่รังรอง ส่วนเสี่ยสุรัต ราชาไนต์คลับ ใช้พระสมเด็จราคา 4 หมื่นบาทตวงสิทธิ จารุเสถียรใช้พระสมเด็จที่วงการรับรองแล้ว ทำไมจึงตายโหง ไม่เพราะอิทธิพลของพลาสติคหรอกหรือ ผิดไปแล้วจะเอาอะไรมาแก้ให้ฟื้นคืนชีวิต<O:p</O:p
    4. ที่อำเภอเมืองจังหวัดสมุทรปราการ มีผู้ได้รับพระสมเด็จวัดระฆัง ของแท้ ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ใช้กันมาจนหักกร่อน ประสบการณ์มาแล้วโชกโชน เจ้าของเห็นว่าไม่ดีจึงนำไปเลี่ยมพลาสติคอัดแน่น สุนัขกัดต้องเย็บหลายเข็ม ทำให้เป็นไม่เบื่อไม้เมาและศรัทธาไม่เต็มที่ เสียแรงเชื่อมานาน<O:p</O:p
    5. ที่ตำบลบางวัว อำเภอบางปะกง มีประสบการณ์อยู่สองราย รายแรกมีเหรียญหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว ซึ่งกำลังฮิตกันอยู่ในขณะนี้ ประวัติเดิมใช้ได้ผลมาแล้ว เคยถูกแทงอย่างจังไม่เข้า เคยถูกตีด้วยใบพายถึงกับพลัดตกจากเรือลงน้ำ ไม่แตก ต่อมาเกิดขัดสนเงินทองจำเป็นต้องเปลี่ยนมือให้กับคนในตำบลเดียวกันนั้นเองก็นำมาเลี่ยมอัดซีครับ มิฉะนั้นจะเชยไม่ทันสมัย เริมแรกชนเหลี่ยมไม้ศีรษะแตกเลือดไหลย้อย ต่อมาถูกสุนัขงับเข้าที่น่องถึงกับเย็บ ต้องตีหน้าแหย ๆ ชอบกล นี่คงเกิดอาการสงสัยอีกว่า เอ๊ะถ้าจะไม่แน่จริงกระมังเห่อ รายที่สองเป็นบุคคลมีสตางค์แขวนพระไตรภาคี ของแท้ครับ บรรจุตลับทองคำเลี่ยมอัดแน่นปึ๋ง ถูกแทงที่โรงงิ้วบางวัว ทีเดียวแท้ ๆ เสียใจเลิกกินข้าวกินน้ำมาจนถึงทุกวันนี้ และในวงการของเราก็มีอยู่สองท่าน จัดว่าเป็นถึงขั้นอาจารย์ มีพระสมเด็จแขวนรอบคอ หัวแบะทั้งสองท่าน อย่าเอ่ยชื่อเลยพวกกัน<O:p</O:p
    5. ที่จังหวัดพระนคร นายตรวจรถเมล์นักพระเครื่องฝีมือสูง แขวนพระชั้นดี 12 องค์ โพละเดียวเท่านั้นศีรษะย้อมสีแดงไปหมด เลี่ยมอัดไว้อย่างดี<O:p</O:p
    นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่องเอาพอหอมปากหอมคอนะครับ การอัดพลาสติคนั้นสิ่งที่หวงแหนที่สุดของนักพระเครื่องก็คือ สุนทรียภาพขององค์พระ เพราะของเก่าใช้กันสมบุกสมบันมานานนักแล้ว น่าจะทะนุถนอมในเมื่อโอกาสอำนวย นี่เป็นเรื่องใหญ่ แต่ความเป็นจริงพวกเราก็มิได้มีพระเพียงองค์ครึ่งองค์ ควรหาพระที่เชื่อแน่ว่ากฤตยาคมครบถ้วนบริบูรณ์และสุนทรีย์จะไม่ค่อยสมบูรณ์ เปิดใช้สักองค์ครึ่งองค์ก็จะเป็นการดี ถ้าเป็นพระเครื่องชนิดบรรจุตลับ ควรเจาะด้วยสว่านเฉพาะพระพักตร์ โดยประมาณเมล็ดถั่วเขียวเพื่อความแผ่พุ่งแห่งรังสี และสามารถเปิดทำความสะอาดได้ หากมีที่ไปจะต้องผจญภัยอย่างสาหัส เปิดเลย การเจาะที่อื่นปราศจากผล ถ้ามิใช่ตลับฝุ่นจะแทรกซึมเกาะองค์พระยากแก่การทำความสะอาด ทั้งนี้ท่านจะรักชีวิตอันเป็นของมีค่าหรือรักสวยงามก็สุดแต่ใจเถิด ผู้เขียนอัดอั้นมานานแล้ว ไม่โต้แย้งอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น นับว่าเป็นเรื่องและเหตุผลซึ่งท่านจะรับไปพิจารณาเอาเอง <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร สงวนลิขสิทธิ์<O:p</O:p
    (เป็นความเชื่อ
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพิมพ์ยังคงมีให้บูชาอยู่นะครับ ในหน้าแรกของกระทู้ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิดินถวายวัดบ่อเงินบ่อทอง


    2. พระพิมพ์สมเด็จวังหน้า เนื้อพระธาตุ อายุประมาณ 130 กว่าปี ขนาดประมาณ 2.4 x 3.7 ซม มวลสารผสมกับเครื่องหอมอย่างดี ทำให้ยังมีกลิ่นหอม
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
    พระสมเด็จเนื้อพระธาตุนั้น นอกจากมีพระธาตุพระสาวก(ซึ่งมีฤทธิ์พอๆกับพระโมคลานะในพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ในพระพุทธเจ้าองค์ที่ 2 ของกัปล์นี้

    ซึ่งพระพุทธเจ้าในกัล์ปปัจจุบันมี 5 พระองค์คือ
    1. พระกกุสันธะ
    2. โกนาคมนะ
    3. กัสสปะ
    4. โคตมะ(องค์ปัจจุบัน)
    5. อาริยเมตไตรยะ(องค์ต่อไป)


    ยังมีพระธาตุของสาวกองค์อื่นๆด้วยแต่ไม่ทราบว่าพระสาวกท่านชื่ออะไร เพราะท่านไม่บอกชื่อครับ

    ข้อควรระวัง
    1.ให้ระวังพระธาตุหลุดจากองค์พระแล้วหล่นลงพื้น ผู้ที่ทำหล่นแล้วไม่ทราบว่าทำหล่น เกิดมีผู้ไปเหยียบ ผู้ที่ทำหล่นและผู้เหยียบ จะเป็นกรรมหนักนะครับ
    2.ห้ามเข้าสถานที่อโคจรโดยเด็ดขาด

    ในพระสมเด็จเนื้อพระธาตุนั้น หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร) ท่านมาเสกให้ด้วยครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    เหลือจำนวน 17 องค์ องค์ละ 2,500 บาท
    (บริจาคโดย คุณ sithiphong จำนวน 20 องค์)



    3. พระพิมพ์สมเด็จวังหน้าเนื้อผงยาวาสนา อายุประมาณ 130 กว่าปี ขนาดประมาณ 2.4 x 3.7 ซม มวลสารเป็นผงยาวาสนาทั้งองค์ คราบสีขาวเกิดจากตัวยาในเนื้อพระคลายตัวออกมา

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พันวฤทธิ์
    ถีงคุณสิทธิพงษ์ และพี่น้องบ่อเงินบ่อทอง
    ช่วยเก็บพระเนื้อผงยาสีน้ำตาลที่คุณสิทธิพงษ์นำออกมาให้บูชา ไว้ให้เป็นสมบัติของลูกหลานด้วย นำพระของ อ.ประถมให้ฌาณลาภีบุคคลท่านนึงตรวจเรียงความแรงได้ดังนี้ (กระแสความแรงจากน้อยไปมาก)
    1.พระเนื้อกระเบื้องสีน้ำตาลที่มอบให้วัดบ่อเงินบ่อทอง
    2.พระวัดระฆัง เพดานโบสถ์วัดพระแก้ว
    3.พระเนื้อผงยา

    โดยผู้ตรวจ เมื่อตรวจพระองค์ที่ 3 ถึงกับสะดุ้ง อุทานว่า พระอะไรแรงยังงี้ วางที่ฝ่ามือ กระแสวิ่งปรู๊ด ถึงหน้าผากทันที เมื่อตรวจ กระแส พบว่าเป็นสี ม่วง คราม น้ำเงิน แดง ทอง ครบ แต่องค์ที่ 1 สีแดงอย่างเดียวแต่มีแรงกระแสต่อเนื่องมาเหมือนเข็มทิ่มมือตลอด (สงสัยต้องไปเอาที่ท่าน อ.แผนเพิ่มสำหรับแจกหลานๆ อีกหลายองค์) องค์ที่ 2 ก็ยังแปลกใจว่าทำไมรังสีเป็นสีทอง ทำไมไม่เป็นสีแดง เพราะองค์ผู้เสกคือเจ้าประคุณสมเด็จฯ องค์เดียว สงสัยถ้าเจอ อ.ประถมคราวนี้ ต้องถามว่าพระสกุลบุนนาคชุดนี้ หลวงปู่องค์ที่ 1 ได้ร่วมเสกหรือเปล่า เพระเป็นรังสีสีทอง กลบสีแดงหมด ส่วนเนื้อผงยา ต้องถามคุณสิทธิพงษ์ว่า น่าจะเสกครบทั้ง 5 องค์มั๊ง เพราะคนตรวจยืนยันว่า รังสีครบ (ตอนตรวจ ผมนั่งเฉย ขอฟังอย่างเดียว กับตรวจรังสีได้ตรงกับรังสีประจำตัวของหลวงปู่ และเจ้าประคุณสมเด็จฯ จริงแฮะ หรือคุณสิทธิพงษ์ ว่าไงครับ)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
    พระสมเด็จเนื้อยงยาวาสนานั้น ชุดที่ผมนำมาให้ร่วมทำบุญนั้น หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 องค์ (1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร) 4.หลวงปู่พระณาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน) ร่วมกันเสกครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    [​IMG]
    เหลือจำนวน 17 องค์ องค์ละ 2,000 บาท
    (บริจาคโดย คุณ sithiphong 5 องค์, คุณ guawn 15 องค์, นักเดินทาง 10 องค์)


    <เพิ่มเติม 30 ส.ค. 49>

    4. พระพิมพ์สมเด็จวังหน้าเนื้อผงยาวาสนาคะแนนร้อยแบบธรรมดา คำว่าคะแนนร้อยหมายความว่าองค์ที่ 100 คือเมื่อช่างกดพิมพ์ถึงองค์ที่ 100 จะใช้พิมพ์ที่ด้านบนมน เพื่อใช้ในการนับจำนวนพระ นั่นก็คือพระคะแนนจะมีน้อยกว่าแบบธรรมดา 1:99 อย่างอื่นเหมือนพิมพ์ธรรมดาทุกประการ
    [​IMG]
    เหลือจำนวน 5 องค์ องค์ละ 2,200 บาท

    5. พระพิมพ์สมเด็จวังหน้าเนื้อผงยาวาสนาคะแนนร้อยแบบขอบชิดซุ้ม คำว่าคะแนนร้อยหมายความว่าองค์ที่ 100 คือเมื่อช่างกดพิมพ์ถึงองค์ที่ 100 จะใช้พิมพ์ที่ด้านบนมน เพื่อใช้ในการนับจำนวนพระ นั่นก็คือพระคะแนนจะมีน้อยกว่าแบบธรรมดา 1:99 อย่างอื่นเหมือนพิมพ์ธรรมดาทุกประการ
    [​IMG]
    เหลือจำนวน 5 องค์ องค์ละ 2,200 บาท


    การบริจาค
    บริจาคโดยโอนเงินเข้าบัญชีต่อไปนี้

    หมายเลขบัญชีเพื่อรับบริจาค
    พระมหาแผน ฐิติธัมโม 01-9408541
    สำนักสงฆ์บ่อเงินบ่อทอง
    ประเภทบัญชี : ออมทรัพย์
    หมายเลขบัญชี : 203-0-06304-5
    ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม
    ชื่อบัญชี : ร.ร.ปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง


    เมื่อโอนเงินแล้ว กรุณา msg ข้อความส่วนตัว แจ้งชื่อที่อยู่ให้กับคุณนักเดินทางเพื่อให้คุณนักเดินทางเป็นผู้จัดส่งวัตถุมงคลให้กับผู้ที่ร่วมบุญบริจาค ขอโมทนาสาธุกับท่านผู้ใจบุญ ที่คอยเมตตาช่วยเหลือพระภิกษุ-สามเณร วัดบ่อเงินบ่อทอง เสมอมา ขอให้ท่านทั้งหลายจงประสบแต่ความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จากกระทู้เรื่องราววัดภูเหล่าเงินฮาง จ.อุบล กับการสร้างองค์ปฐม สมปราถนาได้ทันใจ

    มีพระของหลวงปู่เทพโลกอุดรให้บูชาด้วยครับ

    พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณีคะแนนร้อย แบบขอบชิดซุ้ม (สีดำ) 17 องค์ๆละ 2,200 บาท (เฉพาะพระพิมพ์นี้ คุณนักเดินทางจะเป็นผู้จัดส่ง โดยแจ้งความประสงค์ผ่านทางกระทู้ได้)
    [​IMG]

    พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา 8 องค์ๆละ 2,000 บาท
    [​IMG]

    พระพิมพ์พุทธประวัติ 2 องค์ๆละ 1,000 บาท
    ขนาดกว้าง 3.4 ซม. * ยาว 5.8 ซม.
    [​IMG]

    พระพิมพ์ไกเซอร์เล็ก 3 องค์ๆละ 500 บาท
    [​IMG]

    มีแจกพระบรมสารีริกธาตุให้กับผู้ทำบุญกับวัดภูเหล่าเงินฮางทุกท่าน ท่านละ 15 องค์
    [​IMG]


    ขออนุโมทนาบุญทุกท่านด้วยครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จากกระทู้เรื่องราววัดภูเหล่าเงินฮาง จ.อุบล กับการสร้างองค์ปฐม สมปราถนาได้ทันใจ ชื่อบัญชี พระอ่อนสา ฐิติคุโณ ธนาคาร กรุงเทพฯ จำกัด สาขา กิโลศูนย์ เลขบัญชี 340-4-11629-9 และงานกฐินวัดภูเหล่าเงินฮาง จ.อุบลวันที่ 14-15 ตุลาคม 49 นี้


    หากท่านใดว่างเว้นจากภาระกิจ ผมขอเชิญชวนไปร่วมงานกฐินวัดภูเหล่าเงินฮาง จ.อุบลวันที่14-15 ตุลาคม 49 ในงานได้ทั้งบุญใหญ่ ได้ทั้งพระพิมพ์พุทธประวัติ ได้ไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ภายในวัด ได้ไปกราบพระผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบครับ


    ท่านใดที่ไปแล้วมีประสพการณ์ อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จากกระทู้หากฐินสามัคคีวัดบ่อเงินบ่อทอง วันที่29 ตุลาคม 2549 & ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิดินถวายวัดบ่อเงินบ่อทอง

    หากท่านใดว่างเว้นจากภาระกิจ ผมขอเชิญชวนไปร่วมหากฐินสามัคคีวัดบ่อเงินบ่อทอง วันที่29 ตุลาคม 2549 ในวันงานมีพระพิมพ์ที่ผมจะนำไปให้ทุกๆท่านได้บูชากัน รูปพระพิมพ์ที่ผมจะนำไปให้บูชากันนั้น ผมจะขอให้คุณธัญญ์นิธิ หรือคุณพันวฤทธิ์ มาช่วยถ่ายรูปให้ ผมจะลงประมาณกลางเดือนตุลาคม 49 นี้ครับ

    ส่วนเรื่องอาหารนั้น ทางคุณโต จะเป็นผู้ที่เตรียมอาหารเจไป สำหรับอาหารที่ไม่ใช่อาหารเจนั้น ทางลูกศิษย์ของหลวงพ่อแผน ท่านจะเป็นผู้ที่เตรียมไปครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ ผมได้Fwd Mail จากเพื่อนคนหนึ่ง ผมอ่านดูแล้วก็อยากให้ได้อ่านกันครับ


    แฉกลโกง การหาเงินออนไลน์
    --------------------------------------------------------------------------------


    Extra infoInfo: ระวังล่ะ
    หลายคนคงเคยเห็นโฆษณาวิธีการหาเงินง่ายๆ เพียงแค่นั่งคลิ๊กแบนเนอร์ เพียงวันละ 2-3 ชั่วโมงแต่ได้เงินตอบแทน เดือนละ 1000-2000 "เหรียญ" แล้วความน่าจะเป็นจริงของโฆษณาน่าเบื่อพวกนี้ จะเป็นจริงหรือไม่เชื่อถือได้หรือไม่นั้น ลองพิจารณาดูกันครับ
    กลลวง หาเงินออนไลน์
    มีการถกเถียงและถามกันอย่างมากมาย แต่ไม่เคยมีใครให้คำตอบได้อย่างแท้จริง เรื่องการหาเงินออนไลน์ ว่ามีการทำเงินรายได้มากมายอย่างที่ โม้หรือเขียนกันไว้ตามฟรีบอร์ดต่างๆ หรือไม่ แต่ก่อนที่คุณจะเข้าไปร่วมกับธุรกิจนี้ คุณควรทำความเข้าใจกับคำว่าหาเงินออนไลน์ก่อนนะครับ
    หาเงินออนไลน์คืออะไร
    คำตอบก็คือ การหาเงินด้วยการใช้ระบบอินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือ
    หาเงินออนไลน์ หากันอย่างไร
    คำตอบก็คือ มีหลายรูปแบบครับ เช่น การคลิ๊กแบนเนอร์ (Pay per click or PPC) การอ่านอีเมล์ (Pay per Read or PPR) การค้นหาข้อมูล (Pay per searce or PPS) การเข้าไปลงทะเบียน สมัครสมาชิก(Pay per Signup) หรือแม้แต่การ เข้าไปตอบคำถามกลับเว็บไซท์ที่รับเป็นตัวแทนสอบถามข้ อมูล ส่วนมากจะเรียกกันว่าเป็นภาษาอังกฤษว่า Pay per surveys
    คำถามสำคัญครับ มันจ่ายเงินจริงหรือเปล่า
    คำตอบก็คือ มีสองอย่างครับ จ่ายจริง แต่จ่ายน้อย กว่าจะทำคะแนนหรือสะสมเงินได้ก็ว่ากันเป็นสองสามเดือ น กว่าจะได้สักสองสามเหรียญ เรียกว่า คุณจะท้อขี้เกียจทำต่อก่อนที่จะได้เงินครับ และที่จ่ายไม่จริง นี่แหละครับที่ต้องออกมาแฉกัน เพราะเว็บพวกนี้จะบอกว่า แค่สมัครเฉยๆ ก็ได้หลายสิบเหรียญขึ้นแล้ว ซึ่งความจริง มันจะเป็นไปได้อย่างไรครับ ใครมันจะเอาเงินมาทิ้งให้คนในโลกอินเตอร์เน็ตได้เยอะ ขนาดนั้น (ข้อนี้กว่าจะกระจ่าง ก็หลงให้พวกมันหลอกใช้เป็นสองเดือนครับ คะแนน หรือยอดเงินพุ่งสูงมาก วันเดียวทำได้เป็นพันกว่าเหรียญครับ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ใครมันจะมีเงินมาจ่ายให้เราขนาดนั้น และแค่การเข้าไปคลิ๊กไปอ่าน มันไม่ได้มีการสร้างเม็ดเงินอะไรมากมายขนาดนั้นหรอก ) ที่ผมมีเวลาทำเป็นสองเดือนกว่า ก็เพราะผมทำงานร้านอินเตอร์เน็ตครับ จึงมีเวลาทดลองทำ
    เขาหลอกกันอย่างไร
    มีหลายเว็บที่เป็นเครือข่ายกลุ่มเดียวกัน และถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นเลยว่ารูปแบบของการสมัคร และช่องที่ให้กรอกมันจะเป็นเหมือนกันทุกอย่างเลยครับ ต่างแต่สีของเว็บเพจและชื่อเท่านั้นแหละ พวกนี้จะให้คะแนนที่สูงมาก แค่วันเดียวก็ทำได้เป็น 1000 กว่าเหรียญแล้วครับ เวลาที่เขาส่งข้อมูลให้เรา ส่วนมากมันก็จะเป็นแบนเนอร์ของกลุ่มนี้แหละครับที่วน กันไปวนกันมาอยู่แค่นั้น แค่คลิ๊กเข้าไปเยี่ยมหน้าเว็บเพจ ไม่กี่นาทีแล้วทำเงินได้เหรียญสองเหรียญ มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ดอลล่าร์หนึ่งมูลค่าไม่ใช่น้อยนะครับ
    แล้วส่วนที่ไม่หลอกล่ะ
    มีหลายเว็บครับที่ไม่หลอก แต่ค่าตอบแทนน้อยมาก มันนับมูลค่าตอบแทนเป็น Cent ครับ และเป็นพ้อยท์ ซึ่ง คุณจะต้องเสียเวลามากเป็นสองสามวันกว่าจะได้สักเหรีย ญครับ บางทีก็เป็นสัปดาห์เลยครับ แล้วมันจะคุ้มค่าไฟ และค่าเสียเวลาคุณหรือเปล่าล่ะ และการเข้าไปคลิ๊ก มันไม่ใช่ว่าจะปุ๊บปั๊บเสร็จทันทีเมื่อไหร่ครับ คุณจะต้องรอให้หน้ามันรีเฟรชด้วย จึงจะได้แต้ม เสียเวลาไม่น้อยเลยล่ะครับ หากเอาเวลานั่งคลิ๊กตรงนั้นไปทำอย่างอื่น จะมีมูลค่าตอบแทนที่สูงกว่ามากครับ เทียบกันไม่ได้เลยล่ะ และที่สำคัญทุกเว็บเขาจะมีข้อกำหนดขั้นต่ำในการจ่ายเ งินครับ พอคุณสะสมเงินใกล้ถึงกำหนดขั้นต่ำแล้ว มันก็จะไม่ส่งงานให้คุณอีกเลยครับ งานไม่มา แล้วมันจะได้เงินครบกำหนดได้อย่างไร แล้วคุณจะรอมันไหมล่ะ ถึงตอนนี้คุณก็เบื่อแล้วครับ บอกกันอีกครั้งครับ อย่าเสียเวลากับพวกนี้เลย เอาเวลาของคุณไปทำอย่างอื่นดีกว่า ค้นหาความรู้ในอินเตอร์เน็ต หรือดูเว็บโป๊ ยังคุ้มค่ากว่าการเข้าไปคลิ๊กเว็บประเภทนี้เลยครับ
    ความเห็นของผมผู้เขียนก็คือว่า อย่าเสียเวลากับการหาเงินแบบนี้เลยครับ
    ผมเชื่อว่ามีหลายคนเคยเข้าไปสมัครและลองทำงานกับเว็บ ต่างๆเหล่านี้มาแล้ว ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยทำงานแบบนี้รวมเวลาได้ประมาณ 1 เดือนกว่า ผลปรากฏว่า เงียบหายครับ ไม่มีการจ่ายเงินแต่อย่างใด ก็อย่างที่ว่าละคับใครมันจะจ่ายเงินให้เราทีละ 2-3 เหรียญต่อวัน
    เอามาให้อ่านกันนะครับ
    ผมโดนมาแล้ว



     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตอนเย็นๆ ไม่มีอะไรกินก็ต้อง.....มาม่า

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    เห็นแล้วหิววววววววววววววววววววววววว
    แต่ยกเว้น มาม่าซังครับ

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
    มีงานบุญมาบอกครับ เป็นงานใหญ่ของประเทศ เรียกว่าบุญคุณแผ่นดิน เป็นการทำบุญใหญ่อุทิศให้บูรพกษัตริย์และบรรพบุรุษผู้อุทิศชีวิตเพื่อรักษาผืนแผ่นดินไว้ให้ลูกหลาน หมายกำหนดการตามข้างล่าง ผู้ที่เป็นประธานฝ่ายพิธีกรรมสงฆ์คือหลวงพ่อนพวรรณ ผมขอบอกว่าหลวงพ่อองค์นี้ไม่ธรรมดา ใครมีอะไรร่วมกันมาก่อนคงได้เจอ ในวันที่ 16 ธ.ค. 49 จะมีพระสงฆ์จำนวน 5,000 รูปและอุบาสกอุบาสิกา มาร่วมกันอธิษฐานจิตอุทิศส่วนกุศลให้บูรพกษัตริย์และบรรพบุรุษ หากท่านใดว่างก็อยากจะขอเรียนเชิญนะครับ โดยเฉพาะท่านที่รู้ตัวว่ามีอะไรผูกพันกับกรุงอโยธยา


    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2006
  20. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,306
    พระโลกเทพอุดรมาทำพิธีการสร้างพระที่จะให้บูชาจริงหรือเพราะเท่าที่รู้มาพระองค์เจ้าเป็นพระที่ไม่ข้องเกี่ยวทางโลก หากผิดพลาดประการใดขอความอภัยเพื่อเป็นทานด้วยนะคะ(bb-flower
     

แชร์หน้านี้

Loading...