ก่อนที่จะแต่งงานหรือมีบุตร ควรตรวจเลือดอย่างไร...

ผมวัตสุธรรม ขออนุญาตนำความรู้เรื่อง
"ก่อนที่จะแต่งงานหรือมีบุตร ควรตรวจเลือดอย่างไร"

ควรตรวจทั้งฝ่ายชายและหญิง ดังนี้

1.โรคติดต่อทางกรรมพันธ์ ในข้อนี้ ควรตรวจหา
1.1 การตรวจกรองโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย

1.2 การตรวจกรองโรคเลือดจางฮีโมโกลบินอี

1.3 การตรวจกรองโรคเลือดจางG6PD

1.4 การตรวจวิเคราะห์เม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์ เพื่อดู
ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง


2.โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้แก่
2.1 โรคติดเชื้อซิฟิลิส
2.2 โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ชนิด บี
2.3 โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ชนิด ซี
2.4 โรคติดเชื้อไวรัสเอชไอวี1,2

หากท่านใดมีข้อสงสัยสอบถามได้ครับ

 

ของผมไม่ต้องตรวจ ก็รู้ว่ามีโรคอะไร ละ โรค 1.1 นั่นแหละ

 

ตอบครับ

จริงครับ คนไทยเป็นพาหะกันเพียบเลย
10ตนเป็น5-6คนครับ
ก่อนแต่งงาน หรือก่อนจีบกันถ้าจะให้ดี
ควรตรวจเลือดแฟนคุณก่อนครับ
ว่า ปกติไหม
หากผิดปกติเหมือนกัน ก็จะมีโอกาส
-มีลูกเป็นโรค 25%
-มีลูกเป็นปกติ 25%
-มีลูกเป็นพาหะ 50%

 

อิอิ ต้องวัดแรงบุญแรงบาปกันเลย

ผมว่าโรคที่น่ากลัว คือ โรคที่เลือดไหลไม่หยุดอะครับ จำชื่อโรคไม่ได้
มีแผลก็ไม่ได้เลือดไหลไม่หยุด เกล็ดเลือดต่ำ ติดทางกรรมพันธุ์
มีพาหะแบบธาลัสซีเมียอะครับ - -

กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ กัมมะปฏิสรณา

 

ขอบคุณคุณหมอวสุธรรมที่ชี้เเนะเรื่องโรค

 

ตอบ คุณNamushakamunibutsu

เขาเรียกโรคฮีโมฟิเลีย(Hemophillia)ครับ
ผู้ป่วยจะมีพันธุกรรมที่รับจากพ่อแม่มา คล้ายๆกันครับ
แต่อาการของโรคคือ เลือดจะไม่เกิด "กระบวนการแข็งตัว"
เนื่องจากขาดปัจจัยในการแข็งตัวของเลือดที่เรียกว่าFactor VIII

เมื่อผู้ป่วยได้รับการกระแทกแรงๆ จะทำให้เลือดไหลออกมาจากเส้นเลือด
ไหลไม่หยุด ถ้าไม่มีแผล เลือดจะทำให้เกิดการบวมตามข้อเช่น ข้อเข่า

ในปัจจุบันสามารถรักษาได้โดยรับบริจาคเลือด ของคนปกติหลายๆคน
มาแยกเอา Factor VIII concentration(Cryoprecipitate)
แล้วใส่เข้าไปในเส้นเลือด ก็จะเป็นปกติได้ครับ

 

ตอบคุณnoonei789

ศึกษาไว้ แล้วนำไปแนะนำคนรอบข้างได้ครับ

 

หนูเคยมีอาการเจ็บหน้าอกเเละหัวใจซ้ายค่ะ คือ ช่วงนี้หายไปตั้งเเต่ปลายธันวาเเล้วค่ะ
คุณหมอว่าเกี่ยวกับโรคหัวใจรึไม่ เพราะ เเต่ก่อนหนูจะชอบร้องไห้บ่อยๆต่อกันเป็นเดือนตอนเด็กๆน่ะค่ะ บางทีมีคนเรียกช่วงนอนหลับจะไม่ได้ยินเสียงเลยค่ะ ขนาดพ่อเเม่ร้องเเรงๆหลายรอบ
เพราะ ช่วงตื่นนอนใหม่ๆหูจะไม่ค่อยได้ยินเสียงคนพูดค่ะ เกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือดรึไม่คะ ต่อเมื่อเรานั่งเเละเดินสักพักถึงกลับมาได้ยินเสียงคนพูดเหมือนเดิม หนูตกใจมากค่ะที่ตนเองตื่นมาเเล้วไม่ได้ยินเสียงคนพูดว่าเค้าพูดว่าอะไร

 

ตอบคุณnoonei789

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวครับ ว่าผมเป็นหมอตรวจเลือด ไมใช่หมอรักษา แต่ใน
บางเรื่องหมอตรวจเลือดจะเก่งกว่าหมอที่ทำความสะอาดพื้น เพราะว่าหมอ
ทำความสะอาดพื้นเรียนมาน้อยกว่าหมอตรวจเลือด หมอตรวจเลือดจะเรียนมา
เพื่อเป็นนักวิทยาศาสตร์ ศึกษาค้นคว้าและทำการตรวจทดสอบวิเคราะห์ต่างๆ
เพื่อวินิจฉัยโรค ด้วยเครื่องมือเฉพาะทางการแพทย์ เป็นผู้ชำนาญการใช้
อภิญญาสมัยใหม่ เช่น เห็นในสิ่งเล็กๆที่คนทั่วไปมองไม่เห็น
(ด้วยกล้องจุลทรรศฯ) แต่พอดีตัวผมเองมาเปิดคลินิกตรวจเลือดเอง จึงอาจ
รู้มากกว่าเทคนิคการแพทย์ คนอื่นบ้างครับ เพราะได้มีประสบการณ์โดยตรงกับ
ลูกค้าที่มาปรึกษาเรื่องสุขภาพบ่อยๆ ก็จะขอตอบทุกท่านตามความรู้ที่มี หรือ
ถ้าเกินความสามารถ ผมสามารถเดินไปปรึกษากับแพทย์ทางอายุรกรรม
ซึ่งท่านเปิดคลินิกอยู่ติดกันได้ครับ

กรณีที่คุณถามมาเกี่ยวกับสุขภาพ ขอเริ่มตอบตามความเห็นนะครับ
1.เคยมีอาการเจ็บหน้าอกเเละหัวใจซ้าย
ตอบ ถ้ามีอาการเป็นประจำจึงจะเป็นโรคหัวใจครับ ถ้าอยู่ดีก็มีอาการขึ้นมา มัก
พบในผู้ป่วยที่โดนยุงกัด หรือไม่ได้ระวังเรื่องยุงกัดเลย จะเป็นโรคติดเชื้อไวรัส
ไข้เลือดออกอย่างเรื้อรัง(ป่วยเล็กน้อยมานานหลายสัปดาห์) อาจเกิดจากเชื้อ
ไวรัสฯถูกเลือดพาให้เชื้อไปรวมกันที่หัวใจ จะมีอาการเจ็บหน้าอกแบบชั่วคราว
ได้ครับ ตรวจสอบได้โดยตรวจเลือดหา เอ็นไซม์ CPK,LDH,และ CK-mb
โดยอาจมีตัวCPKหรือ LDHสูงเพียงตัวใดตัวหนึ่ง CK-mb ปกติ
วิธีแก้ไข ควรรับประทานนมถั่วเหลือง เพื่อเสริมร่างกายและระบบภูมิต้านทาน
ต่อเชื้อฯ ทานวันละ3-5กล่อง จะรู้สึกดีขึ้น ควรทานประมาณ3วัน จึงหายเป็น
ปกติ
2.หูจะไม่ค่อยได้ยินเสียง เมื่อร้องไห้บ่อยๆ
ตอบ ตา จมูก และหู เชื่อมต่อกันอยู่ครับ เมื่อคุณร้องไห้มากๆ ร่างกายจะขับ
น้ำตาออกมา น้ำตาจะไหลผ่านเฉียดหู และจมูก แล้วไหลลง หลอดอาหาร
ที่นี้คุณร้องไห้นานมาก บ่อยๆ น้ำตาจะไปกระตุ้นน้ำคัดหลั่งอื่นๆที่ข้นเหนียว
ให้มาคลั่งกันระหว่างท่อที่เชื่อหู จะมีผลทำให้หูอื้อได้ครับ

 

เพื่อความเป็นระเบียบ สอบถามเรื่องตรวจเลือดและสุขภาพเชิญที่นี่ครับ
http://palungjit.org/threads/รับปรึกษาปัญหาเรื่องตรวจเลือดและส่งเสริมสุขภาพฟรี.220805/

 

;41ขอบพระคุณคุณหมอวสุธรรมมากค่ะ ที่ให้คำตอบ

 

หนูเคยไปบริจาคเลือดมาเมื่อปี 2551 ค่ะ หลังจากบริจาคเลือดเสร็จก็มีอาการเป็นลมล้มลงค่ะ โดนดูดเลือดไปเกือบลิตรครึ่งค่ะ

 

มาเพิ่มพลังให้แก่กระทู้ครับ

 

ดีค่ะ ควรตรวจเลือดก่อนแต่งงานและมีบุตร
ดิฉัน
1.มีท้องลูกคนแรก ตรวจเลือดปกติ เลือดจางนิดหน่อย หมอให้กินยาบำรุงเลือดเพิ่มมากกว่าคนอื่น พอลูกคลอดออกมาเป็นลูกชาย ซีด ต้องอยู่โรงพยาบาลต่ออีก 1 อาทิตย์ มาเช็คเลือดลูกชายอีกที หมอแจ้งว่าขาด G6PD ปกติผู้หญิงเป็นพาหนะ ปราฎกผลที่ผู้ชาย

2.ท้องลูกคนที่ 2 หมอเช็คเลือด แล้วให้พาสามีมาเจาะเลือดเพื่อกรองโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย เลือดพ่อปกติดี ส่วนดิฉันมีพาหนะธาลัสซิเมียชนิด E
โชคดีเหลือเกินที่ไม่เป็นพาหนะกันทั้งพ่อและแม่

อย่างนี้แสดงว่าดิฉันเป็นพาหนะธาลัสซิเมีย และก็ G6PD ด้วยหรอ ค่ะ หรือว่าเกี่ยวกันกัน
เพราะเห็นเป็น 1.1 กับ 1.3 น่ะค่ะ

ขอบคุณค่ะ

 

ตอบ

1.มีท้องลูกคนแรก ตรวจเลือดปกติ เลือดจางนิดหน่อย หมอให้กินยาบำรุงเลือดเพิ่มมากกว่าคนอื่น พอลูกคลอดออกมาเป็นลูกชาย ซีด ต้องอยู่โรงพยาบาลต่ออีก 1 อาทิตย์ มาเช็คเลือดลูกชายอีกที หมอแจ้งว่าขาด G6PD ปกติผู้หญิงเป็นพาหนะ ปราฎกผลที่ผู้ชาย
ตอบ หากต้องการทราบแน่ชัด คุณควรตรวจเลือดของคุณและสามีครับ
จึงจะสามารถบ่งชี้ได้ว่าใครเป็นพาหะครับ อาจมีข้อสังเกตุได้ดังนี้ครับ
หากใครเป็นพาหะของโรคG6PD จะมีปัญหาเกิดภาวะซีด(เม็ดเลือดแดงแตก)
และมีสีของน้ำปัสสาวะเป็นสีน้ำปลาเมื่อ รับประทาน ถั่วบางชนิดเช่นถั่วปากอ้า
หรือยาปฏิชีวะนะ
2.ท้องลูกคนที่ 2 หมอเช็คเลือด แล้วให้พาสามีมาเจาะเลือดเพื่อกรองโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย เลือดพ่อปกติดี ส่วนดิฉันมีพาหนะธาลัสซิเมียชนิด E
โชคดีเหลือเกินที่ไม่เป็นพาหนะกันทั้งพ่อและแม่
ตอบ จากผลการตรวจเลือดของคุณทำให้ทราบว่าคุณเป็นพาหะของโรคเลือด
จางฮีโมโกบินอีครับ หากคุณทานอาหารถูกหลักโภชนาการเสมอ คุณจะไม่มี
ภาวะเลือดจางครับ

 

ตอนฝึกงานที่โรงพยาบาล ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีเด็กที่ขาด factor VIII เยอะมาก
..
ต้องดูแลกันต่อเนื่องเลยทีเดียว

:z1
แต่หวังว่าให้น้องเค้าโตและดูแลตัวเองได้ก็เพียงพอเนอะพี่
ฮั้วนี่แบบเห็นแล้วสงสารเด็กเลยอ่ะ