สารจากท่านหลวงปู่ฤษีลิงดำ

พระอาจารย์ของเราเห็นเหล่าศิษย์ของหลวงปู่ฤษีลิงดำปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและพร้อมด้วยคุณสมบัติ ท่านใช้ให้เราสนทนาธรรมกับท่านหลวงปู่ฤษีลิงดำเพื่อนำเคร็ดลับวิชชา " มโนมยิทธิ" มาเผยแพร่ให้สานุศิษย์ท่านดังต่อไปนี้

มโนมยิทธินี้ คือ อะไร?<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
<o> </o>
เป็นการผสมผสาน<o></o>
1. อรูปฌาณสี่ ซึ่งมี สติและสมาธิ รองรับ<o></o>
2. วิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งมี ปัญญาและสมาธิรองรับ<o></o>
3. กสิน ซึ่งมี สัญญาขันธ์เป็นสมมุติบัญญัตินำทางเป็นเบื้องต้น<o></o>
<o> </o>
มโนมยิทธินี้ เริ่มต้นคล้ายอรูปฌาณสี่ คือ รวมจิตไว้ด้วยกัน แล้วแยกออกจากร่าง แต่แทนที่จะสลายเป็นวิญญาณที่ไร้ขอบเขตเพื่อพิจารณา

 

เอ่อ...แล้วผมควรหาครูบาอาจารย์ฝึกกสิณคงจะดีกว่าใช่ไหมครับ....ตอนนี้ฝึกคนเดียว...เกรงว่าจะมีมารมาหลอกได้นะครับ...กลัวนิดๆครับ...บางทีเพ่งกสิณสีแดงไปๆมาๆดันมีควันสีม่วงสลับสีเขียวพวยพลุ่งออกมาจากแผ่นกสิณซะงั้น...งงมากครับ...ใครก็ได้บอกผมทีครับ....ผมฝึกกสิณสีแดง ไงนได้อะไรแปลกๆแบบนี้อ่ะครับ...นิมิตหลอกหรือว่าหลงทางเนี่ย...ไปหาครูบาอาจารย์ช่วยสอนคงจะดีกว่าไหมครับ

 

ไม่เกี่ยวกันบางประการ

มโนมยิทธิ นำเทคนิคของกสินมาช่วยจริง แต่เวลาถอดจิตไปสวรรค์
จะเจอมารเทวปุตมาร (หากสะกดไม่ผิด) ซึ่งจะแปลงกายหลอกเรา
ตลอดทาง ท่านหลวงปู่ก็คงเคยเจอ ท่านจึงรู้ดี แล้วให้เราฝึกมโนมยิทธิ
ครึ่งกำลังไว้ก่อน รอให้พระศรีฯ ท่านช่วยต่อ

ส่วนสายกสิน เป็นสายเน้นกำลัง โดยทำกิเลสที่ซ่อนอยู่เล็กๆ ลึกๆ ให้
ชัดขึ้นเด่นขึ้น ที่คิดว่าไม่มีแล้ว อาจเผลอได้ เช่น ตอนท่านได้อนาคามี
ท่านอาจไม่รู้ตัวว่ากิเลสยังเหลือเพราะกิเลสมันละเอียดมาก

กสินจะเพ่งเอาพวกกิเลสเล้กๆ นี้ ขยายให้ตัวตนมันชัด และทำลายด้วย
กำลังแห่งกสิน และจิตพวกฝึกกสินจะมั่นคงมาก แค่รู้ตัวกิเลส และวิธีจับ
ก็สามารถทำลายกิเลส บรรลุธรรมได้เร็ว

แต่กสินไม่มีปัญหาเรื่องเทวปุตมาร เพราะไม่ได้ไปสวรรค์
ส่วนเรื่องพึ่งพาครูบาอาจารย์ ต้องพึ่งพาแน่ หากท่านฝึก
ถึงขั้น "นิพพิทา" หากพลาด ก็สละสังขาร ตายในเจ็ดวันได้
มีตัวอย่างบางท่านเกือบตายมาแล้ว โชคดีที่ครูบาอาจารย์
ท่านส่งกระแสจิตมาช่วย เช่น พระอาจารย์มั่นช่วยแม่จันทา




ของแบบนี้ไม่มั่ว หากรู้จริงจะแยกแยะได้หมด ไม่ใช่ของเล่น
ถ้าไม่ทำจริง จะไม่เห็นความน่ากลัวของกรรมฐาน ยิ่งไม่ห่มเหลือง
ไม่มีศีลและวัตรปฏิบัติช่วย อรหันต์เองก็ละสังขารตายได้ในเจ็ดวัน



1. พวกเพ่งอศุภะ และอาหาเรปฎิกูลสัญญา พวกนี้เพ่งถึงขั้นกลาง
จะเกิดภาพติดตาเห็นศพทุกขณะจิต หลอนไปตลอด แล้วจะไม่กิน
อะไร ค่อยๆ ผอม บางคนเป็นโรคจิตซึมเศร้า กรรมฐานตัวนี้อย่าฝึก
ลำพัง (นอกจากคลำเปลือกเล่นๆ จะไม่เจอผลกระทบแบบนี้)

2. พวกถอดจิต ถ้าหลงทาง เจอเทวปุตมาร ก็ตายได้เลย คือ จิตไม่
กลับเข้าร่าง หลวงปู่ท่านห่มเหลืองมีศีลดี ท่านไปนรกไม่เป็นอันตราย
หากปุถุชนไป แล้วบารมีเก่ามีไม่พอ ก็โดนพวกนี้เอาเป็นทาสได้ง่ายๆ
อสูรบางพวกมันมีฤทธิ์พอเอาจิตเราเป็นทาสได้

หลวงปู่ฤษีคงไม่ได้บอกเรื่องนี้ เพราะเกรงว่าเราจะไม่กล้าฝึกกัน
แต่ถ้าฝึกเล่นๆ กระพี้ๆ เปลือกๆ ก็ไม่เจอหรอก

3. พวกอรูปฌาณสี่ ต้องระวังติดฌาณ เวลาเข้าฌาณสี่ มันจะไม่รู้
เวลา มันจะนึกว่าเวลาผ่านไปนิดเดียว เพราะสุขมาก เพลินติดฌาณ
ตื่นขึ้นมาอีกที ร่างกายเหลือแต่หนังติดกระดูก เพราะไม่กินข้าวกินปลา
มันอิ่มทิพย์ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่รู้สึกอะไรเลย ที่พระท่านฝึกได้ เพราะมีวัตร
หากนั่งอยู่เดี่ยวๆ ก็ต้องมีคนเตือนให้ออกจากฌาณ

4. แม้นว่าใช้กรรมฐานใด ก็ต้องมีด่าน "นิพพิทา" และ "อวิชชา" กล่าวคือ
หากท่านถึงนิพพิทาแล้ว จิตท่านจะเริ่มละสังขาร หากเป็นปุถุชนก็ตายใน
เจ็ดวันได้ ส่วนอวิชชานี่ ท่านจะเริ่มเล่นคุณไสย์ได้ เล่นไปเล่นมาเริ่มทนงตน
หากท่านยังไม่ถึง "โสดาบัน" ไม่ควรเร่งเอา "อภิญญา" ของพวกนี้ หากไม่
ใช้ปัญญานำก่อน หลงทางแน่นอน สุดท้ายเหลือแต่เณรแอร์บ้า




คนเราจะได้ถึงอรหันต์ จะได้อภิญญา หากไม่แทบบ้า ไม่เสี่ยงตาย
ไม่มีทางได้ ของแบบนี้ ไม่ใช่ของเล่นสนุก

จงจำไว้ คำพระอาจารย์มั่น ท่านว่า เอาชีวิตเข้าแลกธรรม
หลวงปู่ฤษีลิงดำท่านว่า ต้องบ้าๆ กล้าๆ บวมๆ กล้าเสี่ยง
พระอรหันต์เหล่านี้ เสี่ยงตายมาก่อนทั้งนั้น
ไม่มีใครอรหันต์เพราะพูดเล่นๆ กันแน่นอน

 

การบำเพ็ญมี 2 แบบ คือนิกายเปิด คำสอนต่างๆจะถูกเปิดเผยตามที่เรารู้กันแล้ว คือ สมถะ +ด้วยวิปัสสนา จึงจะบรรลุธรรมได้
แต่ถ้าเราจะบำเพ็ญโดยทางสมาธิอย่างเดียว โดยผ่านระดับต่างๆ รูปฌาน อรูปฌาน หรือ ตั้งแต่ สวรรค์ พรหม อรูปพรหม จนถึง โลกุตตรภูมิ จะต้องมีอาจารย์ที่ผ่านเส้นทางนี้มาก่อนแล้วเท่านั้น จึงจะพาเราไปถึงจุดหมายได้ เพราะตลอดเส้นทาง มีอันตรายและหลุมพรางมากมาย ผู้บรรลุธรรมระดับนี้ โดยแนวทางนี้มีน้อย เมื่อก่อนท่านจะไม่เปิดเผยตัวเอง และรับลูกศิษย์จำกัด ปัจจุบันท่านได้เปิดเผยตัวเองมากขึ้น
ผมไม่กล้าโพสอะไรมากว่านี้ เพราะอาจจะไม่ใช่หน้าที่ของผมนะครับ

 

เรียนท่านบำรุง


เรายินดีที่ได้สนทนาธรรมกับท่านอย่างยิ่ง แต่เรายังไม่ผ่านด่านสุดท้าย
มาช่วยคนเพื่อสะสมบุญก่อน ตอนนี้ ท่านถึงจุดที่เราควรกลับแล้ว
เราจักไปกำจัดกิเลสด่านสุดท้าย ไม่แน่ว่าอาจไม่มีชีวิตรอดกลับมาได้


วิชชามโนมยิทธิ เสี่ยงมาก หากใช้เพียงกุศโลบาย ก็ได้แค่ครึ่งกำลัง
แต่หากถอดจิตจริง ย่อมต้องเจอมารของจริง เรามิได้ห่มเหลือง อาจ
พลาดพลั้งง่าย แต่เราต้องทำ หากเราทำได้ คนที่ไม่ห่มเหลืองอื่นๆ
ก็ย่อมทำได้ เมื่อนั้น เราย่อมช่วยคนที่ฝึกมโนมยิทธิได้แน่นอน







หากมีบุญวาสนาคงได้สนทนาธรรมกับท่านอีก
สาธุ...

 

....ศีล..

...สัมมาสมาธิ

...ปัญญา

 

อย่าเพิ่งไปกันสิครับ อย่าทิ้งผม เอาผมไปด้วยคนนะครับ ผมรู้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่ตนของผมนี่ พึ่งไม่ค่อยได้คัรบ

 

.....ง่า เก่งๆก็ไปกันหมดเลย..
ช่วยแนะนำทีได้ไหมครับว่าแถวขอนแก่นมีที่ไหนพอจะฝึกนโมมยิทธืได้ครับ?

 

ที่ผมรู้มี 2 ที่เองครับ ที่บ้านสายลม กะที่ วัดท่าซุงครับ