ธรณีสูบยักษ์สูบ มหันตภัยล้างโลก–พยากรณ์โลก-กับหลักฐานสำคัญ-พระจักรพรรดิ 30 กย 53

ออร์กะ · 22 กรกฎาคม 2010

4 มหันตภัยน้ำท่วมโลก
<o></o>
เมื่อกล่าวมาถึงมหันตภัยน้ำท่วมโลก ก็ควรพิจารณาการที่ภูมิอากาศของโลกผิดปกติไป แต่จะไม่ยึดถือทฤษฎีที่ยังมีคำถาม มีข้อโต้แย้งมาเป็นหลักการ เช่น เรื่องภาวะเรือนกระจกโลกของนาย อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของรัฐบาลประธานาธิบดีบิล คลินตัน มายาวนานถึง 8 ปี และเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพ ของการให้เกิดความร่วมกันของมนุษยชาติ เพื่อลดปัญหาการสร้างภาวะเรือนกระจก ที่ทำให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นในอัตราที่น่าเป็นห่วงยิ่ง แต่สิ่งที่อัล กอร์ เสนอไม่ได้เป็นที่ยอมรับของนักวิทยาศาสตร์อีกมาก เพราะโลกทุกวันนี้ที่เห็นได้ง่ายๆ คือ โลกไม่ได้ร้อนเพียงอย่างเดียว มันมีทั้งร้อนจัด หนาวจัด ซึ่งทฤษฎีของ อัล กอร์นั้น เป็นไปในทิศทางเดียวคืออุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ นักวิทยาศาสตร์ได้พิจารณาการเปลี่ยนแปลงไปของโลกในแต่ละยุค มันยังมีตัวการที่ลี้ลับที่ไม่สามารถชี้ชัดเจนได้ว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้อย่างไร เช่นการศูนย์พันธุ์ของไดโนเสาร์ ทฤษฎีของเมนเดลในเรื่องวิชาการพันธ์ศาสตร์ การเกิดของยุคต่างๆ เช่น ยุคน้ำแข็ง เป็นต้น จริงอยู่ที่นักวิทยาศาสตร์มีคำตอบ แต่เป็นคำตอบที่ยังมีข้อขัดแย้ง กับทฤษฎีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

<o></o>
ฉะนั้นในจุดนี้ เราควรพิจาณาถึงการเปลี่ยนแปลงไปของภูมิอากาศที่ผิดปกติธรรมชาติ และตั้งคำถามว่า มหันตภัยน้ำท่วมโลกมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ โอกาสเป็นได้น่าจะพิจารณาตามสมมุติฐาน ซึ่งจะแยกเป็น 2 ประเด็นใหญ่คือ

1. จากพื้นฐานของอิทธิพลการวิปริตของดินฟ้าอากาศ

ที่เรียกว่า แอลนิโญ่ และ ลานีน่า ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมชนิดมิดหลังคาบ้าน หรือหลังคาบ้านปิ่มน้ำ ชึ่งในปัจจุบันมันกลายเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่เกิดที่นั่น ก็เกิดที่นี่ และเมื่อเกิดน้ำท่วมมากแห่งหนึ่งเป็นบริเวณกว้าง อีกแห่งหนึ่งก็เกิดแห้งแล้ง เกิดไฟป่าเป็นบริเวณกว้างได้เช่นกัน หรือเกิดอย่างใดอย่างหนึ่งให้ทราบเป็นข่าวอยู่เสมอ ตามปกติ เมื่อก่อน 20 ปีมาแล้ว แอลนิโญ่ จะมีช่วงการเกิดประมาณ 3-7 ปีต่อครั้ง ลานี่น่าก็เช่นเดียวกัน และไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดสลับกัน แต่ปัจจุบันไม่ใช่ครับ เช่น
แอล นีโญ่ 1965-1966 เว้น 3 ปี 1969-1970 เว้น 2 ปี 1972-1973 เว้น 3 ปี 1976-1977 ไม่เว้น 1977-1978 เว้น 14 ปี 1982-1983 เว้น 3 ปี 1986-1987 เว้น 4 ปี 1991-1992<o></o>
ลานีน่า 1975-1976 เว้น 12 ปี 1988-1989<o></o>
<o></o>
โปรดสังเกตว่าปี คศ. 1991-1992(พ.ศ. 2534-2535) เป็นต้นมา ภูมิอากาศวิปริตได้เป็นมาอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบันครับ

แอล นี่โญ่ 1991-1992, 1992-1993, 1994-1995 ลานีน่า <link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>1995-1996 แอล นี่โญ่ 1997-1998 ลานีน่า <link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>1998-1999<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>, 2000-2001 แอล นี่โญ่ 2002-2003, 2004-2005 <link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>ลานีน่าearly 2006 แอล นี่โญ่ 2006-2007 ลานีน่า <link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>2007-2008 แอล นี่โญ่ 2009-2010

จากข้อมูล ปี 1991-1992 เป็นต้นมา การเกิดของ แอลนิโญ่ และ ลานีน่า หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกันตลอดมาในทุกๆ ปี ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยปรากฏเช่นนี้มาก่อน เรื่องนี้สำคัญมาก ออร์กะจะชี้ประเด็นที่สำคัญยิ่งให้เห็นต่อไปครับ
<o></o>
1.1 เหตุแห่งการเกิดมหันตภัยน้ำท่วมโลก

โอกาสของภูมิอากาศจะวิปริตมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้น มีความเป็นไปได้ แล้วเกิดการดำเนินไปทั่วโลกด้วยตัวของมันเองแบบไม่หยุด (global self-oscillation) ฉะนั้นความเลวร้ายที่จะเกิด คือฝนตกทั้งกลางวันกลางคืนติดต่อเนื่องกัน ย่อมมีความเป็นไปได้ การระบายน้ำลงสู่ทะเลไม่ทันกับน้ำที่ท่วมขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่จะเป็นหนทางการเกิดมหันตภัยน้ำท่วมโลก ถ้านักวิทยาศาสตร์ท่านใดบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ท่านควรหาเหตุผลมาก่อนว่า ไม่ได้เพราะอะไร มีผลงานวิจัยมาอย่างไร การเก็บข้อมูลเป็นมาแบบไหน ทำมาแล้วอย่างต่อเนื่องกี่ปีแล้ว
<o></o>
1.2 คำพยากรณ์โบราณ กับมหันตภัยน้ำท่วมโลก<o> </o>

เกี่ยวกับมหันตภัยน้ำท่วมโลกในช่วงสิ้นยุค หรือในเวลาปัจจุบัน มีคำทำนายอยู่ที่น่าสนใจ เช่น คำทำนายของนอสตราดามุส ที่เขียนเป็นจดหมายถึงลูกชื่อ ซีซ่า ในตอนหนึ่งว่า อัคคีภัยขนาดใหญ่เกิดขึ้นไปทั่วโลก มหันตภัยน้ำท่วมเกิดขึ้นจนยากจะหาที่ดินที่ไหนไม่ถูกน้ำท่วมไม่มี และเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นอย่างยาวนาน และ คัมภีร์ไบเบิล ภาคพันธสัญญาใหม่ เป็นต้น จขกท ได้ศึกษาเรื่องพยากรณ์กับเหตุการณ์ ในปัจจุบันพบว่ามีความเป็นเหตุผล ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บางคนได้ใช้กลยุทธ์หลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์ ประยุกต์กับกา่รพยากรณ์โบราณเพื่อนำไปสู่การตั้งสมมุติฐานใหม่ ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ <o></o>

2. โลกของเราเวลานี้อยู่ใกล้สิ้นยุคน้ำแข็ง

นั้นหมายความว่ายุคน้ำแข็งกำลังจะจะหมดไป จุดสูงสุดของยุคน้ำแข็งอยู่เมื่อประมาณ 20,000 ปีมานี่เอง เมื่อก่อนที่จะเกิดยุคน้ำแข็งขึ้น ทะเลทรายซาฮาร่า ตอนเหนือของทวีปอัฟริกาในปัจจุบัน ยังเป็นพื้นทรายใต้ทะเล (แต่ในยุคน้ำแข็ง น้ำในทะเลและมหาสมุทรได้ลดลงมาก เพราะน้ำกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งที่ขั่วโลก โดยเฉพาะที่ขั้วโลกใต้) ในปัจจุบันมีมีพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติของโครงกระดูกปลาวาฬเมื่อ 80 ล้านปีก่อน อยู่ใต้ผิวทะเลทราย ซึ่งพิพิธภัณฑ์นี้อยู่ไม่ห่างไกลกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ และ นักชีววิทยายังได้ขุดพบโครงกระดูกซากสัตว์น้ำ เช่น จระเข้สมัยดึกดำบรรพ์ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติของโครงกระดูกปลาวาฬในขณะนี้ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 125 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นพื้นใต้ทะเลตามที่กล่าวมาแล้ว จาการสำรวจของ สำนักงานธรณีวิทยาและการสำรวจของสหรัฐอเมริกา (USGS; Sea Level and Climate: USGS Water Science for Schools) บ่งว่า ถ้าน้ำขึ้นมา 10 เมตร จะทำให้ชาวอเมริกันไม่มีที่อยู่ไป 25 %

ถ้าโลกไม่มีน้ำแข็งที่ขั้วโลกทั้งสองแล้ว น้ำจะสูงขึ้นอีกจากปัจจุบันนี้ประมาณ 80 ถึง 160 เมตร เรื่องตัวเลขนี้ ไม่มีใครทราบแน่นอน ก็ประมาณไว้ ที่สำคัญไม่มีใครทราบว่า น้ำจะแตกตัวเป็นอากาศธาตุหรือไม่ และอาจหายไปจากโลกได้ด้วย อย่าพึ่งบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ดาวอังคารสมัยเมื่อนานมาแล้วมีหลักฐานทางงานวิจัยว่าน่ามีทะเลครับ

เป็นที่น่าสังเกตว่าในคัมภีร์ไบเบิล ภาคพันธสัญญาใหม่บ่งชัดเจนว่าดาวอังคารเคยมีทะเลมาก่อน ฉะนั้น จขกท และเพื่อนๆ จึงไม่ประมาทในการศึกษาข้อมูลในศาสนาศาสตร์และการทำนายของคนโบราณ แล้วนำเรื่องที่น่าสนใจเหล่านี้เข้ามาประยุกต์กับงานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เกิดภาพที่งานทางวิทยาศาสตร์ยังสรุปลงตัวไม่ได้ ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว

สำหรับประเทศไทย ถ้าน้ำแข็งขั้วโลกละลายหมด จะทำให้น้ำท่วมเกินกว่าสีเขียวที่แสดงบนรูป เข้าไปอีกบนแผ่นดินอย่างแน่นอน (น้ำแข็งที่ลอยในมหาสมุทรละลายหมดจะไม่มีผลให้น้ำทะเล มหาสมุทรสูงขึ้น ยกเว้นน้ำแข็งที่อยู่บนบกละลาย)

จขกท และเพื่อนกำลังศึกษาค้นคว้าคำพยากรณ์ที่น่าสนใจยิ่ง เกี่ยวกับมหันตภัยโลกในปัจจุบัน ซึ่งจะนำมาลงให้ท่านได้พิจารณาเหตุผลและความเป็นไปได้ต่อไปครับ

ขอบคุณมากครับ
ออร์กะ

Riyko · 17 กรกฎาคม 2010

ข้อมูลน่าสนใจมากเลยค่ะ ติดตามอยู่นะคะ
ขอบคุณมากค่ะ

ออร์กะ · 20 กรกฎาคม 2010

ความวิปริตของโลกในปัจจุบัน กับ ความจริงเกี่ยวกับความลี้ลับของตำนาน และพยากรณ์โบราณ ที่จะถูกนำมาเปิดเผยเท่าที่จะสามารถหาหลักฐานสำคัญๆ มาแสดงได้

จขกท และเพื่อนๆ ได้เร่งศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และมีหลักฐานชัดเจน มีที่มาที่ไป เพราะพบว่ามีหลักฐานสำคัญยิ่งเกี่ยวกับมนุษยชาติ ที่อาจจะหนีไม่พ้นกฎของธรรมชาติ จิตวิญญาณที่ผูกพันธ์ และสิ่งที่เหนือขึ้นไป แต่ขอให้ท่านผู้อ่านผู้ชมโปรดใช้กาลามสูตรของพระพุทธเจ้า เป็นเครื่องพิจารณา โปรดอย่าเชื่อจนกว่าเห็นว่าเป็นกุศลธรรม<o></o>
<o></o>
สรุปทบทวนการวิเคราะห์ตามหลักฐานความจริงโดยใช้<o></o>
<o></o>
1. ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ที่เกี่ยวกับ ธรรมชาติบนโลกและจักรวาลวิทยา
<o></o>
2. ข้อมูลทางศาสนาศาสตร์ เช่น พระพุทธศาสนา คัมภีร์ไบเบิล ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ เป็นต้น

3. คำทำนายที่เป็นที่รู้จักในระดับสากล เช่น นอสตราดามุส พุทธทำนาย เป็นต้น<o></o>

ตามหลักการ 3 ข้อ ข้างบนที่กล่าวมา จะเกี่ยวข้องกับ

1. การเกิดวิปริตของธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหวมากขึ้น ภูมิอากาศผิดแปลกไป น้ำท่วม ไฟไหม้ พายุ เกิดมากขึ้นและไม่หยุดหย่อน โดยหลักฐานชี้ชัดว่า การวิปริตของธรรมชาติเกิดภัยพิบัติได้เริ่มขึ้นมาจากปี 1991 – 1992 (พ.ศ. 2534 - 2535) จนถึงปัจจุบัน และจากสถิติแสดงถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างต่อเนื่อง หรือเกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้

2. เกิดเหตุการณ์นอกโลกที่ไม่คาดฝันของมนุษยโลก เช่น มนุษย์ดาวอังคารแสดงว่ามีจริงในปี 2554 ดาวพฤหัสจู่ๆ แถบที่คาดทางใต้ของดวงดาวหายไปอย่างไม่มีเหตุผล หาสาเหตุไม่ได้ เป็นต้น

3. คำพยากรณ์ เช่นพุทธทำนาย จากผู้มีญาณทิพย์ มีหลักฐานว่าคำทำนายเหล่านี้ มีความถูกต้องมากขึ้นทุกๆที
เรื่องเกี่ยวกับ มหันตภัยล้างโลก เรื่องพยากรณ์ มีความละเอียดอ่อนมาก ถึงแม้ทาง จขกท และเพื่อนๆ จะมีข้อมูลอยู่มากในขณะนี้ แต่จะค่อยๆ นำมาลง เพราะจำเป็นต้องมีการศึกษาทบทวนให้ดี ซึ่ง จขกท และเพื่อนๆ ก็ยังเชื่อว่าอาจมีข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจนปะปนอยู่ แต่จะพยายามแก้ไขปรับปรุงไปเรื่อยๆ<o></o>

จขกท ยินดีรับคำติ ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และรับผิดชอบข้อมูลที่ลงนี้ และขอบคุณท่านที่ให้โอกาส และเข้าใจในความปรารถนาดีของ จขกท และเพื่อนๆ สำหรับท่านที่มีคำถาม ถ้า จขกท หาคำตอบได้ก็จะนำมาลงไว้ให้ท่านอื่นได้ทราบด้วย แต่ถ้าหาคำตอบไม่ได้ก็ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้า

สรุป เรื่องที่ จขกท นำมาลงต่อนี้ไป จะพยายามให้ข้อมูลเพียงพอที่ท่านทำความเข้าใจได้ โปรดอย่าเชื่อ แต่โปรดพิจารณาถึงเหตุผลและประโยชน์ เพราะเรื่องนี้มีความสำคัญกับมนุษยโลกในปัจจุบันครับ

ออร์กะ · 30 สิงหาคม 2010

ใครเป็นผู้กำหนดลดประชากรโลกลงประมาณ 90% เหลือเพียง 500 ล้านคนจากที่มีอยู่ในปัจจุบันประมาณ 7000 ล้านคน เรื่องนี้อยู่ในบัญญัติ 10 ประการของปี 1980

เหตุการณ์วิปริตโลกเกิดภัยพิบัติไม่หยุดหย่อนโดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 1991-1992 (พ.ศ. 2534-2535) จนถึงปัจจุบันโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด กลับเพิ่มความรุนแรงตามที่เป็นข่าวไปทั่วโลกอยู่เสมอ

มีหลายท่านได้นำเรื่องภัยพิบัติต่างๆมาลงในพลังจิต ให้ท่านผู้สนใจได้คิดตามกัน จขกท และท่านสมาชิก เช่น <link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>คุณManganiss และคุณ<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>ระกาจันทร์ ได้นำเรื่องภัยพิบัติมาร่วมลงในกระทู้นี้เช่นกัน

ประเด็นสำคัญของภัยพิบัติในเวลาปัจจุบัน และพยากรณ์โลกต่างๆ เช่น พุทธทำนาย และนอสตราดามุส เป็นต้น น่าจะมาลงเอยที่ บัญญัติ 10 ประการปี 1980 (พ.ศ. 2523)<o></o> คือ

อะไรจะเกิดขึ้นในปลายปี 2555 หรือ 2556-2560

มหันตภัยล้างโลกที่ 21 ธันวาคม 2012 (พ.ศ. 2555) พยากรณ์ของพวกมายัน หรือในปี พ.ศ. 2556 ตามพุทธทำนาย ที่ว่า

"ล่วงได้ ๒๕๐๘ (ปีมะเส็ง พ.ศ. 2556) ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล" และ "เมื่อศาสนาของตถาคตล่วงมาได้ ๒๕๑๒ (ต่อจากปลายปีระกา ปีจอ พ.ศ. 2560) พระจันทร์จะเริ่มเปล่งแสงฉายโลก ครั้นล่วงได้ ๒๕๑๕ (ปีชวด พ.ศ. 2563) พวกอธรรม คือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก"

"<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>ดูกร อานนท์ ตถาคตสงสารสัตว์ เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อย เต็มที (สิ่งนี้เกี่ยวกับการลดประชากรโลก ให้น้อยลง 90% หรือไม่ โปรดคิดกันเอง) คำทำนายของตถาคตนี้ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ใน ความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วเชื่อ หรือไม่เชื่อ ไม่บอกเล่าให้ผู้ใดรู้กันต่อ ๆ ไป นับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ต่างสิ้นสุดกันตามกาลเวลา"

ท่านอาจเห็นได้ว่า พุทธทำนายมีความสอดคล้องกับ การสิ้นกลียุค หรือยุคในปัจจุบัน ที่มีคนเลวถึง 3 ใน 4 ส่วน ให้เป็นกฤดายุคหรือยุคทอง ที่มีคนดีทั้ง 4 ส่วน หรืออย่างไร

ปล. เนื่องจากปี พ.ศ. ไทยเร็วไปจากความเป็นจริง 48 ปี จึงได้ทำการปรับ เช่น ล่วงได้ ๒๕๐๘ (จึงเป็น ๒๕๐๘ + ๔๘ = พ.ศ. 2556 ไทย) (ให้เกียรติข้อมูลจาก Metteya.org)

ข้อสังเกตุ ที่น่ามีความชัดเจน คือ พยากรณ์ของมายัน พุทธทำนาย และของนอสตราดามุส เป็นต้น บ่งไว่น่าจะชัดเจนถึงมหันตภัยโลกน่าจะเป็นไปตาม บัญญัติ 10 ประการ (ดูตอบกระทู้ที่ 69) เพื่อปรับโลกไปสู่ยุคทอง อย่างแท้จริง ผู้ไม่ประมาท คนดีมีศีลธรรม ย่อมน่าจะผ่านพ้นมหันตภัยโลกนี้ไปได้

บัญญัติ 10 ประการนี้อยู่ที่รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบุคคลหนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนาม แต่มีความหมายใช้ชื่อว่า อาร์ ซี ตริสเตียนเมื่อ (R.C. Christian) ได้ว่าจ้างให้บริษัทขุดหินแกรไนท์ที่บริเวณใกล้เคียงสร้างขึ้น เสร็จเมื่อ 22 มีนาคม 1980 บนหินแกรไนท์ขนาด สูงจากพื้นดิน 4.9 เมตร มีจำนวนสี่แผ่น แต่ละแผ่นมีภาษาแสดงบัญญัติ 10 ประกานี้ด้านละ 1 ภาษา ฉะนั้นภาษาที่ใช้เขียนบัญญัติ 10 ประการมีทั้งหมด 8 ภาษา ดูตามรูป

สำหรับแผ่นหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ตามรูปข้างล่าง โดยมีช่องดูดาวเหนือ และช่องดูพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกอยู่ที่เสาตรงกลาง ภาษาโบราณ 4 ภาษา (ตัวหนังสือสีเขียวบนรูปข้างบน) และตัวเลขของขนาดของแผ่นหิน น่าจะเป็นระหัส มีความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงโลก ให้เข้าสู้กฤดายุค หรือยุคทองจากปัจจุบันที่มนุษยโลกกำลังอยู่ในปลายกลียุค

สำหรับเวลาที่สร้างอาจเป็นการบังเอิญ หรือเป็นความตั้งใจให้ประจวบเหมาะกับตราประทับของพระจักรพรรดิ ซึ่ง จขกท จะได้สรุปนำมาลงอธิบายความสำคัญต่อไป (ให้เกียรติข้อมูลจาก Metteya.org และเครือข่าย)

เป็นที่น่าสังเกตว่า การตั้งแผ่นหินเป็นไปตามกฎของโลกและจักรวาล ความเป็นมาของของบัญญัติ 10 ประการนี้ น่าจะมีเรื่องราวมาจากสมัยอียิปต์โบราณ
คนที่ชื่อ คริสเตียน รอเซ็นครูส์ หรือกุหลาบไขว้ แบบไม้กางเขน เป็นผู้ตั้งทฤษฏี จากปรัญชาแห่งความเร้นลับในอดีตกาล โดยวางรากฐานของมนุษย์ให้มีความเข้าใจและมีความเหมาะสมกัับธรรมชาติ จักรวาลทางกายภาพ และแดนของวิญญาณ ทฤษฎีนี้เกี่ยวข้องกับ พระเจ้า ความเชื่อทางศาสนา การปฏิบัติตามพิธีการและความฝึกฝนทางจิตวิญญาณ <o>
</o>
ถ้าถามว่า มีใครเข้าใจเรื่องนี้จริงๆ บ้าง ก็น่าจะตอบว่าไม่มี เพราะเป็นเรื่องลึกซึ้งกว่าที่ใครสักตนหนึ่งจะเข้าใจ แต่ถ้าท่านใดสนใจสามารถหาหนังสือดูได้

สรุป ตัวเชื่อมความลี้ลับ ของการเขียนบัญญัติ 10 ประการบนแผ่นหินขนาดใหญ่ ด้วย 8 ภาษาีนี้ ตามการวิเคราะห์หลักฐาน อยู่ที่ภาษาโบราณ 4 ภาษา แสดงไว้ด้วยสีเขียวบนรูปที่ 1 ครับ และน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับท้าวสักกะ ที่ท่านจะได้อ่านเรื่องราวต่อไป

การพิจารณาเรื่องดี เรื่องร้่าย ไม่ประมาท เป็นผู้มีกุศลปัญญา

ออร์กะ · 20 กรกฎาคม 2010

บัญญัติ 10 ประการ ค.ศ. 1980 ที่สลักไว้บนแผ่นหินขนาดใหญ่ มีดังต่อไปนี้<o></o>
<o></o>
1. Maintain humanity under 500,000,000 in perpetual balance with nature.
รักษาจำนวนมนุษยชาติให้ต่ำกว่า 500,000,000 คน เพื่อการสมดุลกับธรรมชาติตลอดไป (สำรวจเมื่อ เมษายน ค.ศ. 2009 / พ.ศ. 2552 พลเมืองโลกมี 6.8 พันล้าน ฉะนั้นควรลดลงประมาณ 90 %)<o></o>

2. Guide reproduction wisely - improving fitness and diversity.
การทำคู่มือแห่งปัญญา (พระธรรมเจ็ดประการ)-- ปรับปรุงสมรรถภาพและความหลากหลาย

3. Unite humanity with a living new language.
การสื่อสารระหว่างมนุษยชาติ ต้องการภาษาใหม่ที่มีความเหมาะสมจริง (ขณะนี้ไม่มี)<o></o>

4. Rule passion - faith - tradition - and all things with tempered reason.
ประเพณี ความเชื่อ ความชอบในพิธีการ - และทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องด้วยความมีเหตุผลที่ถูกตามอารมณ์

5. Protect people and nations with fair laws and just courts.
สิทธิของมนุษย์และประเทศ ต้องเป็นไปตามความยุติธรรมที่แท้จริงและศาลที่เป็นที่ยอมรับ

6. Let all nations rule internally resolving external disputes in a world court.
ให้ทุกๆชาติมีประชาชาติกฎหมายภายในการแก้ปัญหา ที่เกี่ยวเนื่องได้กับข้อพิพาทกันภายนอกในศาลโลก

7. Avoid petty laws and useless officials.
หลีกเลี่ยงกฎหมายอนุสิทธิบัตรและการไร้ประโยชน์ของเจ้าหน้าที่

8. Balance personal rights with social duties.
มีความเป็นกลางในสิทธิส่วนบุคคลประกอบการมีหน้าที่ทางสังคม

9. Prize truth - beauty - love - seeking harmony with the infinite.
ความชมเชยในความเป็นจริง - ความสง่างาม – ความรัก - ขอความมีความสมดุลและสามัคคีกับพระเจ้า

10. Be not a cancer on the earth - Leave room for nature - Leave room for nature.
มนุษย์อย่าเป็นมะเร็งร้ายทำลายแม่พระธรณี - อย่าทำลายธรรมชาติ – อย่าทำลายธรรมชาติ <o></o>
<o></o>
ใครคือ อาร์ ซี คริสเตียน การกล่าวโดยไร้หลักฐานย่อมไม่สมควร ฉะนั้นพวกเราจะได้นำหลักฐานมาเปิดเผยว่า ท่านผู้นี้น่าจะเป็นใครต่อไป

ที่สำคัญ อะไรคือหลักฐานที่จะถูกเอามาตีแผ่ และเกี่ยวข้องกับพระจักรพรรดิในปัจจุบันหรือไม่ อย่างไรครับ
จขกท และเพื่อนๆ มีหลักฐานที่แท้จริงอยู่แล้วครับ และเรื่องนี้เกี่ยวโยงกับการเกิดวิปริตของธรรมชาติในปัจจุบันอย่างไร โปรดให้เวลาแก่พวกเราในการจัดทำครับ

สรุป จากการศึกษาค้นคว้าตามหลักฐานนั้น บัญญัติ 10 ประการน่าจะเกี่ยวข้องกับท้าวสักกะจอมเทพ ขอได้โปรดติดตาม แล้วท่านจะเห็นภาพชัดเจนขึ้นครับ

<o></o>

ออร์กะ · 20 กรกฎาคม 2010

จขกท เห็นว่าเรื่องในพระไตรปิฎกมีความสำคัญยิ่ง และเกี่ยวข้องกับกระทู้ จึงได้นำมาลง เพื่อความไม่ประมาทในสัจธรรม

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ๖. ปาสาทิกสูตร (สรุปมาโดยย่อ)

ดูกรจุนทะ แม้หากว่า

สิ่งที่เป็นอดีต เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ ตถาคตย่อมเป็นผู้รู้กาลในสิ่งนั้น เพื่อพยากรณ์ปัญหานั้น

แม้หากว่าสิ่งที่เป็นอนาคต เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ ตถาคตย่อมเป็นผู้รู้กาลในสิ่งนั้น เพื่อพยากรณ์ปัญหานั้น

สิ่งที่เป็นปัจจุบัน เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ ตถาคตย่อม เป็นผู้รู้กาลในสิ่งนั้น เพื่อพยากรณ์ปัญหานั้น

ด้วยเหตุดังนี้แล จุนทะ ตถาคต เป็นกาลวาที เป็นสัจจวาที เป็นภูตวาที เป็นอัตถวาที เป็นธรรมวาที เป็นวินัยวาที ในธรรมทั้งหลายทั้งที่เป็นอดีต อนาคตและปัจจุบัน เพราะฉะนั้น ชาวโลก จึงเรียกว่าตถาคโต

สรุป สิ่งที่เป็นอดีต สิ่งที่เป็นอนาคต สิ่งที่เป็นปัจจุบันในเวลาของพระพุทธองค์ เมื่อเป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ ตถาคตย่อมเป็นผู้รู้กาลในสิ่งนั้น พยากรณ์ปัญหานั้น นอกนั้นพระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์

ออร์กะ · 20 กรกฎาคม 2010

สิ่งที่ จขกท และ เพื่อนๆ ไว้วิเคราะห์แล้ว เห็นว่าเรื่องในพระไตรปิฎก มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบันจึงได้นำมาลงไว้ เพื่อความรู้และปัญญา

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค๓. มหาปรินิพพานสูตร (๑๖)

ดูกรอานนท์ มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศสมัยที่ลมใหญ่พัด เมื่อลมใหญ่พัดอยู่ย่อมยังน้ำให้ไหว น้ำไหวแล้ว ย่อมยังแผ่นดินให้ไหว อันนี้เป็นเหตุ เป็นปัจจัยข้อที่หนึ่ง เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ

อีกประการหนึ่ง สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ ถึงความเป็นผู้ชำนาญในทางจิต หรือว่าเทวดาผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก เขาเจริญปฐวีสัญญาเพียงเล็กน้อย เจริญอาโปสัญญาอย่างแรงกล้า เขาย่อมยังแผ่นดินนี้ให้สะเทือนสะท้านหวั่นไหวได้ อันนี้เป็นปัจจัยข้อที่สอง เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ

อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เมื่อนั้น แผ่นดินนี้ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ห้าเพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ

อีกประการหนึ่ง เมื่อใด พระตถาคตให้อนุตรธรรมจักรเป็นไป เมื่อนั้นแผ่นดินนี้ย่อมสะเทือนสะท้านหวั่นไหว อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่หก เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ

สิ่งที่นำมาแสดงไว้ข้างบน จขกท จะได้ชี้แจงว่า มีความสำคัญยิ่ง และเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบันอย่างไรต่อไป

สรุป ตอบกระทู้ #71 อาจจะเกี่ยวข้องกับ
1. วิปริตของดินฟ้าอากาศในปัจจุบัน อย่างไรหรือไม่ จขกท จะเอาข้อมูลมาลงเพิ่มต่อไป
2. การตรัสรู้ในตอบกระทู้ที่ #72 อย่างไรหรือไม่ จขกท จะเอาข้อมูลมาลงเพิ่มต่อไป
3. อนุตรธรรมจักรเป็นไปนั้น จขกท จะพยายามชี้ตามหลักฐานว่าหมายความถึงอะไรต่อไป

ออร์กะ · 25 กรกฎาคม 2010

เ้รื่องสำคัญ ที่ควรเข้าใจเกี่ยวกับพระพุทธเจ้ามิได้ทรงปฏิเสธเรื่องเทพ มาร .... ความชัดเจนสามารถพิจารณาได้จาก

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค - ๘. สักกปัญหสูตร<o>

</o> <link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> ข้าพเจ้า (พระอานนท์) ได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในถ้ำอินทสาละ ณ เวทิยกบรรพต ด้านทิศอุดร แห่งพราหมณคามชื่ออัมพสัณฑ์ อันตั้งอยู่ด้านทิศปราจีน แห่งพระ นครราชคฤห์ ในแคว้นมคธ ฯ

ก็สมัยนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทพได้บังเกิดความขวนขวาย เพื่อจะเฝ้า พระผู้มีพระภาค ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพได้ทรงพระดำริว่า บัดนี้ พระผู้มีพระ ภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ที่ไหนหนอ ท้าวสักกะจอมเทพได้ทรง เห็นพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในถ้ำอินทสาละ ณ เวทิยกบรรพต ด้านทิศอุดร แห่งพราหมณคามชื่ออัมพสัณฑ์ อันตั้งอยู่ด้านทิศปราจีนแห่งพระนครราชคฤห์ ในแคว้นมคธ ครั้นแล้ว จึงตรัสเรียกพวกเทวดาชั้นดาวดึงส์มาตรัสว่า ....
....

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> ท้าวสักกะจอมเทพ อันพระผู้มีพระภาคทรงให้โอกาสแล้ว ได้ทูลถามปัญหาข้อแรกกะพระผู้มีพระภาคอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวก เทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ มีอะไรเป็นเครื่องผูกพันใจไว้ อนึ่ง ชนเป็นอันมากเหล่าอื่นนั้น เป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีอาชญา ไม่มีศัตรู ไม่มีความ พยาบาท ย่อมปรารถนาว่า ขอพวกเราจงเป็นผู้ไม่มีเวรอยู่เถิด ก็และพวกเขามี ความปรารถนาอยู่ดังนี้ ก็ไฉน เขายังเป็นผู้มีเวร มีอาชญา มีศัตรู มีความพยาบาทยังจองเวรกันอยู่ ท้าวสักกะจอมเทพได้ทูลถามปัญหากะพระผู้มีพระภาคด้วยประการ ฉะนี้ ฯ

พระผู้มีพระภาค อันท้าวสักกะจอมเทพทูลถามปัญหาแล้ว ทรงพยากรณ์ว่า ดูกรจอมเทพ พวกเทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ มีความริษยาและ ความตระหนี่เป็นเครื่องผูกพันใจไว้ อนึ่ง ชนเป็นอันมากเหล่าอื่นนั้น เป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีอาชญา ไม่มีศัตรู ไม่มีความพยาบาทย่อมปรารถนาว่า ขอพวกเราจงเป็น ผู้ไม่มีเวรอยู่เถิด ก็และพวกเขามีความปรารถนาอยู่ดังนี้ ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังเป็น ผู้มีเวร มีอาชญา มีศัตรู มีความพยาบาท ยังจองเวรกันอยู่ พระผู้มีพระภาค อันท้าวสักกะจอมเทพทูลถามปัญหาแล้ว ทรงพยากรณ์ด้วยประการฉะนี้ ฯ
....
<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> ท้าวสักกะจอมเทพทรงชื่นชมอนุโมทนาภาษิตของพระผู้มีพระภาค ในปัญหาพยากรณ์ข้อแรกดังนี้แล้ว จึงได้ทูลถามปัญหากะพระผู้มีพระภาคยิ่งขึ้นไป ว่า ....
....
ข้าพระองค์เห็นอำนาจประโยชน์ประการที่สี่อย่างนี้ว่า ถ้าความตรัสรู้จักมีแก่เราในภายหน้า โดยธรรมไซร้ เราจักเป็นผู้รู้ทั่วถึงอยู่ นั่นแหละจักเป็นที่สุดของเรา ดังนี้ จึงประกาศการได้รับความยินดี การได้รับความโสมนัส เห็นปานนี้ ฯ

ข้าพระองค์เห็นอำนาจประโยชน์ประการที่ห้าอย่างนี้ว่า หากเราจุติจากกายมนุษย์แล้ว ละอายุอันเป็นของ มนุษย์แล้ว จักกลับเป็นเทวดาอีกจักเป็นผู้สูงสุดในเทวโลก ดังนี้ จึงประกาศการได้รับความยินดี การได้รับความโสมนัสเห็นปานนี้ ฯ

....

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> ท้าวสักกะเปล่งอุทาน ได้ธรรมจักษุ ลำดับนั้น ท้าวสักกะจอมเทพเอาพระหัตถ์ตบปฐพี แล้วทรงเปล่งอุทาน ๓ ครั้งว่า

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก็เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้อยู่ ดวงตาเห็นธรรม อันปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน บังเกิดขึ้นแก่ท้าวสักกะจอมเทพว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมีความดับเป็นธรรมดา และบังเกิด ขึ้นแก่เทวดาแปดหมื่นพวกอื่น ปัญหาที่เชื้อเชิญให้ถามที่ท้าวสักกะจอมเทพทูล ถามนั้น พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์แล้ว ด้วยประการดังนี้ เพราะฉะนั้น คำว่า สักกปัญหา จึงเป็นชื่อของไวยากรณ์ภาษิตนี้ ฉะนี้แล ฯ

สักกปัญหสูตร<o> ที่ </o>จขกท นำมาลงนี้ จะมีความสำคัญยิ่ง และจะเกี่ยวเนื่องกับพยากรณ์ ที่สำคัญๆ อีกหลายๆ เรื่อง

สรุป โปรดพิจารณา 2 สิ่งที่ท้าวสักกะตรัสไว้คือ
1. ความตรัสรู้จักมีแก่เราในภายหน้า คำว่าตรัสรู้จะใชกับพระพุทธเจ้าครับ
2. เราจุติจากกายมนุษย์แล้ว ละอายุอันเป็นของ มนุษย์แล้ว จักกลับเป็นเทวดาอีกจักเป็นผู้สูงสุดในเทวโลก แสดงว่าท้าวท้าวสักกะจอมเทพ สามารถจุติแบ่งภาคมาป็นมนุษย์ได้

ออร์กะ · 26 กรกฎาคม 2010

สิ่งสำคัญยิ่งสิ่งหนึ่ง ที่เราจะข้ามไปไม่ได้ คือ ชื่อของกรุงเทพฯ มหานคร

ไม่ใช่ว่าจะสำคัญเพราะลงใน "กินเนสบุค" เป็นชื่อที่ยาวที่สุดในโลก แต่เป็นหลักฐานสำคัญชิ้นหนึ่ง ที่พวกเราวิเคราะห์ร่วมกับหลักฐานพยากรณ์ของศาสนาอื่นๆ สามารถแสดงและชี้ว่า พระจักรพรรดิ หรือพระศรีอารย์ หรือมีชื่อเรียกตามภาษาและศาสนาต่างๆ นั้น น่าจะเป็นพระอินทร์ที่ทรงแบ่งภาคเสด็จมาเองในเวลาปัจจุบันนี้ เพื่อสร้างสันติสุขที่แท้จริงขึ้นบนโลกตลอดไป ตามที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสพุทธทำนายไว้แล้ว "<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>ธรรมจะชนะ พระจะอยู่บ้านเมืองต่อไป การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์ ซึ่งไม่ต้องเบียดเบียนแรงผู้ใด ทุกคนจะสมบูรณ์ด้วยศีลธรรมและชีวิตผาสุก" "<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>ผู้มีบุญทั้งสองพระองค์นั้นจะเสด็จเข้าบำรุงศาสนาให้เที่ยงแท้"

โปรดพิจารณาชื่อของกรุงเทพมหานครคือ "กรุงเทพมหานคร อมรรัตรโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์" <o></o>

มีความหมายว่า

เมืองของเทพที่ยิ่งใหญ่ อันเป็นอมตะประกอบด้วยแก้ว 7 ประการ (พระธรรม 7 ประการ) ของท้าวสักกะจอมเทพ (พระอินทร์) ท้าวสักกะผู้ไม่เคยพ่ายแพ้แก่สัตรู เป็นที่เกิดแห่งมงคลที่ยิ่งใหญ่ เป็นเมืองหลวงอันประกอบไปด้วยแก้ว 9 ประการ ที่มีความงดงามมั่นคงและสง่างาม (คือ คือ เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน นิล มุกดา เพทาย และไพฑูรย์ ) เป็นสถานที่ยิ่งใหญ่และบริบูรณ์เป็นเลิศ เป็นสถานที่ประทับของท้าวสักกะที่จะแบ่งภาคมาเกิดบนโลกมนุษย์ โดยท้าวสักกะเป็นผู้ให้พระวิษณุกรรม (พระนารายณ์) มาสร้างขึ้นจนสำเร็จ

ท่านอาจเห็นว่า จขกท และเพื่อนๆ อาจแปลความหมายต่างๆ ต่างไปจากที่ท่านเคยเห็น แต่พวกเรายึดตามหลักภาษาไว้ดังนี้

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> เทพ เป็นคำบาลีและสันสกฤต แปลว่า เทวดา

มหานคร เป็นคำบาลีและสันสกฤต แปลว่า นครอันยิ่งใหญ๋<o></o>

อมร เป็นคำบาลีและสันสกฤต แปลว่า ผู้ไม่ตาย เทวดา เป็นอมตะ (พระอินทร์เป็นอมตะ)<o></o>

รัตน เป็นคำบาลีและสันสกฤต แปลว่า แก้วที่มีค่ายิ่ง<o></o>

โกสินทร์ (โกสี+อินทร์) บาลี +สันสกฤต แปลว่า พระอินทร์

มหินทรายุธยา (มหา+อินทร์+อยุธยา) มหินทร์ เป็นคำสันสกฤต แปลว่า พระอินทร์<o></o>

อยุธยา เป็นคำบาลี+สันสกฤต แปลว่า ไม่พ่ายแพ้<o></o>

ดิลก เป็นคำบาลี แปลว่า มงคล,เลิศ,ยอด,เฉลิม<o></o>

ภพ เป็นคำบาลีและสันสกฤต แปลว่า ความเกิด,ความมี,ความเป็น<o></o>

นพรัตน์ เป็นคำสันสกฤต แปลว่า แก้ว 9 อย่าง คือ เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน นิล มุกดา เพทาย และไพฑูรย์

ราชธานี เป็นคำบาลีและสันสกฤต แปลว่า เมืองหลวง

บุรี เป็นคำบาลี แปลว่า เมือง<o></o>

อุดม เป็นคำบาลีและสันสกฤต แปลว่า สูงสุด,ยิ่ง,เลิศ,มากมาย,บริบูรณ์<o></o>

ราชนิเวศน์ (ราช+นิเวศน์) ราช เป็นคำบาลีและสันสกฤต แปลว่า ราชา<o></o>

นิเวศน์ เป็นคำสันสกฤต แปลว่า บ้าน,วัง,ที่อยู่<o></o>

สถาน เป็นคำสันสกฤต แปลว่า ที่ตั้ง<o></o>

พิมาน เป็นคำบาลีและสันสกฤต แปลว่า ที่อยู่หรือที่ประทับของเทวดา<o></o>

อวตาร เป็นคำสันสกฤต แปลว่าแบ่งภาคลงมาเกิดในโลก<o></o>

สถิต เป็นคำสันสกฤต แปลว่าอยู่,ยืนอยู่,ตั้งอยู่<o></o>

สักกะ เป็นคำบาลี แปลว่า พระอินทร์<o></o>

ทัตติยะ เป็นคำบาลี แปลว่า ให้แล้ว<o></o>

วิษณุ เป็นคำสันสกฤต แปลว่า พระนารายณ์<o></o>

กรรม เป็นคำสันสกฤต แปลว่า กระทำ,การงาน,กิจ<o></o>

ประสิทธิ์ เป็นคำสันสกฤต แปลว่า ความสำเร็จ,ทำให้สำเร็จ<o></o>

<o></o>จากตอบกระทู้ # 72 แสดงถึงพระอินทร์สามารถจุติลงมาเป็นมนุษย์ได้ และตามกระทู้ที่ # 69 มีความคล้องจองกับแก้ว 7 ประการ (พระธรรม 7 ประการของพระอินทร์)

สำหรับ อาร์ ซี คริสเตียน (ตอบกระทู้ # 68) อาจจะเป็นองค์ เทพ เทวดา หรือนางฟ้า ที่จุติมาเพื่อปฏิบัติกิจให้ลุล่วงตามที่พระอินทร์ได้ประทานโอวาทมา จขกท ไม่มีหลักฐาน แต่ผลการวิเคราะห์ น่าจะเป็นเช่นนี้

จขกท มีหลักฐานหายาก โดยได้รับความกรุณามาจาก Metteya.org เป็นกรณีย์พิเศษ และจะนำมาลงให้ทุกท่านได้พิจารณาเป็นตอนๆ ไป

โปรดใช้กาลามสูตร อย่าได้เชื่อ จขกท สิ่งที่ จขกท และเพื่อนๆ วิคราะห์อาจไม่ถูกต้องก็ได้ ฉะนั้นโปรดพิจารณาว่าสิ่งใดเป็นกุศลธรรม เป็นประโยชน์ก็ควรนำไปใช้ ถ้าไม่ใช่ก็ควรละทิ้งไป

สรุป ชื่อของกรุงเทพฯ และการจุติของท้าวสักกะจอมเทพ (พระอินทร์) มาเป็นมนุษย์ มีความเกี่ยวข้องกับตำนานของพุทธศาสนา ศาสนาโลกอื่นๆ และเกี่ยวกับความเชื่อที่มีมาแต่โบราณกาล โปรดคิดว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้ ทั้งๆ ที่เรื่องราวนี้เกิดขึ้นต่างเวลา และสถานที่กัน ความเป็นไปได้ คือ ท้าวสักกะทรงเป็นผู้กำหนดขึ้น ตามที่มีหลักฐานเพียงพอที่สามารถนำมายืนยันได้

ออร์กะ · 20 กรกฎาคม 2010

ว่าด้วยพยากรณ์ของศาสนาและลัทธิอื่นๆ ที่กล่าวถึงท้าวสักกะจอมเทพ

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> จขกท ยึดหลักที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสนับสนุนให้หาความรู้ ไม่เฉพาะเชื่อในสิ่งที่พระผู้มีพระภาคตรัสสอน สิ่งใดดีมีประโยชน์ก็ควรนำมาพิจารณา ดังนั้นการที่ จขกท จำเป็นต้องเอาตำนานของศาสนาและพยากรณ์โลกอื่นๆ เข้ามาร่วมแสดงหลักฐาน เพื่อสนับสนุนพุทธพจน์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ทรงตรัสไว้ดีแล้ว และทั้งหมดนี้ควรเป็นประโยชน์แก่ผู้ต้องการศึกษา ในการอยู่รอดในช่วงการเปลี่ยนจากกลียุค ไปสู่กฤดายุค

จากข้อมูลที่ได้ต้นคว้ามา จะไม่มีผู้ใดทราบวันตัดสินมนุษย์โลกในวันมหันตภัยโลกมาก่อนล่วงหน้า แต่ไม่ควรเกินในช่วงชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันนี้ ซึ่งจากพยากรณ์ต่างๆ ชี้ไว้ตามตอบกระทู้ # <o></o>68

สิ่งที่สำคัญในขณะนี้อยู่ที่ว่า ท้าวสักกะจอมเทพนั้น ทางศาสนาและลัทธิอื่นๆ ยอมรับไหม เรื่องนี้ควรกลับไปสู่สมัยเริ่มต้น ที่มนุษย์รู้จักเรียกชื่อและกำหนดลักษณะของพระเจ้า และรักษามีหลักฐานไว้ถึงในปัจจุบัน

ซึ่งตามบัญญัติ 10 ประการสร้างขึ้นที่รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แสดงกุญแจไขใว้ด้วย 4 ภาษา คือ เบบี้โลเนี่ยน กรีก สันสกฤต และ อียิปต์ ซึ่งถ้าได้ศึกษาแล้วจะเข้าใจว่า แหล่งอารยธรรมที่ผู้คนใช้ภาษาดังกล่าวในสมัยนั้นๆ ยอมรับว่าเทพสูงสุดก็คือท้าวสักกะจอมเทพ สำหรับชื่อเรียกจะต่างๆ กันไปตามภาษาของเขา ซึ่งประเด็น ตือ ท้าวสักกะทรงกำหนด สรรพสิ่ง กำหนดกฎเกณฑ์ ไม่ใช่เฉพาะโลกนี้ แต่จักรวาลทั้งหลาย <o></o>

ตามพระคัมภีร์ไบเบิลพันธสัญญาเดิม และพันธสัญญาใหม่ พระองค์ทรงมีพระธรรม 7 ประการ เป็นเทียนแห่งชีวิต 7 เล่ม อย่างเช่น แก้ว 7 ประการ ที่บ่งไว้ตามชื่อของกรุงเทพฯ ซึ่งยังไม่มีผู้ใดทราบว่า พระธรรม 7 ประการ เป็นอย่างไร

ท้าวสักกะจอมเทพนั้นลี้ลับ แต่เป็นผู้กำเนิดขึ้นก่อนสิ่งใดๆ และจะเป็นผู้จากไปสุดท้ายในจักรวาลพิภพ เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างจักรวาล และสร้างสรรพสิ่งนั่นเอง ทรงเป็นผู้กำหนดการมีชีวิต หรือไม่มีชีวิตของสิ่งทั้งหลายบนโลกและจักรวาลเหล่านั้น <o></o>

ในพระคัมภีร์ไบเบิลพันธสัญญาใหม่ ได้บ่งไว้ถึงเมืองของท้าวสักกะจะประกอบไปด้วยแก้วมีค่านาๆ ชนิด เหมือนเช่น การบ่งชื่อของกรุงเทพมหานครฯ <o></o>ที่ประกอบด้วยแก้ว 9 ประการ

ดังนั้นการพยากรณ์เรื่องราวของท้าวสักกะ มิใช่จะมีอยู่แค่พระพุทธศาสนา หรือชื่อของกรุงเทพฯ แต่จะมีอยู่ในศาสนาและความเชื่อสมัยโบราณเหมือนๆ กันไปหมด

ที่จริงแล้วเรื่องราวของท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพมีมาก จนเป็นที่ยอมรับว่ามีมากกว่าเทพองค์ใดๆ พระองค์ทรงเป็นที่ยอมรับ และได้รับการยกย่องจากเทพทั้งหลาย จขกท คงสรุปเรื่องของท้าวสักกะมาลงเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับกระทู้เท่านั้น<o></o>ครับ
<o></o>
สรุป ท้าวสักกะจอมเทพเป็นที่รู้จักทั่วไปในชื่อต่างๆ ตามศาสนาและความเชื่อนั้นๆ โดยแต่ละสถานที่ และแต่ละเวลา มีข้อมูลที่คล้ายๆ กันอย่างน่าปลาดใจ <o></o>

ออร์กะ · 22 กรกฎาคม 2010

หลักฐานสำคัญของท้าวสักกะ

1. ท้าวสักกะแบ่งภาคมาจุติที่กรุงเทพมหานครฯ
หลักฐาน
1.1 ข้อมูลตามชื่อของกรุงเทพฯ (ตอบกระทู้ # 73)
1.2 นอสตราดามุสบ่งว่า เมืองที่มาจุติ เป็นทะเลมาก่อน (กรุงเทพฯ 10,000 ปีมานี่เอง ยังเป็นทะเลอยู่ ข้อมูลจาก AIT) และไม่สามารถวัดขนาดของเมืองได้ (ทั้งนี้เพราะกรุงเทพฯ ชื่อเมืองเทวดา ฉะนั้นเมืองเทวดาจึงวัดขนาดไม่ได้)
1.3 เวลาจุติ ในช่วงสงครามที่ชนะด้วยไฟบัลลัยกัลป์ (คือ สงครามโลกครั้งที่สอง โดยอเมริกาชนะด้วยระเบิดปรมาณูเป็นไฟเผาผลาน ทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้)

2. หลักฐานที่อยู่ในปัจจุบันของของท้าวสักกะที่แบ่งภาคลงจุติบนโลก อยู่ตามสถานที่ของดวงตราประทับ (ซีล) ของรัฐ และเมืองทั้ง 3 ดวง ของสหรัฐอเมริกา (ตอบกระทู้ # 68)

3. การมาจุติ มีวัตุประสงค์ในการนำมนุษยโลกสร้างสันติสุขขึ้น อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

สรุป เรื่องของท้าวสักกะแบ่งภาคมาจุติ (ควรดู ตอบกระทู้ # 72 ประกอบ) และเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นนั้น รายละเอียดและหลักฐานมีมาก แต่ที่นำมาลงไว้ในที่นี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพื่อชี้ให้เห้นว่า พุทธทำนาย ตำนาน การพยากรณ์ มีความถูกต้องเที่ยงตรงมาก

ออร์กะ · 6 สิงหาคม 2010

สรุปเรื่องของท้าวสักกะ (กำลังรวบรวมข้อมูล)
โปรดดูหน้า 5 ตอบกระทู้ที่ #93, #94, #95, #96, #97, #98, #99, #100

แทรกด่วน

เกิดแผ่นดินไหวกว่า 7.3 ริกเตอร์ในฟิลิปปินส์
<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2553 09:06 น.

แผ่นดินไหวรุนแรง วันที่ 21 กค. 53 ดูเหตุผลและหลักฐาน หน้า 3 ที่ใต้รูปที่ 6 ของตอบกระทู้ # 59

---------------------------------------------------------------------------

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> เหตุมาจากลงกระทู้ที่ ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2553 12:36 น.

เรื่อง: ปฏิเสธข่าวลือ “เทวาตรอน” พบ “อนุภาคพระเจ้า” แล้ว
นักฟิสิกส์ปฏิเสธข่าวลือ เครื่องเร่งอนุภาค “เทวาตรอน” ของเฟอร์มิแล็บในสหรัฐฯ พบ “อนุภาคอนุภาคพระเจ้า” หลังข่าวลือถูกเผยแพร่ผ่านบล็อกนักฟิสิกส์อนุภาคชาวอิตาลี ….

กระทู้ที่ลง # 34

ในอดีต เราเข้าใจอนุภาคที่เล็กสุดเรียกว่าโปรตอน (Proton) มีประจุเป็นบวก นิวตรอน (Neutron) เป็นตัวกลางไม่มีประจุลบหรือบวก และอิเลคตรอน (Electron) มีประจุลบ แต่ในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ต้องการพิสูจน์อนุภาคที่เล็กลงไปอีก เพื่อหาอนุภาคพระเจ้า คือมวลสารที่พระเจ้ากำหนดให้เกิด Big Bang แล้วกลายเป็นมวลสารต่างๆ จนกลายเป็นจักรวาล เป็นโลกที่เราอาศัยอยู่ สำหรับวิธีหาอนุภาคพระเจ้าที่ดี่ที่สุด ต้องเอาอนุภาคบวกคือโปรครอนนี้มาสองกลุ่ม แล้วเร่งความเร็วด้วยสนามแม่เหล็กพลังสูง ให้วิ่งในทิศทางตรงข้ามกันแล้วให้มาชนกัน ที่เรียกว่า (The Large Hadron Collider (LHC)) เพื่อหาลักษณะไฟฟ้าของการเกิดอนุภาคที่เล็กกว่าโปรตอน โดยข้อตกลงในทางมาตรฐานของนักวิทยาศาสตร์ ยอมรับเรียกว่า Higgs boson ซึ่งอนุภาคฮิกกส์นี้ จะหายไปเร็วมากหลังจากโปรตอนสองตัวชนกัน (ดูเส้นสีแดง) และกลายเป็น muons ซึ่งเป็น electrion ชนิดหนึ่ง เรื่องราวจริงๆ เป็นอย่างไร เราขอเป็นเพียงผู้ฟังน่าจะดีที่สุด สำหรับ LHC ออกแบบเป็นวงกลมคือ CERN มีรัศมี 27 กม. และ เทวาตรอน (Tevatron) มีรัศมี 6.28 กม.

<o></o>ข้อสังเกต พระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยญาณ มาแล้วกว่า 2500 ปี ฝรั่งยังตามไม่ทัน ใครสนใจใช้ “ธรณีสูบยักษ์สูบ บ้านเรือน รถยนต์–มหันตภัยล้างโลก” หาที่ Google

ขยายความ: นักวิทยาศาสตร์จะเรียกชื่อสมมุติฐานอะไรใหม่ขึ้นมา จะเรียกชื่ออะไรให้สวยงามอย่างไรย่อมทำได้ แต่จริงๆ แล้วการที่จะหาอะไรเกี่ยวกับพระเจ้า การใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์หานั้น ไม่น่าจะทำได้เพราะมันพ้นขอบเขตความสามารถทางวัตถุธาตุ มันเป็นเรื่องของไตรลักษณ์ ทุกสิ่งไม่แน่นอน เป็นเรื่องของความไม่พึงพอใจ เป็นเรื่องไม่มีตัวตน พระผู้มีพระภาคทรงตรัสไว้ดีแล้ว<o></o>

ที่น่าสนใจ คำทำนายของนอสตราดามุสบ่งว่า สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ได้เล่าเรียนกันมามันผิด จะต้องทิ้งขว้างไป เรื่องนี้จะสรุปนำมาลงไว้ที่ตอบกระทู้ # ต่อไป (ขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ ) <o></o>

ออร์กะ · 18 กรกฎาคม 2010

มนุษยโลกแบบไหน ที่จะต้องถูกพิพากษา กลับไปสู่นรกภูมิดังเดิม

ออร์กะ · 18 กรกฎาคม 2010

บทสรุปของ จขกท ในช่วงที่ผ่านๆ มา

Riyko · 19 กรกฎาคม 2010

จาก #75 และ #74 อยากทราบความหมายของข้อความที่ว่า
"ท้าวสักกะแบ่งภาคมาจุติ" มีลักษณะเป็นอย่างไรคะ.

ขอบคุณค่ะ

ออร์กะ · 26 กรกฎาคม 2010

Riyko said: ↑

จาก #75 และ #74 อยากทราบความหมายของข้อความที่ว่า
"ท้าวสักกะแบ่งภาคมาจุติ" มีลักษณะเป็นอย่างไรคะ.

ขอบคุณค่ะ
Click to expand...

ขออนุโมทนาว่าเป็นคำถามที่ดีมากครับ

ขอชี้แจงดังนี้ก่อนว่า

1. ประการแรกต้องทำความเข้าใจกับคำว่าจุติก่อน

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> จุติ ก. เคลื่อน, เปลี่ยนสภาพจากกำเนิดหนึ่ง ไปเป็นอีกกำเนิดหนึ่ง, (มักใช้แก่เทวดา). (ป.; ส. จฺยุติ).<o></o> กล่าวคือ ย้อนกลับไปหารากศัพท์ โดยมาเน้นที่ความเปลี่ยนแปลง ซึ่งแม้จะในความหมายว่า "ตาย" หรือ "เคลื่อน" ก็เป็นมโนทัศน์ของสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนขั้นที่เรียกว่ า "เกิด" แน่ๆ

อ้างอิง: พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒<o></o>
ประคอง นิมมานเหมินท์. มองภาษา. กรุงเทพฯ : แม่คำผาง, ๒๕๔๗.

สรุป คือท้าวสักกะเคลื่อนมาจากสวรรค์และมาเกิดในเมืองมนุษย์

2. ตอบกระทู้ # 72 ท้าวสักกะตรัสกับพระพุทธเจ้าโคตม คือ
2.1. ความตรัสรู้จักมีแก่เราในภายหน้า คำว่าตรัสรู้จะใชกับพระพุทธเจ้าครับ
2.2. เราจุติจากกายมนุษย์แล้ว ละอายุอันเป็นของ มนุษย์แล้ว จักกลับเป็นเทวดาอีกจักเป็นผู้สูงสุดในเทวโลก แสดงว่าท้าวท้าวสักกะจอมเทพ สามารถจุติแบ่งภาคมาป็นมนุษย์ได้

3. ยืนยันข้อที่ 1. โดยใช้ตอบกระทู้ #73 คือท้าวสักกะมาจุติ ที่กรุงเทพฯ ถ้าคิดว่าไม่พอเพียงก็ใช้นอสตราดามุสเข้ามาช่วย

เรื่อง "ท้าวสักกะแบ่งภาคมาจุติ" มีลักษณะเป็นอย่างไรคะ. นั้น จะขอแยกเป็นประเด็นเฉพาะเท่าที่จะตอบได้ชัดเจนดังนี้ครับ

1. ภาคการจุติ

1.1 เมื่อท้าวสักกะมาจุติ ก็ต้องมีมารดา บิดา เช่นเดียวกับศาสดา เช่นพระพุทธเจ้า และศาสดาองค์อื่นๆ ที่เป็นที่รู้จักทั่วไป
1.2. ท้าวสักกะในเมืองมนุษย์ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาตามธรรมชาติ
ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้ว คือ เกิด แก่ เจ็บตาย ไม่น่าจะมีอะไรพิเศษไปกว่านี้

2. ภาคการแบ่งภาคมาจุติ คำตอบที่ชัดเจน อยู่ในคำของจอมเทพถึงไอแซฮ์ ผู้มีญาณวิเศษ เมื่อ 2700 ปีมาแล้ว เรื่องนี้อยู่ที่
<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>คัมภีร์ไบเบิล พันธสัญญาเก่า ไอแซฮ์ บทที่ 41 จากประโยคที่ 2-4 แปลแบบอธิบายในตัวดังนี้คือ

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> ใครยกย่องอรหันต์ (หมายเหตุจักรพรรดิสูตร: พระพุทธเจ้าตรัสถึงพระจักรพรรดิคืออรหันต์) จากตะวันออกที่เราเขาต้องสยบไปแทบเท้าของพระจักรพรรดิ เตรียมให้อานาจักรของประเทศต่างๆ ไว้ก่อน และ ทำให้พระจักรพรรดินี้เป็นผู้อยู่เหนือผู้นำทั้งหลายบนโลกนี้ใช่ไหม พระจักรพรรดิผู้ที่จะทำให้เราเขาทั้งหลาย กลายเป็นเพียงฝุ่นเกาะอยู่ที่ดาบของเขา และพระองค์ขับไล่คนโง่ ดื้อด้านด้วยเพียงคันศร (ไม่ต้องใช้ลูกธนู) พระจักรพรรดิได้ติดตามพวกโง่และคื้อด้านและผ่านไปอย่างปลอดภัย; ถึงแม้ว่าแผ่นดินนั้น พระจักรพรรดิยังมิได้ไปเหยียบมาก่อน ใครล่ะเป็นผู้กระทำและทำกิจเหล่านี้ให้สำเร็จได้ ผู้นั้นคือผู้ที่ผู้คนทั้งหลายได้กล่าวขานกันมาในทุกยุคทุกสมัย ข้าผู้เป็นเทพผู้อยู่เหนือสิ่งใด (ท้าวสักกะจอมเทพ) ผู้เกิดขึ้นก่อนและผู้ที่จะจากไปเป็นผู้สุดท้าย

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>(Who raised up the righteous man from the east, called him to his foot, gave the nations before him, and made him rule over kings? he gave them as the dust to his sword, and as driven stubble to his bow. He pursued them, and passed safely; even by the way that he had not gone with his feet. Who hath wrought and done it, calling the generations from the beginning? I the LORD, the first, and with the last; I am he.)

เรื่องของการดำเนินการของพระจักรพรรดิตามที่ได้ค้นคว้า มีหลักฐานมากเพียงพอนอกเหนือไปจาก ไอแซฮ์ ดังที่ยกขึ้นมาข้างต้น ว่าพระจักรพรรดิจะทำการใดๆ ไม่ได้ จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากสักกะจอมเทพจากสวรรค์เบื้องบน และจอมเทพยังติดตามเรื่องของพระจักรพรรดิบนโลก หลักฐานที่ชัดเจนคือ ให้มนุษย์ดาวอังคารส่งข้อความเขียนไว้บนแปลงนาข้าว ที่ประเทศอังกฤษเมื่อปี พ.ศ 2544 ใจความสำคัญบ่งว่าขอให้มีความอดทน ความเจ็บปวดยังมีมาอีกมาก

สรุป จากข้อความของไอแซร์ เมื่อ 2700 ปีมาแล้ว ข้อความของมนุษย์ดาวอังคาร และข้อมูลอื่นๆ เช่น ชื่อของกรุงเทพฯ พยากรณ์และตำนานต่างๆ แสดงถึงความชัดเจนว่า พระจักรพรรดิคือ ท้าวสักกะผู้แบ่งภาคมาจุติในเมืองมนุษย์ผู้ไม่มีฤิทธิ์ใดๆ โดยสักกะจอมเทพองค์จริงจะอยู่บนสวรรค์คอยให้ความช่วยเหลือ

ขอขอบคุณและให้เกียรติข้อมูลจาก Metteya.org และเครือข่าย

ออร์กะ · 9 สิงหาคม 2010

แทรกตัวอย่างภัยพิบัติที่เกิดขึ้น จนกลายเป็นเรื่องจำเจ

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> พายุถล่มทำไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในเมืองหลวงสหรัฐฯ<o></o>
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กรกฎาคม 2553 12:44 น
<o></o>
เอเจนซี - เกิดไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในกรุงวอชิงตันเมืองหลวงของสหรัฐฯ และพื้นที่โดยรอบเมื่อค่ำคืนวานนี้(25) หลังพายุรุนแรงโหมกระหน่ำจนสายไฟฟ้าขาด ต้นไม้จำนวนมากหักโค่น ซึ่งในจำนวนนั้นหล่นลงมาทับรถมินิแวนคันหนึ่งทำ ผู้หญิงรายหนึ่งที่อยู่ในรถคันดังกล่าวเสียชีวิต

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><o:smarttagtype namespaceuri="urn:schemas-microsoft-com<img src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" omg-smile.gif="" border="0" alt="" title="Surprised" smilieid="34" class="inlineimg"></o:smarttagtype>Wildfires burn 30-plus homes, threaten 150
By RAQUEL MARIA DILLON, Associated Press Writer Raquel Maria Dillon, Associated Press Writer 28 กค 58
<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>ไฟป่าประมาณ 5 ตาราง กม. ไหม้บ้านคนไป 30 กว่าหลังคาเรือน อีก 150 หลังอยู่ในอันตราย

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> ข่าว 29 กค 53 Airbus A321 ของสายการบินปากีสถาน (Airblue) ตกที่บริเวณเชิงเขาในวันพุธ เนื่องจากพายุฝน 152 คนบนเครื่องไม่มีผู้รอดชีวิต เหตุเกิดขณะที่เจ้าหน้าที่หอการบินที่สนามบินกำลังนำร่องให้เครื่องลงจอด แต่ได้ขาดการติดต่อกับนักบิน ข้อสังเกต สนามบินนานาชาติ ราวัลบินดิ อิสลามาบัด ของเมืองหลวงอิสลามาบัด ที่มีภูเขาล้อม

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><o:smarttagtype namespaceuri="urn:schemas-microsoft-com<img src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" omg-smile.gif="" border="0" alt="" title="Surprised" smilieid="34" class="inlineimg"></o:smarttagtype> 7/29/2010 ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด Baluchistan น้ำป่าฆ่า 70 คน และที่ MINGORA น้ำป่าฆ่า 150 คน เมื่ออาทิตย์ก่อน และอาทิตย์นี้ อีก 60 คนถูกฆ่าโดยน้ำป่าที่ <st1><st1:city w:st="on">PESHAWAR</st1:city></st1>

<st1><st1:city w:st="on">
</st1:city></st1>

สค 53 คิดสักนิดน่ะครับ ถ้าเป็นเช่นนี้ อีสานจะเป็นอย่างไรต่อไป

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> ไทยรัฐออนไลน์
วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2553
จีนระบุน้ำท่วมปี 2553 คนตายกว่า 2,100 ราย ต้องอพยพหนีน้ำกว่า 12 ล้านคน บ้านพัง 1.4 ล้านหลัง มูลค่าความเสียหาย 1.3 ล้านล้านบาท ขณะที่ปากีสถานดับแล้วกว่า 1,600 ศพ...

ข่าว AFP 9 สค. 2553 UN บ่งน้ำป่าจากฝนตกหนักที่ปากีสถานติดต่อกันสองอาทิตย์ว่า คน 1600 ตาย บ้านเรือนพังกว่า 250,000 หลัง ขอให้ท่านสังเกตุว่า พยากรณ์ไม่ได้เขียนเพื่อเป็นนิทานครับ จขกท ถึงไม่สงสัยว่าทำไมระยะนี้นักข่าวต่างประเทศ เขาถึงมาสนใจเรื่องคำทำนายกันบ้างแล้ว

ออร์กะ · 27 กรกฎาคม 2010

เรามนุษย์ผู้ตามรอยพระบาทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นกุศลธรรมเป็นทางอันบริสุทธิ์ที่ก้าวไป แต่ในขณะที่ก้าวไปนั้น จะหลีกเลี่ยงเหล่ามนุษย์บาปไม่ได้

เมื่อไรหนอพระจักรพรรดิจักปรากฏขึ้น เพื่อนำมนุษย์ทุกเหล่าได้ดำเนินไปในทางของกุศลธรรม หันหลังให้กับอกุศลกรรม เห็นสันติสุขที่แท้จริงเป็นที่พึ่งเช่นเดียวกัน

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> “วาฬสีน้ำเงิน” เจ้าสมุทรที่ใกล้สูญพันธุ์ ดูภาพชุดจาก Manager Multimedia ขอขอบคุณและให้เกียรติ ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กรกฎาคม 2553 02:28 น.
<o></o>
<o></o> วาฬไม่ใช่ “ปลา”

เราคุ้นเคยกับการเรียกวาฬว่า “ปลาวาฬ” เช่นเดียวกับการเรียกโลมาว่า “ปลาโลมา” แต่สัตว์น้ำทั้งสองชนิดนั้นเป็นสัตว์เลือดอุ่นที่เลี้ยงลูกด้วยนม โดยวาฬจะหายใจได้เช่นเดียวกับคน และหายใจแต่ละครั้งสามารถดำน้ำได้นานถึง 20 นาที
<o></o>
นักท่องสมุทรส่งเสียงได้ไกล 1,600 กม.

วาฬสีน้ำเงินอาศัยอยู่ทั่วไปในมหาสมุทรทั่วโลก โดยมักจะว่ายน้ำเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ปกติจะพบเพียงลำพังหรือไปเป็นคู่

นอกจากเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว วาฬสีน้ำเงินยังเป็นสัตว์ที่เสียงดังกังวานที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งภายในสภาวะที่เหมาะสม วาฬสีน้ำเงินสามารถส่งเสียงถึงวาฬอีกตัวที่อยู่ไกล 1,600 กิโลเมตรได้ โดยจะส่งชุดเสียงเป็นคลื่นสั้น เสียงครวญครางหรือโหยหวนออกไป

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> ภาพสะเทือนใจเมื่ออุตสาหกรรมล่าวาฬของญี่ปุ่นจับวาฬแม่-ลูก ทั้งที่ผิดข้อห้ามของไอดับเบิลยูซี

ใครน่ะเป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ ที่ทำมาจากผลของการฆาตกรรมโหดเช่นนี้

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> อุตสาหกรรมล่าวาฬที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าอดีตมาก (Australian Costoms Service)
นี่หรือที่เราเรียกว่ามนุษย์ที่เจริญและพัฒนา

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>วาฬยักษ์์ใหญ่ใจดี ทานกริลล์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารหลักของวาฬตัวใหญ่ (บีบีซีนิวส์) แล้วคนล่ะ !

โปรดฟังเธอ จะทำให้ท่านเข้าใจความทุกข์ของผู้บริสุทธิ์
<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>

Nirvana · 27 กรกฎาคม 2010

ใครที่ทำอะไรแบบนี้ จะรู้ถึงผลลัพธ์ที่ตนเองได้กระทำไปในเร็ววันนี้

พงไพร · 27 กรกฎาคม 2010

ถ้าโลกอยากจะเเตกจริงก็ไม่ได้ว่าอะไรเเต่2012บ่เเตกเเน่เพราะพระศรียังบ่มา

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ธรณีสูบยักษ์สูบ มหันตภัยล้างโลก–พยากรณ์โลก-กับหลักฐานสำคัญ-พระจักรพรรดิ 30 กย 53

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

Slide1.JPG

Riyko เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

Georgia-2.jpg

Georgia-3.jpg

Georgia-1.jpg

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

Riyko เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

ที่พึ่งสุดท้าย.mp3

Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

พงไพร Active Member

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ธรณีสูบยักษ์สูบ มหันตภัยล้างโลก–พยากรณ์โลก-กับหลักฐานสำคัญ-พระจักรพรรดิ 30 กย 53

ไฟล์ที่แนบมา:

Slide1.JPG

ไฟล์ที่แนบมา:

Georgia-2.jpg

Georgia-3.jpg

Georgia-1.jpg

ไฟล์ที่แนบมา:

ที่พึ่งสุดท้าย.mp3

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา