ขอโทษประเทศไทย โฆษณาที่โดนแบน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nunoiyja, 18 กรกฎาคม 2010.

  1. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    เรามาทำความรู้จักบุคคลนี้กันซักเล็กน้อยนะครับ


    a day 100 idols อะเดย์ฉบับพิเศษนี้ได้รวบรวม ไอดอล หรือคนที่่มีชื่อเสียงในประเทศไทย 100 คนมาแสดงทัศนความคิด ในมุมมองของแต่ละคน และ 1 ในนั้นก็มี คุณภาณุ อิงควัต ผู้สร้างตำนานคนหนึ่งของวงการโฆษณาไทย ผู้ก่อตั้ง BAD AWARD สร้างมาตรฐานใหม่ๆ และพลิกโฉมหน้าวงการ ให้ประเทศไทยเป็น 1 ในประเทศที่น่าจับตามองในเรื่องโฆษณา

    [​IMG]
    A MAN OF TASTE
    ห้องทำงานบริเวณหัวมุมของอาคารชั้น 2 กระจกใสเปิดโล่งให้เห็นต้นไม้ใหญ่บริเวณออฟฟิศ บนชั้นหนังสือรวบรวมหนังสือดีไซน์ต่างประเทศไว้มากมาย ทั้งหนังสือและเอกสารในการทำงานจัดวางไว้ด้านข้างของโต๊ะ กาแฟหนึ่งถ้วยและน้ำดื่มเตรียมความพร้อมสำหรับการสนทนาภายในห้องทำงานของ ภาณุ อิงคะวัต

    ครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ บริษัท เกรย์ฮาวนด์ จำกัด คือตำแหน่งที่ปรากฎอยู่บนนามบัตรของเขา นี่ยังไม่นับว่าเขาเคยเป็นประธานของ บริษัท ลีโอ เบอร์เนทท์ (ประเทศไทย) จำกัด เอเจนซี่โฆษณาระดับแนวหน้าของไทยและของโลก ทั้งยังเป็นต้นแบบของคนรุ่นใหม่่ที่เข้ามาทำงานโฆษณาหลายๆ คน ไม่น่าแปลกใจเลยหากจะมีคนมากมายฝันอยากนั่งอยู่ในตำแหน่งที่เขาใช้ความสามารถเพื่อให้ได้มาในวันนี้บ้าง

    เสี้ยวหนึ่งของความต้องการวัยเด็ก ภาณุอยากเป็นสถาปนิกแต่รู้ว่าเรียนไม่ได้เพราะอ่อนวิชาฟิสิกส์กับคณิตศาสตร์ ถึงกระนั้นก็รู้ว่าตัวเองชอบศิลปะและต้องการเรียนต่อทางด้านกราฟฟิกดีไซน์ จึงขอครอบครัวไปเรียนต่างประเทศทันทีที่จบ ม.3 เขาเข้าเรียนในโรงเรียนกราฟิกดีไซน์ที่ประเทศนิวซีแลนด์จนจบไฮสคูล แล้วจึงไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ นอกจากจะได้เดินดูบรรยากาศที่สวยงามของบ้านเมืองในต่างประเทศอย่างเต็มอิ่มและได้เรียนในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยศิลปะแล้ว สิ่งที่ได้รับการฝึกฝนจากการเรียนได้ปลูกสร้างทัศนคติและพิ้นฐานในการแสดงออกทางความคิดซึ่งเขานำมาใช้ในการทำงานเสมอมา

    "พอย้ายไปอยู่เมืองนอกผมไปได้การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการถกเถียงกันเยอะ บังเอิญเป็นคนไม่ชอบการท่องหนังสืออยู่แล้ว โชคดีอีกเพราะว่าเรียนอาร์ต ผมรู้สึกมันเป็นวิชาที่ง่ายมากสำหรับคนที่ชอบนะครับ เพราะชีวิตเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมอง มันอาจจะมีเวลาสักหนึ่งอาทิตย์ไปทำโปรเจกต์ พอถึงกำหนดเวลาเขาจะเอางานทั้งหมดมากองตรงกลางแล้วทุกคนคอมเมนต็แลกเปลี่ยนมุมมองกัน นั่นคือสิ่งที่ทำมาโดยตลอดไม่ว่าจเป็นเรียนที่นิวซีแลนด์หรือไปเรียนที่อังกฤษ"

    "การฟังความคิดเห็นของคนอื่นสำคัญนะ ส่วนตัวผมรู้สึกว่าผมไม่ได้เป็นคนแรงไม่ได้เป็นอาร์ติสต์จัดๆ เพราะคนที่เป็นอาร์ติสต์จัดๆ เขาจะไม่สนใจคอมเมนต์อะไรมาก เขามีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีนะ เพราะบางครั้งผมรู้สึกว่าผมอ่อนเกินไปเรื่องตัวตนของตัวเอง แต่ว่ามันดีอย่างเสียอย่าง ในความชัดเจนทำให้เขาแน่วแน่ แต่ผมรู้สึกว่าการรับฟังการได้ยินข้อมูลเพิ่มเติมทำให้เราหันกลับมามองตัวเองและพัฒนาให้มันตรง ซึ่งตรงนี้จะเป็นสิ่งที่ตรงกับงานแรกของผมเลยคืองานโฆษณาซึ่งเป็นอารต์แบบคอมเมอร์เชียล มากกว่าเพียวอาร์ต"

    ภาณุ เข้าไปเป็นส่วนประกอบหนึ่งของ ลีโอ เบอร์เนทท์ บริษัทโฆษณาที่มีสาขาในหลายประเทศทั่วโลกจากการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับศิลป์และค่อยๆ ก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ จนตำแหน่งสูงสุด ที่นี่ปลูกฝังรากฐานขององค์กรที่ผลักดันการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ให้กับเขา เขากล่าวว่าการทำงานกับคนยุคนั้นหลายคนเต็มไปด้วยความสนุก และเป็นยุคที่พวกเขาได้บุกเบิกสิ่งใหม่ๆ ในการทำงานโฆษณา

    "การทำงานโฆษณาโดยเฉพาะในช่วง ลีโอ เบอร์เนทท์ เป็นช่วงที่ำสำคัญมากในชีวิตผมนะ ทั้งในเรื่องความรู้ และการเข้าใจว่าองค์กรดีๆ เป็นยังไง ได้รู้จักคนดีๆ หลายคนที่ช่วยให้ความรู้นอกเหนือจากความรู้ในสายอาชีพและเป็นเพื่อน หลายคนมีอิทธิพลต่อความคิดผมไม่ว่าจะเป็นคนของลีโอ เบอร์เนทท์ ในต่างประเทศก็ดี คนไทยที่ร่วมสายอาชีพกัน อย่างเช่น คุณคฑา สุทัศน์ ณ อยุธยา ทั้งเรื่องงานหรือชีวิตทั่วไป คุณคฑา เป็นคนลึกซึ้ง เพราะฉะนั้นเวลาแกมองอะไรคิดอะไรหรือถามคำถามอะไร มันช่วยเปิดความคิดคน ฉะนั้นตลอดเวลาไม่ใช่เป็นกา่รทำโฆษณาที่ฉาบฉวยหรือแค่มีลูกเล่นไปวันๆ แต่มันเป็นการตั้งคำถามใหญ่ว่ามันกำลังทำหน้าที่อะไรในภาพเล็กและภาพใหญ่ ทำให้เราเรียนรู้ คนเหล่านั้นที่อยู่รอบข้างผมทำให้ผมมีความลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น"

    การทำงานโฆษณามีบรรยากาศที่สนุกและท้ายอยู่ในนั้น วันแต่ละวันผ่านไปโดยไม่สามารถแยกแยะได้ว่าส่วนไหนคือชีวิตส่วนตัวส่วนไหนคือชีวิตการทำงาน เมื่อความชอบเกิดขึ้นชีวิตจึงไม่ต้องแบ่งแยกอีกต่อไป

    "สำหรับผม ถ้าคุณได้ทำในสิ่งที่คุณสนุกกับมัน คุณจะเรียกว่ามันเป็นงานหรือชีวิตของคุณเลยก็ได้ สำหรับผมมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด มีคนบอกว่าถ้าคุณสนุกกับงานคุณจะมีวันหยุดเจ็ดวันต่ออาทิตย์ ไม่ใช่รอการมารถึงของวันเสาร์อาทิตย์อย่างเดียว"

    หลายปีแล้วที่ภาณุละจากเก้าอี้ผู้บริหารของลีโอ เบอร์เนทท์ มาบริหารธุรกิจ บริษัท เกรย์ฮาวนด์ ของตัวเองเต็มตัว เขานำหลักการบริหารองค์กรที่เรียนรู้จากการทำงานโฆษณามาปรับใช้ และหวังว่าจะได้เห็นภาพขององค์กรแห่งนี้ว่าเป็นองค์กรที่เป็นมิตร มีระบบ มีวินัย ผลักดันให้ัเกิดการแสดงออก และสามารถท้าทายกันเองได้ แม้ทุกวันนี้จะยังไม่สำเร็จตามที่หวังไว้ทุกอย่าง

    "ผมยังรู้สึกว่าเขาแสดงความคิดเห็นกันน้อยเกินไป เขายังรอให้ผมตัดสินใจให้เขามากเกินไป สำหรับผม ผมอยากให้คนทุกคนโดยเฉพาะคนระดับซีเนียร์ท้าทายผมได้ ผมรู้สึกว่าผมคนเดียวทำไม่ได้ ผมไม่ได้ใกล้ชิดกับทุกสายงานในบริษัท แต่ีละคนที่ถนัดกับสาายงานหรือเจาะลึกกับสายงานนั้นต้องรู้ดีกว่าผม และต้องรู้ปัญหาหรือเห็นทางออกได้ดีกว่าผมด้วยซ้ำ ผมอาจจะเป็นคนสะท้อนความคิดให้เขาได้ แชร์มุมมองหรือมองต่างมุมให้เขาได้ แต่ผมอยากให้เขาเป็นเจ้าของในสิ่งที่เขาทำและต่อสู้เพื่อมันมาให้ได้ คุณต้องชัดเจนว่าคุณทำอะไรอยู่ คุณมีหน้าที่อะไรในองค์กรนั้นๆ เพระาผมเชื่อว่าถ้าคุณชัดเจนในสิ่งที่คุณทำและคุณเติบโตไปในทางนั้น คุณจะเป็นแรงสำคัญในการผลักดันองค์กรได้"

    รสนิยมและตัวตนของภาณะสะท้อนให้เห็นจากทิศทางการออกแบบเสื้อผ้า ร้านอาหาร รวมถึงการออกแบบสภาพแวดล้อมที่ทำงานซึ่งเขาต้องนำตัวเองเข้าไปอยู่แทบทุกวัน สิ่งเหล่านี้คือรสนิยมที่เขามีไว้เป็นชีวิตส่วนตัวและนำเสนอเป็นทางเลือกให้กับคนทั่วไปที่ชื่นชมและชอบเหมือนๆ กันได้ใช้บ้าง

    "ผมรู้สึกรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ ถ้าเทียบกับคนที่ทำงานไปเพราะความจำเป็น สำหรับผมโชคดีมาตลอด ตั้งแต่ได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ ที่บ้านเข้าใจ ให้อิสระในการเลือก ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบประสบความสำเร็จในระัดับหนึ่งก็แฮปปี้ตลอด ถือว่าชีวิตสบายไปด้วยซ้ำ"

    สุดท้ายสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความสุขในชีวิตสำหรับภาณุ อิงคะวัต คือรสนิยมในการเลือกสรรสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต ส่วนเส้นทางของชีวิตของเขาที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลานั้นเป็นอย่างไร เขาบอกว่าเป็นไปตามวิถีของธรรมชาติเท่านั้นเอง

    "ผมมีทฤษฎีหนึ่งว่า มันถูกกำหนดมาหมดแล้ว ศาสนาพุทธเรียกว่ากรรมมั้ง คนเราทำไมเลี้ยงลูกมาด้วยกันหลังคาเดียวกันพ่อแม่เดียวกัน ทำไมแตกต่างกัน การดำเนินชีวิตนิสัยใจคอแตกต่างกันทั้งๆ ที่อยู่ห้องนอนเดียวกันด้วยซ้ำ มันถูกกำหนดมา สายอาชีพ ความล้มเหลวในชีวิตมันถูกกำหนดมาหมดแล้ว เราแค่ดำเนินไปตามครรลองเพียงแต่ว่าสิ่งที่เราทำมันคงมีอีกสักนิดเป็นตัวตนของเรา ถ้าเราใช้ดุลพินิจหรือความรู้ที่เราเรียนรู้มาประกอบกับความเป็นคนดีเข้ามาเป็นตัวนำ มันทำให้เกิดกรรมใหม่ขึ้นมาและทำให้เราดำเนินไปในความเป็นมนุษย์ทีดี นั้นเป็นส่วนที่เราสามารถสร้างสมเข้ามาใหม่ได้

    มองไปนอกห้องทำงาน มวลสีเขียวของหมู่ไม้นอกหน้าต่างกำลังไหวๆ อยู่ตามแรงลม ...และตามครรลองที่มันควรเป็นไป
    ลอกมาจากคุณภาณุ อิงคะวัต จาก a day 100 idols | adver (ไทย) sing

     
  2. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    “ภาณุ อิงคะวัต” แจงกรณีถูกแบนโฆษณา ขอโทษ..ประเทศไทย



    เขียนโดย อรปวีณ์ บัวชูวันอังคารที่ 20 กรกฏาคม 2010 เวลา 00:59 น.


    [​IMG]ประธานเครือข่ายพลังบวก หวังคนไทยได้ดูโฆษณาชุดนี้ ร่วมย้อนมองรากของปัญหาความรุนแรง มากกว่าเหตุการณ์ ด้านนันทนา นันทวโรภาส ยกทฤษฎีกระสุนปืน แนะกก.เซ็นเซอร์ อย่ากลัวจนเกินเหตุ ยิ่งปิดคนยิ่งยากรู้


    วันนี้ (19 ก.ค.) เวลา 22.30 น. รายการตอบโจทย์ประเทศไทย ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย นำเสนอ กรณี ภาพยนตร์โฆษณาชุด “ขอโทษ ประเทศไทย” ถูกคณะกรรมการกองเซ็นเซอร์ระงับการออกอากาศในฟรีทีวี โดยมีนายภาณุ อิงคะวัต นักโฆษณาและประธานเครือข่ายพลังบวก และ ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ร่วมแสดงความคิดเห็น ดำเนินรายการโดยนายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา

    นายภาณุ กล่าวถึงโฆษณาชุด “ขอโทษ ประเทศไทย” ถูกสั่งระงับออกอากาศว่า ตนยังอยากให้ทุกคนได้ดูโฆษณาชิ้นนี้ เพราะถือเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่คนไทยไม่ได้ย้อนมองรากของปัญหาประเทศไทยอย่างจริงจัง เป็นสิ่งที่จะช่วยสะท้อนว่า สิ่งที่เกิดที่แยกราชประสงค์นั้น แท้จริงมีสาเหตุมายาวนานและเกิดจากหลายฝ่าย ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ให้เหตุผล อาจจะต้องมีอีกหลายประเด็นที่ตัดออก หรือปรับแก้กว่า 80 % ก่อนโฆษณาชิ้นนี้จะออกอากาศได้ โดยเฉพาะเรื่องที่สะท้อนความจริง แต่ไม่สามารถเปิดเผยในที่แจ้งได้

    “ไม่มีโฆษณาชิ้นไหนถูกใจคนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งสำคัญ ต้องโดนใจคนได้จำนวนหนึ่งในการเสนอมุมมอง ซึ่งเครือข่ายพลังบวก ยังมีอีกหลายวิธีการที่จะช่วยเปลี่ยนความรู้สึกเครียด โกรธ แค้น ให้เป็นบวก อาทิ การรณรงค์ผ่านบิลบอร์ด หนังสือ กิจกรรม เวทีการคิดพลังบวก ซึ่งจะเป็นกลไกต่อไป”
    นายภาณุ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการอาจจะเข้าใจว่าคนรับสารมีความรู้น้อย แต่ในความเป็นจริงคนที่สนใจเรื่องการเมืองมีจำนวนมาก และมีความรู้ มีวิจารญาณพอ ซึ่งหากให้ประชาชนได้ดูหนังโฆษณาเรื่องนี้จะช่วยให้มุมมอง แต่ละเรื่องเป็นอีกจุดที่ต้องตระหนัก และทุกคนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ ในบทบาทเล็กๆที่ทุกคนอยู่ร่วมกัน

    ด้าน ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก กล่าวว่า ประเด็นที่โดนคณะกรรมการสั่งห้ามออกฉาย น่าจะมาจากเรื่องความรุนแรง ภาพการเผาทำลาย ภาพทหารถือปืนไล่ยิง ซึ่งหากจำเหตุการณ์ได้ จะปรากฎในภาพข่าวตลอดเวลา แต่เมื่อโฆษณาชุดนี้ ถามว่ารุนแรงหรือไม่ ทำให้ทุกฝ่ายต้องมองว่า ขณะนี้ได้ทำอะไรที่เกินกว่าสิ่งที่ควรจะทำหรือไม่ หลายคนกำลังอธิบายชุดของเหตุการณ์ว่า ใครเป็นโจทย์และจำเลย หากย้อนไป เหตุการณ์ 14 ตุลาคม และพฤษภาทมิฬ มีจำเลย แต่พอเหตุการณ์ 19 พฤษภา ไม่มีจำเลย ไม่มีใครยอมรับ ทุกคนเป็นฝ่ายผิดทั้งหมด ซึ่งทางคณะกรรมการอาจจะรับไม่ได้ตรงจุดนี้

    “โฆษณาชิ้นนี้ไม่ได้ทำแบบผิวเผิน หรือทำเฉพาะ 2-3 เดือนที่เกิดความรุนแรง แต่มองลึกลงไปถึงปัญหาสังคมไทย จึงมีคำถามที่โดนใจหลายคำถาม เริ่มต้นที่ทำให้คนสนใจว่า ใครทำผิด รุนแรงไปหรือเปล่า หรือฟังความข้างเดียว โดยจะมีภาพเสื้อเหลืองเสื้อแดง ซึ่งคิดว่าโดนใจคนดู จากไม่เคยเปิดใจฟังอีกฝ่ายหนึ่งเลย ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร หรือปัญหาที่ฝังในสังคมไทยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แม้กระทั่งคำถาม ให้ปัญญาคนหรือไม่ ขณะที่มีเหตุการณ์เดินขบวนประท้วงกันอยู่ แต่ทีวีก็ยังฉายละครที่เป็นฉากตบตีเรียกเรตติ้ง เป็นต้น”

    ดร.นันทนา กล่าวถึงคำถามทั้ง 11 ข้อ ในโฆษณา ทุกคำถามเป็นคำถามสำคัญที่สามารถทำให้คนฟัง คนดูหยุดคิดได้ ซึ่งอาจจะยังมีคำถามมากมายที่สะเทือนใจได้มากกว่านี้ เช่น ทำไมคนไทยยังจนอยู่แบบนี้ ซึ่งยังนำเสนอไม่ได้ แต่ถือว่าคำถามครั้งนี้ ได้ช่วยสื่อถึงปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นและเป็นปัญหาที่สะท้อนเรื่องที่หยั่งรากในสังคมได้ในระดับหนึ่ง ทำให้สังคมต้องช่วยกันมองไปข้างหน้า
    “วิธีการสื่อสาร การใช้ถ้อยคำ การใช้ภาพ ของโฆษณาชุดนี้ อาจเป็นเพียงการสื่อสารกับชนชั้นกลาง และชนชั้นล่างอาจเข้าไม่ถึง กับสิ่งแสดงออกมา แต่หากมีความถี่เข้ามาช่วย มีคนช่วยสื่อสารให้เข้าใจ จะทำให้ทุกระดับซึมซับได้มาก ขณะนี้ชนชั้นกลางสามารถรับได้และเข้าใจได้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่หลังจากนั้น จะต้องกระจายสู่รากหญ้า ผ่านสื่อบุคคล หากลงไปทำกับผู้นำชุมชนช่วยในการสื่อสาร จะเกิดการเข้าใจได้มากขึ้น”

    ดร.นันทนา กล่าวอีกว่า การเอาแต่เถียงว่าใครผิดนั้นไม่มีประโยชน์ อยากให้ทุกคนหันกลับมามองตัวเองว่า เป็นส่วนหนึ่งของพลังบวก ส่วนหนึ่งการแก้ปัญหาสังคม ซึ่งสิ่งที่อยากบอกกับคณะกรรมการ คือ อย่ากลัวจนเกินไป เพราะความกลัว ยิ่งจะคนจะเข้ามาดูมาก เป็นการเชิญชวน และก็แก้ปัญหาไม่ได้ ดังนั้นควรเปิดให้ทุกคนดู รับรู้ และมาช่วยกัน เป็นพลังบวกจะดีกว่า
    "ทฤษฎีกระสุนปืนที่ผู้มีอำนาจทั้งหลายชอบใช้ มักคิดว่าคนรับสารโง่ เลือกส่งสาร เป็นวิธีที่ผิด เพราะยิ่งพยายามปิด และจะให้รู้มุมเดียว ยิ่งแสวงหา และเป็นการประชาสัมพันธ์ให้เข้าไปสู่สิ่งที่ท่านไม่ต้องการให้รู้"


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2010
  3. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ลดอาการเสียดแทงใจดำ พลังบวกเล็งปรับโฆษณา“ขอโทษประเทศไทย”


    เขียนโดย อรปวีณ์ บัวชูวันจันทร์ที่ 19 กรกฏาคม 2010 เวลา 16:59 น


    จากเนื้อเรื่อง “ขอโทษประเทศไทย” เป็น “อย่ามองข้ามพลังบวกในตัวคุณ” โฆษกเครือข่ายพลังบวกเผย เนื้อเรื่องจะอ่อนลง ไม่ทำให้คนสะอึกเช่นเดิม ขณะที่นายกฯอภิสิทธ์ เปิดดูแล้ว มองบวกเป็นเจตนาดีของผู้จัดทำต้องการกระตุ้นเตือนให้ทุกฉุกคิด รับผิดชอบ

    วันนี้ (19 ก.ค.) เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการเซ็นเซอร์ ซึ่งมาจากตัวแทนโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ มีคำสั่งไม่ให้นำภาพยนตร์โฆษณาชุด “ขอโทษประเทศไทย” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ว่า ตนเคยดูโฆษณาดังกล่าวทางอินเตอร์เน็ตมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งเข้าใจเจตนาที่ดีของผู้จัดทำว่าต้องการที่จะกระตุ้นเตือนว่าพวกเราทุกคนมีส่วนในการรับผิดชอบได้ต่อสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วก็มาแก้ไขให้ดีขึ้น แม้กระทั่งคนที่ไม่ได้มีส่วนสร้างปัญหา แต่ก็ต้องฉุกคิดเหมือนกัน เพราะต้องยอมรับว่าปัญหาของสังคมและของประเทศในปัจจุบันก็มีที่มาจากเกือบทุกวงการซึ่งต้องทำหน้าที่ของตัวเอง

    นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบเหตุผลของผู้ที่สั่งห้ามไม่ให้โฆษณาชุดนี้ถูกนำมาออกอากาศ เพราะปัจจุบันกลไกตรงนี้จะเป็นกลไกของทางสถานี ซึ่งได้สอบถามนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมาแล้ว นายองอาจบอกว่ายังไม่ได้รับทราบเหตุผลว่าที่เขาตัดสินใจอย่างนั้นว่าเป็นเพราะอะไร

    ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้คณะกรรมการฯ ทบทวนเรื่องนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าขณะนี้สังคมก็พูดชัด ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวคงต้องออกมาชี้แจงความคิดของตัวเองก่อน รวมถึงน่าจะลองไปรับฟังและทบทวนดู แต่โดยปกติ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทางราชการจะเป็นผู้เข้าไป เพราะไม่อยากจะเข้าไปแทรกแซง แต่จะให้เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการฯ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นฝ่ายวิชาการหรือผู้ทรงคุณวุฒิ
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการอ้างว่าเนื้อหาของโฆษณานี้มีความเข้มข้นในเรื่องของการเมืองมากเกินไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนที่ตนดูไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย

    [​IMG]ขณะที่นายปรเมศวร์ มินศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัท บัณฑิต เซ็นเตอร์ จำกัด หรือเจ้าของเว็บไซต์กระปุกดอทคอม ในฐานะผู้จัดการเครือข่ายพลังบวก ให้สัมภาษณ์ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย ถึงกรณีดังกล่าว ว่า โฆษณาชุด ขอโทษประเทศไทย ที่จะเผยแพร่ในฟรีทีวีนั้น ประเด็นแรกที่ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการเซ็นเซอร์ คือ เนื้อหาเสี่ยงต่อการโดนฟ้องร้องหมิ่นประมาท และมีประเด็นการสื่อสารที่รุนแรง ซึ่งล่าสุด เข้าใจว่า มีขั้นตอนเอกสารที่อาจจะไม่ครบถ้วน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต หรือหากทางคณะกรรมการฯ จะให้แก้ไขโฆษณาชุดนี้ ก็จะนำกลับมาแก้ไขภาพบางภาพ และนำเสนอเรื่องเข้าไปอีกครั้ง โดยขณะนี้สามารถดูได้ทางอินเทอร์เน็ตและเคเบิลทีวี

    “โฆษณาชิ้นนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน ที่กระตุ้นให้เกิดความคิดและตระหนักว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ไม่มีสาเหตุ เป็นประเด็นที่ปลุกกระแสสำนึก และช่วงที่สอง บอกถึงว่า เราสามารถลุกขึ้นมาแก้ไขตรงนี้ได้เอง ซึ่งหลังจากนี้ คงมีการปรับปรุงเล็กน้อยก่อนนำเสนออีกครั้ง เนื่องจาก โฆษณาชุด ขอโทษประเทศไทย เป็นแคมเปญแรกของเครือข่ายพลังบวก จึงอยากทำให้ดีที่สุด คาดว่าน่าจะมีเวอร์ชั่นที่ได้ออกอากาศทางฟรีทีวีได้แน่นอน และทางกลุ่มเครือข่ายพลังบวก จะมีการสื่อสารแคมเปญอื่นออกมาอีกในระยะต่อไป”

    สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับภาพยนตร์โฆษณาชุดว่า มีเจตนาดีนั้น นายปรเมศวร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่นายกฯ เห็นด้วยและชื่นชม ซึ่งขอขอบคุณที่นายกฯ เข้าใจ โดยทางตนเองและทีมงานอยากให้คณะกรรมการฯ ทบทวน พิจารณาอีกครั้ง เพื่อให้คนไทยได้ดูโฆษณาจากเครือข่ายพลังบวกชิ้นนี้ด้วยเช่นกัน

    [​IMG]ด้านนายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโชว์ไร้ขีด (Show No Limit) ในฐานะโฆษกเครือข่ายพลังบวก กล่าวถึงการสั่งห้ามไม่ให้โฆษณาชุดนี้ออกอากาศ พร้อมกับยอมรับว่าเป็นกระแสมากในขณะนี้ แต่เมื่อผลของคณะกรรมการฯ ยังไม่ผ่าน สิ่งที่ทำได้คือ นำโฆษณาชุดนี้ไปใส่ไว้ในอินเทอร์เน็ต และตั้งกระทู้เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายทางเว็บไซต์พันธ์ทิพ จากนี้ทางเครือข่ายพลังบวกมีแนวคิดจะทำโฆษณาตัวใหม่ จากเนื้อเรื่อง “ขอโทษประเทศไทย” เป็น “อย่ามองข้ามพลังบวกในตัวคุณ” เพื่อเล่าเรื่องกระบวนการว่า ใครก็สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ โดยเนื้อเรื่องจะอ่อนลง ไม่ทำให้คนสะอึกเช่นเดิม

    “โฆษณาชิ้นงานต่อไป จากที่ประชุมของเครือข่ายพลังบวกได้ผ่านการเห็นชอบแล้ว เพราะจากโฆษณาตัวแรกที่ต้องการสร้างความตระหนักร่วม ต่อไปจะพูดถึงมวลรวม ไม่ได้พูดเพียงเสื้อเหลือง-แดง แต่พูดทั้งกระบวนการ ทุกสังคม เน้นการปลุกพลังบวกในตัว โดยไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง ทำเพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือกระตุ้นร่วมกันจากปัญหาใหญ่ของชาติ คือ ปากหนัก ไม่พูดคำขอโทษ ไม่พูดคำขอบคุณ ที่ส่งผลให้ปัญหาเล็กๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่”

    สำหรับโครงการต่อไป Ignite Thailand เครือข่ายพลังบวก นายพงศ์สุข กล่าวว่า จะมีการไปจัดงานที่อ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ จ.เชียงใหม่ ใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งไม่ได้ทำเชิงพาณิชย์ แต่จะผลักรูปแบบเดียวกันทั้งโลก และในอนาคตจะเปลี่ยนชื่อเป็น การปลุกพลังบวก ให้เป็นชื่อแบบไทย เพื่อให้เข้าถึงในชุมชน ทุกๆสังคม ที่ไม่ใช่เพียงการรวมตัวของคนชั้นกลางเท่านั้น แต่จะกระจายสู่คนกลุ่มอื่นๆด้วย


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2010
  4. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    "เครือข่ายพลังบวก" เปิดพื้นที่คนไทยแสดงออกทางประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง


    เขียนโดย เยาวเรศ หยดพวงวันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน 2010 เวลา 06:45 น



    เครือข่ายพลังบวก จัดกิจกรรม Ignite Thailand ปลุกพลังบวกเปลี่ยนประเทศไทย เปิดพื้นที่พูดคุย อย่างมีกติกาตามวัฒนธรรมแบบประชาธิปไตย รวมข้อมูลและความคิดเห็นเพื่อทำประโยชน์ต่อประเทศ หวังเกิด People Poll ก่อนนำไปสู่โรดแมปของชาติร่วมกัน

    วานนี้ (16 มิ.ย.) ณ อาคารลุมพินีสถาน สวนลุมพินี กรุงเทพฯ กลุ่มคนไทยหลากหลายอาชีพ อาทิ นักเขียน นักโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อสารมวลชน ภาคธุรกิจ นักวิชาการ ฯลฯ เข้าร่วมเครือข่ายพลังบวก เพื่อตอกย้ำจุดยืนช่วยเยียวยาสังคมผ่านพ้นวิกฤตความแตกแยก โดยหวังกระตุ้นคนไทยเข้าใจปัญหาและเปลี่ยนอคติเป็นพลังบวกเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาสังคมไทยให้เดินหน้าต่อไปอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

    ทั้งนี้ในเวที “อิกไนท์ไทยแลนด์” (Ignite Thailand) มีการเปิดตัวเครือข่ายพลังบวก ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับให้คนไทยมีโอกาสพูดและฟังแนวคิดดีๆ ร่วมกันจุดประกาย “ปลุกพลังบวกเปลี่ยนประเทศไทย สร้างชาติให้น่าอยู่แบบไม่ยุ่งการเมือง” อย่างมีกติกาตามวัฒนธรรมแบบประชาธิปไตย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

    นายภาณุ อิงคะวัต นักสร้างสรรค์งานโฆษณาชื่อดัง ในฐานะประธานเครือข่ายพลังบวก กล่าวถึงเครือข่ายพลังบวกว่า เป็นการรวมตัวของกลุ่มบุคคลหลากหลายอาชีพ อาทิ วงการโฆษณา โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ประชาสัมพันธ์ นักจัดอีเว้นท์ ตลอดจนเครือข่ายภาคประชาชน ตัวแทน สมาคม องค์กร บริษัท ข้าราชการ และนักวิชาการทั่วประเทศ ซึ่งมีแนวคิดร่วมกันต้องการยุติความแตกแยกของคนในสังคม ต้องการเห็นประเทศไทยเดินหน้าต่อไปอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน หลังจากต้องเผชิญเหตุการณ์ความไม่สงบซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สินของคนไทย สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศ

    ประธานเครือข่ายพลังบวก กล่าวว่า ประชาชนนั้นมีพลังมหาศาล พลังเหล่านี้เป็นได้ทั้งพลังทำลายหรือพลังสร้างชาติ จากวิกฤตนี้ทำให้เกิดโอกาสใหม่ที่ทำให้คนเมืองได้รู้จักและเข้าใจคนต่างจังหวัดมากขึ้น โดยสิ่งที่เครือข่ายจะร่วมกันทำ คือ ให้คนไทยทุกคนตระหนักทำความเข้าใจกับสถานการณ์ด้วยการเปิดรับฟังให้มากที่สุด, ต้องการให้คนไทยตระหนักในบทบาทและหน้าที่ของตนเองในสังคม, กระตุ้นให้ทุกคนเริ่มทำในสิ่งที่เป็นพลังบวกแก่ชาติโดยเริ่มจากตัวเองก่อน และอยากให้เกิดความเห็นของคนทั้งประเทศว่า ต้องการให้ประเทศไทยเป็นอย่างไร หรือเกิดพีเพิ้ลโพล์ ( People Poll) เพื่อพัฒนาไปสู่โรดแมปของชาติร่วมกันจากเสียงแท้จริงของประชาชนที่ไม่ผูกติดกับรัฐบาลใดๆ โดยเครือข่ายจะเป็นตัวช่วยประสานและผลักดัน

    “วันนี้คนไทยต้องเข้าใจบทบาท หน้าที่ และพลังที่มีอยู่ในตัวเองซึ่งเป็นได้ทั้งพลังทำลายและพลังบวก เพราะทุกความคิด ทุกคำพูด ทุกการกระทำที่แสดงออกมาล้วนส่งผลต่อสังคมทั้งสิ้น การรวมพลคนคิดบวกในครั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นคนไทยทุกภาคส่วนหันมาสนใจรับฟังกันให้มากขึ้น รู้จักบทบาทของตนเองในการนำพลังบวกที่มีมาใช้แก้ปัญหา แสดงพลังร่วมกันผลักดันสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในระดับครอบครัว ชุมชนและประเทศ โดยเครือข่ายพลังบวกจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางคอยประสานและขับเคลื่อนกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์และปลุกจิตสำนึกพลังบวกให้ขยายตัวอย่างยั่งยืนต่อไปร่วมกันทั่วประเทศ”

    สำหรับแนวทางการสื่อสารปลุกพลังบวกเปลี่ยนประเทศไทย นายชัยประนิน วิสุทธิผล นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ในฐานะรองประธานเครือข่ายพลังบวก กล่าวว่า จะดำเนินงานอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางภาพยนตร์โฆษณา ชุด “ต่อไปนี้ถ้าเธอพูด ฉันจะฟัง” ความยาวประมาณ 150 วินาที ซึ่งมีเนื้อหาหลักเพื่อกระตุ้นให้คนไทยหันมารับฟังและทำความเข้าใจข้อเท็จจริงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมกัน รู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง แล้วใช้พลังบวกสร้างสรรค์แนวทางแก้ไขปัญหา รวมถึงการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร สื่อออนไลน์ เช่น เฟชบุ๊ค เครือข่ายพลังบวก | Facebook เว็บไซต์ เว็บบอร์ด ทวิตเตอร์ ตลอดจนโปสเตอร์ สติ๊กเกอร์ แบนเนอร์ เสื้อโครงการ และสื่อกลางแจ้งอื่นๆ

    “เครือข่ายพลังบวก เป็นตัวอย่างของการเปิดโอกาสให้คนไทยแสดงออกทางประชาธิปไตยอย่างถูกต้องในการอยู่ร่วมกัน เกิดการพูดและการฟังอย่างถูกต้องผ่านกิจกรรมของเครือข่าย เช่น การเปิดเวทีอิกไนท์ไทยแลนด์รวบรวมข้อมูลและความคิดเห็นเพื่อทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ จากประชาชนทั่วไป คนรุ่นใหม่และนักการเมือง ฯลฯ จะต้องฟังให้มากขึ้น จุดเริ่มต้นนี้จะเป็นการเริ่มต้นอย่างยั่งยืน”
    ส่วนแผนการดำเนินงานด้านกิจกรรมของเครือข่ายพลังบวก นายปรเมศวร์ มินศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัท บัณฑิตเซนเตอร์ จำกัด หรือเจ้าของเว็บไซต์กระปุกดอทคอม ในฐานะผู้จัดการเครือข่ายพลังบวก กล่าวว่า หนึ่งในกิจกรรมหลักของเครือข่าย จะมีการจัดเวทีอิกไนท์ไทยแลนด์ที่เปิดพื้นที่ให้กับผู้ที่มีประเด็นสร้างสรรค์พัฒนา หรือผู้นำทางความคิดด้านต่างๆในแต่ละชุมชน ได้ปลดปล่อยศักยภาพในการแสดงความคิดเห็นและเรียกร้องสิทธิอย่างสร้างสรรค์ แบบเป็นระบบและยั่งยืนเพื่อจุดประกายความคิดปลุกพลังบวกเปลี่ยนประเทศไทย ซึ่งมีแผนคาดว่าจะจัดเวทีนี้ต่อไปในพื้นที่ ภาคเหนือในจ.เชียงใหม่ ภาคอีสานในจ.ขอนแก่น และภาคใต้ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยแนวคิดนี้ได้มาจากเมืองซีแอตเติ้ลในสหรัฐอเมริกาที่ผู้คนในสังคมได้มาร่วมแบ่งปันความคิดในการปลุกพลังสร้างสรรค์ พัฒนาและแก้ปัญหาร่วมกัน

    นายปรเมศวร์ กล่าวถึงเป้าหมายของเครือข่ายในปีแรกจะพยายามทำให้เกิดเวทีอิกน์ไทยแลนด์แบบนี้ใน 20 เมืองทั่วประเทศ ให้มีคนร่วมมาเสนอความคิดไม่ต่ำกว่า 400 คน มีผู้เข้าร่วมชมไม่ต่ำกว่า 5,000 คนซึ่งยังไม่รวมถึงผู้ชมที่สามารถรับชมการพูดคุยนี้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตอีก โดยรูปแบบเวทีแลกเปลี่ยนนี้กำหนดกติกาให้แต่ละคนที่มีความคิดมานำเสนอพูดคุยด้วยเวลา 5 นาทีโดยที่ทุกคนต้องฟังอย่างตั้งใจ

    “เวทีอิกไนท์ ไทยแลนด์ไม่เพียงเปิดโอกาสให้ประชาชนได้พูด แต่ยังเปิดโอกาสให้แนวร่วมคิดบวกได้เข้ารับฟังแนวคิดสร้างสรรค์และแง่มุมต่างๆ ที่น่าสนใจ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ส่วนแนวคิดขยายกิจกรรม อิกไนท์ ไทยแลนด์ ไปจัดในต่างจังหวัดเพื่อให้พี่น้องคนไทยได้มีโอกาสพูดคุยและรับฟังอย่างเท่า เทียมกัน แต่อาจจะมีการเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น เป็นเวทีสภากาแฟ เวทีชุมชน หรือเวทีชาวบ้าน และจะมีทีมงานทำการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากวิทยากร ทุกท่าน แล้วนำมาเผยแพร่ขยายแนวคิดๆ ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบอย่างทั่วถึงผ่าน Ignite thailand ++ เครือข่ายพลังบวก - ปลุกพลังบวก เปลี่ยนประเทศไทย และ เครือข่ายพลังบวก | Facebook รวมถึงสื่อต่างๆ เพื่อให้แนวคิดเปลี่ยนประเทศไทยให้น่าอยู่และดีขึ้นกว่าเดิมเป็นจริงขึ้นมา ได้” นายปรเมศวร์ กล่าว

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การจัดงานเปิดตัวเครือข่ายพลังบวกครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญหลากหลายอาชีพเข้าร่วมนำเสนอแนวทางดีๆ เพื่อสร้างชาติไทยให้แข็งแกร่งผ่านรูปแบบเวทีแบ่งปันความคิดนี้ เช่น พระศรีญาณโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก,นางสาวขัตติยา สวัสดิผล, นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย, รศ.ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ , นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ,นายทรงกลด บางยี่ขัน, นายสราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ หรือนิ้วกลม เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2010
  5. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    ขอโทษประเทศไทย ทำไมต้องขอโทษ ? ใครเป็นเจ้าของประเทศไทยหรือ ? คนทั้งประเทศ หรือคนกรุงเทพ หรือ สถาบันหลักซัก 2-3 สถาบัน(ที่กุมอำนาจ) ตกลงจะขอโทษใครดี ?

    ขอชื่นชมคนทำโฆษณา ช่างกล้าบ้าบิ่นได้ใจจริงๆ
     
  6. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    ความจริง......รับความจริงบ่ได้....รึฮึ...อิอิ
     
  7. นกุล

    นกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +150
    ขอบคุณมากครับ _/|\_ ที่ผลิตสื่อดีๆสะกิดความสำนึกต่อสังคม และประเทศ ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คนทำงานสร้างสรรค์สังคมไทยต่อไปครับ
     
  8. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    มันก็เป็นไปตามเนื้อผ้่านั้นแหละครับ

    แต่ผมว่า....คนไทยบางส่วนยอมรับความจริงมิได้เลยแบนมันซะ

    หากผมพูดแรงไปต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่ ด้วย
     
  9. buana16

    buana16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +476
    ขอบคุณค่ะ ขอสนับสนุนให้มีคนทำสื่อที่ดีๆออกมาเยอะค่ะ
     
  10. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    จะรออ่านนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...