นิทานและเรื่องเล่า โดยหลวงปู่คำสี รัตนโคตร(หลวงปู่ทองทิพย์)

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ainteerati, 3 สิงหาคม 2010.

  1. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    หลวงเดช
    นับย้อนหลังจากนี้ไปร้อยก่วาปี ในบ้านแมดตำบลบ้านเขืองอำเภอธวัธบุรีจังหวัดร้อยเอ็ด(บ้านเกิดหลวงปู่เองครับ)ชึงปัจจุบันเปลียนเป็นกิ่งเชียงขวัญ แล้วครับบ้านแมดปัจจุบันเป็นหมู่บ้านค้อนข้างใหญ่ถ้ามาทางอำเภอจังหารต้องผ่านบ้านคุยขนวนแล้วมาถึงบ้านดอนแดงจะมีแยกเลี้ยวช้ายไปบ้านแมดก่อนจะถึงบ้านเขืองแต่ถ้าผ่านมาทางอำเภอธวัธบุรีจะถึงบ้านเขืองก่อนแล้วบ้านดอนแดงแยกเลี้ยวขวาไปบ้านแมด ช่วงระหว่างบ้านคุยขนวนก่อนถึงบ้านดอนแดงจะมีหนองน้ำขนาดใหญ่มองไกลสุดลูกตามีชื่อว่าบุ่งเชียงขวัญ หลวงเดชเป็นคนบ้านแมด เป็นผู้มีวิชาอาคมสามารถหายตัว ย่นระยะทางได้มีอาวุธเป็นดาบสีออกเขียวที่มีอานุภาพมาก ก่อนท่านจะตายได้พาลูกเมียไปที่บุ่งเชียงขวัญ ก่อนที่ท่านจะลงน้ำและได้สั่งว่าหากยังไม่ขึ้นมาอย่าได้ไปไหน ท่านหายไปนานมากแล้วขึ้นมาพร้อมกับคำประมาณ2ถุงปุ๋ยชึ่งหลวงปู่ว่า คำก้อนนิดเดียวสามารถผสมกับปรอทได้เป็นทองคำมากมาย(คำ ก็คือทองคำที่บริสุทธิ)จากนั้นไม่นานท่านก็เสีย โดนยิงตายคนที่ยิ่งน่าจะเป็นบ้านเขืองก่อนตายไม่นานท่านได้สั่งลูกเมียไว้ว่าเมื่อท่านตายไปแล้วจะไปเกิดเป็นจรเข้อยู่ที่บุ่งเชียงขวัญ หลังจากท่านตายไปแล้วไม่นานลูกเมียญาติพี่น้องไปร้องเรียกท่านที่บุ่งเชียงขวัญก็มีจรเข้ขึ้นมาจริงๆแต่แปลกตรงที่จรเข้ตัวนี้ไม่ทำร้ายใครเด็กขึ้นขี่หลังเล่นก็ได้(ผมเคยถามคนรุ่นพ่อผมดูเขาเล่าว่าเรื่องนี้มีจริง) ดาบของหลวงเดชหลวงปู่คำสี(ทองทิพย์)ได้นำมาหล่อเป็นพระพุทธรูป มีปีหนึ่งตอนนั้นพระพุทธรูปองค์ที่ว่าเกิดร้าวที่แขน(ตอนนั้นผมก็อยู่ในที่เกิดเหตุ)ชาวบ้านฝันเห็นม้าวิ่งรอบหมู่บ้านแล้วต่อมาก็เกิดข่าวลือเรื่องผีแม่ม่ายชึ่งตอนนั้นวิธีแก้ที่เขาทำกันคือให้ไปหาด้ายเจ็ดสีแล้วให้แม่ม่ายเป็นคนผูกให้ มีคนล้มตายลงเป็นอันมากจนหลวงปู่ต้องลงจากหนองคายไปที่นั้นท่านไปพักอยู่กลางทุ่งนา เหตุต่างๆจึงสงบลง และมีตำราของหลวงเดชอยู่อีกเล่มหนึ่งหลวงปู่บอกว่าน่าจะอยู่กับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันแต่หลานหลวงปู่(อ.ปราง เคยไปถามดูท่านบอกไม่อยู่) ปัจจุบันชาวบ้านได้เปลี่ยนพระพุทธรูปองค์นั้นแล้ว(ไม่รู้ว่าถูกทำลายหรือสร้างใหม่แทน)..........
     
  2. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    นิทานเรื่องรามเกียรติ์ ตอนหนุมานถามทางไปกรุงลงกา

    ฟังเป็นนิทานนะครับเพราะเรื่องนี้ท่านเล่าตอนดึกแล้วประมาณ6ทุ่มขึ้นไปเห็นจะได้เพราะเนื้อเรื่องอาจจะไม่เหมือนกับที่ท่านเคยได้ยินได้ฟังมาครับขอออกตัวไว้ก่อนนะครับเป็นคนเล่าอะไรไม่ค่อยเก่ง ปกติที่อยู่ของหลวงปู่จะมีรั้วรอบล้อมเอาไว้แล้วตัวท่านจะอยู่ข้างในส่วนลึกเข้าไปแต่ครั้งนี้ท่านย้ายออกมาอยู่ไก้ลๆทางเข้าประตูท่านที่เคยไปคงนึกภาพออก บางครั้งก็เป็นเณรคิดบางที่ก็เป็นหลวงพี่ต้อยมาค่อยปฎิบัติท่านตลอด ชว่งหัวค่ำหลวงปู่เทศสอนเสร็จแล้วท่านก็จำวัดผมนอนอยู่ตรงปลายเท้าท่าน อยุ่ๆคืนนั้นมีพญานาคขึ้นมามากมายตอนแรกไม่เท่าไร่ต่อมานี้ชิ มาดึงขาผมแล้วก็ลากไปทั้งๆที่อยู่ต่อหน้าต่อตาหลวงปู่ พอผมลืมตาขึ้นตัวเองก็กลับมาที่เดิม เมื่อหลับตาลงก็มาดึงผมลากไปอีกทำอยู่อย่างนี้3-4ครั้งผมเลยฝืนว่าตรงใจจะไม่ให้ลากไปอีก อยู่ๆหลวงปู่ก็พูดขึ้นมาเสียงดังๆเหมือนมีคนอยู่ต็มวัด แล้วก็ยิมพระพุทธรูปขึ้นมาพูดเหมือนมีคนถามท่านตอบว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีคนเอามาถวาย แล้วท่านก็ตอบต่อไปอีกว่าเป็นของใหม่(ในที่นั้นไม่มีใครอีกเลยนอกจากผมและหลวงพี่ต้อยชึ่งนอนอยู่อีกมุมหนึ่งแต่หลวงปู่พูดเสียงดังมาก) จนผมต้องลุกข้นมานั่งฟังพิงเสาต้นที่อยู่ๆจนเสื้อเลอะกาวที่เขามาทากันมด ทั้งตัวเลยจากนั้นท่านก็เล่าเรื่องพระรามทั้งที่ไม่มีใครถาม พระรามกับพระลักษณ์หลังทางในป่า พระได้กินผลละไม้(ผมจำชื่อไม่ได้ว่าชื่ออะไร)ตัวเลยกลายเป็นลิง อยู่บนต้นไม้นั้น จากนั้นท่านกล่าวถึงฤษีได้เอาขี้ไคมาปั้นแล้วก็เสกเป็นผู้หญิงคอยปฎิบัติรับใช้ วันนั้นนางหลงไปกินผลละไม้ต้นเดียวกันกันพระราม เลยกลายเป็นลิงเหมื่อนกันพระรามและนางจึงได้กันแล้วออกลูกมาเป็นหนุมาน พอออกมาก็มีฤทธิ์มากเหยีบบแนดิน2เท้าไม่ได้เพราะแผ่นดินจะกระดก พอเล่าถึงนี้ท่านเลยตัดมาตอนหนุมานถามทางไปกรุงลงกา หนุมานไปถามฤษีองค์แรกที่บำเพ็ญอยู่ในต้นไม้หนุมานใช้กำปั้นทุบต้นไม้จนแลกละเอียดปู่ฤษีแนะนำให้ไปหาอีกองค์ที่บำเพ็ญมาก่อนได้เจ็ดหมืนปีเมื่อไปถึงหนุมานใช้กำปั้นทุบภูเขาลูกนั้นจนแลกแล้วเขาไปถามทางไปกรุงลงกาปู่ฤษีบอกว่าท่านยังไม่ได้ชาญเลยให้ไปถามปู่ฤษีตาไฟ หนุมานเลยไปถามปู่ฤษีตาไฟพอไปถึงก็ไปยืนอยู่ข้างหน้าปู่ตาไฟถามว่าใครหนีนะไม่หนีตายนะ หนุมานก็เฉยพอปู่ตาไฟลืมตาขึ้นหนุมานก็ไหม้เป็นจุน พอปู่ตาไฟพิจารนาด้วยชาญดู ก็รู้ว่าหนุมานเป็นพระโพธิสัตว์ลงมาสร้างบารมีเลยกลัวบาปจึงได้เสกหนุมานขึ้นมาใหม่ ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นมากแล้วปู่ตาไฟเลยบอกให้หนุมานไปล้างหน้าล้างตาพักผ่อนก่อนพรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางพอหนุมานไปล้างหน้าปู่ตาไฟเลยเสกปริงไปเกาะที่หนุมาน หนุมานพยามเท่าไรก็ไม่สามารถเอาปริงนั้นออกได้ เหาะไปสวรรค์ให้เทวดาช่วยก็ไม่มีใครกล้าเพราะกลัวอำนาจปู่ฤษีทำอย่างไงก็แล้วสุดท้ายเลยต้องย้อมแพ้ปู่ตาไฟ ปู่ตาไฟเลยบอกให้เอาปูนไปป้ายเท่านั้นปริงเลยหลุดออกมาหนุมานพอรู้คิดในใจว่ารู้อย่างนี้ไม่น่ายอมแพ้เลย จากนั้นหลวงปู่เลยบอกว่า ตั้งแต่นั้นมาปริงกับปูนจึงแพ้ทางกันตลอดมา พูดจบท่านก็หัวเราะ.............
     
  3. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    ขอนอบน้อมนำจิตอธิษฐาน
    ดวงวิญญาณบริสุทธิ์วิมุตติใส
    นอบนำสิ่งปฎิบัติขัดเกลาใจ
    ถวายให้บูชาคุณที่หนุนนำ
    ตั่งแต่ก่อเกิดกูลเกื้อ
    ทุกข์เหลือวิบากหั่นห้ำ
    ทั้งท้อต่อบาปหาบกรรม
    ตอกย้ำเช้าเย็นเข็ญใจ
    สิบนิ้วนบนอบน้อมเกล้า
    คุณพ่อล้นเกล้ายิ่งใหญ่
    ยามนี้ไม่มีมาลัย
    ขอน้อมดวงใจถวายทาน
     
  4. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    ยกสองมือประนมกรแล้ววอนไหว้
    ด้วยดวงใจบริสุทธิ์พิสุทธิ์ล้ำ
    กราบพระคุณทุกเรียงร้อยทุกถ้อยคำ
    พ่อหนุนนำลูกเดินไปได้ถูกทาง
    พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใดเทียบ
    มิอาจเปรียบด้วยแผ่นฟ้าอุสาสาง
    มากกว่าเกลือในสมุทรสุดเจือจาง
    มากกว่าดาวบนนภางค์กระจ่างตา
    จะน้อมนำธรรมะที่พ่อมอบ
    จะขอตอบแทนด้วยใจไม่มุสา
    จะปฏิบัติตามทุกเมื่อเพื่อบูชา
    สมกับที่พ่อเมตตาแลปราณี
     
  5. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ขอบคุณที่นำมาให้อ่านค่ะ
     
  6. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    ตอน เดินทางจากร้อยเอ็ดไปกราบพระธาตุพนม
    สมัยก่อนป่ายังอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยสัตว์น้อยใหญ่การเดินทางต้องเดินด้วยเท้าตอนนั้นหลวงปู่กับพระอีก1องค์และมีโยมอีก2คนที่ไปด้วยมีโยมผู้หญิงคนหนึ่งชื่อบุญ หลวงปู่บอกแก็มีบุญ สมชื่อ เคยตายมาแล้ว2ครั้งแต่แกก็ฟื้น
    การเดินทางครั้งนั้นโยมบุญเป็นคนปากไม่ค่อยอยู่สุขในมือกำไม้ตีไปพูดไปบางที่ผ่านเหวดึงเถาวัลย์ปากก็ด่าไปพอมาถึงทุ่งโลงโยมบุญได้มาตายลงอีก พระก็ป่วย ฝนก็มาตกแต่ก็แปลกตรงที่พระอยู่ห่างประมาณ10เมตรไม่เปียกฝนตกเป็นวงล้อมรอบ เลยต้องคิดหนักจะบ่อยไว้ก็กลัวเป็นเหยื่อของแร้งกาจะทำอย่างไรดี ก็เลยลองเอาน้ำลดดูปรากฎแกฟื้นขึ้นมาจริงๆ วันนั้นเลยต้องค้างคืนกันที่นั้นพอตอนเช้าต้องไปบินทบาตรเลยบอกแกให้รอที่นี้ก่อน พอบินทบาตรกับมาก็หาไม่เห็นนึกในใจสงสัยโดนเสือคาบไปกินแล้วมั้งมองหาตามทางก็ไม่เห็นลอยอะไรดูหญ้าดูใบไม้ก็ปกติ ก็เลยพากันเดินทางต่อไป พอมาถึงชานเมื่องมองเห็นลอยน้ำหมากจำได้ว่าเป็นของโยมบุญนี้ เลยแวะเข้าไปหาเห็นแกนั่งแก่วงเท้าอยู่บนชานบ้าน พอถามจึงรู้ความว่ามีคนไปรับเลยนั่งเกียวนมากับเขา หลวงปู่รู้แล้วละว่าเป็นพระอินทร์พามาแต่ไม่บอกเพราะกลัวแกจะพูดมาก พอเล่าจบหลวงปู่เลยพูดว่าไม่รู้ตอนนี้โยมบุญไปอยู่ไหนตายหรือยังไม่รู้ถ้าตายอีกครั้งนี้ไม่รุ้จะเอาคืนได้ไหม.....
     
  7. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    เหมือนกรรมกำหนดบทบาท
    อนาดตัวเองนักหนา
    มีร่างแต่ไร้วิญญา
    บ้างบ้าบ้างดีนี้หรือกรรม
    เคยขยันหมั่นเพียรไม่ท้อ
    พอก่อก็หลงลงถลำ
    ตื่นอีกทีที่จับกลับสีดำ
    เมื่อไม่ช้ำมันก็เศ้ราเราผิดเอง
     
  8. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    นิทานเรื่อง แก้วตาปลา
    ......พรุ่งนี้...
     
  9. บัวเกี๋ยง

    บัวเกี๋ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    549
    ค่าพลัง:
    +431
    สนุกดีครับน่าจะมีมากกว่านี้นะครับสุดท้ายใคร่คือหนุมานมาเกิดครับ
     
  10. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    จากคำบอกหลวงปู่นะครับ ตอนนั้นผมมีโอกาศได้ถามท่านว่าหลวงปู่ครับมหาโพธิสัตว์ทั้งสามลงมาเกิดหรือยังครับ ท่านบอกว่าลงมาเกิดแล้วพร้อมกันทั้งสามองค์ ฝึกอยู่เขาคนละลูกคือหลวงปู่โลกอุดรองค์หนึ่งหลวงปู่ทวดองค์หนึ่งและอีกองค์คือหลวงปู่ ท่านเล่าว่าพระลักษณ์คือหลวงปู่โลกอุดรพระรามกับหนุมานก็คือในระหว่างหลวงปู่กับปู่ทวด ลองนึกเองก็แล้วกันเพราะท่านไม่ได้บอกครับถ้ามีโอกาศเดียวเล่าสาเหตุแห่งชื่อวัดว่าทำไมชื่อสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตรให้ฟังครับ......
     
  11. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    มาติดตามอ่านเรื่องราวค่ะ
     
  12. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    แก้วตาปลา
    ในวัดแห่งหนึ่งมีเณรกับหลวงตาในทุกวันเณรก็บ่นและแต่แก้วตาปลาๆๆๆๆอยู่อย่างนั้นจนพระที่อยู่ข้างห้องนั้นทนไม่ได้ วันหนึ่งพระที่อยู่ข้างห้องเกิดนึกสนุกขึ้นมาเลยอยากจะแกล้งเณรเล่นสักหน่อยเลยไปเก็บเอาตาปลามาได้หนึ่งข้างเอามาใส่ไว้ในแก้วของเณร ที่นี้เรื่องก็ร้อนถึงพระอินทร์เพราะเณรเป็นคนดี พระอินเลยเอาแก้ตาปลาของจริงมาเปลี่ยนให้ พอตื่นเช้ามาแบบตายังไม่ได้ลืมเณรก็เอามือคำดูที่แก้วชึ่งก็ทำเป็นประจำทุกวัน พอเจอแก้วตาปลาเณรก็ดีใจเลยเอาใส่ปากพอ อมแก้วตาปลาเข้าไปเณรก็มองเห็นหมดเห็นป่าหิมพานโน้น มองไปไหนก็เห็นหมดตัวก็เบาเลยลองเหาะดูรอบห้องด้วยความดีใจ ฝ่ายพระที่เอาตาปลามาใส่ไว้นั้นตื่นเช้ามายังไม่เห็นเณรออกจากห้องก็เลยไปตามเรียก เพื่อจะได้ไปบิณฑบาตรกัน พอเรียกเณรๆไปบิณฑบาตรได้แล้ว เณรเลยตอบออกมาว่าไปเถอะผมจะไปฉันที่ป่าหิมพาน พอพระได้ยินอดหัวเราะไม่ได้เลยแย่ไปว่า ไปป่าหิมพานอย่าลืมเอาอะไรมาฝากด้วยละ เณรตอบว่าครับจากนั้นเณรเลยเหาะไปที่ป่าหิมพานขากลับได้เอาขนุนมาฝากด้วย(หลวงปู่บอกว่าขนุนลูกเท่าภูเขาที่เป็นจีบบัวจีบหนึ่งเท่าโองแดง แล้วท่านก็เอามือชี้ไปโองแดงที่ข้างๆที่ท่านนั่งอยู่)โดยเหาะมาแล้วเอานิ้วเท้าหนีบขนุนมาด้วยผู้คนทั้งหลายที่ไม่เคยเห็นต่างคนก็ต่างมาดู แล้ววันต่อมาหลวงพ่อก็จะเอาบ้างเลยไปป่าวประกาศบอกโยมทั้งหลายว่าจะไปฉันที่ป่าหิมพาน ท่านได้เตรียมพร้อมทุกอย่างเตรียมบาตร ปลาหล้าก็ห่อไปด้วยแกะเอาตาปลามาได้เป็นกำคิดในใจว่าเณรมีตาเดียวยังไปได้ พอบอกลาญาติโยมเรียบร้อยแล้วท่านก็เดินขึ้นไปบนศาลาพร้อมโบกไม้โบกมือสั่งเสีย จากนั้นก็โดดลงมาหลวงบอกว่าปลาก็กระจายพอปลาหล้าข้าวของแตกกระจายหมด...........

     
  13. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    ตัวตนปนโคลนเปรอะเปลื้อน
    ไม่มีบ้านเรือนเพื่อนชิดไก้ล
    หันหวนจวนค่ำอยู่ร่ำไร
    เหม่อมองหาใครก็ไม่มี
    แผ่นดินท้องฟ้ากว้างใหญ่
    ทำไมแค่จะนอนไม่มีที่
    วิบากตรากตรำย่ำยี
    บดบี้ตอกย่ำช้ำใจ
    เฝ้าคิดหวนคะนึงถึงแม่
    แร้นแค้นแสนแย่เกินแก้ไข
    พ่อก็แก่แม่ก็เฒ่าใครเล่าใคร
    พอส่งเพียงเสียงให้ท่านได้ยิน
    กาไก่ใครไล่ให้หนี
    คนเคยอยู่มีหน้าที่ได้
    ไกลกันห่างเหินเกินไป
    เหลือแต่ลอยอาลัยคอยใคร่ครวญ
     
  14. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    พระอินทร์บอกคาถารักษาตาให้หายบอด

    สมัยก่อนหลวงปู่ตาบอดอยู่5ปีวันนั้นมีโยมคนหนึ่งเดินมาวัดพอเดินผ่านตรงต้นโพธิ์ได้ยินนกแก้วบอกคาถา..แล้วบอกให้ไปบอกหลวงปู่นกแก้วก็เก่งนะพูดภาษาคนได้ จากนั้นตาที่บอดมา5ปีก็หายพอท่านเล่าจบท่านบอกว่าคาถานั้นลืมหมดแล้วแต่ถายหลังมาหลานหลวงปู่ชื่ออ.ปรางค์

    ท่านเป็นพระที่ปฎิบัติเคร่งอีกองค์หนึ่งท่านได้เล่าให้ฟังว่าตอนนั้นท่านปฏิบัติหลวงปู่อยู่มีสมุดอยู่เล่มหนึ่งเป็นวิชาที่หลวงปู่ชุนเขียนให้หลวงปู่หลวงปู่ชอบว่างสมุดเล่มนั้นไว้บนเตียงที่ท่านนอนประจำอ.ปรางค์บอกว่าความรู้สึกตอนนั้นของท่านเหมือนว่าหลวงปู่อยากจะให้อ.ปรางค์ได้เรียน

    วิชาอันนั้นท่านเลยถือวิสาสะแอบหยิบเอาไปอ่านโดยไม่ได้บอกจึงเป็นเหตุให้ท่านต้องตาบอด จนหลวงปู่ต้องทำน้ำมนต์ให้กินจึงหาย ต่อมาอ.ปรางค์มีโอกาศไปพักที่วัดแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้านเกิดหลวงปู่มากนักวัดนั้นอีกด้านหนึ่งจะติดกับแม่น้ำชีวัดนั้นค้อนข้างไปทางจะเป็นวัดร้างมีพระพุทธรูป

    เศียรหักหลายองค์มีศาลาเก่าๆที่พังรอเวลาเพื่อที่จะสลายไปแล้วยังมีที่กำลังจะก่อสร้างแต่ต้องหยุดไปกลางคันอีกด้านมีทีพักสงฆ์ที่พอพักได้อ.ปรางค์เล่าว่าท่านไปนั่งสมาธิในวัดนั้นพอจิตกำลังจะรวมก็ปรากฎงูตัวขนาดใหญ่เลื้อยมาหาท่าน ท่านบอกว่ากลัวมากจนต้องหอบกลดวิ่งหนี

    ตอนหลังท่านนำเรื่องนี้มาเล่าให้หลวงปู่ฟังหลวงปู่บอกว่าทำไมไม่ปล่อยให้มันกินถ้ามันกินป่านนี้อาจหายตัวได้แล้ว เพราะคำพูดของหลวงปู่จึงมีพระในวัดนั้นอยากลอง พระตู่ก็เลยไปลองบ้างผลก็คืออยู่ๆก็หมดแรงลงไปไม่เป็นจนอ.ปรางค์ต้องทำน้ำมนต์ให้กินจึงหาย ผมก็เคยแวะเข้าไปวัดนี้เหมือนกันกระแสวิญญาณแรงมากเวลาจำกัดเพราะตอนนั้นเย็นมากแล้วเลยต้องกลับก่อน........
     
  15. emperron

    emperron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +432
    ผู้ประกอบด้วยโลกุตรปัญญาอันลึกซึ้ง
    ได้มองเห็นว่า โดยธรรมชาติแท้แล้ว ขันธ์ทั้งห้านั้นว่างเปล่า
    และด้วยเหตุที่เห็นเช่นนั้น จึงได้ก้าวล่วง พ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้
    รูปไม่ต่างจากความว่าง ความว่าง ก็ไม่ต่างไปจากรูป
    รูปคือความว่างนั่นเอง และความว่างก็คือรูปนั่นเอง
    เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็เป็นดังนี้ด้วย
    สารีบุตร ธรรมทั้งหลาย มีธรรมชาติแห่งความว่าง ไม่ได้เกิดขึ้นและไม่ได้ดับลง
    ไม่ได้สะอาดและไม่ได้สกปรก ไม่ได้เพิ่มขึ้นไม่ได้ลดลง
    ดังนั้น ในความว่างจึงไม่มีรูป ไม่มีเวทนา หรือสัญญา ไม่มีสังขาร หรือวิญญาณ
    ไม่มีตาหรือหู ไม่มีจมูกหรือลิ้น ไม่มีกายหรือจิต ไม่มีรูปหรือเสียง ไม่มีกลิ่นหรือรส
    ไม่มีโผฏฐัพพะหรือธรรมารมณ์ ไม่มีโลกแห่งผัสสะ หรือวิญญาณ
    ไม่มีอวิชชา และไม่มีความดับลงแห่งอวิชชา ไม่มีความแก่และความตาย
    และไม่มีความดับลงซึ่งความแก่ และความตาย ไม่มีความทุกข์
    และไม่มีต้นเหตุแห่งความทุกข์ ไม่มีความดับลงแห่งความทุกข์
    และไม่มีมรรคทางให้ถึง ซึ่งความดับลงแห่งความทุกข์
    ไม่มีการประจักษ์แจ้งและไม่มีการลุถึง เพราะไม่มีอะไรที่จะต้องลุถึง
    พระโพธิสัตว์ผู้วางใจในโลกุตรปัญญา จะมีจิตที่เป็นอิสระจากอุปสรรคสิ่งกีดกั้น
    เพราะจิตของพระองค์เป็นอิสระจาก อุปสรรคสิ่งกีดกั้น
    พระองค์จึงไม่มีความกลัวใดๆ ก้าวล่วงพ้นไปจากมายาหรือสิ่งลวงตา
    ลุถึงพระนิพพานได้ในที่สุด พระพุทธในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
    ผู้ทรงวางใจในโลกุตรปัญญา ได้ประจักษ์แจ้งแล้วซึ่งภาวะอันตื่นขึ้น
    อันเป็นภาวะที่สมบูรณ์และไม่มีใดอื่นยิ่ง ดังนั้น จงรู้ได้เถิดว่า โลกุตรปัญญา
    เป็นมหาธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นธรรมแห่งความรู้อันยิ่งใหญ่
    เป็นสิ่งอันไม่มีสิ่งอื่นยิ่งกว่า เป็นมนต์อันไม่มีสิ่งอื่นใดมาเทียบได้ซึ่งจะตัดเสียซึ่งความทุกข์ทั้งปวง
    นี่เป็นสัจจะ เป็นอิสระจากความเท็จทั้งมวล ในใจของตน
    "อัตนา โจทยัตตานัง" จงกล่าวโทษเตือนตนไว้เสมอ
    "สัพพะปาปัสะอกรณัง ละเว้นความชั่ว
    กุสลัสสูปสัมปทา ทำแต่ความดี
    สจิตตะปริโยทปนัง ทำจิตใจให้ผ่องใส
    เอตังพุทธานะสาสะนัง" พระพุทธเจ้าทรงสอนเช่นนี้เหมือนกันหมด
    "อัตตาหิอัตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
    โกหินาโถปโรสิยา ใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
    อัตตาหิสุทันเตนะ เมื่อฝึกตนดีแล้ว
    นาถังลภะติทุลภัง" จะได้ที่พึ่งอันบุคคลอื่นหาได้ยาก
     
  16. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [Mhttp://palungjit.org/attachments/a.1121586/USIC][/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1134005/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [​IMG]
     
  19. Sriram

    Sriram Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +74
    อนุโมทนากับเรื่องเล่าของหลวงปู่ที่ท่านนำมาเล่าต่อครับ
     
  20. yaba150

    yaba150 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    983
    ค่าพลัง:
    +636
    วัตถุมงคลหลวงปู่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...