น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่โพสข้อความมาในกระทู้นี้
    มีเรื่องที่อยากจะบอกให้ท่านที่ไม่เคยรู้คือเรื่องการครอบงำพุทธศาสนา คือในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาหลังพุทธปรินิพพาน ศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์ได้เริ่มเสื่อมลงเพราะพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง แต่ศาสนาฮินดูก็ได้ปรับปรุงคำสอนขึ้นใหม่ โดยสอนว่าพระนารายณ์ได้อวตาลมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่าพุทธาวาตาล เพื่อสอนมนุษย์ให้หลงผิด เพื่อที่มนุษย์จะได้ตกนรกมากขึ้น เพราะสวรรค์เต็มหมดแล้ว ส่วนเรื่องอริยสัจ ๔ นั้นก็จะสอนว่าต้องสั่งสมบารมีมานานแสนนาน เป็นแสนๆชาติจึงจะปฏิบัติแล้วบรรลุนิพพานได้ นี่เองที่เป็นสาเหตุภายนอกที่ทำให้ไม่มีใครสนใจคำสอนของพระพุทธเจ้า จนทำให้คำสอนของพระพุทธเจ้าเสื่อมทรามลง ไม่มีใครสนใจศึกษา ส่วนศาสนาฮินดูกลับเจริญขึ้น แล้วก็ทำให้ผู้คนรู้จักพุทธศาสนาว่าเป็นเพียงกิ่งหรือสาขาหนึ่งของศาสนาฮินดูเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นการครอบงำพุทธศาสนาอย่างแนบเนียนที่สุด<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ซึ่งเรื่องนี้ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ก็มีมาแล้วในประวัติศาสตร์ แล้วต่อมาคำสอนของพุทธศาสนาที่กำลังเสื่อมโทรมนั้นก็ได้มีผู้ปรับปรุงยอมรับให้มีเรื่องของศาสนาฮินดูเข้ามาอยู่ด้วย เพื่อความอยู่รอด โดยรับเอาเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องนรก-สวรรค์ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องอัตตา เป็นต้นของฮินดูเข้ามาด้วย ซึ่งศาสนาฮินดูก็ยอมรับพุทธศาสนาที่ปรับปรุงใหม่นี้ แล้วก็สืบทอดกันมา เผยแพร่กันมาจนถึงพวกเราทุกวันนี้ <o:p></o:p>
    เราที่เป็นชาวพุทธในปัจจุบันจึงนับถือพุทธศาสนากันเพียงแต่ชื่อ แต่รับเอาคำสอนของศาสนาฮินดูมาเชื่อและปฏิบัติกันอย่างเต็มที่ เรียกว่าเรานับถือพุทธศาสนากันผิดๆมาโดยตลอด เราจึงไม่ได้รับประโยชน์จากพุทธศาสนากันอย่างแท้จริง ทั้งในระดับสังคมและระดับบุคคล อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน<o:p></o:p>
    เราจึงควรที่จะหันมาศึกษาพุทธศาสนากันอย่างจริงจัง โดยเอาหลักที่พระพุทธเจ้าวางไว้ในการกำจัดคำสอนที่ผิดๆออกไป(คือหลักกาลามสูตร,หลักตัดสินธรรมวินัย ๘ ประการ)และเอาหลักการที่เป็นหัวใจของพุทธศาสนามาศึกษา(คือเรื่องกฎสูงสุดของจักรวาล, กฎไตรลักษณ์, ขันธ์ ๕ ,อริยสัจ ๔) กันอย่างจริงจัง แล้วเราก็จะปลดปล่อยพุทธศาสนาที่ถูกครอบงำมานานแสนนานให้เป็นอิสระได้<o:p></o:p>
    เรื่องการที่พุทธศาสนาถูกครอบงำจากศาสนาพราหมณ์มาก่อนนี้ ใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ หรือจะไม่สนใจก็ได้ ถ้าใครอยากรู้ก็ให้ไปลองถามนักประวัติศาสตร์ดูก็ได้ แต่ที่สำคัญเราควรศึกษาพุทธศาสนากันอย่างจริงจัง อย่าเอาแต่คิดว่าจะต้องปฏิบัติจนเกิดอภิญญาญาณก่อนจึงจะรู้แจ้งเห็นจริง(ซึ่งก็ไม่รู้อีกว่าจะมีจริงหรือเปล่า?) <o:p></o:p>
    การฟังหรืออ่านมาอย่างถูกต้อง ก็จัดเป็นสุตามยปัญญา(ปัญญาที่เกิดมาจากการฟัง)แล้ว ต่อเมื่อนำเอาสิ่งที่ฟังหรืออ่านมานั้นมาคิดพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยเหตุด้วยผลซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบังเกิดความเข้าใจอย่างถูกต้องขึ้นมา ก็จัดเป็นปัญญาในระดับจินตามยปัญญา(ปัญญาที่เกิดมาจากการคิด)แล้ว ซึ่งก็สามารถทำให้เกิดดวงตาเห็นธรรมได้แล้ว ส่วนปัญญาในระดับภาวณามยปัญญา(ปัญญาที่เกิดจากการปฏิบัติ)นั้นเป็นปัญญาในระดับกำจัดกิเลส ซึ่งก็ต้องเกิดมาจากการปฏิบัติที่มีความเข้าใจอย่างถูกต้องมาก่อนแล้วเท่านั้น ถ้ายังไม่เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้องมาก่อนก็จะทำให้ปฏิบัติผิด แล้วภาวณามยปัญญาก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง <o:p></o:p>
    ดังนั้นเราจึงไม่ควรดูถูกการคิดที่มีเหตุมีผล และเป็นวิทยาศาสตร์ เพราะการคิดนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องได้ ส่วนวิทยาศาสตร์จะนำไปสู่ความจริงแท้ได้ ส่วนความเชื่อที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาย่อมนำพาไปสู่ความหลงผิดได้โดยง่าย.<o:p></o:p>
     
  2. nrcl

    nrcl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +4,318
    คุณโยมคิดว่าพระไตรปิฎกนั้นถูกต้องแน่นอนทั้งหมดอย่างนั้นหรือ? ไม่คิดว่ามันก็อาจจะถูกเปลี่ยนแปลงหรือปลอมปนมาแล้วบ้างหรือ?

    ซึ่งเรื่องนี้ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ก็มีมาแล้วในประวัติศาสตร์ แล้วต่อมาคำสอนของพุทธศาสนาที่กำลังเสื่อมโทรมนั้นก็ได้มี
    ผู้ปรับปรุงยอมรับให้มีเรื่องของศาสนาฮินดูเข้ามาอยู่ด้วย เพื่อความอยู่รอด โดยรับเอาเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องนรก-สวรรค์ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องอัตตา เป็นต้นของฮินดูเข้ามาด้วย ซึ่งศาสนาฮินดูก็ยอมรับพุทธศาสนาที่ปรับปรุงใหม่นี้ แล้วก็สืบทอดกันมา เผยแพร่กันมาจนถึงพวกเราทุกวันนี้


    1) ถ้าหลวงพี่คิดตามหลักเหตุผล ผมก็จะอธิบายด้วยเหตุผลนะ ลองคิดดูง่ายๆนะครับ พระไตรปิฎก กับประวัติศาสตร์อินเดีย หลวงพี่ว่า
    - อะไรน่าเชื่อถือกว่ากัน
    - อะไรถูกเก็บรักษาไว้ดีกว่ากัน
    - อะไรถูกดัดแปลงได้ง่ายกว่ากัน (แก้ไข 84,000 พระธรรมขันธ์ ให้สอดคล้องกัน กับแก้ไขไม่กี่บรรทัดในหนังสือประวัติศาสตร์)
    - หลวงพี่รู้ชื่อคนเขียนประวัติศาสตร์คนนั้นรึเปล่า คนๆนั้นเกิดสมัยพุทธกาลรึเปล่า
    - ประวัติศาสตร์เล่มนั้น จะถูกเขียนถ่ายทอด ดัดแปลง ต่อเติม เขียนใหม่ มาทั้งหมดกี่ครั้งแล้วตลอด 2500 ปี

    2) ถ้าหลวงพี่ว่า หลวงพี่มีโอกาสผิด แล้วจะเสียเวลาโต้ตอบกระทู้นี้เถียงกับฆราวาสทำไม??? น่าจะเอาเวลามาศึกษาเพื่อพิสูจน์หาความจริงดีกว่าไหมครับ

    ผมโพสกระทู้นี้ ไม่ใช่เพื่อต้องการเอาชนะ เพียงแต่อยากให้หลวงพี่ไปลองพิสูจน์ดู ถ้าหลวงพี่พิสูจน์แล้ว ไม่เป็นความจริงค่อยมาเถียงกันต่อดีไหม

    3) ถ้าหลวงพี่ว่า พระไตรปิฎกต้องถูกดัดแปลงแน่นอน แล้วหลวงพี่รู้ได้ยังไงว่า พระธรรมตอนไหนถูกแต่งเติม ตอนไหนถูก ตอนไหนผิด หลวงพี่อ่านพระไตรปิฎกแล้วใช้ปัญญาพิจารณาเอง อ่านหนังสือ หรือว่าฟังจากอาจารย์สอนมาอีกที!!!

    เมื่อก่อนผมก็ฟังคำสอนมาแบบนี้เหมือนกัน ผมก็เชื่อแบบเดียวกับที่หลวงพี่เชื่อ ซึ่งอาจจะเป็นอาจารย์ท่านเดียวกันก็ได้ แต่ทำไมตอนนี้ผมไม่อยู่ข้างหลวงพี่ล่ะครับ ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์ท่านนั้น หลวงพี่ว่าเพราะอะไรล่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 พฤศจิกายน 2006
  3. nrcl

    nrcl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +4,318
    1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
    2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
    3. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
    4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
    5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
    6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
    7. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
    8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
    9. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
    10. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
    พิจารณาดูครับ 10 ข้อ ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้

    ทำไมมันสอดคล้องกับเหตุการณ์นี้จังครับ ไล่ดูทำไมมันตรงทุกข้อเลย
    ทำไมมันสอดคล้องกับเหตุการณ์นี้จังครับ ไล่ดูทำไมมันตรงทุกข้อเลย
    ทำไมมันสอดคล้องกับเหตุการณ์นี้จังครับ ไล่ดูทำไมมันตรงทุกข้อเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 พฤศจิกายน 2006
  4. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,058
    นี่ก็น่าห่วง....หลวงพี่ท่านก็แก้ต่าง เสียทุกข้อกล่าวหาเลยนะนี่.......ห่วงเด็กรุ่นหลังจัง...การให้ธรรมชนะการให้ทั้งปวง...แต่ถ้าให้ธรรมผิด ๆ ล่ะ?
     
  5. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    ที่ท่านกล่าวว่า
    .........................................................................................................................

    มีเรื่องที่อยากจะบอกให้ท่านที่ไม่เคยรู้คือเรื่องการครอบงำพุทธศาสนา

    ...ก็อาจเป็นไปได้

    คือในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาหลังพุทธปรินิพพาน ศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์ได้เริ่มเสื่อมลงเพราะพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง แต่ศาสนาฮินดูก็ได้ปรับปรุงคำสอนขึ้นใหม่ โดยสอนว่าพระนารายณ์ได้อวตาลมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่าพุทธาวาตาล

    ... อันนี้ พิสูจน์ได้อย่างไร ว่าท่านไม่ได้ใส่ร้ายศาสนาผู้อื่น? และมีเหตุผลอะไรที่ฮินดูจะทำอย่างนั้น หากเขาจะทำ เขาจะทำกับฮินดูด้วยกัน เพราะวัฒนธรรมอินเดีย ไม่รังเกียจว่าใครจะนับถืออะไร ลัทธิ และสำนักต่างๆ จึงเกิดขึ้นมากมาย เขาไม่เสียเวลามาแย่งสาวกกัน หรือครอบงำกันแน่นอน หากท่านกล่าวไป จะทำให้เกิดสงครามศาสนาพุทธและฮินดูได้

    เพื่อสอนมนุษย์ให้หลงผิด เพื่อที่มนุษย์จะได้ตกนรกมากขึ้น เพราะสวรรค์เต็มหมดแล้ว

    ... ตรงนี้ไปเอามาจากไหน ท่านเหาะไปดูสวรรค์ นับหัววิญญาณทุกตัวที่ซ่อนอยู่แล้วหรือไร? แล้ววัดมาหรือยังว่าสวรรค์รับดวงวิญญาณได้กี่ดวง ตรรกะเหตุผล หรือข้อพิสูจน์หลักฐานอันใดที่กล่าวว่าสวรรค์เต็ม? แล้วไยกล่าวร้ายศาสนาฮินดูว่าทำเพื่อมนุษย์จะได้ตกนรกมากขึ้น ท่านจะชวนชาวพุทธไปก่อสงครามศาสนาโดยมีผ้าเหลืองอย่างท่านนำทัพหรือไร?

    ส่วนเรื่องอริยสัจ ๔ นั้นก็จะสอนว่าต้องสั่งสมบารมีมานานแสนนาน เป็นแสนๆชาติจึงจะปฏิบัติแล้วบรรลุนิพพานได้

    ... ขอหลักฐานด้วย พระสงฆ์ไม่ควรกล่าวร้ายศาสนาอื่นอย่างเลื่อนลอย มิฉะนั้นจะผิดร้ายแรง ฐานะทำให้ศาสนาขัดแย้ง ก่อฉนวนสงครามศาสนา ท่านว่าสมควรสึกหรือไม่?

    นี่เองที่เป็นสาเหตุภายนอกที่ทำให้ไม่มีใครสนใจคำสอนของพระพุทธเจ้า จนทำให้คำสอนของพระพุทธเจ้าเสื่อมทรามลง ไม่มีใครสนใจศึกษา ส่วนศาสนาฮินดูกลับเจริญขึ้น

    ... พระพุทธศาสนาอาจเสื่อมตามหลักอนิจจัง แต่ไม่ได้แปลว่า เป็นเหตุมาจากฮินดู กรุณาอย่างกล่าวร้ายศาสนาอื่นตราบที่ไม่มีหลักฐาน ส่วนฮินดูเจริญขึ้นท่านวัดจากอะไร ยุคนี้ศาสนาใดๆ ก็ล้วนเสื่อม เมื่อเทียบกับอดีตล้วนเสื่อมทั้งนั้น หรือหากฮินดูจะเจริญ เราควรอนุโมทนา เพราะอย่างน้อยเป็นสะพานก้าวแรกให้คนเป็ฯคนดี หลุดจากทุนนิยม วัตถุนิยม

    แล้วก็ทำให้ผู้คนรู้จักพุทธศาสนาว่าเป็นเพียงกิ่งหรือสาขาหนึ่งของศาสนาฮินดูเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นการครอบงำพุทธศาสนาอย่างแนบเนียนที่สุดffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    ซึ่งเรื่องนี้ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ก็มีมาแล้วในประวัติศาสตร์ แล้วต่อมาคำสอนของพุทธศาสนาที่กำลังเสื่อมโทรมนั้นก็ได้มีผู้ปรับปรุงยอมรับให้มีเรื่องของศาสนาฮินดูเข้ามาอยู่ด้วย เพื่อความอยู่รอด โดยรับเอาเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องนรก-สวรรค์ต่างๆ

    ... ในพระไตรปิฏกมีการสอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด คำว่า สังสารวัฏ ปฏิจจสมุทบาท หรือแม้แต่ใน ขันธ์ห้าก็พูดถึงวิญญาณขันธ์ เรื่องนรก สวรรค์ ท่านเคยเทศน์ไว้ ถึงขนาดเปิดโลกให้ดูมาแล้วทั้งสามภพ ท่านจะกล่าวว่าท่านไม่สอนหรืออย่างไร?

    โดยเฉพาะเรื่องอัตตา เป็นต้นของฮินดูเข้ามาด้วย ซึ่งศาสนาฮินดูก็ยอมรับพุทธศาสนาที่ปรับปรุงใหม่นี้ แล้วก็สืบทอดกันมา เผยแพร่กันมาจนถึงพวกเราทุกวันนี้

    ...ท่านไปเอาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไหนมาไม่ทราบ โปรดแสดงให้ชัด

    เราที่เป็นชาวพุทธในปัจจุบันจึงนับถือพุทธศาสนากันเพียงแต่ชื่อ แต่รับเอาคำสอนของศาสนาฮินดูมาเชื่อและปฏิบัติกันอย่างเต็มที่

    ... มีบางท่านเป็นอย่างนั้นบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ของคนที่ยังไม่นิพพานย่อมหลงได้ แต่อย่าได้ก่อฉนวนสงครามศาสนา ท่านเป็น "พระ" นะขอรับ

    เรียกว่าเรานับถือพุทธศาสนากันผิดๆมาโดยตลอด เราจึงไม่ได้รับประโยชน์จากพุทธศาสนากันอย่างแท้จริง ทั้งในระดับสังคมและระดับบุคคล อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เราจึงควรที่จะหันมาศึกษาพุทธศาสนากันอย่างจริงจัง

    ... ตรงนี้เห็นด้วยกับท่าน
    <O:p></O:p>
    โดยเอาหลักที่พระพุทธเจ้าวางไว้ในการกำจัดคำสอนที่ผิดๆออกไป(คือหลักกาลามสูตร,หลักตัดสินธรรมวินัย ๘ ประการ)

    ... พระพุทธองค์มิได้ลบล้างทุกสิ่งให้พินาศสูญสิ่งใดดี ท่านก็ต่อยอดให้ถึงฝั่ง การทำกรรมฐานต่างๆ ท่านไม่ได้คิดคนเดียว พราหมณ์ต่างๆ ทำมาก่อน หลังจากท่านนิพพาน ท่านก็ใช้วิธีเหล่านั้นมาปรับสอนใช้ แม้นแต่หลักกลามาสูตร ท่านเห็นว่าชอบด้วยธรรมแล้ว ท่านก็สามารถหยิบมาสอนได้ โดยไม่ได้ยึดติดแบ่งแยกว่า ฉันคนคิด หรือใครคนคิดก่อน

    และเอาหลักการที่เป็นหัวใจของพุทธศาสนามาศึกษา(คือเรื่องกฎสูงสุดของจักรวาล, กฎไตรลักษณ์, ขันธ์ ๕ ,อริยสัจ ๔) กันอย่างจริงจัง แล้วเราก็จะปลดปล่อยพุทธศาสนาที่ถูกครอบงำมานานแสนนานให้เป็นอิสระได้

    ... การสอนสิ่งนี้ก็ดี แต่ไม่ใช่เหตุผลว่า เอาหลักธรรมอันนี้ ไปลบล้างหลักธรรมอันอื่น เป็นการเบี่ยงประเด็น ทับประเด็น เพื่อลบล้างของเก่าด้วยของใหม่ แท้แล้ว พระธรรมของพระพุทธองค์ ล้วนสามารถใช้ได้ทั้งนั้น ไม่ใช่ เอาตนเป็นหลัก แล้วบอกว่าต้องหลักธรรมนี้ หลักธรรมนั้นไม่ได้ นี่ท่านจะลบล้างหลักธรรมของพระพุทธองค์ให้เหลือน้อยลงหรือไร?

    เรื่องการที่พุทธศาสนาถูกครอบงำจากศาสนาพราหมณ์มาก่อนนี้ ใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ หรือจะไม่สนใจก็ได้ ถ้าใครอยากรู้ก็ให้ไปลองถามนักประวัติศาสตร์ดูก็ได้ แต่ที่สำคัญเราควรศึกษาพุทธศาสนากันอย่างจริงจัง อย่าเอาแต่คิดว่าจะต้องปฏิบัติจนเกิดอภิญญาญาณก่อนจึงจะรู้แจ้งเห็นจริง(ซึ่งก็ไม่รู้อีกว่าจะมีจริงหรือเปล่า?)

    <O:p>... นี่ท่านเชื่อนักประวัติศาสตร์มากกว่าพระพุทธเจ้าไปแล้วหรือไร? แล้วท่านก็เผยไต๋ออกมาว่าไม่รู้ว่า "อภิญญา" นี้มีจริงหรือไม่ ท่านก็รู้ตัวแล้วนี่นา ว่าไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่ เหตุใด ยังทำตนเป็นผู้รู้เสียหมด แถมไปเชื่อนักโบราณคดี แทนที่จะเชื่อพระพุทธองค์ นี่ท่านยังสมเป็นสาวกแห่งพระสมณะโคดมได้อีกหรือไร หรือท่านควรไปเป็นสาวกแห่งนักโบราณคดีกันแน่?</O:p>

    การฟังหรืออ่านมาอย่างถูกต้อง ก็จัดเป็นสุตามยปัญญา(ปัญญาที่เกิดมาจากการฟัง)แล้ว ต่อเมื่อนำเอาสิ่งที่ฟังหรืออ่านมานั้นมาคิดพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยเหตุด้วยผลซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบังเกิดความเข้าใจอย่างถูกต้องขึ้นมา ก็จัดเป็นปัญญาในระดับจินตามยปัญญา(ปัญญาที่เกิดมาจากการคิด)แล้ว ซึ่งก็สามารถทำให้เกิดดวงตาเห็นธรรมได้แล้ว ส่วนปัญญาในระดับภาวณามยปัญญา(ปัญญาที่เกิดจากการปฏิบัติ)นั้นเป็นปัญญาในระดับกำจัดกิเลส ซึ่งก็ต้องเกิดมาจากการปฏิบัติที่มีความเข้าใจอย่างถูกต้องมาก่อนแล้วเท่านั้น ถ้ายังไม่เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้องมาก่อนก็จะทำให้ปฏิบัติผิด แล้วภาวณามยปัญญาก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง

    ... สิ่งนี้ให้ท่านใช้พิจารณาตัวเองก่อนสอนผู้อื่น
    <O:p></O:p>

    ดังนั้นเราจึงไม่ควรดูถูกการคิดที่มีเหตุมีผล และเป็นวิทยาศาสตร์ เพราะการคิดนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องได้ ส่วนวิทยาศาสตร์จะนำไปสู่ความจริงแท้ได้ ส่วนความเชื่อที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาย่อมนำพาไปสู่ความหลงผิดได้โดยง่าย.


    ...ตกลงท่านย้ายสำนัก เป็นสาวกแห่งนักวิทยาศาสตร์แน่นอนแล้วใช่หรือไม่ ถึงขนาดไม่เชื่อคำพระพุทธองค์ที่ทรงตรัสไว้ แม้แต่เรื่องอภิญญา นี่ท่านยังมีหน้าห่มเหลืองอ้างตนเป็นสาวกแห่งพระสมณะโคดมได้อย่างไร ท่านจงทิ้งจีวร แล้วไปกราบไหว้เป็นสาวกแห่งนักวิทยาศาสตร์ผู้นั้นเสีย


    ............................................................................................................................
    เรียนท่านเว็บมาสเตอร์ทั้งหลาย

    การสอนคนนั้น พระพุทธองค์ก็เคยตรัส การสอนม้าพยศ นั้น ต้องทรมานขนาดไหน ท่านก็ว่าแล้วแต่ม้าจะพยศขนาดไหน พยศมากก็ต้องเฆี่ยนให้หนัก เมื่อละฑิฐิมานะ ละอัตตาแล้วจึงสอนธรรมได้


    คำว่า "พระ" นี่คือการยึดติด ท่านเว็บสโนว์ท่านเคยเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า, เห็นนรก สวรรค์มาแล้ว ย้อนระลึกชาติได้บ้างแล้วมิใช่หรือ

    เช่นนี้ เราควรเรียกเป็นพระได้อย่างไร? ในเมื่อเป็นสารพัดสัตว์มาแล้วเป็นล้านๆ ชาติ ท่านจะมายึดติดว่าเป็นพระ แต่ใจกลับไม่เชื่อพระสมณะโคดม ไปเชื่อนักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์นี้ แล้วโมเมไม่มีหลักฐาน มาให้ร้ายศาสนาฮินดู ให้ศาสนาเกิดความแตกแยกเช่นนี้ ถ้าพระสมณะโคดมรู้เข้า ท่านว่า ควรจับสึกทันทีเลยหรือไม่?


    ท่านอย่าได้ตัดข้อความของเรา

    สาธุ.................................................................................................................

    <!-- / message -->
     
  6. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    "เพราะไม่เกิดประโยชน์ที่จะมาทุ่มเถียงกับคนพวกนี้เหมือนกับเอาไม้ไปเขี่ยสิ่งสกปรกเน่าเหม็น ที่จะพลอยทำให้ตัวเองเหม็นไปด้วย."
    ความจริงถ้าผมเป็นพระพุทธเจ้า ผมจะให้สงฆ์นั้นอาบัติไปนะครับ กรุณาระวังคำพูดหน่อยก็ดีครับ พูดส่อเสือดก็ผิดศีลอย่าหลงตนไปเลย...
    ผมขอพูดครั้งสุดท้ายครับ
    "อย่าทำเหมือนคำทำนายของพระพุทธเจ้าครับ"
    ถ้าผมเอา มหาปเทส๔ มาอ้างให้คุณสึกก็ได้ครับ เพียงแต่เค้าจะเห็นผมเป็นแค่เด็ก๑๘... ไม่นับถือ นับถือสังขาร... นับถือเงิน... นับถืออำนาจ... นับถือศรัทธา...
    พระพุทธเจ้าบอกว่าพระธรรมเป็นตัวแทนของพระองค์ แต่ยังมีผู้ที่อ้างพระพุทธเจ้าอยู่อีก...
    แต่ที่สำคัญเราควรศึกษาพุทธศาสนากันอย่างจริงจัง อย่าเอาแต่คิดว่าจะต้องปฏิบัติจนเกิดอภิญญาญาณก่อนจึงจะรู้แจ้งเห็นจริง(ซึ่งก็ไม่รู้อีกว่าจะมีจริงหรือเปล่า?)
    ไม่รู้ ไม่พูด
    ตัวเองทำไม่ได้ จึงตู่ว่าคนอื่นทำไม่ได้ เพื่อตัวเองจะได้ดูเหนือกว่าคนอื่น...โธ่ ถัง


    อัตตากับอนัตตา
    คือตัวตนของจักรวาล ถ้ามีนิพพานก็"ไม่แน่"ว่าจะอยู่ในจักรวาล เพราะจักรวาลเกิดมาจากอาภัสสรพรหม... พระพุทธเจ้าอยู่เหนือพรหม...(ละมั้ง)
    ไม่รู้ไม่ควรพูดครับ สันนิษฐานนั้นไม่จริง
    "เท่ากับสงฆ์ผู้นั้นมุสา..."
    "ไม่ว่าจะทำดีหรือเลวการมุสาก็ถือว่าผิด"
    พระพุทธเจ้าถึงไม่ให้เชื่อ แต่ให้สอนตามพระธรรม
    ท่านเข้าใจผิด เพราะมีหลายเหตุปัจจัยที่ทำให้คนไม่นับถือในศาสนา อันมาจากกรรมของมนุษย์นั้นเอง
    ปล.งั้นขอไปฝึกก่อน(คงจะหลายปี) ถ้าทำได้ ผมจะเอาไปอ้างกับคณะสงฆ์ว่าผมมีอภิญญาเท่ากับเป็นการประกาศว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้โกหกละกันครับ แล้วผมจะถามก่อนว่าถ้าไม่เชื่อก็ขอให้สึกไป เพราะคนที่ไม่เชื่อในพระธรรม ก็สงสัยในพระพุทธเจ้าน่ะแหละ(ชอบพูดเบี่ยง...)
    แต่ก็คงไม่เชื่ออีก... งั้นสงสัยว่าต้องให้เรื่องพระยาธรรมมิกราชเป็นจริงซะละมั้ง...(มีเรื่องเดียวที่เชื่อได้...)<<<รออยู่เพราะไงพวกนี้ก็ไม่เชื่ออยู่แล้ว มาแสดงตัวเร็วๆสิครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 พฤศจิกายน 2006
  7. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    ท่านเด็กอายุสิบแปด
    ......................................................

    กายนั้นเป็นไฉน แต่ห่อไว้ ใช่ควรยึดติด
    วิญญาณนั้นเป็นไฉน อาจสร้างบารมีไว้นาน


    ตัวท่านตอนนี้แม้นอายุน้อย แต่วิญญาณ
    ท่านอาจยิ่งใหญ่ อายุเพียงเท่านี้ ก็สนใจ
    ศึกษาธรรม ผิดจากเพื่อนของท่าน


    อย่าได้มองเลยบารมีที่สะสมมาในอดีตชาติ
    จงเดินหน้าต่อไป เณรอรหันต์ก่อนพระอาจารย์
    ผู้ได้ชื่อว่า "ใบลานเปล่า" จนต้องก้มหน้ากลับ
    มาขอธรรมเณรยังมีมาแล้ว



    ทิ้งเสียซึ่งสมมุติบัญญัติ ย่อมประจักษ์ในวิมุติ

    สาธุ...........................................
     
  8. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่โพสข้อความมาในกระทู้นี้
    อาตมาใคร่อยากฝากให้นำเอาเรื่องนี้ไปคิดว่า
     
  9. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่โพสข้อความมาในกระทู้นี้
    มีสิ่งสำคัญที่อาตมาใคร่จะขอทำความเข้าใจสักหน่อย คือเรื่องการโต้ธรรมะ คือในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าจะทรงโต้ธรรมะกับใคร พระองค์จะทรงขอให้ผู้ที่จะมาโต้ธรรมะนั้นสัญญาก่อนว่าจะโต้กันอย่างสุภาพบุรุษ ด้วยเหตุด้วยผล และยอมรับความจริง ถ้ายอมรับ พระองค์จึงจะทรงโต้ธรรมะด้วย ถ้าไม่ยอมรับพระองค์ก็จะไม่ทรงโต้ธรรมะด้วย ดังนั้นทุกคนที่มาโต้ธรรมะกับพระองค์ จึงต้องพ่ายแพ้เหตุผลและความจริงด้วยกันทุกคน ถ้าใครยอมรับแล้วแต่ว่าเมื่อรู้ตัวว่าจะแพ้กลับพาลหรือเฉไฉไม่ยอมรับเหตุผล หรือไม่ยอมรับความจริง พระองค์ก็จะทรงหยุดการสนทนาหรือโต้ธรรมะนั้นทันทีด้วยการนิ่งเฉย<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ดังนั้นอาตมาก็จะใช้วิธีนี้ คือถ้าใครคิดว่าจะโต้ธรรมะกับอาตมาก็ต้องสัญญาก่อนว่าจะโต้กันอย่างสุภาพบุรุษ ด้วยเหตุผล และยอมรับความจริง ถ้ายอมรับแล้วจะให้อาตมาไปโต้กับใครทางสื่อใดก็ได้ ขอให้เป็นอย่างที่สัญญาก็แล้วกัน <o:p></o:p>
    ส่วนทางเวบบอร์ดนี้ก็เหมือนกัน อาตมาก็ขอโทษด้วยที่ไม่อาจโต้ตอบด้วยได้เพราะยังหาผู้ที่จะเป็นสุภาพบุรุษ มีเหตุผลและยอมรับความจริงไม่เจอ อาตมาจะทำได้ก็เพียงตอบข้อข้องใจให้บ้างเท่านั้น.<o:p></o:p>
    เตชปญฺโญ ภิกขุ<o:p></o:p>
     
  10. nrcl

    nrcl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +4,318
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 พฤศจิกายน 2006
  11. nrcl

    nrcl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +4,318
    "เนื้อหาจากหลักสูตรพุทธศาสนา สำหรับ ม.1"

    ๑๐. บาปคืออะไร?
    บาป คือ การทำชั่ว คือเมื่อเราทำความชั่วใดลงไป ก็เรียกว่าทำบาป
    ผลของบาปก็คือ ความรู้สึกทุกข์ใจ เช่นร้อนใจ(นรก) ไม่สบายใจ
    เวลาให้ผลของบาปนั้นก็มีอยู่ ๒ ช่วงคือ
    ๑. ขณะกำลังทำอยู่
    ๒. หลังจากทำเสร็จแล้วระยะหนึ่ง ผลของบาปนี้จะมากหรือน้อยและจะตั้งอยู่นานหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรานั้นทำบาปมากหรือน้อยเพียงใด หรือบ่อยเพียงใด เปรียบเหมือนกับการที่เรากินอาหารเน่าเสียจำนวนมาก เราก็จะรู้สึกอึดอัดทรมานอยู่นาน แต่ถ้ากินน้อย ก็จะรู้สึกอึดอัดทรมานอยู่ไม่นาน ซึ่งบาปนี้บางทีก็เรียกว่าเป็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤศจิกายน 2006
  12. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    ขอบคุณสมาชิกหลายคนที่เข้ามาโพสให้เหตุผล เพื่อพุทธศาสนา
    ขอให้สมาชิกชิก ละเว้นจากการใช้ ถ้อยคำที่รุนแรง ละเว้นจากความขุ่นเคืองใจ
    ผมเองก้ได้ลบไปบางโพส

    ถ้าเราคิดว่า หลวงพี่ สอนผิดจากพระพุทธเจ้าและพระไตรปิฎก

    เราสนทนากับหลวงพี่ เพื่อชี้แจง เพื่อให้เกิดสัมมาทิฐิ
    ชี้แจงกับพระท่านด้วยความเคารพและเป็นเหตุเป็นผล
    เราสามารถทำได้ และจะเกิดประโยชน์มากกว่าผลเสีย
     
  13. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    กราบนมัสการหลวงพี่ เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ผมเชื่อว่า พระไตรปิฎก ไม่สมบูรณ์ถึง 100 %
    การบันทึกอาจจะมีบางส่วนความผิดพลาดได้บ้าง

    แต่ความผิดพลาด จะไม่ถึงกับที่ว่า จากทั้งหมด 84,000 พระธรรมขันธ์
    ยอมรับได้ เพียง กามาลสูตร ๑๐ และอื่นๆเพียงเล็กน้อย
    แล้วปฏิเสธส่วนที่เหลือนอกนั้นเกือบ 84,000 พระธรรมขันธ์ คือสิ่งปลอมปน เช่นเรื่อง กฏแห่งกรรม ภพชาติ สวรรค์นรก อภิญญา

    ---------------------------------------

    หลายๆอย่างในพระไตรปิฎก บางครั้งเราคิดว่าไม่น่าจริง และไม่น่าเป็นไปได้ เช่น เรื่อง สวรรค์ นรก อภิญญา ต่างๆ
    ก็สามารถปฎิบัติตาม ทดลองพิสูจน์ตามได้ โดย ใช้ อิทธิบาท ๔ พละ ๕ ซึ่งบุคคลและอาจารย์ต่างๆ ก็เคยทำกันเรื่อยมาก ตั้งแต่อดีต

    ----------------------------------------

    พระไตรปิฎก พระอรหันต์เป็น พัน เป็นร้อยรูป ทำการสังคยานา ขึ้นมา
    ไว้เป็นหลักสอนสั่ง สาวกรุ่นหลัง ถือว่าเป็นหลักของพระพุทธศาสนา

    ปัจจุบัน ถ้าเกิดสาวกพระพุทธเจ้า ต่างคน ต่างสอน ตามความเชื่อของตนและตามที่ตนคิด......แล้วไปขัดแย้งกับพระไตรปิฎกอย่างชนิดต่างขั้ว เช่นสอนว่าตายแล้วสูญจิตดับสูญ สถานที่นรกสวรรค์ไม่มีตามพระไตรบอก

    จะเกิดอะไรขึ้น ?

    1. ความเสื่อมก็จะเกิดขึ้น
    2. ความไม่เป็นสัมมาทิฐิ ต่างก็คิดว่าแนวของตนเป็นสัมมาทิฐิ
    3. ประชาชนหาหลักยึดได้ยาก ไม่รู้ว่าจะยึดแบบไหนดี
    3. เกิดความแตกแยก แบ่งกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากขึ้น

    ************

    หลักสูตรต่างๆที่ให้นักเรียนเรียนเราควร จะยึดหลักตามพระไตรปิฎก
     
  14. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +2,808
    ไม่เห็นด้วย อย่างยิ่ง เพราะว่าไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า

    หลักสูตรนี้เป็นการบิดเบือนคำสอนในพระไตรปิฏกอย่างรุนแรง
     
  15. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    ไม่อยากให้เปรียบเทียบ กับ...หรอกนะครับ...(เล่นของสูงนะท่าน)
    เรื่องฤทธิ์ก็มี...ที่บอกว่าตนทำได้คนเดียว คนอื่นทำไม่ได้ แล้วไฉนท่านจะทำแบบ...ในการเปลี่ยนแปลงคำสอนละท่าน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤศจิกายน 2006
  16. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    เราไม่สนทนากับพระรูปนี้แล้ว
    .......................................................

    สิ่งที่เราโพสไว้เพื่อเตือนสติท่าน แต่ท่านไม่ได้พิจารณา
    จิตตัวเองเลย ดูแต่พระธรรมนอกตัว ไม่มีทางพ้นอบาย
    ไปได้


    การทำผิดในรูปแบบคนทั่วไป กรรมยังน้อย แต่หากผิด
    ในผ้าเหลือง จะตายไปเป็นเปรต โดยเฉพาะผิดศีลข้อร้าย
    แรง เช่น ยุยงให้ศาสนาแตกแยก ให้ชาวพุทธเกลียดฮินดู
    เป็นต้น


    อันว่าสรรพสัตว์มีทั้งประเภทสอนได้ปและสอนไม่ได้ บาง
    ท่านยึดมั่นอัตตาว่าตนเป็นพระ ใครจะมาสอนก็ไม่ฟัง คิด
    แต่จะสอนผู้อื่นเท่านั้น ทั้งยังไม่ได้ใช้หลักการของพระพุทธองค์
    ใช้หลักโบราณคดีบ้าง, วิทยาศาตร์บ้าง, ภาษาศาสตร์บ้าง
    ยิ่งกว่านั้น ยุยงให้เกิดความรู้สึกร่วม เป็นพรรคพวกเดียวกัน
    เพื่อให้คนเชื่อ เช่น ยุว่าเป็นพุทธเหมือนกัน จงว่าร้ายฮินดู
    มาร่วมพวกฉันเถอะ เชื่อเพราะเป็นพวกเดียวกันเถอะ มาว่า
    ร้ายฮินดูกันเถอะเป็นต้น


    อันว่าบุคคลผู้ครอบงำความคิดผู้อื่นให้หลงเชื่อในสิ่งผิด
    อันไม่นำไปสู่ทางนิพพาน แต่ชวนไปผิดทางนี้ เมื่อตายไป
    จะไปเกิดเป็น "มาร" หากทำบาปมาก เช่น ผิดศีลปราชิก
    จะไปเกิดเป็นเปรต ทนทุขเวทนาแสนสาหัส


    เมื่อพ้นทุกข์ สะสมบุญถึงคราวจะได้อรหันต์ก็จะได้อย่าง
    ยาก เป็นพวกมิจฉาทิฐิ ไม่มีใครสอนได้ และสอนใครก็
    ไม่ได้ เป็น "ปัจเจกพุทธะ" ดังเช่น พระเทวทัต


    บุคคลผู้นี้เราไม่สอนต่อแล้ว
    สาธุ....................................................
     
  17. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    ท่านเว็บสโนว์
    ...................................................


    พระศาสนาเริ่มเสื่อมแล้วแน่นอน ตอนนี้คนไม่ทำบุญ
    กันนัก เริ่มไม่ศรัทธาพระศาสนา วิ่งหาวัดก็ไม่เจอที่
    พึ่ง ท่านจะกลับมาช่วยเป็นร่มโพธิร่มไทรให้เหล่าสรรพ
    สัตว์ในประเทศไทยได้หรือไม่?


    เราคิดว่า สงครามโลกครั้งที่สาม น่าจะเริ่มช่วงรอยต่อปี
    ท่านจองเครื่องบินกลับมาก่อนได้ไหม ถือว่ากลับมาพัก
    ร้อนเล่นเยี่ยมประเทศสักครั้ง


    เพราะมันอาจจะลงมือพร้อมกัน เรียบพนาสูญ ไม่ให้อีก
    ฝ่ายตอบโต้ได้ แล้วกลุ่มผู้ก่อการร้ายจะทำลาย จี้ระบบ
    เครื่องบินก็เป็นได้ เพื่อไม่ให้ผู้นำสำคัญๆ ปลอมตัวหนี
    จนกว่าจะตามจับฆ่าได้หมด


    ถึงเวลานั้น ท่านจะบินกลับไทยก็ไม่ได้


    ท่านได้รับกิจจากพระพุทธองค์มา ท่านยังเชื่อคำทำนายของ
    หลวงปู่ฤษีลิงดำหรือไม่? พระอรหันต์ย่อมไม่โกหกแน่ ท่าน
    จงกลับมาไทยก่อนปีใหม่เถิด


    สาธุ.........................................................
     
  18. somlak

    somlak สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    เรือง "ตายแล้วสูญ"

    ปัญหาเรืองตายแล้วสูญนี้ มีมาแล้ว ตั้งแต่สมัยทีพระพุทธองค๋ยังทรงพระชนม์อยู่ ก็คือ พวกเดียรถี ได้นำไปสอนสาวกของตน คือ
    ๑ อุเฉททิฏฐิ ความเห็นว่า ตายแล้วสูญ
    ๒ สัสสตทิฏฐิ ความเห็นว่า เทียง

    ซึ่งพระพุทธองค์ไม่เคยสอนเรืองนี้ในที่ใดเลย ผู้ใด อ้างวาเป็นพระพุทธศาสนา แสดงวา "กล่าวงจ้วงจาบพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า" มีบาปหนัก เพราะเจ้าลัทธิที่สอนทังสองอยางนี้ ก็ได้ลงนรกไปหมดแล้ว หรือว่า ท่านผู้นี้จะตามไปลงกับเขาอีกหรืออยางไร
    ในเมือมันไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า จะอ้างว่าเป็นพระพุทธศาสนาได้อยางไร งง
    ทางที่ดี ท่านผู้เขียน ควรจะรีบเร่งปฏิบัติธรรมให้รู้เห็นด้วยตนเอง มากกวาการเขียน ผิด ๆ และนำคนผิดๆ ซึ่งจะสร้าง บาปเวรให้แก่มนุษยชาติเป็นอยางมาก ทัวท่านเอง ลงนรก ก็ลงไปเถิด แต่อยาดึงคนอืนให้ลงด้วยเลย
     
  19. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    อ่านแล้ว สลดใจครับ
     
  20. santa

    santa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +5
    อยากถามท่านเตชปญฺโญ ภิกขุ

    ถ้าทุกข์อยู่ที่ก้อนสมอง งั้นคนที่ระเบิดขมองก็พ้นทุกข์ซีครับ

    ท่านไม่รู้ว่าอายตนะ มีได้อย่างไร ท่านไม่รู้เรื่องกรรม

    ท่านไม่เข้าใจหลักอนัตตา จึงเที่ยวไปสอนว่าไม่มีตัวเรา
    แต่พระพุทธเจ้าสอนให้รู้ตามจริง ถ้ามีก็เพราะมีเหตุ ถ้าไม่มีก็เพราะไม่มีเหตุ
    ไม่ใช่โมเมคิดเอา ว่าไม่มีตัวเรา

    ท่านไม่รู้จักทุกข์ ไม่รู้เหตุแห่งทุกข์

    หนังสือของท่านมีส่วนดีที่ทำให้คนไม่มัวเมาเกินไป แต่สิ่งที่ท่านไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็ควรพูดอย่างเป็นกลางๆ แต่ถ้าดีมีประโยชน์อยู่แล้วทั้งในปัจจุบัน(ต่อสังคม)และอนาคต(ต่อตัวเอง)ก็น่าจะเลือกคงเอาไว้

    คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความละเอียดของอุปกรณ์ แต่พุทธศาสนาจะคงทน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2006

แชร์หน้านี้

Loading...