ตามรอย "พระมหาชนก"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 15 กรกฎาคม 2010.

  1. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    สาธุ

    ท่านใด รู้จักจิตกรผู้วาดภาพในพระมหาชนกไหมครับ?
    ควรเรียนเชิญท่านเหล่านั้นมาด้วยครับ

    ในท้ายเล่ม เหมือนท่านจะตั้งใจฝากร่องรอยทิ้งไว้
     
  2. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791

    เออใช่ เดี๋ยวตามรอยไปหาก่อน :boo:
     
  3. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    ควรเชิญอ.ปัญญา วิจินธนสาร
    ปัจจุบัน เป็นอาจารย์ประจำภาควิชาศิลปไทย คณะจิตรกรรมฯ ม.ศิลปากร

    ท่านวาดภาพ เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง และการรบครั้งใหญ่ถัดจากนั้น

    คุณ ธีระวัฒน์ คะนะมะ ศิลปินอิสระ
    ท่านวาดภาพพระราชา สวรรค์คตและภาพ พระมหาชนกตอนเข้าเมือง


    ผช.ศาสตราจารย์ ปรีชา เถาทอง
    ปัจจุบัน ประจำภาควิชาศิลปะไทย คณะจิตรกรรมประติมากรรมและการพิมพ์ ม.ศิลปากร
    ท่านวาดภาพเมืองอวิชชา,การล้มต้นมะม่วง ภาพการฟื้นฟูต้นมะม่วง สังคมคุณธรรม
     
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เดี๋ยวจัดให้ อิอิ :cool:
     
  5. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    พระราชดำรัสสำคัญ เกี่ยวกับพระมหาชนก

    ...พระมหาชนกได้ครองราช ๘๐๐๐ปี จึงมีความสลดสังเวชในเรื่องความโง่ ใช้คำว่า โง่ ความโง่ของข้าราชบริพาน ไม่ใช่ ๕๐ ปีที่ท่านสังเวชนั้น ท่านอาจารย์ที่บอกว่าอ่านยาก อาจยังอ่านไม่เข้าใจ ขอให้ท่านไปอ่านซ้ำอีก ความจริงได้เปลี่ยนแปลงเรื่อง โดยที่เห็นว่าถ้าท่านออกไปหาโมกธรรมท่านก็คงไม่ได้ เราก็ทราบดีว่าท่านไม่ได้โมกธรรม เพราะท่านได้เกิดในพระชาติเป็นพระมหาชนก และต้องเกิดใหม่ต่อมา ฉะนั้นก็หาโมกธรรมไม่สำเร็จ ความจริงที่ได้เปลี่ยนแปลงเป็นเช่นนั้น เพราะรู้ว่าการหาโมกธรรมนั้น เป็นสิ่งที่ต้องมีควมเพียรและเมื่อความเพียรนั้นไม่ถึงที่สุด ก็ไม่ได้โมกธรรม ที่บอกว่าได้เขียนให้เห็นความวิริยะเป็นสิ่งสำคัญ ความจริงก็อยู่ในพระไตรปิฏกนั่นเอง มิได้เขียนขึ้นมาเอง เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ทำให้บรรลุโมกธรรมได้ ฉะนั้นผู้ที่ยังไม่ได้อ่าน หรืออ่านแล้วยังไม่ซาบซึ้ง ก็ขอให้กลับไปอ่าน เพื่อเป็นประโยชน์และเพื่อให้แต่ละคนมีกำลังใจเพิ่มพูนขึ้นมา...

    พระราชดำรัส ณ.ศาลาดุสิดาลัย ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๔๐

    ...หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยหลายส่วน ประกอบด้วยส่วนที่เป็นภาษาไทยที่มาจากพระไตรปิฏก ซึ่งเอามาตรงจากพระไตรปิฏกที่แปลเป็นภาษาไทย คำพูดหรือคำที่มีอยู่ในนั้นเอามาตรง ส่วนที่สองก็มาดัดแปลง ดัดแปลงเพื่อให้ตัวหนังสือบางอย่างหรือคำบางคำ ที่ไม่ตรงกับความคิดในสมัยนี้ ก็ได้ดัดแปลงบ้าง ในที่สุดก็มีความคิดบางอย่าง ที่อาจไม่เป็นประโยชน์กับคนในปัจจุบันนี้ก็ได้เว้น และได้มีการตบแต่งส่วนใหม่ที่เข้าใจว่าจะเป็นประโยชน์ แก่สังคมในปัจจุบัน ส่วนภาษาอังกฤษนั้นก็ได้แปลตรงมาจากภาษาไทย ที่ได้ปรุงแต่งทั้งของเก่าทั้งของใหม่ เป็นภาษาอังกฤษที่บางคนอาจฉงน เพราะว่าไม่ได้เรียนในโรงเรียน เป็นภาษาที่อาจดูแปลกไปหน่อย บางส่วน เพราะว่าจะต้องให้เข้าใจว่าเรื่องเป็นเรื่องเก่า โบราณ นับเวลาไม่ได้ ภาษาก็จะต้องให้โบราณๆ หรืออาจเป็นปริศนาบ้าง ฉะนั้นถ้าใครรู้ภาอังกฤษบางทีจะต้องมาดูภาษาไทยเพื่อที่จะให้เข้าใจว่าอังกฤษเขาว่ายังไง คนที่รู้ภาษาไทย บางทีจะต้องไปดูภาษาอังกฤษ จะได้รู้ว่าภาษาไทยเขาว่าอย่างไร จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ชอบศึกษาภาษา คือจะเป็นการขัดเกลาภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่รู้ภาษาอังกฤษ เป็นการขัดเกลาภาษาไทย สำหรับผู้ที่รู้ภาษาไทย นอกจากนี้ก็ได้เขียนเป็นตัวอักษรโบราณ คืออักษรเทวนาครีซึ่งเป็นสิ่งที่ลำบากมาก เพราะว่าผู้ที่รู้ภาษาโบราณนี้ก็มีน้อยคน
    ทั้งหมดนี้จะต้องอาศัยความละเอียด ในการจัดให้ถูกต้องและเป็นที่พอใจ เป็นการแสดงออกมาซึ่งความคิดหลักของชาดกนี้ คือให้เห็นว่าความเพียรต้องมี และสำคัญที่สุด ว่าคนเราทำอะไรต้องมีความเพียร แม้จะมองไม่เห็น อย่างในเรื่องนี้ แม้จะไม่เห็นฝั่งก็ต้องว่ายน้ำต่อไป และมีคำตอบอยู่ว่า ทำไมต้องว่ายน้ำ ไม่เห็นฝั่ง มีประโยชน์อะไร มีประโยชน์ เพราะว่าหากไม่เพียรที่จะว่ายน้ำเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน ก็จะไม่ได้พบเทวดา คนอื่นไม่มีความเพียรที่จะว่ายน้ำ ก็จมเป็นอาหารของปลาของเต่าไปหมดแล้ว ฉะนั้นความเพียร แม้จะไม่ทราบว่าจะถึงเมื่อไหร่ ไม่เห็นฝั่งก็ต้องเพียรว่ายน้ำ สำหรับอื่นๆก็เป็นเช่นเดียวกัน ฉะนั้นศูนย์กลางของหนังสือเล่มนี้ ก็คือความเพียรที่จะทำ โดยไม่นึกถึงว่าจะได้ประโยชน์อะไร หรือได้ผลอะไร...

    พระราชดำรัส ณ.ศาลาดุสิดาลัย ๒๔ มีนาคม ๒๕๓๙
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2010
  6. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    ...มีความคิด มีโครงการที่จะสร้างเมืองใหม่ แต่ไม่ใช่อย่างที่เขาคิดจะทำกัน อย่างที่เขาคิดจะทำกัน สร้างเมืองเพื่อที่จะเกิดปัญหา แต่ที่เราคิด เป็นการสร้างเมืองเพื่อที่จะเป็นตัวอย่าง และทำให้เมืองเดิมของเราคือ กรุงเทพมหานครนี้ เป็นเมืองที่โปร่ง เป็นเมืองที่น่าดู เป็นเมืองประวัติศาสตร์ และเป็นเมืองที่สวยงาม ส่วนเมืองใหม่นั้นก็จะเป็นเมืองสวยงามเหมือนกัน...
    …อันนี้เคยไปถามคนที่เขารู้ทางอนาคต ถามเขาว่าแซยิด ๗๒ นี่ก็มีเป้าหมายแล้วที่จะสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันภัยแล้ง แซยิด 84 จะมีเมือง เรียกว่าเมืองสวรรค์ เมืองที่ดี มีไหม มีทางไหม. เขาบอกว่ามีทาง. ก็เลยขอให้ไว้ใจว่าเราคิด คิดอยู่ จะสร้างเมืองสวรรค์ จะทำให้กรุงเทพมหานครนี้เป็นกรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ แล้วก็เมืองใหม่นั้นก็จะเป็นเมืองสวรรค์เหมือนกัน. ไม่ได้เป็นการย้ายกรุงเทพฯ ไปที่อื่นไกล แต่ว่าเป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้น...

    พระราชดำรัส ณ. พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันอังคารที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๗

    ...ต้องทราบว่าประเทศไทยนี้ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนาค้ำจุน ชาติไทยคงไม่มี แต่ถ้าชาติไทยไม่มีพระพุทธศาสนาจะเป็นประโยชน์ต่อบุคคลหรือชาติเองไม่ได้...
    ...ถึงเวลาแล้วที่ทุกคน จะช่วยป้องกันด้วยความเข้มแข็ง ทั้งเข้มแข็งว่าไม่กลัวตาย ทั้งเข้มแข็งว่าเป้นผู้กล้าเผชิญสถานการณ์แรกด้วยตัวเอง ด้วยการตั้งปัญหาว่าควรจะทำอย่างไร คำที่ชอบมากในพระพุทธศาสนาคือ “วิริยะ” วิริยะนี้ออกมาในรูปภาษาพูดธรรมดาก็หมายถึงความอุตสาหะเพราะเขาใช้คำว่า วิริยะอุตสาหะ คนนั้นมีวิริยะมาก หมายความว่ามีความอุตสาหะมาก มีความขยัน มีความอดทนมาก แต่วิริยะกลายมาเป็นคนที่มีวีระ เป็นคนที่กล้า อย่างเช่นคำว่า วีรบุรุษ วีรชน คนที่กล้าก็วิริยะนี้ ความอุตสาหะหรือความกล้าก็เป็นคำที่สำคัญ ต้องกล้าที่เผชิญตัวเอง เมื่อกล้าเผชิญตัวเอง กล้าที่จะลบล้างความขี้เกียจ เกียจคร้านในตัวหันมาพยายามอุตสาหะก็ได้เป็นวิริยะอุตสาหะ วิริยะในทางที่กล้าที่จะค้านตัวเองในความคิดพิเรนท์ ก็เป็นคนที่มีเหตุผล เป็นคนที่ละอคติต่างๆ ก็หมายความว่าเป็นคนที่คิดดีที่ฉลาด วิริยะในทางที่ไม่ยอมแม้แต่ความเจ็บปวด ความกลัว จะมาคุกคามก็ทำสิ่งที่ถูกต้อง ก็เป็นคนกล้า ถึงชอบคำว่าวิริยะ อันนี้ดีสำหรับท่านหรือสำหรับพระสงฆ์ ต้องมีวิริยะที่แท้ ทั้งกล้าเผชิญสิ่งแวดล้อมข้างนอกและกล้าเผชิญตนเอง วิริยะอุตสาหะที่จะเรียนรู้ความดีที่แท้จริง ถ้าทุกคนทำแล้วไม่ต้องเป็นห่วงบ้านเมือง ไม่ต้องเป็นห่วงพระศาสนา พระสงฆ์เกรงว่าพระศาสนาจะล่มจม พระศาสนาล่มจมไม่ได้ พระศาสนาเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่ผุดผ่อง ถ้าศาสนาคือการเมืองและถูกโจมตีอย่างหนักนั้น เพราะใครต่อใครเขารู้ว่าถ้าอยากจะกลืนเมืองไทย อยากจะมาใช้เมืองไทยทั้งคนไทยและแผ่นดินไทยเป็นประโยชน์แก่ต่างด้าว ต้องทำลายศาสนาก่อน และกำลังทำลายอยู่ ฉะนั้นเราต้องสู้ สู้เพื่อตัวเอง สู้เพื่อความอยู่รอด

    พระราชดำรัส ณ. พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ๒๐ มิถุนายน ๒๕๑๘


    ตอนนี้ถูกทำลายแทบสิ้นแล้ว.. ใครจะมองเห็นตามจริงบ้าง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย คืออะไร?

    นอกจาก คีย์ คำว่า ศีลอุโบสถ แล้ว ยังต้องศึกษาพระราชดำรัสเกี่ยวกับการศึกษาประกอบด้วย ดังนี้

    ...โครงการพระดาบสนี้ได้ตั้งขึ้นมาโดยใส่ความคิดว่า มีผู้ที่มีความรู้และอยากที่จะให้ความรู้นั้นแก่ผู้ที่อยากได้ความรู้ และการที่จะได้ความรู้เช่นนั้น ก็มีวิธีอย่างหนึ่ง คือตั้งโรงเรียนขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ยาก เพราะว่าผู้ที่มีความรู้และอยากจะถ่ายทอดความรู้นั้น บางทีก็เป็นคนที่ไม่อยากจะเป็นครูตามโรงเรียน แต่ก็อยากจะสอนให้ความรู้ จึงเกิดความคิดใหม่ว่าผู้ที่มีความรู้และถ้ามีใครอยากได้ก็จะถ่ายทอดให้ ก็เปรียบเสมือนคล้ายๆ เป็นพระดาบสในสมัยโบราณ ที่มีผู้ไปบำเพ็ญพรตหรือคนผู้ที่มีความสามารถไปอยู่ในป่าเป็นดาบสไป ผู้ที่อยากได้ความรู้ก็ขวนขวายเข้าไปในป่า ไปหาดาบสไปหาฤษีและไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ก็จะได้ศิลปะวิทยาต่างๆ ที่ท่านเล่ากันในสมัยโบราณมีทั้งลูกกษัตริย์ หรือผู้ที่อยากขวนขวายหาความรู้ต่างๆ ก็เข้าไปในป่า ไปเจอพระดาบสก็ฝากเนื้อฝากตัว บางทีเข้าไป พระดาบสก็นั่งอยู่เฉยๆ ไม่พูดอะไร ผู้ที่เข้าไปก็ไม่ท้อใจก็เข้าไปอีก ผู้ที่ขวนขวายนั้นจะต้องมีความเพียร ไปหาผลไม้ ไปหาสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีพถวายแก่พระดาบส พระดาบสก็ยังอาจจะเฉยอยู่ แต่ผู้ที่อยากได้ความรู้นั้นถ้าอยากได้ความรู้จริงๆ ก็จะต้องมีความเพียรเข้าไป และก็แสดงว่ามีความเพียรจริง มีความต้องการจริง พระดาบสก็อาจจะตอบว่ารับหรือไม่รับ บางทีพระดาบสก็ต้องสอบอีกที เอ้อ แกอยากได้ความรู้ก็ต้องไปภูเขาโน้น ไปเอาใบไม้อย่างนั้นๆ มาให้ ก็ต้องไป ฝ่าอันตรายไป ด้วยความเหน็ดเหนื่อยมาก แล้วก็กลับมา พระดาบสเห็นว่าคนนี้มีความเพียร มีควมต้องการที่จะได้ความรู้จริงๆ ก็รับเป็นลูกศิษย์ เมื่อรับเป็นลูกศิษย์แล้วพระดาบสก็ให้ความรู้ทั้งหลายอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ที่จะเรียนก็ใช้คำสมัยใหม่ว่าบริการ บริการก็บริการจากใคร ก็จากในป่านั่นเอง ไปหาไม้ ไปหาผลไม้ ไปหาใบไม้ ไปหาสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตมาเลี้ยงกัน คือหมายความว่า เลี้ยงพระดาบสแล้วก็เลี้ยงตัวเองผู้ที่เป็นลูกศิษย์ด้วย พระดาบสก็ให้ศิลปวิทยา ซึ่งคำนี้ก็คลุมทุกอย่าง ศิลปวิทยานี้ก็เป็นศิลปศาสตร์ เป็นความรู้ทั้งเวทย์มนต์ด้วย ทั้งในเรื่องความรู้ซึ่งสมัยใหม่เรียกว่าวิทยาศาสตร์ ทั้งวิทยาศาสตร์ ทั้งศิลปศาสตร์ ทั้งแพทยศาสตร์ ทั้งอื่นๆ
    แม้พุทธศาสตร์และการสู้รบเหมือนเข้าโรงเรียนทหารก็มี ให้ทุกอย่างแล้วแต่ถนัดเมื่อได้ความรู้พอแล้ว พระดาบสก็บอกว่าเดี๋ยวนี้มีความรู้ดีแล้วก็ควรจะกลับไปบ้านไปเมืองไปทำประโยชน์ได้
    ท่านดาบสก็ให้ลาไป…

    ...ต้องอาศัยผู้ที่สนับสนุนความรู้ ความเป็นครูเมตตากรุณากับผู้ที่เป็นลูกศิษย์ ทำให้กิจการดำเนินไปได้ด้วยดี ดำเนินไปอย่างสร้างสรรค์ ทั้งในด้านหลักวิชาเฉพาะที่สอน ทั้งในด้านความเป็นครู ทั้งในด้านศีลธรมจรรยา คือให้เป็นคนสุจริต ให้เป็นคนที่มีศีลธรรม ฉะนั้นงานนี้ก็เป็นงานที่ลำบากและมักจะตั้งต้นด้วยความลำบาก เพราะไม่เข้ากับระเบียบของกระทรวงศึกษา แต่ว่าทางกระทรวงศึกษาก็ได้กรุณาแล้วว่าให้ดำเนินการไปได้โดยที่เป็นโครงการพิเศษ ก็เป็นอันว่าเดี๋ยวนี้ใช้การได้แล้ว แต่ก่อนนี้ก็เป็นโรงเรียนเถื่อน ผิดกฏหมาย จึงต้องระวังมาก แม้จะได้ใบอนุญาตแล้วก็จะต้องดำเนินด้วยความระมัดระวัง ด้วยความตั้งใจที่ดี ให้ถูกต้องตามจุดประสงค์ คือให้ความรู้ทั้งในด้านวิชาการทั้งในความประพฤติให้ดี..

    ...เพราะว่าในเมืองไทยมีคนที่มีความรู้ไม่ใช่น้อย มีมากแต่ว่าบางทีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะว่าการสอนในโรงเรียน ในวิทยาลัย ในมหาวิทยาลัย เป็นสิ่งที่ขัดข้อง มีระเบียบการที่บีบหัวใจมากเหมือนกัน แต่ถ้าทำแบบทำนองนี้ก็จะทำให้คนที่มีความรู้ด้านวิชาการ มีความรู้ในทางศีลธรรม ในทางชีวิต ก็จะขวนขวายในการที่จะแผ่เมตตาต่อไป เป็นการสร้างสรรค์ให้ส่วนรวมอยู่ดีกินดีมีความเรียบร้อย มีคนที่ไม่เป็นอันธพาล เป็นคนที่มีจิตใจสูง ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญของโครงการพระดาบส ที่เลือกเอาคำพระดาบสนี้ก็เพราะว่าเห็นสภาพอย่างโบราณที่ว่าไว้ตอนต้น แต่ยังมีว่าเพราะคำพระดาบสหรือพระฤษี ก็เป็นคนที่ควรบูชา คนที่ควรยกย่องและนับถือ ฉะนั้นเป็นกิจการที่ไปในทางเป็นมงคล ไปในทางที่สูง ในทางที่เจริญ ทุกคนที่ได้สนใจในกิจการนี้และได้ช่วยก็ขอให้ช่วยกันคิด ช่วยให้ครบถ้วน ทั้งกำลังทรัพย์ ทั้งกำลังใจ ทั้งความประพฤติที่เหมาะสมที่ดี จะทำให้โครงการพระดาบสมีผลสำเร็จเต็มเปี่ยม ทำให้ส่วนรวมของสังคมซึ่งปัจจุบันนี้เป็นป่าคอนกรีต ให้ป่านี้ร่มเย็น เพราะว่าเวลาพูดถึงป่าคอนกรีต โดยมากก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวเหมือนป่าทึบ และพร้อมกับเป็นเหมือนทะเลทราย และถ้าป่าคอนกรีตนี้มีบุคคลที่มีจิตใจที่ดี ก็จะร่มเย็นและอยู่ได้แบบของเรา แบบไทยๆของเรา จะทำให้บ้านเมืองมีความเจริญ มีความผาสุข มีความสุข….

    พระราชดำรัสในโอกาสประธานกรรมการหาทุนโครงการพระดาบสนำคณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ๑๕ ธันวาคม ๒๕๒๔

    ปัจจุบัน โรงเรียนพระดาบส ยังไม่สามารถตอบสนองพระราชดำรัส ได้ครบถ้วน
    ถ้าครบถ้วน และ+ ศีลอุโบสถ ก็จะกลายเป็นปูทะเลย์มหาวิชชาลัย

    ขั้นพื้นฐาน คือขั้นฐานเจดีย์ สามารถทำประโยชน์สุขให้บ้านเมืองได้

    ส่วนใครจะมีเรี่ยวแรงกำลัง ไปถึงขั้น องค์หรือยอดเจดีย์นั้น
    ก็แล้วแต่ความวิริยะของแต่ละคน
    แต่ทั้งหมดนี้ จะปล่อยให้เกิดขึ้นตามยะถากรรมไม่ได้
    ต้องตั้งใจออกแบบ สร้างกระบวนการ มีกัลยาณมิตรที่เอื้อต่อการไปสู่เป้าหมาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    อักษรเทวนาครี

    อักษรเทวนาครี พัฒนามาจากอักษรพราหมีในรา วคริสต์ศตวรรษที่ 11 ใช้เขียนภาษาฮินดี ภาษาสันสกฤต ภาษามราฐี ภาษาบาลี ภาษาสินธี ภาษาเนปาล และภาษาอื่นๆในประเท... (More) อักษรเทวนาครี พัฒนามาจากอักษรพราหมีในรา วคริสต์ศตวรรษที่ 11 ใช้เขียนภาษาฮินดี ภาษาสันสกฤต ภาษามราฐี ภาษาบาลี ภาษาสินธี ภาษาเนปาล และภาษาอื่นๆในประเทศอินเดีย

    อักษรเทวนาครี (देवनागरी อ่านว่า เท-วะ-นา-คะ-รี) พัฒนามาจากอักษรพราหมีในราวคริสต์ศตวรรษที่ 11 ใช้เขียนภาษาฮินดี ภาษาสันสกฤต ภาษามราฐี ภาษาบาลี ภาษาสินธี ภาษาเนปาล และภาษาอื่นๆในประเทศอินเดีย
    อักษรเทวนาครีมีลักษณะการเขียนจากซ้ายไปขวา มีเส้นเล็กๆ อยู่เหนือตัวอักษร หากเขียนต่อกัน จะเป็นเส้นยาวคล้ายเส้นบรรทัด มีการแยกพยัญชนะ สระ และเครื่องหมายต่างๆ
    [​IMG]




    <table border="0" cellpadding="5" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr align="center"> <td> [​IMG] </td><td> [​IMG] </td> </tr> <tr align="center"> <td align="left"> กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะทรงงานตามโครงการ ผินพระพักตร์ทางเบื้องซ้าย ชิดวงขอบเหรียญด้านล่างมีอักษรภาษาไทย อักษรเทวนาครี และอักษรภาษาอังกฤษ ข้อความว่า " วิริยะ Perseverance " </td> <td align="left"> มีรูปพระมหาชนกในมหาสมุทร ขณะสนทนาธรรมกับนางมณีเมขลา ซึ่งถ่ายแบบร่างฝีพระหัตถ์สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ชิดวงขอบเหรียญด้านล่างในผ้าแถบมีอักษรภาษาไทย อักษรเทวนาครี และอักษรภาษาอังกฤษ ข้อความว่า "พระมหาชนก Mahajanaka" </td></tr></tbody></table>
    [​IMG] [​IMG]

    ศัพท มูลวิทยา

    ภาษาสันสกฤต คำว่า นาครี เป็นสตรีลิงค์ ของ นาคร หมายถึง เกี่ยวกับเมือง เป็นคุณนาม จากคำนาม นคร ซึ่งหมายถึงเมือง ที่ใช้รูปสตรีลิงค์ เพราะนี้ เดิมใช้บ่งบอกนามสตรีลิงค์ ลิปิ ซึ่งหมายถึง อักษร ในที่นี้ จึงหมายถึงอักษรของชาวเมือง หรืออักษรของผู้มีวัฒนธรรม อักษรนาครีนั้นมีที่ใช้หลากหลาย อักษรที่มีคำว่า เทวะ (เทวดา) เติมข้างหน้า หมายถึง อักษรของเทวดา หรืออักษรที่ใช้ของชาวเมืองชั้นสูงนั่นเอง


    ปัจจุบันมีการใช้คำว่า "เทวนาครี" อย่างกว้างขวาง แต่เรียกสั้นๆ ว่า "นาครี" ก็พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายถึงอักษรอย่างเดียวกันนี้ ความนิยมใช้เทวนาครีอย่างแพร่หลายนั้น เกี่ยวโยงกับการใช้ในยุคอาณานิคม ซึ่งแทบจะใช้อักษรเทวนาครีเพียงอย่างเดียว ในการตีพิมพ์งานสันสกฤต แม้ว่าภาษาสันสกฤตนั้น สามารถใช้อักษรต่างๆ ได้แทบทุกแบบของอินเดียก็ตาม และด้วยเหตุนี้ จึงมักจะทำให้มีการผูกโยงระหว่างอักษรเทวนาครีและภาษาสันสกฤต จนมีความเชื่อผิดๆ ไปอย่างกว้างขวาง เรียกอักษรนี้ว่า "อักษรสันสกฤต" ก็มี
     
  9. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791

    ความเพียรต้องมี และสำคัญที่สุด ว่าคนเราทำอะไรต้องมีความเพียร :cool:
     
  10. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ศิลปินที่วาดภาพ :cool:

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2010
  11. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    แซยิด 84 = 7รอบ = 5 ธ.ค. 2554 =ปีที่คุณทองแดง หมอบและเหลือตัวเล็กที่สุด

    ในขณะที่ความจงรักภักดีต่อสถาบัน
    ความกตัญญูต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เหลือน้อยลงทุกที..

    จะมีเมืองสวรรค์ เมืองที่ดี มีไหม ?

    ผมรู้วิธีสร้างเมืองนี้
    ซึ่งต้องช่วยกันครับ

    เป็นวิธีที่เรียบง่ายธรรมดามาก
    แต่คนส่วนใหญ่จะเป็น "ปลาที่มองไม่เห็นน้ำ"

    หากทำสำเร็จ จึงจะสามารถเรียกได้ว่า เมืองสวรรค์ เมืองที่ดี

    ถึงเวลาทุกภาคส่วนต้องช่วยกันแน่นอน..
     
  12. ยอด

    ยอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +367
    ตามรอยพระราชนิพนธ์พระมหาชนก<O:p</O:p

    พระอัจฉริยะภาพ แห่งองค์พระโพธิสัตว์<O:p</O:p
    คำสั่งสอนที่ประเสริฐที่สุดในภพจักรวาล เกิดขึ้นในวันจาตุรงคสันติบาต วันที่พระพุทธองค์ทรงประธานหลักโอวาทปาฏิโมกข์ อันเป็นหัวใจของพุทธศาสนา แด่พระอรหันต์สาวกผู้เป็นอหิภิกขุที่ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ทั้ง 1,250 องค์ ในวันมาฆะบูชา ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2500 กว่าปีก่อน คำสอนโอวาทปาฏิโมกข์หลังพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ เป็นหลักคำสอนสำคัญหลักของพระพุทธศาสนา และพรประเสริฐสุดแห่งภพจักรวาล พระพุทธพจน์คาถาแรกได้แก่ ขันติ ความอดทนอดกลั้น <O:p</O:p

    (ตีความจากภาพฝีพระหัตถ์ ภาพ Mani Makkala 9 May วันนี้วันอุโบสถ)


    <O:p</O:p
    คำสั่งสอนที่ประเสริฐที่สุดของคนไทยจากพระราชนิพนธ์พระมหาชนกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อ ปี ๒๕๓๗ และพระองค์ท่านทรงตามรอยองค์สมเด็จสัมมาพระพุทธเจ้าในทศบารมี พระองค์ท่านทรงประทานพรเรื่องความเพียร และเป็นแบบอย่างแด่พสกนิกร เพื่อให้งานบรรลุจุดมุ่งหมายอันสูงยิ่งด้วย วิริยะบารมี ทรงบำเพ็ญวิริยาบารมีขั้นสูงสุดเป็นแบบอย่าง ดั่งพระมหาชนก ที่ทรงพากเพียรว่ายน้ำข้ามมหาสมุทร คราวเดินเรือไปค้าขาย แล้วเกิดเรืออับปาง ทั้งที่ไม่รู้จะถึงฝั่งเมื่อไร


    (จากพระราชนิพนธ์พระมหาชนก)


    ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ เวลา ๐๔.๐๐น. เหตุการณ์พายุนาร์กีส ได้คร่าชีวิตประชาชนบริเวณปากแม่น้ำอิรวะดีไปไม่น้อยกว่าแสนชีวิต <O:p</O:p
    แด่.....ดวงวิญญาณจากเหตุการณ์พายุนาร์กีสทุกดวงขอจงสู่สรวงสรรค์ บริเวณที่ประสพภัยติดพื้นแผ่นดินไทยและฝนได้ช่วยสกัดพายุเข้าพื้นแผ่นดินไทย

    <O:p</O:p

    (ตีความจากภาพฝีพระหัตถ์ Mini Mekkala 2 May Top Cyclone)
    <O:p</O:p

    (ภาพMini Mekkala 2ไม่ได้วางลัคนาแต่ภาพ Mani Makkala 9 Mayวางลัคนาที่ ราศีเมย. จะเป็นเวลาประมาณ ๐๔.๐๐น.)<O:p</O:p
     
  13. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648

    โจทย์
    “ปลาอยู่ในน้ำแต่มองไม่เห็นน้ำ”


    .. ทำไม? สังคมไทยจึงเกิดวัฏจักรแห่งความเสื่อมหรือวงจรแห่งหายนะ
    ที่หมุนเร็วขึ้นๆ และรุนแรงขึ้น ระบาดไปทั่ว ทำไม?..

    - ทั้งๆ ที่ สังคมไทยเป็นสังคมพุทธ มีชาวพุทธมากกว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด..

    - ทั้งๆ ที่ สังคมไทยมีประวัติศาสตร์ชาติที่คู่เคียงกันมากับประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
    มาอย่างยาวนานกว่า ๘๐๐ ปี..

    - ทั้งๆ ที่ พระพุทธศาสนาได้รับการยกย่องว่าเป็นศาสนาที่ดี มีหลักธรรมที่เป็นสากล เป็นระบบ พิสูจน์ได้ทุกกาลสมัย เป็นระบบการศึกษาและการพัฒนามนุษย์ที่สมบูรณ์สูงสุด..
    แต่ ทำไม? ..

    .. ทำไมสังคมไทย จึงไม่มีหรือมีน้อยลงๆ ในการแสดงออกความเป็นชาวพุทธในวิถีชีวิต วิถีคิดในส่วนต่างๆ ของสังคม ให้เห็นเด่นชัด โดยเฉพาะเมื่อเทียบเคียงกับประเทศพุทธศาสนาอื่นๆ เช่น ศรีลังกา ธิเบต ภูฏาน พม่า ลาว เป็นต้น

    .. ทำไมสังคมไทย จึงเลวร้ายมากขึ้นๆ ศีลธรรมเสื่อมทรามลงตามลำดับด้วยอัตราเร่งที่สูงขึ้นๆ ปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด ปัญหาการมั่วสุมทางเพศ ปัญหาการพนัน ปัญหาต่างๆทางสังคม ที่ถูกนำเสนอตามข่าว มีมากขึ้น ถี่ขึ้น และมีสถิติที่สูงขึ้น

    .. สังคมไทยไม่ได้รับประโยชน์จากพระพุทธศาสนาบ้างเลยหรือ?

    .. ช่องทางหรือกระบวนระบบที่คนไทยในฐานะปัจเจกบุคคล และสังคมไทยโดยรวม จะได้เรียนรู้ และได้รับประโยชน์จากพระพุทธศาสนาในปัจจุบันนั้น ยังมีอยู่หรือไม่? ถ้ามี มีอะไรบ้าง? มีสภาพหรือสภาวะการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร? (ทั้งส่วนปัจเจกบุคคล และสังคม)

    .. เมื่อเทียบเคียงวิถีชีวิตของคนไทยด้วยกัน แต่เป็นศาสนิกที่ต่างศาสนากัน โดยเฉพาะเมื่อเทียบชาวพุทธกับชาวมุสลิมหรือชาวคริสต์ ทำไม? จึงมีวิถีชีวิตที่ตั้งมั้นและดีงามตามหลักศาสนาของตนๆ ต่างกันอย่างมากในทางคุณภาพ ทั้งๆ ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมทางสังคมแบบวัตถุนิยม-บริโภคนิยมที่รุนแรง ในสังคมเดียวกัน
    (เมื่อเทียบชาวพุทธไทยในปัจจุบันกับในอดีตก็แย่ลงๆ เทียบชาวพุทธไทย กับศาสนิกอื่นในไทย ชาวพุทธไทยมีวิถีชีวิตทางศาสนาแย่กว่ามาก! และถ้ายิ่งเทียบกับชาวพุทธในประเทศอื่น ชาวพุทธไทยก็ยิ่งมีวิถีชีวิตทางศาสนาที่แย่ที่สุด!! อย่างชัดเจน เพราะอะไร?)

    .. ทำไม? การศึกษาสมัยใหม่ในประเทศไทย ไม่ได้ใช้หลักธรรมในพระพุทธศาสนามาเป็นแก่นแกน หรือเป็นรากฐานในการจัดการศึกษาในระบบ ทั้งๆ ที่พระพุทธศาสนาเป็นระบบการศึกษาและการพัฒนามนุษย์ที่สมบูรณ์และสูงสุด ได้รับการพิสูจน์ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติทั้งส่วนบุคคลและทางสังคมมาตลอดยาวนานกว่า ๒,๕๐๐ ปี

    .. ทำไม? สังคมไทยไม่มีเบ้าหลอมทางสังคมสำหรับเด็กและเยาวชนชาวพุทธให้เติบโตขึ้นมาเป็นชาวพุทธ (แม้แค่รู้จักพุทธศาสนาของตนและปฏิบัติในวิถีชีวิตในเบื้องต้นได้บ้างก็ยังไม่มี!?!) กระบวนการหล่อหลอมทางวัฒนธรรมและระบบการศึกษาเกิดข้อบกพร่องประการใด อย่างไร?

    .. ทำไมอิทธิพลทางวัฒนธรรมไทยที่เคยทำหน้าที่ในการบ่มเพาะและหล่อหลอมความเป็นชาวพุทธอย่างได้ผลดีมาตลอด กับไม่ได้ผลหรือได้ผลน้อยลงในปัจจุบัน แต่วัฒนธรรมแบบไทยจีน แบบไทยมุสลิม แบบไทยคริสต์ หรือแบบชาวพุทธในชุมชนที่ยังเข้มแข็ง กับยังได้ผลอยู่?

    .. วัฏจักรแห่งความเสื่อมหรือวงจรแห่งหายนธรรมเป็นอย่างไร? จะยุติหรือชะลอหรือลดทอนอิทธิพลของวงจรนี้ได้หรือไม่ อย่างไร?

    .. มีปัญหาอุปสรรคหรือข้อบกพร่องใด? ในการต่อเชื่อมระหว่าง พุทธศาสนา กับ การศึกษาและวัฒนธรรม(ในความหมายที่แท้) ของไทย ที่จะเป็นเบ้าหลอมทางสังคมที่มีพลัง

    .. ถ้าจะฟื้นฟูเบ้าหลอมทางสังคม ในทางการศึกษาและวัฒนธรรม ให้กลับมามีอิทธิพลต่อคนไทยอีกครั้งจะต้องทำอะไร? ทำไมต้องทำ? และจะต้องทำอย่างไรบ้าง?

    .. เรื่องคุณธรรมศีลธรรมทำไมจึงถูกมองแบบแยกส่วนออกจากความรู้-การคิดวิเคราะห์หรือกระบวนการทางปัญญา การที่จะเป็นคนดีมีคุณธรรมไม่ต้องใช้ความรู้-การคิดวิเคราะห์และปัญญาหรือ? และมันควรถูกมองแยกส่วนออกจากองค์รวมของทั้งชีวิตหรือ?

    .. องค์รวมของชีวิตคืออะไร อย่างไรบ้าง? เกี่ยวข้องกับการศึกษาหรือไม่? อย่างไร?

    .. แท้จริงแล้ว มนุษย์เรียนรู้อย่างไร? กลไกหรือวงจรแห่งการแปรเปลี่ยนเป็นคนดีหรือคนชั่วนั้นเป็นอย่างไร? พุทธศาสนามีคำตอบในเรื่องเหล่านี้หรือไม่ ถ้ามีพระพุทธองค์ทรงอธิบายไว้อย่างไร? มนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเราเองจะได้รับประโยชน์อะไรจากความรู้ในเรื่องนี้

    .. ถ้าจะนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาเป็นแก่นแกนหรือเป็นรากฐานในการจัดการและพัฒนาระบบการศึกษาสมัยใหม่ของประเทศไทย จะทำได้หรือไม่? ถ้าได้จะต้องทำอย่างไรบ้าง?

    .. มีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมจริงๆ ของการจัดการศึกษาที่พุทธศาสนาเป็นรากฐานหรือแก่นแกนหลักหรือไม่ จะศึกษาและพัฒนากระบวนการจัดการศึกษาที่เป็นรูปธรรมนั้นอย่างไร จะสามารถขยายผลอกไปสู่วงกว้างของสังคมไทยได้หรือไม่ อย่างไร?

    .. วัฏจักรแห่งความเจริญหรือวงจรแห่งความดีงามเป็นอย่างไร จะเสริมสร้าง สืบต่อ หนุนนำหรือ เพิ่มกำลังให้แก่วงจรนี้ได้หรือไม่ อย่างไรบ้าง?

    จะทำอย่างไรให้สังคมไทยเกิดวัฏจักรแห่งความเจริญหรือวัฒนธรรมที่แท้ขึ้นมาได้อีกครั้ง และสามารถหมุนสืบเนื่องไปได้อีกอย่างน้อย ๒,๕๐๐ ปีข้างหน้า?..

    การตอบโจทย์

    จะเห็นน้ำได้ก็ต้อง..
    ..เห็นทั้งตอนที่มีน้ำและไม่มีน้ำ
    ..เห็นทั้งน้ำดีและน้ำเน่า
    ..เห็นทั้งผลที่เกิดจากน้ำดีและน้ำเน่า
    ..เห็นทั้งเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดน้ำดีและน้ำเน่า
    อ้าว.. แล้วเห็นกันหรือยัง..?..​


    ธรรมอาสา
    ๒๑/๐๑/๒๕๔๙
     
  14. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    "ปลาไม่เห็นน้ำ" แบบใกล้ๆตัว

    เข้ามาทีไรก็เจอลักษณะแบบนี้เป็นประจำ คนสนใจเครื่องรางของขลัง มากกว่าถึงเท่าตัว

    พอจะเห็นภาพรวมของสังคมไทยพุทธจากภาพย่อย

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2010
  15. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    [​IMG]

    ปัจจัยและวงจรการเกิดน้ำดี

    [​IMG]

    ปัจจัยและวงจรการเกิดน้ำเน่า
     
  16. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    คนไทยที่ระบุในบัตรประชาชนที่เป็นพุทธประมาณ 80 % แต่นับถือพุทธหลายแบบ
    1) แบบเชื่อตามๆกันมาว่าทำบุญแล้วจะทำให้เกิดชาติหน้าสวยรวยหล่อสุขสบาย 25 %
    2) แบบไม่เชื่อว่าทำบุญแล้วได้ผลบุญใดๆไม่เชื่อมีชาติหน้า 30 %
    3) แบบกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อเรื่องบุญ ทำบุญกุศลบ้างเผื่อชาติหน้ามีจริง 20 %
    4) แบบเชื่อว่าพุทธศาสนาเป็นเพียงหลักปรัชญาไม่เชื่อเรื่องสวรรค์นรกมองแค่เพียงสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ 3.999 %
    5) แบบศึกษาทดลองปฏิบัติธรรมทดสอบความจริงจากพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ 0.0009 %
    6) แบบฝึกปฏิบัติไปในทางเล่นไสยศาสตร์ดำ 1.0 %
    ึ7) แบบมุ่งเน้นไปสู่เส้นทางสายพระนิพพาน 0.0001 %

    เปอร์เซนต์ที่แสดงไว้เป็นแค่การคาดเดาครับ

    คำถามที่อยากถามคือจะทำการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาได้อย่างไรถ้าตัวเลขเปอร์เซนต์ข้างบนเป็นจริงครับ
     
  17. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    ต้องเข้าใจเหตุแห่งทุกข์ เหตุแห่งความเสื่อม
    เหตุอยู่ตรงไหนก็แก้ที่นั่น

    ถ้าเห็นเหตุชัด ก็แก้ได้ ฟื้นได้
    ทำลายไม่ยาก แต่การฟื้นฟูต้องใช้เวลา

    ทำอย่างต่อเนื่องจิงจรัง
    อดทนปลูกมะม่วง หมั่นรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย
    สิบปีคงได้ทานผล

    แต่ในภาวะไม่ปกติ ที่ผลกรรมจะให้ผลเป็นการกลาดล้างทำลายนี้
    จะยังฟื้นไม่ได้ ทำได้เพียงเตรียมเสบียง สร้างเหตุปัจจัยแห่งการฟื้นฟูให้มากพอครับ
     
  18. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    ต้องรู้ว่าเขาทำลาย อย่างไรก่อน..
    และประเทศนี้เมืองนี้ เป็นเมืองอวิชามีโมหภูมิอย่างไร..


    วิธีที่เขาทำลายพระพุทธศาสนาและสังคมไทยแบบเนียนๆ

    พ.ศ.2313
    เหตุ ศริสต์ศาสนาเปลี่ยนแผนการเผยแผ่ศาสนาจากมิชชันนารีและบาทหลวง
    เป็นการตั้งโรงเรียนสอนศาสนา เช่นโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน จุดประสงค์
    หลักเพื่อสอนศาสนาและสร้างค่านิยม
    เหตุ บุกเบิกการเผยแผ่ศาสนาในภาคเหนือ ตั้งแต่พิษณุโลกไปถึงภาคใต้ของ
    จีนและสร้างรัฐสวัสดิการเช่นโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย
    เช่น..
    โรงพยาบาลแมคคอร์มิค (2413)
    โรงเรียนปรินซ์รอยัล(2447)
    และมหาวิทยาลัยพายัพ (2517)

    ผล คนชนชั้นผู้นำ เจ้าขุนมูลนาย เชื้อราชวงศ์ นิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียน
    โรงเรียนคริสต์ ไม่รู้จักเห็นคุณค่าพระพุทธศาสนา จากนั้นส่งไป
    เรียนเมืองนอก จบมาจึงกลับมาเป็นชนชั้นปกครอง เป็นข้าราชการ
    นักการเมือง เจ้ากระทรวงทบวงกรมต่างๆ

    พ.ศ.2412
    เหตุ ภัยคุกคามจากประเทศมหาอำนาจและการล่าอนานิคม
    ผล ปฏิรูปการศึกษา เกิดโรงเรียนขึ้นในวังและในวัด
    โรงเรียนนายทหาร โรงเรียนข้าราชการพลเรือนซึ่งกลายเป็น
    จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(2459)
    เกิดกองเสือป่า(2458)เพื่อให้ราษฎรมีอาชีพตามอัตลักษณ์ของตน
    เกิดกองลูกเสือหญิง เนตรนารี(2459)
    เกิดโรงเรียนฝึกหัดครู (2461)
    เกิดโรงเรียนราษฎร์ (2461)

    พ.ศ.2475
    เหต การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยพวกหัวสมัย
    ใหม่ จบนอกโรงเรียนฝรั่ง

    ผล ร.7 สละราชสมบัติ คณะราษฎรได้ยื้อแย่งอำนาจมาจากพระมหากษัตริย์
    คือ เอามาแต่หัวสิงห์(รัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษร) ไม่นำธรรมจักรที่อยู่บนหัวสิงห์นั้นมาด้วย!!(รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร) เมื่อสิงห์ไม่รู้จะปกป้องอะไร ไม่มีธรรมมาคุมอำนาจ จึงกัดแย่งชิงอำนาจกันเอง แถมสิงห์ยังเหยียบธรรมจักรอันเล็กและสัตว์ต่างๆ ไว้ใต้อุ้งเท้า

    ผล ในรอบ78ปี = 2475-2553
    มี 1 ปฏิวัติ 8 รัฐประหาร 12 กบฏ รัฐธรรมนูญ18ฉบับ
    เฉลี่ยแล้ว 4 ปี ต้องมี การรัฐประหารหรือกบฎ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 1ฉบับ
    แล้วจะกำหนดให้ 4 ปี ต้องมีเลือกตั้งใหม่ไปทำไม!!!

    [​IMG]

    วิธีแก้ สร้างธัมมะจักร ให้กลับคืนสู่หัวสิงห์ (เมืองมิถิลาไม่สิ้นคนดี)

    พ.ศ.2475
    ด้านการศึกษา
    เหต การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475
    ผล ตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง(2476)โอนนักศึกษาจากมหาลัย
    จุฬาฯ ปลูกฝังความคิด ค่านิยม
    ประกาศใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษาทั่วประเทศ(2478)
    ประกาศใช้พระราชบัญญัติครู (2488)
    ประกาศใช้แผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 1(2494)
    ประกาศใช้แผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่2 (2503)
    เปิดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (2507)
    สร้างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(2509)
    ตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง(2514)
    ตั้งมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช(2521)

    ผล การศึกษา=หมาหางด้วน
    ฝึกสัตว์เศรษฐกิจเข้าสู่ลู่แข่งขันเพื่อป้อนระบบทุน
    แยก บ้าน วัด โรงเรียน(บวร.) ออกจากกันโดนสิ้นเชิง

    พ.ศ.2499
    เหตุ ประกาศให้กลับไปใช้วันหยุดวันเสาร์ และวันพระ เพื่อเฉลิมฉลองพุทธชยันตี2500
    ผล วิถีการทำบุญในวันพระกลับคืนมา

    พ.ศ.2502
    เหตุ ประกาศเปลี่ยนวันหยุดราชการวันพระเป็น เสาร์อาทิตย์ โดยสำนักนายก
    เผด็จการ เห่อฝรั่ง กลัวไม่พัฒนา รู้เท่าไม่ถึงการหรือจงใจทำลาย?
    ผล ทำลายสังคมไทยทั้งระบบ
    ทำลายวิถีการทำบุญ การฟังเทศน์ฟังธรรม ต่อมละอายชั่วกลับบาป
    ทำลายวิถีสามัคคี ครอบครัวไม่อบอุ่น ชุมชนไม่เข้มแข็ง
    เหลือคนแก่เข้าวัด วัยกลางคนทำงาน วัยเด็กไปโรงเรียน
    วันใฝ่บุญกลายเป็นวันไฝ่บาป เสพบริโภคมัวเมา
    วัฒนธรรมประเพณีไทยที่ดีงาม ที่เติบโตคู่มากับวัด หยุดการวิวัฒน์พัฒนา
    ให้เข้ากับเยาวชน คนรุ่นใหม่ (โดนแช่แข็ง หยุดวิวัฒน์มา51ปี)
    รากเก่าโดนทำลาย รากใหม่ไม่งอกแก้ด้วยวิธีถนอมรากที่ยังมีอยู่ให้งอกรากใหม่ ๑ใน ๙วิธีฟื้นฟูต้นมะม่วง

    ซึ่งวิธีนี้จะให้ผลในวงกว้างสำหรับการฟื้นฟูทุกมิติ ด้วยการสร้างวัฒนธรรมเมตตาและวัฒนธรรมแสวงหาปัญญาขึ้นมาใหม่

    เหตุ ห้ามพระเทศน์เรื่องสันโดษ แต่งเพลง "งานคือเงิน เงินคืองานบันดาลสุข" มีนโยบาย "น้ำไหลไฟสว่างทางสะดวก" กอบโกยและโกงกิน ทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (2504)

    ผล เกิดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติขนานใหญ่ โดยเฉพาะป่าไม้ ประเทศ
    กระโจนเข้าสู่ระบบทุนนิยมเต็มรูปแบบ
    จนพระพุทธทาสออกมาแต่งกลอนแก้ว่า
    "งานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุข"
    และมีเพลงล้อเลียนการเมือง การศึกษา
    เช่น "พศ. 2504 ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม"

    พ.ศ.2505
    เหตุ สำนักวาติกัน เปลี่ยนนโยบายการเผยแผ่จากการโจมตี เป็นการประสาน
    สัมพันธ์ (Dialogue) และการผสมกลมกลืน (Assimilalion)
    ผล โดนกลืนและถูกทำลายโดยไม่รู้ตัว

    พ.ศ.2520
    เหตุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา (ที่นับถือศาสนาคริสต์)
    ประกาศใช้แผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่3
    ถอดวิชาหน้าที่พลเมือง ลดทอนวิชาพุทธศาสนา ศีลธรรม เพิ่มวิชาการ
    จงใจ หรือรู้เท่าไม่ถึงกาล?

    ผล พระสงฆ์สอนศีลธรรมตกงาน ครูพระุพุทธศาสนาไม่ได้ทำหน้าที่ของตน
    เด็กไทยเข้าหาพระ หาเจ้าไม่เป็น ศีลธรรมไม่ได้ถูกปลูกฝัง ตั้งแต่อนุบาล
    ประถม

    อนุบาล ประถม = ศีลธรรมไม่ได้ถูกปลูกฝัง
    แก้ด้วยวิธีเพาะเมล็ด ๑ใน๙วิธีฟื้นฟูต้นมะม่วง และ ทำชีวาณูสงเคราะห์ ๑ใน ๙วิธีฟื้นฟูต้นมะม่วง

    มัธยม = เน้นวิชาการ บ้าเรียนพิเศษ เรียนแต่ของปลอมในตำรา
    ต้นกล้า ได้รับการเร่งปุ่ยเคมี เกิดอาการบ้าใบ รากออกมากิน
    อาหารแต่หน้าดิน ไม่หยั่งลึก เกิดอาการแอ๊บแบ้ว รากลอย ล้มง่าย
    มีเพลี้ยดูดน้ำเลี้ยง หนอน แมลงกิดกินใบ ยอดอ่อน

    แก้โดย ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ ใช้อธรรมปราปอธรรม กำจัดหนอน แมลง และแก้ด้วยวิธี เอาตามาต่อกิ่งของอีกต้น ๑ใน ๙วิธีฟื้นฟูต้นมะม่วง
    คัดเยาวชนผู้นำ มาบ่มเพาะการเป็นผู้นำสังคมที่ดีงาม

    อุดมศึกษา ต้นมะม่วงถูกย้ายจากชนบทมาเติบโตในเมือง รากแก้วขาด ปรับตัวไม่ได้ ถูกสิ่งแวดล้อมใหม่กลืน แบมือขอและผลาญเงินพ่อแม่ ขาดสำนึกหน้าที่พลเมือง พร้อมจะออกไปกอบโกย แสวงหาสร้างฐานะตนเอง
    ดูถูกอาชีพของพ่อแม่บรรพบุรุษ ทิ้งถิ่น ทิ้งพ่อแม่ปู่ยาตายายอยู่ในชนบท

    เมื่ออาชีพของพ่อแม่ไม่ได้รับการต่อยอด ก็นำไปสู่การเป็นหนี้เป็นสินและนำไปสู่ การขายให้กับนายทุนท้องถิ่น และนายทุนต่างชาติในที่สุด

    แก้ด้วยวิธี ตอนกิ่งให้ออกราก๑ใน ๙วิธีฟื้นฟูต้นมะม่วง
    ฝึกให้เรียนรู้จากของจริง ทำงานหารายได้ส่งเสียตัวเองเรียน

    แก้ด้วยการปักชำกิ่งที่เหมาะแก่การปักชำ ๑ใน ๙วิธีฟื้นฟูต้นมะม่วง โดยออกแบบระบบการศึกษาด้วยวิธีพิเศษเฉพาะ ฝึกจิตอาสา ให้มีความเสียสละรับใช้ชุมชนท้องถิ่น สามารถนำศาสตร์ในสาขาที่ตนถนัดไปทำประโยชน์ให้ชุมชน สังคมได้

    และใช้วิธี เอากิ่งดีมาเสียบยอดกิ่งของต้นที่ไม่มีผลให้มีผล๑ใน ๙วิธีฟื้นฟูต้นมะม่วง โดยคัดเยาวชนบัณฑิตผู้นำให้ได้ฝึกหัดเป็นผู้นำสังคมโดยการฝึกทำงานจริงกับ ผู้นำสังคมที่เป็นผู้ใหญ่

    พ.ศ.2525
    เหตุ วัดจานบินเริ่มขยายฐานสาวกมาสู่นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
    ผล ชมรมพุทธศาสนาในมหาลัยเริ่มถูกครอบงำโดยลัทธิวัดจานบิน (2541)
    ชนชั้นมันสมองถูกลัทธินี้ครอบงำ และขยายไปจนครบทุกมหาวิทยาลัยใน
    ประเทศ

    ได้ชนชั้นมันสมอง ครูอาจารย์ ดร. และนักศึกษาที่จบไปและกระจายอยู่ในทุกภาคส่วน ทั้งราชการ
    องกรค์เศรษฐกิจและการเมือง มาช่วยคิด มาช่วยสนับสนุนวัดโดยการบริหารจัดการแบบทุนนิยม
    เมื่อทานนิยม+ทุนนิยม จึงเกิดลัทธิที่น่ากลัวขึ้น!!
    เกิดองค์กรบุญทุนนิยมสมัยใหม่ ที่มีอิทธิพล แผ่ขยายไปครอบงำ สื่อ เศรฐกิจ การเมืองและการศึกษา
    เป็นภัยภายในที่ทำลายรากฐานของพระพุทธศาสนาที่อ่อนแออยู่แล้ว จากวิถีชาวพุทธที่ถูกตัดขาดในพ.ศ. 2502

    พ.ศ.2550
    เหตุ วัดจานบิน เริ่มขยายฐานมาสู่เด็กนักเรียนชั้นประถมมัธยมทั่วประเทศ โดยมีโครงการ เด็กติดดาว มีความดี10อย่างให้ติ๊กเก็บแต้ม สร้างค่านิยมทำความดีได้รางวัล โกหกหลอกลวงเพื่อหวังชนะ พวกมากลากไป โรงเรียนไหนพาเด็กเข้าวัดจานบินเยอะจะได้รางวัล

    ผล โรงเรียนติดจานดาวเทียมรับสื่อล้างสมอง แบบสื่อเหลืองแดง ผูกขาดในความเชื่อและลัทธิศาสนา เด็กเริ่มทำความดีแบบติดกรอบ ดีแบบทื่อๆ คิดเองไม่เป็น ชินกับการโกหกแล้วได้รางวัล หวังเอาแต้ม หัดโกงตั้งแต่เด็ก มีศรัทธาแรกในลัทธิของวัดจานบินนี้

    เหตุ
    วัดโดยทั่วไป ขาด เว้นการทำหน้าที่สอนศีลธรรมให้กับเยาวชนมา50ปี
    จากการถูกทำลายวิถีวันพระ และการแยกพระสงฆ์ออกจากการศึกษา

    ผล
    เมื่อไม่ได้ทำหน้าที่ก็ขาดความชำนาญ องค์ความรู้ ที่จะสั่งสอนเยาวชน
    ขาดการศึกษา ย่อหย่อนในธรรมวินัย
    หันไปสร้างเครื่องรางของขลัง และเน้นวัตถุทำให้วัดกลายเป็นอิฐปูน


    แก้ด้วยการรมควันต้นที่ไม่มีผลให้ออกผล๑ใน ๙วิธีฟื้นฟูต้นมะม่วง

    ช่วยกันวิเคราะห์นะครับ ผมอาจมองได้ไม่ครบ ไม่ครอบคลุม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2010
  19. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    ช่วยๆกันครับ
    วิเคราะห์ไม่ทะลุเรื่องร้ายกาจเหล่านี้ ก็ยากที่แก้ หรือเตรียมรับมือได้ครับ
    ถ้ามีอะไรหนักๆ ที่วิเคราะห์ไว้ ก็แชร์กันทางข้อความPMก็ได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2010
  20. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    ได้ค่ะคุณธัมมะอาสา
     

แชร์หน้านี้

Loading...