ธรณีสูบยักษ์สูบ มหันตภัยล้างโลก–พยากรณ์โลก-กับหลักฐานสำคัญ-พระจักรพรรดิ 30 กย 53

ออร์กะ · 8 กันยายน 2010

k.kwan said: ↑

เมื่อแสวงหาย่อมไม่อาจได้พบความจริง หากปะเหมาะเคราะห์ร้ายอาจได้ความเท็จมาแทน
เมื่อหยุดแสวงหา หยุดอาการฝุ่นตลบ ความจริงย่อมปรากฏเอง
บางทีแม้แต่องค์ที่จะมาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ก็ยังไม่อาจรู้องค์เอง เพราะยังไม่ถึงเวลา

เราเชื่อเรื่องจักรแก้วปรากฏจึงจะปรากฏพระเจ้าจักรพรรดิ์
เป็นความเชื่อส่วนตัว ไม่ได้หวังว่าคนอื่นจะเชื่อตามเรา เราก็เชื่อตามพระคัมภีร์เท่านั้น
และถ้าเห็นด้วยตาตัวเองเมื่อไร เราก็ย่อมหมดสงสัยในความเชื่อเมื่อนั้นและ
ความเชื่อนั้นก็จะกลายเป็นความจริงสำหรับเราไป ตามหลักกาลามสูตร
แต่ถ้าพลิกล๊อก ไม่ได้เป็นไปตามความเชื่อเรา ก็ช่างมันเราก็แค่รู้อยู่แก่ใจ
ตนเองว่ามันเป็นแค่ความเชื่อไม่ได้เป็นความจริง เราก็จะไม่หลงเอาความเชื่อ
มาสับสนว่าเป็นความจริง

การเอาชนะโลกเป็นผู้นำของทุกชาติทุกภาษาได้โดยไม่ต้องก่อสงครามเข่นฆ่ากัน
เราเชื่อว่ามีแต่จักรแก้วเท่านั้น ที่ทำได้ ทำให้ทุกผู้ทุกนามยอมศิโรราบ ยอมทำตามแบบ
ไม่มีเงื่อนไข พระพุทธเจ้าเองตามที่มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกท่านก็ทรงใช้ทุกวิธีทั้ง
อาเทสนาปาฏิหาริย์ และ อนุสาสนีปาฏิหาริย์
ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมตามเหตุการณ์และบุคคล
และเท่าที่เราจำได้ พระพุทธเจ้าไม่ได้รังเกียจอาเทสนาปาฏิหาริย์ นะ แต่ท่านยกย่อง
และสรรเสริญ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ว่ามีคุณมากกว่า

แต่จะมีพระเจ้าจักรพรรดิ์พร้อมจักรแก้ว อุบัติในกลียุคครั้งนี้ หรือเปล่าเราไม่รู้
แต่ในคัมภีร์ศาสนาคริสต์กล่าวไว้ว่า พระคริสต์จะกลับมาเป็นครั้ง2 และเวลาที่มา
ก็ไม่มีใครรู้อีกเช่นกัน มีแต่ถึงเวลาก็รู้เอง

และแน่นอนว่าผู้ที่จะได้พบท่านผู้เป็นความหวังของทุกศาสนา ย่อมต้องเตรียมตัวเตรียมใจ
ให้พร้อม ชำระจิตใจตนเองให้บริสุทธิ์ ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของศาสนาตนอย่าง
ถูกต้อง ไม่เป็นพวกฟารีสีเป็นศรัทธาที่สูญเปล่า ด้วยจิตใจที่มั่นคงอยู่ในศีลในธรรมแล้ว
อย่าให้เป็นแบบนักบวชยิวฟารีสีที่ถือคัมภีร์กล่าวถึงท่านเมสิอาร์ย์ผู้ถูกเจิมไว้ แต่พอพระ
คริสต์ปรากฏตัวกลับมองไม่เห็นเพราะความมืดบอดในจิตใจที่ถืออะไรไว้ผิดหรือเปล่า
เราก็ไม่อาจรู้ได้ เราไม่ได้นับถือคริสต์แต่เราแปลกใจเรื่องเหล่านี้ และนำมาสอนใจ
เราอยู่เสมอ อย่าทำอะไรด้วยศรัทธาที่มืดบอด เพราะเวลาความจริงปรากฏตัวเราอาจจะ
พลาดความจริงไปไปถือเอาความเท็จไว้แทนก็ได้ เพราะความคิดเป็นเหตุให้ปิดกั้นเราออก
จากความเป็นจริงก็ได้

พูดมาก็มาก ก็แล้วแต่ท่าน จขกท. จะดำเนินไปตามทางที่ท่านเห็นควรก็แล้วกัน
เราขออยู่ในความสงบ เพื่อรอดูความจริงปรากฏตัว ละกัน

ปล.ที่จะมาไม่ใช่จะมีแต่พระคริสต์ แต่แอนตี้ไครส์ ก็จะมาด้วยแถมยังมาปรากฏตัวก่อน
แล้วพระคริสต์ถึงจะปรากฏหลังจากมีแอนตี้ไครส์ปรากฏแล้ว ว่ากันตามคัมภีร์ของศาสนาคริสต์นะ
เพราะเราเองก็ไม่รู้อะไรเลย
Click to expand...

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>จาก ตอบกระทู้#141 "ออร์กะ สำหรับเรื่อง“พระคริสต์จะกลับมาเป็นครั้ง2” และ “แอนตี้ไครส์” ที่นักวิชาการเห็นพ้องกันว่าเรื่องนี้พิรุธ และมีข้อมูลการประชุมประจำปี ชี้หลักฐานการไม่ชอบมาพากลของพระเยซู ในที่สุด ความจริงได้ปรากฏขึ้น ออร์กะจะขอนำมากล่าวและสรุปในกระทู้ต่อไปครับ"

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>ออร์กะตอบกระทู้#142 ขออนุโมทนา และขอขอบคุณคุณ K.Kwan เป็นอย่างยิ่งครับ ที่ได้กรุณาค้นหาหาข้อมูลที่น่าสนใจ มาให้ออร์กะได้ทำการบ้าน และการบ้านนี้ไม่ธรรมดา ยากมากครับ ต้องขออนุโมทนาและขอบพระคุณไปยัง metteya.org ที่กรุณาให้ข้อมูล ข้อมูลที่เอามาลงเหล่านี้ น่าจะเป็นประโยชน์ยิ่งกับท่านทั้งหลายที่สนใจ ซึ่งท่านจะได้เห็นภาพกว้างๆ ได้ แต่ใครจะมีความคิดความอ่านต่างๆ กันไปอย่างไร ควรแล้วแต่ “นานาจิตตัง” ครับ<o></o>

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><o:smarttagtype namespaceuri="urn:schemas-microsoft-com<img src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" omg-smile.gif="" border="0" alt="" title="Surprised" smilieid="34" class="inlineimg"></o:smarttagtype> ออร์กะ ขอนำข้อสังเกตของคุณ K.Kwan ที่สำคัญมาให้เราชาวพุทธได้ทราบ คือ “คัมภีร์ศาสนาคริสต์กล่าวไว้ว่า เกี่ยวกับพระคริสต์ (พระเยซู หรือ จีซัสไครสท์<o></o> = Jesus Christ) จะกลับมาเป็นครั้ง2” ประเด็นนี้จะกลับมาเมื่อไร เป็นมาเป็นไปอย่างไร เราจะไปพิจารณากัน การที่จะเข้าใจเรื่องราวที่มีอยู่มาก และสรุปข้อมูลให้เหลือน้อย คงต้องใช้เวลา และจะขอแบ่งแยกข้อมูลไว้ดังนี้<o></o>
<o></o>
1. ทำความเข้าใจที่มาที่ไปของพระเยซู<o></o>
2. หลักฐานอ้างอิงเกี่ยวกับพระเยซูกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล และภาคพันธสัญญาเก่า<o></o>
3. การกลับมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ล และหลักฐานจากภาคพันธสัญญาใหม่
<o></o>
1. ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงว่า ออร์กะ ขอทำหน้าที่เสมือนผู้สื่อข่าวที่ยังขาดประสบการณ์ครับ แต่ได้สอบถาม ค้นคว้าหาหลักฐานที่น่าสนใจ แล้วนำมาสรุปให้เป็นประโยชน์ทั่วไปครับ จะถูกผิดอย่างไร โปรดค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้เองครับ สำหรับออร์กะจะขอขอยึด พระคัมภีร์ไบเบิ้ล (Bible) อ้างอิงด้วย The King James Version ซึ่งเป็นที่ยอมรับมากที่สุดเป็นมาตรฐานครับ และขอให้ท่านโปรดเข้าใจก่อนดังนี้ว่า<o></o>
<o></o>
พระคัมภีร์ไบเบิ้ล มีสองภาค คือ ภาคพันธสัญญาเก่า ที่มีพื้นฐานการพยากรณ์ของ เมสิอาร์ย์ (Messiah) ผู้มาให้ความเป็นธรรมแก่มนุษยโลกรวมอยู่ด้วย และ ภาคพันธสัญญาใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องราวของพระเยซูและการสอน
<o></o>
โปรดเข้าใจว่า ถ้าไม่มี พระคัมภีร์ไบเบิ้ล ภาคพันธสัญญาเก่า ย่อมไม่มี พระคัมภีร์ไบเบิ้ล ภาคพันธสัญญาใหม่ เพราะพระเยซูถูกนับถือว่าเป็นเมสิอาร์ย์ ที่บ่งบอกไว้ในภาคพันธสัญญาเก่า เรื่องราวก็คงเหมือน ศาสนาฮินดู หรือที่เรียกรวมกันไปว่า ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ที่ได้พัฒนามาจากลัทธิพราหมณ์ที่มีพื้นฐานมาจากเรื่องราวของพระเวท ที่มีการท่องมนต์สืบต่อกันมายาวนานก่อนหน้าแล้ว <o></o>
<o></o>
2 ผู้ที่จะเป็น เมสิอาร์ย์ จำเป็นต้องทำให้พยากรณ์เรื่องเมสิอาร์ย์ที่มีอยู่ใน ภาคพันธสัญญาเก่า มีความสมบูรณ์ขึ้นได้ เมื่อพระเยซูถูกเชื่อถือว่าเป็นเมสิอาร์ย์ เราจะไปดูตามหลักฐานจะเป็นไปได้อย่างไร<o></o>
<o></o>
2.1 สถานที่ประสูติ <o></o>

ภาคพันธสัญญาเก่า Micah 5:2 But thou, Bethlehem Ephratah, though thou be little among the thousands of Judah, yet out of thee shall he come forth unto me that is to be ruler in Israel; whose goings forth have been from of old, from everlasting.<o></o>
แต่ท่าน Bethlehem Ephratah แม้ว่าท่านจะเป็นผู้ที่ไม่มีความสำคัญในผู้คนนับหลายพันของยูดาห์ สิ่งที่ได้จากท่าน คือเขานั้นจะมาเป็นผู้ที่พระเจ้าโอบอุ้ม เป็นผู้ปกครองอิสราเอล เป็นผู้ที่มาจากดั่งเดิม จากสถานนิรันดร์<o></o>
<o></o>
ภาคพันธสัญญาใหม่ Matthew 2:1 Now when Jesus was born in Bethlehem of Judaea in the days of Herod the king, behold, there came wise men from the east to <st1><st1:city w:st="on">Jerusalem</st1:city></st1>
เวลานี้ เมื่อพระเยซูเกิดในกรุง <st1:city w:st="on">Bethlehem</st1:city> ของ <st1>Judaea</st1> ในช่วงของกษัตริย์เฮโรด ดูก่อนเถิดมีนักปรัชญาจากตะวันออกไปยังกรุงเยรูซาเล็ม<o></o>
<o></o>
สรุป Matthew 2:1 ไม่สามารถทำให้ Micah 5:2 ในภาคพันธสัญญาเก่าสมบูรณ์ได้ เนื่องจาก Bethlehem Ephratah เป็นชื่อคน ไม่ใช่ชื่อเมือง (Bethlehem of Judaea) จึงถือว่า ภาคพันธสัญญาใหม่ ไม่สามารถทำให้พยากรณ์ของภาคพันธสัญญาใหม่สมบูรณ์ได้

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> 2.2 ช่วงเวลาการประสูติ<o></o>
Isaiah 9:5-6 [5] For every battle of the warrior is with confused noise, and garments rolled in blood; but this shall be with burning and fuel of fire.<o></o>
[6] For unto us a child is born, unto us a son is given: and the government shall be upon his shoulder: and his name shall be called Wonderful, Counseller, The mighty God, The everlasting Father, The Prince of Peace. [7] Of the increase of his government and peace there shall be no end, upon the throne of David, and upon his kingdom, to order it, and to establish it with judgment and with justice from henceforth even for ever. The zeal of the LORD of hosts will perform this.<o></o>
ภาคพันธสัญญาเก่า Isaiah 9:5 [5] การต่อสู้ของนักรบจะเป็นไปด้วยเสียงสับสนและเสื้อผ้าเปื้อนด้วยเลือด แต่สงครามนี้จะมีการเผาไหม้เป็นเพลิงไฟ (สงครามโลกครั้งที่ 2 ชนะกันด้วยไฟบันลัยกัปล์ คือระเบิดปรมาณู) <o></o>

สรุป ไม่มีสาวกของพระเยซูท่านใด ได้ลงบันทึกในเรื่องนี้ จึงถือว่า ภาคพันธสัญญาใหม่จึงไม่สามารถทำให้พยากรณ์ของภาคพันธสัญญาเก่าสมบูรณ์ได้
<o></o>
ภาคพันธสัญญาเก่า [6] สำหรับพวกเรา (หมายถึงมนุษยโลก) เด็กที่ได้เกิดขึ้นมานั้น จะเป็นเด็กชาย และเขาจะต้องแบกรับภาระของรัฐบาล และชื่อของเขาเรียกว่า เป็นเลิศ (Wonderful), ที่ปรึกษา (Counseller), พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ (The mighty God), พระบิดาผู้เป็นอมตะ (The everlasting Father), เจ้าชายแห่งสันติภาพ (The Prince of Peace) (หมายเหตุ ทั้งหมดนี้คือชื่อเรียก ท้าวสัักกะฯ)
<o></o>
ชื่อ พระเยซู (Messiah) หรือ ไครสท์<o> </o>(Christ) <o></o>
<o></o>
ภาคพันธสัญญาใหม่ <o></o>
ชื่อ Jesus ภาษาอังกฤษไมมี คำว่า Jesus เป็นภาษากรีก ที่ได้รับการแปลมาจากคำว่า Yeshua ที่ชาวยิวนิยมเรียกกันโดยทั่วไปในสมัยนั้น <o></o>
สรุป ภาคพันธสัญญาใหม่จึงไม่สามารถทำให้พยากรณ์ชื่อของภาคพันธสัญญาเก่าสมบูรณ์ได้
<o></o>
ภาคพันธสัญญาเก่า [7] การเพิ่มขึ้นของภาครัฐและความสันติสุขจะเกิดขึ้นโดยไม่มีที่สิ้นสุด โดยราชบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิด และอาณาจักรของเขา ด้วยดังนี้ และจะเป็นฐานขบวนการการตัดสินด้วยความยุติธรรมจากนี้ไปได้ตลอดกาลนาน ด้วยความกระตือรือร้นของพระเจ้า (ท้าวสักกะฯ) จะเป็นผู้ดำเนินการนี้<o></o>
สำหรับ โดยราชบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิดนั้น Matthew 1-21 ได้ร่ายยาวว่า พระเยซูสีบเชื้อสายของ กษัตริย์ดาวิด และ Luke 3:23-38 ได้ร่ายยาวมาเช่นกันโดยเริ่มมาจากอาำดำ Adam พระบุตรของพระเจ้า มายังกษัตริย์ดาวิดและมายังพระเยซู<o></o>

สรุป ภาคพันธสัญญาใหม่ ทั้ง Matthew 1-21 และ Luke 3:23-38 ได้กล่าวเรื่องชาติตระกูลของกษัตริย์ดาวิดเดียวกัน แต่ข้อมูลแตกต่างจากกันไม่สามารถหาข้อเท็จจริงได้ เป็นที่ถกเถียงไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น ภาคพันธสัญญาใหม่จึงไม่สามารถทำให้พยากรณ์ของภาคพันธสัญญาเก่าสมบูรณ์ได้

เรื่องนี้ทำให้สาวกพระเยซูชื่อพอล (Paul) ยอมรับความขัดแย้ง และเขียนไว้ใน 1 Timothy 1:1, an apostle of Jesus Christ ... [4] Neither give heed to fables and endless genealogies, which minister questions, rather than godly edifying which is in faith: so do.
ไม่ใส่ใจกับนิทานต่างๆ นาๆ และ พันธุ์กรรมที่หาคำตอบไม่ได้และไม่มีที่สิ้นสุดกันทำไม นั่นเป็นเรื่องคำถามของนักการเมือง ทำไมไม่ทำตามพระเจ้าตรัสสั่งสอนให้มีความเชื่อนั้น<o></o>
<o></o> สรุป ภาคพันธสัญญาใหม่จึงไม่สามารถทำให้พยากรณ์ของภาคพันธสัญญาเก่าสมบูรณ์ได้<o></o>
<o></o>
2.3 เมสิอาร์ย์ (Messiah) หรือ คริสต์ (Christ ) จะไม่สิ้นพระชนม์ก่อนที่จะตัดสินคนดีคนชั่วบนโลกนี้<o></o>
<o></o>
Isaiah 53:10-11 [10] …. he shall see his seed, he shall prolong his days, and the pleasure of the LORD shall prosper in his hand.
เมสิอาร์ย์ จะเห็นผลงานของพระองค์ ที่จะดำเนินไปข้างหน้าได้อย่างไร จะยืดวันของพระองค์ออกไป คือไม่ตาย และความสุขของพระเจ้าจะขึ้นอยู่กับการกระทำงานให้ประสบความสำเร็จด้วยมือของเมสิอาร์ย์เอง<o></o>
<o></o>
[11] He shall see of the travail of his soul, and shall be satisfied: by his knowledge shall my righteous servant justify many; for he shall bear their iniquities.<o></o>
เมสิอาร์ย์ จะตรากตรำทำงานด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยม และพึงพอใจในการทำงานด้วยการใช้ปัญญาแห่งความชอบธรรมนั้น ที่จะทำให้เมสิอาร์ย์ ผู้เป็นข้ารับใช้พระเจ้า ตัดสินผู้คน ไปตามการกระทำชั่วของเขาเหล่านั้น
สรุป ภาคพันธสัญญาใหม่จึงไม่สามารถทำให้พยากรณ์ของภาคพันธสัญญาเก่าสมบูรณ์ได้ เพราะพระเยซูถูกตรึงด้วยไม้กางเขนสิ้นชีวิต จึงไม่สามารที่จะลงโทษมนุษย์ผู้กระทำชั่วได้<o></o>
<o></o>
<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><o:smarttagtype namespaceuri="urn:schemas-microsoft-com<img src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" omg-smile.gif="" border="0" alt="" title="Surprised" smilieid="34" class="inlineimg"></o:smarttagtype>2.4 เรื่องการฟื้นคืนชีพของพระเยซู<o></o>

สาวกทั้ง 4 ได้บันทึกเรื่องราวของการฟื้นคืนชีพของพระเยชู หลังจากที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน คือ <o></o>
Same Mary Magdalene and same disciple of Jesus: But the stories of Matthew 28 ..., Mark 16 ..., Luke 24 ... and John 20 ... were really contradiction each other. Its LIE. <o></o>
บุคคลในเรื่องมี Mary Magdalene และสาวกกลุ่มเดียวกันของพระเยซู แต่เรื่องราวของ Matthew 28 ... , Mark 16 ... , Luke 24 ... และ John 20 ... มีความขัดแย้งกันจริงๆ เป็นเท็จ
<o></o>
1 Corinthians 15:14 And if Christ be not risen, then is our preaching vain, and your faith is also vain.
สาวกพอล เขียนไว้ ใน 1 Corinthians 15:14 และเมื่อคริสต์ไม่ได้ลุกมาจากหลุมศพ ดังนั้นสิ่งที่เราๆ สอน มันก็เป็นความว่างเปล่า และความเชื่อที่เราเชื่อกันมันเป็นความว่างเปล่าด้วยเช่นกัน <o></o>
สรุป ภาคพันธสัญญาใหม่ การฟื้นคืนชีพของพระเยซู เป็นพิรุษ จนพอล สาวกของพระเยซู ได้เขียนเตือนไว้ใน 1 Corinthians 15:14
<o></o>
2.5 ใครเป็นผู้แรกที่เรียกพระเยซูว่า คริสต์ (Christ) และ เมสิอาร์ย์ (Messsiah)
<o></o>
ภาคพันธสัญญาใหม่ John 4:[10] Jesus ... said unto her (woman of <st1:city w:st="on"><st1>Samaria</st1></st1:city>), If thou knewest the gift of God, and who it is that saith to thee, Give me to drink; thou wouldest have asked of him, and he would have given thee living water. [13] ... Whosoever drinketh of this water shall thirst again: ... [15] The woman saith unto him, Sir, give me this water, that I thirst not, ... [18] For thou hast had five husbands; and he whom thou now hast is not thy husband: ... [25] The woman saith unto him, I know that Messias cometh, which is called Christ: when he is come, he will tell us all things. [26] Jesus saith unto her, I that speak unto thee am he. ... [28] The woman ... went her way into the city, and saith to the men, [29] Come, see a man, which told me all things that ever I did: is not this the Christ?<o></o>
<o></o>
พระเยซู ... กล่าว แก่ผู้หญิง (หญิงชาวสะมาเรีย), ถ้าเธอรู้เรื่องของขวัญจากพระเจ้า และใครเป็นผู้กล่าวแก่เธอนั้น ว่าให้ฉันได้ดื่ม; เธอควรที่จะขอสิ่งที่เขาถามมา และเขาผู้ถามควรที่จะให้น้ำที่มีชีวิตชีวากับเธอ [13] ... หญิงใดที่ได้ดื่มน้ำนี้แล้ว จะกระหายที่จะดื่มมันอีก ผู้หญิงนั้น กล่าวแก่พระเยซูว่า ท่าน ได้โปรดให้น้ำศักดิ์สิทธิ์นี้แก่ฉันเถิด ถึงแม้ฉันจะไม่กระหายน้ำก็ตาม ... [18] สำหรับเธอ ถึงแม้จะมีสามีมา 5 คน แต่บุคคลที่กล่าวกับเธอนี้ที่เธอจะมี ไม่ใช่สามีของเธอน่ะ ... [25] ผู้หญิงนั้น กล่าวกับพระเยซูว่า ฉันรู้ว่ามายัง Messias ซึ่งเรียกว่าพระคริสต์เมื่อเขามาเขาจะบอกให้เราทราบ ... [28] ผู้หญิงนั้น ... กลับไป และกล่าวกับพวกผู้ชายในเมือง [29] มาดูคนที่บอกทุกสิ่งที่เคยฉันทำมาแล้ว เป็นไปได้หรือ นี่ไครสท์<o></o><o></o>
<o></o>
น้ำที่มีชีวิตชีวาคืออะไร<o></o> ภาคพันธสัญญาใหม่ John 7:[37] ... Jesus stood and cried, saying, If any man thirst, let him come unto me, and drink. [38] He that believeth on me, as the scripture hath said, out of his belly shall flow rivers of living water<o></o>

พระเยซูยืนและร้องเรียกว่า"ถ้าผู้ใดกระหายให้เขามาหาฉันและดื่ม [38] ผู้ที่เชื่อฉันในคัมภีร์กล่าวว่าออกจากท้องของเขาจะมีสายน้ำหลากหลายที่เป็นน้ำแห่งชีวิต (พวกเกบางกลุ่ม ถือว่าพวกเขาไม่ได้กระทำผิดในการร่วมสมสู่กับพวกผู้ชายด้วยกัน เพราะถือว่าพระเยซูกระทำได้)<o></o>

สรุป พระเยซู กลายเป็นเมสิอาร์ย์ หรือ ไครสท์<o></o> ก็เป็นเรื่องมาจากการสมสู่ทางเพศ สำหรับการสอน หลักฐานบ่งว่า พระเยซูมิได้สอนธรรมะ นอกจากการกล่าวไว้ด้วย<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>อุปมา อุปไมย ที่จะได้กล่าวต่อไปครับ
<o></o>
<link rel="File-List" href="file:///C:%5CWINDOWS%5CTEMP%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><o:smarttagtype namespaceuri="urn:schemas-microsoft-com<img src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" omg-smile.gif="" border="0" alt="" title="Surprised" smilieid="34" class="inlineimg"></o:smarttagtype> 2.6 โปรดพิจารณา การประชุมทางวิชาการเกี่ยวกับพระเยซู มาให้ทราบผลการประชุมเป็นอย่างไร ตีพิมพ์โดย Times และ Newsweek นิตยสารชั้นนำของโลก (ข้อมูลมาจากเครือข่าย metteya.org)<o></o>

<o></o>NEWSWEEK April 8, 1996: posted an article about Rethinking the Resurrection<st1:city w:st="on">Saint Paul</st1:city> wrote, then our preaching is in vain and so is your faith” that quoted “If Christ is not raised,
นิตยสาร Newsweek 8 เมษายน พ.ศ. 2539 (1996) บทความเกี่ยวกับ คิดใหม่เกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพของพระเยซู ตามที่ผู้ติดตามพระเยซู ชื่อ <st1><st1:city w:st="on">Saint Paul</st1:city></st1> เขียนไว้ว่า "ถ้าพระคริสต์ไม่ฟื้น, แล้วสั่งสอนของเรานั้น ก็เป็นเรื่องไร้สาระและความเชื่อของคุณจะเป็นอย่างไร"<o></o>
<o></o>
TIMES April 8, 1996: posted an article on The search for Jesus: “The iconoclastic and provocative Jesus Seminar argues that not much of the New Testament can be trusted. But if so, what do Christian's believe?<o></o>
นิตยสาร TIMES 8 เมษายน พ.ศ. 2539 (1996) ชื่อเรืองหาพระเยซู “"การทำลายภาพพจน์และสิ่งเร้าใจในการประชุมวิชาการเกี่ยวกับพระเยซู ที่พันธสัญญาใหม่ไม่มีอะไรแค่ไหนที่จะน่าเชื่อถือ แต่ถ้าอย่างนั้น คริสเตียนเชื่ออะไรกันล่ะ?”<o></o>
<o></o>
TIMES December 6, 1999 article, Jesus 2000: stated “The chance that they contain reliable history information about Jesus is slender, through they hint tantalizingly that Jesus may have been more liberal in his views of women's sexuality than later church fathers allowed”
นิตยสาร TIMES 6 ธันวาคม พ.ศ. 2543 (2000) ชี้ว่า “โอกาสที่พวกเขามี ข้อมูลประวัติที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับพระเยซูเป็นสิ่งที่หาได้ไม่มาก สิ่งที่น่าสนที่พวกเขาชี้แนะว่าพระเยซูอาจเป็นที่น่าสนใจในมุมมองของเพศสัมพันธุ์กับเพศหญิงมากกว่าที่พระผู้สอนศาสนาคริสต์จะยินยอมได้”<o></o>

สรุป เรื่องการที่พระเยซูพยายามให้พระองค์เองสวมรอย เมสิอาร์ย์ (Messsiah) หรือ คริสต์ (Christ) ในพยากรณ์ที่มีอยู่ในภาคพันธสัญญาเก่านั้นทำไม่ได้ เพราะ เมสิอาร์ย์ หรือ คริสต์ ต้องเป็นท้าวสักกะจอมเทพที่แบ่งภาคมาจุติบนโลกพระองค์จริงเท่านั้น คำพยากรณ์ถูกปิดไว้ด้วยความลับที่มีอยู่ในองค์ของท้าวสักกะฯ เสมือนทรงเป็นผู้ถือกุญแจในการไขหีบความลับทั้งหมดครับ

ท่านคงจะสงสัยว่า ทำไมศาสนาคริสต์ที่ตามหลักฐานจริงๆ แล้ว พระเยซูไม่ได้เป็น เมสิอาร์ย์ หรือ คริสต์ แต่ทำไมศาสนาคริสต์ถึงเป็นที่ยอมรับ เป็นอันดับหนึ่งของโลกครับ นี่คือการโยงไปสู่มหันตภัยโลกที่พุทธทำนาย และพยากรณ์โลกทั้งหลาย ต่างมีการพยากรณ์เรื่องมหันตภัยโลกเหมือนกันไปหมดว่า มนุษย์จะถูกทำลายโดยไม่รู้ตน ทั้งนี้เพราะการขาดกุศลปัญญาฝักใฝ่ในมารที่มาหลอกลวง มากกว่าการมีกุศลปัญญาด้วยกาลามสูตร คำถามและข้อสงสัยควรที่จะต่อยๆ เลือนลางไปเมื่อได้ศึกษาเรื่องจะได้นำมาเสนอต่อๆ ไปครับ
<o></o>
ยังมีต่อครับ

ออร์กะ · 10 กันยายน 2010

ตอบกระทู้ต่อเนื่องจาก #145

จากเรื่องเดิม พระเยซู ไม่สามารถใช้พยากรณ์ที่กำหนดไว้สำหรับ เมสิอาร์ย์ (Messsiah) หรือ ไครสท์ (ภาษากรีก: Christ) ตามภาคพันธสัญญาเก่าได้ โดยพยากรณ์เรื่องราวการประสูติในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ภาคพันธสัญญาเก่านั้น ไม่ตรงกับภาคพันธสัญญาใหม่ในทุกๆ เรื่อง นอกจากนี้ การที่สาวกของพระเยซูได้เขียนให้พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า ยังไม่สามารถใช้ได้ เพราะการบันทึกของสาวกคือ Matthew และ Luke ให้การขัดกันจนไม่สามารถยืนยันได้ว่า พระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้า สิ่งนี้ทำให้สาวกพอลต้องเขียนว่า อย่าไปสนใจเรื่องนิทานที่ไม่มีสาระอะไร มาเผยแพร่คำสอนจะดีกว่า

สำหรับการฟื้นคืนชีพหลังจากที่ถูกตรึงบนไม้กางเขนของพระเยซู มีพิรุษมาก เนื่องจากบันทึกของสาวกทุกๆ คนมีการขัดแย้งกันเอง จนไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงการฟื้นคืนชีพของพระเยซูได้ ทำให้นักวิชาการได้สรุปว่าพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ภาคพันธสัญญาใหม่ ไม่มีอะไรแค่ไหนที่น่าเชื่อถือได้

จากหลักฐานอ้างอิงมากมายแสดงว่า พระเยซูไม่ใช่ เมสิอาร์ย์ หรือ ไครสท์ พระองค์จริง เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เรื่องของพระเยซูจะได้นำเสนอต่อไปดังนี้ครับ

ภาคพันธสัญญาเก่า ชื่อหนึ่งที่เรียก เมสิอาร์ย์ คือ เอมมานูเอล (Immanuel)
Isaiah 7:14 [14] Therefore the Lord himself shall give you a sign; Behold, a virgin shall conceive, and bear a son, and shall call his name Immanuel. [15] Butter and honey shall he eat, that he may know to refuse the evil, and choose the good.
ดังนั้นพระเจ้าเองจะให้สัญญาณ ผู้หญิงสาวบริสุทธิ์จะตั้งครรภ์และบุตรคนแรก (เมสิอาร์ย์) ทีเกิดมาจะเรียกชื่อของเขา Immanuel [15] เนยและน้ำผึ้งที่เขาจะชอบทาน และเขาจะปฏิเสธที่จะทำชั่วและเลือกที่จะทำดี

ภาคพันธสัญญาใหม่
Matthew 1. [23] Behold, a virgin shall be with child, and shall bring forth a son, and they shall call his name Emmanuel, which being interpreted is, God with us.
สาวที่บริสุทธิ์จะมีบุตรคนแรกและจะประสูติบุตรชาย พวกเขาจะเรียกชื่อ Emmanuel ซึ่งแปลว่าพระเจ้าอยู่กับเรา (แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดเรียกพระเยซูว่า "เอมมานูเอล")

Luke.1. [15] For he shall be great in the sight of the Lord, and shall drink neither wine nor strong drink; and he shall be filled with the Holy Ghost, even from his mother's womb.
เขา (เมสิอาร์ย์) จะอยู่ในสายตาของพระเจ้าและจะไม่ดื่มเหล้า และของมึนเมา และเขาจะเต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ แม้ในขณะที่อยู่ในครรภ์ของมารดาของเขา (แต่พระเยซูเป็นคนขี้เหล้า และไำม่มีพระวิญญาณบริษุทธิ์ ซึ่งจะได้นำมาเสนอตอนต่อไป)

Luke 7: 2. [34] The Son of man is come eating and drinking; and ye say, Behold a gluttonous man, and a winebibber, a friend of publicans and sinners!
บุตรของมนุษย์ (หมายถึงพระเยซู) มากินและดื่มสุรา และกล่าวเป็นคนตะกรุมตะกราม ขี้เหล้าเมายา เพื่อนของเจ้าของโรงขายเหล้า และคนบาป!

สรุป ผู้ที่เป็นเมสิอาร์ย์ตามภาคพันธสัญญาเก่า จะประพฤติปฏิบัติในศีลธรรม แต่ภาคพันธสัญญาใหม่บ่งไว้ว่า พระเยซูต้องถูกเีรียกว่า เอมมานูเอล แต่ปรากฏว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ที่เรียกพระเยซูว่า “เอมมานูเอล” และเอมมานูเอลต้องประพฤติปฏิบัติอยู่ในศีลธรรมอันดี ซึ่งพระเยซูนั้น ปฏิบัติตรงกันข้ามกับศีลธรรมและจริยธรรมอันดี ดังนั้น นี่เป็นอีกข้อหนึ่งที่ชี้ว่า พระเยซูไม่ใช่ ไครสท์ พระองค์จริง

ภาคพันธสัญญาเก่า พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับมีผู้มาปลอมแปลงมาหลอกลวงผู้คนดังนี้

Mic.2:11 [11] If a man walking in the spirit and falsehood do lie, saying, I will prophesy unto thee of wine and of strong drink; he shall even be the prophet of this people.
ถ้าคนที่มีจิตวิญญาณแห่งความเท็จ โกหกว่าข้าจะเป็นศาสดากล่าวพยากรณ์กับพวกท่านด้วยเหล้าไวน์ และเครื่องดื่มมึนเมา เขานั้นยังจะเป็นศาสดาของท่านได้อีก (พยากรณ์ในภาคพันธสัญญาเก่า ถึงพระเยซูจะมาเป็นศาสดา)

Jer.23:32 [32] Behold, I am against them that prophesy false dreams, saith the LORD, and do tell them, and cause my people to err by their lies, and by their lightness; yet I sent them not, nor commanded them: therefore they shall not profit this people at all, saith the LORD.
เดียวก่อน ฉันต่อต้านพวกเขาฝันไปถึงการพยากรณ์ที่เป็นเท็จ ข้าคือพระเจ้าเป็นผู้กล่าว และจะบอกพวกเขา (พวกมาหลอกลวง) ให้ ที่ทำให้คนของฉันทำผิดโดยตามไปกับการหลอกลวงทีไม่เป็นจริง ไปตั้งอยู่ความหวังนั้น เอ่อ ฉัน (พระเจ้า) ไม่ได้ส่งพวกนี้มา หรือบังคับให้มา ดังนั้นพวกเขาจะไม่ได้ผลประโยชน์อันใดกับคนเหล่านี้เลย นี่เป็นการกล่าวของพระเจ้า (พยากรณ์ว่าจะมีผู้มาหลอกลวง คือพระเยซูมาหลอกลวงชาวคริสต์ว่า พระเยซูสามารถล้างบาปได้ ซึ่งในที่สุดพระเยซูกลับคำใหม่ว่า ล้างบาปทำไม่ได้ ทุกๆ คนจะถูกพิพากษาตามกรรมที่ตนกระทำ ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป )

สรุป ภาคพันธสัญญาเก่าได้พยากรณ์ถึงเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ล่วงหน้า และเหตุการณ์นั้นๆ ได้เกิดขึ้นเป็นจริง ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องที่พระจักรพรรดิจะต้องสานต่อไป

ภาคพันธสัญญาใหม่
คำพูดที่ชาวบ้านได้ยินตามกันมาว่า
John.7:31 [31] And many of the people believed on him, and said, When Christ cometh, will he do more miracles than these which this man hath done?
และหลายคนที่เชื่อในพระเยซู และกล่าวว่าเมื่อไครสท์มาปรากฏ พระองค์จะทำอิทธิปาฏิหาริย์น่าอัศจรรย์มากกว่าที่มีผู้เคยทำไม่ใช่หรือ?

สรุป พยากรณ์จากภาคพันธสัญญาเก่า กล่าวไว้ลวงหน้าว่าจะมีคนที่ขี้เหล้ามาหลวกลวงเป็นพระศาสดา ผู้คนก็ยังเชื่อถือ

ภาคพันธสัญญาเก่า
Lev.19:18 [18] Thou shalt not avenge, nor bear any grudge against the children of thy people, but thou shalt love thy neighbour as thyself: I am the LORD.
ท่านจะไม่ล้างแค้น หรือทนไม่ได้กับความเสียใจกับเด็กของท่าน แต่ท่านให้ความรักเพื่อนบ้านของท่านเหมือนตัวของท่านเอง ข้าคือ

ภาคพันธสัญญาใหม่
Mark.12:31 [31] And the second is like, namely this, Thou shalt love thy neighbour as thyself. There is none other commandment greater than these.
ข้อที่สอง มีดังนี้ ท่านจงรักเพื่อนบ้านของท่านเหมือนกับตัวของท่าน จะไม่มีคำสั่งอะไรดีไปกว่านี้แล้ว (คำสอนดีๆ เช่นนี้ พระเยซูนำคำสอนมาจากภาคพันธสัญญาเก่า)

คำสอนที่แท้จริงของพระเยซู

Luke.12:51 [51] Suppose ye that I am come to give peace on earth? I tell you, Nay; but rather division:
สมมุติว่า ถ้าฉัน (พระเยซู) จะมาสร้างสันติสุขบนโลกนี้ ฉันจะบอกให้ว่า ไม่ แต่จะทำให้เกิดการแตกแยกขึ้น

Matt.10:34 [34] Think not that I am come to send peace on earth: I came not to send peace, but a sword.
อย่าคิดน่ะ ว่าฉัน (พระเยซู) จะมาสร้างสันติสุขขึ้นบนโลก ฉันไม่ได้มาเพื่อสันติสุข แต่จะมาให้ประหัตประหารกัน

สรุป เรื่องที่พระเยซูกล่าวเกี่ยวกับการทำให้แตกแยกนั้นเป็นจริง ถ้าท่านได้ศึกษาจะทราบว่าคริสเตียนแบ่งเป็นนิกายต่างๆ มากมายนับเป็นพันๆ นิกาย และชาวคริสเตียนและมุสลิม อาจจะกล่าวได้ว่าเสมือนเป็นพี่น้องกัน แต่ทำสงครามกันมาโดยตลอด

สำหรับสงครามครูเสด (สงครามไม้กางเขน) เป็นสงครามระหว่างชาวคริสต์ต่างนิกายด้วยกันเอง หรือชาวคริสต์ทำสงครามกับชาวมุสลิม

Luke.14:26 [26] If any man come to me, and hate not his father, and mother, and wife, and children, and brethren, and sisters, yea, and his own life also, he cannot be my disciple.
ถ้าผู้ใดมาหาฉัน (พระเยซู) และไม่เกลียดพ่อและแม่ภรรยาและลูก ๆ และพี่น้องชาย และพี่น้องสาว, และชีวิตของตนเองด้วย เขาคนนั้นไม่สามารถเป็นสาวกของฉันได้

http://www.greatcom.org/resources/whoisjesusorig/lordliarlunatic.html
In his famous book Mere Christianity, Lewis makes this statement, "A man who was merely a man and said the sort of things Jesus said would not be a great moral teacher. He would either be a lunatic - on the level with a man who says he is a poached egg - or he would be the devil of hell. You must take your choice. Either this was, and is, the Son of God, or else a madman or something worse. You can shut Him up for a fool or you can fall at His feet and call Him Lord and God. But let us not come with any patronizing nonsense about His being a great human teacher. He has not left that open to us."
ในหนังสือยอดนิยม Mere Christianity โดย Lewis แสดงถึงข้อควรพิจารณา "คนที่กล่าวในสิ่งที่พระเยซูตรัส พระ้เยซูควรจะไม่เป็นครูสอนจริยธรรมที่ดี พระเยซูอาจเป็นคนบ้า -- เช่นเดียวกับคนที่ กล่าว ว่าพระเยซูเป็นผู้ไม่รู้เรื่องราว -- หรือเขาจะเป็นมารมาจากนรก . คุณจะต้องเลือกคิดเอาเอง ไม่ว่าพระเยซูนี้เป็นบุตรของพระเจ้าหรือเป็นบุคคลที่บ้า หรือแย่ยิ่งกว่าที่กล่าว คุณเองจะเหยียบพระเยซูลงไป หรือก้มลงกราบที่แทบเท้าของของพระเยซูและพระเจ้า แต่เราไม่ได้มาด้วยเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับการอุปถัมภ์ เกี่ยวกับพระเยซูว่าเป็นครูที่ดี พระเยซูไม่ได้ให้โอกาสเราในความเข้าใจเรื่องอะไรเลย”

สรุป ตัวอย่าง Luke.14:26, Luke.12:51 และ Matt.10:34 นี่เป็นคำสอนที่มีผู้สงสัยว่า พระเยซูเป็นคนบ้า (Lunatic) หรืออย่างไร จากข้อมูลในเครือข่ายของ metteya.org ได้แสดงว่าสิ่งที่พระเยซูกล่าวว่า พระเยซูไม่ได้มาเพื่อสันติสุขของโลก แต่มาทำให้เกิดประหัตประหารกันนั้น เป็นสิ่งถูกต้องตามภาคพันธสัญญาใหม่ เพราะพระเยซูมาเพื่อมาช่วยพ่อที่ถูกฆ่า ซึ่งตัวของพระเยซูเองคือเจ้าชายของโลกนี้ ที่จะถูกพระจักรพรรดิตัดสินโทษ ดังเรื่องที่จะนำมาเสนอต่อไป

ขอขอพระคุณ metteya.org ที่กรุณาให้ข้อมูลสำคัญ ทำให้เกิดความเข้าใจได้

โปรดติดตามตอนต่อไปครับ

ออร์กะ · 13 กันยายน 2010

ภัยพิบัติในเวลานี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นกันจนเคยชิน วันนี้นำเรื่องที่แปลก เรื่องท่อก๊าซระเบิดครั้งใหญ่ใน San Bruno, แคลิฟอร์เนีย, ข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2010 เป็นลูกไฟสูงประมาณตึก 8-9 ชั้น เสียงดังตำรามได้ยินไปไกล เผาบ้านเรือนชานเมืองแถว San Francisco, ฆ่าไปสี่คน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังพยายามหาสาเหตุ ที่จะนำไปสู่ต้นเหตุของการระเบิดของท่อก๊าซที่ฝังอยู่ใต้ดินครั้งนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ สำหรับความปลอดภัยเกี่ยวกับท่อก๊าซที่มีอยู่ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา
Credit: AP (The Associated Press.) and Yahoo News

ออร์กะ · 13 กันยายน 2010

ตอนต่อจากตอบกระทู้ # 146

จากตอบกระทู้ #141 และ # 143 # #145 #146 จะเห็นได้ว่า พระเยซูไม่สามารถทำให้ภาคพันธสัญญาเก่าสมบูรณ์ได้ แม้แต่ข้อเดียว โดยเฉพาะที่สำคัญยิ่งคือ ไม่สามารถทำให้พยากรณ์การประสูติของเมสิอาร์ย์สมบูรณ์ และชื่อที่ใช้เรียกเมสิอาร์ย์ต้องเป็นชื่อพระเจ้า และ เอมมานูเอล (Immanuel) ยังไม่สามารถใช้ได้ สำหรับชื่อพระเยซูคือ Yeshua ซึ่งเป็นชื่อเรียกกันโดยทั่วไปในสมัยนั้น หรือ จีซัส นั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการพยากรณ์ในภาคพันธสัญญาเก่า

จากหลักฐานมากเพียงพอที่ทำให้พระเยซูไม่ใช่ "ไครสท์" พระองค์จริง โดยเฉพาะที่สำคัญยิ่ง เมสิอาร์ย์ หรือ ไครสท์ จะไม่สิ้นพระชนม์ก่อนที่จะพิพากษาคนชั่วบนโลกนี้ ตามตอบกระทู้ # 145 แต่เพราะพระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนสิ้นพระชนม์ไปเสียก่อน พระเยซูจึงไม่ใช่ เมสิอาร์ย์ หรือ ไครสท์

ดังนั้น เมสิอาร์ย์ หรือ ไครสท์ พระองค์จริงยังต้องปรากฏพระองค์ เพื่อสร้างสันติสุขที่แท้จริงตามที่ภาคพันธสัญญาเก่ากำหนดไว้ ซึ่งจากการศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้คือ ท้าวสักกะฯ ที่พระองค์ต้องการให้เราทุกคนโดยไม่เลือกจะเป็นใคร ได้พิสูจน์ความเป็นจริงตามกาลามสูตร ไม่ใช่ให้เชื่อพระองค์ว่าเป็นเมสิอาร์ย์ หรือ ไครสท์ หรือถ้าผู้คนไม่สนใจพิสูจน์ความจริงของท้าวสักกะฯ ที่ปรากฏแล้วในปัจจุบัน ทั้งภาคพันธสัญญาเก่าและภาคพันธสัญญาใหม่ ได้ชี้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดและจะเกิดขึ้น ที่เลวร้ายสุดๆ คือมหันตภัยล้างโลก เหมือนเช่นพุทธทำนายได้บ่งไว้ชัดเจนเช่นกัน ฉะนั้นมนุษย์จะไปโทษสวรรค์ร้ายกาจไม่ได้ เพราะเมื่อผู้คนไม่ต้องการสันติสุข ยกความเห็นแก่ตนเป็นที่ตั้ง ขาดคุณธรรม การลงโทษมนุษย์จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องนี้จะได้กล่าวตามหลักฐานต่อไป

ในเรื่องคำสอนของพระเยซู ไม่ได้เป็นไปในเรื่องของศีลธรรมและจริยธรรมอันดี เช่น สอนให้เกียจพ่อแม่ เป็นต้น หรือสอนว่า พระเยซูมาเพื่อการแตกแยก ซึ่งจะกล่าวว่าการกล่าวนั้นเป็นอุปมา ก็ไม่ควรใช่ เพราะการกล่าวสิ่งเหล่านี้ เป็นประโยคที่ชัดเจนได้ใจความอยู่แล้ว ที่น่าสนใจคือ อะไรที่พระเยซูกล่าวถึงคือ การแตกแยก เรื่องดังกล่าวได้เป็นจริงมาถึงทุกวันนี้ ทำไมเป็นไปเช่นนี้ ในตอนท้ายของบทความจะเป็นการสรุป ชี้ถึงเหตุและผลตามพยากรณ์ของภาคพันธสัญญาเก่า ถึงความน่าจะเป็นไปได้อย่างไร

เพื่อให้ความชัดเจนเด่นชัดขึ้น จะได้นำเรื่องพระเยซูในภาคพันธสัญญาใหม่ มาเสนอท่านต่อไป และอะไรเกิดขึ้น เราจะไปพิจารณาตอนท้ายของบทความนี้เช่นกัน

ขณะนี้ยังเป็นการ พิจารณาข้อ 2 เกี่ยวกับหลักฐานอ้างอิงเกี่ยวกับพระเยซูกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล และภาคพันธสัญญาเก่าควบคู่กันไป และจำเป็นที่ควรนำข้อมูลที่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ มาแสดงให้เพียงพอ เพราะเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อน และเพื่อความเป็นธรรมระหว่างท่านผู้สนใจ กับผู้ศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ทั้งภาคพันธสัญญาเก่าและภาคพันธสัญญาใหม่

สำหรับท่านที่ไม่มีเวลาอ่านบทความนี้ โปรดดูที่ภาคสรุป ของแต่ละตอน เรื่องนี้ควรมีความสำคัญยิ่งกับวิญญาณของทุกๆ ท่าน ถึงแม้ท่านจะไม่ใช่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ก็ตาม เพราะวิญญาณของแต่ละบุคคลจะต้องวนเวียนไปเกิดในภูมิต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภูมิที่ดีหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านเอง ซึ่งเป็นที่ทราบดีสำหรับทุกๆ ท่านอยู่แล้ว

เท่าที่ข้อมูลที่แสดงมาแล้ว บางท่านอาจเห็นว่าพระเยซูจะเป็นใครก็ตาม จะดีไม่ดี แต่ คนคริสเตียนจำนวนมากเขามีมนุษยธรรม ใจดีและใจกว้าง ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก พวกเขาทำอะไรไม่ถูกหรือ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรคาดการเอาเอง แต่ในตอนท้ายที่มีอยู่ในภาคพันธสัญญาใหม่ อาจให้เหตุผลพอที่อาจทำความเข้าใจได้ และอาจเป็นสิ่งที่ชาวพุทธไม่ควรประมาท เพราะเราทุกๆ คนอาจอยู่ในสภาพเดียวกัน ที่ควรหาทางทำความเข้าใจว่า เราทั้งหลายตายแล้ว ไปไม่ได้ดับสูญ แต่จะต้องถูกพิจารณาการกระทำที่ได้ทำไว้ เมื่อครั้งมีชีวิตเป็นมนุษย์ครับ และอย่าพึ่งพึงคิดว่า เรานั้นไม่ได้ทำอะไรไม่ดี สิ่งที่ท่านจะได้ทราบต่อไปคือ เราคาดการไม่ถึงว่าสิ่งที่เราไม่คาดคิดนั้น เป็นเรื่องที่จะทำให้ผู้ประมาทไม่มีโอกาสแก้ตนได้ เหมือนคริสต์เตียนที่พยายามทำดี แต่ก็ไม่ได้ดีดั่งที่คนหวัง คงไม่แตกต่างอะไรนักกับการทำบุญได้บาปครับ
ตอนนี้จะมาพิจารณาข้อมูลเรื่องของพระเยซูต่อไป เพื่อจะได้ตอบคำถามหลายช้อ ตามที่คุณ K.Kwan ที่ได้กรุณาหาช่องทางแนะคำถามที่ดีมาให้ตามตอบกระทู้ # 140

ข้อที่น่าสังเหตุ พระเยซูไม่เคยเอ่ยเรียกมารดาของตนเองว่า “แม่” แต่จะเรียกว่า “คนผู้หญิง” แทน

ภาคพันธสัญญาใหม่
John 2:1-5
[1] And the third day there was a marriage in Cana of Galilee; and the mother of Jesus was there:
[2] And both Jesus was called, and his disciples, to the marriage.
[3] And when they wanted wine, the mother of Jesus saith unto him, They have no wine.
[4] Jesus saith unto her, Woman, what have I to do with thee? mine hour is not yet come.
[5] His mother saith unto the servants, Whatsoever he saith unto you, do it.

[1] ในวันที่ 3 มีงานแต่งงานที่คานา ในแกลิิลี มีมารดาของพระเยซูอยู่ที่นั่น
[2] โดยที่ทั้งมารดา และพระเยซู และสาวกของพระ่เยซู ถูกเชิญไปงานแต่ง.
[3] และเมื่อผู้คนต้องกการเหล้าองุ่น มารดาของพระเยซูบอกกับพระเยซู เหล้าองุ่นหมดแล้ว
[4] พระเยซูตอบมารดาของตนว่า “คนผู้หญิง” ฉันมีคุณไว้ทำอะไรหรือ เวลาของฉันยังมาไม่ถึง
[5] มารดาของพระเยซูกล่าวกับคนรับใช้ พระเยซูกล่าวอย่างไรก็ทำไปตามนั้น

 ทำไมคำสอนของพระเยซุเอง ถึงไม่แสดงความมีจริยธรรมอันดี คงไม่มีผู้ใดทราบ ท่านใดจะคิดอย่างไรก็เป็นเรื่องนานาจิตตังของแต่ละท่าน ออร์กะมีหน้าที่หาข้อมูลมาตอบตามที่แนะเป็นคำถามมาครับ

สรุป เนื่องด้วยในปัจจุบัน วิทยาศาสตร์ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนมากขึ้น ไม่เหมือนสมัยก่อนๆ ที่ผู้คนยึดความเชื่อเป็นหลัก ทำให้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยในสมัยนี้ ได้หันหลังให้ศาสนา บุคคลเหล่านี้ เช่น ผู้ไม่ต้องการพระเจ้า (atheists หรือ without gods) ผู้ไม่เชื่อถือศาสนา (non-believers) พวกไม่มีศาสนา (nonreligious) ผู้คนเหล่านี้เขาถือว่าทำดีอยู่แล้ว ไม่เบียดเบียนใคร มีไม่มีศาสนาก็ไม่เห็นแตกต่างกัน บางคนเห็นว่าบางศาสนามีแค่ความเชื่อ ที่หาหลักการอะไรเป็นเหตุผลไม่ได้ บางคนที่ศึกษาคำภีร์ใบเบิล ภาคพันธสัญญาใหม่ ไม่เข้าโบสถ์คริสต์ เนื่องจากมีความสงสัยพระเยซู บ้างตั้งคำถามที่ใครจะหาได้โดยทั่วๆ ไปว่า พระเยซูเป็น ศาสดาจอมปลอม (False Prophet) เป็นคนโกหก ( Liar) เป็นผู้หลอกลวง ( Fraud) เป็นคนบ้า (Lunatic) โรคประสาท (insane) หรือเป็นพระเจ้า (Lord) ซึ่งท่านจะไม่เห็นว่าปัญหานี้เกิดขึ้นกับกับศาสดาของศาสนาอื่นๆ

เรื่องใบเบิล ภาคพันธสัญญาใหม่ เป็นเรื่องเข้าใจได้ยากมาก เพราะพระเยซูจะพูดสอนผู้คน จะใช้คำอุปมาอย่างเดียว แม้แต่ศิษย์ของพระเยซูเองยังไม่เข้าใจที่พระเยซูกล่าว

Matthew 13:34 All these things spake Jesus unto the multitude in parables; and without a parable spake he not unto them
(ทุกสิ่งเหล่านี้ที่พระเยซูตรัส เพื่อสอนผู้คนเป็นอุปมา ถ้าไม่พูดอุปมา พระเยซูก็จะไม่ตรัส ฉะนั้นการแปลอุปมาให้ดีให้เสียอย่างไร ขึ้นอยู่กับผู้สอนศาสนาคริสต์ว่าจะแปลกันไปอย่างไรก็ได้ ไม่มีกฎอะไรแน่นอน)

Matthew 13
[10] And the disciples came, and said unto him, Why speakest thou unto them in parables?
[11] He answered and said unto them, Because it is given unto you to know the mysteries of the kingdom of heaven, but to them it is not given.
[10] เมื่อสาวกมาและกล่าวแก่พระเยซู ทำไมพวกพระองค์ถึงกล่าวกับพวกเขาด้วยอุปมาล่ะ?
[11] พระเยซูกล่าวแก่พวกสาวก เพราะพวกคุณจะได้รับรู้ความลึกลับของอานาจักรของสวรรค์ แต่พวกผู้คนอื่นๆ จะไม่ได้รับรู้

Luke 8:9-10
[9] And his disciples asked him, saying, What might this parable be?
[10] And he said, Unto you it is given to know the mysteries of the kingdom of God: but to others in parables; that seeing they might not see, and hearing they might not understand.
[9] สาวกของพระเยซูถามพระเยซูเกี่ยวกับ อุปมาที่ได้กล่าวนั้น มันคืออะไร
[10]พระเยซูกล่าวว่า สำหรับพวกคุณ จะให้ทราบมันเกี่ยวกับความลึกลับของอานาจักรของสวรรค์ แต่สำหรับผู้คนทั่วไปเป็นอุปมา ที่เขาเหล่านั้นอาจดูแต่ดูไม่เห็น ฟังแล้วอาจไม่เข้าใจ

สรุป เรื่องอุปมา ถึงแม้ผู้คนอยากดูอยากรู้ พระเยซูไม่เคยที่จะทำให้ใครเข้าใจได้ แม้แต่สาวกที่อยู่ใกล้ชิดพระเยซูตลอด ยังไม่สามารถเข้าใจได้ ถึงแม้พระเยซูจะบอกให้ทราบแบบตรงไปตรงมา ดังเช่น ได้พูดเกี่ยวกับ ความลึกลับของอานาจักรของสวรรค์ แล้วใครที่ไหนจะเข้าใจได้ว่า ความลึกลับนั้นเป็นอย่างไร ดังนั้นจึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ศาสนาคริสต์มีนิกายต่างๆ มากมายเกิดขึ้น เพราะคงไม่มีใครเข้าใจจริงๆ ว่าพระเยซูสอนอะไร สำหรับนักวิชาการถึงสรุปว่า ภาคพันธสัญญาใหม่นั้น ไม่มีอะไรที่น่าเชื่อถือได้ (ตอบกระทู้ # 145 TIMES April 8, 1996) คำถามถ้าจะมีใครสักคนถามว่า แล้วพระเยซูเองทราบไหมว่าที่กล่าวไปนั้น จริงๆ แล้วคืออะไร ซึ่งตามการวิเคราห์ตามหลักฐาน พระเยซุเองก็ไม่น่าจะทราบอย่างเช่นความลึกลับของอานาจักรของสวรรค์

สิ่งสำคัญที่คริสเตียนหวัง คือการล้างบาปและได้ไปสวรรค์
พระเยซูชำระล้างบาปให้ใครๆ ได้จริงหรือ แต่มีหลักฐานว่าพระเยซูหลอกลวงในเรื่องการล้างบาปดังนี้

Matt. 9:6 and Mark 2:10 and Luke 5:24 “But that ye may know that the Son of man (means: Jesus) hath power on earth to forgive sins,”
แต่พวกท่านก็คงทราบว่า Son of man (ตามที่ชาวคริสต์ เข้าใจคือพระเยซู) สามารถชำระล้างบาปกรรมต่างๆ ให้ท่านได้

Rev 22:12 ในบทสุดท้ายของคำภีร์ใบเบิล ภาคพันธสัญญาใหม่
And, behold, I come quickly; and my reward is with me, to give every man according as his work shall be.
และดูฉัน (พระเยซู) มาอย่างรีบเร่งและรางวัลของฉันอยู่กับฉันนี่ จะให้กับคนตามการกระทำ (ใครทำกรรมใด ได้กรรมนั้น แบบพุทธศาสนา) ที่ผู้นั้นได้กระทำ (การพิจารณาพิพากษาของพระเจ้า จะกำหนดตามการกระทำของมนุษย์นั้น พระเจ้าเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์นี้ขึ้น และในบทสุดท้ายนี้เอง พระเยซูต้องปฏิบัติตามกฎของพระเจ้า คือไม่สามารถชำระล้างบาปให้ใครๆ ได้)

สรุป การที่พระเยซูสอนว่าพระองค์สามารถชำระล้างบาปให้ใครต่อใคร เพื่อให้เขาเหล่านั้นได้ไปสวรรค์ พอถึงตอนสุดท้าย พระเยซูกลับกล่าวตามที่พระเจ้ากำหนด คือ การไปสวรรค์ได้ ย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของแต่ละบุคคล แล้วการล้างบาปก็ไม่มีประโยชน์อันใด

การพิพากษาครั้งสุดท้าย
สิ่งที่มีโอกาสและควรเกิดขึ้น เพราะทุกพยากรณ์และศรัทธาโบราณ รวมถึงพุทธทำนายด้วย ต่างบ่งบอกไว้ตรงกัน เกี่ยวกับการพิพากษาครั้งสุดท้ายของมนุษยโลก ท่านใดคิดว่าเป็นเรื่องที่ควรสนใจหรือไม่ควรสนใจ ย่อมขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละท่าน

The Last Judgment, Final Judgment, Day of Judgment, Judgment Day, or Day of the Lord in Christian theology, is the final and eternal judgment by God of all nations.
คำพิพากษาครั้งสุดท้าย คำพิพากษาสูงสุด, วันพิพากษาโดยพระเจ้า, วันพิพากษา หรือ วันของพระเจ้าในคริสเตียนวิทยา เป็นคำพิพากษาถึงที่สุด และเป็นการพิพากษานิรันดร์จากพระเจ้าของประชาชาติบนโลกนี้

Revelation 20:12-15 (King James Version) การเปิดเผยสุดท้ายของพระคริสตธรรมคัมภีร์

[12] And I saw the dead, small and great, stand before God; and the books were opened: and another book was opened, which is the book of life: and the dead were judged out of those things which were written in the books, according to their works.
ฉัน (จอห์น) เห็นคนตายทั้งสามัญชนและผู้สูงส่ง ยืนต่อหน้าพระเจ้าและสมุดชีวิต (การกระทำเมื่อครั้งยังมีชีวิต) ถูกเปิด และสมุดอื่นๆ ถูกเปิดซึ่งเป็นสมุดบันทึกชีวิตของผู้ตาย นี่เป็นการพิพากษาครั้งสุดท้าย สำหรับผู้ตายและถูกตัดสินจากสิ่งที่ซึ่งถูกเขียนในสมุดตาม การกระทำ (กรรมดีกรรมชั่ว) ของพวกเขา
(เรื่องการพิพากษาของคริสต์ น่าจะคล้ายๆ กับของไทย คือ พญามัจจุราช เลขานุการอีก ๒ คนชื่อ สุวรรณเลขา มีหน้าที่จารึกความดีของมนุษย์แต่ละคนลงในแผ่นทอง และสุวาณเลขา มีหน้าที่จารึกความชั่วของมนุษย์ลงในแผ่นหนังหมา (สุวาณ แปลว่า หมา) เมื่อมนุษย์ผู้ใดผู้หนึ่งสิ้นชีพ วิญญาณจะลงนรกไปให้พญามัจจุราชตัดสินบวกลบคูณหาร ความดีความชั่วตามบัญชี แล้วจึงจะถูกส่งไปสวรรค์หรือนรก แล้วแต่ผลลัพธ์ที่ออกมา)

[13] And the sea gave up the dead which were in it; and death and hell delivered up the dead which were in them: and they were judged every man according to their works.
ผู้ถูกส่งลงทะเลนรก มีมากมายจนทะเลรับไว้ได้ไม่หมด ทั้งผู้ที่ตายไป และนรกถูกส่งให้ตายซึ่งไปรวมกัน และการพิพากษานั้น พวกเขาถูกตัดสินคนตามการกระทำ (กรรม) ของพวกเขาเอง
[14] And death and hell were cast into the lake of fire. This is the second death.
ผู้ตายและนรกถูกโยนลงในบึงไฟ นี่คือความตายครั้งที่สอง
[15] And whosoever was not found written in the book of life was cast into the lake of fire.
และผู้ใดไม่พบในสมุดบันทึกแห่งชีวิต (พวกทำกรรมชั่ว) ถูกโยนลงในบึงไฟ
ท่านอาจจะคิดว่าเรื่องที่มีอยู่ในการพยากรณ์ หรือตำนานโบราณ จะเป็นนิทานหลอกให้คนเชื่อ ถ้าท่านได้ศึกษาจะเห็นว่าอะไรไม่ใช่เป็นนิทาน เดี๋ยวท่านจะเห็นว่า เรื่องเกี่ยวกับการพิพากษาครั้งสุดท้ายไม่ใช่นิทาน แต่อาจจะเป็นเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น ออร์กะมีเหตุผลที่ควรจะกล่าวเช่นนี้ เพราะมีหลักฐานเห็นได้แล้ว ซึ่งจะได้นำมาเสนอท่านต่อไปในการตอบกระทู้นี้

สรุป ถึงแม้ว่าพุทธศาสนาจะต่างกับศาสนาคริสต์ อย่างหน้ามือหลังมือ แต่เรื่องราวการพิจารณาโทษของบุคคล ได้ถูกบันทึกไว้บนสมุดชีวิต ใครจะสนใจหรือไม่ ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่เมื่อตายไปแล้วเป็นเรื่องจริง ย่อมนับว่าท่านเสียโอกาสขณะที่ท่านยังมีชีวิตเป็นคนอยู่่

เรื่องเกี่ยวข้อง ถ้าท่านใดยังไม่ได้ดู คุณพัชรินทร์ บูรีจิตตินันท์ เล่าเรื่องยมทูตในรายการตีสิบ โปรดชมได้ครับ น่าสนใจพอที่จะทำให้ท่านคิดมากขึ้น

เชิญชม VDO ของ คุณพัชรินทร์ที่ตายแล้วฟื้น ในรายการตีสิบ ...

http://www.palungdham.com/t1443.html

เรื่องที่น่าสนใจที่ควรพิจารณา ทั้งภาคพันธสัญญาเก่า และภาคพันธสัญญาใหม่

โปรดติดตามตอนสุดท้ายครับ

ออร์กะ · 23 กันยายน 2010

เรื่องน้ำท่วมที่เกิดขึ้นติดต่อกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 (1992) เป็นสัญญาณบ่งบอกการมาปรากฏของพระจักรพรรดิ

Daniel was an Old Testament prophet who was among the Jews who were taken captive into Babylon about 2600 years ago. He rose to a high position in the Babylonian government. Daniel saw and described the great world empires that were to come. He also prophesied about a Messiah.
Daniel เป็นเป็นผู้มีญาณวิเศษ หนังสือของ Daniel อยู่ในพระคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเก่า เขาอยู่ในหมู่ยิว (Jews) ที่ถูกจับกุมในนครใหญ่ Babylon ประมาณ 2,600 ปีมาแล้ว ต่อมาเขาได้ดำรงค์ตำแหน่งสูงในรัฐบาล Daniel ได้เห็นและอธิบายอาณาจักรโลกใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การพยากรณ์ของเขาเกี่ยวกับเมสิอาร์ย์ (Messiah) ที่จะปรากฏในปัจจุบัน (ตามคำทำนาย)

Daniel 7:13 I saw in the night visions, and, behold, one like the Son of man came with the clouds of heaven, and came to the Ancient of days, and they brought him near before him.
ฉันฝันเห็นคล้ายกับพระจักรพรรดิ มากับเมฆฝนที่ผิดปกติธรรมชาติ และเป็นไปตามเหตุการณ์เช่นเมื่อโบราณกาล สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้นำพระองค์มาก่อนที่พระองค์จะปรากฏตน

เรื่องเกี่ยวข้องกับการมาปรากฏของพระจักรพรรดิ ตามพระคำภีร์ใบเบิล ภาคพันธสัญญาใหม่ นอกเหนือจากที่ตำนานของศาสนาอื่นๆ ที่แสดงอยู่ในตอบกระทู้ # 139 สามารถยกเป็นตัวอย่าง คือ

 Matt 24:39
And knew not until the flood came, and took them all away; so shall also the coming of the Son of man be.
พวกเขาทั้งหลายจะไม่ทราบเลย จนกระทั้งน้ำท่วมที่พาพวกเขาไปจากที่นั่น นั่นเป็นสัญญาณแห่งการมาปรากฏของพระจักรพรรดิ

ตัวอย่างน้ำท่วมใหญ่ ที่เป็นไปแบบผิดปกติ

 น้ำท่วมใหญ่ปากีสถาน พ.ศ. 2553 (2010) ในช่วงตั้งแต่ 22 กรกฎาคม 2010 เนื่องมาจากมรสุม ฝนตกหนักใน Khyber Pakhtunkhwa, Sindh, Punjab Balochistan และพื้นที่อื่นๆ ของปากีสถาน ประมาณการถึงปัจจุบันพบว่ากว่า 2,000 คน ตายและกว่ามีบ้านล้านกว่าหลังถูกทำลาย ตั้งแต่น้ำท่วมเริ่มต้นมา จนถึงเดือนกันยายน 2553 สหประชาชาติประมาณการว่ากว่า 21 ล้านคน ได้รับบาดเจ็บหรือไม่มีที่อยู่อาศัย จากผลของน้ำท่วมนี้

เลขาธิการ สหประชาชาติ ฺBan Ki - moon ได้ของบประมาณเริ่มต้น $ 460,000,000 สำหรับกรณีฉุกเฉินเนื่องจากน้ำท่วม 2553 ที่ปากีสถาน ซึ่งเป็นภัยธรรมชาติที่เลวร้ายที่สุดที่เขาเคยเห็นมา ถึง 15 สิงหาคม 2010 เงินบรรเทาทุกข์จำนวน 50% ที่ขอมาได้รับแล้ว ในขณะที่องค์การอนามัยโลกรายงานว่า สิบล้านคนต้องดื่มน้ำที่ไม่ปลอดภัย .เศรษฐกิจปากีสถานได้รับอันตรายจากความเสียหายที่ครอบคลุมเพื่อโครงสร้างพื้นฐานและพืชพรรณ โดยโครงสร้างของประเทศได้รับความเสียหายประมาณกว่า 4 พันล้าน USD  เจ้าหน้าที่ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งหมด จะเท่า 43,000,000,000 USD

Credit: Thomson Reuters Foundation - AlertNet, Yahoo News

แสดงบริเวณน้ำท่วมในเขตแม่น้ำอินดัด 1,000 กม.

เข้าแถวรอรับอาหาร

แมลงวันใต่ตอมเด็กๆ

แม่และลูกช่วยกันเป่าไฟให้ติด เพื่อหุงหาอาหาร

แคมป์ผู้อพยพน้ำท่วม

ซ่อมแซมบ้านที่น้ำพัดทำลาย

ออร์กะ · 30 กันยายน 2010

ตอนสุดท้าย ต่อจากตอบกระทู้ #149

สิ่งที่ออร์กะและเพื่่่อนๆ ได้รวบรวมเก็บข้อมูลที่มีหลักฐาน และวิเคราะห์แล้วถึงความเป็นไปได้ มีเหตุผล มีที่มาที่ไป จึงนำมาลงในบทความนี้ ข้อมูลอาจจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้สนใจ โดยออร์กะไม่ได้มุ่งหมายให้ร้ายศาสนาอื่น สำหรับเรื่องเกี่ยวกับพระเยซูนี้ ได้มีคำถามมานานแล้ว และเรื่องราวได้ถูกเปิดเผย เช่น การประชุมทางวิชาการเกี่ยวกับข้อสงสัยในตัวและการสอนของพระเยซู ได้ตีพิมพ์เรื่องพระเยซูลงในนิตยสารที่มีชื่อระดับโลก คือ TIMES และ NEWSWEEK จำหน่ายไปทั่วโลกตามกระทู้ #145 แต่เรื่องต่างๆ ที่กล่าวกันได้ยกประเด็นเป็นเรื่องๆ ไป และยังมีผู้เขียนลงบนอินเทอร์เนต แต่ไม่ได้พูดลึกซึ้งถึงเหตุที่มาและผลเช่นกัน ขอตัวอย่างพระเยซูเป็นเกย์

http://www.religioustolerance.org/chr_jegay.htm

It is also silent on whether Jesus was celibate or sexually active; single or married, childless or with children. 2 In spite of the Bible's silence, some theologians have asserted that Jesus was asexual or had, and presumably still has, a specific sexual orientation.
มันช่างเป็นการปกปิดที่ว่าพระเยซูเป็นผู้ไม่สนใจทางเพศหรือผู้สนใจทางเพศ; เป็นโสด หรือ แต่งงาน ไม่มีบุตรหรือมีบุตร แม้ไม่เป็นการยกขึ้นมาชัดเจนในพระคำภีร์ใบเบิล ภาคพันธสัญญาใหม่ แต่ นักวิชาการทาง ศาสนาคริสต์บางคนอ้างว่าพระเยซูเป็นกระเทย หรือมีและน่าจะยังเป็นผู้มีรสนิยมทาง เพศโดยเฉพาะ

การกล่าวหรือการเขียนบทความไม่สามารถทำให้เกิดความเข้าใจในเบื้องลึกของพระเยซูได้ เพราะยังไม่มีผู้ใดได้ขุดรากถอนโคนพระเยซูได้อย่างแท้จริง จนกระทั้ง metteya.org ออก วิดิโอของ youtube ได้แสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระเยซูว่า แท้จริงพระเยซูไม่ใช่ลูกพระเจ้าตามที่คริสเตียนได้เชื่อถือกันมา 2000 กว่าปี แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญเท่ากับพระเยซูล้างบาปให้ใครต่อใครไม่ได้ เรื่องที่แสดงมีหลักฐานยืนยันมิได้กล่าวขึ้นมาลอยๆ และขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดสามารถแก้ต่าง วิดิโอ Youtube ที่แสดงข้อเท็จจริงนี้ได้ว่า สิ่งที่แสดงนั้นไม่จริงอย่างไร http://www.youtube.com/watch?v=I2tlyQV7IhI

เป็นที่น่าสนใจยิ่ง ที่นักบุญพอลเขียนไว้ใน
1 Corinthians :1517 And if Christ be not raised, your faith is vain; ye are yet in your sins.
และถ้าพระเยซูไม่ได้ฟื้นคืนชีพ สิ่งที่ท่านได้เชื่อถือมาก็เป็นสิ่งว่างเปล่า ท่านเองก็ยังจมอยู่ในบาปของท่านเอง

เรื่องที่พระเยซูสอนหลอกลวง จะเกี่ยวข้องกับวันพิพากษาครั้งสุดท้ายไม่เฉพาะเป็นที่สิ้นสุดของคริสต์เตียนที่มีความยึดมั่นถือมั่นในพระเยซู แต่จะเป็นวันสิ้นสุดของมนุษย์บนโลกส่วนมากอีกด้วย คนทั้งหลายที่มีความเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อตามกันมาเพื่อประโยชน์ของตนในทางที่ผิด หรือกล่าวสรุปว่าไม่ใช้หลักกาลามสูตร ย่อมถูกพิพากษาไปด้วย และบั้นปลายของการตัดสินลงเอยที่ขุมนรกทะเลของเปลวเพลิง

วันพิพากษาโลกครั้งสุดท้าย

กล่าวถึงเรื่องของความรู้สึก ความเข้าใจของคนทั่วไป ถ้าบุคคลใดได้รับทราบเรื่องวันพิพากษาโลกครั้งสุดท้าย อาจจะไม่เชื่อ หรืออาจจะมีความสงสัยว่า วันพิพากษาโลกจะมีจริงหรือ บางท่านคิดว่าตนเองได้ทำดีปฏิบัติชอบแล้ว คงจะปลอดภัย บ้างสงสัยว่าวันพิพากษาโลกจะเป็นอย่างไร จะถูกตัดสินกันอย่างไร และบางท่านอาจคิดว่า ทำไมสวรรค์ถึงมาลงโทษมนุษย์ในวันพิพากษาโลกครั้งสุดท้ายด้วย บ้างอาจคิดว่าสวรรค์และพระเจ้าจะไม่ทำร้ายมนุษย์ ความคิดแต่ละท่านอาจมีหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่มองไปที่ความเห็นแก่ประโยชน์ของตน โดยไม่เห็นว่าตัวเราเองทำอะไรผิดบ้าง ซึ่งผู้ได้ศึกษาเรื่องของพระเจ้าหรือท้าวสักกะจริงๆ พระเจ้าเป็นผู้กำจัดและทำลายมาร มีใครคิดบ้างว่า สิ่งที่บ่งไว้คือ มนุษย์นี่เองที่เป็นมารเสียส่วนมาก

ตามหลักฐานแล้วท้าวสักกะมาบนโลกหลายครั้ง แม้พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าได้สนทนาและตอบปัญหาท้าวสักกะจริง ผู้สนใจศึกษาได้ที่ “สักกปัญหสูตร” ใน พระสุตตันตปิฎก เล่ม 2 ทีฆนิกาย มหาวรรค สักกปัญหสูตร และท้าวสักกะยังได้ให้ทูตสวรรค์มาบอกเล่าคำพยากรณ์ในอนาคต แม้นอสตราดามุสเป็นท่านหนึ่งของทูตสวรรค์ด้วย นอกจากนี้ยังมีทูตสวรรค์ที่มาจารึกข้อความไว้บน Georgia Guidestones ว่า มนุษย์ส่วนมากเป็นเชื้อโรคร้ายดั่งโรคมะเร็งเสียส่วนใหญ่ เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่มีแต่จะหาผลประโยชน์ให้ตนเองเท่าที่จะทำได้ และทำลายทุกสิ่งบนโลก มากกว่าที่จะสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมและสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย

สำหรับการพิพากษาโลกตามพุทธทำนาย คาดว่าจะเป็นช่วงปี พ.ศ. 2556 ~ 2563 สำหรับปีของมายันจะเริ่มที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ซึ่งใกล้เคียงปี 2556 ของพระพุทธเจ้ามาก สำหรับคริสต์เตียนให้ดูภัยพิบัติน้ำท่วมที่พัดพาผู้คนไปอย่างไม่ทันรู้ตนเป็นข้อสังเกต

ท่านที่คิดได้ว่าถ้าการพิพากษาโลกอาจเป็นเรื่องจริง แต่จะมีใครคิดต่อไปอีกนิดว่าทำไมถึงมีวันพิพากษาโลก หรือคนเรามีความเห็นแก่ตนเป็นที่ตั้งแบบที่ท่านพุทธทาสกล่าว “ตัวกู ของกู” มากกว่าที่จะคิดออกไปนอกตนเพื่อประโยชน์ผู้อื่น แต่สิ่งที่จะนำมากล่าวต่อไปนี้ ท่านจะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ตามตำนานเข้ามาใกล้ตนทุกขณะ ถ้าตำนานเดียว สองตำนานกล่าวไว้ก็คงไม่น่าจะต้องกลัว ไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก แต่นี่ทุกตำนานบ่งว่าไว้เป็นเรื่องเดียวกัน เหมือนเราเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเหมือนกัน ฉะนั้นพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกจึงเป็นเรื่องที่ควรยอมรับได้ สำหรับในเรื่องพิพากษามนุษยโลกก็น่าเป็นจริงได้ ท่านเองจะสนใจหรือไม่ ก็เป็นเรื่องนานาจิตตังของแต่ละท่าน

ท่านจะได้เห็นต่อไปว่าพระเยซูไม่ใช่เป็นลูกพระเจ้า แต่คริสต์เตียนก็อุปโลกน์พระเยซูให้เป็นลูกพระเจ้า พระเยซูไม่ใช่ไครสท์ คริสต์เตียนก็อุปโลกน์ให้เป็นไครสท์ (Christ) หรือ เมสิอาร์ย์ (Messiah) ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ความเห็นแก่ตนหรอกหรือครับ อย่างน้อยๆ ความชัดเจนอยู่ที่ พระเยซูโกหกว่าสามารถล้างบาปให้ผู้ที่ยอมรับพระเยซู แล้วท่านผู้เชื่อถือยอมรับพระเยซู เมื่อตายไปจะได้ไปอยู่บนสรวงสวรรค์กับพระเยซู แต่เพราะการที่คนเราเห็นแก่ตนจนเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เชื่อมั่นในสิ่งที่ตนได้เชื่อถือ จนทำให้ความเห็นแก่ตนมาปกปิดความเป็นจริงไว้ และสั่งสอนกันต่อๆ มาจนของเสียไม่เห็น เห็นแต่ของดี
เมื่อพูดถึงพระเจ้า ถ้าท่านได้ศึกษาปรัชญาทางการเปรียบเทียบศาสนาต่างๆ (comparative study of religion) ท่านน่าจะเข้าใจสิ่งที่ Isaiah กล่าวไว้เมื่อ 2700 ปี ว่า

Isaiah 45: 7 I form the light, and create darkness: I make peace, and create evil: I the LORD do all these things.

ฉัน (พระเจ้า) สร้างแสงสว่าง สร้างความมือมิด ฉันทำให้เกิดความสันติสุข และฉันสร้างความชั่วร้าย ฉันคือพระเจ้าสร้างทุกสิ่งอย่างนี้แหละ

ข้อสังเกต มีผู้มีญาณวิเศษหรือทูตสวรรค์หลายท่าน ได้บอกว่าที่ท่านผู้มีญาณวิเศษเหล่านั้น สามาระทราบได้ รู้ได้ว่าเหตุการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร บุคคลท่านเหล่านี้บ่งว่า พระเจ้าเป็นผู้บอกกาลในอนาคตให้ บุคคลดังกล่าวเช่น จอห์น นอสตราดามุส เป็นต้น และพระเยซูเช่นกันที่ได้รับบัญชาจากพระเจ้าให้กล่าวในเรื่องพระจักรพรรดิที่จะมาในภายภาคหน้า ถึงแม้พระเยซูจะกล่าวไว้อย่างไม่ชัดเจน และน่าจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจไขว้เขวหรือสับสนได้ แต่เมื่อวิเคราะห์โดยการเปรียบเทียบข้อมูลกับศาสนาอื่นๆ สามารถเข้าใจ ได้ดังนี้

John 16:7-11

[7] Nevertheless I tell you the truth; It is expedient for you that I go away: for if I go not away, the Comforter will not come unto you; but if I depart, I will send him unto you.

[8] And when he is come, he will reprove the world of sin, and of righteousness, and of judgment:

[9] Of sin, because they believe not on me;

[10] Of righteousness, because I go to my Father, and ye see me no more;

[11] Of judgment, because the prince of this world is judged.

[7] แต่ฉัน (พระเยซู) บอกความจริงให้ มันเป็นการสมควรสำหรับพวกท่าน ที่ฉันต้องจากไป ถ้าฉันไปไม่จากไป, ผู้ที่มาช่วยให้ความอบอุ่นแก่ท่าน (พระจักรพรรดิ) จะไม่มาหาคุณ แต่ถ้าฉันจากไป ฉันจะส่งเขามาหาคุณ

[8] และเมื่อเขามา เขาจะติเตียนโลกบาป และความชอบธรรม และทำการพิพากษา

[9] เรื่องบาปเพราะผู้คนไม่ศรัทธาในตัวฉัน;

[10] เรื่องความชอบธรรม เพราะฉันไปหาพ่อและพวกท่านจะเห็นฉันอีกต่อไป

[11] เรื่องของการพิพากษา เพราะเจ้าชายของโลกนี้ (พระเยซู) จะถูกพิพากษา

เพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงในการพยากรณ์ นั้นๆ พระเจ้าจะเป็นผู้บอก โปรดพิจารณา ข้อมูลในภาคพันธสัญญาใหม่ดังนี้

Revelation 19:20

การเปิดเผย
[20] And the beast was taken, and with him the false prophet that wrought miracles before him, with which he deceived them that had received the mark of the beast, and them that worshipped his image. These both were cast alive into a lake of fire burning with brimstone.
[20] และสัตว์นรก (มาร) ถูกนำมาและร่วมกับผู้ปลอมแปลงเป็นทูตสวรรค์ หรือผู้แทนพระเจ้า หรือผู้แอบอ้างเป็นผู้วิเศษ พวกที่แสดงการอัศจรรย์ แสดงว่ามีฤิทธิ์ก่อนเขาผู้ที่เป็นพระจักรพรรดิพระองค์จริง กับที่เขานั้นได้หลอกลวงพวกผู้เป็นสาวก หรือผู้สนับสนุนการกระทำที่ผิด ซึ่งจะมีเครื่องหมายของสัตว์นรกแสดง และพวกสาวกหรือผู้สนับสนุนบูชาผู้วิเศษที่ปลอมแปลง ทั้งผู้หลอกลวงและผู้เป็นสาวก ผู้ติดตามเหล่านี้ทั้งหมดถูกโยนลงไปในบึงไฟนรกที่ผุดมาจากใจกลางโลก

Revelation 20:12-15

[12] And I saw the dead, small and great, stand before God; and the books were opened: and another book was opened, which is the book of life: and the dead were judged out of those things which were written in the books, according to their works.
[13] And the sea gave up the dead which were in it; and death and hell delivered up the dead which were in them: and they were judged every man according to their works.
[14] And death and hell were cast into the lake of fire. This is the second death.
[15] And whosoever was not found written in the book of life was cast into the lake of fire.
[12] และที่ผมเห็นผู้ที่ตายไปไม่ว่าจะเป็นผู้สูงศักดิ์หรือต่ำต้อยยืนรอพระเจ้าหรือท้าวสักกะ และหนังสือชีวิตถูกเปิด: และหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าถูกเปิดซึ่งเป็นหนังสือแห่งชีวิต (หนังสือของพญามัจจุราช): และคนตายถูกตัดสินจากสิ่งที่จะถูกเขียนใน ตามการกระทำของพวกเขาที่ได้กระทำมา (โปรดสังเกตว่า ถึงแม้จะต่างศาสนา การสอนต่างๆ กัน แต่เมื่อผู้คนตายไปจะถูกตัดสินโทษเหมือนกัน ฉะนั้นผู้ที่มีความประมาท ควรได้ศึกษาข้อมูลเหล่านี้ไว้บ้าง) ดูตอบกระทู้ # เรื่องพญามัจจุราช ของไทยประกอบ

[13] และทะเลนรกเต็มไปด้วยผู้ถูกส่งลงนรกมากมายจนหาที่ว่างไม่มี ซึ่งปะปนอยู่ในทะเลนรก ซึ่งผู้ถูกส่งลงนรกถูกตัดสินตามผลกรรมของพวกเขา

[14] และผู้กระทำบากและรวมทั้งนรกถูกโยนลงในบึงไฟนรกแห่งนี้ นี่คือตายครั้งที่สอง

[15] และผู้ใดไม่พบว่ามีชื่อในหนังสือของชีวิตถูกโยนลงไปในบึงไฟนรกนี้ด้วย

Revelation 21:4-5

[3] And I heard a great voice out of heaven saying, Behold, the tabernacle of God is with men, and he will dwell with them, and they shall be his people, and God himself shall be with them, and be their God.

[4] And God shall wipe away all tears from their eyes; and there shall be no more death, neither sorrow, nor crying, neither shall there be any more pain: for the former things are passed away.

[5] And he that sat upon the throne said, Behold, I make all things new. And he said unto me, Write: for these words are true and faithful.

[3] และฉันได้ยินเสียงที่กึกก้องออกมาจากสวรรค์ว่า "ดูเถิดพลับพลาของพระเจ้าอยู่กับเมืองมนุษย์ ผู้กระทำแต่กรรมดี และพระเจ้าจะอยู่กับพวกมนุษย์เหล่านี้ และพวกเขาทั้งหลายจะเป็นคนของพระเจ้า และพระเจ้าเองจะอยู่กับมนุษย์ และจะเป็นพระเจ้าของเหล่ามนุษย์

[4] พระเจ้าจะเช็ดน้ำตาจากดวงตาของพวกเขาทั้งหลายเอง และต่อไปจะไม่มีการตายเช่นนี้ ไม่มีเสียใจและไม่ร้องไห้ ไม่ให้มีความเจ็บปวดใด ๆ เกิดขึ้นอีก สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ได้จากไปแล้วนั้นเป็นเรื่องของอดีต

[5] พระองค์ผู้ทรงราชบัลลังก์ กล่าวว่าพระองค์ทรงสร้างสิ่งใหม่ทั้งหมดให้เกิดขึ้น และพระองค์ทรงกล่าวแก่ฉัน (จอห์น) “เขียน” คำเหล่านี้เป็นจริงและเป็นคำสัตย์

เมื่อเปรียบเทียบกับพุทธทำนาย ที่ท้าวสักกะฯ คือพระจักรพรรดิ ตรงกับทางศาสนาคริสต์ คือพระเจ้า หรือ ไครส์ พระองค์จริง ของศาสนาคริสต์ที่จะเสด็จมาเช็ดน้ำตาให้กับมนุษย์ที่ไม่ตายจากการพิพากษาครั้งสุดท้ายบนโลก และอยู่กับมนุษย์เพื่อสันติุสุขที่แท้จริง

ซึ่งเกี่ยวข้องกับส่วนหมายเหตุ ท้ายพุทธทำนาย ดังนี้

“ดูกรอานนท์ ตถาคตสงสารสัตว์โลกเป็นล้นพ้นที่มีอายุขัยอยู่ได้ใกล้ยุคกึ่งยุคลลาย ล่วงได้ ๒๕๐๘ (ปีมะเส็ง) (พ.ศ. 2556) ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล ล่วงได้ ๒๕๑๒ (ปีระกา) (พ.ศ. 2560) เมืองมนุษย์จะมืด ๗ วัน ๗ คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ เมืองมนุษย์จะมืด ๗ วัน ๗ คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ บุคคลเจริญด้วยเมตตา กรุณา ไม่เบียดเบียนข่มเหงอิจฉาพยาบาท และไม่ประทุษร้ายซึ่งกันและกัน ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม และยึดถือคาถาของตถาคตจะพ้นภัยพิบัติ (สำหรับพวกอธรรม คือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก)

หมายเหตุ ใน”อิจฉา” ข้อนี้ นี่เป็นเรื่องที่ผู้ต่อต้านท้าวสักกะฯ (พระจักรพรรดิ หรือพระศรีอารย์) กลัวว่าจะมาปิดรัศมีพระพุทธศาสนา โปรดคิดกันใหม่ให้ดี พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วว่า “มหากษัตริย์ธรรมิกราชผู้เป็นพระโพธิสัตว์ องค์หนึ่ง (พระจักรพรรดิ) จะเกิดภายในความอุปภัมถ์ของพระมหาเถระโพธิสัตว์ (รัชการที่ 9) ทั้งสององค์นั้น จะจัดการบำรุงศาสนาของตถาคต (พระพุทธเจ้าตรัสไว้เกี่ยวกับความเสือมในการสอนพระพุทธศาสนา ตามข้อ 1, 2 และข้อเท็จจริง ข้อ 3) ในระยะนี้เป็นยุคศิวิไล

ขอทบทวนเกี่ยวกับพุทธทำนาย และข้อเท็จจริงในรัชการที่ 1 เพื่อการสนับสนุนข้อมูลที่มีความคล้ายกันของคำภีร์ใบเบิล ภาคพันธสัญญาใหม่

1. ในเรื่องพระนางมหาปชาบดีโคตรมี สรุปว่า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ … ก็เพราะสตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว บัดนี้ พรหมจรรย์จักไม่ตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมจักตั้งอยู่ได้เพียง ๕๐๐ ปีเท่านั้น

2. จากอนาคตวงศ์ พระพุทธเจ้าตรัสว่าการสอนพระพุทธศาสนาเสื่อมด้วยเหตุ 5 ประการ

3. ในรัชกาลที่ ๑ (จากหนังสือพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา) ".... พระไตรปิฎกธรรมทุกวันนี้ ยังถูกต้องบริบูรณ์อยู่หรือพิรุธผิดเพี้ยนประการใด จึ่งสมเด็จพระสังฆราช และพระราชาคณะทั้งปวง พร้อมกันถวายพระพรว่า พระบาลี และ อรรถกถาฎีกาพระไตรปิฎกทุกวันนี้มีพิรุธมากมาช้านานแล้ว ...." (อ้างอิง: พระไตรปิฏก และ พระไตรปิฏกฉบับประชาชน โดยคุณสุชีพ ปุญญานุภาพ)

ฉะนั้น มาระยะนี้ ท่านผู้มีคุณธรรมปัญญา อาจเริ่มเห็นแล้วว่า พระเยซูไม่ใช่ ไครส์ พระองค์จริง ผู้ที่เป็น ไครส์ พระองค์จริง คือท้าวสักกะฯ หรือพระจักรพรรดิ หรือ พระศรีอารย์ ซึ่งพระพุทะเจ้าทรงตรัสไว้ดีแล้วใน [FONT=&quot]จักรพรรดิสิงหนาท สุตตันตะ [/FONT]
เมื่อศาสนาของตถาคตล่วงมาได้ ๒๕๑๒ (ปีจอ) (พ.ศ. 2560) พระจันทร์จะเริ่มเปล่งแสงฉายโลก ครั้นล่วงได้ ๒๕๑๕ (ปีชวด) (พ.ศ. 2563) นับพ้นระยะปี ๓๐ ปี พวกอธรรม คือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก อธรรมแพ้ในที่สุด ครุฑจะบินกลับถิ่นสถาพร คนที่จรจะกลับเข้ากรุงบำรุงธรรม ธรรมจะชนะ พระจะอยู่บ้านเมืองต่อไป การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์ซึ่งไม่ต้องเบียดเบียนแรงผู้ใด ทุกคนจะสมบูรณ์ด้วยศีลธรรมและชีวิตผาสุก … ดูกรอานนท์ ตถาคตสงสารสัตว์ เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที คำทำนายของตถาคตนี้ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ใน ความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วเชื่อ หรือไม่เชื่อ ไม่บอกเล่าให้ผู้ใดรู้กันต่อ ๆ ไป นับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ต่างสิ้นสุดกันตามกาลเวลา”

เรื่องนี้ออร์กะไม่จำเป็นต้องการให้ใครเชื่อ แต่เท่าที่ศึกษาข้อมูลจากหลายๆ ศาสนาและคำพยากรณ์โบราณ และพุทธทำนาย ซึ่งเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคทรงเป็นห่วง ผู้มีปัญญาแห่งคุณธรรมย่อมเห็นกุศลธรรมในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้

บางท่านที่ได้อ่านตำถาม ตอบกระทู้ # 140 และตอบกระทู้ #145 #146 โดยอาจเห็นว่า คัมภีร์ศาสนาคริสต์ที่กล่าวไว้ว่า เกี่ยวกับพระเยซู หรือ จีซัสไครสท์ = Jesus Christ จะกลับมาเป็นครั้งที่ 2 นั้น จะเป็นไปได้อย่างไร เมื่อพระเยซูไม่ใช่ไครสท์องค์จริง ฉะนั้นจีซัสไครสท์ จะกลับมาเป็นครั้งที่ 2 จึงไม่มี ตามที่นักบุญพอลเคยให้ข้อสังเกตไว้หลายครั้ง เช่น ถ้าพระเยซูไม่ได้ฟื้นคืนชีพ สิ่งที่ท่านได้เชื่อถือมาก็เป็นสิ่งว่างเปล่า ท่านเองก็ยังจมอยู่ในบาปของท่านเอง

1 Corinthians 4:5

[5] Therefore judge nothing before the time, until the Lord come, who both will bring to light the hidden things of darkness, and will make manifest the counsels of the hearts: and then shall every man have praise of God.

[5] ไม่มีอะไรที่ตัดสินดังนั้น ก่อนเวลาที่จะถึงพระเจ้าทั้งสองพระองค์จะนำมาให้แสงแห่งชีวิต ที่ซ่อนปกปิดอยู่ในความมืดและจะให้คำแนะนำที่แจงชัดแจ้งของจิตใจได้ทราบ ("พระเจ้าทั้งสองพระองค์" ตรงกับคำทำนายของนอสตราดามุส): จากนั้นให้ทุกคนมีความเข้าใจและจะสรรเสริญพระเจ้า หรือท้าวสักกะอย่างแท้จริง

2 Corinthians 11:13-14

[13] For such are false apostles, deceitful workers, transforming themselves into the apostles of Christ.

[14] And no marvel; for Satan himself is transformed into an angel of light.

[13] สำหรับอัครสาวกดังกล่าวสอนคำเท็จหลอกลวงคนทั้งหลาย, แปลงสภาพให้กลายเป็นอัครสาวกของไครสท์ หรือพระคริสต์

[14] และไม่น่าประหลาดใจ; สำหรับซาตานเองสามารถเปลี่ยนเป็นทูตสวรรค์ของแสงสว่างแห่งชีวิตได้

สรุป การพิพากษาครั้งสุดท้ายบนโลก เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะศาสนาที่มีความเชื่อในพระเจ้า และที่ไม่เชื่อในพระเจ้า เช่นพุทธศาสนา ต่างก็กล่าวในทำนองเดียวกันเกี่ยวกับ มนุษยโลกมีเวลาเพียงสองปีกว่าที่คาดว่าการพิพากษาครั้งสุดท้ายจะมาถึง ผู้คนจำนวนมากจะถูกทำลายโดยไฟจากฟ้า แผ่นดินไหว น้ำท่วม ฉะนั้นท่านจะอยู่ในแห่งหนใดไม่สามารถหนีการพิพากษาไปได้ ยกเว้นท่านจะเป็นผู้มีบุญที่แท้จริง

สำหรับพระเยซูที่แอบอ้างเป็นพระบุตรพระเจ้า เรื่องที่เป็นจริงแล้ว พระเยซูไม่ใช่พระบุตรของพระเจ้า และที่สำคัญยิ่ง พระเยซูไม่สามารถล้างบาปให้ใครต่อใครได้ ผู้ที่มีความเชื่อโดยไร้เหตุผลที่เป็นจริง แต่ได้เชื่อถือกันมาเพราะความเห็นแก่ตนเป็นที่ตั้ง ซึ่งรวมถึงผู้ต่อต้านท้าวสักกะ หรือพระจักรพรรดิ หรือพระศรีอารย์ จะถูกพิพากษา ซึ่งไม่เฉพาะคริสต์เตียน ผู้คนบนโลกมากมายจะถูกพิพากษาให้ตกไปสู่ทะเลไฟ

[Ligth] · 30 กันยายน 2010

ติดตามกระทู้นี้มานานพอสมควรครับ ไม่ได้สมัครสมาชิก

หลายๆเรื่อง ได้ความรู้มาก น่าสนใจมาก

เพิ่งจะสมัครสมาชิกเพื่อขอแสดงความคิดเห็นนิดหน่อยครับ

ขออนุญาต นำลิงค์ข้อมูลจากเว็บอื่นมากลงนิดนึงนะครับ

งานวิจัยเกี่ยวกับ 2012 ของ Pane Andov | Truth4Thai.org

อยากให้ จขกท. และทุกท่านลองอ่าน และพิจารณา อันนี้ดูบ้างครับ

เรื่องเกี่ยวปี 2012 ที่กำลังจะถึงนี้แหละครับ

อันนี้เป็นแนวๆวิทยาศาสตร์ เป็นภาษาอังกฤษ แต่ในเว็บนั้นมีคนแปลฉบับภาษาไทยไว้บ้างแล้ว แต่ยังแปลไม่หมด

แล้วแต่ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลายจะพิจารณาครับ

ขอบคุณครับ

ออร์กะ · 7 ตุลาคม 2010

ส่วนหนึ่งจาก จาก เวียดนามสลด อุทกภัยใหญ่คนตายทะลุครึ่งร้อย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 ตุลาคม 2553 16:59 น.


Photos Courtesy of Vietnam Express

ASTVผู้จัดการออนไลน์-- อุทกภัยครั้งใหญ่ ที่ครอบคลุมหลายจังหวัดภาคกลางในสัปดาห์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น เป็นอย่างน้อย 49 ราย อีกเกือบ 20 คนยังสูญหายอีกจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้เป็นตัวเลขที่นับได้ล่าสุดจนถึงเช้าวันพฤหัสบดี (7 ต.ค.) นี้ ที่สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างจากหน่วยกู้ภัยที่เวียดนาม

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre) ฝนที่ตกหนักตั้งแต่วันศุกร์ ทำให้น้ำในลำน้ำต่างๆ เอ่อขึ้นท่วมวมบ้านเรือนราษฎรนับหมื่นๆ หลังคาใน 5 จังหวัด ตั้งแต่เหงะอาน (Nge An) ในภาคกลางตอนบน จนถึงเถือะเทียนเหว (Thua Thien Hue)

กว๋างบี่ง (Quang Binh) เป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด ที่นั่นมีรายงานยืนยันผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 33 ราย กับอีก 13 คนยังสูญหาย อีก 16 รายเสียชีวิตใน จ.ห่าตี๋ง (Ha Tinh) เหงะอาน และกว๋างจิ (Quang Tri) นอกนั้นยังมีผู้สูญหายอีก 3 คน

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์ก่อนหน้านี้ อุทกภัยครั้งใหญ่ส่งผลกระทบไปถึงหลายท้องที่ใน จ.แท๊งฮวา (Thanh Hoa) ที่อยู่เหนือขึ้นไป และ นครด่าหนัง (Danang) อยู่ใต้ลงไปหลายร้อยกิโลเมตร

โปรดอย่าลบหลู่พยากรณ์จากพุทธทำนาย ศาสนาโลกอื่นๆ และนอสตราดามุสที่บ่งบอกเรื่องราวเดียวกันไว้ เราอาจจะได้เห็นในช่วงชีวิตของเรานี่เอง

ออร์กะ · 12 ตุลาคม 2010

คำพยากรณ์จาก พุทธทำนาย ศาสนาที่สำคัญของโลก และนอสตราดามุส ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เราผู้มีปัญญาควรจะประมาทหรือลบหลู่ ถ้าท่านได้ติดตามข่าวโลกมาโดยตลอด สิ่งที่ไม่เคยเห็น เราได้เห็นเป็นข่าวแล้วในปัจจุบัน เช่น บ้านเรือน หรือแม้แต่ตึกหลายชั้นถูกน้ำพัดพาไป คนนับล้านเดือดร้อนและหลายพัน คนเสียชีวิตจากอุทกภัย ไฟใหม้ แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม ภููมิอากาศผิดปกติธรรมชาติ

ทำไมภัยพิบัติสาระพัดทิศจึงได้เกิดมากในเวลาปัจจุบันนี้ ทำไมเหตุการณ์เลวร้ายถึงได้เกิดตรงกับพยากรณ์ ผู้มีญาณวิเศษหลายท่านบ่งชัดเจนว่า จอมเทพหรือพระเจ้าเป็นผู้บอกถึงในปัจจุบันมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น และจะรุนแรงถึงขั้นโลกามหาวินาศในอีก 3 ปีจากนี้ โปรดติดตาม ข้อมูลที่สำคัญๆ จะได้นำมาลงต่อไป

 พายุฝนกระหน่ำไห่หนันไม่หยุด อพยพแล้ว 440,000 คน
ขอขอบคุณและให้เกียรติ ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 ตุลาคม 2553 11:57 น.

เอเยนซี - สื่อทางการจีนรายงานวันจันทร์(11ต.ค.) เหตุพายุฝนโหมกระหน่ำไห่หนันตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ และมีผู้อพยพมากกว่า 440,000 คน

สำนักข่าวซินหัวอ้างคำกล่าว ของนายหลัว เป่าหมิน ผู้ว่าการมณฑลไห่หนัน ว่า อุทกภัยครั้งนี้ส่งผลให้ชาวบ้านใน 16 เมือง ได้รับความเดือดร้อนถึง 2.7 ล้านคน โรงเรียนหลายแห่งต้องปิดการสอน บ้านเรือนเสียหายมากกว่า 3,000 หลัง ถนนหนทางพังยับมากกว่า 1,400 สาย อ่างเก็บน้ำเสียหาย 43 แห่ง นอกจากนี้ พื้นที่การเกษตรเสียหายแล้วประมาณ 1 ล้านไร่


หน่วยกู้ภัยจีนกำลังทำการอพยพชาวบ้านหลังจากเกิดพายุฝนกระหน่ำอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนักในเมืองไหโข่ว มณฑลไห่หนัน (ภาพเอเอฟพี)

ออร์กะ · 16 ตุลาคม 2010

พยากรณ์ที่บ่งไว้ในพุทธทำนาย นอสตราดามุส และศาสนาหลักคือฝนตกไม่หยุด น้ำท่วมไปทั่วโลก คาดว่าจะเกิดในอีีก 3 ปี จากเวลานี้ จขกท ไม่ได้ตั้งใจให้ท่านใดเชื่อ แต่เป็นการกล่าวตามคำทำนายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้

เรื่องคำพยากรณ์จะจริงไม่จริง คงไม่มีใครทราบ แต่ถ้าท่านได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับภัยพิบัติทั่วโลก ท่านอาจสังเกตุว่าในปัจจุบัน ภัยพิบัติหนึ่งคือ ทั้งพายุและน้ำท่วมเกิดขึ้นเป็นประจำ ที่น่าสนใจคือ

ข่าวเนชั่น น้ำทะเลหนุนสูงท่วมชุมชนชาวเกาะระนองเมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 11 ส.ค.2553 ที่ผ่านมา ได้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูงผิดปกติกว่า 3 ม. ทำให้น้ำทะเลไหลบ่าเข้าท่วมชุมชนชายฝั่งบนเกาะในเขตพื้นที่จังหวัดระนอง ประกอบด้วยชุมชนเกาะเหลา , เกาะสินไห , เกาะพยาม , เกาะช้าง , เกาะค้างคาว ส่งผลให้ให้เกิดความโกลาหล และสร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สิน รวมถึงสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในพื้นที่บนเกาะต่างๆ

เป็นที่น่าสังเกตุว่าน้ำท่วมเกาะของจังหวัดระนองของไทย น้ำมาจากไหนเพราะนี่ไม่ใช่ฝนตกหนักจนน้ำท่วมเกาะ แต่เป็นปรากฏการณ์ผิดปกติที่น้ำทะเลหนุนจนน้ำท่วมเกาะ เรื่องของแผ่นดินที่สูงต่ำเป็นไปตามภูมิประเทศ แต่น้ำในทะเลและมหาสมุทร์ขึ้นลงตามอิทธิพลของการดึงดูดจากดวงจันทร์ ทิศทางของกระแสน้ำ การปรับค่าความคงตัวของน้ำ การหมุนของโลก และปัจจัยอื่นๆ ยกเป็นตัวอย่าง น้ำในมหาสมุทร์แปซิฟิก สูงกว่าทางมหาสมุทร์แอตแลนติค ประมาณ 20 ซม. น้ำทะเลที่ฝั่งนิวยอร์ค ของสหรัฐอเมริกาต่ำกว่าน้ำในมหาสมุทร์ที่เบอร์มิวด้า 1 เมตร ทั้งๆ ที่เป็นมหาสมุทร์แอตแลนติคเดียวกัน แต่การที่น้ำท่วมเกาะที่ จ. ระนอง น่าจะเป็นเครื่องชี้ว่าน้ำในมหาสมุทร์เพิ่มมากขึ้น จากผลการละลายของน้ำแข็งบนแผ่นดินที่ขั่วโลก แต่ขณะนี้ยังไม่ได้แสดงผลในทันที คงต้องใช้เวลาอีกช่วงหนึ่ง ซึ่งคงไม่นานไปจากนี้ที่น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ จากการหนุนของน้ำทะเล

จากข่าว คมชัดลึก : "สุขุมพันธุ์” รับ “น้ำท่วมบางขุนเทียน” น่ากลัว ประสานทูต-ผู้เชี่ยวชาญ เนเธอร์แลนด์ แก้ไขอย่างต่อเนื่อง ".... กทม. กำลังทรุดตัวอย่างหนักจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล อีกทั้งยังมีการทรุดตัวของแผ่นดินที่จะทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งตะวันตกของ กทม. ในเขตบางขุนเทียนกว่าครึ่งจมน้ำทะเลไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ...."

 ชาวระนองตื่น!! น้ำทะเลหนุนสูงผิดปกติ เร่งขนย้ายของหนีน้ำ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 ตุลาคม 2553 16:17 น.

เกิดเหตุน้ำทะเลหนุน พร้อมกับมีน้ำเหนือไหลลงมาสมทบ ทำให้เกิดน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขตพื้นที่ตัวเมืองระนอง โดยเฉพาะ ซ.สามัคคี หมู่ 5 ต.บางลิ้น อ.เมือง ระดับน้ำทะเล เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยยังไม่มีท่าทีว่าจะลดลง เริ่มเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่ำ นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่บ้านเรือนประชาชนอาศัยอยู่ติดลำคลอง น้ำเริ่มมีระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนชาวบ้านต่างต้องรีบน้ำกระสอบทรายมาไว้กั้นที่บ้านของตนเอง

 น้ำท่วม-ดินถล่มทับรีสอร์ตเกาะช้าง พนง.เสิร์ฟติดใต้ซากดับ 1 สาหัส 1 ดูวีดีโอประกอบจาก Manager Multimedia
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 ตุลาคม 2553 14:55 น.

 ตราด - เกิดน้ำท่วมดินถล่ม อ.เกาะช้าง ทับรีสอร์ตเสียหาย 6 ห้อง มีพนักงานเสิร์ฟ 2 คน ติดอยู่ในซาก พบเสียชีวิต 1 คน ช่วยชีวิตได้ 1 คน แต่อาการสาหัส ขณะไฟฟ้าดับทั้งเกาะ ส่งผลเกาะช้างอัมพาต นักท่องเที่ยวไทยเทศนับพันต้องเดินเท้ากลับภูมิลำเนา เผย ตื่นเต้นและสนุก

ฝนกระหน่ำน้ำเขาใหญ่ทะลักท่วมหมู่บ้านสูงกว่า 1.50 เมตร
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 ตุลาคม 2553 11:03 น.

ปราจีนบุรี - ฝนกระหน่ำทำน้ำป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทะลักท่วมหมู่บ้านตำบาลบุพราหมณ์ สูงกว่า 1.50 เมตร หลังกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนระวังน้ำท่วมฉับพลัน

ประเทศไทยน่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องดูแลรักษา ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นถึงไม่รุนแรงเช่นที่เกิดขึ้นกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก

ความไม่ประมาทน่าจะเป็นสิ่งดี ที่เราทุกคนควรยึดถือไว้เสมอตามที่พระพุทธเจ้าโคตมได้ตรัสไว้ดีแล้วครับ

ขอขอบคุณและให้เกียรติข้อมูลจากแหล่งข่าวต่างๆ

ออร์กะ

ออร์กะ · 17 ตุลาคม 2010

ถ้าติดตามข่าวเรื่องหิมะตกผิดที่ หิมะตกผิดฤดูกาล จะเห็นว่าเกิดขึ้นผิดปกติบ่อยๆ ดินฟ้าอากาศผิดปกติ ถ้าอ่านเวลาการมาปรากฏของพระจักรพรรดิ จะทราบได้จากเรื่องในพระมหาปรินิพพาน (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร) คือ

1. ท่านผู้มีฤิทธิ์บันดาลให้เป็นไป (มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ความจริงได้)
2. พระตถาคตเจ้าตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ (สำหรับพระจักรพรรดิ ทราบธรรมวิเศษซึ่งยังไม่มีผู้ใดบนโลกได้ทราบมาก่อน ในต้นปี พ.ศ. 2535)
3. พระตถาคตเจ้าให้พระอนุตตรธรรมจักรเป็นไป (พระจักรพรรดิ กำหนดขึ้นไว้ตามหลักฐานที่ลงในหนังสือพิมพ์ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อ 7 มีนาคม 2540)

โปรดดูตอบกระทู้ # 136 เกี่ยวกับ "น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในทุกๆ วันนี้ และภัยพิบัติต่างๆ ที่ผิดปกติไปจากธรรมชาติ ทั้งนี้เพราะเป็นการกระทำโดยเทพเทวดา ผู้ที่มีชื่อว่าจอมเทพแห่งสรวงสวรรค์ ได้จุติขึ้นเพื่อมาสร้างกฎเกณฑ์ของมนุษยโลกใหม่ (ศาสนาฮินดูกล่าว) และพระองค์จะทรงนำผู้คนทั้งหลายให้ทราบเกี่ยวกับข้อเท็จจริงทั้งหมด (ศาสนาคริสเตียนกล่าว) พระองค์ทรงเป็นผู้สอนทั้งมนุษย์และเทพเทวดา (ศาสนาพุทธกล่าว) พระองค์ทรงป้องกันพระองค์เองด้วยความรู้ยวดยิ่งที่ไม่มีใครมี (ศาสนาอิสลามกล่าว) ซึ่งความรู้เหล่านี้เกิดขึ้นจากพระองค์เอง (ลัทธิขงจื้อกล่าว) พระองค์จะให้ผลประโยชน์มนุษยโลก (โซโรสเทรียนนิซึ่มกล่าว) และสันติสุขสันติภาพจะเกิดขึ้นบนโลกโดยไม่มีที่สิ้นสุด (ยูดายกล่าว) พระองค์ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น พระองค์ทรงอยู่ที่เมืองซินซินนาติ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ชื่อของพระองค์คือ จอมเทพแห่งสรวงสวรรค์ (ท้าวสักกะ) สื่อควรที่จะช่วยกระจายข่าวนี้ไปทั่วโลก เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงของพระองค์ จะได้หยุดภัยพิบัติอันเกิดจากเทพบัลดาล"
ผู้มีบุญย่อมพิจารณาเห็นได้เองว่า เหตุใดทุกๆศาสนาถึงบ่งบอกเรื่องของพระจักรพรรดิ (ท้าวสักกะ) คล้องจองสนับสนุนกันเช่นนั้น

เรื่องนี้ ผู้ที่ติดตามข่าวไปทั่วโลกตลอดมา จะทราบดีว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา โลกนั้นผิดปกติไปเพียงไร ได้เกิดภัยธรรมชาติต่างๆไม่หยุด ซึ่งเป็นจริงตามที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสไว้แล้วในพระมหาปรินิพพาน ตามข้อ 1, 2 และ 3. ข้างบนนี้

เรื่องการมาปรากฏของพระจักรพรรดิ จะบ่งบอกด้วยการดินฟ้าที่อากาศผิดปกติ ธรรรมชาติ ซึ่งมีบ่งอยู่ในคำพยากรณ์ของศาสนาอื่นและคำทำนายของนอสตราดามุสเช่นกัน

 ออสเตรเลียเผชิญหิมะตก-น้ำท่วม ปชช.เดือดร้อนหนัก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 ตุลาคม 2553 15:27 น.

หลายรัฐทางฝั่งตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย ประสบกับหิมะหลงฤดูกาลที่ตกลงพื้นที่ต่ำเพียง 500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล นอกจากนี้ ประชาชนหลายร้อยคน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน หลังเกิดฝนตกหนัก ทำให้น้ำท่วมและตัดเส้นทางหลักหลายสาย
ขณะที่ทางตะวันออกเฉียงใต้พบฝนตกหนัก วัดปริมาณน้ำฝนได้ 40 มิลลิเมตร เหตุดังกล่าวทำให้บ้านเรือนและอาคารสำนักงานนับพันหลังขาดไฟฟ้าใช้ เนื่องจากกระแสลมแรงทำลายอุปกรณ์ส่งกระแสไฟฟ้า
(หมายเหตุ ประเทศออสเตรเลียในช่วงเวลานี้เป็นหน้าร้อน เมื่อไม่กี่ปีมาแล้ว หิมะตกในเขตทะเลทราย เช่น ที่อิรัค และลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกามาแล้ว)

 น้ำท่วมฉับพลันในเขมร ตายทันที 4 คน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 ตุลาคม 2553 16:25 น.

คณะกรรมการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติกัมพูชา รายงานว่า เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ขณะฝนตกหนักในกัมพูชา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน ในจำนวนนี้มีเด็กชายวัย 4 ขวบ ถูกกระแสน้ำพัดจนเสียชีวิตรวมอยู่ด้วย สภาพอากาศอันเลวร้ายที่เกิดขึ้น ยังทำให้เจ้าหน้าที่ศาลพิเศษที่จัดตั้งขึ้นเพื่อพิจารณาคดีเขมรแดง ต้องย้ายบรรดาผู้นำเขมรแดงไปพิจารณาคดียังสถานที่อื่น

 ผู้ว่าฯโคราชประกาศ 15 อ.พื้นที่ภัยพิบัติ
คมชัดลึก : 1ุ6 ตุลาคม 2553 โคราชอ่วมน้ำท่วมถนนมิตรภาพขาเข้ากทม.รถทุกชนิดยังผ่านไม่ได้ หลายอำเภอระดับน้ำยังท่วมสูงราษฎรเดือดร้อนถ้วนหน้า ผู้ว่าฯประกาศ 15 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัย ขณะที่น้ำป่าเขาใหญ่ทะลักท่วมหมู่บ้านสูงกว่า1.50 เมตร

คมชัดลึก วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม 2553
คมชัดลึก : กาญจนบุรี/เพชรบุรี - รองผู้ว่าฯ กาญจน์เกาะติดปัญหาน้ำท่วม เบื้องต้นเปิดทางให้ใช้งบฉุกเฉินของจังหวัดและจากส่วนท้องถิ่น เตรียมประสานรัฐขอความช่วยเหลือ เบื้องต้นคาดต้องใช้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้าน

ขอขอบคุณและให้เกียรติแหล่งข่าว

สรุป เหตุการณ์ตามคำพยากรณ์โลกต่างๆ เป็นจริงให้เห็นได้ในทุกวันนี้ ดังนั้นคำพยากรณ์ที่กล่าวไว้เหมือนๆ กันเกี่ยวกับโลกามหาวินาศ น่าจะมีโอกาศเกิดขึ้นในช่วง 3 ปีจากนี้ ผู้ที่จะหาที่หลบหนีความตายที่จะมาถึงตนนั้น คงไม่จำเป็นต้องหนีไปไหน เพราะว่า คำทำนายบ่งไว้ชัดเจนว่าคนไม่ดี คนชั่วหนีความตายไปไม่พ้น ยกเว้นคนดีที่สิ่งศักดิ์ศิทธิ์คุ้มครองปกป้องรักษา

คำทำนายบ่งไว้ว่ามนุษย์นี้ส่วนมากเป็นผู้ทำลาย ไม่ได้สร้างสรรความดีอะไร มีความเห็นแก่ตนเป็นที่ตั้งโดยลืมไปว่า เราทุกคนมาเกิดเพื่อชดใช้กรรม

ออร์กะ

เมทิกา · 17 ตุลาคม 2010

เข้ามาอ่านเพราะอยากรู้ว่าเกี่ยวข้องกันยังไง

ได้มุมมองใหม่ๆเยอะเลย ขอบคุณมากค่ะ

โมทนากับความตั้งใจของเจ้าของกระทู้ด้วย เนื้อหาแน่นมากกกกกก

mature_na · 17 ตุลาคม 2010

น้ำท่วมดินถล่มเข้าขั้นวิกฤติบริจาคค่าถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยทั่วไทยครับ

(ฝากญาติธรรมทุกท่านกระจายข่าวประชาสัมพันธ์ช่วยผู้เดือดร้อนให้ญาติธรรม
ที่ท่านรู้จักผ่านทาง
e-mail
facebook;twitter
Hi5
BB
webboardต่างๆที่ท่านติดต่อด้วยนะครับเรื่องเร่งด่วนจริงๆ)
น้ำท่วมดินถล่มเข้าขั้นวิกฤติบริจาค เพื่อช่วยค่าถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยพิบัติทั่วไทยครับ

ขณะนี้หลายภาคส่วนของประเทศที่เป็นที่ราบลุ่มประสบภัยพิบัติจากน้ำท่วมอย่างมาก เช่นอ่างทอง อยุธยา
ภาคกลางตอนบน ภาคเหนือ และภาคใต้

“ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราชทาน”เป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานอย่างนึงที่ช่วยผู้เดือดร้อนได้อย่างทันท่วงทีและจำเป็นมาก

“ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราชทาน” ประกอบด้วย
ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค -บริโภค เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในกรณีฉุก เฉินอย่างทันท่วงที

ถ้าท่านใดสนใจช่วยค่า ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค -บริโภค เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค
เพื่อรวมเป็น “ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราชทาน” ท่านสามารถช่วยได้โดย

โอนเงินเข้าบัญชีสภากาชาดไทย
ชื่อบัญชี : สภากาชาดไทย เพื่อการรับ
บริจาคเงินต่าง ๆ
เลข ที่ : 045-2-88000-6
ประเภท : ออมทรัพย์
ธนาคาร : ไทยพาณิชย์
สาขา : สภากาชาดไทย

โดยจุดสำคัญที่สุดเราต้องเน้นว่าต้องการบริจาคเพื่อช่วยค่าถุงยังชีพโดยเฉพาะเราสามารถทำได้โดย

1.หลังจากโอนเงินไปแล้ว

ต้องเขียนระบุใน ใบนำฝากเงิน(Pay In Slip) ว่าโอนเงินจำนวนนี้เพื่อช่วยโครงการชุดธารน้ำใจ
และแฟ็กซ์ใบนำฝากพร้อมเขียนชื่อและที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้แน่นอนของเรา
ไปที่สำนักงานการคลังสภากาชาดไทย
หมายเลข 0-2250-0120

หรือแฟ็กซ์ใบนำฝากพร้อมเขียนชื่อและที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้แน่นอนของเราถึงหัวหน้าฝ่ายการเงิน
สำนักงานการคลัง โทร. 02 256-4068

============================================================================================

สรุปวิธีการช่วยบริจาคซื้อถุงยังชีพ(ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราชทาน)นะครับ
1.โอนเงินตามที่ท่านต้องการ เข้าบัญชีสภากาชาดไทย เลขที่ : 045-2-88000-6 ออมทรัพย์ ไทยพาณิชย์
2.ต้องเขียนระบุใน ใบนำฝากเงิน(Pay In Slip) ว่าโอนเงินจำนวนนี้เพื่อช่วยโครงการชุดธารน้ำใจ เพราะเราต้องการช่วยค่า ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค -บริโภค เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค เพื่อรวมเป็นชุดถุงยังชีพโดยเฉพาะ
3.ต้อง เขียนชื่อและที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้แน่นอนของเราเอาไว้ในใบนำฝากเงิน(Pay In Slip)ด้วยนะครับเพราะเขาจะติดต่อกลับมาถ้ามีเหตุขัดข้อง
4.แฟ็กซ์ใบนำฝากเงิน(Pay In Slip)
ไปที่สำนักงานการคลังสภากาชาดไทย
หมายเลข 0-2250-0120

หรือถึงหัวหน้าฝ่ายการเงิน
สำนักงานการคลัง โทร. 02 256-4068
5.จากนั้นทางสภากาชาดจะนำเงินไปซื้อของใช้จำเป็นและมอบให้ผู้ประสบภัยพิบัติต่อไปครับ

หมายเหตุ ถ้ามีอะไรติดขัดสามารถติดต่อได้ที่
กองบรรเทาทุกข์ .สภากาชาดไทย

ฝ่ายการเดินบัญชี
02-2517853-6
เบอร์ต่อ 1310-3

=============================

ชุดธารน้ำใจฯ พระราชทาน ช่วยน้ำท่วมที่อ่างทองและอยุธยา

ด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใยในความทุกข์ ของราษฏรที่ต้องประสบกับภัยพิบัติต่างๆ โดยเฉพาะอุทกภัยที่มักเกิดในช่วงฤดูมรสุม ทรงมอบหมายให้สภากาชาดไทย นำสิ่งของพระราชทานมามอบให้กับราษฏรที่เดือดร้อน เพื่อปลอบขวัญให้กับท่านทั้งหลาย สิ่งของพระราชทานในถุงธารน้ำใจในครั้งนี้ แม้จะมีค่าไม่มากมาย แต่เต็มไปด้วยน้ำพระราชหฤทัย และพระเมตาคุณของพระองค์ท่านตลอดมา
สำหรับ “ ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราชทาน ” ประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค - บริโภค เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในกรณีฉุกเฉินอย่างทันท่วงที ซึ่งขณะนี้สภากาชาดไทย ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

วัน ที่ 27 กันยายน 2553 นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการ สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย เดินทางไปมอบถุงยังชีพพระราชทาน ชุดธารน้ำใจช่วยผู้ประสบภัย ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ณ อบต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง จำนวน 350 ชุด โดยมี นายวิศว ศะศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง นางศรีพรรณ ศะศิสมิต นายก เหล่ากาชาดจังหวัดอ่างทอง และ นายอำเภอป่าโมก พร้อมคณะให้การต้อนรับ จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังวัดสีกุก ต .น้ำเต้า อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 2,000 ชุด พร้อมน้ำดื่มจากมูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย จำนวน 2,000 แพ็ค โดย มี นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางวาสินี ผิวผ่อง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายอำเภอบางบาล พร้อมด้วย คณะให้การต้อนรับ

“ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราช ทาน” ประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค -บริโภค เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในกรณีฉุก เฉินอย่างทันท่วงที

เมทิกา · 17 ตุลาคม 2010

***ความเห็นส่วนตัว***

อย่าลืมนะคะว่าผู้ที่ลงมาทำหน้าที่พระมหาจักรพรรดิ์นั้นท่านเป็นผู้ซึ่งละแล้วซึ่งลาภ ยศ สรรเสริญใดๆในทางโลก ดังนั้นหากตั้งกรรมการพิสูจน์ออกทีวีจริง ท่านก็คงไม่มาปรากฏตัวหรอกค่ะ

เพราะไม่ทราบจะได้อะไรที่เป็นประโยชน์แก่ท่านบ้าง ดีไม่ดี การปรากฏตัวต่อหน้าคนจำนวนมาก ย่อมมีผู้ประสงค์ร้ายต่อท่านได้ง่ายขึ้น

เรื่องแบบนี้อาจต้องให้ฟ้าดินหรือสิ่งศักดิ์เป็นผู้พิสูจน์มากกว่า เพราะเป็นเรื่องทางธรรม เราคิดงั้นนะ

เมทิกา · 17 ตุลาคม 2010

ดังนั้น....ช่วยกันแผ่เมตตาเยอะๆ

เพราะว่าพระก็อยู่ในใจทุกคนอยู่แล้ว

ปฏิบัติรอท่านดีกว่า อย่าคิดมาก ^^

fay10 · 21 พฤศจิกายน 2010

ไม่มีความเห็นนะค่ะแต่เชื่อว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดอะไรจะดับก็ต้องดับอยู่ดี

Riyko · 19 กุมภาพันธ์ 2012

ตอนนี้..... ภัยพิบัติเกิดขึ้นทั่วโลก

พี่ออร์กะ......หายไปไหนล่ะ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมาคุยเลย

bangkok thai · 19 กุมภาพันธ์ 2012

Riyko said: ↑

ตอนนี้..... ภัยพิบัติเกิดขึ้นทั่วโลก

พี่ออร์กะ......หายไปไหนล่ะ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมาคุยเลย
Click to expand...

https://www.facebook.com/orgawisdom

do re mi · 24 กุมภาพันธ์ 2012

แบ่งปัน-ทำไมหลุมยุบเกิดขึ้นมาก คนตายน้อยไม่ค่อยเป็นข่าว แต่ลึกๆน่าสนใจครับว่า อะไรเกิดขึ้นกับโลก ทฤษฎีที่ว่าน้ำใต้ดินมันแห้งลง ก็ต้องฟังหูไว้หูใช่ไหมครับ ผมเอาตัวอย่างมาลงให้พิจารณากันครับ

do re mi · 27 กุมภาพันธ์ 2012

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=__DGlcLHp-o"]"UFO" Scout Ship Lands in New Mexico (original) SCARY! 2012 HD "Real or Fake" - YouTube[/ame]
"UFO" Scout Ship Lands in New Mexico (original) SCARY! 2012 HD

 UFO [FONT=&quot]ที่เห็นตามวิดีโอข้างบน เป็นของจริงของปลอม
[/FONT]
[FONT=&quot]จากการวิเคราะห์แล้วพบว่าเป็นของปลอม วิธีการสร้างภาพเหล่านี้ทำได้โดยอาศัยโปรแกรมการสร้างภาพ(computer-generated imagery)[/FONT]

(จาก FB ออร์กะ)

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ธรณีสูบยักษ์สูบ มหันตภัยล้างโลก–พยากรณ์โลก-กับหลักฐานสำคัญ-พระจักรพรรดิ 30 กย 53

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

[Ligth] สมาชิก

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

ออร์กะ เป็นที่รู้จักกันดี

เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

fay10 เป็นที่รู้จักกันดี

Riyko เป็นที่รู้จักกันดี

bangkok thai Active Member

do re mi เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

หลุมยุบ-2.jpg

หลุมยุบ-1.jpg

หลุมยุบ-3.jpg

หลุมยุบ-4.jpg

หลุมยุบ-5.jpg

หลุมยุบ-6.jpg

หลุมยุบ-7.jpg

do re mi เป็นที่รู้จักกันดี

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

ธรณีสูบยักษ์สูบ มหันตภัยล้างโลก–พยากรณ์โลก-กับหลักฐานสำคัญ-พระจักรพรรดิ 30 กย 53

ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา