2010 จะเกิดพายุสุริยะ โลกจะแตกจริงหรือ (ซ้ำขออภัย)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย aumzaza, 13 ตุลาคม 2010.

  1. aumzaza

    aumzaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    365
    ค่าพลัง:
    +615
    [​IMG]
    เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA
    ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่
    เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคงแต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์
    แต่จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่มนักธรณีฟิ
    สิกส์และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่า ทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี ค.ศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกได
    โนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012



    [​IMG]
    คำถาม......? โลกจะเป็นอย่างไรเมื่อขั้วแม่เหล็กโลกกำลังพลิกด้าน

    การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือและขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง (ซึ่งไม่สามารถทำนายได้ว่าจะกินเวลานานเท่าใด อาจกินเวลาแค่ 1 ช.ม. หรืออาจเป็นเดือนก็ได้) มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยกาซ และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งสนามแม่เหล็กโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    คำถาม.......? จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลก

    โดยปกติสนามแม่เหล็กโลก จะเป็นเสมือนโล่กำบังที่ช่วยปกป้องโลกไว้อีกชั้นหนึ่งโดยเฉพาะ การช่วยกำบังโลกจาก พายุสุริยะที่เกิดจากดวงอาทิตย์ แต่เมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลกในเวลาที่ว่านั้น สิ่งมีชีวิตบนโลกจะต้องเจอกับหายนะ นั่นก็คือ พายุสุริยะ(บางคนเรียกลมสุริยะ มันเหมือนกันนะเดี๋ยวจะสับสน) พายุสุริยะ คือ พลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดจากธาตุไฮโดรเจนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาสู่อวกาศด้วยแรงระเบิดมหาศาล ซึ่งพายุสุริยะนั้นประกอบด้วย รังสีคอสมิก(และอีกมากมาย) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอันมหาศาล

    คำถาม........? เราจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเผชินกับพายุสุริยะ

    "ฮารัลด์ เลสช์" (Harald Lesch) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย "มิวนิค" ได้สร้างแบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อหาคำตอบว่าโลกเราจะเป็นอย่างไรหากไม่มีสนามแม่เหล็ก แบบจำลองที่ "ฮารัลด์ เลสช์" สร้างขึ้นพบว่า ถ้าโลกเราถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง จากภาพจำลองที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อ มวลอนุภาคคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะมาถึงโลก จะทำปฏิกิริยากับชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นสนามแม่เหล็กชุดใหม่มาแทนที่และทรงพลัง พอที่จะทานแรงปะทะของรังสีคอสมิก ทำให้รังสีคอสมิกที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์เบนออกสู่อวกาศ >>>แต่ทะว่าโลกเรานั้นสามารถรอดพ้นจากอันตรายจากรังสีคอสมิกไปได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ไม่ได้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเลย ตามหลักแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า และสนามแม่เหล็กชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นไม่ได้เสถียรเหมือนแม
    ่เหล็กโลกเดิม ฉะนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำปฏิกิริยากับบรรยากาศโลกย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั
    ้น สิ่งที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะกระทำต่อไปนั้นก็คือ การปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าอันมหาศาลสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า นั่นก็คือพื้นผิวโลก เหตุการณ์ที่ว่านี้คือ พายุฟ้าผ่านั้นเอง พายุฟ้าผ่านี้ อาจกินเนื้อที่ทั้งทวีปหรือทั่วโลก สายฟ้าที่กระหน่ำลงมาจากก้อนเมฆอิเล็กตรอนนั้น จะกระหน่ำผ่าลงมาทุกๆที่โดยไม่หยุดจนกว่าพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะจะห
    มดลง และจะเกิดขึ้นอีกถ้าพายุสุริยะลูกต่อไปมาถึง หรือจนกว่าการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกจะเสร็จสมบูรณ์จนทำให้กระบวนการสร้างสนามแม่เหล
    ็กโลกจะทำงานได้อีก สิ่งมีชีวิตบนโลกมากมายจะต้องตาย และเทคโนโลยีต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นจะถูกทำลายลงในครั้งนี้ แต่ถ้ารังสีคอสมิกสามารถหลุดรอดมากจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการถูกฟ้าผ่า ก็อาจจะต้องตายจากโรคมะเร็งและความร้อน

    คำถาม........? เมื่อสนามแม่เหล็กโลกเกิดการพลิกตัวอย่างสมบูรณ์จะเกิดอะไรขึ้นกับโลก <<<<<ต่อไปจากตรงนี้ เชื่อถือไม่ได้แล้วครับ

    สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้อาจะเหลือเชื่อแต่ตามหลักการแล้วย่อมเป็นไปได้ การพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความหายนะจากพายุสุริยะแค่เพียงอย่
    างเดียว แต่อาจเกิดหายนะจากการหมุนกลับทางของโลกที่จะเกิดตามมาอีก ยกตัวอย่าง เช่น การหมุนของมอเตอร์ มอเตอร์แบบธรรมดามี 2 ขั้ว โดยให้สัญลักษณ์ A และ B ก่อนที่ขั้วแม่เหล็กโลกจะพลิกตัว ให้เปรียบโดยการใช้ ไฟฟ้าขั้ว + ต่อเข้ากับ A และไฟฟ้าขั้ว - ต่อเข้ากับ B มอเตอร์จะหมุนไปทางใดทางหนึ่ง แต่เมื่อเราต่อขั้วไฟฟ้ากลับด้านกัน ย่อมทำให้มอเตอร์เกิดการหมุนทิศทางตรงกันข้ามกับครั้งแรก และนี่ก็เปรียบกับการพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนั่นเอง

    คำถาม........? แล้วสิ่งมีชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป

    เมื่อโลกหมุนกลับทาง สิ่งมีชีวิตที่เหลืออาจจะต้องเจอกับภัยธรรมชาติมากมาย โลกหมุนกลับทางย่อมทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยน ทั้งกระแสน้ำทะเล กระแสลม รวมถึงแผ่นดิน จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นย่อมไม่มีใครรู้ได้ มนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตรอด จะปรับตัวอย่างไรเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก มนุษย์ที่เหลือจะทำอย่างไรเมื่อวันนั้นมาถึง...........................
    [​IMG]




    <!--test-->[​IMG]


    ลมสุริยะ (Solar Wind)

    ลมสุริยะ (solar wind) คืออนุภาคความเร็วสูงที่ถูกปล่อยมาจากดวงอาทิตย์ทุกทิศทุกทาง ตลอดเวลา หรืออาจถูกมองว่าเป็นอนุภาคที่หลุดออกมาจากชั้นโคโรนา (corona) ของดวงอาทิตย์ซึ่งมีอุณหภูมิสูง สู่บริเวณระหว่างดาวเคราะห์

    เนื่องจากลูกไฟนิวเคลียร์ฟิวชันดวงอาทิตย์จะทำงานคือเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันอย่างต่อเนื่องอยู่ได้ ส่วนที่เป็นเนื้อหรือเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ต้องอยู่ในสภาพพลาสมา เป็นอนุภาคมีประจุไฟฟ้าและมีอุณหภูมิสูงมาก ดังนั้น สมบัติสำคัญของดวงอาทิตย์ที่มีผลต่อเรื่องของลมสุริยะและพายุสุริยะก็คือ ดวงอาทิตย์ทั้งดวง จึงเป็นดวงดาวที่มีสนามแม่เหล็กเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สภาพโดยรอบของดวงอาทิตย์ ความเร็วของลมสุริยะมีขนาดตั้งแต่ 200 ถึง 889 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเฉลี่ยประมาณ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    [​IMG]

    ในสภาวะการเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันของดวงอาทิตย์อย่างเป็นปกติ หรือสภาพของดวงอาทิตย์ที่ถือว่ามีเสถียรภาพเป็นปกติสูง ดวงอาทิตย์ก็จะปลดปล่อยอนุภาคจำพวกที่มีประจุไฟฟ้าออกสู่อวกาศโดยรอบดวงอาทิตย์ ประกอบด้วยอิเล็กตรอนและโปรตอนเป็นส่วนใหญ่ โดยมีไอออนของอะตอมและโมเลกุลบางชนิดไปจากดวงอาทิตย์ด้วย อนุภาคมีประจุไฟฟ้าเหล่านี้ ที่เสมือนหนึ่งถูกพัดออกจากดวงอาทิตย์นี้เองคือลมสุริยะ ซึ่งจะพัดไปจากโดยรอบดวงอาทิตย์ ไกลออกไปถึงเกือบขอบนอกของระบบสุริยะทีเดียว

    เนื่องจากอนุภาคมีประจุไฟฟ้าดังเช่นอิเล็กตรอน โปรตอน เมื่อเคลื่อนที่อย่างมีความเร่ง ก็จะต้องมีสนามแม่เหล็กเกิดขึ้นโดยรอบอนุภาคด้วย ดังนั้น ลมสุริยะจากดวงอาทิตย์ จึงนำสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ไปกับลมสุริยะจากดวงอาทิตย์ด้วย

    เมื่อลมสุริยะพัดมาถึงโลก ทั้งลมสุริยะและสนามแม่เหล็กของลมสุริยะ รวมไปถึงพลังงานในรูปของรังสีอัลตราไวโอเลต รังสีอินฟราเรด รังสีเอกซ์ ก็จะเผชิญกับเกราะสองชนิดคุ้มครองโลกคือ สนามแม่เหล็กโลก (magnetosphere) และบรรยากาศของโลก

    [​IMG]

    สนามแม่เหล็กโลกจะจับอนุภาคพลังงานสูงของลมสุริยะทั้งโปรตอนและนิวตรอน อยู่เป็นแถบในอวกาศ ส่วนบรรยากาศของโลก ก็จะคุ้มครองโลกจากพลังงานที่มาจากดวงอาทิตย์ในรูปของรังสีอัลตราไวโอเลตได้ดี แต่ก็นับว่าโชคดีที่ในสภาวะดวงอาทิตย์ที่ฉายแสงอย่างเช่นปกติ พลังงานดังเช่นรังสีเอกซ์จะมาถึงโลกอย่างไม่รุนแรงนัก

    ลมสุริยะมีอิทธิพลต่อดาวเคราะห์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีกิจกรรมบนดวงอาทิตย์มาก (active Sun) หรือช่วงที่มีจุดมืดบนดวงอาทิตย์มากที่สุด (sunspot maximum) 11 จะเกิดที(ครบรอบ 2012 นี้) เมื่อลมสุริยะมีความแรงมากๆ จะสามารถประทุออกมาเป็น flares และ coronal mass ejections ลมสุริยะยังมีผลกระทบต่อชั้นไอโอโนสเฟียร์ของโลก สนามแม่เหล็กของโลกปรากฎการณ์แสงเหนือ-แสงใต้ (aurora) และระบบการติดต่อสื่อสาร ตัวอย่างเช่น การประทุของอนุภาคจาก CME (coronal mass ejection) ที่ Solar and Heliospheric Observatory (SOHO) ตรวจจับได้ 5 วันก่อนที่จะเป็นอันตรายต่อดาวเทียมสื่อสาร Telstar 401 ในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2540
    (จขกท. เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 การประทุของ CME อย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยเกิดมาก่อน)


    พายุสุริยะ

    (ลักษณะของ CME เป็นสายยาวลอยเหนือชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์)
    [​IMG]

    โดยปกติดวงอาทิตย์ปลดปล่อยกระแสอนุภาคความเร็วเหนือเสียง (supersonic particle) ออกมา ซึ่งเรียกว่า ลมสุริยะ (solar wind) และเนื่องจากภายชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ประกอบด้วยอนุภาคมีประจุพลังงานสูงที่อยู่ในสถานะที่สี่ของสสาร ที่ชื่อ พลาสมา (plasma) การเคลื่อนที่ของอนุภาคมีประจุภายในชั้นบรรยากาศของดาวอาทิตย์ก่อให้เกิดสนามแม่เหล็ก (magnetic field) ทว่าความปั่นป่วนในการเคลื่อนที่อนุภาคมีประจุย่อมทำให้สนามแม่เหล็กปั่นป่วนด้วย ดังนั้นในบางครั้งบางคราว เส้นสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ (solar magnetic field line)จึงมีโอกาสที่จะปะทะสังสรรกัน จนเกิดปรากฎการณ์ที่เกี่ยวเนื่องจากสนามแม่เหล็ก เช่น การลุกจ้า (flare) การปลดปล่อยก้อนมวลโคโรนา (Coronal Mass Ejections) เป็นต้น โดยปรากฎการณ์เหล่านั้นล้วนเป็นเหตุให้เกิดกระแสอนุภาคที่มีความเร็วสูงกว่าหรือ พลังงานมากกว่าลมสุริยะ ...พายุสุริยะ

    (geomagnetic storm)
    [​IMG]

    สำหรับพายุสุริยะอย่างหยาบๆ ก็คือลมสุริยะที่พัดอย่างรุนแรงถึงระดับเกิดเป็นพายุสุริยะ และถ้าพัด (อย่างมีทิศทางไม่เหมือนกับลมสุริยะที่พัดไปโดยรอบอย่างสม่ำ เสมอ) ตรงมาทางโลก ก็ทำให้เกิดปัญหาต่อโลกมากทีเดียว

    (ภาพเปรียบเทียบนะคับ ถ้าไอ Flare สายนี้มีทิศทางตรงมายังโลก ก็ไม่เหลืออะคับ )
    [​IMG]

    กลไกการเกิดพายุสุริยะ ยังไม่เป็นที่ทราบกันอย่างแน่ชัด แต่กลไกหรือสาเหตุหนึ่งของการเกิดพายุสุริยะที่มีความเป็นไปได้สูง คือเป็นผลจากการเกิดความแปรปรวนอย่างรุนแรงของสนามแม่เหล็กที่ผิวของดวงอาทิตย์ หรือเกิดพายุแม่เหล็ก ทำให้สนามแม่เหล็กที่ผิวดวงอาทิตย์ตัดกัน ชนกัน เกิดปฏิกิริยาระหว่างสนามแม่เหล็ก (ซึ่งโดยปกติจะไม่ชนกันหรือตัดกัน) อย่างรุนแรง ทำให้เกิดการปะทุของผิวดวงอาทิตย์ ที่พุ่งเป็นแนวโค้งขึ้นมาจากดวงอาทิตย์ ส่วนใหญ่ก็ตกกลับคืนสู่ดวงอาทิตย์ แต่ส่วนหนึ่งก็พุ่งออกไปเลยจากดวงอาทิตย์ เกิดเป็นปรากฏการณ์ coronal mass ejection มีสภาพเป็นพลาสมาคือ อิเล็กตรอน โปรตอน และไอออนของธาตุดังเช่นฮีเลียม, ออกซิเจน และเหล็ก

    (CME สายนี้น่ากลัวมากคับ ลองนึกภาพถ้ามันมีทิศทางมายังโลก)
    [​IMG]




    ลมสุริยะกับพายุสุริยะ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

    ลมสุริยะ (solar wind) และ พายุสุริยะ (solar storm) เหมือนกันตรงที่ต่างก็ปลดปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ แต่แตกต่างกันในความรุนแรงและสาเหตุที่มาของการเกิด ดวงอาทิตย์เป็นลูกไฟนิวเคลียร์หรือเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ธรรมชาติ ทุกขณะเวลา เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ ฟิวชันที่แถบบริเวณใกล้ใจกลางดวงอาทิตย์ แล้วก็ปลดปล่อยพลังงานออกมารอบดวงอาทิตย์ ทั้งในรูปของพลังงานคือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและอนุภาค

    พายุสุริยะจึงคล้ายกับลมสุริยะที่ประกอบด้วยอนุภาคมีประจุไฟฟ้าดังเช่นลมสุริยะ แต่มีพลังงานสูงกว่า อยู่ในสภาพพลาสมามากกว่า และจึงมีสนามแม่เหล็กที่เข้มข้นกว่าของลมสุริยะมาก อีกทั้งที่ดวงอาทิตย์เอง เมื่อเกิดพายุสุริยะ ก็จะเกิดพลังงานในรูปแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คือรังสีอัลตราไวโอเลตพลังงานสูง และรังสีเอกซ์ที่รุนแรงเคลื่อนที่อย่างมีทิศทางไปจากดวงอาทิตย์ด้วย


    พายุสุริยะมีผลกระทบต่อโลกอย่างไร?

    ปกติพายุสุริยะจะไม่ ส่งผลโดยตรงต่อโลกและสิ่งมีชีวิตบนโลก เนื่องจากโลกมีบรรยากาศและสนามแม่เหล็กคุ้มกัน มีเพียงนักบินอวกาศที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในอวกาศเท่านั้นที่อาจได้รับ อันตราย ทั้งจากพายุสุริยะและรังสีจากดวงอาทิตย์

    ในอดีต พายุสุริยะเคยสำแดงฤทธิ์เดชให้เห็นแล้วหลายครั้ง เช่น ใน ค.ศ. 1859 พายุสุริยะทำให้สายโทรเลขลัดวงจรจนทำให้เกิดเพลิงไหม้หลายแห่งในยุโรปและ อเมริกา ส่วนใน พ.ศ. 2532 พายุสุริยะก็เคยทำให้หม้อแปลงของไฟฟ้าระเบิดจนทำให้ไฟดับทั่วทั้งจังหวัด ควิเบกของแคนาดามาแล้ว นอกจากนี้ดาวเทียมและยานอวกาศที่อยู่ในอวกาศก็อาจเสียหายจากพายุสุริยะได้ ในอดีตเคยมีดาวเทียมหลายดวงเสียหายจากเหตุการณ์นี้มาแล้ว เนื่องจากปัจจุบันชีวิตประจำวันของผู้คนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอวกาศมาก ทั้งโทรศัพท์ โทรทัศน์ การกระจายเสียงวิทยุ ระบบบอกพิกัด ฯลฯ ดังนั้นหากมีพายุสุริยะมาทำให้ดาวเทียมเหล่านี้เสียหายไป ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างแน่นอน


    ผลกระทบของพายุแม่เหล็กโลกจากพายุสุริยะ กำลังเป็นเรื่องหนึ่งที่วงการวิทยาศาสตร์ปัจจุบันสนใจกันมาก เพราะเพิ่งจะทราบกันเมื่อไม่นานมานี้นักว่า เคยทำให้เกิดเหตุไฟฟ้าดับในแคนาดามาแล้วเมื่อ พ.ศ. 2532 และนักวิทยาศาสตร์ก็กำลังมีเทคโนโลยีใหม่ ที่เจาะศึกษาเรื่องพายุแม่เหล็กโลกโดยตรง ดังเช่น หอดูดาวในอวกาศ SDO (Solar Dynamics Observatory) ของนาซา ซึ่งเพิ่งส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ เพื่อศึกษาผลของพลังงานจากดวงอาทิตย์ ดังเช่นพายุสุริยะต่อสนามแม่เหล็กโลกโดยตรง

    ที่มา

    รู้จัก...ลมสุริยะกับพายุสุริยะ...อาจเกิดในปี 2012 !! - General Talk - Mythland Board :: เรื่องลึกลับ ลี้ลับ UFO จานบิน จา
     
  2. GUYTHUM

    GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +1,088
    โลกไม่แตกหรอก แต่ผู้คนจะค่อยๆกลายพันธุ์เป็นซอมบี้
     
  3. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    หนทางเดียวที่มนุษย์เรา


    จะสามารถพ้นจากภัยพิบัติข้างนี้ได้ืคือ



    รักษาศีลตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรม

    ตามศาสนาที่ตนนับถือ


     
  4. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    เกิดจริง แต่ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ และบอกไม่ได้ว่าหนักหนาสาหัสแค่ไหน เพราะอยู่ที่กรรมที่เป็นกุศลกับอกุศลว่ามากน้อยเพียงใด


     
  5. นพสิทธิ์

    นพสิทธิ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นล้วนแต่เป็นฝีมือของมนุษย์เราที่ทำเอาไว้ แต่ไม่ต้องวิตกไปเพราะบุคคลที่ตั้งมั่นอยู่ในคุณงามความดีเมื่อตายไปก็จะไปสู่ภพภูมิที่ดี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG0434A.JPG
      IMG0434A.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.5 KB
      เปิดดู:
      107

แชร์หน้านี้

Loading...