อานิสงส์ของการรักษาศีล ๕

;20[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1227341/[/MUSIC]

อานิสงส์ของการรักษาศีล ๕<O</O​

ผู้รักษาศีลข้อที่ ๑ คือไม่ฆ่าสัตว์ตัวชีวิต (ไม่ทำปาณาติบาต)ย่อมได้รับอานิสงส์ถึง ๒๓ ประการ คือ
๑. บริบูรณ์ด้วยอวัยวะน้อยใหญ่ คือร่างกายไม่พิกลพิการ
๒. มีกายสูงและสมส่วน
๓. สมบูรณ์ด้วยความคล่องแคล่ว
๔. เป็นผู้มีเท้าประดิษฐานลงด้วยดี
๕. เป็นผู้สดใสรุ่งเรือง
๖. เป็นคนสะอาด
๗. เป็นคนอ่อนโยน
๘. เป็นคนมีความสุข
๙. เป็นคนแกล้วกล้า
๑๐. เป็นคนมีกำลังมาก
๑๑. มีถ้อยคำสละสลวยเพราะพริ้ง
๑๒. มีบริษัทบริวารมิได้พลัดพรากจากตน
๑๓. เป็นคนไม่สะดุ้งตกใจกลัว
๑๔. ข้าศึกศัตรูทำร้ายมิได้
๑๕. ไม่ตายด้วยความเพียรของผู้อื่น
๑๖. มีบริวารหาที่สุดมิได้
๑๗. รูปสวย
๑๘. ทรวดทรงสมส่วน
๑๙. ป่วยไข้น้อย
๒๐. ไม่มีเรื่องเสียใจ
๒๑. เป็นที่รักของชาวโลก
๒๒. มิได้พลัดพรากจากผู้หรือสิ่งที่รักและชอบใจ
๒๓. มีอายุยืน
รักษาศีลข้อ ๑ คือไม่ฆ่า ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มีคุณานิสงส์ ล้วนแต่น่าพอใจ ล้วนแต่ทำให้สุขใจ <O</O

ผู้รักษาศีลข้อที่ ๒คือข้อไม่ลักทรัพย์(อทินนาทาน)ผู้รักษาย่อมได้รับอานิสงส์ถึง ๑๑ ประการ ดังนี้
๑. มีทรัพย์มาก
๒. มีข้าวของและอาหารเพียงพอ
๓. ได้โภคทรัพย์ไม่สิ้นสุด
๔. โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ก็ย่อมได้
๕. โภคทรัพย์ที่ได้ไว้แล้วก็ยั่งยืน
๖. หาสิ่งที่ปรารถนาได้อย่างรวดเร็ว
๗. สมบัติไม่กระจัดกระจายด้วย ราชภัย โจรภัย อุทกภัย อัคคีภัย หรือญาติฉ้อโกง
๘. หาทรัพย์ได้โดยไม่ถูกแบ่ง
๙. ได้โลกุตตรทรัพย์
๑๐. ไม่เคยรู้ ไม่เคยได้ยินคำว่าไม่มี
๑๑. อยู่ที่ไหนก็เป็นสุข<O</O
ผู้รักษาศีลข้อ ๓คือ เว้นจากกาเมสุมิจฉาจารได้แก่เว้นจากการประพฤติผิดในกาม (ไม่ทำชู้กับคู่ครองของผู้อื่น)ได้รับอานิสงส์ผลถึง ๒๐ ประการ (ปรมตฺถโชติกา) คือ
๑. ไม่มีข้าศึกศัตรู
๒. เป็นที่รักแห่งชนทั่วไป
๓. หาข้าวน้ำเครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่ อาศัยได้ง่าย
๔. หลับก็เป็นสุข
๕. ตื่นก็เป็นสุข
๖. พ้นภัยในอบาย
๗. ไม่ต้องเกิดเป็นหญิงหรือเป็นกะเทยอีก
๘. ไม่โกรธง่าย
๙. ทำอะไรก็ทำได้ โดยเรียบร้อย
๑๐. ทำอะไรก็ทำโดยเปิดเผย
๑๑. คอไม่ตก (คือมี สง่า)
๑๒. หน้าไม่ก้ม (คือมีอำนาจ)
๑๓. มีแต่เพื่อนรัก
๑๔. มีอินทรีย์ ๕ บริบูรณ์
๑๕. มีลักษณะบริบูรณ์
๑๖. ไม่มีใครรังเกียจ
๑๗. ขวนขวายน้อยไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย หากินง่าย
๑๘. อยู่ที่ไหนก็เป็นสุข
๑๙. ไม่ต้องกลัวภัยจากใคร ๆ
๒๐. ไม่ค่อยพลัดพรากจากของที่รัก<O</O
ผู้รักษาศีลข้อที่ ๔คือเว้นจาการพูดปด พูดหลอกลวง ปลิ้นปล้อน ย่อมได้รับอานิสงส์ ๑๔ ประการ (ปรมตฺถโชติกา)
๑. มีอินทรีย์ ๕ ผ่องใส
๒. มีวาจาไพเราะสละสลวย
๓. มีไรฟันอันเสมอ ชิด บริสุทธิ์
๔. ไม่อ้วนเกินไป
๕. ไม่ผอมเกินไป
๖. ไม่ต่ำเกินไป
๗. ไม่สูงเกินไป
๘. ได้แต่สัมผัสอันเป็นสุข
๙. ปากหอมเหมือนดอกบัว
๑๐. มีบริวารล้วนแต่ขยันขันแข็ง
๑๑. มีถ้อยคำที่บุคคลเชื่อได้
๑๒.ลิ้นบางแดงอ่อนเหมือนกลีบดอกบัว
๑๓. ใจไม่ฟุ้งซ่าน
๑๔. ไม่เป็นอ่าง ไม่เป็นใบ้<O</O
ผู้รักษาศีล ๕ คือ เว้นจากการเสพสุราเมรัย สารเสพติดทุกชนิดย่อมได้รับอานิสงส์ ๓๕ ประการ (ปรมตฺถโชติการ)
๑. รู้กิจการอดีต อนาคต ปัจจุบันได้รวดเร็ว
๒. มีสติตั้งมั่นทุกเมื่อ
๓. ไม่เป็นบ้า
๔. มีความรู้มาก
๕. ไม่หวั่นไหว (ผู้ใดชวนในทางผิดไม่ร่วมมือด้วย)
๖. ไม่งุนงง ไม่เซอะ
๗. ไม่ใบ้
๘. ไม่มัวเมา
๙. ไม่ประมาท
๑๐. ไม่หลงใหล
๑๑. ไม่หวาดสะดุ้งกลัว
๑๒. ไม่มีความรำคาญ
๑๓. ไม่มีใครริษยา
๑๔. มีความขวนขวายน้อย
๑๕. มีแต่ความสุข
๑๖. มีแต่คนนับถือยำเกรง
๑๗. พูดแต่คำสัตย์
๑๘. ไม่ส่อเสียดใคร ไม่มีใครส่อเสียด
๑๙. ไม่พูดหยาบกับใคร ไม่มีใครพูดหยาบด้วย
๒๐. ไม่พูดเล่นโปรยประโยชน์
๒๑. ไม่เกียจคร้านทุกคืนวัน
๒๒. มีความกตัญญู
๒๓. มีกตเวที
๒๔. ไม่ตระหนี่
๒๕. รู้เฉลี่ยเจือจาน
๒๖. มีศีลบริสุทธิ์
๒๗. ซื่อตรง
๒๘. ไม่โกรธใคร
๒๙. มีใจละอายแก่บาป
๓๐. รู้จักกลัวบาป
๓๑. มีความเห็นถูกทาง
๓๒. มีปัญญามาก
๓๓. มีธัมโมชปัญญา (มีปัญญารสอันเกิดแต่ธรรม)
๓๔. เป็นปราชญ์ มีญาณคติ (เป็นคลังแห่งปัญญา)
๓๕. ฉลาดรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์และรู้ในสิ่งอันเป็นโทษ

... ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกท่านค่ะ ...<O</O
<O:z8</O​

 

อนุโมทนากับข้อธรรมดีดีครับ สรุปแล้วศีล5สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างในโลกได้หากทุกคนตั้งใจรักษาศีล5และรู้สึกละอายเกรงกลัวเวลาทำบาปโลกนี้คงสงบสุขร่มเย็นและปลอดภัยน่าดูเลย

 

ถ้าทำได้ มีแต่ข้อดี น่าชื่นชมค่ะ

 

คนดีทำง่าย คนชั่วทำยาก

 

อนุโมทนาสาธุจะน้อมรับและปฎิบัติตามนี้ขอบคุณมากสำหรับกระทู้ดีๆค่ะ

 

ขอสอบถามนะครับ สำหรับคนที่ไม่ทำอะไรเลย เช่น นอนอยู่บ้านเฉยๆ เล่นเกมทั้งวัน เขาเหล่านั้นไม่ได้ประพฤติผิดศีลเลย แสดงว่าเขาได้รักษาศีลหรือไม่

 

ขออนุโมทนาครับ
ร่วมด้วยช่วยกันรักษาศีลกันดีกว่าครับ​

 

ลองพิจารณาองค์ประกอบของศีลดูว่าในวันหนึ่ง ๆ ที่ นอนและเล่นเกมส์


ทำอะไรในการทำศีลขาดหรือไม่


ถ้าไม่ทำศีลขาด ก็นับว่าได้รักษาศีลครับ

แต่ คนเราควรจะสมาทานศีล ๕ เพื่อเป็นการสร้างศีลบารมีให้แก่ตัวเราจะเป็นการดีครับ

การสมาทานเป็นการสัญญาเอาไว้กับพระรัตนตรัยว่าเราจะรักษาศีล๕ ให้ดี

 

เก็บกระทู้นี้

 

ผมขอนำไปลงเผยแพร่นะครับ

 

ถ้าคนนั้นไม่รู้เลยว่าศีลคืออะไร ไม่ได้มีใจยินดีในการรักษาศีล สิ่งที่ได้คือคนนั้นไม่ทำบาปกรรมที่เป็นการละเมิดศีล แต่ก็จะไม่ได้อนิสงค์ของการรักษาศีลเลย ยกตัวอย่าง อานาปานสติ การดูลมหายใจเข้า-ออก เราหายใจกันตั้งแต่เกิด แปลว่าเราทำสมาธิกันตั้งแต่เกิดหรือเปล่า ไม่ใช่จริงมั้ยครับจะนับเป็นสมาธิก็ต่อเมื่อมีสติรู้ลมหายใจเท่านั้น ฉะนั้นแค่ไม่ทำผิดศีลไม่ได้หมายความว่ารักษาศีล การรักษาศีลต้องมีใจระลึกยินดีในการรักษาทั้งก่อนทำและหลังทำ เพื่อขัดเกลาจิตให้พร้อมสำหรับคุณธรรมที่สูงยิ่งๆขึ้นไป

 

ศิลมีในบุคคลใด ปัญญาก็มีในบุคคลนั้น
ปัญญามีในบุคคลใด ศิลก็มีในบุคคลนั้น
ปัญญาเป็นของบุคคลผู้มีศิล
ศิลเป็นของบุคคลผู้มีปัญญา