ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ที่น้าว่า หลวงปู่ดี กับหลวงพ่อฤาษีฯ ไม่รู้จักกันเป็นไปได้มากครับ

เพราะหลวงพ่อมาอยู่กับหลวงปู่ปาน ถ้าจำไม่ผิดแค่ 3 ปีหลังก่อนหลวงปู่ปานจะเสียเอง

ครับ ดังนั้นด้วยเกียรติคุณของหลวงปู่ปานที่เป็นที่นับถือของคนทุกระดับชั้น

ทั้งพระและฆราวาส คงจะต้องมีลูกศิษย์เยอะมากๆ ก็ขนาดตอนเป่ายันต์ฯ หลวงพ่อ

ว่าเดินข้ามคลองได้เลยเพราะเรือมาจอดเต็มคุ้งน้ำ แล้วลูกศิษย์ก่อนหน้าที่หลวงพ่อ

จะบวชนั้นจะมากมายขนาดไหน

หลวงพ่อท่านบอกไว้ในประวัติท่านว่า หลวงปู่ปานท่านทำบารมีต่อเป็นมหาสัตว์

ส่วนหลวงปู่เล็กท่านจบกิจ ต่างองค์เลยต่างนับถือซึ่งกันและกันครับ

เรื่องของคุณกำธร โพสท์ผมลองเอาวันเดือนปีตามที่มีในเวปไปลบกับประวัติหลวงพ่อ

ดูแล้วครับ อันนี้ต้องรบกวนคุณกำธรลองลบดูก่อนดีกว่าครับ(ด้วยความเคารพ):d

ในใบสุทธิของหลวงพ่อลงวันที่ ๒๘ มิ.ย. ๒๔๖๐ แต่ตามดวงที่สมเด็จพระสังฆราช

(อยู่ ญาโนทัย)ทรงมีพระเมตตาผูกดวงให้ ตรงกับวันที่ ๘ ก.ค. ๒๔๕๙ ครับ

 

ขอขอบคุณ..ทุกๆท่านที่
Post มาให้กำลังใจ..ชม..ติดตาม..และทักทาย
..................................................................สวัสดีทุกท่าน............................................
.........กุรข่า.......นักรบเลือดดุ..........................................................................

...............เมื่อห่า..กระสุนจากปืนกลหนัก..สาดมาใส่Subadar..กับ..ลูกน้อง..เขาก็ใช้สัญชาติ
ญานของ..นักฆ่า..หาช่องทันที..ปรากฏว่าเขา..เหลือบไปเห็น..ร่องหินแคบๆ..ที่เป็นทางน้ำ..
ซึ่ง..สามารถคืบคลาน..ไต่ขึ้นไปใกล้รังปืนกล..ใช้บังวิถีกระสุนได้..เขาจึงพาลูกน้องไปทางนั้น
..ซึ่งศัตรู..ไม่สามารถเห็น..แต่ยังยิงคลุมอยู่..เมื่อเข้าไปใกล้ได้ระยะ..ทหารเยอรมัน..ไม่เห็น..
(ความจริงSubadarกับ..ลูกน้องหมอบ..บังการมองเห็น..ของพลยิง..ตั้งแต่แรกแล้ว..พลยิง
เยอรมัน..เพียงแต่คาดว่า..อยู่บริเวณนั้น..ไม่ได้ไปไหน..การเคลื่อนไหวของเขากับลูกน้อง
จึงไม่ผิดสังเกต..กอปรกับ..มีต้นไม้ขึ้นสลับไปมา..จึงทำให้วิสัยทัศน์..แย่...........)
เพราะนึกว่ายังอยู่..ที่เดิมข้างล่าง..หารู้ไม่ว่ามัจจุราชมันไต่ขึ้นเขา..มาแล้ว................
............เขา..นัดแนะกับลูกน้องสองคน..ให้คอยยิงคุ้มกัน..ถ้า..เยอรมันรู้ตัว..โดยตัวเองจะ
คลานไปใกล้ๆ..คือ..เขาจะเข้าไปจัดการเอง..ทั้งรัง...ซึ่งตอนนี้Subadar..มองเห็นแล้ว..ว่ามี
ทั้งหมด..๔ คน..สภาพตอนนี้ของเขา..จึงไม่ต่างจาก..สิงโตภูเขา..ที่ค่อยๆย่องไปด้านข้างของ
แพะภูเขา..ที่กำลังเล็มหญ้า..อย่างเงียบกริบ..รอจนจะถึง..ระยะที่จะกระโจน..ตะปบเหยื่อ....
.......เขา..ที่ตอนนี้..มือข้างนึงกุมปืนพกลูกโม่..อีกข้างคือ..คูครี..คู่ชีวิต..ค่อยๆคลานแนบไป..
กับพื้น..เข้าใกล้รังปืนกล..เข้าไปเรื่อยๆ..โดยที่ศัตรูก็ยังไม่เห็นความเคลื่อนไหว..เพราะตอนนี้
..เรียกว่า..Subadar..เคลื่อนที่อยู่ในทิศทางที่เรียกว่า BLIND SIGHT..เพราะเมื่อคนเรา..มอง
ไปด้านหน้า...มุมมองด้านข้าง..จะกลายเป็นBLIND SIGHT..เพราะตาเราครอบคลุมไม่ถึง..........Subadar..ซึ่งมีสัญชาตญาน..นักฆ่า..ที่ดี..จึงเลือกแนวนี้...เมื่อคลานจนได้ระยะ..ค่อน
ข้างใกล้..เขาจึงพรวดกระโจนขึ้น..พร้อมกับ..ยิงไปที่เป้าหมายที่เล็งไว้แล้ว..๑ คน..พร้อมกับ
การเคลื่อนที่ต่อเนื่องเข้าไป..โดย..ส่องนัดที่ ๒ เข้าพลยิงปืนกล..ที่..กำลังหันปืนมา..การพุ่งเข้า
ไปรวดเร็ว..ต่อเนื่อง..ไม่มีชะงัก..ขณะ..ที่ทหารเยอรมัน..ที่เหลือ ๒ คน..พยายามจะเล็งยิงเขา
..แต่ก็ช้าไป..เพราะ..คม..คูครี..ก็มาถึงตัว..อย่างต่อเนื่อง..ด้วยการฟัน..อย่างรวดเร็ว..ทหาร
เยอรมันทั้งสอง..ก็..กลายเป็น..ศพ.........Subadar..สังหารศัตรูชั่วพริบ..๔ ศพ..ด้วย..ปืนพก
๒..และ..คูครี..๒..โดยลูกน้อง..ไม่ต้องช่วยเลย......แล้วเขา..กับ..ลูกน้อง..เคลื่อนที่ขึ้นเขาต่อไป
..จนเจออีก..อีกรังปืนกล..ที่ใกล้ยอด..ด้วยยุทธวิธี..คล้ายเดิม..คือไม่ให้ศัตรู..เห็นความเคลื่อน
ไหว..เขาสามารถใช้..คูครี..สังหารไปได้อีก ๒..และลูกน้อง..ก็..เอาปืนส่องไปอีก ๒ ศพ....
........ทำให้..หน่วยทหาร..เคลื่อนผ่านช่องเขาไปได้อย่างปลอดภัย..รวมแล้ว Subadar..ฆ่าไป
ทั้งหมด..๗ ศพ....ซึ่ง ๕ ศพ..นั้นมาจากฝีมือ..คูครี..ล้วนๆ..ลูกน้องเขาไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ...
.........ด้วยผลงานที่เยี่ยมยอด..ทั้งจาก..ฝีมือ..ความกล้าหาญ..ความเป็นผู้นำ..การวางแผน
เฉพาะหน้า..อย่างเยี่ยมยอด....ทำให้เขาจึงได้รับ..เหรียญกล้าหาญสูงสุดVICTORIA CROSS
อย่างสมภาคภูมิ...................................................................................
.................................................ต่อตอนหน้าครับ..................................................




................................................................................................................................
................................................................................................................................
....................................................พลังที่ฝากไว้.........................................................
..............วิธีประจุพลัง..แบบที่ไม่อาศัยสื่อนำพลังที่เป็นวัตถุ..นี่ต้องถือว่า..เป็นวิธีที่สุดยอด...
แต่..ไม่ใช่พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง..นั่งปรกจับสายสิญจน์ทุกองค์..จะทำไม่ได้..เพียงแต่บาง
องค์ท่าน..ไม่ได้ทำ..หรือ..เหตุการณ์จำเป็น..ทำให้ไม่ได้ทำ....เดี๋ยวผมจะมาว่าต่อ..แต่มาเข้า
เรื่องก่อน...ปัจจัยสำคัญที่..สามารถทำให้เกิดขึ้นได้..ก็คือ..พลังจิตที่สูงมาก..เพราะถ้าขาดสิ่งนี้
..ต่อให้วิชา..มาช่วยยังไง..ก็ยาก..เรื่องวิชา..ก็อาจมีส่วนช่วยได้..อย่าง...วิชา”นะปัดตลอด”..
ซึ่งหลายคน..รู้จักดี..ก็ถือเป็น..วิชาที่ทำให้เกิดการประจุพลัง..แบบที่ผมว่า..เช่นกัน..เพราะเป็น
การส่ง..สิ่งที่ต้องการจะส่ง..ซึ่งเป็นไม่ว่า..จะเป็นยันต์..หรือ..คาถา..อักขระซึ่งมีความศักสิทธิ์
และถูกประจุพลังไว้แล้วซึ่งผมจะเรียกว่า..source...ส่งไปยังเป้าหมาย..ที่ต้องการ..คือ target
..ซึ่งไม่ว่า..มีอะไรขวางกั้น..หรือ..มีระยะทางเท่าใด..แถม..source..ที่ว่า..สามารถ..ทำสำเนา..
เท่าไหร่..ก็ได้..และจะให้ไปติดที่..target..กี่อันก็ได้...เพราะด้วยวิชาและพลังจิตที่สูง..สามารถ
บังคับให้เกิดขึ้นได้..ตาม..ประสงค์(เรื่องนี้..ผมเคยเล่าอย่างละเอียดไป..ในกระทู้ก่อน..ของผม
ซึ่งสามารถไปดูตาม Link..ในตอนท้ายได้...)..ซึ่งอาจารย์ในเมืองไทยที่สำเร็จ..วิชานี้มีหลาย
ท่าน..แต่จะช่ำชองในการใช้แค่ไหน..ก็แล้วแต่..และขึ้นกับพลังจิตด้วย..แต่มีอยู่ ๑ ที่ช่ำชอง
มาก..ก็คือ..หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง..แต่ก็ไม่ใช่ว่าอาจารย์องค์อื่นจะไม่ช่ำชอง..เพียง
แต่ไม่ทราบเท่านั้นเอง...อย่างหลวงปู่โต๊ะ..ท่านก็เคยสำแดงให้เห็นมาแล้ว..ในการส่งการเจิม
ที่ท่านเขียน..ข้างล่าง..แล้วให้ไปติดที่ป้ายร้านด้านบน..ต่อหน้าคนจำนวนมาก..หลวงพ่อทาง
ปักษ์ใต้ก็..แสดงให้เห็นหลายท่าน..แต่เนื่องจากผมไม่ได้เรียน..วิชานี้..ผมก็จะแยก..ไม่ได้ว่า
..อันไหน..เป็น..นะปัดตลอด..อันไหน..ไม่ใช่..แต่ทั้งหมด..ถือว่าเป็นการประจุพลังไปยังสิ่งเป้า
หมายที่ต้องการ..โดยไม่ใช้สื่อที่เป็นวัตถุทั้งสิ้น..แน่นอน..พลังจิตคือสิ่งสำคัญที่สุด...ไม่ว่า..
จะเป็น..การเสกหรือเป่าทอง(ไม่ใช่..แบบที่เอาทองมาปิดหน้าผากแล้วคลึง..หรือ..ตบเข้าไป..
นะครับ..)ที่หุ้มกระดาษอยู่..ในระยะห่าง..แล้วให้เข้าไปในหน้าผาก...ของหลวงพ่อไสว วัดปรีดา
ราม..การส่งรอยพิมพ์รอยเท้าของหลวงพ่อเดิม..ให้ไปติดผ้าทุกทุกแผ่น..แต่ไม่ติดที่พื้น...
...การลงกระหม่อมด้วย..ขมิ้น..ของหลวงพ่อคงวัดบางกระพ้อม..ยันต์ติดลงไปในกระโหลก..
ต่อยอด..ไปถึงลูกชายคนหัวปี...คล้ายๆกับการเป่ายันต์เกราะเพชรของหลวงพ่อปาน..ที่ติด
กระโหลก..เช่นกัน..และถ้าคนรับยันต์อยู่..ท้องอยู่..ยันต์ก็ต่อไปติดที่หัวเด็กด้วย(มีรายละเอียด
ตัวบุคคล..ด้วยครับไปหาอ่านกันเอง)...หรือ..ของหลวงปู่โต๊ะ...การทำให้ตัว”นะ”ที่เขียนบนใบ
โพธิ์(สำหรับ..พวกหลานศิษย์หลวงพ่อศุข..อย่ามาเถียงผม..เพราะผมใช้ข้อมูลเก่า..ผมไม่ได้
สนใจ..ข้อมูลใหม่..ว่าที่เขียนเป็นตัวอะไร..ใครจะเชื่อแบบไหนก็เชิญ..ผมมันคนรุ่นเก่าครับ..
เปลี่ยน..ยากก)..โดยหลวงพ่อทองศุข..ไปติดที่ใบโพธิ์ทุกแผ่นที่รองใต้..แต่ไม่ติดที่พื้น..คล้าย
กับ..หลวงพ่อเดิม...และ...ฯลฯ.............ผมถือว่าอยู่ในข่ายเดียวกันตามที่ผม..ตั้งหัวข้อไว้ทั้งสิ้น
.............................................ต่อตอนหน้าครับ.......................................................
..................................................สวัสดี....................................................................
(ผมเอาตัวอย่าง..วิชานะปัดตลอด..ของหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง..ที่เกิดกับ..ครอบครัว
ผมมาด้วย..คือ..ยันต์ครู..ของท่านที่..ท่านส่ง..จากวัดโตนดหลวง..มาติดที่หลังรูปถ่ายท่าน...
ที่บ้านพ่อผม..ในตัวเมืองเพชร..ระยะห่างหลายสิบกิโล..รูปนี้เป็นรูปที่พ่อผม..ถ่ายท่านเอง...อยากทราบรายละเอียด
ไปหาอ่านเอาได้ตาม..Link..กระทู้เก่าของผมด้านล่างครับ................)


http://palungjit.org/threads/หลวงพ่อทองศุข-วัดโตนดหลวง-กับ-หลวงพ่อจันทร์-วัดมฤคทายวัน.230869/page-6

 

กระทู้คุณภาพ

 

...................................................
..โอ้โห..ล่อซะตัวเบ้อเริ่ม..ขอบคุณมากครับ..

 

คุณภาพจริงๆครับ...โดยส่วนตัวชอบ feeling ของคุณลุงในการเขียนเรื่องราวต่างๆแต่ล่ะโพสครับมากครับ..ได้อรรถรสจริงๆ...(^_^)..

 

กระจ่างเลยครับพี่ อ่านดูแล้วหลวงอาดี ท่านคงเป็นศิษย์รุ่นแรก ๆ ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ถ้าหลวงพ่อเชิญ วัดโคกทองยังอยู่ตอนนี้ คงจะเข้าไปร้อยกว่าปีแล้ว หลวงพ่อปาน สมัยนั้น ชื่อเสียงของท่านถึงขจรขจายไปไกล เป็นแน่ ใคร ๆ ก็คงอยากจะมาเรียนวิชากับท่าน คงจะเหมือนหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า แม้กระทั่งในสมัยนี้ ยังมีผู้กล่าวอ้างเป็นลูกศิษย์ของท่านเลยครับ หลวงปู่ศุข มรณะภาพปี 2466 ถ้ายังมีคนที่เรียนวิชากับท่านจริง อายุคงจะเกินร้อยปีเป็นแน่ ถ้า 90 กว่า ๆ ก็อย่าคุยเลยครับ เสียรังวัดตัวเองเปล่า ๆ ขอบคุณพี่ modpong มาก ๆ ครับ และเป็นกระทู้คุณภาพอย่างที่เขากล่าวกันจริง ๆ ครับ

 

ขอบคุณ บทความดีๆที่มีให้อ่านทุกวันเลยค่ะ คุณลุง ขอบคุณค่ะ

 

..................................................
..พี่ก็ไม่ทราบเรื่องรุ่นซะด้วย..แต่ถ้าหลวงอาดี..ยังมีชีวิตอยู่..ท่านจะมีอายุประมาณ ๙๗-๙๘ ปี
..เรื่องนี้..คิดเหมือนพี่..ที่ว่าชาวบ้าน..เขาก็ไม่โง่..หลวงปู่ศุข..ท่านเสียไปนานขนาดนั้น..เขาก็บวกลบ..อายุเป็น..ทำมั๊ย..ยังจะอ้างกันอยู่...น่าเศร้าจริงๆ

 

สวัสดีครับคุณอา..และทุกๆท่านครับ

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ขอขอบคุณ..ทุกๆท่านที่
Postมา ให้กำลังใจ..ชม..ติดตาม..และทักทาย....

...........................................................สวัสดีทุกท่าน..................................................
.............กุรข่า..นักรบเลือดดุ.......................................................................................
..............................................สำหรับ..อังกฤษเอง...การรบกับญี่ปุ่น..ในภาคพื้นเอเซียเอง
...กลับทำให้..เสียชีวิตทหารอังกฤษ(จริงๆ)..มากกว่าที่ไหน..รวมทั้ง..ออสเตรเลีย..นิวซีแลนด์
..ตั้งแต่ญี่ปุ่น..ในช่วงแรก..ที่ยึดสิงคโปร์..และ..มลายูบางส่วน..เรียกว่าในคราวเดียว..เสียไป
มากมาย..แถมโดนจับมาเป็นเชลย..อยู่ที่เมืองกาญจน์..สร้างทางรถไฟ..ที่เข้าไปเชื่อม..พม่า
(ทางสายมรณะ)..ตายอีกเป็นเบือ...ทั้งถูกทรมาน..ทั้งป่วยเป็นมาลาเรีย..ดูที่สุสาน..ที่เมือง
กาญจน์เอา..นับไม่ถูกเลย..พอไอ้ยุ่น..พลาดเพราะความฮึกเหิม..และประเมิน..อเมริกาพลาด
...ไอ้กัน..โดดลงมา..สงครามภาคแปซิฟิคเต็มตัว...อังกฤษ..เองซึ่งเดิม..ในภูมิภาคนี้เรียกว่า
..อาการปางตาย..ไปแล้ว..ก็กลับฟื้นขึ้นได้เพราะไอ้กัน..แต่เรียกว่า..ตัวอังกฤษเองจริงๆนะ..
เข็ด..ไอ้เตี้ย(ญี่ปุ่น)..ขี้เยี่ยวราด..ไม่นึกว่ามันจะเจ๋งขนาดนี้..ตอนนี้อาวุธยุทโธปกรณ์..เสบียง
มีพี่ใหญ่..สนับสนุนเต็มที่..ก็มาวางแผนกันใหม่(ขณะเดียวกัน..ในยุโรป..ก็ได้ไอ้กันมาช่วย..เดิม
ความจริง..ใกล้เดี้ยงแล้ว..สถานะการณ์ก็พลิกเป็นฝายรุก..อังกฤษสิงโตผอม..ขั้นย่ำแย่..แผล
เพียบ..(ไอ้..เรื่องBATTLE OF BRITAIN..ที่อังกฤษเอามาใช้โม้ได้ทุกวันนี้..ที่เยอรมันเสียท่า
พ่ายอังกฤษ..ในการรบทางอากาศนั้น..มีทหารอังกฤษ(จริงๆ)ไม่ถึงครึ่ง..ที่เหลือ..นี่แคนาดา
ออสเตรเลีย..นิวซีแลนด์..ซะบานเลย..คือถ้า..ไม่มีชาติพวกนี้มาช่วย..ลำพังตัวเอง..จะเอานักบิน
ที่ไหนมาขับ..เครื่องบิน..ป่านนี้..เยอรมันยึดเกาะอังกฤษ..ไปแล้ว...ขี้โม้ซะไม่มี)...กลับมามีแรง
แผลหาย..กลับมาเห่าได้อีก..)...ไอ้เรื่องจะเอา..ทหารอังกฤษมารบอีก.พวกท่านเซอร์..ทั้งหลาย
ก็ส่ายหน้าเดียะ..เพราะ..การรบในป่าทึบ..อังกฤษไม่ถนัด..แถมกลัวมาลาเรียนกิน..ตายอ่าซะ
ก่อน..จำเราจะใช้ไอ้พวกขี้ข้าที่ชำนาญพื้นที่แบบนี้ให้มันไปตายแทน..ดีกว่า..ก็ใครซะอีก..ก็..
อาบัง..นี่แหละเพราะยังมีทหาร..อีกเหลือเฟือ..เพราะคนเยอะมาก..ขนาดส่งไปรบที่ยุโรป..กับ
อาฟริกาแล้ว..(ท่านผู้ที่ดู..หนังสารคดีสงครามโลก..เนื่องจากช่างภาพสงคราม..เป็นอังกฤษ
และ..อเมริกัน..และการทำข่าวก็เป็นสงครามจิตวิทยา..อย่างหนึ่ง..เมื่อเอากลับไปฉายที่อังกฤษ
เขาต้องการให้คนอังกฤษ..ภูมิใจ..เขาก็เลยถ่ายทหารอังกฤษ(ผสม)..ที่มีแต่ผิวขาว..คนอังกฤษ
..ก็สังเกตไม่ออก..ก็เลยคิดว่าทหารของตัวเองโคตรเก่ง..ใครเคยดูหนังสารคดีสงครามโลก..
เห็นทหารโพกหัวเคราเฟิ้ม..กับตัวดำเป็นเหนี่ยงบ้าง(ทหารอินเดีย)...หรือเห็นทหารตัวเล็กหน้า
เด๋อ..เหมือนคนไทยบ้าง(กุรข่า)..เรียกว่าไม่เคยเห็นซะยังได้..ถ้ามีก็เรียกว่า..หลุดคิว..น้อยมาก
ๆ..เอา..แค่..อินเดีย..รวมกับ..กุรข่า..ที่รบในสงครามโลกครั้งที่ ๒..ในนาม “ทหารอังกฤษ”..ก็
ร่วม..ครึ่งล้าน..แล้วครับ..ถ้าถ่ายทำภาพยนต์..อย่างยุติธรรมยังไงก็..ต้องติด....)......
...........อีกพวกหนึ่ง..ที่ถูกระบุเจาะจง..ด้วยความกล้าหาญ..เก่งกาจ..ทน..อึดโคตร..ไม่กลัวตาย
..เรียกว่าสั่งให้วิ่งเข้าไปรับลูกกระสุนแทน..ยังไม่เกี่ยง..ก็..กุรข่า..นักรบเลือดดุ..นี่แหละครับ..
ที่ถูกใช้ให้เป็น..กองหน้า..ตัวลุย..แทบทุกสมรภูมิ..............................
................................................ต่อตอนหน้าครับ......................................................





ทหารกุรข่า..กำลังข้าม..แม่น้ำอิระวดี..ช่วงแคบในพม่า..เพื่อเข้าไปโจมตีทหารญี่ปุ่น



..............................................................................................................................
...............................................พลังที่ฝากไว้..........................................................
.............ส่วนอีกแบบที่เข้าข่าย..เดียวกัน............ก็คือ..ส่งจิตไปทำการปลุกเสก..โดยที่ตัว
อาจารย์เอง..ไม่ไป..จะด้วยสาเหตุอันใดไม่ทราบ....(อาจมีคนทราบ..สาเหตุ..แต่บังเอิญผมไม่
ทราบ)..อย่างเช่น..พระอาจารย์ชื่อดังแห่งยุค....หลวงปู่ดู่ วัดสะแก...ซึ่งผมว่าก็คงมีประสิทธิ
ภาพ..เหมือนไปนั่งปลุกเสกเอง..เพราะการปลุกเสกเราต้องใช้..พลังจิต..เป็นตัวนำ..และขับ
เคลื่อนพลังเพื่อไป..ประจุในวัตถุมงคลอยู่แล้ว..เมื่อท่านอาจารย์ควบคุมจิตได้..ก็คงไม่แปลก
..ก็เหมือนนั่งที่นั่นเหมือนกัน..ซึ่งผมไม่ทราบว่าหลวงปู่ดู่ท่านสั่งให้จัดอาสนะเผื่อท่านรึเปล่า...
..เหมือนอาจารย์..อีกหลายท่าน..ที่มีการสั่งให้เผื่อที่ไว้..อย่างเช่น..หลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง..
ที่มีการปลุกเสกหมู่ครั้งหนึ่ง..ท่านไปไม่ได้(แต่ไม่ใช่ไม่ไป..ตลอดอย่างหลวงปู่ดู่)..ท่านสั่งให้
เผื่ออาสนะไว้ด้วย..ซึ่งครานั้น..ท่านเจ้าคุณเฒ่า(เอี่ยม)วัดหนัง..ท่านเป็นประธาน..ปรากฏว่า
หลวงพ่อไปล่..ส่ง”กายละเอียด”ไป..หลังปลุกเสกเสร็จ..ท่านยังถักเจ้าหน้าที่ว่า..ทำไม่ไม่รินน้ำ
ชา..ที่ๆ”กายละเอียด”หลวงพ่อไปล่นั่งอยู่..ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่..งง..ท่านเจ้าคุณเฒ่า..ก็สัพยอก
เอาว่า..ก็ท่านไปล่นั่งอยู่นี่นะไม่เห็นรึไง...........ถ้ากรณีเผื่ออาสนะนี่ละครับ..อย่างนี้ถอดกายละ
เอียดออกไป..นั่งปลุกเสกเลย....ก็ได้ผลเช่นเดียวกับส่งจิตและพลังไป...อย่างว่าอย่างนี้..เราก็
ทราบ..ในหลายๆครั้ง..ผู้ที่มีพลังจิตสูงแบบเดียวกัน..ท่านก็จับกายละเอียดได้..หรือคนบางประ
เภทที่..เขาเรียก..พวกจิตเปิด..คือเป็นเองสามารถ..เห็นอะไรที่เป็นกายละเอียดได้ง่าย..อย่าง
เช่น..พวกที่ชอบเห็นผีนี่ละครับ..จะไปต่างจังหวัดหรืออยู่บ้าน..ก็เห็นตลอด...นี่แหละครับใน
หลายงาน..จึงมีปรากฏว่า..มีคนที่เห็น..อาจารย์องค์นี้..อาจารย์องค์นั้น..ไปนั่งปลุกเสกด้วย..แต่
คนส่วนใหญ่ไม่เห็น..ผมจึงมาคิดเรื่องพลังจากจิตที่ส่งออกไป..ของผู้ที่มีจิตกล้าแข็ง..และควบ
คุมจิตได้ตามใจ..ปราถนาแล้ว...ความจริงมันก็สามรถพิสูจน์ว่าเป็นไปได้แล้วครึ่งนึง..เพราะ..
ทีคลื่น..วิทยุ..เดี๋ยวนี้ใครจะไปคิด..ว่ารอบตัวเรา..นี่มันมีพลังงาน...ที่ส่งเป็นคลื่น..ยั้วเยี้ยไป
หมด..ทั้ง AM FM UHF DTAC 12CALL..สัญญานดาวเทียม..WI-FI...ทำไมไม่แปลกใจกัน
มั่งละ..ว่ามันเป็นไปได้ยังไง..อยู่ในลิฟท์..มันยังทะลวงเข้าไปได้เลย...ทุกอย่างมัน..ก็มาจาก..
เครื่องส่งทั้งนั้น..ที่ผลิตสัญญาน..ก็เป็นพลังงาน..อย่างหนึ่ง..ออกไป...เพียงของพวกนี้..จะรับ
ได้..ต้องมีตัวแปลงสัญญานกลับ..จึงจะรู้ได้ว่าเขาส่งอะไรมาให้............................
..................เดี๋ยวพรุ่งนี้..ผมจะมาเปรียบเทียบให้ดู..ว่ามันก็...”อธิบาย..พอ..ได้”.........

.....................................................สวัสดี..........................................................

 

ขอบพระคุณครับ อธิบายเปรียบเทียบเรื่องพลังงานได้เห็นภาพเลยครับ

 

...................................................
..เขาคงเลิกไปแล้ว..เข้ามาทักทาย..ก็ดีใจแล้วครับ.....

 

สวัสดียามเช้าครับ...ขอบคุณครับ..ได้ทราบประวัติศาสตร์อีกด้านที่ไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ

 

สวัสดีครับพี่modpong
สวัสดีครับทุกท่าน
กระทู้คุณภาพจริงๆครับ

 

สาธุๆ




สวัสดีครับคุณลุง ^_^

เหตุที่ไม่มีอนุโมทนา อาจเป็นว่าหน่วยความจำของเว็บเต็มก็เป็นได้ครับ
______________________________
hello9
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์มาทำงานกัน

โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัดฯ ทั่วภาคเหนือตอนล่าง
โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัด สำนักสงฆ์สำนักปฏิบัิติธรรม ทั่วภาคเหนือตอนล่าง

 

เนื้อเรื่องสนุกมากครับ และขอให้กำลังใจคุณลุงนะครับ

 

คุณ ลุง ทิ้งท้ายเรื่องพลังจิต ได้น่าตื้นเต้นจังเลยค่ะ พลาดไม่ได้แน่นอนค่ะ
เคยมีคนถ่ายภาพกายละเอียดของ หลวงปู่ ญาท่านสวน ได้ตอนท่านนั่งปลุกเสกวัตถุมงคล โดยที่อีกฝั่งหนึ่งเป็นกายเนื้อ และ อีกฝั่งเป็นกายทิพย์ค่ะ
ขอบคุณค่ะ

 

..................................................
...ขอบคุณ..และยินดีต้อนรับครับ............

 

สวัสดีครับคุณอา...และทุกๆท่าน มารอติดตามตอนต่อไปครับ....

 

...................................................
...ขอบคุณครับ...เรื่องการถ่ายภาพเหมือนกัน..นะครับ..มีการศึกษามาว่า..การที่..บางคน..ถ่ายภาพ..กายละเอียด..ของ..คน..ผี..วิญญาน..เทวดา..ยมทูต...ฯลฯได้นั้น..แต่ส่วนใหญ่ถ่ายไม่ได้....เพราะคนที่ถ่าย..เป็นเหมือน..สื่อกลาง..ครับ..เขาแบ่งกัน..แบบที่..ตาเนื้อ..เห็น..นี่แสดงว่า..ตัวเองมีเครื่องรับ(เครื่องแปลงสัญญาน)..อยู่ในตัวเอง..(ธรรมชาติ..ไม่ต้องฝึก)....
...เครื่องรับคุณภาพดี..เห็นทั้งภาพ..และ..เสียง..กลิ่น..
..เครื่องรับคุณภาพด้อยลง..มาหน่อย..เห็นแต่ภาพ....หรือ..ได้ยินแต่เสียง....หรือ..กลิ่น..
...เครื่องรับ..ไม่สมบูรณ์..ทั้งตาเนื้อ..ก็ไม่เห็น..หูก็ไม่ได้ยิน...แต่เมื่อผ่านจิตตัวเองที่เป็นสื่อ..ไปสู่เครื่องแปลงสัญญานอีกอย่างเช่น..กล้องถ่ายรูป(กล้องถ่ายรูป..ทำหน้าที่แปลงภาพสะท้อนที่..ตกลงที่ฉากในเครื่อง..แล้วสะท้อน..ไปหาฟิลม์..หรือ..ไปเข้าเครื่องแปลงสัญญานออกมาเป็น..digital..เข้าไปสู่cardอีกที..)..คราวนี้..เมื่อคนถ่ายเป็นประเภทนี้..เวลาถ่ายรูป..คนเราต้องมีสมาธิอยู่ที่..รูปที่จะถ่ายอยู่แล้ว..ฉะนั้น..ภาพที่ถ่ายก็นำพาเอาการแปลงสัญญานที่ไม่สมบูรณ์ติดเข้าไปด้วย..เมื่อภาพถูกขบวนการแปลง..อีกที..จากฉาก..มาถึงฟิลม์..มันก็เลย..ทำให้สัญญาน(ที่ได้รับการแปลงโดยจิต)ที่ิไม่สมบูรณ์ติดมากับภาพนั้นดีขึ้น..
ประเภทสุดท้าย..เป็นประเภทส่วนใหญ่(รวมทั้งผมด้วย)..คือไม่มีเครื่องรับสัญญาน..ตามธรรมชาติติดตัวมา..ด้วย..
..ไม่เห็น..ทั้งภาพ..เสียง..กลิ่น..ไม่มีเครื่องแปลงสัญญานอันใด...
....คุณลินน์..อยากเป็นแบบไหน..ครับ..