ใครมีประสบการณ์

ในห้อง 'ประสบการณ์ ผลของการสวด' ตั้งกระทู้โดย ทัสชา 567, 20 พฤศจิกายน 2010.

  1. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008
    ถือว่าเป็นเรื่องที่อภินิหารของการสวดอิติปิโสถอยหลังเพราะเท่าที่ค้นคว้ามาเขาบอกว่าไล่สิ่งอัปมงคลในตัวออกด้วยแต่ยังไงแล้วอย่าลืมแผ่เมตตาด้วย กรวดนำ้อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เราเป็นเช่นนี้เขาได้รับเขาก็อโหสิกรรมให้เราเช่นนี้แล เป็นความรู้เพิ่มเติมดีมากค่ะ
    ตอนนี้ยิ่งวันนี้วันพระก็สวด108จบเช่นเคยเพิ่มบทเมตตาใหญ่เพราะรูัสึกว่าจะมีอะไรแปลกๆบอกในจิตให้ทำอยู่เรื่อยๆก็ทำตามแบบงงแต่ก็ดีสนุกกับการปฎิบัติไปวันๆเพราะเอาเวลาว่างๆให้เป็นประโยชน์ไม่มีวัดก็เอาบ้านนี่แหละเป็นวัด วันนี้วันพระก็สวดยถาเอง เอาใจเป็นประธาน หนึ่งปีกลับไทยทีก็ดีเหมือนกันนะชีวิตอีกแบบหนึ่งที่ยังมีลมหายใจ
     
  2. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008
    1. ถึงแม้ว่าเราจะตั้งใจทำความดี แต่ก็อาจถูกคนพาลประชดประชันให้บ้าง จงอย่าใส่ใจเลย เพราะแม้แต่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงคุณ อันประเสริฐ ก็ยังเคยถูกประชดประชันเช่นกัน
    2. ความเป็นผู้มีเหตุผล เห็นการณ์ไกล ไม่ลำเอียง ย่อมเป็นบ่อเกิดแห่งความเลื่อมใสศรัทธา และเป็นที่มาแห่งลาภทั้งปวง
    อธิบายศัพท์
    เทวธรรม ธรรมสำหรับทำให้บุคคลเป็นเทวดา คือ หิริ โอตตัปปะ
    กฎุมพี คนมั่งมี ชาวบ้านผู้มีอันจะกินระดับเศรษฐี
    วันนี้วันพระนับว่าเป็นโอกาสอันดีเสมือนได้ฟังคำเทศนาของพระพุทธเจ้า สาธุอนุโมทนา ขอคำสวดมนต์ด้วยจะได้สวดเพื่อเป็นสิริมงคลในวันนี้
     
  3. hitman

    hitman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +439
    ผมภาวนาคาถา " สัมปะจิตฉามิ " เพราะได้มีนิมิตมาบอกให้ภาวนาคาถานี้ไปเรื่อยๆครับ
    พอหากช่วงใหนลืมภาวนา ก็เหมือนกับมีเหตุอะไร มาให้ภาวนาคาถานี้ตลอด
    ส่วนคาถาอื่นๆ ภาวนา เวลาสวดมนต์ก่อนนอน ก็เปิดหนังสือสวดเพราะจำได้ไม่หมด
    สวดไปเรื่อยๆ อธิษฐานขอพรให้เรา หายป่วย หายใข้ ได้เพราะบุญ จากการภาวนา

    ส่วนผมไม่ได้กำหนดการภาวนาว่า วันนี้จะภาวนาเท่าไร เราว่างเมื่อไร เราก็ภาวนาเมื่อนั้น
    เมื่อเรารู้ตัวว่าหลุดจากห้วงการภาวนาแล้ว ก็กลับไปภาวนาใหม่

    หลังจากนั้นผมก็ภาวนา พร้อมกับจับลมหายใจ กับนึกภาพนิมิตกสิณไฟ ร่วมด้วยครับ

    นำการภาวนาคาถาของผม พร้อมจับภาพกสิณ ไปเป็นแบบอย่างด้วย
    จะรักษาอารมณ์คาถาของพุทธคุณถอยหลัง ไว้ตลอด เพราะอารมณ์การภาวนา คาถา แต่ละคาถา
    ย่อมไม่เหมือนกัน แต่การกำหนดอารมณ์ ว่าตั้งอารมณ์ หนัก เบา ย่อม เหมือนกัน

    ผมใช้คาถานี้เป็นหลัก
    ส่วนคาถาอื่นๆ ผมก็สวดมนต์ภาวนา ก่อนนอน ทุกคืน แบบเดียวกับหลวงพ่อจรัญ อาจจะมีคาถาต่างๆ อีก แล้วจึงอธิษฐาน ตอนนอนอาจจะกำหนดจิต เจริญสติ แบบหลวงพ่อจรัญครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2010
  4. ยุบล

    ยุบล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +167
    พระคาถาเทวธรรม​
    หิริโอตตัปปะสัมปันนา สุกกะธัมมะสมาหิตา
    สันโต สัปปุริสา โลเก เทวะธัมมาติ วุจจะเรฯ
    แปลว่า สัปบุรุษผู้สงบระงับ ประกอบด้วยหิริ และโอตตัปปะ ตั้งมั่นอยู่ในธรรมอันผ่องแผ้ว ท่านเรียกผู้นั้นว่า เป็นผู้มีธรรม ของเทวดาในโลกฯ
    .........................
    สาธุ กับท่านhitman คาถาภาวนาของท่านคือ สัมปะจิตฉามิ ซึ่งต่างวิธีการแต่หลักการเดียวกัน คือการกลัดเกราจิตใจตนเอง เพื่อ..เพื่อ..เพื่อ....ต่อไป.
    ส่วนตัวของกระผมเองกสิณที่ใช้จับนั้นได้ด้วยเหตุอันควร คือตาชำเลืองไปเห็นเทียนบูชาที่โต๊ะหมู่บูชา ด้วยจิต(ความคิดที่คิดว่ามันร้อน)จับบ้าง หลับบ้าง แต่พอเอาเข้าจริง โอ ทำไหมรู้สึกดีแท้อารมณ์ที่อยู่ในช่วงนั้นเป็นความสุขที่หาอุทานใดๆมาเปรียบให้อ่านไม่ถูก จะนึกได้ก็แต่พุทธภาษิตที่ว่า ธัมโม หเว รักขติ ธัมมะจารี ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขฯ
    พอกระผมทำได้ที่จนพอแก่ความต้องการแล้ว คาถาก็ไม่มี กสิณก็ไม่มี ลมก็ไม่มี(ชั่งหัวมัน)แต่ความรู้สึกแท้จริงมันยังอยู่ ส่วนจิตของกระผมนั้นตัวกระผมกำหนดเอาไว้ที่ จุลน้อยปลายนาสิก(1ใน9)ฯตัวกระผมทำเท่านี้แต่ต้องการให้ชำนาญกว่านี้จึงต้อง สู้ สู้ สู้ต่อไป.
     
  5. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008
    หลวงพ่อจรัญเป็นผู้ชี้นำการเจริญกรรมฐานและดำเนินชีวิตของดิฉัน ดีได้เพราะ ท่านพระคุณนี้ไม่ลืมได้เลยค่ะ
     
  6. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008
    คุณยุบลอธิบายเกี่ยวกับการเพ่งกสิณไฟแบบฉบับของคุณด้วยค่ะสนใจมาก่ะ
     
  7. ยุบล

    ยุบล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +167
    พืชใช้ตำรานี้เป็นแนวกำหนดกสิณและกำหนดลมขอรับ ตำราเล่มนี้ท่านมีกำหนดใช้คาถานวหรคุณ9แต่ตัวพืชชอบและเอาอิติปิโสถอยหลังกำหนดแทน ยังไม่ชำนาญเลยขอรับแต่มีความสุขดีเวลาได้กำหนด-ไล่จับฯลฯตามจุดที่ท่านกำหนดไว้9จุด ลงภาพไว้เผื่อมีท่านใดจะลอง สาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2010
  8. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008
    (มืดตึบ)อธิบายยาวๆก็ได้เป็นความรู้ใหม่(ในภาพไม่เข้าใจเลย)และเพ่งกสินไฟให้บอกข้อมูลด้วย
     
  9. yamie

    yamie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1,640
    ค่าพลัง:
    +1,520
    สวัสดีคะ พี่ๆที่รักทุกท่าน

    น้องยาออกจากถ้ำมาแล้วคะ ออกมาสักพักก็จะกลับเข้าถ้ำคืนคะ เพราะช่วงนี้ยาอยู่ในช่วงบำเพ็ญศีล คะ ที่ยามาครั้งนี้ ยามาเพื่อ บอกครูของยาที่แนะนำให้สวดมนต์ว่า ลูกศิษย์คนนี้ได้ปฎิบัติอะไรบ้าง หรือ ว่านิ่งเฉย เหมือนเป่าขลุ่ยให้ควายฟัง บังเอิญ ยามีเขาที่ทู่ๆ คงจะเป็นวัวคะ ที่รับฟัง เสียงจากรอบๆด้าน ที่แนะนำ ให้ได้ปฎิบัติธรรม อยากถูกต้อง
    ตอนนี้ยาก็กำลังสวดมนต์
    บูชาพระรัตนตรัย กราบพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย ขอขมาพระรัตนตรัย ไตรสรณคมน์ ถวายพรพระอิติปิโส ชัยมงคลคาถา( พาหุง) ชัยปริตร ( มหากาฯ) และ อติปิโส เกินอายุ หนึ่งจบ แล้วก็ อิปิโสถอยหลังเกินอายุ หนึ่งจบเช่นกันคะ ( ยังไม่ถึงร้อยแปดจบ) จากนั้นตามด้วยพระคาถาชินบัญชร สามจบ และ แผ่เมตตาให้ตัวเอง คำอธิษฐานอโหสิกรรม แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ แผ่ส่วนกุศล และ กรวดน้ำ เป็นอันสวดมนต์จบของแต่ละวัน

    และ ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะเข้ารูปเข้ารอยในเร็ววัน ( เรื่องของชีวิตปัจจุบันคะ ) ยาจะทำการสวมนต์ แบบทั้งเล่ม ยาไม่ต้องการยึดติดว่าจะต้องสวด บทนั้นบทนี้ หากมีโอกาส ยาก็อยากมนต์ ทุกบท หากมีเวลามากพอ และก็นั่งสมาธิ ภาวนา เท่าที่ทำได้แบบไม่เร่งรีบคะ ฝืนไปก็เจ็บตัว เจ็บขา ( ขายานั่งงอไม่ได้คะ หัวเข่าเสื่อมมาก หมอให้งดนั่งท่าขัดสมาธิ)

    อนุโมทนาบุญ กับการนั่งสมาธิและสวดมนต์กับยาด้วยนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ ( ถึงแม้สมาธิจิตยังไม่นิ่งพอ แต่ถือว่า เป็นการเริ่มต้นที่ดีคะ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2010
  10. yamie

    yamie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1,640
    ค่าพลัง:
    +1,520
    เอ่อ คือว่า งงคะ ไปเปิดดูรูปที่คุณยุบล โพส เวียนหัวติ้ว งงไปเลยคะ ไม่เข้าใจ อาจจะเป็นเพราะ ยาเพิ่งเป็นผู้เริ่มปฎิบัติศีล ภาวนา ใหม่ กระมัง เลยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรคะ เวลานั่งสมาธิ ช่วงนี้บอกตามตรงว่าจิตไม่นิ่งคะ เพราะ สถานที่ไม่เอื้อ เสียงรบกวน รอบด้าน และ เสียงดังมาก ได้แต่คิดในใจ จะรีบเคลียพื้นที่ให้เสร็จโดยเร็ววัน เพื่อ การภาวนาศีล ให้ได้คะ
     
  11. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008

    พี่ขอเป็นผู้อยู่เคียงข้างนะ ถ้าหากน้องยาทำทุกวันสมำ่เสมอแล้วจิตเราจะนิ่งไม่หวั่นไหวต่อสิ่งรอบข้างเลยอย่าท้อนะนั่นเป็นพลังใจอย่างหนี่งที่จะทำให้เราพ้นก้าวไปจากจุดนี้เมื่อสมาธิเราเกิดเสียงใดๆจะไม่มีเลยสักแต่ว่าเสียงไม่รำคาญปล่อยเป็นเรื่องของมันค่ะ
    พี่ดีใจนะที่น้องยาสวดมนต์เป็นยาทาไปก่อนส่วนการนั่งพี่จะให้ไอเดีย น้องยาหาตั่งเล็กๆมานั่งได้นะฝรั่งเขาใช้หมอนรองนั่งให้ก้นสูงขึ้นเพราะขายาวนั่งลำบากน้องยาฝึกตัวเองไป ขยันก็ทำขี้เกียจก็ทำ แล้วน้องยาจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างปาฎิหารย์
    ขอสาธุอนุโทนา..การสวดมนต์นะ สาธุ..สาธุ สาธุ..
     
  12. hitman

    hitman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +439
    ขออธิบาย การฝึกกสิณไฟ เพื่อเป็นแนวทางนะครับ ขั้นแรกปูพื้นฐานเพื่อกสิณไฟ

    1.ภาวนาคาถา "สัมปะจิตฉามิ" 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยนะครับ
    2. ภาวนาไปเรื่อยจิตเริ่มตึงเครียด เมื่ออารมณ์เครียดถึงที่สุดก็ให้วางอารมณ์ไม่สนใจในคำภาวนา ผ่อนอารมณ์ ผ่อนคลายอารมณ์ลงมา คือทำตัวสบายๆ อำนาจจิตของเราจะรวมตัวกันครับ
    ให้ฝึกภาวนา ให้ชำนาญก่อน
    คือจังหวะเร่ง คือการภาวนา เป็นตัวดึงอำนาจจิต ชักนำและบังคับอำนาจของจิตให้ออกมาในลักษณะที่เราต้องการ ลักษณะที่เราต้องการในที่นี้คือ อำนาจจิตรวมตัว กำลังจิตของเรารวมตัวกัน จนกระทั่งจิตของเราเครียด และจังหวะผ่อน คือเมื่ออารมณ์เริ่มเครียดมากจนเราทนไม่ไหว เราก็เลิกภาวนา ผ่อนอารมณ์ลงมาด้วยอารมณ์แห่งความชินของจิตที่ถูกบังคับให้อำนาจจิตรวมตัวกัน ส่งผลให้ กำลังของจิตก็จะรวมตัวกันเอง โดยที่เราไม่ต้องควบคุมบังคับอำนาจของจิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2010
  13. hitman

    hitman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +439
    เริ่มการฝึกกสิณไฟ

    1. จับลมหายใจ เข้าลมกระทบจมูก กระทบหน้าอก กระทบหน้าท้อง หายใจออก ลมกระทบท้อง หน้าอก จมูก จับลมหายใจไปเรื่อยๆ พร้อมภาวนาคาถา " สัมปะจิตฉามิ"
    2. นึกภาพเปลวไฟ เป็นลักษณะดอกบัว ดอกบัวนั้นมีความร้องเริงแรง และแสงสวางดังดวงอาทิตย์ นึกภาพดอกบัวไปวางไว ณที่ ในท้องของเรา เป็นตัวแทน ของดวงอาทิืตย์ เปลวไฟ และความร้อน รวมไปถึงแสงว่าง
    3. จัับลมหายใจพร้อมคำภาวนา และนึกภาพเปลวไฟเป็นรูปทรงดอกบัวที่อยู่ในท้อง ไปพร้อมๆกัน ยิ่งภาวนามาก ไฟที่เป็นรูปทรงดอกบัวนั้นยิ่งมีแสงสว่างมากขึ้น เปลวไฟมีมากขึ้น ถ้าอารมณ์ถึงปฐมฌาณ ภาพเปลวไป ก็เป็นแก้ว ฌาณที่ 2 ภาพเป็นแก้วใสมากขึ้น คำภาวนาหายไป ไม่ต้องสนใจให้นึกภาพเปลวไฟ เป็นรูปทรงดอกบัวไปเรื่อยๆ จนะกรทั่งจิตของเราเครียดมาก จึงผ่อนอารมณ์ ลงมาถึงอารมณ์สบายๆ อำนาจจิตจึงส่งผล ความร้อนในร่างกายจึงปรากฎออกมาให้ร้อนมาก ร้อนน้อยได้ตามแต่ใจปรารถนา เมื่อจิตของเรา ทำการฝึกใช้อำนาจของกสิณไฟ จนกระทั่งชำนาญแล้ว จิตของเราเริ่ม่ที่จะควบคุม อำนาจกำลังของจิตเราไม่ไหว จึงเจริญ สติ แบบหลวงพ่อจรัญ ควบคุมอำนาจจิตของเราเอง

    ผมศึกษา จากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ประการที่ 1 และ หนังสือมหัศจรรย์ทางจิต หนังสือพุทธานุภาพและจิตตานุภาพ หนังสือลัทธิโยคี และมายาศาสตร์ของ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ประการที่ 2 สอบถามผู้รู้ ประการที่ 3 แล้วนำมาพลิกแพลง หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า การประยุกต์ ให้เป็นการฝึก กสิณไฟ ในแนวทางของเราเองครับ

    ป.ล. ยึดหลักของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และ หนังสือมหัศจรรย์ทางจิต เป็นเกณฑ์ จ๊ะ ในเรื่องกสิณไฟ
    ส่วนวิปัสสนา ยึดหลักหลวงพ่อจรัญ ครับ

    ด้านการลองใช้คาถา สัมปะจิตฉามิ เห็น ว่าควรจะ แผ่เมตตาร่วมด้วยเพราะคาถานี้แรงมาก
    ผมภาวนาอยู่ หลานผมเล่นกันเสียงดัง ผมรู้สึกรำคาญแต่ก็ไม่ได้ไปว่าอะไรเขานะ ก็พยายามข่มอารมณ์ภาวนาต่อไปเรื่อยๆปรากฎว่า อยู่ดีดี หลานของผมล้มตกบันได เท้าแพลง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2010
  14. hitman

    hitman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +439
    โทษทีนะครับ ที่ตอบช้า เพราะว่า ตอนบ่ายกำลังฝึกงานอยู่ พิมพ์งานตลอดไม่สะดวกที่จะพิมพ์ลงไป เลยต้องรอกลับมาที่บ้านก่อนถึงค่อยพิมพ์ลงไป

    เรื่องคาถา " พระอรหัง สุคะโต ภะคะวา นะเมตตาจิต "

    เคยใช้เมื่อไปติดต่อกับครูบาอาจารย์ ในมหาวิทยาลัย ตอนคุย หรือเรียนอยู่ภาวนา จนเคร่งเครียด วัน สอง วัน แล้ว ไม่เห็นผล ต่อมาเลิกภาวนา ไม่สนใจผ่อนอารมณ์ไม่ใส่ใจเลย
    อาจารย์กลับมาเอ็นดู ทำอะไรก็ตาม อาจารย์เอ็นดูหมด
    มันเป็นหลักในการภาวนานะครับ ภาวนาจนเคร่ง คือ ตัวชักนำอารมณ์จิตเราให้มีฤทธิ์เป็นไปตามผลของคาถา แต่ อำนาจฤทธิ์ของคาถายังไม่ส่งผล พอเลิกภาวนาอารมณ์มันผ่อนคลายลง คาถากลับมาส่งผล ตอนผ่อนอารมณ์นี่แหละ นึกถึงตอนนั้นยังไม่รู้ ตอนนี้มานึกก็หัวเราะตัวเอง หละครับ ภาวนาคาถาบ่อยๆ จะจับหลัก ของการภาวนาคาถา ได้เอง
    แต่ต้องรู้จักสังเกตครับ

    ไม่ว่าจะเป็นคาถาอะไร อำนาจของคาถาจะมีคุณอย่างไร ล้วนใช้หลักเดียวกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2010
  15. hitman

    hitman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +439
    ตัวอย่าง การใช้อำนาจจิต ในหนังสือ เรื่องพุทธานุภาพ และจิตตานุภาพ นะครับ

    ในวันที่ 6 กค 2430 ข้าพเจ้านั่งอ่านหนังสือ อยู่ในห้องรับประทานอาหาร เป็นเวลาบ่าย 3 นาฬิกา ภรรยาของข้าพเจ้าหลับสนิทอยู่บนเก้าอี้นวมข้างๆข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าเห็นภรรยาหลับสนิทดังนี้ ก็คิดอยากจะปลุกให้ตื่นด้วยอำนาจหัวใจ ข้าพเจ้าจึงตั้งจิตแน่วแน่ จ้องดูภรรยาและนึกอย่างแรงสุดว่า " ตื่นขึ้น ฉันต้องการให้เธอตื่น" เวลาล่วงไป 2-3 นาทีโดยไม่เกิดผลอะไรเลย และภรรยาของข้าพเจ้าก็กำลังหลับสนิทอยู่ตามเดิม ข้าพเจ้านึกปลุกอีกครั้งหนึ่งด้วยกำลังแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน ก็ไม่มีผล ข้าพจเ้าจึงตกลงเลิกและอ่านหนังสือต่อ เพราะเห็นว่าไม่สำเร็จแล้ว สิบนาทีภายหลัง ภรรยาของข้าพเจ้าตื่อนขึ้น พร้อมร้องถามว่า ข้าพเจ้าต้องการอะไร ทำไมจึงปลุกขึ้น ข้าพเจ้าตอบว่าเปล่า ข้าพเจ้าไม่ได้เ่อยปากพูดอะไรเลย เธอยืนยันว่าข้าพเจ้าร้องเรียกให้เธอตื่น แต่เธอกำลังฝันอย่างประหลาด เธออยากฝันต่อไปอีกจึงไม่ยอมตื่น แต่ในที่สุดเมื่อข้าพเจ้าร้องเรียกเธอหนักเข้า เธอก็ต้องตื่น และเสียงของข้าพเจ้าที่ร้องบอกว่า "ตื่นขึ้น ฉันต้องการให้เธอตื่น" นั้น ยังก้องหูเธออยู่ ภรรยาของข้าพเจ้าประหลาดใจมาก เมื่อได้ทราบว่าข้าพเจ้าปลุกเธอโดยที่นึกในใจเท่านั้นไม่ได้ออกวาจาเลย


    จะเห็นได้ว่าอำนาจจิตของเรานั้น ไม่ว่าจะใช้อำนาจจิตในเรื่องของคาถา และ ใช้อำนาจจิตในด้านควบคุมจิตผู้อื่น หรือ อำนาจจิตในเรื่องของกสิณนั้น ล้วนใช้หลักเดียวกันทั้งสิ้น ซึ่งเขาเรียกว่า จิตตานุภาพ ภาษาพุทธศาสนา เรียก มโนมยิทธิ คือ ฤทธิ์ทางใจ มันก็ หมายถึง อำนาจจิตของเราที่มีฤทธานุภาพในการทำสิ่งต่างๆให้บรรลุเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ เช่นอำนาจจิตในด้านการทำงานให้สำเร็จ อำนาจจิตในการจุดเปลวไฟ อำนาจจิตในการควบคุม ผู้อื่น เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2010
  16. hitman

    hitman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +439
    มูลเหตุที่ข้าพเจ้าได้ บำเพ็ญ กสิณไฟ เนื่องจาก 5 ปีที่แล้วได้เจอคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำจึงจับลมหายใจ 3 ฐาน พร้อมนึกภาพพระพุทธรูป ให้ปรากฎอยู่ ในใจ เวลา หลับตา และลืมตาสักประมาณ 3-7 วัน ภาพไฟปรากฎแทรกภาพนิมิต จึงสงสัย ไปถามผู้รู้ เขาว่าเป็น ของเก่า จึงลองพิจารณาดูเองอีกรอบปรากฎว่า ชาติก่อน เคย ได้ฤทธิ์ทางกสิณไฟ มาก่อน แล้วจึงได้ทำแบบงูๆปลาๆ เดี๊ยวทำ เดี๊ยวเลิกตลอด

    จนกระทั่งเมื่อต้นปีจะตั้งหลักการปฏิบัติให้เป็นหลักเป็นเกณฑ์ จึงนำหนังสือกรรมฐานทั้งหมดมาวางไว้หน้าพระพุทธรูป จุดธูปไหว้พระอธิษฐานถามพระพุทธรูป ถึงกรรมฐานที่เหมาะสมกับข้าพเจ้าในหนังสือเหล่านี้ จึงนึกถึงกรรมฐานกองอานาปานุสสติ จับลม 3 ฐาน และ กสิณ ที่นำพระพุทธรูปมาเป็นองค์กสิณ ได้ จึงเริ่มฝึกงูๆปลาๆ แล้วจึงเพ่งกสิณแสงสว่าง โดยนำลูกแก้วเป็นภาพนิมิต หลังจากนั้น ฝึกมาได้ อีกระยะ ฝันเห็นพระมาบอกคาถา สัมปะจิตฉามิ ภาวนาๆไปเรื่อยๆ จนรู้สึก ว่าร้อนจนทนไม่ไหว จึงเจริญสติวิปัสสนากรรมฐาน จึงรู้วิธี การสร้างไฟ และ กำหนดไฟให้ดับด้วยอารมณ์จิต

    จนถึงเดือน 9 ได้ภาวนาคาถาจักรพรรดิ์ ของหลวงปู่ดู่ ภาพนิมิตไฟปรากฎเข้ามาให้เห็นอีก รอบ จึงได้ฝึกกสิณไฟต่อ ตั้งแต่ เดือน 9 เป็นต้นไปครับ
     
  17. hitman

    hitman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +439
    มูลเหตุให้ศรัทธาหลวงพ่อจรัญ ครั้งอยู่ ม.5 เคยอ่านหนังสือสวดมนต์ของท่าน เจอขั้นตอนการสวดมนต์ แล้ว เขียนลงท้ายว่า ให้อธิษฐานแล้วจะสำเร็จตามความปรารถนา ความจริงในหนังสือนั้นเขียนว่า ให้อธิษฐานสิ่งทีี่ตนปรารถนา เลยลองสวดมนต์ดู ปรากฎว่าได้ตามที่อธิษฐานไว้จริงๆ กระผมเลยศรัทธาท่าน มาก ทุกวันนี้ยึดหลักการสวดมนต์แบบท่านเป็นเกณฑ์อยู่ตลอด
     
  18. yamie

    yamie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1,640
    ค่าพลัง:
    +1,520
    สวัสดีคะ พี่ๆทุกคน
    น้องยาเพิ่งเสร็จจากการนั่งสมาธิ สวดมนต์และ กรวดน้ำคะ วันนี้รู้สึกเหนื่อยและเพลียหน่อยคะ หงุดหงิด เนื่องจากสมาธิไม่ได้คะ เสียงสองตัวดื้อ ที่เล่นอยู่หน้าประตูกับแฟน แต่เรานั่งสวดมนต์ ปวดหมองจริงๆคะ ยิ่งเรากำลังสร้างสมาธิให้ตัวเอง จิตต่อให้บอกว่านิ่งก็คงไม่นิ่งหละคะ เจอแบบยานี่เลย ที่มานั่งสมาธิใหม่ๆ ทำไงดีหละคะ นี่เวียนหัวมากเลยคะ สงสัยอาจจะเป็นเพราะ ช่วงที่สวดมนต์ เราจิตไม่นิ่ง เลยทำให้ปวดหัว และ สวดไป เสียงเราสะดุด ไม่คล่องเหมือนเมื่อคืนวาน อาจตรงไหน เสียงหายไปบ้าง เหมือนบางอย่างติดคอ พอดึงตัวเองกลับมาให้ได้สมาธิใหม่ข้างนอกก็เสียงดัง แล้วผลตกที่ยาคะ ลมใส่เลย มีอาการทันตาเห็น ท่องสักครู่ เรอออกมาเสียงดัง และ เรอ อยู่อย่างนี้ ยืนก็โงนเงน เหมือนจะบ้าตาย เป็นอะไรไม่ทราบคะ มุนวุ่นวาย ยุ่งๆยังๆไงไม่รู้ข้างในตัวเรา
    พี่คะ เดี๋ยวยาขอตัวนะคะ ยาว่ายาขอเปลี่ยนเรื่องก่อน และ จะเล่าให้ฟังถึงผลการสวดมนต์ที่ผ่านมาคะ ยาคงไม่ไหวแล้วตอนนี้ มีความรู้สึกว่าหนักหัว สงสัยต้องหาวิธีไปผ่อนคลาย ก่อนคะ คงยังเขียนอะไรมากมายตรงนี้ไม่ได้ รู้แต่ว่าวันนี้แม้แต่เสียสวดมนต์ต้องชะงักหลายๆรอบ โอยยยย โอยยยย
     
  19. hitman

    hitman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +439
    ข้าศึก มาเป็น 10 กองทัพ มาประชิดทัพเรา เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้เกิดการประหม่า
    เราจะบำหราบทั้ง 10 กองทัพในขณะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่เราควรทำคือ
    กองทัพข้าศึก ผมหมายถึง มาร หรือกิเลส ที่มากวนใจเรา
    1. วางแผน จัดเตรียมกองทัพให้สมบูรณ์ ในขั้นพื้นฐาน คือ ศีล
    ได้แก่ การขอขมาพระรัตนตรัย สมาทานศีล 5 สมาทานพระกรรมฐาน
    ( ทำให้ มีศีลคือกำลัง และ มีครูบาอาจารย์ ช่วยแนะนำในการ รบ คือ ช่วยแนะนำในการกำหราบ มาร กิเลสทั้งหมาย)
    2. ข้าศึกยกทัพมาก่อกวน ทัพเรา (มารมาก่อกวน คือ เรามีความรู้สึกวุ่นวายใจ ฟุ้งซ่าน ไม่สงบ รำคาญเสียงรอบข้าง) เราก็นำทัพป้องกัน ( คือ อานาปานุสสติ จับลมหายใจ ระดับปฐมฌาน ถ้าได้จะไม่รำคาญเสียงรอบข้าง )
    3. ตั้งค่ายกดดันข้าศึกไม่ให้แผลงฤทธิ์ได้ ( คือจะทำลายนิวรณ์ 5 ผมแนะแค่ข่มนิวรณ์ 5พอ) คือ การตั้งค่ายลม ( ฝึกจับลมหายใจ อานาปานุสสติ)
    4. ข้าศึกยุแหย่ให้เราโมโห ( เมื่อมีนิวรณ์ 5 ตัว พยาบาทมาก่อกวนจิตใจ ) เราจึงวางเฉยอุเบกขาไม่ออกรบกับข้าศึก (ให้เจริญเมตตาบารมี / พรหมวิหาร 4)

    พอข้าศึก อ่อนกำลังลง ( มารอ่อนแอ)
    เราจึงต้องบุกโจมตีข้าศึก ( เจริญสติ ปัฏฐานสูตร 4 , วิปัสสนา ของหลวงพ่อจรัญ)
    ข้าศึกแตกพ่าย เราชนะกิเลส

    ทำไปเรื่อยๆ เราจะชนะกิเลส และบรรลุธรรมเองครับ

    แต่ถ้าเคร่งมากควรผ่อนคลายนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2010
  20. yamie

    yamie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1,640
    ค่าพลัง:
    +1,520
    555555555 ขอบคุณคะ พี่ hitman ( ภาษาอังกิด แปลว่า ตีผู้ชายหรือผู้ชายตี ใช่ไหมคะ)
    น้องอ่านที่พี่แนะนำแล้ว อย่างว่านะคะ แล้วสรุปได้ดังนี้คะ จากที่ทำเมื่อวานคะ
    ข้อที่
    1 ขอขมาพระรัตนตรัย สมาทานศีล 5 สมาทานพระกรรมฐาน
    ( ทำให้ มีศีลคือกำลัง และ มีครูบาอาจารย์ ช่วยแนะนำในการ รบ คือ ช่วยแนะนำในการกำหราบ มาร กิเลสทั้งหมาย) น้องยาก็เริ่มสวดมนต์ ดังขึ้น เพื่อให้รู้ว่าเราต้องการสวดมนต์
    2 ข้าศึกยกทัพมาก่อกวน( เจ้าตัวดื้อ นอนฟัดขวดน้ำเปล่า เสียงดังแกร๊บบบบ กระแทกประตูกระจก ดังตุ๊บๆๆๆ ) น้องยาก็ พยายาม ดับความรู้สึก ให้เริ่มดำดิ่งนิ่งสงบ แต่เสียงยังดังไม่เลิก ปากเราอ่านหนังสือสวดมนต์ แต่ ใจเรานับ1-10 เอ็งโดนแน่ คิดในใจคะ
    3 ตั้งค่ายกดดันข้าศึกไม่ให้แผลงฤทธิ์ได้ ( น้องยา ตัดสินใจ เดินไปเปิดประตู บอกแฟน ให้เอาขวดออกจากปาก เจ้าดื้อ ไม่งั้น อดข้าว หนึ่งวันทำโทษ ฮ่าฮ่าฮ่า )
    4 ข้าศึกยุแหย่ให้เราโมโห( เจ้าดื้อ ยิ่งขบกัดฟัดกระแทก ประตู และวิ่งหนีแฟน อย่างสนุกสนาน เสียงดังโครมคราม ) น้องยาเดินไปเงียบ แล้วบอกว่าธาตุไฟเข้าแทรก แล้ว
    ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ



    ที่เขียนมา บางครั้งจริง และ บางครั้งสมมุติ จากความรู้สึกคะ อิอิอิอิอิ เรื่องจริง คือ ยาไม่นั่งสมาธิคะ รู้ตัวว่าเรานั่งไม่ได้ เมื่อจิตเราไม่พาไป เราก็ถอยมาตั้งหลัก และหาหนทาง ที่จะทำให้สงบในวันถัดมา ( หนีขึ้นบนบ้าน จัดห้องพระก่อนอันดับแรก ข้างล่างยังไม่ต้องเคลีย เพื่อหนีเสียงรบกวน ต่างๆ )

    พี่ hitman คะ น้องยาบอกตามตรงเลยนะคะ ยายังไปไม่ถึงไหนเลยคะ ใจมันยังวุ่นวายสับสน หลับตาจิตไพร่ไปคิดเรื่องอื่น สิ่งแรกที่ยาควรปราบ คือ ปราบความนึกคิดตัวเองให้ได้ก่อนคะ เรื่องอื่นค่อยเป็นค่อยไปคะ ต้องหาวิธีที่จะลบเจ้าความคิดที่ไหลมาเทมา จาไหนไม่รู้ เพื่อให้มีสมาธิเป็นที่ตั้ง ก่อนบำเพ็ญศีลภาวนา คะ เหอเหอเหอ เอิ๊ก เอิ๊กกกก ตอนนี้ น้องยามีแต่หนังสือ หลวงพ่อจรัญ ที่ถือใช้สวดมนต์อยู่ หกเล่มเห็นจะได้ ศรัทธาในตัวท่านเช่นกันคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...