โดนขังวิญญาณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ainteerati, 14 สิงหาคม 2010.

  1. Assarin

    Assarin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +104
    ขอบคุณค่ะคุณจิโป ทิพย์ก็คิดอยู่ไม่อยากยุ่งต้นมะพร้าวก็ไม่ได้อยู่ในส่วนที่จะมีใครโดนหล่นใส่หัวได้ ถึงเจ้าของจะไม่ว่าเวรกรรมในการลักขโมยของคนอื่นก็หล่นใส่ทันตา แต่ถ้าเขาตายขึ้นมา แฮ่ .. คนที่กลัวที่สุดน่าจะเป็นทิพย์ เขาคงมาหลอกทุกวัน
     
  2. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    โอ้โฮ....เล่นตระโกนเสียก้องฟ้า..สะท้านปฐพีทั่วหล้า ขนาดนี้.....จะไม่รับรู้รับทราบได้อย่างไร :p. ศิลามณี ว่า เขารับทราบแล้วละคะ....
     
  3. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    ว๊าวๆๆๆๆๆๆๆๆๆมีแต่คนแต่งกลอนกันเก่งๆทั้งนั้นเลย เดี๋ยวเอาบทความที่เขียนไว้มาลงบ้างดีกว่า^-^
     
  4. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    ระบายสุข

    เมื่อก่อนเคยอธิษฐาน


    "หากเกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้ได้ครองคู่กันทุกภพทุกชาติไป"


    แต่พอเริ่มมานั่งทบทวน พิจารณา กลับรู้สึกว่าที่อธิษฐานเช่นนั้น มันช่างไร้เดียงสาจริง(เฉพาะเรา 2 คนนะ ไม่ได้หมายถึงผู้ใด)


    เมื่อก่อนเวลาเห็นผู้เฒ่าผู้แก่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมเรียงเคียงกัน ประคับประคองดูแลจนกว่าอีกฝ่ายจะตายจาก


    เคยรู้สึกว่า คนเหล่านั้นช่างโชคดียิ่งนัก อยากมีชีวิตคู่เช่นนั้นบ้าง


    แต่ทุกวันนี้ พอมีเวลาว่างๆได้คิดทบทวน ลองนั่งมองย้อนกลับไป


    กลับมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า
    "สิ่งนั้นมันคือสุขที่แท้จริงหรือ?"
    หากวันใดที่ใครคนใดคนหนึ่งต้องตายจากไป อีกคนจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร
    เหมือนบางสิ่งที่เราเคยได้เคยมีมานานแสนนานได้พังภิณท์ลงไปต่อหน้าต่อตา
    ภายใต้ความสุขที่ฉาบทาหัวใจคน 2 คนไว้ ได้มีความทุกข์เล็กๆที่แอบซ่อนอยู่ภายใน ไม่ใช่ไม่มี เพียงแต่ถูกความสุขบดบัง


    หลายคู่ ความสุขที่ฉาบทามันบางเกินไป เมื่อถูกกระเทาะออก ความทุกข์ที่อยู่ภายใต้ก็เล็ดลอดออกมาให้เห็น


    หลายคู่ร่วมกันฉาบทาความสุขไว้ อย่างสม่ำเสมอ กว่าจะได้เห็นความทุกข์เขาก็ได้เก็บเกี่ยวความสุขจนชื่นฉ่ำหัวใจ





    วันนี้


    ฉันมองเห็นความเป็นไปในมุมมองที่ต่างจากเดิม
    ฉันเริ่มมองเห็นแล้วว่าไม่มีความสุขใดที่จีรัง ไม่มีความทุกข์ใดที่ยั่งยืน
    แล้วมันจะมีความหมายอะไรกับการที่เราสองคนจะต้องมาครองคู่กันเพื่อรอวันที่ต้องพบเจอกับการจากลา
    ไม่ใช่ฉันไม่รักเธอหรือรักเธอน้อยลงกว่าที่เคยเป็นเลย
    แต่โปรดรู้ไว้เถิดว่า ฉันไม่ปรารถนาให้เราสองคนต้องมาวนเวียนอยู่กับความทุกข์ซ้ำซากที่จะเกิดขึ้นนี้

    และด้วยเหตุนี้คำอธิษฐานของฉันจึงเปลี่ยนไป
    ฉันอธิษฐานว่า
    "หากเกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้เราได้พบกัน เพื่อที่จะนำพากันไปตามเส้นทางที่จะได้พบเจอกับความสุขที่แท้จริง"
    ฉันจะหาหนทาง พาเธอไปพบพานกับความสุขที่งดงาม ละมุนละไมมากกว่าที่เราเคยได้รับมาตลอดช่วงเวลาที่เราครองคู่กัน
    ความสุขที่มีแต่คำว่า"ให้" แต่ไม่เคยร้องขอที่จะได้"รับ"กลับคืน
    และเมื่อถึงวันนั้น เราทั้งคู่ก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือช่วยกันนำพาผู้ที่ยังไม่เคยได้ลิ้มรสความสุขในแบบเดียวกับที่เราได้รับ
    ทำให้เขาได้เห็นว่า ยังมีความสุขมีเรียกว่า บรมสุข รอพวกเราอยู่ที่ปลายทาง
     
  5. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    อธิฐาน แบบนี้ เหมือนกับการให้สัญญา กันและกันเลยนะคะ ...แล้วถ้ามันทำไม่ได้..หรือไม่เป็นไปตามที่สัญญาไว้จะทำอย่างไงละ ...มิต้องวนไปวนมาอยู่หยั่งงี้ จนกว่าจะเจอกันอย่างนั้นเหรอ

    ศิลามณี กำลังนึกถึงคำว่า ฤทธิ์ของอธิฐานจิต มันเป็นยังไงนะ แล้วจะทำยังไง ที่จะทำให้คำอธิฐานของเราสัมฤทธิ์ผล..ได้
     
  6. chaiyawat

    chaiyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +148
    เรียน เจ้าของห้องกระทู้และทุกท่าน

    นำข่าวบุญมาบอกนะครับ (http://www.dhammabookstore.com/index.htm)

    เว็บนี้มีให้สั่งพิมพ์หนังสือธรรมะราคาถูกครับเช่นหนังสือวิธีสร้างบุญบารมีจะอยู่ที่ราคา 5 บาทต่อเล่มครับ
    หรือหากไม่สั่งพิมพ์ ก็สามารถเข้าไปอ่านเนื้อหาได้ฟรีครับ ได้บุญจากการอ่านธรรมะ

    ถ้าการบอกบุญนี้ได้บุญขอให้บุญนี้จงสำเร็จแก่บิดามารดาข้าพเจ้าด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2011
  7. พลภัทร Mechanic

    พลภัทร Mechanic Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +41
    ตัวเองเป็นคนศรัทธาในพุทธศาสนา แต่ยังไม่สามารถข่มจิตใจให้เข้าถึงได้มากนัก
    ตอนนี้ให้กำลังใจตัวเองโดยเวลาทำบุญ หรือขอพรพระว่าขอให้ตัวเองเป็นคิดดี ทำดี และมีโอกาสได้ทำความดีอยู่เสมอ

    เรื่องสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำบ้างแต่ไม่บ่อยนัก
    รู้แต่ว่าชอบสวดมนต์ แต่เรื่องสมาธิพยายามศึกษาแต่ปฏิบัติไม่ค่อยไปถึงไหน บ้างครั้งสงบรู้สึกดี บ้างครั้งร้อนนั่งไม่ได้เลยทั้งที่จิตไม่ได้โกรธ/ทุกข์ นั่งในห้องแอร์ เหงื่อไหลซึมร้อนไปหมด(ไม่เคยฝึกที่ไหน หรือสายไหน นั่งกำหนดให้จิตว่างหรือพุทโธเท่านั้น)ถ้าเกิดอาการวันนั้นนั่งสามาธิไม่ได้เลยต้องเลิก กำหนดว่าร้อนหนอๆก็ไม่ไหว
    ขอขอบคุณในจิตใจที่มีเมตตามากๆนะคะ
    จำได้ว่าเข้ามารู้จักเว็ปพลังจิตได้เพราะกระทู้ของคุณ ainteerati และก็เป็นกระทู้โดนขังวิญญาณด้วย รวมถึงอ่านการตอบสนทนาของท่านจิ-โปบ่อยๆ แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาแสดงตัว หรือสนทนา ด้วยเกรงถึงความด้อยในสติ สมาธิ และความอดทน
    แต่เพียงแค่เข้ามาครั้งแรก ก็ได้รับการแนะนำอย่างกรุณาจากทั้ง 2 ท่าน รู้สึกดีมากจริงๆ

    ปล.จากตัวอักษรของทั้ง 2 ท่าน(คุณ ainteerati และคุณจิ-โป) ดูแตกต่างกันมาก อีกท่านดูสุภาพ โรแมนติก ส่วนอีกท่านดูตรงๆ รวยอารมณ์ขัน (เป็นความรู้สึกส่วนตัว และถ้าใช้คำที่อาจไม่เหมาะสม ต้องขออภัย)
     
  8. sorakran2007

    sorakran2007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +945
    ผมขอให้ท่านลงนะ หน้า ทอง ให้ ท่านไม่ลงให้นะครับ ท่านบอกว่านู้นให้หลวงพ่อเดชนู้นลงให้... หลวงพ่อเดชกับปู่ฤาษีเกศแก้วเหมือนท่านสนิทกันมากๆ เลยนะ แต่ท่านกำลังสร้างเจดีย์อยู่ภูไหนผมจำไม่ได้แล้ว ท่านบอกจะไปอัญเชิญพระธาตุจากพม่ามา (หลวงพ่อเดชบอก)

    คุณจิ-โปครับ ตอนผมนั่งสมาธิผมเห็นผู้หญิงแกคนหนึ่ง มือข้างหนึ่งชูสร้อยทอง อยากทราบว่าท่านมาทำไมหรอครับ ผมกลัวจะคิดไปเองอ่ะครับ เกี่ยวกับการถ่ายรูปอะไรป่าวครับ ช่วยขยายความให้ที ขอบคุณครับ
     
  9. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    ก่อนอื่นขอบอกก่อนนะคะว่าเป็นเพียงการแต่งขึ้นมาค่ะ เหมือนการระบายความรู้สึกในใจออกมาเป็นถ้อยคำค่ะ

    ที่จริงจะมองดูว่าเป็นการสัญญาก็อาจจะได้หรืออาจไม่ใช่ก็ได้ค่ะ ปราญฯขออนุญาตตอบตามความคิดเห็นส่วนตัว ไม่อ้างอิงหลักธรรมใดเพราะปราญฯไม่มีความรู้เลย หากผิดพลาดประการใดก็ขอขมากรรม ขออโหสิกรรมนะคะ

    แรกเลยที่เขียนว่าอธิษฐานขอพบเจอทุกชาติไปนั้นเป็นการอธิษฐานในแบบยังไม่เห็นโทษของความรัก การพลัดพราก การจากลาและความทุกข์จากการไม่ได้มาและการเสียไปค่ะ เป็นคำอธิษฐานของการมองความรักในแบบโลกๆ คิดว่าการครองคู่จะงดงามและหวานหอม คิดว่ารักจะไม่มีทุกข์ซ่อนอยู่ภายใน แต่เมื่อรู้แล้วว่าหนทางใดที่จะชักนำเขาไปให้ถึงซึ่งความสุขที่แท้จริง เมื่อรู้ว่าโทษของการยึด การมีและความอยากมันคือทุกข์ทั้งสิ้น คำอธิษฐานจึงเปลี่ยนไป ที่ว่าเปลี่ยนไปนี้คือ หากชาตินี้เราได้มีศีลที่เสมอกัน ปัญญาเสมอกัน ทานเสมอกันแล้ว โอกาสที่เรามีโอกาสได้เจอกันอีกนั้นย่อมมีโอกาสเป็นไปได้ และหากสังเกตสักนิดจะเห็นว่าประโยคหลังเราอธิษฐานเพียงเพื่อได้พบกัน ได้พบในที่นี้มิได้ระบุชี้ชัดว่าต้องเป็นคู่ครอง แต่อาจเป็น พ่อแม่ พี่น้อง ลูกหลาน ครูอาจารย์ ลูกศิษย์ หรือแม่แต่กัลยาณมิตรก็ตาม เพื่อให้ได้มีโอกาสได้ก้าวเดินบนเส้นทางธรรมและชี้นำกันไปให้ถึงปลายทางคือความหลุดพ้นอย่างแท้จริง


    สัจจาธิษฐานที่หนักแน่นและมั่นคงทั้งประกอบขึ้นด้วยความเมตตากรุณาเป็นที่ตั้งโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนย่อมมีพลังที่มากมาย แต่สุดท้ายจะได้หรือไม่ได้ตามที่อธิษฐานก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ของวิบากกรรมเป็นสิ่งชี้นำไป
     
  10. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    ขอบคุณนะคะ ที่กรุณามาขยายความให้ฟัง ต้องยอมรับว่าอ่านทีแรก ดูแปลกๆ เหมือนไม่ใช่คุณปราญชลี ...นะคะ^-^
     
  11. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    เอ๋ ถ้ามิใช่ปราญฯแล้วจะเป็นใครหรือคะ ชักแปลกใจ ปราญชลีเวอร์ชั่นพูดจารู้เรื่องมักไม่ค่อยมีใครเจอค่ะ เพราะตัวจริงต้องฮา บ้าและไร้สาระ ประมาณนี้ อิอิ
     
  12. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    อืมร์....นั่นสินะ ศิลามณี คงคิดเยอะแยะไปนะคะ.........
     
  13. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ข้างบนนี้ไม่ตอบครับ รอให้คนแก่ที่เห็นมาซ้ำกันหลายๆหนค่อยตอบ
    จากที่เห็นพระฤาษีท่านเป็นยังไงครับ เหมือนฤาษีในอุดมคติใหมที่ว่า
    "ใส่เสื้อเสือ กินเหมือนเสือ เดินเหมือนเสือ อยู่อย่างนักพรต"

    ใส่เสื้อเสือก็เห็นอยู่ กินเหมือนเสือคือกินเมื่อหิว ถ้าไม่หิวก็เป็นเดือนค่อย
    กินใหม่ เดินย่องเหมือนเสือก็เห็นแล้ว ไม่เคยเห็นท่านเดินเร็วเลยซักครั้ง
    เดินทีไรก็เหมือนกลัวแผ่นดินยุบลงไปต้องเดินเบาๆย่องๆ อยู่อย่างนักพรต
    ก็อย่างที่เห็นน่ะล่ะ นี่ล่ะพระฤาษี เป็นฤาษีไม่ง่ายนะ แล้วท่านแก่หรือยังหรือ
    ว่ายังดูเหมือนอายุไม่เกินสี่สิบปีอยู่ สิ่งที่ตาเห็นอาจไม่ใช่อย่างที่เห็นนะ เพราะ
    ฤาษีเกศแก้วอยู่มาก่อนผมอีก ตั้งแต่พ่อผมยังไม่ตายยังหนุ่มๆอยู่ อย่างน้อย
    อายุท่านไม่ต่ำกว่าร้อยปีนะนั่น
     
  14. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    เมื่อคืนก่อน ศิลามณี ทำสมาธิแบบที่ คุณจิ-โป ท่านกรุณาแนะนำ... นึกถึงพระอาทิตย์อยู่ในร่างกาย ให้ร่างกายมีแสงสะท้อนออกมาใต้ผิวเป็นสีส้ม แล้วดูการแผ่ออกมา ...........ศิลามณี กำหนดได้นิดหน่อยยังถึงภาพไม่ค่อยออก... แต่ดูการแผ่กระจายใต้ผิวหนัง....รู้สึกร้อนน้อยๆ ทำได้สักพักใหญ่ก็นอน... พอตื่นเช้ามารู้สึกว่ามีอาการช้าที่มือ....สักพักก็หายไป นะคะ ศิลามณี จะเป็นอะไรไหมคะ
     
  15. sorakran2007

    sorakran2007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +945
    ขอบคุณครับคุณจิ-โป ผมท่านยาวมากๆ ตกถึงดินเลยครับ...
     
  16. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    นึกหน่วงให้เห็นดวงสีส้ม แล้วมองตามแสงที่แผ่ออกมา มองตัวร่างกายเรา
    ให้ทั่ว แสงสีส้มนั้นจะไม่สามารถแผ่ออกมานอกร่างกายได้ แต่จะสะท้อนไปๆมาๆ
    ส่วนที่ชาตรงมือ หรือส่วนใดของร่างกายนั่นคือความร้อนนี้จะกระแทกจุดชีพจร
    ออกไปไม่ได้ ให้กำหนดแสงสีส้มแผ่ออกไปให้เห็นมือเราเหมือนลูกโป่ง สิ่งที่
    อยู่ภายใน ผิวชั้นในให้เห็นแสงที่แผ่ไปนี้ เห็นนี้คือต้องเห็นจริงๆ เห็นภาพในใจ
    เราให้ได้ก่อนคือดวงสีส้มนั้น

    ดวงสีส้มที่เห็นคือคุนูประการ(ไม่รู้ความหมาย) ความร้อนที่สัมผัสได้คือปราณ
    สีส้มที่เห็นแผ่ออกคือปราณ ตรงที่ชาคือปราณไปไม่ถึง ต้องกรุยด้วยจิตชักนำ

    ผมก็อยากฝึกเหมือนกันแต่อย่างที่ทำอยู่ก็มากหลายจนทำไม่ไหว บางอย่าง
    คงตายก่อนจะสำเร็จเป็นแน่ คนเราน่าจะมีอายุซัก 500 ปีนะ จะได้มีเวลาสำเร็จ
    วิชาหลายๆอย่าง
     
  17. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    ขอบคุณคะ เดี๋ยวคืนนี้จะไปหาดวงไฟสีส้มมาดู...จะได้จำติดตา...พอหลับตาวุบจะได้นึกออกเลยนิ...

    คิกๆๆคัก คุณจิ-โป จะเอาอายุถึง 500 ปี เลยเหรอคะ ศิลามณี ว่าอย่าเพิ่งดีกว่าคะ เอาเพียง 99 หรือ 100 กว่านิดๆดีกว่า ...ครูบาอาจารย์ท่านว่าใกล้ยุคเสื่อมศลีธรรมเข้าไปทุกทีแล้ว...ท่านว่ายุคที่ว่างเว้น จากพระพุทธศาสนานั้น...ทุกข์เข็นเหลือเกิน...คนฆ่ากันทุกวัน ... หาความสงบสุขไม่ได้เลย..

    ท่านเลยสั่งให้อธิฐานทุกครั้งที่ทำบุญ ว่าไม่ขอเกิดในช่วงยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนา ขอเสวยผลบุญก่อน..พอถึงยุคที่มีพระพุทธศาสนา แล้วค่อยลงมาเกิดนะคะ
     
  18. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    นอกจากดวงอาทิตย์ดวงไฟอื่นไม่มีคุณูประการ ไม่สามารถเอามาทำได้ครับ
    ให้มองดวงอาทิตย์ตอนเช้าๆ นอกนั้นไม่ทำให้เกิดปราณได้ครับ นี่ไม่ใช่กสิณ
    แต่เป็นการกำหนดตามธรรมชาติ เอาใว้ทำร่างกายไม่ให้เป็นโรคภัยครับ

    ยุคนี้คนก็ฆ่ากันทุกวันเหมือนกันครับ ในทะเลทรายก็ทุกข์เข็น ในเมืองหลวง
    ใหญ่ๆทุกประเทศก็หาความสุขสงบไม่ได้ เรื่องของยุคสมัยผ่านมาก็ผ่านไปครับ
    อย่ากังวล ถ้าเราคิดว่าเราทำดีแล้วแม้เกิดผิดยุคผิดสมัย ความดีนั้นจะทำให้เรา
    ผ่านยุคสมัยไปด้วยความสุข
    เช่นคนลาวในที่กันดารเกิดมาจนเดี๋ยวนี้ ยังไม่เคยเห็นเทคโยโลยีตลอดจนรับ
    รู้การดำรงชีวิตเยี่ยงคนในยุคโลกาภิวัตแต่ยังคงมีความสุข กับขนบธรรมเนียม
    จารีตประเพณีเก่าๆ คงจะอยู่ยังงี้ไปจนตาย อยู่กับป่าเขาล้อมรอบ

    ส่วนคนในญี่ปุ่นเกิดมาก็แก่งแย่งแข่งขัน รีบเร่งทุกอย่างหาความสุขแท้ๆ
    ยังได้รับไม่ถึงครึ่งหนึ่งของคนลาว ต้องชิงกันแย่งกันจนตายครับ

    ยุคสมัยนี้กับยุคสมัยที่เว้นจากพุทธกาล ย่อมมี"มุม"ที่สงบตามวาระจิตได้
    อย่ากังวลครับทำดีให้มากๆเข้าใว้ ถ้ากังวลถึงยุคนั้นมากเข้า ระวังจะผูกเป็น
    สัญญาจะอดใจกลับมาเกิดยุคนั้นไม่ได้ ทางที่ดีตัดยุคนั้นออกจากใจไปเลย
    ทำดีเฉพาะหน้า ตรงนี้เองก็พอ
     
  19. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    ตอนนี้ผมก็มองพระอาทิตย์ทุกเช้าครับ ตอนนั่งรถไปทำงาน แต่มองหาบางสิ่งที่
    อยู่นอกโลก อิอิ

    ส่วนเรื่องสีนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจครับ บางครั้ง ก็เห็นหลายสี(หรือเปล่า) บางครั้งก็เห็นสีเดียว แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นสีแดง หรือ สีส้ม ครับ วิ่งเข้า วิ่งออก เด้งไปเด้งมา เคยลอง
    พยายามทำให้มันเป็นจุดเดียว ก็ไม่สำเร็จเพราะ ไม่ได้นั่งสมาธิ ต่อเนื่อง
     
  20. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    สีแบบนี้เหรอครับที่จะถาม ผมก็พยายามนึกอยู่นานว่าไปโพสต์เรื่องสีใว้ตรงไหนเลยไม่ได้ตอบ
    คือเวลาเรานั่งหลับตามองไปข้างหน้า เน้นว่าใช้การมองด้วยตาเนื้อไม่ใช่
    มองด้วยใจ ถ้าพอมีบุญอยู่บ้าง จะเห็นแสงสีต่างๆวิ่งออกไปจากร่างกายเรา
    เราพยายามมองมันไปเรื่อยๆด้วยตาเนื้อ จนสีเหล่านี้เหลือน้อยที่สุด สองสามสี
    หรือสีเดียวยิ่งดี ทำไปเรื่อยๆแล้วแต่บุญวาสนา ถ้าบุญน้อยคงราวๆสิบปี บุญมาก
    ไม่เกินยี่สิบนาทีได้ผล

    จากนั้นก็ถึงคราวใช้ใจ ทีนี้เมื่อมันเหลือสีน้อยลง เช่นสีขาวและสีส้ม หรือสี
    ขาวอย่างเดียว หรือสีแดงอย่างเดียว ก็ใช้ใจเรานึกถึงภาพวงแห่งสีที่เราเคยเห็น
    เช่นเรียกว่า วงสีขาวจงมา ก็ให้มาแต่สีขาว หยุดนิ่งเนิ่นนานตราบเท่าที่เรา
    ต้องการ ใช้ใจเราย่อขยาย ให้ขยับวิ่งออกไป วิ่งเข้ามา จนนาทีนี้จะแยกไม่ออก
    แล้วว่ามองเห็นวงสีนั้นด้วยตาเนื้อหรือตาใจ มองไปนานๆเรียกสีต่างๆมาให้ได้
    เหมือนใจเราต้องการ ก็จะเกิดการเห็นแบบพิเศษขึ้น

    เรียกวิธีฝึกแบบนี้ว่ากสิณแสงสว่าง จะเห็นว่ากสิณแสงสว่างฝึกได้หลายแบบ
    มาก เวลาได้จะได้กสิณสีต่างๆแถมมาด้วยตลอด

    แนะนำว่าตอนนั้งนั้นให้นึกถึงท่านพระยายม เวลามองแสงออกไปให้นึกถึงเวร
    กรรมต่างๆของเรา เวลาที่แสงวิ่งออกไปก็จะมีประโยชน์กว่านั่งธรรมดาครับ
    ประโยชน์ยังไงไม่บอก เอาใว้ทำเสร็จก็เกิดการเห็น แล้วไปถามเองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...