เรียนถามเรื่อง อรูปฌาน(อรูปสัญญา)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย bentagon, 19 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    สิ่งนี้ย่อมเป็นเหตุผลว่า ทำไม พระอรหันต์ขั้นปฏิสัมภิทาญาณ มีน้อยที่สุดในบรรดาพระอรหันต์ขั้นต่างๆ........เพราะคนที่จะทำได้จริงๆ...ต้องมีกำลังใจที่สูงมาก.....และสร้างกันมานับเอนกอนันตชาติ.....จึงสมควรกับคุณสมบัติที่ได้มา...........
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เส้นทางนี้ยังเป็นเส้นทางของผู้กล้า ที่จะต้องทำงานใหญ่ในอนาคต ......

    เส้นทางนี้คือ พุทธภูมิ เพื่อเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.....

    เส้นทางนี้ไม่มีความจำเป็นมากนักสำหรับผู้ที่เป็นสาวกภูมิ...เพราะในความเป็นพระอรหันต์ทั้ง ๔ เหล่า เมื่อพูดถึงความบริสุทธิ์ไม่ต่างกัน....แต่พูดถึงความสามารถที่จะช่วยคณะศิษย์เพื่อพ้นทุกข์ในอุปนิสัยต่างๆ.....ย่อมมีมากกว่าสามเหล่าหลัง.....อันนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลย...เช่นกัน....ยกตัวอย่างในสายพระป่า มีหลวงปู่มั่น เป็นต้น.....ไม่มีอะไรที่ท่านจะสอนไม่ได้...ไม่ว่าศิษย์จะมีอุปนิสัยและรูปแบบใหนก็ตาม.....สามารถหาคำสรรเสริญได้ในบรรดาศิษย์ของท่านเอง......และท่านก็ทรงเป็นประดุจดังแม่ทัพธรรมขององค์สมเด็จท่านในยุคใกล้นี้อีกท่านหนึ่ง.....

    พูดแล้วไม่เห็นประโยชน์......จะรอท่านอริยบุตร นะครับ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2011
  3. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291

    ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวสอนไว้ นะ
    ในขณะจิตเคลื่อนตอนตาย หากไม่ได้เข้าฌาณ ตามที่ได้ และจิต ไม่เศร้าหมองจนเกินไป ก็มักไปบังเกิดใน สวรรค์ชั้น จาตุม มหาราชิกา

    และหากจิตเคลื่อนตอนตาย และเข้าฌาณ ตามทีได้ ก็จะไปบังเกิด เป็นพรหม ชั้นที่ ๑ - ๑๑ และอรูปฌาณ ก็มีผลในอรูปพรหม

    ส่วนคำถาม นั้น ครูบาอาจารย์ ท่านไม่ได้กล่าวไว้ ( ควรเรียก อรูป และอรูปดิบ เพราะอรูปสุก นี่ไม่มีใครเค้าเรียกกัน เกรงว่าจะมีผลกับคำสอน )

    ลองพิจารณา ตรงนี้ นะ ... องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่ง ว่า บัดนี้ อาจารย์ทั้งสอง ได้ฉิบหายจากความดี เสียแล้ว ( อาฬารดาบส และ อุทกดาบส ได้ไปบังเกิด ในอรูปพรหม )

    ฉะนั้น การพอใจใน อรูปพรหม ก็ยังไม่ใช่การดับทุกข์ หากแต่เป็นเครื่องมือ ในการดับทุกข์ พิจารณา ใน สังโยชน์ในข้อที่ ๖ และ ข้อที่ ๗ นะ
     
  4. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    อรูปฌาน ถึงแม้ว่าจะได้มาจากชาติก่อนๆแล้วแต่ถ้าจะทำอภิญญาและปฏิสัมภิทาญาณ
    ก็จำเป็นต้องทำ กสิณ ๑๐ (เอาอภิญญาด้วย)แล้วเพิกกสิณกำหนดให้เป็นอากาศ (อรูปสุก)

    ส่วนอรูปดิบ นั้นเป็นการใช้งานอรูป ในรูปแบบที่นำของเก่ามาใช้ โดยในชาติปัจจุบันยังไม่สามารถทำกสิณ
    ถึงฌานสี่ละเอียดหรือแม้ถึงแล้วแต่ยังทรงไม่ได้ แต่เมื่อบรรลุมรรคผลแล้วก็จะได้ปฏิสัมภิทาญาณ
    ที่จะตามมาภายหลัง เช่น ท่านพาหิยะ พระจุลปัณฏก และอีกหลายๆท่าน ที่ไม่จำเป็นต้องทำกสิณในชาติปัจจุบัน
    ท่านก็เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เพราะท่านทั้งหลายเคยได้อรูปฌานมาแต่ชาติก่อนๆแล้ว
     
  5. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    เจ้าของกระทู้มีอิทธิบาท 4 ดีมากๆเลยครับ

    ตั้งใจทำได้ สุดยอด ผมยังทำไม่ได้เลย แบบว่าตอนนี้ท้อแล้ว

    ขออนุโมทนานะครับ สาธุๆๆ
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ไม่ใช่อะไรท่าน....ที่ถามนี่ไม่ได้ต้องการจะไปเกิดเป็นอรูปพรหมนะ......คือจะได้เตรียมไว้ว่า...อารมณ์อย่างนี้เราจะไม่ทรงก่อนตาย.....เท่านั้นเองท่าน.....

    ขอบคุณมากครับ.....
     
  7. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    ( ควรเรียก อรูป และอรูปดิบ เพราะอรูปสุก นี่ไม่มีใครเค้าเรียกกัน เกรงว่าจะมีผลกับคำสอน )
    ขอบคุณ คุณอริยบุตร กับข้อความนี้ครับ
    เราเผลอเรียก อรูปสุก ไปซะแล้ว แทนที่จะเรียก อรูปละเอียด (ฌานสี่ละเอียด)
    ส่วน อรูปสุก น่าจะคล้ายๆกับการเรียก พระนิพพานสุก
    อรูปสุก จึงน่าจะหมายถึง ไปเกิดเป็นอรูปพรหมแล้ว
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ไม่หละท่านหมายถึงว่า อรูปดิบนี่คือ อรูปไม่ตามแบบ เช่นเอาอานายกเป็นอรูป.....อย่างนี้....

    ถ้าเอาอรูปฌาน(อรูปเฉยๆที่ผมเรียกอรูปสุก...ซึ่งมันผิดหนะ)......ท่านเอากสิณ เป็นฐานเจริญฌานไปอรูปเหมือนหลวงพ่อบอกไว้หน้าแรกหนะ......

    ในความหมายของท่าน อริยบุตร ท่านหมายถึงอย่างนี้......ไม่ได้หมายถึงเข้าอรูปยังไม่ตายเป็นอรูปดิบ....พอไปเป็นอรูปพรหม เป็นอรูปสุก....อย่างนี้ไม่ใช่.......

    ผมก็ไม่รู้เรื่องเกิดมาเพิ่งเคยได้ยินก็ที่นี่หละ....อรูปดิบ.....พูดตามตรงนะ.....

    และไอ่นิพพานสุกนี่ก็ไม่มีใครเขาเรียก ท่านเรียก อนุปาทิเสสนิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2011
  9. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    เรื่อง สุก เรื่อง ดิบ นี่อ่านจากหนังสือ คิริมานนทสูตร ของหลวงปู่ บุดดา ถาวโร

    ได้กล่าวถึง นิพพานดิบ นิพพานสุก และนิพพานพรหม(อรูปพรหม) สวรรค์ดิบ สวรรค์สุก
    เราไปเข้าใจ ใน คิริมานนทสูตร เลยเข้าใจไปอีกทางกับ คุณอริยบุตร
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ให้ผมลองเทียบลงปริยัติให้ไหม(เพราะผมถนัด) แต่ไม่รับรองผลนะ พิจารณาเอาเอง

    อรูปฌาณสุก กับ อรูปฌาณดิบ

    คำว่า สุก กับ ดิบ อาศัยอะไรกล่าว

    อรูปฌาณสุก คือ การเดินกรรมฐานอรูปฌาณจนเกิดสมาบัติแล้วต้องด้วยกาย
    ทำให้ สามารถนำมาปรุงการแสดง(สุกพร้อมปรุง) อิทธิฤทธิ์ ได้ แต่มีเงื่อน
    ไขว่า ต้องสำหรับผู้ที่รู้อิทธิวิธีด้วย ถ้าไม่รู้อิทธิวิถีมีสมาบัติก็แสดงฤทธิ์ไม่ได้

    อรูปฌาณดิบ คือ การเดินกรรมฐานอรูปฌาณจนเกิดสมาบัติแต่ไม่ต้องด้วยกาย
    ทำให้ ไม่มีการนำมาปรุงการแสดง อิทธิฤทธิ์ แต่มีเงื่อนไขว่า ไม่ใช่ว่าจะเอา
    ออกมาใช้ไม่ได้ อย่างไรเสียก็เรียกว่า มีวัตถุดิบในมือ เพียงแต่ไม่เอาออกมา
    ปรุงให้สุก ดังนั้น หากเป็นผู้ที่รู้ อิทธิวิธี และหากปราถนาจะปรุง ก็สามารถ
    น้อมไปสู่การแสดงฤทธิ์ได้

    ตัวอย่าง บุคคลาธิษฐาน ที่อาศัยกล่าว อรูปฌาณดิบ คือ พระสารีบุตร(เป็น
    ผู้เข้านิโรธนสมาบัติ ฌาณ9โดยปรกติ) ผู้ที่เป็นปฏิสัมภิทาญาณ เลิศกว่า
    พระโมคคัลลานะ แต่ไม่นิยมแสดงฤทธิโดยปรกติ [ จริงๆ ท่านแสดง แต่เป็น
    ปาฏิหารย์ฤทธิ์ที่ชื่อ อนุศาสนีย์ปาฏิหารย์ ซึ่งฤทธิ์ตัวนี้เองที่ทำให้เลิศกว่า
    พระโมคคัลลานะ ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2011
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อ่าวเหรอครับ.....สาธุนะ....ผมไม่เคยอ่าน.....ไม่รู้......
     
  12. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    ลองอ่านดูนะครับ สมัยที่คณะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำออกธุดงค์ในป่า
    ได้เจอพระป่า ท่านแนะนำว่าถ้าจะเอาพระนิพพานให้ไปหาหนังสือ 2 เล่ม
    ได้แก่ คิริมานนทสูตรกับอุทุมพริกสูตร มาอ่าน
     
  13. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    หลวงปู่คำคนิง เหรอครับ....
     
  14. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ขอบคุณครับท่าน........ขอบคุณมากๆนะ........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2011
  15. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าใช่ไหม อ่านจาก คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน เลยไปหา 2 เล่มนี้มาอ่านและปฏิบัติตาม
     
  16. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    โอเค.....เรื่องอรูปผมจบละ......ได้รับคำตอบแล้ว.....ใกล้เกลือกินด่างจังเรา......

    คำตอบอยู่ในพระธรรมเทศนาหลวงพ่อหน้าแรกหมดเลย......ทราบทางแล้ว......

    เข้าใจในสิ่งที่ ท่าน อริยบุตร บอกละ ขอบคุณครับ จริตผมนี่มันเชื่อคนอื่นค่อนข้างยาก....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2011
  17. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อันนี้มันเป็นพระสูตรหรือเปล่าครับ.....

    คิลิมานนทสูตรนี่ มันอันเดียว กับ อาพาธสูตร....หาได้อยู่....
    http://www.larnbuddhism.com/grammathan/tripitakapatibat/apat.html

    ส่วนอุทุมพิกยสูตร นี่ มงคล ๓๘ หลวงพ่อเขียนไว้มีอยู่ครับ......
    http://www.luangporruesi.com/book/16.html


    ขอบคุณนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2011
  18. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2011
  19. bentagon

    bentagon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +8
    เรียนถามท่าน ท่านอริยบุตร, ท่าน Phanudet หรือผู้รู้ท่านอื่นๆต่อครับ
    จากการได้ปฎิบัติตามที่ท่าน อริยบุตร แนะนำมา

    รอบที่1 2 3 เป็นฌาน๔ปกติ ทุกอย่าง
    ดูเหมือนข้าพเจ้าจะจับ อากาศ มาเป็นวิตก วิจาร เท่านั้น
    แต่หลังจาก นั้น เจอสภาวะที่คล้าย ฌาน๔ แต่มีข้อสังเกตุที่แตกต่างจากฌาน๔ อยู่บ้างแต่ไม่แน่ใจว่าใช่ อรูปฌานหรือปล่าว

    อรูปฌาน(เข้าใจว่าอรูปฌาน) ที่ผมสัมผัสมามีข้อแต่ต่างจาก ฌาน๔ใน อนาปานสติดังนี้

    หมายเอาข้อแตกต่างเลยนะครับ

    ฌาน๔
    = ถึงแม้ลมหายใจจะดับไป แต่ถ้าเราพินิจดีๆ จะพบว่าอาการทางกายกำลังหายใจ แต่ว่า เบามากๆแทบไม่รู้สึก ที่สำคัญเราไม่สามารถจับลมได้ คือละเอียดมาก

    อรูปฌาน(เข้าใจว่า อรูปฌาน) = ลมหายใจไม่มี ถึงแม้พินิจอย่างไรก็ไม่สามารถรู้ได้ ดูเหมือนภาวะทางกายจะไม่มีอะไรหลงเหลือให้จับได้เลย หมายถึงหายไปหมดเลย
    แต่อารมณ์อื่นๆคล้าย ฌาน๔เพียงแต่ละเมียดละมัยกว่าเท่านั้น

    อยากทราบว่าสภาวะนี้ใช่อรูปฌานหรือปล่าวครับ

    ขอบคุณล่วงหน้า


    ({)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2011
  20. เจ้าจันทร์

    เจ้าจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +431

    กราบอนุโมทนา สาธุการ
    ขอบพระคุณ อจ.อริยบุตรมากนะคะ อธิบายโดยใช้ภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย
     

แชร์หน้านี้

Loading...