หินแกะสลักอิคา หลักฐานมนุษย์อยู่ร่วมยุคไดโนเสาร์ (Ica Stone)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Siani_3D, 25 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    หินสลักอิคา
    hovind%2Btrip%2Bpictures%2B014.jpg

    หินสลักอิคา(Ica stone) คือ หินสลักลายนูนต่ำ ยุคอินคา แต่เมื่อหินบางก้อนถูกค้นพบ ภาพที่แกะสลักอยู่บนหินนั้นสร้างความตื่นตลึงอย่างมาก เมื่อปรากฏมีภาพมนุษย์ ขี่ไดโนเสาร์ มนุษย์ล่าไดโนเสาร์ หากภาพที่ปรากฏเป็นความจริง นั้นแสดงว่า มนุษย์เคยอยู่ร่วมยุคกับไดโนเสาร์




    รายละเอียด <HR>
    • ในอดีตมีการค้นพบ หินอิคา ซึ่งเป็นหินที่ฝังอยู่ในหลุมศพของชาวอินคา โดยนักโบราณคดี
    • ต่อมานักฟิสิกส์ชาวเปรูเวียน นามว่า Javier Cabrera Darquea ได้รับ หินอิคาที่แกะเป็นรูปปลาโบราณที่คาดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว เป็นของขวัญวันเกิดปีที่ 42 (ณ 1966)
    • ทำให้ Cabrera เกิดความสนใจใน หินอินคา และเก็บสะสม หินอิคา เรื่อยมาจนถึงช่วงปี 1970 Cabrera มีหินอิคาสะสมอยู่กว่า หมื่นก้อน wowboom
    • Cabrera ได้ตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับ หินอิคา ออกมามีชื่อหนังสือว่า The Message of the Engraved Stones of Ica ทั้งได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์เพื่อจัดแสดงงานสะสมของเขา
    • แต่ หินอิคา บางก้อนนั้นปรากฏภาพที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจาก มี ภาพสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ภาพการผ่าตัดชั้นสูง ภาพมนุษย์อวกาศ ภาพดวงดาว และแผนที่ และที่น่าตื่นตะลึงที่สุดคือ ภาพมนุษย์ขี่ไดโนเสาร์ ภาพมนุษย์กำลังล่าไดโนเสาร์ ทั้งๆที่ไดโนเสาร์ได้สูญพันธุ์ไปกว่า 65 ล้านปี แต่ ทำไมจึงมีภาพปรากฏในยุคอินคาที่มีอยู่ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 - 14 มานี้เอง
    • ต่อมาในปี 1977 BBC ได้เปิดเผยเอกสารว่านาย Basilio Uschuya คือผู้ทำการปลอมหินอิคายุคใหม่ออกมา โดยใช้อุปกรณ์ทางทันตกรรมแกะลายลงบนหิน แล้วนำหินไปเผาด้วยมูลวัว
    • ต่อมาในปี 1998 นาย Vicente Paris ได้ทำการตรวจสอบ หินอิคา และพบว่าบนหินอิคาปรากฏร่องรอยของสีสมัยใหม่ และรอยแกะสลักก็ดูคมชัดเกินกว่าที่จะเป็น ศิลปะ ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 13 - 14 ที่จะสึกกร่อนลงตามระยะเวลา
    คลังภาพ



    <HR> IMG_5778sm.jpg
    ภาพนี้จะเห็นว่าบนหินอิคา มีรูปไดโนเสาร์เต็มไปหมด​


    Ica%2BStone1.jpg
    ภาพจั่วหัวเป็นภาพคนล่าไดโนเสาร์ ส่วนรูปนี้ไดโนเสาร์ล่ามนุษย์ คนน้ำตาไหลอาบเลย​


    03Ica_stones-wall_of_animals.jpg
    อันนี้ของสะสมของ Cabrera ​

    ข้อมูลอ้างอิง



    <HR>
    เครดิต



    <HR>wowboom
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2011
  2. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    โลหะทรงกลมปริศนา
    [​IMG]


    ก้อนทรงกลมเซาะร่อง(Grooved Spheres) มีลักษณะคล้ายลูกเหล็กหล่อทรงกลม มีลักษณะคล้ายร่องเซาะวนรอบก้อนเหล็ก พวกมันเต็มไปด้วยปริศนา อันเนื่องมาจากพวกมันถูกฝังอยู่แหล่งชั้นแร่ ที่อายุกว่า 3 พันล้านปี แล้วใครคือผู้หล่อ ก้อนทรงกลมเซาะร่อง เหล่านี้ ทั้งที่มนุษย์พึ่งรู้จักการถลุงเหล็กเมื่อ 3 พันกว่าปีมานี้เอง

    รายละเอียด



    <HR>
    • ก้อนทรงกลมเซาะร่อง(Grooved Sphere) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Klerksdorp Spheres
    • ก้อน ทรงกลมเซาะร่อง เป็น ก้อนโลหะทรงกลม ขนาดตั้งแต่ 0.5-10 เซ็นติเมตร บ้างก็มีลักษณะกลมแบนคล้ายจาน ซึ่งทำให้คำกล่าวอ้างว่าพวกมันมีรูปทรงกลมสมบูรณ์(กลมดิก ไม่มีบิดไม่มีเบี้ยว)นั้นไม่เป็นความจริง
    • ก้อนทรงกลมเซาะร่อง นี้ถูกพบที่เหมืองของบริษัท Wonderstone ใกล้ๆ Ottosdal ประเทศแอฟริกาใต้
    • ก้อน ทรงกลมเซาะร่อง นี้ถูกค้นพบโดยคนงานเหมืองปนอยู่กับแร่ไพโรฟิลไลท์(Pyrophyllite) ที่มีอายุ 3 พันล้านปี ด้วยช่วงเวลาที่ไม่สอดคล้องกัน เนื่องจากมนุษย์พึ่งก้าวสู่ยุคเหล็กเมื่อ 3000 ปี ที่ผ่านมานี้เอง แล้ว ก้อนกลมเซาะร่อง นี้เกิดจากอะไร บ้างกล่าวอ้างว่ามันคือ วัตถุที่สิ่งมีชีวิตอันทรงภูมิปัญญาในอดีตเป็นผู้สร้างขึ้น
    • แต่จากการศึกษาล่าสุด ของ เหล่านักธรณีวิทยาต่างลงความเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่า ก้อนกลมเซาะร่องเกิดจากขบวนการทางธรรมชาติ
    ก้อนทรงกลมเซาะร่อง คือ วัสดุอะไร



    <HR>มี การกล่าวอ้างว่า ก้อนทรงกลมเซาะร่อง เป็นวัสดุผสมของ นิคเกิ้ลสตีล ที่เป็นโลหะผสมที่ไม่มีปรากฏในธรรมชาติ แต่เมื่อนำตัวอย่าง ก้อนกลมเซาะร่อง ไปทำการตรวจสอบด้วย Petrographic และ X-Ray diffraction analyses พบว่า คำกล่าวอ้างนั้นไม่เป็นความจริงเนื่องจาก ก้อนกลมเซาะร่องนั้นประกอบไปด้วย

    • เฮมาไตท์(Hematite ตัวย่อ Fe2O3 เป็นสินแร่เหล็กสีแดง มีเหล็กเป็นองค์ประกอบประมาณ 70%) หรือ แร่โวลาสโทไนส์(Wollastonite ตัวย่อ CaSiO3)
    • และมีส่วนผสมเล็กน้อยของ Goethite (FeOOH)
    • โดยทั้งแร่โวลาสโทโนส์ และ เฮมาไตท์ เป็นแร่ที่พบได้ทั่วไปบนโลก
    ก้อนกลมเซาะร่อง มีขบวนการเกิดอย่างไร



    <HR>เหล่า นักธรณีวิทยาต่างให้ข้อสรุปว่ามันเกิดจากขบวนการทางธรรมชาติที่เรียกว่า มวลสารพอก(Concretion การก่อตัวขึ้นเป็นชั้นทับขึ้นเรื่อยๆ) แต่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างแน่นอนถึงขบวนการ และขั้นตอนการเกิดของมัน บ้างก็กล่าวว่า

    • เกิดจากการตกตะกอนของ ดินภูเขาไฟ หรือ เถ้าภูเขาไฟ สะสมมากว่า 3 พันล้านปี (ทฤษฎีของ Heinrich)
    • ก้อน Wollastonite เกิดจากการขบวนการแปรสภาพ(Metamorphism) ของคาร์บอเนท(Carbonate) ในสารละลายซิลิก้าเข้มข้น ในระหว่างขั้นตอนการแปรสภาพของหินตะกอนภูเขาไฟ
    • บ้างก็ว่า ก้อนเฮมาไตท์(ก้อนทรงกลมเซาะร่อง) นั้นเกิดจาก แร่ไพไรท์(Pyrite) ที่ก่อตัวในรูปแบบมวลสารพอก(ก่อตัวขึ้นมาเป็นชั้นๆ) จากปฎิกริยาออกซิไดซ์ จากสภาพอากาศภายใต้พื้นผิวของแร่ไพโรฟิลไลท์(Pyrophyllite)
    แล้วร่องที่คล้ายถูกเซาะ นั้นเกิดจากอะไร



    <HR>เมื่อก่อเกิดการก่อตัวของแร่เป็นชั้นๆในลักษณะเป็นแผ่นๆทีละชั้น การเกิดเป็นร่องนั้นเป็นผลมาจากความหยาบ ละเอียดของเนื้อวัสดุที่ไม่เท่ากัน

    ข้อมูลอ้างอิง



    <HR>
    เครดิต

    <HR>wowboom
     
  3. item

    item Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +86
    หินไดโนเสาร์ ดูจากท่วงท่า และการวางองค์ประกอบแล้ว ผมคิดว่า น่าจะพึ่งถูกสร้างขึ้นในยุคปัจจุบันนี้แหละครับ
     
  4. โดเรม้อน

    โดเรม้อน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    848
    ค่าพลัง:
    +75
    สิ่งที่ไม่เคยเห็นจะเห็นเร็ววันนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...