ปีมะโรง(พ.ศ.๒๕๕๕)"คนจะเปลี่ยนสภาพจากเดินเป็นคลาน"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 11 มีนาคม 2011.

  1. Senseless guy

    Senseless guy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +991
    ค่ะ น่าคิด อ้าวท่านเจ้าของกระทู้ ขอที่มาในพระไตรปิฏก หน่อยค่ะ อย่าให้เสียชื่อเวป นะคะ
     
  2. jake009

    jake009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +285
    ไม่ต้องรอดู ปี 2555 หรอก ปัจจุบัน เห็น คนเดินกี่คน ขี่รถกันทั้งนั้น
    ในความคิดผมนะ ว่า การขี่รถนั่นแหละ คือ กิริยาแสดงถึง การคลาน(เคลื่อน)
     
  3. Senseless guy

    Senseless guy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +991
    การขี่เกวียน ในพุทธกาล กับการขี่รถ ในสมัยนี้ ก็ไม่ต่างกัน ทำไม่พระไตรปิกฎ ไม่กล่าวว่าเป็นการคลาน
    ตามความเข้าใจ ที่เข้าใจกัน แบบไม่โยกโย้ ไม่ต้องตีความ การคลาน หมายถึงอะไร คะ คิดว่า เข้าใจง่ายนะคะ ไม่ขออธิบาย
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ตำนานของดาวนิบิรุในครั้งอดีตกาล...

    [​IMG]

    [​IMG]

    เมื่อกาลครั้งหนึ่งในอดีตประมาณ 500,000 ปีล่วงมาแล้ว โลกของเราหรืออีกนามหนึ่ง"เทียมัต"เป็นสถานที่ที่ต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ชื่อเทียมัตนี้เป็นชื่อดั้งเดิม ส่วนคำว่าโลกหรือ"ไกอา"เป็นชื่อที่เพิ่งใช้เมื่อเร็วๆ นี้

    เมื่อ 500,000 ปีก่อน เทียมัตไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่อยู่ในปัจจุบันนี้ วงโคจรของมันอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์คือ ณ ตำแหน่งระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ส่วนดาวอังคารนั้นจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ ในระยะที่ใกล้กว่าปัจจุบันนี้ซึ่งทำให้ดาวอังคารเหมาะที่จะใช้อยู่อาศัยได้ เพราะมีอุณหภูมิพอเหมาะและมีน้ำในรูปของของเหลว ข้อมูลเหล่านี้ได้รับการยืนยันจากทางนาซาและนักวิทยาศาสตร์ ยกเว้นก็แต่เรื่องวงโคจรที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะกลุ่มนักวิทยาศาสตร์โดยทั่วไป ไม่ยอมรับเรื่องการวิวัฒนาการโดยสิ่งกระตุ้น

    ในช่วงนั้นเทียมัตอยู่ใกล้กับดาวซิริอุส (หรือโซทิสตามที่ชาวอียิปต์โบราณเรียกขาน) ระบบสุริยะและระบบดาวซิริอุสนั้นมีความเกี่ยวโยงกันทางด้านแรงโน้มถ่วง ซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องนี้เริ่มได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแวดวงวิทยาศาสตร์ ระบบซิริแอนนี้จะโคจรรอบดาวฤกษ์อคลีออนในกระจุกดาวลูกไก่ (พีลอาดีส) หรือที่จะเรียกขานว่าเขตพีลอาดีส พื้นที่อันกว้างใหญ่นี้จะโคจรรอบศูนย์กลางกาแลกซี่ในทิศทางของกลุ่มดาวคนยิงธนู (Sagittarius) ในรอบระยะประมาณ 200 ล้านปี และรอบการโคจรของระบบซิริแอนและเขตพีลอาดีสจะมาบรรจบอยู่ในแนวเดียวกับศูนย์กลางกาแลกซี่ในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 (ค.ศ.2012) โปรดเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งเหนือความคาดหมาย!!!

    วกกลับมาคุยถึงเรื่องประวัติของนิบิรุ และ เทียมัต โลกของเราในช่วงนั้นมีสภาวะอากาศที่หนาวเย็นกว่าปัจจุบันมาก ประชากรมนุษย์ในยุคนั้นตามที่นักโบราณคดีเรียก คือมนุษย์นีแอนเดอทัลจะมีขนดกหนาและสันทัด ล่ำสันกว่าพวกเราในปัจจุบัน พวกเขาล้วนอาศัยอยู่ในโพรงถ้ำเพื่ออาศัยประโยชน์จากความอบอุ่นจากพื้นภิภพ เหล่าชาวภิภพแห่งเทียมัตนี้ สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษจากพีลอาดีส ซึ่งข้อเท็จจริงนี้สามารถยืนยันได้จากตำนานและนิทานปรัมปราของหลายชนชาติ เช่นชาวมายาและชาวโพลีนิเชีย แต่ในที่นี้จะขอเว้นที่กล่าวถึงจุดกำเนิดของชาวพีลอาดีสบนเทียมัตไว้ก่อน

    เมื่อ 500,000 ปีก่อนระบบสุริยะนั้นมีเสถียรภาพ แต่เนื่องด้วยเหตุเหนือความคาดหมาย ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ดวงหนึ่งในระบบดาวซิริแอน ได้เกิดพลัดออกนอกแนวทางโคจรและมุ่งเข้าสู่ระบบสุริยะ ซึ่งดาวเคราะห์นี้ได้ถูกจับไว้เป็นบริวารของระบบสุริยะ โดยที่มีวงโคจรที่รีคล้ายวงโคจรของดาวหาง ซึ่งมีคาบการโคจรหนึ่งรอบในเวลา 3,600 ปี และมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุดในบริเวณกลุ่มเฆมออร์ด โดยที่คาดกันว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีขนาดประมาณดาวเนปจูน ประชากรบนดาวนี้จะมีลักษณะคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน ที่ปกครองโดยชนชั้นปกครองที่เรียกว่า “เนฟิลิม” (ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถหาอ่านได้จากพระคริสต์ธรรมคัมภีร์) ประชาชนทั่วไปจะเป็นที่รู้จักกันในนาม “อนูนากิ” (Anunaki ตามที่เรียกขานโดยชาวสุเมเรียน) หรือ”อนาคิม” (ในพระคัมภีร์เก่า) ในช่วงนั้นผู้ปกครองสูงสุดคือจักรพรรดิ์ อลาลู และจักรพรรดินี ลิลิตู

    ภายหลังที่ถูกจับเป็นบริวารโดยดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์นิบิรุได้เริ่มประสบกับภาวะสภาพอากาศที่ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย สภาผู้ปกครองทั้งสิบสองนำโดยจักรพรรดิ์อลาลู ได้มีการประชุมฉุกเฉินและได้สรุปถึงวิธีป้องกันเพื่อความอยู่รอดของดาวเคราะห์ โดยการสร้างโล่ห์ความร้อนที่ทำขึ้นมาจากทอง เพื่อปกป้องชั้นบรรยากาศจากการสูญเสียความร้อน ซึ่งจะเป็นผลร้ายต่อสิ่งมีชีวิตแบบสัตว์เลื้อยคลาน ที่ต้องขึ้นกับแหล่งความร้อนภายนอก เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย พวกเขาได้เริ่มทำการสำรวจระบบสุริยะใหม่นี้ทันที กองยานอวกาศได้ถูกส่งไปยังดาวเคราะห์ต่างๆ รวมทั้งเทียมัตเพื่อค้นหาทอง

    ผู้บังคับการมกุฏราชกุมาร อนู พร้อมทั้งราชโอรสทั้งสอง เอนกิ และ เอนลิล และราชธิดา นินคูซัค ได้ร่อนยานลงในบริเวณที่ปัจจุบันคืออ่าวเปอร์เซียและย่างเท้าบนฝั่งในดินแดนที่ปัจจุบันคือประเทศคูเวต ในที่สุดก็ได้ก่อตั้งท่าจอดยานอวกาศในบริเวณเมโสโปเตเมีย ในตำแหน่งที่มีตำนานว่าเป็นสวนอีเดน โดยความช่วยเหลือชาวพื้นเมืองเทียมัต พวกเขาได้พบกับขุมทองบนเทียมัตและสามารถนำทองนี้เป็นสร้างเป็นโลห์กักความร้อนได้สำเร็จ อย่างไรก็ดีโลห์นี้มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ นี้จึงเป็นเหตุที่ต้องมีชาวอนูนากิประจำอยู่บนเทียมัต เพื่อทำหน้าที่ขุดทองและส่งทองกลับไปยังนิบิรุอย่างสม่ำเสมอ

    ครั้งหนึ่งอันแสนเนิ่นนานมาแล้ว ในช่วงที่นิบิรุโคจรรอบดวงอาทิตย์ มีอยู่ครั้งหนึ่งประมาณราวๆ 26,000 ปีของเทียมัต นิบิรุได้โคจรเฉียดเข้าใกล้เทียมัตมากจนก่ออันตรายร้ายแรง หนึ่งในดวงจันทร์บริวารของนิบิรุ ได้พุ่งชนเข้ากับเทียมัต ทำให้เกิดมหาสมุทรแปซิฟิค และได้ทำให้ทวีปเลอมูเกิดการเปลี่ยนแปลง

    ลักษณะของประชากรนิริบุจะมีความสูงในราว 10 – 20 ฟุต (3 – 6 เมตร) มีผมดกหลายสี แต่ขนตามตัวจะมีน้อยมาก เพศผู้จะมีหนวดเคราบ้าง และส่วนมากจะมีเขาคล้ายเขาแพะบนศีรษะ ส่วนเพศหญิงส่วนมากจะมีปีก พวกเขาจะไม่มีเหงื่อและไม่มีกลิ่นตัว ซึ่งนี่เองเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ให้ชาวพื้นเมืองเทียมัตที่ทำหน้าที่ขุดทอง อยู่ใกล้กับพวกเขาเพราะพวกเขารู้สึกว่าพวกชนพื้นเมืองนี้มีกลิ่นตัวแรง ชาวนิริบุมีนิ้วมือนิ้วเท้าข้างละเจ็ดนิ้ว อาหารของพวกเขามักจะเป็นอาหารเหลว และนิยมแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งตัวที่ทำมาจากแผ่นทอง เมื่อเวลาผ่านไปคนงานชาวเหมืองเริ่มกระด้างกระเดื่อง จนในที่สุดได้นำไปสู่การปฏิวัติและปฏิเสธการทำเหมือง

    องค์จักรพรรดิ์อนู จึงได้ปรึกษากับราชินีนันคูซัค ซึ่งราชินีนี้ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์และพันธุศาสตร์ จักรพรรดิ์ได้ขอร้องให้ราชินีสร้างสิ่งมีมีชีวิตลูกผสมระหว่างชาวนิริบุกับชาวเทียมัต เพื่อทำหน้าที่เป็นแรงงานในเหมืองทอง องค์ราชินีได้ทรงรับหน้าที่ด้วยความรู้สึกท้าท้าย และในที่สุดก็ได้เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตลูกผสมเพศชายจากไข่ของหญิงเทียมัต กับเชื้ออสุจิของเจ้าชายเอนกิ ราชินีเรียกลูกผสมนี้ว่า “อดามู/ อดัม” ในเบื้องต้นลูกผสมนี้มีแต่เพศชายทั้งสิ้น โดยที่ชาวนิริบุเพศหญิงจำนวนหนึ่งทำหน้าที่อุ้มท้อง และเป็นที่เรียกขานผู้ที่ทำหน้าที่เหล่านี้ว่า “เทพีแห่งการเกิด”

    และทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยดี นิริบุมีทอง ชาวอนูนากิเป็นอิสระจากการทำเหมือง ส่วนลูกผสมจำลองก็ได้รับการผลิตเพื่อให้เป็นแรงงานเหมืองที่ดีเลิศ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ดังที่เคยเกิดในอดีต บรรดาเทพีแห่งการเกิดเริ่มรู้สึกเหลือทนกับการต้องมาอุ้มท้องพวกอดามู ดังนั้นชาวนิบิรุจึงได้ประท้วงและปฏิเสธที่จะอุ้มท้องอีกต่อไป ครั้งนี้จักรพรรดิ์อนูรับสั่งให้ราชินีเข้าเฝ้าและหลังจากนั้นก็ได้ข้อสรุปว่า ให้สร้างลูกผสมที่เป็นเพศหญิง (อีวา/อีฟ) เพื่อให้ทั้งสองเพศได้ผสมพันธุ์กันเองในธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ง่ายดาย

    แต่ปรากฏว่าเพศทั้งสองนั้นเป็นหมัน เนื่องจากว่าทั้งสองเพศเป็นลูกผสม ดังนั้นจักรพรรดิ์จึงได้มีกระแสรับสั่งให้เลิกกระบวนการ ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตนี้เป็นลูกผสม
    ครั้งนี้ราชนีนินคูซัคได้ขอให้เจ้าชายเอนกิดำเนินการแทน เจ้าชายจึงให้ทั้งอดัมและอีฟกินสารบางอย่างเพื่อกลับกระบวนการที่ทำกับสิ่งมีชีวิต โดยหวังให้สิ่งมีชีวิตนี้มีลักษณะลูกผสมน้อยลง สิ่งมีชีวิตทั้งคู่ได้ลอกคราบผิวหนังชั้นนอกที่มีลักษณะของสัตว์เลื้อยคลานและเริ่มต้นจับคู่ผสมพันธุ์ แต่แล้วพระองค์ก็ได้ทรงทราบว่าสิ่งที่ทำไปเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง เพราะกระบวนการนี้ทำให้ไม่สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตนี้ได้ จักรพรรดิ์อนูจึงได้สั่งห้ามอดัมและอีฟเข้าไปในสวนอีเดนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ด้วยเหตุนี้มนุษย์โครมันยอง ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 20,000 ปีก่อน ส่วนมนุษย์นีแอนเดอทัลก็ได้ค่อยๆ ล้มตายลงไปโดยที่ไม่อาจหยุดยั้งได้อันเนื่องมาจากอากาศที่อบอุ่นขึ้นเนื่องจากโลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น และในที่สุดเมื่อประมาณ 10,000 ปีมนุษย์นีแอนเดอทัลก็ได้สูญพันธุ์จนหมดสิ้นเหลือแต่เพียงมนุษย์โคมันยองที่ครอบครองเทียมัต

    ในหนังสือเรื่องแผนร้ายสายรุ้ง (The Rainbow Conspiracy) แบรด สไตเกอร์ได้เขียนถึงโครงการทดลองฟิลาเดเฟียที่ซึ่งประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดีลาโน รูสเวลล์ ได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ ในปีช่วงประมาณปี พ.ศ. 2473 – พ.ศ. 2483 พวกมนุษย์ต่างดาวนี้จะมีผิวกายสีเขียว และเพื่อที่จะให้ไม่เป็นที่สังเกตพวกเขาใช้สารฟอกสีเพื่อทำให้สีกายของพวกเขามีสีอ่อนลง อย่างไรก็ดีดูเหมือนจะมีความสอดคล้องกันของรูปวาดเก่าแก่ถึงพระเจ้าในอินเดีย ที่พระเจ้าที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ มีผิวกายในสีโทนน้ำเงิน ซึ่งหากสังเกตให้ดีพวกกิ่งก่า ตะกวด และจิ้งเหลนจะมีสีผิวในทำนองนี้ ที่มีผิวอ่อนนุ่ม ละเอียดเหมือนไหม

    นอกจากนี้ข่าวที่มีการรายงานทางโทรทัศน์ยังชี้ว่า คณะแพทย์ที่พยายามจะรักษาผู้ป่วยโดยการหาทางรักษาบาดแผลทางผิวหนังของผู้ป่วย พบว่าผิวหนังของงูนี้คล้ายคลึงกับของมนุษย์มาก ที่จริงแล้วผิวหนังที่ใช้ในการรักษาบาดแผลวิธีนี้เป็นหนังงูเลยทีเดียว ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องกันของมนุษย์และสัตว์เลื้อยคลาน และกระบวนการย้อนกลับของการทำพันธุวิศวกรรมมนุษย์ ซึ่งกระบวนการย้อนกลับของอดัมและอีฟ ทำให้สิ่งที่สละทิ้งกลับรวมเป็นรูปใหม่กลายเป็นงู และอาจจะอนุมานได้ว่าชาวนิริบุก็อาจจะมีความสามารถในการเปลี่ยนสีผิวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้เช่นเดียวกับสัตว์เลื้อยคลานจำพวกกิ้งก่า หรือจิ้งเหลน โปรดศึกษางานเขียนของ อาร์ เอ บัวเลย์ (R.A. Boulay) ในหนังสือเรื่องเล่าของงูและมังกรบิน (Flying Serpents and Dragons)

    เรื่องที่ต่อจากนั้นเป็นเรื่องที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ของเราเอง คือครั้งหนึ่งนิริบุได้เฉียดเข้าใกล้เทียมัตและทำให้เกิดภัยภิบัติทั้งน้ำท่วมและแผ่นดินไหวไปทั่วโลก ซึ่งในครั้งนั้นสวนอีเดนและท่าจอดยานอวกาศได้จมไปในน้ำและถูกทำลายไปจนสิ้น เจ้าชายอูตูแห่งเนฟิลิมจึงได้รับบัญชาให้สร้างสถานีจอดยานอวกาศขึ้นใหม่ในบริเวณแหลมไซนาย และวิถีชีวิตบนเทียมัตก็ดำเนินไปตามปกติอีกครั้ง แต่ในไม่นานก็ได้เกิดสงครามปิรามิดขึ้น

    พระราชกุมารีเจ้าฟ้าหญิงอินันนา ซึ่งเป็นหนึ่งในที่รักยิ่งของจักรพรรดิ์อนูได้รับพระบัญชาให้เป็นผู้ปกครองดูแลบริเวณที่เป็นอินเดียและเนปาลในปัจจุบัน พระองค์มีพระนามอีกพระนามคือพระลักษมี ซึ่งเป็นพระนามที่ได้รับการสักการะนับถืออยู่จนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุที่พระสวามีคือดยุคดูมูซิ (พระวิษณุหรือเปล่า)ได้มีเรื่องทะเลาะกับบารอนมาดุค จนในที่สุดได้นำไปสู่สงครามปิรามิด ในสงครามชิงอำนาจระหว่างพระราชกุมารีอินันนาและดยุคดูมูซิกับบารอนมาดุคและบารอนเนสศาพานิต

    ดยุคดูมูซิได้ถูกสังหาร ทำให้เจ้าชายอูตู และพระราชกุมารีอินันนาตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่บังควร โดยการทำลายท่าเทียบยานอวกาศที่แหลมไซนายพร้อมทั้งศูนย์วิจัยและผักผ่อนคือเมืองบริวารโซดอมและโกโมราซด้วย (The satellite R&R cities ไม่ทราบว่า R&R แทนอะไรอาจจะเป็น Research and Development หรือ Research and Recreation) ทำให้เหมืองทองในเขตแอฟาริกาใต้เข้าสู่ความวุ่นวาย ด้วยเมื่อดยุคเนกอลและดัสเชสอีเรสกิกอลเข้าเป็นพันธมิตรกับบารอนมาดุค และทำให้เกิดความวุ่นวายในคณะผู้ปกครองแห่งเนฟิลิม

    จักรพรรดิ์อนูจึงจำต้องโปรดให้สร้างสถานีจอดยานอวกาศขึ้นใหม่ โดยครั้งนี้พระองค์มีพระบัญชาให้เจ้าชายเอนกิและเจ้าหญิงนินกิเป็นผู้ดูแล ทั้งสองพระองค์จึงได้ย้ายสถานที่ไปเป็นบริเวณทะเลสาบติติคาคา (Titicaca Lake) ในเปรู และที่ตรงนี้ก็คือบริเวณที่ราบนาซคา ซึ่งมีทองคำจำนวนมหาศาลอยู่ในเทือกเขาแอนดีส ดังนั้นศูนย์การผลิตทองที่แอฟริกาใต้จึงถูกย้ายไปที่ทะเลสาบติติคาคาด้วย

    และนี่ก็เป็นเรื่องในอดีตหลายพันหลายหมื่นปีก่อน ซึ่งก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมชาวนิริบุจึงดูเหมือนจะทิ้งเทียมัตไว้ อาจจะเป็นไปได้ว่าโลห์กักความร้อนนั้นสามารถคงรูปได้อย่างถาวรแล้ว ทำให้พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้ทองจากเทียมัตอีกต่อไป ครั้งสุดท้ายที่ดาวเคราะห์พวกเขาเฉียดใกล้เทียมัตคือในปี 687 ก่อนคริสต์กาล แต่แน่นนอนถึงแม้ดาวเคราะห์ของพวกเขาจะมุ่งหน้าไปสู่การหลับไหลที่ยาวนานในกลุ่มเฆมออร์ด พวกเขาจะยังคงการติดต่อกับเทียมัตไว้บ้างบางส่วน อาทิเช่นสิ่งก่อสร้างใต้ดินในเทือกเขาแกรนด์เททอน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกใต้ภิภพที่อเมริกาใต้ ในห้องเปล่าที่ซาอุดิอาระเบีย ในภูเขาหิมาลัย หรือแม้แต่ห้องโถงใต้ดินทางตะวันตกเฉียงใต้ของมหาปิรามิดแห่งอียิปต์ ที่ชาวเนฟีลิมสร้างไว้เพื่อเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศที่แหลมไซนาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปริศนาให้ถกเถียงกันว่า มีไว้เพื่อให้มนุษย์ต่างดาวได้ใช้หรือไม่ ซึ่งเชื่อได้ว่าคำตอบสำหรับทุกปริศนา จะได้รับการเฉลยในอนาคตอันใกล้นี้

    ในขณะนี้คงจะมีคนจำนวนมากถามว่า แล้วดาวเคราะห์นิริบุอยู่ที่ใด แน่นอนมันต้องอยู่ในที่ใดที่หนึ่งในระบบสุริยะเป็นแน่ บางครั้งนักดาราศาสตร์จะบังเอิญไปพบมันแต่อาจะไม่รู้และเรียกมันว่าวัตถุลึกลับ อย่างเช่นกาแลกซี่ขนาดเล็ก บางทีรัฐบาลเองก็สงสัยว่าเจ้าสิ่งนั้นคือนิริบุเองแต่มีความเห็นว่าจำเป็นต้องปิดบังข้อมูลนี้จากการรับรู้ของสาธารณชน ผู้ที่เฝ้าสังเกตท้องฟ้าในสมัยโบราณทั้งในตะวันออกกลาง หรือชาวมายาในเมกซิโกต่างก็ได้พูดถึงการมาของนิริบุในกลุ่มดาวคนยิงธนู ซึ่งมันจะมาปรากฏให้เห็นเป็นระยะๆ โดยที่ดูเหมือนว่ามันจะจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา อีกทั้งจะมีสีทองเหมือนดวงอาทิตย์ขนาดจิ๋ว มีหางยาวคล้ายดาวหาง และมีบริวารโคจรอยู่รอบๆ และจะลอยให้เห็นดังอัญมณี ที่ขั้วโลกเหนือของเทียมัตคล้ายกับการมาถึงของยุคแห่งพระเจ้า ​

    *********************************************
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3011530141_eeab707ab6.jpg
      3011530141_eeab707ab6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.9 KB
      เปิดดู:
      4,202
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.4 KB
      เปิดดู:
      2,285
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    • พระพุทธพจน์ทำนาย

    • คณะธรรมทูตผู้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระศรี
      มหาโพธิ์ที่ประเทศอินเดียเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ ได้คัดลอก
      พระพุทธพจน์ทำนายจากศิลาจารึกเขตมหาวิหารในสวน
      มฤคทายวัน แปลได้ดังนี้

      สาธุ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระเมตตากรุณา
      แก่สัตว์โลก ซึ่งเกิดมาล้วนแต่ลำบากยิ่งนัก ในคราวที่
      พระองค์ไกล้ถึงพระชนมายุย่างเข้าพระปรินิพานตาม
      กาลเวลา จึงตรัสแก่พระอานนท์ผู้ศิษย์อันสนิท
      พากเพียรพยาบาลว่า

      " ดูกรอานนท์ สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดมาล้วนแต่ลำบาก
      ทุกชาติ ทุกศาสนา ตามธรรมชาติที่หมุนเวียนของโลก
      โลกหมุนไป ไกล้ความแตกทำลายจนถึงสมัยที่อาตมา
      นิพพานไปแล้วได้ ๕๐๐๐ ปี
      เมื่อโลกไปไกล้กึ่งจำนวนที่อาตมาทำนายไว้ (๒๕๐๐ ปี)
      มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทิศเสียครึ่งหนึ่ง
      ในระยะ ๓๐ ปี สิ่งที่ศาสนิกชนไม่เคยพบเห็น ยักษ์หิน
      ถูกสาปให้หลับก็กลับคื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งหนัก เมื่อไกล้
      กึ่งศาสนาของอาตมา ก็ทวีภัยใหญ่ขึ้นทุกทิพาราตรี
      และมนุษย์นอกศาสนาก็จะมารบราฆ่าฟัน กันถึงเลือดนอง
      แผ่นดินและแผ่นน้ำ แม้ในอากาศก็มี อำนาจภัยจากฟ้า
      ทุกทิศานุทิศ ไฟจะลุกลามเผาผลาญมนุษย์ไม่ขาดระยะ
      ต่างฝ่ายต่างทำลายกันย่อยยับเหมือนยักษ์กระหายเลือด
      แผ่นดินแผ่นน้ำจะเดือดเป็นไฟ และตายกันไปฝ่ายละครึ่ง
      จึงเลิกรา ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกันตามวิสัยของ
      ยักษ์ร้ายนอกศาสนา ซึ่งกำเนิดมจากสัตว์ป่าอำมหิต

      ส่วนศาสนิกชนผู้ขวนขวายในทางบุญตามเดิมวัจนะ
      ของอาตมา ก็จะสามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดที่
      เคารพสักการะพระศรีมหาโพธิ์และกาสาวพัสตร์จะได้รับ
      วิบัติเบาบางลง แต่จะหนีธรรมชาติไม่พ้น

      เริ่มแต่ศาสนาอาตมาล่วงมาได้ ๒๔๘๕ ปี เป็นต้นไป
      ไฟจะลุกมาทางทิศตะวันออกไหม้วัดวาอาราม สมณชี
      พราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ คนบ้านจะเข้าป่า สัตว์ป่าจะ
      เข้ากรุง เมืองหลวงจะร้อนเป็นไฟ ลูกไฟจะตกจากฟ้า
      เป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทร
      จะชอกช้ำสงครามจะทั่วทิศ ศึกจะติดเมือง ทหารจะเป็นเจ้า
      ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมด
      เปลือง ปราชญ์เปรื่องจะสิ้นสูญ ราชตระกูลอำมาตย์
      ราษฎรทุกคนจะพากันถืออำนาจไม่เป็นธรรม ไม่เคารพ
      หลักธรรม โดยปรวนแปรนิยมเชื่อถือถ้วยคำของคนโกง
      คนกล่าวคำเท็จ คนประจบสอพลอย่อมได้รับการเชื่อถือ
      ในท่ามกลางสังคมสันนิบาต ผู้ดีมีศีลธรรมประพฤติชอบ
      ไม่มีเสียง (อธรรมพูดจ้อ แต่ธรรมเป็นใบ้) จะเกิดการ
      จลาจลวุ่นวาย ลูกจะพลัดแม่ แม่จะพลัดจากลูก
      โคกจะเป็นน้ำ ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมือง
      ทรงเมืองจะเข้าไพร เทวดาจะเรียกแมลงบี้เหล็กโกฏิหนึ่ง
      ผีเสื้อแสนหนึ่งมาปล่อยแสนหนึ่งมาปล่อยไข้เป็นไฟผลาญ

      เมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้ ๒๕๐๗ (ปีมะโรง)
      คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน ล่วงได้ ๒๕๐๘ (ปีมะเส็ง)
      ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล ล่วงได้ ๒๕๑๒
      (ปีระกา) เมืองมนุษย์จะมืด ๗ วัน ๗ คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ
      บุคคลเจริญด้วยเมตตา กรุณา ไม่เบียดเบียนข่มเหงอิจฉา
      พยาบาทและไม่ประทุษร้ายซึ่งกันและกัน ประพฤติตนอยู่ใน
      ศีลธรรม และยึดถือคาถาของอาตมาจะพ้นภัยพิบัติ ให้เจริญ
      ภาวนาดังนี้

      " หิตะชิราทัน มันกะโลอังคะ ศิลากะละสา สาสะสะติ โหตะถิ
      โหคะหะคะเน "


      ให้ท่องบ่นภาวนาเป็นนิจ ให้จดอักษรใส่กระดาษหรือผ้าขาว
      ปิดไว้หน้าบ้าน หัวนอน หรือพันศรีษะไว้ สารพัดภัยพินาศ
      สันติประสิทธิ์ ดูกรอานนท์ อาตมาสงสารสัตว์โลกเป็นล้นพ้น
      ที่มีอายุขัยอยู่ได้ไกล้ยุคกึ่งยุคลลาย

      เมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้ ๒๕๑๒ (ปีจอ) พระจันทร์
      จะเริ่มเปล่งแสงฉายโลก ครั้นล่วงได้ ๒๕๑๕ (ปีชวด) นับพ้น
      ระยะปี ๓๐ ปี พวกอธรรม คือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์
      ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญ
      ไปจากโลก อธรรมแพ้ในที่สุด ครุฑจะบินกลับถิ่นสถาพร
      คนที่จรจะกลับเข้ากรุงบำรุงธรรม ธรรมจะชนะ พระจะอยู่
      บ้านเมืองต่อไป การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์
      ซึ่งไม่ต้องเบียดเบียนแรงผู้ใด ทุกคนจะสมบูรณ์ด้วยศีลธรรม
      และชีวิตผาสุก มหากษัตริย์ธรรมิกราชผู้เป็นพระโพธิสัตว์
      องค์หนึ่งจะเกิดภายในความอุปภัมถ์ของพระมหาเถระ
      โพธิสัตว์ทั้งสององค์นั้น จะจัดการบำรุงศาสนาของอาตมา
      ในระยะนี้เป็น "ยุคศิวิไล" พระมหาเถระโพธิสัตว์ จะเกิด
      ในสมัย ของอาตมาล่วงมาแล้ว ๒๔๕๔ ปี

      เมื่อล่วงได้ ๒๔๖๗ ถึง ๒๔๘๖ พระมหากษัตริย์ธรรมิกราช
      จะมาเกิด ทั้งสองพระองค์นั้นสถิตอยู่ ณ เบื้องทิศตะวันออก
      ของมัชฌิมประเทศ ระหว่างปีจอปีกุน เมื่อศักราช ๒๕๑๓ กับ
      ๒๕๑๔ ผู้มีบุญทั้งสองพระองค์นั้นจะเสด็จเข้าบำรุงศาสนาให้
      เที่ยงแท้สมณชีพราหมณ์จะเสด็จมา ๘๔,๐๐๐ รูป

      ดูกรอานนท์ อาตมาสงสารสัตว์ เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อย
      เต็มที คำทำนายของอาตมานี้ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ในความ
      ไม่ประมาทผู้ใดรู้แล้วเชื่อ หรือไม่เชื่อ ไม่บอกเล่าให้ผู้ใดรู้
      กันต่อ ๆ ไปนับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ต่างสิ้นสุดกันตาม
      กาลเวลาผู้ใดปรารถนาจะได้เห็นหรือทันมีบุญ ให้รักษาศีลห้า
      ประการหนึ่งยำเกรงบิดา มารดา รู้จักบุญคุณท่านผู้มีคุณหนึ่ง
      ให้เจริญภาวนาในพรหมไตรสภาพหนึ่ง คาถาว่าดังนี้

      " พุทธิทุกขัง อนิจจัง อนัตตา นโมสัพพราชา ขัตติโย อิติ
      ปารมิตา ตึสา อิติ สัพพัญญุมาคตา อิติ โพธิ มนุปปัตโต
      อิติปิโส จ เต นโม "


      รู้แล้วอย่าประมาท ให้ท่องบ่นภาวนารักษาศีล
    <HR width=410>
    • * หมายเหตุ * คัดจากหนังสือ " พระพุทธพจน์ ทำนาย
      วิบากกรรมของประเทศ และชี้จุดบอดจุดแก้ของสังคม "
      โดย : สุริยัน โรหติเสถียร รวบรวม หน้า ๖-๑๐
      โครงการธรรมไมตรี จัดพิมพ์ : พิมพ์ที่ พี อาร์ ออฟเซ็ท
      ปี ๒๕๓๘
    พุทธทำนายนี้ เป็นข้อความที่คัดลอกมาจากศิลาจารึกเขตมหาวิหารในสวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย จึงไม่มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏก ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็สุดแท้แต่วิจารณญานของทุกๆท่านเองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2011
  6. suratept

    suratept เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,924
    เป็นชาวพุทธ ควรยึดหลักกาลามสูตร
    อย่าเป็นประเภท ตื่นข่าว
    ถ้าบอกว่าปี 2555 จะมีภัยธรรมชาติมากขึ้นถี่ขึ้น อาจจะเป็นเรื่องจริง
    เพราะคนเราทุกวันนี้ทำลายธรรมชาติกันมาก
    แต่ที่บอกว่า คนจะเปลี่ยนจากเดินเป็นคลาน ผมคนนึงแหละที่ไม่เชื่อ
     
  7. trirut

    trirut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,420
    ค่าพลัง:
    +1,499
    ขอบคุณทุกฝ่ายครับ สำหรับข้อมูล อ่านแล้วลองใช้สติ คิด ไตร่ตรอง พิจรณา ดูกันครับ
     
  8. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    น่าจะเอาเวลาหมกมุ่นกับเรื่องพรรค์นี้ไปปฏิบัติธรรมมากกว่า เตรียมตัวไว้บ้างก็ดีแต่อย่าให้กลายเป็นตื่นตระหนกเลย น่าจะใช้หลักกาลามสูตร วันๆไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว คิดแต่เรื่องภัยพิบัติ

    ปัจจุบันก็มีอยู่ น่าจะทำปัจจุบันให้ดีก่อน ความตายเป็นของไม่แน่นอน จะอยู่ถึงวันที่โลกเกิดภัยพิบัติหรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่าวิตกให้มันมากนักเลย ภัยพิบัติมันก็เกิดอยู่แล้วทุกปี ไม่เห็นจะแปลก แต่ไอ่ที่ว่ามนุษย์จะเปลี่ยนจากเดินเป็นคลานน่ะ ไม่เชื่อหรอก มันเกินไป..
     
  9. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    เรื่องภัยพิบัติน่ะเชื่ออยู่ เพราะมนุษย์ทำลายธรรมชาติมาก อาจจะเกิดภัยพิบัติมากขึ้นกว่าเดิมก็ไม่แปลก แต่ไอ่เรื่องคนคลานน่ะ จะคอยดูว่าปี2555 น่ะคนทั้งโลกจะคลานกันจริงไหม จะไม่ว่าอะไรมากไปกว่านี้ แต่จะคอยดูค่ะ ถ้าจริงก็เท่าตัวแต่ถ้าไม่จริงก็มุสาน่ะล่ะ
     
  10. beibei

    beibei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +26
    ทำความดีละเว้นความชั่ว อย่างอื่นช่างหัวมัน.. ^_^
     
  11. Senseless guy

    Senseless guy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +991
    ‘‘ อานันทะ ดูก่อนอานนท์ก่อนถึงกึ่งพุทธกาล 15 ปี จะเกิดการณ์ ร้ายแรง จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกันฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลงมาจากอากาศ จะเผาผลาญประชาชนให้พินาศ จะมีการล้มตายซึ่งกันและกันเป็นอันมาก

    แต่ว่า ดูก่อนอานนท์ก่อนถึงกึ่งพุทธกาล 15ปี จะถือว่าเป็นการณ์ร้ายแรงหาได้ไม่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าหลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว อานันทะ ดูก่อนอานนท์ จะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาลมาก ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายกันฝ่ายละมากๆ สมณะ ชี พราหมณ์จะล้มตาย จะตายฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรากัน สำหรับประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก ’’


    ถือว่าเป็นโพสต์ ที่ให้ ข้อคิด และมี ประโยชน์ มาก นะคะ เพียงแค่ ใช้ปัญญา คิดตาม ก็เข้าใจ แล้ว .. แต่พระพระพุทธองค์ ท่านแยกคน ไว้ ๔ ประเภท ดั่งบัว ๔ เหล่า ฉะนั้น การเข้าใจ อาจจะไม่เสมอกัน
     
  12. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    เมื่อโลกหยุดหมุนรอบตัวเอง = ไม่มีแรงดึงดูดแรงโน้มถ่วง >>คนกับสัตว์และสิ่งก่อสร้างต่างๆไปปลิวออกไปนอกโลกกันหมดหรอครับ
     
  13. Phuket

    Phuket เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +877
    คนไทยพุทธและพุทธศาสกนิกชนทั่วโลกเร่งรักษาศีลและไปหาหนทางแห่งนิพพานโดยเร็ว
     
  14. aum222

    aum222 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +344
    ท่านทั้งหลายกังวลเรื่องอะไรกันแน่ กังวลว่าจะตายหรือไม่ กังวลว่าจะเกิดตามจริงหรือไม่ รึกังวลว่ามันจะไม่เป็นตามนั้น รึกังวลว่าจะไม่เห็นเมื่อถึงวันนั้น รึกังวลว่าคนทั่วไปจะเชื่อถือหรือไม่เชื่อถือ ของจริงอยู่ข้างในไม่ร้อนไม่หนาวไม่เป็นไม่ตาย แล้วกังวลอะไรกันอยู่
     
  15. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467


    Rango ฮีโร่ทะเลทราย
    Rango ฮีโร่ทะเลทราย | พัทยาเดลินิวส์ - ข่าวพัทยา คลิกทุกวัน ทันทุกข่าว

    [​IMG]

    Rango เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันใหม่เอี่ยม ที่มีกำหนดจะเข้าฉายในปี 2011 ภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนบทโดยจอห์น โลแกน (John Logan) และกำกับโดยกอร์ เวอร์บินสกี้ และพากย์เสียงโดยจอห์นนี่ เดปป์ ในบทแรงโก้

    [​IMG]

    แอนิเมชั่นคอมเมดี้ผจญภัยสุดแปลกใหม่ ที่จะนำผู้ชมร่วมผจญภัยสุดฮา และตื่นเต้นสุดลูกหูลูกตากับดินแดนตะวันตก การเดินทางสุดขำขันที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของแรงโก้ (เด็ปป์) กิ้งก่าหนุ่มที่เคยเป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงธรรมดาๆ ของมนุษย์ครอบครัวหนึ่ง แต่กลับต้องหลงทางอยู่กลางทะเลทรายที่น่าหวาดหวั่น แรงโก้ กำลังเผชิญหน้ากับเหตุการณ์สุดวิกฤตของชีวิตกิ้งก่า นั่นคือ การไปลงเอยอยู่ในถิ่นนักดวลปืนนอกกฎหมาย ซึ่งเป็นที่อยู่ของบรรดาสิ่งมีชีวิตเจ้าเล่ห์ที่สุดในทะเลทราย เจ้ากิ้งก่าหยองกรอดตัวนี้ก็พบว่าความแตกต่างในตัวเขาได้รับการต้อนรับอย่างดีในฐานะความหวังสุดท้ายที่ชาวเมืองรอคอยอยู่ แรงโก้ นายอำเภอหน้าใหม่ก็เลยถูกบีบให้ต้องสวมบทบาทนี้…จนกระทั่งสถานการณ์สุดระทึกและการได้เผชิญหน้ากับบรรดาตัวละครพิลึกพิลั่นผลักดันให้แรงโก้ เริ่มกลายเป็นฮีโร่ตัวจริงเสียงจริง

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ^_^
    พิจารณา มหาพิจารณา
    ผู้มีสติเป็นผู้มีโชค
    ผู้ไม่ประมาทเป็นผู้ไม่ตาย
     
  16. sug552

    sug552 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +250
    ผมว่าพี่ๆ ทุกคน ที่เค้าเอาข้อมูลต่าง ๆ มาโพสบอก ไม่ว่านอก ในโลก หรือคำทำนาย ก็เพื่อที่จะให้ทุกคนระวัง และตื่นตัว แต่ไม่ตื่นตะหนก ข้อมูลต่าง ๆ ที่ชาวเวปในนี้เอามาบอก จะหาเอาจากสื่อภายนอกนั้นผมว่ายาก ผมว่าโชคดีแล้วที่มีข้อมูลให้ดูในเนต คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ก็ดีถ้ามันจะไม่เกิด แต่ถ้ามันเกิดจะเป็นยังไงบ้าง ???

    ผมเองทุกวันนี้คิดว่า เตรียมไว้ถ้ารอดก็ได้ใช้ แต่ถ้าตายก็ตายไปผมไม่ได้เสียดายสังขารนี้หรอก ผมเองยังไม่บรรลุ นั่งสมาธิอย่างเดียวคงไม่ไหว (eek) ทุกวันนี้ผมก็ยังประกอบอาชีพตามปกติ พอผมพูดเรื่องนี้ในครอบครัวก็กลายเป็นเรื่องฮาไปแล้วครับ

    สรุป โชคดีมากที่มีข้อมูลมาให้ทุกคนได้รับรู้ และรู้จักระวัง ขอบคุณครับ
     
  17. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ไม่ได้ตั้งใจล้อเลียนใครนะครับ
    ท่านเจ้าของกระทู้หรือทุกๆท่าน อย่าได้น้อยใจอะไรเลยครับ

    เพียงแต่ผมลงภาพยนตร์ที่มีความสอดคล้องของข้อมูล อย่างน่าสนใจ เป็นสีสันและเพิ่มความน่าสนใจให้กระทู้
    หรือว่ากระทรวงวัฒนธรรมของอเมริกา เขาใช้ข้อมูลเหล่านี้สร้างภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ฝึกอบรม?ประชาชนของเขา เราอาจจินตนาการไปได้นานา จากความบันเทิงที่ไม่มีพิษภัย อาจแฝงปรัชญาสังคมและการอยู่รอดของมนุษย์โดยบังเอิญก็ได้ครับ (ผมไม่อาจยืนยันความถูกผิดของความรู้ที่มีการประมวลจากผู้คนที่เป็นนักศึกษาวิจัยจำนวนมากมายรวมกันได้ครับ แต่มีความน่าสนใจในกระบวนการทางความคิดมาก และฝึกสติปัญญาผู้ใคร่รู้ได้มาก กาลามสูตรยังเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มในการชั่งนำหนักข้อมูลเหล่านี้ได้ดี นั่นย่อมหมายถึงสติปัญญาของท่านผู้สนใจย่อมก้าวหน้าได้ตามสมควรแก่การครับ)

    การพัฒนาของจินตนาการและจิตใจ พลังแห่งความอยู่รอดอาจกำลังฝึกฝนมนุษย์กันอยู่ก็ได้ครับ

    ผิดพลั้งไปขออภัยขมาครับ
     
  18. hackyz

    hackyz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2010
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +243
    ตายแน่ๆ ชีวิตหนอชีวิต สร้างทุนทำบุญไว้ก่อนดีกว่า เกิด ดับ เป็นเรื่องทำมะดา
     
  19. pจัง

    pจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +133
    อนุโมทนา สาธุด้วยคนคับผม


     
  20. ติ้งลิงติง

    ติ้งลิงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,365
    ค่าพลัง:
    +3,977
    """"""""""""""""""
    มีคนทำนายไว้นะครับ ผมได้อ่านในเวปนี้แหละ ผมไม่ได้จำว่าใครทำนาย แต่อยู่ในเวปพลังจิตแน่นอน "เขาบอกว่า ปี 2554 จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่ญี่ปุ่น" เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมยังนำไปเล่าให้น้อง ๆ ที่ทำงานฟัง พอเกิดจริงผมรับโทรศัพท์สายแทบไหม้
     

แชร์หน้านี้

Loading...