โดนขังวิญญาณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ainteerati, 14 สิงหาคม 2010.

  1. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    เมื่อคืนฝันว่าวิ่งหนีคนคนหนึ่ง หื่นมาก ๆ ขอบอก เราวิ่งหนีเข้าไปให้คนช่วย พวกเค้าก็ช่วยเรา วิ่งหนีกันอยู่ 2 คน ไม่รู้ใครอีกคน ทุกคนร่วมมือเป็นอย่างดี ขอบคุณพวกเค้ามากเลยที่ช่วยเราหนีจาก เจ้าหื่นคนนั้น วิ่งตับแล๊บกัน 2 คน ไม่รู้ใครอีกคน วิ่งไปด้วยกัน แต่วันนี้ปวดหัวข้างขวามาก ๆ ตั้งแต่ตื่นมา เมื่อคืนนั่งสมาธิก็เห็นผู้ชายนั่งหันหน้าเข้าหาเราถอดเสื้อ รูปร่างอ้วน หัวล้าน แล้วก็ฝันเมื่อคืนนี่แหล่ะ กรำ...
     
  2. i3lack

    i3lack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +102
    นั่งเมื่อคืนด้วยความที่ฟุ้งมากเลยลองนับลมหายใจดู พุธ - โธ นับ 1 ไปถึง 3 มันหายไปกลายเป็นอะไรไม่รู้เหมือนเราลืมตัวไปยังไงยังงั้น แถมจำไม่ได้ด้วยว่านับถึงไหนแล้ว พยายามฝืนกลับมานับใหม่ก็ไม่เคยเกิน 3 ซักครั้ง -*-
     
  3. ithai

    ithai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +154
    ให้แสงสว่างนำทางให้ไปสู่ภพที่ดีได้หรือไม่

    สวัสดีคะ คุณเจ้าของกระทู้ และคุณจิโป และเพื่อน เพื่อน รบกวนถามเกี่ยวกับเรื่องแสงที่แผ่ออกไปคะ คือบ้านที่อาศัย อยู่ติดกับวัดจีน บางทีก็มีใคร ที่สัมผัสได้ ตามมา ขอถาม เกี่ยวกับการแผ่แสง แสงที่ว่านั้น ไล่พวกผีอย่างเดียว หรือ ว่า ให้แสงสว่างนำพวกเขาไปสู่ภพที่ดีได้หรือไม่ คะ
    รูปนี้ คือ บ้านที่อาศัยอยู่ชั่วคราวอะคะ นั่งสมาธิสวดมนต์ เสร็จขนจะลุก บางทีก็ตลอดวัน แต่จะรู้สึกชัดมากตอนเดินไปที่ครัวกับห้องน้ำ รบกวนอยากให้คุณจิโปดูหน่อยคะ ว่าเจ้าของบ้านคนก่อนเขาเป็นคริสเตียลหรือเปล่า เพราะมีความรู้สึกว่ามีผู้หญิงยืนอยู่ตรงในครัวบ้างครั้งอะคะ ถ้าเป็นคริสเตียลเราควรแนะนำให้เขาพ้นทุกข์อย่างไร ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในธรรมะ และกุศล ที่คุณจิโป แบ่งปันให้กับเพื่อน เพื่อน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2011
  4. Assarin

    Assarin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +104
    ดีใจจังค่ะ คิดถึงกระทู้นี้ที่สู๊ดดด ...

    พี่ainteerati+มีพระหมอที่ไหนที่รักษาคนพูดไม่ได้บ้างไหมคะ

    อยู่ๆแม่ก็พูดไมได้มาเป็นอาทิตย์แล้วค่ะ พาไปหาหมอคุณหมอบอกว่าเป็นอัมพฤกษ์

    แต่ไม่มีอาการอ่อนเพลีย พ่อบอกว่าดึกๆจะลุกมาคุยกับใครไม่รู้แล้วพอพ่อคุยด้วยก็เตะพ่อซะงั้น

    พ่อบอกว่าตอนกลางคืนเหมือนไม่ใช่แม่ต้องเอาพระคล้องคอไว้ถึงยอมนอน
     
  5. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275

    แต่ก่อนก็เจอบ่อยเหมือนกันครับโดยเฉพาะมดแดงไฟแบบมีเยอะๆไปอยู่ที่ไหนก็มักเจอใช้สารพัดใช้ก็เคยมาแล้วแต่ก็ยังมาเหมือนเดิมเลยลองอุทิศบุญให้แล้วโปรดเขาดูอยู่ๆก็ไม่รู้เขาย้ายหนีกันไปไหนหมดแล้วต่อมาก็ไม่ค่อยได้เจอมดแบบนี้อีกสักเท่าไรสงสัยเราอาจเคยทำกรรมกับเขาไว้พอได้แล้วเขาก็ไป ลองเอาไปใช้ดูเผื่อได้ผลครับ
     
  6. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    ฟังดูคล้ายเกิดจากการกระทำของวิญญาณเลยนะครับที่เคยเห็นส่วนใหญ่จะเป็นวิญญาณพวกงูหากอาศัยอยู่ในร่างคนแ้ล้วมักจะทำให้ลิ้นแข็งพูดลำบากนานๆเข้าก็พูดไม่ได้กลายเป็นอัมพฤกษ์แบบหมอว่าคนที่รักษาก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับเกียวกับโรคพูดไม่ได้นี้หากเกิดจากวิญาณจริงก็น่าจะรักษาไม่ยากแต่คงมีกรรมพ่วงมาด้วยละ หากอยู่ไกล้กันลองพาท่านแวะเข้ามาดูชิเผื่อมีทางแก้ได้ครับ
     
  7. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1511032/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. i3lack

    i3lack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +102
    สวัสดีครับคุณ ainteerati :cool:
    ไม่ค่อยเห็นออนเลยครัย
     
  9. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275


    สวัสดีครับเมล์เดิมเข้าไม่ได้ครับเลยต้องให้อันใหม่ครับ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2011
  10. i3lack

    i3lack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +102
    เอาเมลล์ลงเว็บประเดี่ยวจะยุ่งเอานะครับ :cool: แอดไปแล้วครับ
     
  11. Assarin

    Assarin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +104
    ค่ะตอนนี้แม่ได้แต่พูดอะไรของเค้าไปเรื่อยเด๋อๆด๋าๆ ถามอะไรก็จะร้องโวยวายใส่

    พี่สาวทำกับข้าวไม่ทันก็เรียกให้รีบไปตักให้ทั้งๆของบางอย่างแม่ไม่เคยกินเลย

    แต่ก่อนที่แม่จะเป็นแบบนี้แม่ไปอยู่ราชบุรีบ้านพี่สาวอีกคนค่ะ เค้าค้าขายอยู่แถวตลาดศรีเมือง

    แล้ววันที่พี่สาวไปฮ่องกงมีคนมาขโมยสิงห์คาบดาบที่หน้าบ้าน หลังจากนั้นสองสามวันแม่ก็เป็นค่ะ

    ไม่รู้มันจะเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า จะให้ทิพย์ถ่ายรูปแม่มาให้หรือว่าให้ทำยังไงคะ
     
  12. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ด้วยเหตุที่ทำสมาธิตอนนอนมากกว่าท่าอื่นจนเป็นปกติ จึงทำให้เกิดความฝัน
    แบบแปลกๆ บางทีก็เป็นนิมิตในขณะที่จิตเป็นสมาธิตอนจะหลับพอดี บางทีก็
    เกินฌาณเข้าสู่ภวังค์จิตไปเลยเพราะตั้งใจจะนอนอยู่แล้ว

    ตามปกติแล้วเวลาเราทำสมาธิในท่านั่ง ตอนที่ละกายได้แล้วจะเกิดนิมิตที่เป็น
    คล้ายๆที่ถามมาถึงการลอยขึ้นไปในอากาศอย่างควบคุมไม่ได้ เช่นตกเหววูปไป
    หรือเหมือนถูกเหวี่ยงให้หมุนๆ หรือตัวใหญ่พองโต ซึ่งเป็นอาการของปิติ

    แต่การที่เกิดนิมิตในลักษณะที่ทำให้เกิดการกลัวเช่น ลอยออกจากร่าง มอง
    เห็นตัวเองเป็นโครงกระดูกทั้งร่าง หรือบางส่วนของร่างกาย เห็นคนมาทำร้าย
    ถึงขั้นถือดาบมาจะตัดหัว หรือสัตว์ร้ายจะมาทำร้ายเป็นต้นนั้น ท่านว่าอย่าสนใจ
    เลยว่าจะเป็นอาการกายทิพย์ออกจากร่าง จิตออกจากร่าง หรือเกิดญาณหยั่ง
    รู้ในส่วนทิพย์ใดๆ

    หากแต่ท่านว่าเมื่อมาถึงตรงนี้ แสดงว่าเราเริ่มเข้าขั้นบุรุญที่ 1 คือจิตเราจะ
    เร่งเราเองให้ละกายสังขาร เพื่อเข้าสู่อริยะขั้นโสดาบัน ซึ่งเมื่อเราบรรลุมาขั้น
    สองนี้จะทำให้เราชืดชาต่อความตาย ทำให้ไม่กลัวในนิมิต (ขั้น 1 โสดาปฏิ
    มรรค ขั้น 2 โสดาปฏิผล)

    การจะผ่านเข้าอริยะอันดับแรกก่อนจะนอนทำสมาธิ ให้คิดว่าเราจะตายตอนนี้
    แล้ว งานอะไรเรายังค้างคาอยู่บ้างที่ยังไม่สะสางคิดเอามาแล้วหยุดใว้ในใจ
    บุญคุณใครที่เรายังไม่ได้ใช้หนี้ คิดหน้าเขามาแล้วหยุดใว้ บาปของใครที่ทำ
    กับเราแบบไหนๆคิดเอามาแล้วหยุดใว้ บุญใดๆของเราที่เราทำมาคิดมาแล้ว
    ก็หยุดใว้ในใจอีกที

    ตานี้ก็คิดว่าเราตายแล้ว มาได้แค่นี้เอง ชีวิตเราเกิดมาแล้วจบตรงนี้นาทีนี้ได้แค่
    นี้เอง ก็จะเกิดการสลดสังเวช ค่อยทำสมาธิแบบของตัวเองไป พอมันลอยขึ้น
    ไปในอากาศอีกครา หรือมันจะหลุดไปไหนๆก็ให้คิดใว้ว่าเราตายแล้ว ใครจะมา
    ทำร้ายเราก็ทำไปเพราะกายนี้จบแค่นี้ มันจะลอยไปไหนก็สลดสังเวชอยู่เฉยๆ

    จากตรงนี้ นิมิตทั้งหลายรอบข้างจะกลับกลายมาเป็น "จิตเรา"เป็นศูนย์กลาง
    ของสิ่งแวดล้อมนี้ (ตอนแรกเราเป็นเพียงส่วนหนึ่งของนิมิต) สิ่งต่างๆในนิมิต
    จะเริ่มละเอียดขึ้น เช่นเริ่มเห็นสีสรรของสิ่งต่างๆชัดเจน เห็นสิ่งต่างๆพร้อมกัน
    โดยเรามองไปเพียงแว๊ปเดียว (..........ตรงนี้เซ็นเซอร์................)และจะ
    ต้องเห็นร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งของเราเป็นแก้วใสมากๆ(สำหรับคนที่ได้ทิพย์
    ญาณด้วย)

    เมื่อออกจากนิมิตแบบนี้โดยมากจะเสื้อผ้าเปียก(คนละอันกับเปียกเพราะฉี่
    รดที่นอน)นี่สำหรับคนนอนสมาธิ ส่วนคนนั่งสมาธิ จะเห็นเหงื่อตัวเองออกตาม
    รูขุมขนเม็ดใหญ่ๆเท่าเม็ดข้าวโพด เสื้อผ้าเปียกเหมือนเอาน้ำสาดเลยทีเดียว
    นี่รอดจากการกลัวจนขีดสุดแล้ว พ้นจากความกลัวแล้ว ก็ขั้นไหนที่พ้นความกลัว
    ก็เรียกว่าเราได้ขั้นนั้นล่ะ ความกลัวมันคนละอย่างกับกิเลสนะยังต้องฝึกตัวเอง
    อีก อย่าพึ่งดีใจไป.
     
  13. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    เจ้าของบ้านคนเก่าเป็นนางรำ ใส่เล็บยาวๆใส่เสื้อมีเพชรเกาะเต็ม
    ในรูปมองไปไม่มีความหมายอะไรสำหรับเจ้า เพราะท่านมายืนข้างขวาของเรา
    คือหน้าเราหันเข้าหิ้งอย่างในภาพ ท่านจะยืนอยู่ขวามือเรา เหมือนจะเป็นเสา
    ในกำแพง คล้ายว่าหันหน้าหิ้งไม่ถูกทาง เพราะตัวท่านยืนตรงนี้แต่เราไปใหว้
    ตรงนู้น เวลาใหว้หิ้งนี้เลยมีความรู้สึกเหมือนคนยืนมองเราทางขวาตลอดเวลา

    ส่วนเรื่องแสงสว่าง ใช้ไล่ผีก็ได้ ใช้ส่งวิญญาณก็ได้ ใช้ส่งได้ทุกศาสนาเพราะ
    แสงสว่างเป็นสากลทิพย์ ส่งยังไงนั่นต้องใช้ปัญญาครับ
    ในส่วนของเราผู้ปฏิบัติตามพระพุทธองค์ เราได้เปรียบคนอื่นตรงที่เรามีสิ่งคอย
    ช่วยเหลือโดยเราไม่ต้องสวดอ้อนวอนให้ช่วย แต่ท่านทั้งหลายช่วยเราอัติโนมัติ
    ก็เมื่อบ่ายนี้เองมีคนถามผมว่า อยากได้บุญจะทำยังไง เหมือนหิวๆไม่อิ่มเลย
    ผมเลยกล่าวให้ฟังคร่าวๆเพื่อเอาบุญให้กินไปคำนึง เดี๋ยวจะเล่าต่อเผื่อใครหิว
    เป็นนิทานนะอาจจะไม่เหมือนตอนบ่ายเพราะจำรายละเอียดไม่ค่อยได้
    ควรอ่านทีละวรรคแล้วหลับตานึกภาพให้ปรากฏในใจ

    "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ท่ามกลางขุนเขาลำเนาไพร ป่าดงดิบอันไม่มีผู้คน
    สัญจร ในกาลที่ยังห่างไกลความเจริญทางวัตถุอยู่มาก ยังมีบึงน้ำกว้างพอ
    ประมาณ กลางวันจะบริสุทธิ์ใสสะอาดมาก ส่วนกลางคืนจะกลายเป็นสีเขียว
    มรกต บึงนี้เองหนึ่งปีจะปรากฏหนึ่งครั้งคือขึ้นสามค่ำเดือนสามเท่านั้น คนมีบุญ
    เท่านั้นจึงจะเห็นบึงนี้ได้ บางคนมองเห็นบึงแต่ครั้นเข้าไปใกล้ก็กลายเป็นเพียง
    ป่าเขาช่วงหนึ่งเท่านั้น"

    "ที่เป็นเช่นนี้เพราะเหตุว่า ใต้บึงนี้เองยังมีพญานาคราชที่บำเพ็ญเพียร เข้า
    ฌาณสมาธิ หนึ่งปีจะออกจากสมาธิเพียงหนึ่งครั้งคือ ขึ้นสามค่ำเดือนสามเท่า
    นั้น แลเมื่อออกจากสมาธิก็จะแผ่กุศลบารมี ความเมตตากรุณาออกมา ทำให้น้ำ
    ในบึงนี้เกิดรสชาดหวานหอม ใครได้กินจะเป็นหนุ่มสาวขึ้นมาสิบปี "

    "ความเมตตากรุณาของพญานาคราชนี้ ผู้ที่ได้กินย่อมมีน้อยกว่าน้อย มิอาจ
    จะสร้างความสุขต่อชนทั้งมวล หากแต่เป็นความกรุณาอย่างยิ่งแล้วสำหรับคน
    บางกลุ่มที่หวังในอายุขัย อันปิติสุขอุเบกขาเอกคตาทั้งปวงของการบำเพ็ญใน
    หนึ่งปีล้วนแทรกอยู่ในน้ำนี้ บุคคลใดกินน้ำนี้เข้าไปย่อมได้รับกุศลผลบุญนี้
    ไปด้วย"

    ความเมตตาของพญานาคราชนี้แลเป็นบุญ ที่ยังสังขารทั้งหลายให้เกิดปิติสุข
    อุเบกขาเอกคตารมณ์ อันภาพทั้งหลายที่ปรากฏในใจเรานี้เองสร้างสิ่งเหล่านี้
    ขึ้นมา(ปิติสุขอุเบกขาเอกคตา)

    จุดหักเหของเรื่องอยู่ตรงนี้ จากนี้ไป

    ณ.กลางใจเรานี้เอง ในมโนจิตที่ปรากฏภาพบึงน้ำเขียวขจี ขุนเขาสลับซับ
    ซ้อน ใบใม้ที่หล่นลงในบึงน้ำ ตลอดจนภาพพญานาคราชที่นอนสงบบำเพ็ญ
    เพียรนี้เอง สงสัยหรือไม่ว่า เหตุใดจึงมองเห็นภาพเหล่านี้ อะไรที่สะท้อนสิ่งนั้น
    มาให้เราเห็น

    "พระเครื่องทั้งหลายที่ห้อยคอเรานี้เอง ตลอดจนพระใกล้ตัวล้วนเป็นสื่อให้เกิด
    "แสง" พระอริยะเหล่าใดออกจากฌาณสมาบัติก็ดี จากฌาณสมาธิก็ดีล้วนแผ่
    เมตตาบารมีอันปราศจาก ปิติสุขอุเบกขาเอกคตารมณ์ สิ่งนี้จึงแทรกอยู่ในเหล่า
    นี้ ทั้งกลางวันแลกลางคืน ท่ามกลางความมืดมิด ท่ามกลางมโนจิต แทรกอยู่ใน
    สิ่งทั้งมวล"

    "บุคคลเหล่าใดที่มีบุญเห็นบึงน้ำเขียวขจีในมโนจิต อันทำให้เกิดปิติสุขแห่งกระ
    แสเมตตาของพญานาคราช และเห็นถึงแสงสว่างที่แทรกอยู่ในมโนจิตที่สะท้อน
    ภาพเหล่านี้ให้ บุคคลนั้นย่อมเสพรับกับสิ่งที่เหนือกว่าบุญ ย่อมขอบคุณพญา
    นาคราชในความเมตตาและอาจกล่าวในใจว่าบุญเราไม่ต้องการ ขอบคุณท่าน
    ในบางคราย่อมอาจกล่าวว่า มหากรุณาธิคุณที่แทรกในแสงสว่างนี้เราก็ไม่ต้อง
    การ ขอบคุณท่าน บุคคลเหล่านี้ย่อมอาจกล่าวได้ว่าพ้นจากกิเลสและอาสวะทั้ง
    หลายทั้งปวงแล้ว"

    ผมจำได้ประมาณนี้ แค่นี้เองในพุทธกาลเกิดการบรรลุพระอรหันต์สุกขวิโก
    หลายพันรูปทั้งสงฆ์และฆราวาส ด้วยใจที่น้อมเข้ามานี้เอง
    เห็นใหม แสงสว่างส่งได้ ทำลายได้ ยกสู่วิปัสสนาก็ได้นะครับ
     
  14. tniak

    tniak สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณคุณจิ-โปมากครับที่ช่วยแนะนำ จริงอย่างที่ว่าครับส่วนใหญ่ตอนนอนผมจะนอนทำสมาธิไปเรื่อยจนหลับไปเองตลอด ตามคำแนะนำจะลองนำไปปฎิบัติครับ ขอบคุณมากครับ
     
  15. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    เค้ามีนิทานมาเล่า แต่เรามีนิทานมาถามท่านจิ-โป<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นางพญางูขาวเฝ้าบำเพ็ญเพียร ด้วยหวังจะบรรลุเป็นเซียน
    แต่ด้วยเพราะนางได้อธิษฐานจิตว่า เมื่อใดที่ข้าพเจ้าได้บรรลุเป็นเซียน เมื่อนั้น ขอให้ข้าพเจ้าได้ฤทธิ์ของข้าพเจ้าคืนมา ด้วยครั้งก่อนนั้น นางพญางูขาว ได้เคยกระทำความผิดอันเกิดจากความรักมังกรขาวที่โบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อบรรลุเป็นเซียนครั้งกระนั้น นางจึงกระทำความผิดโดยการติดตามมังกรขาว หวังจะได้พบหน้ามังกรขาวอันเป็นที่รัก จึงขัดขวางการเดินทางเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกของพระถังซัมจั๋ง บัดนั้นเอง นางได้สำนึกผิด นางจึงอธิษฐานจิต หากนางไม่สามารถละอาสวะกิเลสของนางลงได้ อิทธิฤทธิ์ของนางก็จักมิได้คืนมาเช่นกัน นางพญางูขาวเฝ้าแต่รอและบำเพ็ญเพียรหวังจะได้เป็นเซียน เพื่อให้ได้ฤทธิ์ของนางคืนมา นางพญางูขาว พิจารณาความรักของนาง อันนางยึดถือเกิดเป็นตัวตนของมังกรขาวได้อย่างไร ต่อมานางพิจารณาความรักของนางและเข้าใจถ่องแท้แล้ว แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังมิได้อิทธิฤทธิ์ของนางคืนมา ใยนางพญางูขาวจึงเป็นเช่นนั้นเล่า<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    นิทานเรื่องนี้ขอถาม พี่จิ-โป เหตุใดนางพญางูขาว จึงยังมิได้ฤทธิ์คืนมา เพราะนางพญางูขาว อธิษฐานไว้มากกว่านั้นหรือเปล่าหนอ หรือเพราะนางพญางูขาว ได้มองเห็นความทุกข์ที่เกิดจากการมีฤทธิ์ของนางแล้วหนอ<O:p</O:p
     
  16. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    อิอิ ผมว่า นางพญางูขาว คงยังตัดใจจาก มังกรขาวไม่ได้ อ่ะ อาจจะมีเศษเสี้ยว เล็ก ที่ยัง
    คงคิดอยู่ละมั้ง

    อ่านแล้วนึกถึงเรื่อง นางพญางูขาว ที่เคยดูตอนเด็ก ๆ ขำขำ นะครับ
    รอพี่จิ-โป ตอบด้วยอีกคน
     
  17. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ]นิทานเรื่องนี้ขอถาม พี่จิ-โป เหตุใดนางพญางูขาว จึงยังมิได้ฤทธิ์คืนมา เพราะนางพญางูขาว อธิษฐานไว้มากกว่านั้นหรือเปล่าหนอ หรือเพราะนางพญางูขาว ได้มองเห็นความทุกข์ที่เกิดจากการมีฤทธิ์ของนางแล้วหนอ<O:p</O:p[/COLOR][/SIZE][/FONT][/QUOTE]

    ง.งู ใจกล้า ต่อด้วย จ.จานใช้ดี
    ง.งู จอดรถเติมน้ำมัน 1 หยด ก็รีบออกจากปั๊มไปแล้ว จะให้วิ่งได้กี่กิโลล่ะ
    ชาวบ้านเขาจอดรถเติมเต็มถังกันทั้งนั้น เขาก็วิ่งฉิวสิ

    การทำสมาธิเข้าได้ประเดี๋ยวประด๋าว ก็เปรียบเหมือนเติมน้ำมัน 1 หยด จะเอา
    ไปใช้ให้เกิดฤทธิ์ได้ยังไง ถ้าทำสมาธิให้อารมณ์สมาธิสืบสันสตินานๆก็จะใช้
    ฤทธิ์ได้มาก (อย่ามาถามนะว่า ถังน้ำมันหนูอยู่ตรงไหนเดี๋ยวหนูเติมเอง..)


    อาสวะนั้น คือสิ่งที่พัวพันฉุดรั้ง ไม่ให้จิตประภัสสร(ชื่อใครกันน๊า)
    เปรียบเหมือนการยิงจรวดออกนอกโลก สมองคนในยุคปัจจุบันนี้ ก็จะติดเชื้อ
    เพลิงเข้าไป เพื่อเอาชนะแรงดึงดูดเพื่อส่งจรวดขึ้นไป
    แต่ว่ายังมีการส่งไปอีกชนิดหนึ่ง คือสร้างท่อด้วยแสงห้อมล้อมจรวด เมื่อสร้าง
    ท่อด้วยการยิงแสงเกิดเป็นท่อนี้ จรวดก็จะลอยขึ้นไปเอง
    จรวดคือจิตเราที่มีกิเลส อาสวะคือแรงดึงดูด จรวดที่อยู่นอกโลกคือจิตอัน
    ประภัสสร การส่งขึ้นด้วยแรงดันเชื้อเพลิงคือสิ่งที่ทีโอกำลังทำอยู่นี้เอง
    ส่วนการส่งไปด้วยท่อแห่งแสงคือสิ่งที่เราเรียกว่า"ละสังขาร" เมื่อไม่มีสังขาร
    ย่อมไม่มีอาสวะทั้งสังขารภายนอกและสังขารภายใน เมื่อไม่มีอาสวะ จิตก็เป็น
    ประภัสสรเอง ฤทธิ์ใดๆย่อมมาเองเมื่อใร้สิ่งฉุดรั้งในสภาวะเหนืออาสวะทั้งหลาย

    ง.งู จะเข้าใจใหมหนอ
    และจะเอาฤทธิ์ไปทำอะไรกัน เสกตะปูเข้าท้องใครรึเปล่า? ..
     
  18. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    แหม! ถามเป็นนิทาน ก็ไม่ตอบเป็นนิทาน แล้วจะเป็นนิทานได้งั้ย กรำ..อิอิ คนอ่านเค้าจะได้จินตนากาล แหม! นิทานเรื่องนี้น่าติดตามเสียจริง อะไรประมาณนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2011
  19. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ง.งู ใจกล้า ต่อด้วย จ.จานใช้ดี
    ง.งู จอดรถเติมน้ำมัน 1 หยด ก็รีบออกจากปั๊มไปแล้ว จะให้วิ่งได้กี่กิโลล่ะ
    ชาวบ้านเขาจอดรถเติมเต็มถังกันทั้งนั้น เขาก็วิ่งฉิวสิ

    การทำสมาธิเข้าได้ประเดี๋ยวประด๋าว ก็เปรียบเหมือนเติมน้ำมัน 1 หยด จะเอา
    ไปใช้ให้เกิดฤทธิ์ได้ยังไง ถ้าทำสมาธิให้อารมณ์สมาธิสืบสันสตินานๆก็จะใช้
    ฤทธิ์ได้มาก (อย่ามาถามนะว่า ถังน้ำมันหนูอยู่ตรงไหนเดี๋ยวหนูเติมเอง..) รู้สึกว่าจะรู้ดีไปหมดนะ ...(เบื่อคนรู้ทัน)


    อาสวะนั้น คือสิ่งที่พัวพันฉุดรั้ง ไม่ให้จิตประภัสสร(ชื่อใครกันน๊า) คงไม่ถามหรอก คงไม่ฉลาดขนาดนั้น 555
    เปรียบเหมือนการยิงจรวดออกนอกโลก สมองคนในยุคปัจจุบันนี้ ก็จะติดเชื้อ
    เพลิงเข้าไป เพื่อเอาชนะแรงดึงดูดเพื่อส่งจรวดขึ้นไป
    แต่ว่ายังมีการส่งไปอีกชนิดหนึ่ง คือสร้างท่อด้วยแสงห้อมล้อมจรวด เมื่อสร้าง
    ท่อด้วยการยิงแสงเกิดเป็นท่อนี้ จรวดก็จะลอยขึ้นไปเอง
    จรวดคือจิตเราที่มีกิเลส อาสวะคือแรงดึงดูด จรวดที่อยู่นอกโลกคือจิตอัน
    ประภัสสร การส่งขึ้นด้วยแรงดันเชื้อเพลิงคือสิ่งที่ทีโอกำลังทำอยู่นี้เอง
    ส่วนการส่งไปด้วยท่อแห่งแสงคือสิ่งที่เราเรียกว่า"ละสังขาร" เมื่อไม่มีสังขาร
    ย่อมไม่มีอาสวะทั้งสังขารภายนอกและสังขารภายใน เมื่อไม่มีอาสวะ จิตก็เป็น
    ประภัสสรเอง ฤทธิ์ใดๆย่อมมาเองเมื่อใร้สิ่งฉุดรั้งในสภาวะเหนืออาสวะทั้งหลาย

    ง.งู จะเข้าใจใหมหนอ
    และจะเอาฤทธิ์ไปทำอะไรกัน เสกตะปูเข้าท้องใครรึเปล่า? (อาจจะเสกอาหารเข้าท้องก็ได้ เพราะหิวบ่อยงัย..อิอิ) ..[/QUOTE]

    วันนี้อารมณ์ดี ก็หยอกเล่นหน่อย ทำงานหนักมากอย่าเครียดนะจ๊ะ เดี๋ยวเท้ากาขึ้น baby face ก็เอาไม่อยู่น้า

    แล้วตกลง electrical short จะทำมั้ยเนี่ย ....เล่นตัวจริง ๆ เลยคนเรา ยุคนี้เราต้องง้อ supplier ซะด้วยเฮ้อ.
     
  20. i3lack

    i3lack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +102
    คิดเหมือนกันเลยครับนางงูขาวสมัยเด็ก ๆ :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...