หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ทุเรียนทอด, 16 พฤษภาคม 2011.

  1. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    :cool: เอ้า.. ท่านหอย งานเข้าแล้ว ตอบท่านกวาวหน่อยครับ :boo:
     
  2. สุคะโต

    สุคะโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +1,975
    กราบแทบเท้านมัสการ องค์หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี กราบนมัสการพระอาจาร์สมเดช

    สวัสดีครับ คุณทุเรียนทอด และสวัสดีเพื่อนศิษยานุศิษย์องค์หลวงปู่พิศดูทุกท่านครับ วันนี้ยังไม่นอนเลยนั่งอ่านกระทู้คุณทุเรียนทอดเสียเพลิน...
    เลยเกือบลืมแจ้งข่าวดี บอกบุญเพื่อนๆ ทุกท่านทราบ
    คือว่า ในวันเสาร์ ที่ 9 ก.ค. 54 นี้ กระผม จะอุปสมบท ที่พัทสีมาวัดยางระหง
    (ขออภัยหากพิมพ์ชื่อวัดผิด)อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เวลาประมาณ 10 โมงเช้า
    โดยมี หลวงพ่อสนิท วัดเขาน้อยสามผาน เป็นพระอุปัชฌย์ และพระอาจารย์สมเดช เป็นครูบาอาจารย์ ที่กระผมจะขออนญาตอุปัถฐาก ดูแลท่านตลอดหนึ่งพรรษาที่วัดเขาถ้ำโบสถ์ การบวชครั้งนี้นับเป็นบุญของผมมาก จึงอยากบอกบุญนี้แด่เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่านจงโปรดโมทนาบุญครั้งนี้ด้วย หากกาลที่ผ่านมาผมได้กระทำผิดสิ่งใด หรือล่วงเกินท่านใด ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ขอท่านนั้นจงอโหสิกรรม และโปรด งดโทษ อดโทษแด่ผมด้วยเถิด บุญกุศลใดที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ขอทุกท่านจงมีส่วนบุญ สุ่วนกุศลนี้ด้วยเทอญ
    ผู้ใดประสงค์ร่วมงานบวช เรียนเชิญนะครับพร้อมกันที่วัดเขาถ้ำโบสถ์ก่อน 9 โมงเช้าครับแล้วค่อยเดินทางไปยังวัดที่จะทำพิธีบวช พร้อมกัน ผมยังไม่ได้รู้จักใครมากเท่าไหร่ที่กระทู้นี้ แต่ก็ขออนุญาตบอกบุญด้วยครับ
    ผู้ที่จะบวชคือผมชื่อเล่นว่า เจ หลวงปู่พิศดูฯ เคยเรียกว่า กว๊านพะเยาส่วนชื่อสุคะโต คือชื่อที่หลวงปู่พิศดูฯ ท่านเมตตา ตั้งให้ลูกชายเมื่อปี 47 ครับ
    วันนี้ผมเข้ามากระทู้นี้แล้วคงอีกนาน กว่าจะได้เข้ามาอีก ถ้าเข้ามาหลังจากนี้คงเป็นลูกชายหรือแม่ของเขาแล้วล่ะ เพราะบ่ายวันนี้ผมคงอยู่ที่วัดเขาถ้ำโบสถ์แล้วล่ะครับ เข้าไปหาพระอาจารย์สมเดช ฯ แล้วอยู่ที่นั่นตลอดพรรษาเลยครับ หวังว่าทุกท่านคงร่วมโมทนาบุญนะครับ และอาจได้พบเจอกันที่วัดเขาถ้ำโบสถ์ ตอนเป็นพระเจ หรือพระนนท์ (ตามชื่อจริง ชา-ติ-นนท์ ) นะครับ ก่อนจากกันขออวยพรให้ทุกท่านจงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ด้วยเทอญ...
     
  3. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นะจักรวาล [​IMG]
    อยากได้กบรุ่น 2 แหะๆๆ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ผมเองก็ได้แต่ตัวเดียว ยังคิดอยากได้เพิ่มอยู่เลยครับ ตอนนี้หาย๊ากยากครับ ใครมีบ้างตอบหน่อยครับ สมาชิกของเราถามหา
     
  4. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981


    สุดยอดมากครับพระชุดนี้ น้อยคนมากที่จะมีครบทั้งสามรุ่นหรือสี่รุ่น นอกจากพระกริ่งธัมมะจารีและรูปหล่อรุ่นพระธรรมธาตุแล้ว ชุดเหรียญพระมหาอุปคุตก็นับเป็นวัตถุมงคลชุดที่องค์หลวงปู่ท่านชอบมากอีกชุดหนึ่ง เนื่องจากองค์หลวงปู่ท่านเป็นลูกศิษย์สายตรงองค์พระอุปคุตมหาเถระ และองค์หลวงปู่ท่านยังให้ความเคารพ และเชื่อมั่นในพระบารมีขององค์พระมหาอุปคุตเป็นอย่างมาก และได้กล่าวยกย่องถึงมหาบารมีของท่านให้ฟังบ่อยๆว่า.. " ท่านพ่ออุปคุตนี่ ตั้งแต่พระพุทธเจ้านิพพานมา ยังไม่มีใครที่จะมีฤทธิ์เทียบท่านพ่ออุปคุตได้ ท่านไม่แพ้ใคร เก่งทั้งฤทธิ์และทางลาภ..."


    [​IMG][​IMG]
    เหรียญพระมหาอุปคุต รุ่นแรก ของวัดเทพธารทอง

    - เหรียนรุ่นนี้ตามที่เคยลงไว้ในหน้าก่อนว่า เป็นเหรียญที่องค์หลวงปู่ท่านสั่งการให้สร้างด้วยองค์เอง รุ่นนี้เป็นของวัดเทพธารทอง หลวงปู่ท่านปรารภว่า "ให้สร้างขึ้นมาเพื่อเอาไว้ให้ลูกศิษย์ของท่านใช้ ต่อไปจะมีภัยต่างๆรอบด้าน ให้สร้างพระรูปท่านพ่ออุปคุตมาบูชา แล้วจะทำให้ปลอดภัย ในยุคนี้ตั้งแต่สมัยพุทธกาลลงมา พระที่มีฤทธิ์ไม่มีใครเกินท่านพ่ออุปคุต ท่านปราบพยามารซะงอเลย แต่ไม่ใช่แค่ฤทธิ์อย่างเดียวหรอก ทางลาภก็ไม่แพ้ใครนะ.."

    เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2550 โดยทางลูกศิษย์ชุดดูแลอุปัฏฐาก และลูกศิษย์ใกล้ชิดร่วมกันบริจาคปัจจัยสร้างถวายให้ท่าน เพื่อสนองความประสงค์ขององค์ท่าน และเป็นการบูชาพระคุณแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ เดิมทีหลวงปู่ท่านให้หารูปหล่อพระอุปคุตที่ขายตามตลาดพระสวยๆมาให้ท่านปลุกเสก ทางลูกศิษย์ก็หามาให้ท่านได้ประมาณ 300 องค์หลวงปู่ท่านก็เอามาอธิษฐานจิตให้ และสั่งให้ทำสัญลักษณ์ของทางวัดเอาไว้เพื่อที่จะแยกแยะได้ถูก ลูกศิษย์เลยเอามาตอกโค๊ตกำกับ และรันหมายเลข บางองค์ก็ตอกโค๊ต แต่ไม่มีหมายเลขก็มี แล้วท้ายสุดท่านสั่งให้ย้อมเป็นสีทองอร่ามทั้งองค์ อาจเพื่อเป็นความสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์บางอย่างก็ได้ แต่ต่อมา ท่านเห็นว่าอยากจะให้มีเอกลักษณ์เฉพาะสำนักวัดเรา จึงได้สั่งให้สร้างเป็นเหรียญรูปท่านพระมหาอุปคุตขึ้นมาอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรก และได้เมตตาให้บท พระคาถาวันโลกดับ ขึ้นประทับเอาไว้ล้อมยันต์ที่ด้านหลังของเหรียญ คาถาวันโลกดับ เป็นคาถาที่พบในศิลาจารึก ในวัดเชตวันวิหาร ประเทศอินเดีย เขียนจารึกโดยท่านพระอานนท์เอกองค์อรหันต์พุทธอนุชา ตามพุทธทำนาย ให้ชาวพุทธไว้สวดป้องกันอันตราย ยามที่โลกมีภัยสงคราม ภัยอันตรายต่างๆ จะมีมหันตภัยอันใหญ่หลวง จึงได้รจนาแต่งขึ้นไว้ พระคาถาดังกล่าวว่าไว้ดังนี้
    " ทิตะทิรา ทันมันฑะโล กะลิลา กะละลา สะติโส จะถิโท คะหะตะเน ฯ "
    เหรียญพระมหาอุปคุตนี้ด้านหน้าเป็นรูปท่านมหาพระอุปคุตประทับนั่งอยู่บนผิวน้ำ มีดอกบัวผุดขึ้นขนาบข้างพระวรกายทั้งสองข้าง พระหัตถ์หนึ่งจกบาตรเป็นการแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ ความมั่งคั่งร่ำรวย พระหัตถ์อีกหนึ่งถือดอกบัวและแหงนหน้าขึ้นมองเพื่อบูชาองค์สมเด็จพระทศพล บ้างก็ว่าเป็นปางชำเลืองแลมาร หรือเป็นการคอยเหลือบมองดูพระยามารมิให้มีโอกาสทำอันตรายต่อผู้ที่ศรัทธาต่อพระศาสนาได้ ด้านข้างมีอักขระขอม อ่านว่า อุปคุตโต นะโมพุทธายะ ด้านบนสุดเป็น ยันต์อุนาโลม ส่วนด้านหลังมียันต์ตรงกลาง เรียกว่า ยันต์ลงเครื่อง ซึ่งยันต์นี้เป็นยันต์ใช้ลงได้ทุกอย่าง มีพุทธคุณรอบด้าน และเป็นแคล้วคลาด เมตตามหาโชคลาภ-ปราบมาร ล้อมรอบด้วยอักขระขอมจารึก พระคาถาวันโลกดับ เหรียญที่สร้างทั้งหมดมีดังนี้

    - เนื้อตะกั่วลองพิมพ์ ปีกหนา สร้าง 14 องค์
    - เนื้อตะกั่วลองพิมพ์ ปีกบาง สร้าง 12 องค์
    (ตอกโค๊ต และ หมายเลขกำกับทุกองค์)
    - เนื้อนวะโลหะชนวนศักดิ์สิทธิ์ สร้าง 100 องค์ (ตอกโค๊ตและหมายเลยกำกับทุกองค์)
    - เนื้อทองเหลือง ลงยาสีเขียว สร้าง 100 องค์ (ตอกโค๊ตกำกับเป็นสัญลักษณ์ แยกแยะได้)
    - เนื้อทองเหลือง ไม่ลงยา สร้าง 900 องค์ (ตอกโค๊ตกำกับทุกองค์)
    - เนื้อทองแดง รมมันปู สร้าง 1,000 องค์ (ตอกโค๊ตกำกับทุกองค์)



    [​IMG] [​IMG]
    เหรียญพระมหาอุปคุต ทรงระฆัง ออกให้วัดปะต๊ะ หรือวัดปาต๊ะ(พระหัตถ์ 4 รอย) เมืองลา(สิบสองปันนา) ประเทศจีน
    - เหรียญรุ่นนี้ สร้างในปี พ.ศ.2552 โดยท่านเจ้าอาวาสวัดปาต๊ะ เพื่อแจกให้พี่น้องญาติโยมในแถบนั้น เพื่อใช้ป้องกันอันตราย และเพื่อใช้หาทุนสร้างถาวรวัตถุต่างๆของทางวัดต่อไป รูปร่างของเหรียญเป็นทรงระฆัง ด้านหน้าของเหรียญเป็นรูปพระมหาอุปคุตปางมารวิชัยแบบหงายพระหัตถ์ ประทับนั่งอยู่บนผิวน้ำ มีดอกบัวผุดขึ้นขนาบข้างพระวรกายทั้งสองข้าง บนดอกบัวมีอักขระขอมอ่านว่า พุทโธ พระหัตถ์ข้างหนึ่งอุ้มบาตร พระหัตถ์อีกข้างหนึ่งหงายวางบนพระชานุ(เข่า)โดยถือดอกบัวเอาไว้ด้วย ด้านบนพระประภามณฑลมีอักขระภาษา ตัวเมืองล้านนา อ่านว่า ปาฏิหารมารฮ้ายบ่หัน แปลว่า ปาฏิหาริย์มารร้ายไม่เห็น ด้านบนสุดตรงบริเวณคอระฆังเป็นรูปดอกบัว 5 ดอก อันสื่อความหมายถึงพระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ในภัทรกัปนี้ มีอยู่ 5 พระองค์ .ส่วนด้านหลังป็น รูปหินปาต๊ะ หรือหินรูปพระหัตถ์ 4 รอย อยู่บนฐานดอกบัวรองรับ มีอักขระตัวเมืองด้านข้างดอกบัวอ่านว่า วัดปาต๊ะ--เมืองลา ด้านข้างหินปาต๊ะจะมียันต์ทั้งสองข้าง เรียกว่า ยันต์นะพระเจ้า 5 พระองค์ มีอักขระขอมอยู่ใต้ยันต์ด้านซ้ายอ่านว่า สุสะปะวะ และอักขระขอมใต้ยันต์ด้านขวาอ่านว่า ธัมมะจารี ถัดจากหินปาต๊ะ ขึ้นไปเป็นรูปโบว์ มีอักขระตัวเมืองล้านนาอ่านว่า พระหัตถ์ สี่รอย เหรียญที่สร้างทั้งหมดมี
    - เนื้อนวะโลหะ 600 องค์
    - เนื้อทองเหลือง 5,000 องค์
    - เนื้อทองแดง 5,000 องค์
    และทางวัดปาต๊ะได้ถวายหลวงปู่พิศดูเอาไว้แจกลูกศิษย์อยู่ส่วนหนึ่ง พอจะประมาณคร่าวๆได้ว่ามี เหรียญทองเหลืองทองแดงรวมกันได้ประมาณ 200 องค์ เนื้อนวะโลหะ อีก 100 องค์ เนื้อนวะโลหะตอกโค๊ตกำกับเพียงเนื้อเดียว
    รวมความแล้ว เหรียญชุดปาต๊ะนี้อยู่ในประเทศไทยประมาณ 300 องค์ เท่านั้น


    [​IMG] [​IMG]
    เหรียญพระมหาอุปคุต องค์เล็ก(รุ่น..พระชนะมาร)
    - เหรียญนี้จัดสร้างพร้อมกับล็อกเก็ตรุ่น 11 ในปีพ.ศ.2553 โดยได้ขออนุญาติองค์หลวงปู่เป็นที่เรียบร้อย พิธีอธิษฐานจิตโดยท่านครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง และองค์หลวงปู่พิศดู ได้อธิษฐานจิตตลอดมาเป็นเวลาหลายเดือนก่อนจะเข้าสู่แดนนิพพาน นับเป็นวัตถุมงคลรูปพระมหาอุปคุตรุ่นสุดท้ายที่องค์หลวงปู่ได้สร้างเสกสรรไว้ . โดยออกแบบให้เป็นรูปพระมหาอุปคุต พระหัตถ์ข้างหนึ่งจกบาตร อีกพระหัตถ์หนึ่งถือดอกบัว เพื่อบูชาพระพุทธองค์ และแหงนพระภักร์ชำเลืองมาร(มิให้ทำกิจอันเดือดร้อนวุ่นวายต่อผู้ที่นับถือพระศาสนา) เพราะองค์พระมหาอุปคุตเป็นผู้เลิศในทางฤทธิ์ เป็นผู้ที่พระพุทธองค์ทรงพุทธทำนายเอาไว้ว่า ต่อไปท่านพระอุปคุตจะมาเกิด และจะบรรลุโมขธรรมนำพาเวนัยสัตว์น้อยใหญ่ให้พ้นจากบ่วงของมาร ท่านจักเป็นผู้ทำกิจบางอย่างในพระศาสนาแทนพระพุทธองค์ และพระพุทธองค์ยังทรงยกย่องให้ท่านเป็นอนุพุทธะ(พระพุทธเจ้าน้อย) ที่ปราศจากมหาปุริสลักษณะ ท่านพระมหาอุปคุตองค์นี้จะเป็นผู้ปราบพยามารให้ละพยศ เพื่อให้ตั้งความปราถนาซึ่งพุทธภูมิต่อไป และด้วยองค์ท่านพระมหาอุปคุต ท่านอาศัยอยู่ในย่านปราสาทแก้วกลางสะดือทะเล จึงออกแบบองค์พระให้ท่านประทับอยู่ในซุ้มปราสาทกลางน้ำ ส่วนด้านหลัง ออกแบบให้เป็นอักขระขอมนำมาผูกร้อยเรียงกันเป็นยันต์ อ่านได้ว่า " พระชนะมาร " และมีตัวหนังสือไทยอยู่ด้านล่างสุดอ่านว่า วัดเทพธารทอง จำนวนสร้างทั้งหมดได้สร้างออกเป็นของ 2 วัด คือวัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง) จะไม่ได้บอกชื่อวัดเป็นแต่เพียงมียันต์อย่างเดียว โดยได้สร้างถวายไว้รวม 2 เนื้อ คือเนื้อทองเหลือง และทองแดง รวมกันได้ 2,000 องค์

    ส่วนวัดของหลวงปู่จะเขียนบอกชื่อวัดเทพธารทอง สร้างประมาณ 2,000 องค์เศษ และ โดยแบ่งเป็น
    - เนื้อเงิน 19 องค์
    - เนื้อนวะโลหะ 200 องค์
    - เนื้ออัลปาก้า 200 องค์
    - เนื้อทองเหลือง 1,000 องค์
    - เนื้อทองแดง 1,000 องค์
    - เนื้อตะกั่ว 59 องค์<!-- google_ad_section_end -->


    ขอบคุณท่านกวาวชไม มากครับที่ลงรูปวัตถุมงคลขององค์หลวงปู่ให้ทุกท่านได้ศึกษากันครับ สาธุ :cool:



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2011
  5. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    :cool: ดีแล้วครับได้ทำในสิ่งที่เรารัก และถนัด เป็นการสร้างบารมีอีกทางหนึ่งครับ ขอเป็นกำลังใจให้คุณเจษฏาด้วยครับ ขอให้องค์หลวงปู่คุ้มครอง ปกปักรักษาครับ สาธุ

    นะโม ธัมมะจารีสุขังเสติ ปิยัง มะ มะ
     
  6. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981


    ขออนุโมทนาบุญที่จะได้สร้างสมในกาลครั้งนี้ด้วยครับพี่ สุคะโต ดีแล้วครับนอกจากจะได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนาแล้ว ยังได้ใช้เวลาอันมีค่าในพรรษาอยู่กับการปฏิบัติธรรม และดูแลอุปัฏฐากครูบาอาจารย์ซึ่งเป็นพระอริยะสงฆ์อีกด้วย หาโอกาสได้ยากยิ่งครับ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า..

    การเกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ชื่อว่าเป็นของยาก
    การเกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนานั้น ชื่อว่าเป็นของยากขึ้นไปอีก
    การเกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา และได้อุปสมบทนั้น ก็ชื่อว่าเป็นของยากขึ้นไปอีก
    แต่ การเกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้อุปสมบท และยังได้ปฏิบัติธรรม ได้รับใช้ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยะสงฆ์เนื้อนาบุญ ชื่อว่าเป็นของยากเป็นที่สุด เพราะเป็นเหตุปัจจัยที่สามารถแจ้งได้ถึงซึ่งพระนิพพานได้ง่ายยิ่งขึ้นนั่นแล

    และในการนี้ทราบมาว่าพี่ สุคะโต จะยิ่งได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในสังกัด ธรรมยุตินิกาย เพื่อบูชาพระคุณ มารดา-บิดา และ พ่อแม่ครูอาจารย์ พิศดู ธมฺมจารี ด้วยแล้ว อานิสงส์ยิ่งพูนเพิ่มร้อยเท่าพันทวี เกิดกี่ที กี่ชาติบุญกุศลนั้นก็มิอาจจะใช้ได้หมดสิ้น จะติดตัวไปถึงวันอันเป็นที่สุดแห่งวัฏสงสารนิพาน ในอนาคตกาลภายหน้าอย่างแน่นอน สมควรแก่การอนุโมทนา สาธุกาลด้วยเป็นที่ยิ่งที่สุดแล้วครับ


    สาธุ.. สาธุ.. สาธุ.. อนุโมทนามะ ด้วยนะครับพี่....เจ

    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:



    .
     
  7. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    98131819[1].gif อนุโมทนาบุญด้วยครับ
    550200912241514161[1].gif
     
  8. ศิษย์ต่างแดน

    ศิษย์ต่างแดน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,011
    ค่าพลัง:
    +3,448

    ขออนุโมทนาบุญกุศลนี้ด้วยนะครับพี่เจ ตั้งใจทำในสิ่งที่ประเสริฐ สำเร็จด้วยดีทุกประการ
     
  9. ekkorn9

    ekkorn9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    795
    ค่าพลัง:
    +5,592
    ขออนุโมทนา บุญกุศล ด้วยครับ สาธุ
     
  10. ธมฺมสิทโธ

    ธมฺมสิทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +714
    สาธุ... สาธุ... สาธุ... อนุโมทนาบุญ ด้วยนะครับน้องเจ
    น้องเจถือว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่คนหนึ่ง และจากการพูดคุย น้องเขามีลูกถ้าจำไม่ผิด 2 คน อายุ 5-6 ปี
    และลูกของน้องเจ หลวงปู่ได้เมตตาตั้งชื่อให้ น้องเจและครอบครัวมีประสบการณ์มาก ว่างๆ อยากให้ลงเรื่องให้สมาชิกและลูกศิษย์ คนอื่นๆ ได้ทราบบ้างน่าจะเป็นการดี ขอขอบคุณล่วงหน้า
     
  11. Paiboon K

    Paiboon K เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +9,420
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งกับ คุณสุคโต ด้วยครับ หากไม่ติดภาระสำคัญอันใด ก็จะไปร่วมอนุโมทนาด้วยครับ แต่ตอนเช้าผมกับครอบครัวต้องไปทำบุญที่วัดเขาถ้ำโบสถ์อยู่แล้ว คงได้เป็นนาบุญของผมตลอดพรรษาแน่ๆครับ ดีใจจังที่วัดจะมีพระเพิ่มขึ้น กุศลของผมก็จะได้เพิ่มขึ้นเยอะครับ สาธุ..สาธุ..สาธุ อนุโมทามิ
     
  12. จันท์คับ

    จันท์คับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,334
    ค่าพลัง:
    +11,054
    กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีครับพี่ทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่าน ไม่ได้เข้ามาหลายวันมีเรื่องราวให้ติดตามเยอะจริงๆครับ และขออนุโมทนากับท่านสุคะโตด้วยครับผม ขอให้เป็นร่มโพธ์ร่มไทรของพุทธศาสนาตลอดพรรษาครับ สาธุ:cool::cool::cool:
     
  13. ธมฺมสิทโธ

    ธมฺมสิทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +714
    หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี กับ (คาถายูงทอง)

    ครั้งหนึ่ง ผมได้ไปทำบุญกับหลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี วันนั้นคิดถึงหลวงปู่มั่น เมื่อกราบหลวงปู่ หลวงปู่ท่านกล่าวว่า "นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา " ผมนึกว่าวันนี้หลวงปู่รู้ใจอีกแล้ว หรือบอกความใน อะไรสักอย่าง เมื่อผมกลับมา ก็ได้ไปค้นหาว่า คำว่า นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา แปลว่าอะไร ก็ได้คำตอบว่า
    นะโม วิมุตตานัง : ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่ท่านผู้หลุดพ้น
    นะโม วิมุตติยา : ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่วิมุตติธรรม
    เลยได้ความรู้ และได้คำชี้แนะจากหลวงปู่ ได้หลายประเด็น
    1. หลวงปู่เราได้ หลุดพ้นแล้ว ท่านบอกเป็นความใน ผ่านบทคาถา
    2. ได้คาถาอีกบทหนึ่ง ไว้ป้องกันภัย
    3. ทำบุญกับพระที่ได้หลุดพ้นแล้วได้บุญมาก
    4. พระที่เจดีย์เขียว หลวงปู่ตั้งชื่อ "พระวิมุตตานัง" (รูปด้านล่าง)

    หลังจากนั้นมา เวลาไปกราบหลวงปู่พิศดู ผมจะท่องว่า
    นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา เป็นประจำ ลูกศิษย์ท่านใดที่ได้กราบพระรูปอื่นๆ ที่เรานับถือ ลองกล่าวคำนี้ดู ถ้าท่านสำเร็จแล้วท่านอาจจะเฉย ถ้ายังไม่สำเร็จท่านจะบอกว่า เราไม่ใช่ อันนี้ผมเจอมากับตัวเอง วันหนึ่งได้ไปกราบหลวงปู่ ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ และได้เจอกับครูบารูปหนึ่ง มาเยื่ยมหลวงปู่เป็นประจำ เมื่อกราบหลวงปู่หน้าห้องเสร็จแล้ว ก็ได้กราบครูบา ต่อ ได้สนทนา กับท่านเล็กๆ น้อยๆ และห้องติดกับห้องหลวงปู่ ได้มีพระจากวัดสะแกลูกศิษย์(หลวงปู่ดู่)องค์ปัจจุบันมารักษาตัวอยู่ ได้ทำบุญกับท่านด้วย โดยที่ครูบาฯ ได้พูดว่า ทำบุญกับพระอรหัตน์ ทั้ง 2 องค์ ได้บุญมาก โดยท่านเองก็ได้ทำบุญด้วย ผมเลยพูดขึ้่นว่า พระอรหัตน์ไม่ใช่ 2 องค์ แต่มี 3 องค์ ท่านครูบารีบปฏิเสธ ทันที ว่า"เราไม่ใช่" เลยว่าถ้าง้ันท่านคือ "พระโพธิสัตว์" ท่านเงียบเลย ไม่ได้ตอบรับ หรือ ปฏิเสธ ภาษาพระ ถ้านิ่ง แสดงว่ารับ เอาเกร็ดเล็กๆ น้อย มาเล่าสู่กันฟัง ในวงลูกศิษย์ ถ้า ผิดพลาดประการใด ด้วย กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม จงให้อโหกรรม กับข้าพเจ้าด้วย สาธุ...สาธุ...สาธุ...


    โมระปะริตตัง
    (คาถายูงทอง)
    <O:p</O:p

    นะมัตถุ พุทธานัง : ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย<O:p</O:p
    นะมัตถุ โพธิยา : ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระโพธิญาณ<O:p</O:p
    นะโม วิมุตตานัง : ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแต่ท่านผู้พ้นแล้วทั้งหลาย<O:p</O:p
    นะโม วิมุตติยา : ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแต่วิมุตติธรรม<O:p</O:p
    [FONT=’Angsana New’]<O:p</O:p

    บทคาถาข้างต้น มักจะเห็นกำกับอยู่ในเหรียญรูปเคารพหรือวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานแห่งกองทัพธรรม หรือที่มักเรียกกันว่า พระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ในอดีตผู้เขียนรู้เพียงว่า เป็นบาทพระคาถา ‘แคล้วคลาด’ จากภัยอันตราย หากไม่รู้ที่มาโดยชัดเจน ตราบจนกระทั่งเข้าวัดเข้าวา ได้บวชเรียนแล้วถึงรู้ว่าเป็นบาทคาถาที่ตัดทอนมาจากบทสวดมนต์ที่ชื่อว่า ‘โมระปะริตตัง’ นั่นเอง<O:p</O:p
    ในอดีตจำได้ว่าครั้งเมื่อบวชเรียนถูกครูบาอาจารย์ส่งไปอยู่ตามป่าตามเขาหรือถ้ำต่าง ๆ บทสวดมนต์ที่ใช้ท่องบ่นหลังสวดมนต์ทำวัตรเย็นมิได้ขาด มีอยู่สามสี่บท หนึ่งคือ ‘ระตะนะสุตตัง กับ กะระณียะเมตตะสุตตัง’ ว่ากันว่าสองบทนี้ป้องกันการรบกวนของเหล่าอมนุษย์และภูตผีปิศาจ บทต่อมาคือ ‘ขันธะปะริตตัง’ บทนี้เป็นบทแผ่เมตตาป้องกันงูและอสรพิษต่าง ๆ บทสุดท้ายคือ ‘โมระปะริตตัง’<O:p</O:p
    โมระปะริตตัง ถือเป็นบทสวดมนต์ที่ทำให้ผู้สวดแคล้วคลาดปราศจากภยันตรายทั้งหมด นั่นคือเหตุผลที่ครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานทั้งหลายได้นำเอาบาทคาถาย่อมากำกับลงในวัตถุมงคลของท่าน ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่สิม พุทธาจาโร หลวงปู่ดุลย์ อตุโล ฯลฯ<O:p</O:p
    เหตุผลในการเขียนถึงพระคาถาโมระปะริตตัง ในวันนี้ก็เพราะมีหลายท่านที่รู้จักมักคุ้นเคยถามไถ่<O:p</O:p
    “ไปไหนมาไหนภูเตศวรมีพระคาถาอะไรคุ้มตัวบ้าง?”<O:p</O:p
    คำตอบคือ... ‘ไตรสรณคมน์ อันมีพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสังฆเจ้า เป็นที่ยึดเหนี่ยว’ หากบางคาบบางคราก็ท่องคาถา ‘มงกุฎพระพุทธเจ้า’ เป็นอารมณ์ หากต้องเดินทางไกลในการขับรถก็จะมี ‘โมระปะริตตัง’ ที่กำลังกล่าวถึงกำกับทุกครั้ง<O:p</O:p
    เพื่อแสดงให้เห็นอานุภาพแห่งพระคาถา โมระปะริตตัง จึงขอนำข้อความในหัวข้อปกิณกธรรม หนังสือบูรพาจารย์ มาแสดงไว้ดังนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ประมาณปี 2487 ครูหนูไทย สุพลวานิช เป็นผู้หนึ่งที่ถูกเกณฑ์ไปฝึกอบรมในค่ายเสรีไทยบ้านหนองผือ เป็นธรรมดาในภาวะศึกสงคราม จึงทำให้แสวงหาที่พึ่งทางใจในยามคับขัน ว่างจากการฝึกวันหนึ่งเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ท่านพระอาจารย์ใหญ่ในวัดหนองผือทราบว่าท่านเป็นพระดีองค์หนึ่ง พวกเราจะไม่ลองไปขอของดีกับท่านดูบ้างหรือ ท่านคงให้พวกเรา”<O:p</O:p
    ด้วยคำพูดของเพื่อน ทำให้คุณครูหนูไทยหาแผ่นทองมาแผ่นหนึ่งตัดเป็นแผ่นเล็ก ๆ วางใส่พานขันธ์ห้า แล้วให้โยมผู้เฒ่าทายกวัดที่เป็นญาติซึ่งนำภัตตาหารไปถวายตอนเช้า นำแผ่นทองไปถวายท่านเพื่อขอเมตตาทำตะกรุดใหม่ แต่โยมผู้นั้นไม่กล้าเข้าไปหาโดยตรง จึงให้พระอุปัฏฐากเข้าไปลองถามท่านดูก่อน ท่านพระอาจารย์มั่นได้พูดตอบพระอุปัฏฐากว่า<O:p</O:p
    “เขาอยากได้ กะเฮ็ดให้เขาสั้นตั๊ว!” (หมายความว่าเขาต้องการ ก็ทำให้เขาจะเป็นไรไป)<O:p</O:p
    เมื่อเอาแผ่นทองถวายแล้ว สามวันหลังจากนั้นพระอุปัฏฐากพระอาจารย์มั่นก็นำแผ่นยันต์ตะกรุดมาคืนให้ ครูหนูไทยเมื่อได้ตะกรุดมาแล้วก็ดีอกดีใจมาก นำพกติดตัวไปด้วยตลอดเวลา วันหนึ่งว่างจากการฝึกอบรม คุณครูจึงเดินเที่ยวไปด้านหลังสนาม เผอิญเหลือบไปเห็นพวกเพื่อน ๆ สามสี่คนกำลังจะทดลองยิง ‘เขี้ยวหมูตัน’ ที่ถือเป็นของดีประเภททนสิทธิ์ด้วยปืนคาร์ไบน์ ปรากฏว่าเขี้ยวหมูตันถูกกระสุนปืนแตกกระจายไป ซึ่งเจ้าของเขี้ยวหมูตันถึงกับหน้าถอดสีไป จากนั้นคนที่ทำการยิงหันมาที่ครูหนูไทยเอ่ยถาม “มีของดีอะไรบ้าง?” ด้วยความซื่อ ครูหนูไทยจึงตอบว่า “มีอยู่” แค่นั้นแหละเพื่อนล้วงไปที่กระเป๋าเสื้อ ไม่วายที่คนเป็นเจ้าของจะทัดทานและขอคืน เขาก็ไม่ยอมคืนท่าเดียว และนำไปวางไว้ระยะสามถึงสี่วา แล้วถอยออกมาประทับปืนเล็งยิงไปที่ตะกรุดยันต์นั้น เสียงปืนลั่นดังแชะ...แชะ สองครั้งท่ามกลางเสียงกลั้นหายใจของทุกคน กระสุนไม่ระเบิดในขณะที่ทุกคนตะลึงงัน ครั้งที่สามคนยิงหันปลายกระบอกปืนขึ้นฟ้าเหนี่ยวไก ปรากฏว่าเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว<O:p</O:p
    เหตุการณ์ครั้งนั้นแพร่สะพัดออกไป หลายคนทราบข่าวจึงพากันไปขอจากพระอาจารย์มั่นที่วัด ซึ่งส่วนมากจะได้แผ่นผ้าลงอักขระคาถาตัวยันต์ สำหรับตะกรุดแผ่นทองนั้นไม่ค่อยมีเพราะในสมัยศึกสงครามแผ่นโลหะต่าง ๆ หายากมาก ซึ่งต่อมาไม่นานท่านพระอาจารย์มั่นคงเห็นว่ามากเกินไปจนเกินเลย ท่านจึงบอกเลิก ท่านให้เหตุผลว่า<O:p</O:p
    “สงครามเขาจะสงบแล้ว ไม่ต้องเอาก็ได้ พวกตะกรุด ยันต์ ผ้ายันต์เหล่านั้นมันเป็นของภายนอก สู้เอาคาถาบทนี้ไปบริกรรมแนบกับใจไม่ได้ ให้บริกรรมทุกเช้าค่ำจนขึ้นใจ แล้วจะปลอดภัยจากอันตรายต่าง ๆ”<O:p</O:p
    ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านหนองผือเลยไม่กล้าขอท่านอีก และเป็นความจริงกับที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้กล่าวว่าสงครามกำลังจะสงบ เพราะหลังจากที่ท่านกล่าวไว้ไม่ถึงเจ็ดวัน ก็ได้ทราบข่าวว่าเครื่องบินของทหารอเมริกันได้ไปทิ้งระเบิดปรมาณูใส่เมืองฮิโรชิมากับเมืองนางาซากิของประเทศญี่ปุ่นจนย่อยยับ จนญี่ปุ่นได้ประกาศยอมแพ้สงคราม และสงครามได้สงบลงดังที่เราท่านทราบตามหน้าแห่งประวัติศาสตร์นั่นแล<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    โมระปะริตตัง (คาถายูงทอง)มีดังนี้<O:p</O:p
    อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา<O:p</O:p
    หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส<O:p</O:p
    ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง<O:p</O:p
    ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง<O:p</O:p
    เย พราหมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม<O:p</O:p
    เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ<O:p</O:p
    นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา<O:p</O:p
    นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา<O:p</O:p
    อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร จะระติ เอสะนาฯ<O:p</O:p
    อะเปตะยัญจักขุมา เอกะราชา<O:p</O:p
    หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส<O:p</O:p
    ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง<O:p</O:p
    ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ รัตติง<O:p</O:p
    เย พราหมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม<O:p</O:p
    เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ<O:p</O:p
    นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา<O:p</O:p
    นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา<O:p</O:p
    อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร วาสะมะกัปปะยีติฯ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ถ้ามีเวลาก็ควรสวดให้ครบ หากเวลาน้อยก็ท่องเฉพาะ ‘นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา’แค่นี้ก็ได้<O:p</O:p
    หรือบางท่านจะใช้เป็นคำบริกรรมในใจเวลาปฏิบัติสมาธิ และใช้แค่...<O:p</O:p
    ‘นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา’ ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ครับ ธรรมะ 5 นาที ในฉบับนี้ อาจมิใช่หลักธรรมหรือแก่นธรรมอะไร หากก็เหมือนคติที่ว่า ‘รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม’ อย่างน้อยก็เป็นคำรำลึกถึง พระพุทธเจ้า พระโพธิญาณ ผู้พ้นแล้วและพระวิมุตติธรรมทั้งปวง เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิตประจำวันที่ต้องเผชิญทุกข์และภยันตรายทั้งปวง อีกทั้งยังเป็นที่น้อมนำสติมาสู่ใจตนในทุกคราที่กล่าวพระคาถา ซึ่งถือเป็นการสร้างบารมีแก่ตนอีกประการ<O:p</O:p

    หลวงปู่มั่นท่านว่า......พวกตะกรุดยันต์ ผ้ายันต์ เหล่านั้นนั่นมันเป็นของภายนอกสู้เอาคาถาบทนี้ไปบริกรรมแนบกับใจไม่ได้ให้บริกรรม ทุกเช้าค่ำจนขึ้นใจแล้วจะปลอดภัยอันตรายต่างๆจะไม่มากล้ำกรายตัวเราได้เลย.... เป็นคาถาเดียวที่หลวงปู่มั่นมอบให้ชาวบ้านขอให้เราทุกคน ช่วยกัน ท่องคาถาบทนี้เพื่อป้องกันภัยอันตรายที่อาจจะเกิดแก่ประเทศชาติบ้านเมืองตัวท่านและครอบครัวเคราะห์ภัยร้ายแรงจะลดความร้ายแรงลงได้ ส่วนเคราะห์เล็กเคราะห์น้อยจะมลายหายไปได้ด้วยพระพุทธบารมีจากการท่องคาถาบทนี้

    คาถาบทนี้ ให้ท่องทันที เมื่อตื่นนอนตอนเช้า ก่อนออกจากบ้าน และก่อนนอนให้พยายามท่องให้ได้บ่อยครั้งท่องได้ทุกสถานที่และทุกเวลายิ่งคนจำนวนมากท่อง จะยิ่งมีพลัง จะท่องเวลาเดินทาง เวลาขึ้นรถลงเรือฯลฯก็ได้ทั้งนั้น หลังจากท่องคาถานี้แล้วให้ตั้งจิตระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์และ กุศลกรรมที่ท่านได้ทำในแต่ละวัน



    <O:p</O:p

    โอวาทปาฏิโมกข์

    สัพพะปาปัสสะ อะกระระณัง
    กุสะลัสสูปะสัมปะทา
    สะจิตตะปะริโยทะปะนัง

    ไม่ทำบาปทั้งปวง
    บำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม
    รักษาจิตของตนให้ผ่องใส


    [/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A1036722.jpg
      A1036722.jpg
      ขนาดไฟล์:
      159.6 KB
      เปิดดู:
      155
    • A1036721.jpg
      A1036721.jpg
      ขนาดไฟล์:
      171.5 KB
      เปิดดู:
      158
    • DSC07663.JPG
      DSC07663.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      132
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2011
  14. ฌานกร

    ฌานกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,433
    ค่าพลัง:
    +14,651
    กราบองค์หลวงปู่พิศดู
    และสวัสดี พี่ๆ ทุกท่านนะครับ
     
  15. Paiboon K

    Paiboon K เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +9,420
    ขอบคุณครับท่านธมฺมสิทโธ สำหรับข้อมูลดีๆที่นำมาฝาก
     
  16. jedsadatum21

    jedsadatum21 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2011
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +3,277
    พระธาตุเสด็จมาที่พระกริ่งหลวงปู่พิศดู ธัมมจารี

    ได้มาทีแรกไปเลี่ยมเงินยังไม่มีครับ ผมเอากล้องส่องบ่อยๆยังไม่มี คงเพิ่งจะมาเสด็จไม่กี่วันครับ สังเกตุอยู่ตรงกลีบดอกบัวชั้นล่าง เป็นเม็ดขาวขาวใสเล็กๆครับเสด็จมา1องค์ครับยิ่งศรัทธามากขึ้นครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. Paiboon K

    Paiboon K เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +9,420
    อนุโมทนาด้วยครับ ผมพึ่งได้มาใหม่ไว้เลี่ยมแล้วจะลองอธิษฐานดูบ้างครับ เผื่อมีบุญวาสนาบ้าง
     
  18. jedsadatum21

    jedsadatum21 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2011
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +3,277
    ล็อกเก็ตหลงปู่ที่ผมใส่เป็นประจำเวลาไปกู้ภัยครับ อุ่นใจครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. jedsadatum21

    jedsadatum21 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2011
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +3,277
    ล็อกเก็ตรุ่นนี้มวลสารและปลกเสกอธิษฐานจิตชุดเดียวกับล็อกเก็ตพ่อลูกครับ พอดีผมไปเจอหนังสือสวดมนต์เล่มเล็กเลยลองสังทำดู1องค์ครับ
     
  20. jedsadatum21

    jedsadatum21 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2011
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +3,277
    เป็นกำลังใจให้ครับคุณPaiboon K ถ้าเราเชื่อมั่นศรัทธาเดี๋ยวก็เสด็จมาเองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...