ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 25 มกราคม 2008.

  1. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    อายุรเวช อโรคา พยาธิ

    นโมตัสสะภะคะวะโตอาระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
    นโมตัสสะภะคะวะโตอาระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
    นโมตัสสะภะคะวะโตอาระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

    นโมฯ ขออาราธนาพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า ซึ่งเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกทั่วไป ด้วยพุทธานุภาเวนะ ธรรมานุภาเวนะ สังฆานุภาวะนะ ทั้งขอนอบน้อม ท่านโรคามฤตินทร์ และ ท่านชีวกโกมารภัจจ์ ท่านผู้เป็นปฐมวงศ์การแพทยศาสตร์ อีกทั้งขออภิวาทบูชาพระคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณทุกท่านทั้งหลาย และพระกรรมฐานเจ้าทั้งปวง กรุณาปกปักษ์คุ้มครองธาตุขันธ์ รักษาเวทนาอาการ ทั้งกายและใจ ของทุกดวงจิตนรชนให้สุขสมบูรณ์อุดมด้วยพลานามัยแข็งแรง ดุจดั่ง จินดามณี เพื่อการดำรงเพ็ญเพียร ล่วงลุนิพานดล สำเร็จกิจประสิทธิพร เทอญฯ

    <O></O>
    วันที่ ๓๐ มิ.ย. ๕๔ เวลา ๑๐.๓๘ น. ร่วมกุศลการบำเพ็ญกิจมหาอายุรวัฒนะธรรมทาน “กองทุนยาหมอสุวิ” ธนาคารไทยพาณิชย์ ออมทรัพย์ เลขที่ ๓๘๘ – ๒๑๘ ๒๙๓ – ๗ ท่านอาจารย์วินันท์ วงศ์เอนกอนันต์ จำนวน ๕๐๐ บาท สาธุค่ะ<O></O>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2011
  2. นายสุ

    นายสุ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    ต้องเรียนอาจารย์สุวิด้วยใจจริงว่าศรัทธา แต่ช่วงนี้ผมมีปัญหาเรื่องเงินรบกวนอาจารย์แค่แนะนำก็พอครับ ไม่ต้องตั้งยาและส่งมาให้ผมนะครับ
    ขอบคุณมากมายและจะติดตามอ่านกระทู้อื่นเรื่อยๆครับ
     
  3. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    สาธุ เรียนขออนุญาตท่านอา ค่ะ :)


    เชิญชวน คุณสุ เจริญธรรม ธรรมรักษาด้วยพระสูตรคิรีมานนทสูตร ที่นี่ เนาะ !

    http://palungjit.org/threads/ธรรมโอสถรักษาโรคกายและใจจาก“คิริมานนทสูตร”.3991/

    เรียน ขออนุญาตค่ะ

    ด้วยปกติ มิได้ข้องแวะเยี่ยมกระทู้ ห้องสุขภาพนัก บังเอิญวันหนึ่งมาเห็นข้อความวัตถุประสงค์ "กองทุนยา หมอสุวิ" แล้ว พิจารณาน้อมสาธุการ และมีความตั้งใจว่า หากมีโอกาส จะทำการร่วมสนุบสนุนกองทุนฯ นี้บ้าง ตามกำลังค่ะ .. ผ่านเวลามา จนนึกได้ จึงได้มาร่วมในวันนี้ ค่ะ

    ด้วยหวังเป็นอย่างยิ่ง ที่จะเป็นช่องทางโอกาสน้อมแสดงคารวะผู้มีพระคุณ ขอให้กองทุนยาฯ ได้เกิดหลักปักฐาน เกิดความงอกงาม เป็นมหาอายุรวัฒนะธรรมทาน เพื่อคุณ ๆ ท่าน ๆ พ้นผ่านเวทนาขันธ์ สาธุค่ะ
    และ ธรรมะคงจัดสรร ...เมื่อแวะมาเมียงมองอีกรอบ ผ่านตาข้อความเกี่ยวกับ "สมุนไพรปอบิด" ค่ะ

    เนื่องจากไปรู้จักเห็นพันธุ์ไม้ "ปอบิด" มาค่ะ
    เมื่อคราวเที่ยวตามคณะวิจัยพันธุ์พืชไปเดินสำรวจพรรณไม้ เขตภาคเหนือตอนล่าง และได้รับทราบสรรพคุณพันธุ์ไม้นี้ จึงเก็บเมล็ดพันธุมา .... บุญจัดสรร จะได้จัดส่งมาให้ท่านอาจารย์ นะคะ มีข้อมูลที่ค้นไว้ศึกษาดังนี้ นะคะ :)


    ------------------------------------------------------------
    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]



    พบทั่วไป ในป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าเต็งรัง ที่รกร้างว่างเปล่า ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    <O></O>
    เป็นไม้พุ่ม ขนาดเล็ก สูง 1 - 2 ม. ลำต้นกลมเรียวอ่อนดูคล้ายเถา มักแตกเป็นต้นหลายต้นคล้าย ๆ ไม้พุ่มกอ มีเปลือกนอก สีเทา
    <O></O>
    ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กลับ ออกข้างกิ่งเป็นคู่ ๆ ดูคล้ายใบประกอบขนาดใหญ่ ใบย่อยเหมือนใบตะขบแต่ปลายเว้าแล้วจึงแหลม มีขนคันเหนียว รูปใบสวยพลิ้วรับลมได้อย่างสวยงาม
    <O></O>
    ดอก ออกเป็นกระจุกที่ซอกใบ กลีบรองกลีบดอกสีเหลือง กลีบดอกสีฟ้า แล้วเปลี่ยนเป็นสีแดงสด สีอิฐ
    <O></O>
    ผล เป็นฝัก กลม บิดเป็นเกลียว ยาวประมาณ 2 - 3 นิ้ว มีทั้งบิดซ้ายและบิดขวา ผลแก่ เมื่อแก่แห้งสีดำด้าน
    <O></O>
    ระยะเวลาในการออกดอกและเป็นผล ออกดอกหลายครั้งในหนึ่งปี
    <O></O>
    การขยายพันธุ์ เพาะกล้าจากเมล็ด

    <O>ด้านสมุนไพร ส่วนที่ใช้เป็นสมุนไพรและมีสรรพคุณคือ สมุนไพรปอกะบิดเกลียวทอง เป็นสมุนไพรธรรมชาติ สำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต ยาสมุนไพรปอกะบิดเกลียวทอง สมุนไพรตัวนี้น้ำตาลในเลือดค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆจนเป็นปกติ</O>
    <O></O>
    ราก รสฝาดเฝื่อน บำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ แก้ท้องร่วง แก้บิด แก้เสมหะพิการ แก้ปวดเคล็ดบวมโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต
    <O></O>
    เปลือก บำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ แก้ท้องร่วง แก้บิด แก้เสมหะพิการ แก้ปวดเคล็ดบวม
    <O></O>
    ฝัก แก้บิด แก้ปวดท้อง แก้โรคลำไส้ในเด็ก เป็นยาฝาดสมาน แก้บิด
    <O></O>
    แก่น รสจืดเฝื่อน บำรุงน้ำเหลือง บำรุงกำลัง แก้เสมหะพิการ แก้น้ำเหลืองเสีย
    <O></O>
    ผล รสฝาด แก้บิด ปวดเบ่ง แก้ท้องร่วง แก้ปวดเคล็ดบวม แก้เสมหะพิการ แก้ลงแดง
    <O></O>
    ไม่ระบุส่วนที่ใข้ แก้บิด แก้ท้องร่วง แก้เด็กท้องขึ้นและจุกเสียด แก้ปวดเคล็ดบวม แก้เสมหะพิการ บำรุงธาตุ ขับปัสสาวะ ฝาดสมานทำให้นมน้อยลง ลดอาการปวดมวนท้อง<O></O>

    ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
    ลดการบีบตัวของลำไส้ กระตุ้นมดลูก ยับยั้ง reverse transcriptase ยับยั้งไวรัส HTLV-I ยับยั้งเอนไซม์ protease (HIV) เป็นพิษต่อเซลล์ ยับยั้งการสร้าง Giant cell ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย

    ด้านการเป็นไม้ประดับ ความน่าสนใจของไม้ต้นนี้ คือเป็นพุ่มไม้ขนาดเล็ก ลำต้นมกัแตกเป็นกอ แต่ละลำพุ่งตรงออกจากกัน แปลกตาดี มีใบเกาะพราวลำต้นและรูปใบแปลกขนาดใหญ่ ดอกสีอิฐ ผลบิดเป็นเกลียว ปลูกเป็นไม้ประดับแบบเป็นแถวได้หรือแต่งพุ่มได้


    อนุโมทนา ขอบพระคุณที่มาข้อมูล (ส่วนภาพมาจากอินเตอร์เน็ต)
    http://203.114.105.84/virtual/Physicals/www.thaimedicinalplant.com/popup/porbit.html
    ------------------------------------------------------------

    พร้อมนี้ จะจัดส่งเมล็ดพันธุ์ "ย่านางแดง หรือ เถาขยัน" ซึึ่่งพอจะมีอยู่จำนวนหนึ่ง มาให้ท่านอาจารย์ด้วยเลยนะคะ
    (อนุโทมนาบุญ ขอบพระคุณภาพถ่ายประกอบ จากอินเตอร์เน็ต)




    [​IMG]




    [​IMG]




    [​IMG]



    [​IMG]





    <O></O>


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2011
  4. rubpy

    rubpy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2009
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +264
    ขอบพระคุณ อ. สุวิเป็นอย่างสูงค่ะสำหรับคำตอบ
    ปรินท์เรื่องปอบิดไปให้พ่ออ่านแล้ว
    จากที่อาจารย์บอกน่าจะเป็นตัวเดียวกับปอกะบิดที่พ่อต้มดื่มค่ะ
    ลักษณะฝักเหมือนในรูปของคุณบุญญสิกขาเลยค่ะ เป็นฝักแห้งบิดเป็นเกลียวๆ
    สรรพคุณข้างถุงเขียนไว้ว่าลดความดัน น้ำตาล ไขมัน ช่วยเรื่องปวดข้อ เกาท์ ภูมิแพ้
    ๑ ปีมีออกครั้งเดียว เป็น OTOP ของกาญจนบุรีค่ะ

    ส่วนสูตรอร่อยของอาจารย์ สงสัยเรื่องเก้ากี๋ ๑ ส่วนกับ ๕ ส่วน นี่คือตัวเดียวกันหรือเปล่าคะ

    ขอบพระคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2011
  5. คนดีดีนะ

    คนดีดีนะ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +4
  6. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ขอโทษครับ
    สูตรที่ถูกต้องคือ

    ลำไยแห้ง ๑ ส่วน
    พุทราจีน(ชนิดลูกเล็ก) ๒ ส่วน
    เก้ากี๋ ๕ ส่วน

    ต้มกินทั้งเนื้อและน้ำ บำรุงสายตา บำรุงเส้นผม ปรับธาตุให้สมดุลย์
     
  7. rubpy

    rubpy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2009
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +264
    ขอบพระคุณค่ะอาจารย์
    จะลองทำทานดูนะคะ
    ถ้าเปลี่ยนจากลำไยแห้งเป็นลูกเกดจะใช้ได้เหมือนกันไหมคะ
     
  8. Orange_gguy

    Orange_gguy สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +19
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Orange_gguy อ่านข้อความ
    ได้มีโอกาสเข้ามาอ่านในเวปนี้ อยากจะปรึกษา อ.สุวิ เกี่ยวกับเรื่องเป็นตุ่มน้ำที่ใบหูและอักเสบบวม ซึ่งหมอได้ทำการผ่าออกแล้วให้ทานยาฆ่าเชื้อ แต่ว่าหมอได้ผ่าให้ช้าไป มีบางส่วนตอนนี้ที่ใบหูแข็งโดยเฉพา่ะหลังใบหู และตรงเส้นรอยหยักหูที่โต ซึ่งไม่เหมือนใบหูอีกข้างที่จะนิ่มและเป็นรอยหยักเหมือนธรรมชาติ หมอบอกว่าเกิดจากการนอนทับหู แล้วเกิดการอักเสบ เมืี่อหายแล้วตอนนี้เนื้อที่แข็งๆ เป็นพังผืดจัีบ ซึ่งน่าจะรักษาไม่ได้ ซึ่งทำให้กลุ้มใจมากครับ ถ้าจะทำศัลยกรรมหมอก็แนะนำไม่ให้ทำเพราะว่ากลัวจะมีผลกระทบ ผ่ามาได้ 1 เดือนแล้วครับ ตอนนี้กลุ้มใจมาก ใบหูมีบางส่วนที่นิ่ม และบางส่วนที่แข็ง ตอนแรกคิดว่ากระดูกอ่อนมันแข็ง ก็เลยไปถามหมอหมอบอกว่าเป็นผังผืด อยากถามอาจาย์สุวิครับ มีวิธีการรักษาได้หรือเปล่าครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ จะขอขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ ตอนนี้เครียดมากครับ หรือว่าจะอีเมล์น่ะครับ Orange_gguy@hotmail.com

    ขอบคุณครับ


    ลืมถามไปครับ ว่าพังผืดที่เป็นที่ใบหูนี้ ถ้าปล่อยไว้มันหายเองได้หรือเปล่าครับ หรือว่ามันจะเป็นอย่างนี้ หรือว่าจะมีอันตรายอะไรไหมครับ กลุ้มใจมากครับ เพราะว่าทำให้รูปร่างมันไม่เหมือนหูปรกติอีกข้าง ไม่ค่อยเห็นมีคนเป็นอย่างนี้กันครับ รบกวนช่วยตอบด้วยครับ

    ณัฏฐพัช

    สิ่งที่คุณเป็นเกิดจาก เชื้อโรค และมีไวรัสเข้าผสมโรงด้วย ทำให้ใบหูอีักเสพ
    ผลการผ่าตัดและกินยา ทำให้การอักเสพหายไป แต่เหลือ ไวรัสอยู่
    และมีผังผืด และคีลอยด์เป็นของแถม

    มียาของหมอสุวิรักษาอาการดังกล่าวได้
    ๑ ยาประกายทอง
    ๒ ยา กาญจน์-มณี
    เพียงยาทั้งสองตัวนี้ อาการต่างๆของคุณ ก็จะค่อยๆดีขึ้น
    ค่ายา ตกเพียง หกร้อยห้าสิบบาท (กินได้ ๒๐ วัน)
    อาการโดยรวมของคุณจะดีขึ้นภายใน ๒ เดือน และอาการของคีลอยด์จะดีขึ้นภายใน ๓ เดือน
    -------------------------------------------------------------------
    เรียนถามท่านผู้รู้ ผมมีอาการเป็นหวัดลงหูแล้วหลังจากนั้นเวลากลืนน้ำลายก็จะมีเสียงดังเป็ปๆทุกครั้งที่กลืนไม่ทราบเป็นโรคอะไรและจะรักษาได้อย่างไร
    ขอบคุณมากครับ

    เมื่อร่างกายได้รับเชื้อโรค หรือไวรัส เข้ามาในร่างกาย ไม่ว่าที่บริเวนใดก็ตาม
    ระบบอัตโนมัติ ในการขจัดสิ่งแปลกปลอม ก็จะเริ่มดำเนินการ เพื่อขจัดเชื้อโรคหรือไวรัสเหล่านั้น ตามลำดับขั้นตอน

    มีขบวนการนหนึ่งใช้ในการกัน ไม่ให้เหล่าสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นเป็นต้นเหตุสร้างอาการอักเสพในกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อ
    ขวบนการนั้นจะสร้างพังผืดมาห่อหุ้มตุ่มอักเสพที่ก่อตัวขึ้น (ได้ขจัดการอักเสพนั้นได้แต่สลายตุ่มดังกล่าวไม่ได้)
    พังพืดที่ห่อหุ้มสิ่งแปลกปลอมดังกล่าว ก็จะเป็นตุ่มไตแข็งขึ้น

    สำหรับตัวคุณที่ถามมา
    ตุ่มไตเล็กๆดังกล่าวไปขึ้นอยู่ในอวัยวะรับเสียงภายในช่องหูลึก
    เมื่อกลืนน้ำลาย ตุ่มไตนั้นจึงเสียดสีกับกระดูกอ่อนในการรับเสียง จึงเกิดเสียงดังกล่าวขึ้น
    ถ้าเป็นบริเวนอื่นๆ ก็อาจแก้ง่ายๆด้วยการตัดทิ้ง
    แต่ในบริเวนที่คุณเป็นการผ่าตัดคงไม่อาจทำได้ง่ายๆ

    ในการแพทย์แผนไทย เราเรียกต่อมตุ่มไตเหล่านี้ว่า "ริดสะดวง"
    และมียาที่จะสลายต่อมตุ่มไตเหล่านี้ได้
    หมอสุวิได้ทำยาตัวนี้ขึ้นมาแล้วตั้งชื่อเพราะพริ้งว่า "วัชรมณี"

    ยาที่คุณจะต้องใช้มี
    ๑ ยาปลูกเตโช (ใช้ปรับไฟธาตุในกาย)
    ๒ ยาแก้ภูมแพ้เบอร์5 (ใช้ขจัดไวรัส ที่ก่อให้เกิดการอักเสพและซ่อนตัวอยู่ในตุ่มไตนั้น-ยานี้เป็นยาเย็นจึงต้องใช้ปลูกเตโชมาปรับและคุมไฟธาตุไว้)
    ๓ ยาวัชรมณี เพื่อสลายต่อมตุ่มไตที่ร่างกายสร้างขึ้น

    ถ้าต้องการยาติดต่อผ่าน PM
    -----------------------------------------------------------

    *********** คือ ตอนนี้ผมกำลังทานยาที่ อ.สุวิ จัดให้น่ะครับ แต่แต่อยากให้อาจารย์ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยครับ ว่าอย่างที่ผมเป็นที่หูนี้ อาจารย์ได้จัดยาให้อีกตัวหนึ่ง คือ
    1.ยาประกายทอง
    2. ยา กาญจน์-มณี
    3. มณีิอินทร์

    ซึ่งไม่เหมือนกับในกรณี Case ที่ผมอ่านและ copy มาให้อ่านนี้ อยากรบกวนอาจารย์ช่วยอธิบายหน่อยครับ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วยครับ ว่าทำไมตัวยาจึงไม่เหมือนกันครับ (ที่จริงอาจารย์น่าจะเคยบอกผมแล้วแต่ว่าไม่ค่อยละเอียดครับ )

    ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
    ณัฏฐพัช
     
  9. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ตอบ คุณ Orange_gguy

    เรื่องของไวรัส มีมากมายหลายพันหลายหมื่นสายพันธ์
    บ้างเป็นอันตราย ก่อโรคให้แก่มนุษย์
    บ้าง อาจไม่มีอันตราย แต่มันสามารถ ตัดต่อยีนสายพันธ์ของสิ่งมีชีวิตได้
    เพียงเข้าไปอยู่กับชีวีวิตใด (เช่นเชื้อโรค) ก็จะทำให้ชีวิตเหล่านั้นถูกปรับเปลี่ยนสายพันธ์
    อาจจะดีขึ้นหรือเลวร้ายมากขึ้น

    ยาของหมอสุวิ ที่ใช้จัดการกับไวรัสพวกนี้(อยู่ภายใต้ชื่อ ยาชำระน้ำเหลือง และแก้ภูมิแพ้) ที่ทำไว้ มีอยู่ ๔ ตัว คือ
    ยาชำระน้ำเหลือง ประกายทอง
    ยาชำระน้ำเหลือง แก้ภูมิแพ้เบอร์5
    ยาชำระน้ำเหลือง ปลาหมอทอง
    ยาชำระน้ำเหลือง ปลาหมอฟ้า

    ยาทั้งสี่ตัวนี้ เมื่อใช้เดี่ยว และสลับจับคู่กัน จะได้ยาประมาณ ๗-๘ ชุด
    ซึ่งสามารถขจัดไวรัสได้ มากกลุ่ม หลากหลาย สายพันธ์
    เช่น
    ประกายทอง+ปลาหมอทอง จะขจัดไวรัสที่ก่อโรค มะเร็งได้
    ประกายทอง+ปลาหมอฟ้า จะขจัดไวรัสที่ก่อโรคผื่นผิวหนังและไวรัสเอดส์ได้
    ฯลฯ
    การทำงานของยาเหล่านี้ จะไปชำระน้ำเหลือง และขับถ่ายของเสียออกทางปัสสาวะ อุจจาระ และเหงื่อ
    ผู้ที่เคยกินยานี้ จะรับรู้ถึงกลิ่นอันสุดโหดของของเสียที่ขับถ่ายออกมา

    ............................................

    โรคภัยไข้เจ็บอีกแบบที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ เกิดจาก มหาภูติรูปสี่(ดิน น้ำ ลม ไฟ) และตรีธาตุ(ปิตะธาตุ วาตะธาตุ เสมหะธาตุ) ไม่สมดุลย์
    โรคพวกนี้ที่แท้จริงแล้ว ล้วนเกิดจากวิบากกรรมในตัวมนุษย์เหล่านั้น
    ทำให้(ดลใจ เข้าใจว่า) รู้ผิด เห็นผิด และเข้าใจผิด ทำให้เกิดการดำรงค์ดำเนินชีวิตแบบผิดๆ
    เช่นความเข้าใจว่า กินน้ำใบย่านางคั้น เป็นประจำจะทำให้สุขภาพดี(จะเกิดธาตุไฟลด ระยะยาวเกิดโรคกรดไหลย้อน)
    ฯลฯ

    ยาชุดนี้ของหมอสุวิ อยู่ในตระกูลการปรับธาตุ ประกอบด้วยยา
    ๑ ปลูกเตโช เอาไว้เพิ่มไฟธาตุ ให้ร่างกาย ใช้กรณี ไฟธาตุหย่อน และพิการ
    ๒ ยาตระกูลตรีผลา เอาไว้ใช้ในกรณี ไฟธาตุกำเริบ

    ยาในตระกูลตรีผลาแต่ละตัว มีข้อดีนอกจากใช้ปรับธาตุ(เกลี่ยให้สมดุลย์) และปรับสมดุลย์ให้ตรีธาตุ แล้ว
    ยังสามารถแก้โรคที่เกิดจากการเสียสมดุลย์อีกหลายแบบเช่น
    การเกิด คีลอยด์ พังผืด เกิดการตั้งเป็นก้อนเป็นตุ่มไต ฯลฯ ได้ด้วย

    ยาตระกูลตรีผลาที่หมอสุวิทำขึ้นมี สามตัว
    ๑ ผลาธิกะ11 ใช้ปรับสมดุลย์ของตรีธาต ลดไขมัน สลายพังพืดและคีลอยด์
    ๒ กาญจน์-มณี ใช้ปรับสมดุลย์ตรีธาตุ ลดไขมัน สลายพังผืดและคีลอยด์ บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ
    ๓ วัชรมณี ใช้ปรับสมดุลย์ของตรีธาตุ ลดไขมัน ขจัดต่อมตุ่มไตที่ตั้งเป็นลูกเป็นก้อน(ริดสะดวง) และพังผืดและคีลอยด์
    หมายเหตุ
    ยาอายุวัฒนะ เป็นยาที่ใช้บำรุงร่างกาย ที่กินได้นาน ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆต่อร่างกาย

    ...............................

    ส่วนยาอีกพวกเป็นยาที่ใช้รักษาโรคอันหาเหตุ หาผลมิได้ ไม่อาจใช้ความรู้ของมนุษย์มาพินิจพิจารณาเหตุแห่งโรคได้
    มียาที่ทำไว้มี
    ยามิรู้อยู่, มณีอินทร์, มหาธรณี, โองการมหาธรณี, ยา 9 มณี

    ยาแต่ละตัวใช้ตามความหนักเบาของโรค
    ................................................

    ยังมียาอีกชุด ใช้เพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแห่งร่างกายมนุษย์มียา
    มณีฟ้าประทาน
    มณีปัทมา, มณีปัทมา2
    มณีปัทเมศวร

    ยาชุดนี้เป็นยาในมิติ ยาจะเลือกคน

    ...............................................

    ตามที่อธิบายมา หวังว่าคุณ Orange_gguy คงจะประมวลได้ว่า เหตุใด ผมจึงจัดยาให้คุณไม่เหมือนของผู้อื่น
    ผมจะอธิบายเป็นไก๊ ให้ดังนี้
    ๑ ตัวคุณเองไม่มีปัญหาเกี่ยวกับไฟธาตุ จึงไม่ต้องใช้ยาปลูกเตโช
    ๒ ในตัวคุณมีปัญหาเกี่ยวกับไวรัสไม่มากนัก จึงใช้ ประกายทอง เพียงตัวเดียว
    ๓ คุณมีปัญหาเกียวกับ พังผืดกับคีลอยด์เป็นส่วนใหญ่ และต้องใช้เวลานานในการรักษา จึงใช้ กาญจน์-มณี (ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับริดสะดวง-ซึ่งต้องใช้ วัชรมณี)
    ๔ ในตัวคุณ มีปัญหาเกี่ยวกับโรคอันหาเหตุมิได้ แต่ไม่มากนัก จึงใช้มณีอินทร์
     
  10. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ใช้ลูกเกด แล้ว สรรพคุณทางยา ด้อยลงมากเลยครับ
    ไม่ควรใช้ ครับ
     
  11. Orange_gguy

    Orange_gguy สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +19
    ขอบพระคุณ อ.สุวิ ครับ ทีช่วยอธิบายให้ความเข้าใจครับ
     
  12. aoffy_s

    aoffy_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +3,775
    รบกวนสอบถาม อ.ครับ

    เห็ดหลินจือ
    โสม
    น้ำมันปลา

    ที่เป็นแบบแคบซูลถ้ากินประจำต่อเนื่อง มีผลเสียอะไรหรือป่าวครับ

    โดยเฉพาะเห็ดหลินจือ ที่บ้านกินเป็นประจำ เพราะซื้อจากบริษัทขายตรงเค้าว่ากินยิ่งเยอะ ยิ่งดีรักษาได้สารพัดโรค ปรับธาตุเพิ่มปราณ เท็จจริงอย่างไรครับ
    ถ้าอันตรายหรือต้องมีช่วงหยุดกิน จะได้เตือนครอบครัวครับ
    คณพ่อและคุณแม่อายุ60ปีทานทุกวันครับ
     
  13. rubpy

    rubpy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2009
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +264
    ขอบคุณค่ะ (f)

    วันนี้ลองต้มตรีผลากินดู ใช้ของแห้งต้ม
    เติมเกลือกับน้ำตาลนิดหน่อย รสชาติเปรี้ยว ฝาด ขม
    แต่ก็พอดื่มได้ ไม่อร่อยเหมือนที่ อ. สุวิ ว่าจริงๆ หละค่ะ
    อยากลองใช้ของสดมาต้มบ้าง แต่ท่าทางจะหายาก
    หลังบ้านมีมะขามป้อมอยู่หนึ่งต้น ซื้อไว้ปีที่แล้ว
    ทุกวันนี้ก็ยังต้นเท่าคืบอยู่เหมือนเดิม 55+
     
  14. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    ไยไม่ปลูก สมอไทยไว้อีกสักต้น

    สมอไทย + มะขามป้อม

    สมุนไพรทั้งสองเอามาดองฉี่ตัวเอง สัก ๓-๔ เดือน แก้ได้สารพัดโรค
    อ้ออัตราส่วนของสมุนไพรทั้งสอง อยู่ที่
    1:1 สูงสุด ไม่เกิน 2:1 (สมอไทย ๑-๒ ส่วนนะ)
     
  15. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    น้ำมันปลา กินได้เรื่อยๆ ไม่มีปัญหาใดๆ ถือเป็นอาหารอย่างหนึ่ง
    ผลของน้ำมันปลา มันจะไปทำให้เลือด ลดความหนืดเหนียว อันเกิดจาก ไตรกรีเซอรไรด์(ไขมันตัวสุดร้า) และเกล็ดเลือดมากเกิน
    เมื่อกินติดต่อกันนาน จะมีผลทำให้เลือดใส ไหลเวียนสะดวก
    ในบางคนอาจเกิดโรคโลหิตไหลไม่หยุดได้ (เมื่อเป็นแผล เลือดจะไหลไม่หยุด)
    ดังนั้น ควรหยุดกินบ้างเป็นระยะระยะ เช่น กินสัก ๒ เดือน หยุดกินสัก ๒ อาทิตย์ แล้วก็กินต่อ
    พวกที่ชอบปวดศรีษะ อันเกิดจากเลือดไหลเวียนไม่สะดวก มีเลือดเหนียวข้น
    การกินน้ำมันปลา ในปริมาณมาก(๒-๓ แคปซูลต่อวัน) จะช่วยบันเทาอาการได้มาก
    แต่อย่าลืม กินบ้างหยุดบ้างนะ เดี๋ยวจะได้โรคใหม่เพิ่ม


    ส่วน เห็ดหลินจื้อ และโสม
    เอ้อ ผมไม่ได้เรียนแผนจีนมา เรียนแต่แผนไทย วันนี้ขออธิบาย สมุนไพรจีนในรูปแบบ แผนไทย มันอาจจะดูแปลกๆนะ

    ตรีธาตุ ปิตะ วาตะ เสมหะ (เทียบกับของจีนคือ หยาง-ปิตะ, หยิน-เสมหะ, ชี่-วาตะ)
    ปิตะ มี พัทธะ อพัทธะ กำเดา
    วาตะ มี หทัยวาตะ(การไหลเวียนของเลือด น้ำเหลือง) สุมนาวาวะ(การไหลเวียนของระบบลมปราณ-พลังชีวิต) และสัถถะกะวาตะ(การไหลเวียนของกระแสประสาท)
    เสมหะ มี คูตเสมหะ อุระเสมหะ และ ศอเสมหะ

    เห็ดหลินจือ
    สมุนไพรตัวนี้ ทำงานในส่วนของ เสมหะ และวาตะ (ไม่มีปิตะ)
    ส่วนของเสมหะ ทำงาน ใน ส่วนของ อุระเสมหะ และ ศอเสมหะ
    วาตะ ทำงาน ในส่วนของ หทัยวาตะ และสุมนาวาตะ

    สรุป เห็ดหลินจือ จะให้ประโยชน์ ในเรื่อง
    ๑ ระบบหายใจ(อุระเสมหะและศอเสมหะ) คือปอด ฯลฯ
    ระบบการไหลเวียน โลหิต และการเพิ่มลมปราณ ในส่วนของจักระ 7,6,5 ไม่ช่วยในเรื่องของจักระ 4, 3, 2, 1

    โสม
    สมุนไพรตัวนี้ ทำงานในส่วน ของ ปิตะ และวาตะ (ไม่มี เสมหะ)
    ปิตะ ทำงานในส่วน อพัทธะ และกำเดา
    วาตะ ทำงานในส่วน หทัยวาตะ สุมนาวาตะ

    สรุป โสมจะมีผลต่อร่างกายใส่วนของ
    ๑ ต่อมไร้ท่อ(อพัทธะ) และเพิ่มความร้องให้ร่างกาย(กำเดา)
    ระบบการไหลเวียน โลหิต และการเพิ่มลมปราณ ในส่วนของจักระ 1, 2, 3, 4,ไม่ช่วยในเรื่องของจักระ 7,6,5

    จากสรรพคุณ ของ เห็ดหลินจื้อ และโสม จะเห็นได้ว่าตรงกันข้าม แบบ ๑๘๐ องศา หนึ่งร้อน หนึ่งเย็น
    อีกประการ ทั้งสองมีสรรพคุณตรงกันเหมือนกัน ในการกระตุ้นการไหลเวียนของกระแสโลหิต และระบบลมปราณ ให้ไหลเวียนดีขึ้น
    ดูเผินๆแล้ว จะรู้สึกว่า ถ้าใช้สมุนไพรทั้งสองร่วมกัน จะเกิดผลดีต่อร่างกาย

    แต่ทว่า
    สมุนไพรทั้งสอง ที่ต่างกัน ก็ต่างกันแบบตรงกันข้าม และที่เสริมกัน ก็เสริมกันมากเกิน

    ถ้าผู้ใช้ยามีร่างกายไม่แข็งแรงจริงจะรับไม่ได้(หัวใจจะทำงานหนักขึ้น ระบบลมปราณ จะทะลวงจากจักระ 7,6,5,4,3,2,1 อย่างเร็วและแรง)
    รับรองได้ว่า เดี้ยงแน่นนอน(นอกจากพวกที่มีร่างกายที่มีพรสวรรค์-ยั่งกะนิยายกำลังภายในเลย)

    หากจะกินสมุนไพรทั้งสองตัวนี้ให้เกิดประโยชน์ ต้องมีสมุนไพรตัวที่สามและสี่ เข้ามาช่วยในการเกลี่ยพลังงานให้สมดุลย์
    นี่คือจุดกำเนิดของยาเพิ่มพลังวัตร(กำลังภายใน) ที่ในนวนิยายจีนตามหากัน
    และยานี้จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บแทบจะพูดได้ว่าแก้ได้ทุกโรค
    คงจะมีคนถามนะว่า แล้วยานี้มีจริงหรือ
    ตอบได้เลยว่า มีจริงแน่นนอน
    ยาดอกบัวคือหนึ่งในยากลุ่มนี้
     
  16. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    อุ้ย...ลืมไป ยังได้ได้ตอบคำถามเขา มัวแต่อรัมภะบทมากไปหน่อย

    การกินเห็ดหลินจือ ถ้ากินไม่มากเกิน ไม่มีผล
    หากคนผู้นั้นมีไฟธาตปกติ หรือค่อนข้างเกิน จะเกิดประโยชน์
    แต่ถ้าคนผู้นั้นมีไฟธาตุน้อยเกิน การกินเห็ดหลินจือเป็นประจำจะทำให้ไฟธาตในร่างกายลดลง ร่างกายอ่อนแอมากยิ่งขึ้น

    การกินโสมและเหล็ดหลินจือร่วมกัน ในมื้อเดียวกันเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง

    หากจะกินขอให้กินห่างกันอย่างน้อย ๘-๑๒ ชั่วโมง เช่น
    กินเห็ดหลินจือ ในช่วงเช้า แล้วกินโสมในช่วงเย็นหรือก่อนนอน
    การกินเช่นนี้จึงจะเกิดประโยชน์
     
  17. rubpy

    rubpy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2009
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +264
    สูตรนี้เคยอ่านเจอมาว่าพระพุทธเจ้าให้ภิกษุฉันเป็นยา
    แต่สงสัยว่าถ้าปัสสาวะที่นำมาดองนั้น มีค่าผิดปกติทางแล็ป
    อย่างเช่น ปัสสาวะของคนเป็นโรคไต โรคมะเร็ง สรรพคุณจะยังเหมือนเดิมไหมคะ
    เผื่อเจอคนป่วยโรคที่รักษายาก แล้วเขาอยากลองทางเลือกอื่น จะได้แนะนำค่ะ

    หรือถ้าจะเปลี่ยนเป็นดองน้ำผึ้งแทน แบบเดียวกับวิธีทำน้ำหมักเอนไซม์
    ผลไม้:น้ำผึ้ง:น้ำ = 3:1:10 สรรพคุณทางยาจะด้อยลงไปไหมคะ
    แต่คิดว่าถ้าดองน้ำผึ้งจะสะดวกใจในการกินมากกว่านะคะ ^^
     
  18. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543


    ทำไมยาขนานนี้ จึงต้องใช้ฉี่ตัวเอง เอามาดองยาให้ตัวเองกิน

    นั่นเป็นเพราะ ร่างกายเราที่มีโรคอยู่ จะแสดงออกซึ่งความผิดปกติทางปัสสาวะ(ซึ่งแพทญ์แผนปัจจุบันใช้ตรวจหาโรคที่เป็นอยู่)
    ความผิดปกติในปัสสาวะดังกล่าว เมื่อกินเข้าไป มันเป็นเหมือนกับเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสิ่งที่ตรงข้ามขึ้น
    และรักษาสมดุลย์ให้ร่างกายกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว
    ดังนั้นยาขนานนี้จึงต้องใช้ฉี่ตัวเอง ในการดองยา จึงจะให้ผลดี
    มีอาการโรคอย่างไรก็ปรากฏอยู่ในฉี่ตัวเอง
    และยาที่ดองฉี่ตัวเอง ก็จะกลับมารักษาตัวเองให้หายจากโรค

    นี่คือคำตอบที่ว่า ไม่ว่าผลแล็ปส์จะดีเลวติดลบอย่างไรก็ตามล้วนเอามาดองยาได้ทั้งสิ้น(ให้ตัวเองกินนะ)

    ส่วนผู้ทำใจไม่ได้ ก็ดองด้วยสูตรมาตรฐาน น้ำผึ้ง เกลือ และน้ำ ดังที่ผู้ตั้งคำถามมาก็ได้
    เพียงแต่ยาสูตรนี้ไม่มีตัวยากระตุ้นเฉพาะตัว เฉพาะโรคเท่านั้น
     
  19. ประสบชัย

    ประสบชัย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    รบกวนสอบถาม

    ผมปวดตา กินกาแฟตาพร่า ท้องมักอืด หลังกินอาหาร ปวดตามเนื้อตัวปวดตามข้อ เจ็บเสียดหัวใจเหมือนมีอะไรแทง กินอาหารบางอย่างจะบวมทั้งตัวดูจากแหวนที่ใส่ อยากขอให้อาจารย์ช่วยจัดยาให้หน่อยครับ
     
  20. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    คนผู้นี้ มีไฟธาตุพิการ และค่อนไปทางหย่อน
    ทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ดี ท้องอืดเฟ้ออยู่บ่อยๆ
    มีไขมันในโลหิตสูง โคเลสเตอร์ล่อน เกินาตรฐาน แต่พอรับได้
    แต่ไตรกรีเซอร์ไรด์สูงเกินมาตรฐานมากๆ ทำให้เลือดเหนียวข้น
    ทำให้หลอดโลหิตฝอยอุดตัน เลือดไหลเวียนไม่สะดวกในระบบต่างๆ รวมทั้งหัวใจด้วย
    ทำให้เป็นโรคหัวใจขาดเลือดอ่อนๆ(ระวังการออกกำลังหักโหมให้มาก-อาจทำให้หัวใจวายได้)
    และด้วยเหตุ ปลายเส้นโลหิตฝอยตามกล้ามเนื้อทั่วตัวตีบตันเลือดไหลไม่สะดวกนี้เอง เป็นเหตุให้เกิดอาการปวดเมื่อเนื้อตัว แบบไร้เหตุผล
    และนี่เป็นเหตุให้ร่างกายบวมน้ำ(น้ำเหลืองและเลือดดำ ไหลเวียนไม่สะดวกเกิดการคั่งของเลือดและน้ำเหลือง ตามกล้ามเนื้อ)

    การแก้ไข
    ๑ ให้เพิ่มไฟธาตุให้มากพอ และปรับสี่ธาตุ ในเวลาเดียวกัน
    ๒ ให้ลดไตรกรีเซอรไรด์โดยการเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน
    ๓ ชำระน้ำเหลืองเสียที่ขุ่นข้น (ไล่ไวรัสที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้งไขมัน)
    ยาที่ต้องใช้มีสี่ขนานคือ
    ยาปลูกเตโช (เพิ่มไฟธาตุ)
    ยากาญจน์มณี(ปรับธาตุสี่ บำรุงสายตา เพิ่มการเผาผลาญ และลดไตรกีเซอรไรด์
    ยาประกายทอง(ชำระน้ำเหลือง ๑)
    ยาปลาหมอฟ้า (ชำระน้ำเหลือง ๒)
     

แชร์หน้านี้

Loading...