คาถาขอเชิญเทวดามาอวยพร (มนต์ เทวดาบอก)

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์ฤาษี, 13 กรกฎาคม 2011.

?
  1. ชอบ

    2 vote(s)
    100.0%
  2. เฉยๆ

    0 vote(s)
    0.0%
  3. ไม่ชอบ

    0 vote(s)
    0.0%
  1. ศิษย์ฤาษี

    ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +257
    พระคาถานี้ ท่านครู(ครูบาเทพมุณี)​
    ............ท่าน บอกว่า สมัยตอนที่ท่านเดินธุดง ไปพม่า ผ่านลพบุรี เข้าไปยังนครสวรรค์(เพื่อเตรียมจะไปนมัสกาลสังขารของหลวงพ่อ ฤาษี มหาวีโรที่วัดท่าซุง อุทัยธานี ) ท่านต้องผ่าพงดงอันตรายสารพัด เกิดวิบากกรรมทุกประเภท ทั้งสัตว์ร้าย ภูติผี ปีศาจ มวลมนุษย์ และความเจ็บป่วยเงียบเหงา แต่ท่านยึดถือความอุตสาหะ มานะพยายาม ที่จะเพียรเพื่อเดินทางไป ถึงจุดหมายให้ได้ บางครั้งสู้ บางครั้งท้อถอย แต่ก็อย่างว่า ตั้งหน้ามาแล้ว จะย้อนกลับไปก็ไกลอยู่แถมเสียเวลาเปล่า จนท่านเดินทางไปถึงจังหวัด นครสรรค์ ที่ถ้ำมุณี
    (สำนักสงฆ์ถ้ำมุณี บ้านเขาวง หมู่ที่ 8 ต.<WBR>ช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์)
    เมื่ประมาณ ปี 2544 ท่านได้จำพรรษา ที่ นั้นเป็นเวลา 4 เดือน ในขณะที่บำเพ็ญ ธรรมเจริญกรรมฐาน(กสิณ)อยู่นั้นเอง ก็เกิด ปริเวทนารู้สึกท้อถอยสารพัดทุกกรณี มันเป็นช่วงที่ ท่าน พบกับความอ่อนล้า และเบื่อหน่าย เมื่อ ถึงวันพระแรมสิบห้าค่ำ ในกลางพรรษา ท่านเกินคิดอยาก จะลุสิกขาภาวะ อย่างรุนแรง จึงเข้ากรรมฐานเจริญวิปัสนา (ตอนนั้นผมได้เดินทางไปพบกับลูกศิษย์ คนสนิคนหนึ่ง ชื่อ คุณ (เบ็น) เบญพล (จำนามสกุลไม่ได้) เป็นผู้ขับรถยนต์ ตามไปดูแลหลังจากทราบข่าวว่าท่านมาพักที่นั่นได้ไม่นานมาถึง ก่อนหน้าผมไปถึงประมาณ สองสามวัน และญาติธรรมที่ตามมาอีกหลายท่านก็ตาม มาสมทบ) ท่านเล่าว่าทันใดนั้นเอง ประมาณ ยามสอง ท่านเจริญ กรรมฐาน ก็พบเห็นในนิมิตรเป็นแสงรังสีเรื่องรองผ่องรัศมีเป็นดังแก้วมณีโชติ มีบุรุษนุ่งผ้าข้าว เข้ามา สนทนาธรรม เล็กน้อย ถามไถ่ สารทุกสุขดิบกับท่าน ถึงเรื่องปัญหาข้อธรรมและการปฏิบัติ


    ถามว่า(บุรุษชุดขาว)
    ทุกข์ ใดพระคุณท่านนั้นเกิดวุ่นวายใจ ผ้าเหลืองไม่ร่มเย็นหรือ

    ท่านครูตอบ
    นิวรณ์รุมเร้า เรื่องของโลกโลกีย์มีมากมาย

    ถามว่า(บุรุษชุดขาว)
    เหตุใดไม่ละเล่า

    ท่านครูตอบ
    ยังอยู่ช่วงบำเพ็ญกิจ การใดยังประโยชน์ย่อมพบเจอ เมตตา กรุณา ทำให้เกิด เวทนาสัญญา

    ถามว่า(บุรุษชุดขาว)
    ไม่ละไม่วางเสียบ้าง

    ท่านครูตอบ
    ครั้นจะ ละก็เหมือนเห็นแก่ตัว ครั้นปรารถนาเมตตาเป็นที่ตั้งช่วยก็เหลือกำลัง

    ถามว่า(บุรุษชุดขาว)
    งั้นก็จง อุเบกขาเสียสิ

    ท่านครูตอบ
    งั้นเขาก็ว่าไม่เมตตา ไม่มีกรุณา เพราะ สิ่งเหล่านี้ จัดเป็นบุญที่จะหนุนนำ ไปสู่สวรรค์สู่นิพพานได้เหมือนกัน

    ถามว่า(บุรุษชุดขาว)
    งั้นก็ช่วยเขาสิ

    ท่านครูตอบ
    ก็เกินกำลัง พอช่วยไม่ได้ก็เกิดเป็นทุขปริวิตก คนที่อยู่วงนอกกรอบขอบเขตุพระพุทธศาสนาก็ยังมีมาก ไอ้ส่วนที่อยู่ภายในวงกรอปแห่งบุญพุทธศาสนาก็มีเยอะแล้ว อาจารย์ผู้นำพาก็มีพอสมควรแล้ว คนที่ ยังอยู่ไกลธรรมนอกวงพระโพธิญาณนอกร่มพระโพธิจักร์ ยังเร่าร้อนอยู่ก็มีมาก มันยากทั้งสองฝ่าย เลยคิดว่า แค่รักษา จิตตนเองก็ดีแล้ว พอแล้ว อยากไปประกอบกิจอื่นดูบ้าง
    ที่นี้เข้าใจเรายังล่ะ

    (บุรุษชุดขาว) ถึงพรรณา

    ................โอ้มันเป็นเช่นนี้นี่เอง พอเข้าใจแล้ว เอาหล่ะเอาหล่ะ
    ข้าพเจ้าจะบอกมนต์นี้ เพื่อไว้สาธยายเชื้อเชิญเทวดาทั้งหลาย มาร่วมอนุโมทนาและแวดล้อมอุปถัมภ์ผู้เจริญมนต์บทนี้ และผู้ที่น้อมฟังด้วยความเคารพ แต่มีข้อแม้ว่า บุคคลใดเป็นผู้เจริญมนต์นี้และผู้ฟัง จักต้องเป็นผู้ศรัทธาในบวรพุทธศาสนา อยู่ในขอบเขตเสมาบุญทุกประการ เป็นผู้เจิญสติปัญญา ในการภาวนาเป็นที่สุด นิยมในการเจริญสติสมาธิเป็นที่ตั้ง รุ้จักการสวดมนต์สาธยาย
    ให้พึงเจริญพระมนต์นี้ ในบทท้ายสุด
    เมื่อเสร็จสิ้นการสวดมนต์และกล่าวบทกรวจน้ำแผ่อุทิศรวมทั้งแผ่เมตตาแล้วทั้งหลายก็พึงจงสาธยายมนต์บทนี้ แล้วจึงขอพร ได้หนึ่งข้อ เมื่อ ได้สำเร็จผล แล้วค่อยอฐิษฐาน ขอข้อใหม่ ขอเพียงแค่คำเดียวสั้นๆ คือ คำอฐิษฐานขอนั้นต้องมีความเป็นไปได้ ตามสมควรแก่ฐานะและสภาพบุคคลนั้นๆเท่านั้น พระมนต์บทนี้ เป็นมนต์ ที่เราจะสอนท่าน แต่เพียงผู้เดียว ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะไม่มีผู้ใด ใด้มีสภาวะจิตปัจจุบันขณะ มีสภาวะตรงกับเรา(หมายความว่าคลื่นสมองหรือคลื่นจิตตรงกันจึงเห็นภาพฟังเสียงกันได้) และเรากับท่าน คงได้เจอกันเพียงครั้งนี้หนเดียวเท่านั้น มนต์บทนี้สามารถใช้ได้ทั้งบรรพชิต และคฤหัสจงหมั่นสวดพร่ำภาวนา จะเป็น มิตรกับเทวดาอารักข์ผู้เป็นสัมมาทิฐฐิ ทั้งหลาย รวมทั้งได้พบกับอดีตชาติมวลญาติที่ มีภพภูมิในปัจจุบันเป็นเทพยดามาช่วยเหลือเกื้อกูล รวมทั้งได้พบเหล่าเทวดาที่เคยร่วมบุญกุศลตั้งแต่อดีตชาติมาเกื้อกูลหนุนนำอุปถัมภ์ ไม่ตกที่ต่ำ ไม่ลำบาก เกิดอัศจรรย์นิมิตร และเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นอุปสรรคเลวร้ายไปด้วยประหนึ่งเหมือนมีเทพเทวดามาช่วยเหลืออย่างน่าอัศจรรย์
    พึงเจริญพระมนต์นี้ และเจริญในศิลให้บริบูรณ์ เถิด



    มนต์บทนี้กล่าวว่า

    นะโม เม สัพพะเทวานังสะมาโส
    อะเวโร มหา การุณิโกสะมนุสสา
    อฐิษสะฐานา ปะกาเสสิ
    ปะกาสิตตังอริยะสัจจัง
    เทวะตานังปะการาจะ
    ปัจจุปันโน จะอะนาคะโต
    มังคะละการังตะถิตถะติ
    สุมังคะลังสุปัตติตัง
    สุปะภาทังสุขาวะหัง
    สุขะพะลังอายุวัณณัง
    สุขิยะสา
    สาธุสุเทวตาอารักขาประสิทธิเม
    สัพพะสิทธิภวันตุเม สุสาอาหะ

    (สวดจบแล้ว อฐิษฐานขอพร ตามปรารถนา)



    ให้พึงเจริญมนต์บทนี้ ไว้ ทุกที่ ทุกยาม ทั้งคราสวดสาธยายมนต์ หรือ ยามไปนมัสการศาสนสถานในที่ต่างๆ ก็ย่อมใด้ เราคือ เทพารักรุขมูลสิงขร(พ่อปู่สิงขร)ผู้เฝ้ารักษา ป่าเขาในนี้ ขอน้อมถวายมนต์บทนี้ ไว้เพื่อเจริญสาธยาย เมื่อมีภัยและความลำบาก ย่อม กระทบโสติถิวิญญาณมโนจิตเทพยาดาผู้อยู่ในอาณาบริเวณนั้นๆ เป็นที่ เมตตา สงสารแก่เทพยาดา เพราะมีเหล่าเทพทั้งหลายก็ยังรักมักใคร่ต้องการได้มีโอกาสทำบุญเช่นกัน อาจจะได้พบ อดีตสัมพันธ์กับเพื่อนพ้องเหล่าญาติในอดีตชาติที่เคยร่วมทำบุญกันมา ให้มาพบปะเจอะเจอและช่วยเหลือทางทิพย์ ตามความสามารถของท่านเหล่านั้นๆ สาธุ ขอให้ท่านบำเพ็ญเพียรเป็นสะเบียงไว้เถิด หากมีโอกาสได้เกิดขอได้ร่วมชาติและ มีโอกาสได้พบเจอ และร่วมบุญกับท่านด้วย สาธุ นมัสกาลลา
    ท่านครูตอบว่า สาธุ สาธุ สาธุ
    แล้วท่านครูบอกว่า เอาไปเรียนกันนะทุกคน


    ที่เป็นบทสนทนาของปู่เฒ่าสิงขร กับท่านครู
    ที่ก็เป็นธรรมบทหนึ่งที่ผม บันทึกเก็บไว้ ในเทปคลาสเซ็ท เมื่อ 10 ปีก่อนนี้
    โดยท่านครู เล่าให้คณะญาติธรรมฟัง เมื่อตอนเสร็จจากธรรมวัตรเช้า(ที่ถ้ำมุณี นครสวรรค์) ให้ทุกคนได้ฟังเพื่อเรียนมนต์บทนี้ เป็นปรกติทุกเช้าครับ ผมเลยบันทึกไว้
    ผมพึ่งค้นเทปเจอเลยเปิด เอามา ลอกเพื่อเผยแพร่ แก่ ญาติธรรม ในเว็ปนี้ครับ
    รุ้แล้วเก็บรักษาบุญรักษาเรืองรอง
    อ่านแล้วบอกกันทั่วบุญกุศลเนืองนอง
    สาธุครับผม
    ...................................................................................
    (แปลโดยอรรถ)
    นะโม (นอบน้อม) เม(แห่งข้าพเจ้า)
    สัพพะเทวานัง(สรรพพะทวยเทพเจ้าทั้งหลาย)
    สะมาโส (อันสะมาสะประสาสัง/ภาษาโบราณ/ชุมนุมที่นี้)
    อะเวโร(ไม่มีเวรภัย)
    มหา การุณิโกสะมนุสสา
    (มีมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่แก่มนุษยชาติ)
    อฐิษสะฐานา(คำอฐิษฐานทั้งหลาย)
    ปะกาเสสิ (ประกาศออกไปแล้ว)
    ปะกาสิตตังอริยะสัจจัง(เป็นคำสัจจ์อันประกาสิตย์)
    เทวะตานังปะการาจะ(แก่เทพยดาทุกประการ)
    ปัจจุปันโน จะอะนาคะโต(ปัจจุบันและอนาคต)
    มังคะละการังตะถิตถะติ(มงคลอันดีเป็นที่ตั้งสถิตอยู่)
    สุมังคะลังสุปัตติตัง(มงคลที่ดี ปฏิบัติที่ดี)
    สุปะภาทังสุขาวะหัง(สวยงามสว่างใส สุขอันยาวนาน)
    สุขะพะลัง(มีสุขในกำลัง)อายุวัณณัง(ในอายุยืนอันสดชื่น)
    สุขิยะสา (มีสุขพร้อมยศ)
    สาธุ(ดีแล้วประเสริฐแล้ว)สุเทวตาอารักขา(เทวดาอันดีที่รักษา)ประสิทธิเม (อำนวยแก่ข้าพเจ้า)
    สัพพะสิทธิ(ความสำเร็จทั้งหลาย)ภวันตุเม(สุกภาวะของข้าพเจ้า)
    สุสาอาหะ(ไม่มีความหมายน่าจะเป็นหัวใจคาถา)

    (แปลโดยพยัญชนะ) ท่านครูแปลมาให้ฟังว่า
    ขอนอบน้อมแด่ทวยเทพยาดาเจ้าทุกพระองค์ที่ชุมนุมกันที่นี้
    เป็นผู้ไม่มีเวรเป็นผู้มีมหากรุณาธิคุณแก่มวลมนุษยโลก
    ข้าพเจ้าจะขอประกาศคำอฐิษฐานไปแล้ว
    ด้วยความจริงทั้งหลายที่เป็น คำสัตย์อันประเสริฐ
    แก่ทวยเทพพยาดาเจ้าทุกประการ
    ในปัจจุบันนี้เพื่ออนาคตของข้าพเจ้า
    ขอมงคลทั้งหลายและสิ่งที่ตั้งใจไว้
    ความเจริญจงเปิดทาง และ ตั้งมั่น
    และความสุขทั้งมวลทั้งสิ้น
    ความมีกำลังและความสดชื่นแจ่มใส
    กำลังอายุวรรณะความสุขและยศ
    ดีแล้วท่านผู้เจริญและทวยเทพยาดา
    โปรดจงประสิทธิพรมงคลนี้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ
    สุสาอาหะ(เป็นมนต์เทพแปลไม่ได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2011
  2. ศิษย์ฤาษี

    ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +257
    เชิญครับ ผมเชิญ นะครับ จะก๊อปปี้ จะลอก จะเอาไปเผยแพร่ ได้เลย ไม่หวงครับ

    ถ้าโดน ใจนะ ท่านครูบอกว่า
    " ธรรมะเป็นของพระพุทธองค์ ที่ท่านทรงค้นพบจากธรรมชาติแล้ว
    คัดกรอง แต่สิ่งที่ดีแล้วมา เป็นธรรมะ เป็นของที่ดี ที่มีอยู่แล้วไม่ได้มีไว้เพื่อซื้อ ไม่ได้มีไว้เพื่อขาย
    ไม่มีลิขสิทธิ์ ทำไปเพื่อสั่งสอนและแจกจ่าย เอาไว้ ให้มีธรรมและได้ดวงตาเห็นธรรม
    ดังนั้น หากยังไม่ถึงแก่นสารของธรรมอะไรอะไรก็ตามที่พอจะช่วยเราได้ ให้รอดพ้นปากเหยี่ยวปากกา กับสังคมทุกวันนี้ เพื่อตั้งองค์ ดำรงค์ อยู่ได้ ไปอย่างตลอดรอดฝั่ง ก็ต้องเอา
    เหมือนวิธีปรุงอาหารก็มีหลายอย่าง การดำเนินชีวิตก็เช่นกัน ก็ต้องประกอบ ไปด้วยหลายปัจจัย จะมายึดถือโด่เด่ แต่เรื่องอย่างหนึ่งอย่างเดียวก็เห็นทีจะยากในการประคับประครองตนเพื่อใช้ชีวิตดำรงค์อยู่ได้ในสังคมที่วุ่นวายอย่างนี้
    ศาสนาเราสอนให้เชื่อ ในธรรม ในกรรม ในสภาวะภพภูมิ อยู่แล้ว คงไม่แปลกที่เราจะเอาความเชื่อเรื่องเทพเทวดา มาประกอบเข้าด้วยกัน อย่างน้อยก็คงเป็นเครื่องเรียง เคียงของอาหาร ที่ทำให้ น่ากินขึ้น ถึงแม้ ไม่ได้มีประโยชน์ อะไรมากมายก็ตาม แต่มันก็คงจำเป็นอยู่ดี สำหรับผู้ปรุง
    ส่วนผู้กินนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องกินเสมอไป บางคนเห็นแล้วก็เขี่ยออกก็มี(อิอิผมทำบ่อย) แต่ก็ไม่ควรลืมว่ามันก็ยังเป็นเรื่องจำเป็นอยู่เหมือนกันสำหรับผู้ปรุงอาหาร โดยเฉพาะอาหารใจที่ต้องเสพทางอารมณ์ โดยเฉพาะผู้ปรุงอาหารใจคือเหล่านักบวชที่ต้องสั่งสอนเหล่าคนทั้งหลาย
    ผู้ปรุงก็จำเป็นที่จะต้องรู้หลักรสชาติการประกอบอาหารใจเหล่านี้และดูผู้คนชนชั้นเหล่านั้นว่าชอบที่จะเสพอาหารธรรมรสใด ในฐานะผู้ปรุงอาหารธรรมและอาหารใจนั้น ก็พอที่จะรู้รสผู้กินบ้างเล็กน้อย แต่ด้วยวัยและอายุก็พอรู้ตัวเองว่าประสบการณ์และความน่าเชื่อถือนั้น มันก็ยังขายไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่แต่ก็อาศัยหาเครื่องเคียงมาประดับจานอาหารใจเหล่านั้นให้มันดูน่ากินยิ่งขึ้น."



    ยินดีครับยินดี เอาไปลอกไปหรือจะนำไปพิมพ์เผยแพร่ก็ยินดี แต่ยังไงก็ เมตตากรุณา ให้เกียรติต้นเรื่อง ผู้ที่ได้มนต์บทนี้มา พอเป็นสังเขปเล็กน้อยก็ยังเป็นที่ชื่นใจของผู้เขียนว่าไม่ลืมกัน
    (ครูบาอาจารย์ของผมน่ครับ)
    อีกไม่นาน ก็คง มีโอกาสได้พิมพ์ บทธรรมเหล่านี้บ้าง ในไม่ช้า



    สาธุครับกับการตอบรับที่ล้นหลาม มาชื่นชมกันมากมาย ลองเอาไปสวดกันนะครับ ก่อนนอนก็ดี อย่างน้อยก็เป็นกุศโลบายให้เราได้สวดมนต์ เทวดารักษาครับ และตื่นมาเราก็จะพบแต่เรื่องดีๆ ผมรู้สึกอย่างนั้นนะ คาถานี้ ผมขออนุญาติท่านครู มา เผยแพร่ ได้ไม่นานนี้เอง


    ท่าน ก็เป็นคนบอกอยู่แล้วว่า " เอาสิ! ก็ ให้เอาไปเผยแพร่อยู่แล้ว ถ้าไม่ให้เผยแพร่ ข้าจะบอกเอ็งทำไมหล่ะ มีปัญญาพิมพ์ ก็พิมพ์ ไป ไม่ว่ากัน คุณๆ(หมายถึงญาติโยมน่ะครับท่านชอบเรียกว่าคุณๆ) เขาจะได้ โชคดีมีสุขกัน ของยังงี้ ไปหวงทำไม มีแต่ ใครเอาไปสวดยิ่งดี เอาไปทำแจกยิ่งได้ เอาไปบอกต่อยิ่งเป็นมงคล ภาวนาให้ขึ้นใจ ยามมีเหตุคับขัน มันก็จะมี อุบัติเหตุการณ์(อ่านว่า อุ-บัด-เหต-กาน) ให้เราผ่านพ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ต้องเอาไปทำดีเน้อ ไม่ใช่เอาไปใช้กับการทำชั่ว เพราะเดี๋ยวเกิดรอดพ้นเข้า มันจะกลายเป็นทำบาปไม่หยุด มนต์บทนี้ ดูซิ ต่อไปใครที่บอกว่า
    ทำดีไม่ได้ดี ทำดีได้ชั่วหรือทำชั่วได้ดีเยอะ !!! น่ะ คงจะไม่บ่นกันแล้วแน่นอน เพราะคราวทำดี จะยิ่ง หนุนนำส่งเสริมเพิ่มเติมทวีคูณได้ดิบได้ดีตามสมควร
    ใช้ได้ทุกเมื่อนะ
    1.สวดมนต์ในกิจวัตรเสร็จแล้วก็สวดบทนี้ก็ได้
    2.สวดก่อนนอนพอกราบพระเสร็จแล้วท่องคาถาของหลวงพ่อฤาษีเสร็จแล้วก็สวดก็ ได้
    3.เวลาไปสถานที่ทางศาสนาเวลาไปกราบพระพุทธรูปมีชื่อพอสวดมนต์ประจำองค์พระนั้นๆแล้วก็ให้สวด ( นัยยะว่า เผื่อได้เจอเทวดาอารักข์ที่นั่นเกิดมีภพชาติร่วมกันมา)
    4.ไปสวดหลังจากทำบุญสุนทานตามสถานที่ต่างๆเพราะเวลาทำบุญเทวดามักจะมาอวยพรก็สวดได้
    5.ขึ้นบ้านใหม่ เปิดบ้านใหม่ก็สวดได้ เพราะจะได้ขอพรจากเจ้าที่เจ้าทาง
    6.ใช้กับศาลพระภูมิ/เจ้าที่ ที่บ้าน ยังได้เลย

    ครูท่านก็ตอบปิดประโยค ท้ายสุดว่า

    เอาไปเห้อะ!!!! เอาไปเร้ย!!!! เอาไปสวดกัน
    เอาไปแจกยิ่งดี เพราะได้บุญนะ การไปบอกมนต์เขา เหมือนให้กระดาษเขียนแผนที่ให้เขาไปเจอญาติ ที่เคยทำบุญร่วมภพร่วมชาติกันมาน่ะได้บุญ ได้บุญ ดีดีดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2011
  3. Jindamunee

    Jindamunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,187
    ขอเป็นคนขยายความครับ ผมมักนั่งกรรมฐานแผ่บุญขอญาติหรือผู้ที่เคยเกื้อกูลกันมาๆช่วยเหลือการดำรงชีวิต เพราะคนที่จะช่วยเราได้เดิมที่นั้นต้องเคยต่างคนต่างเกื้อกูลกันมา และไม่มีใครจะวิเศษเท่าเทวดาที่เกี่ยวโยงกันเพราะเราเป็นแค่คน
    ยกเว้นเสียแต่เขามาเกิดเป็นคนที่เป็นใหญ่เป็นโตกว่าเราหรืออยู่ในสถานะช่วยเหลือเราได้ พอมาเจอคาถานี้ดีใจยกใหญ่ ขออะไรต้องขอเทวดาครับยิ่งเคยเป็นญาติกันมาท่านยิ่งสะดวกช่วยเรา ขอยืนยันว่าคุณของคาถานี้ถูกกับเหตุและผลที่สุด
     
  4. Nuk036

    Nuk036 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +99
    ผมยังสงสัยนิดหน่อยครับ เรื่องการอธิษฐาน ที่ว่าให้ ขอทีละอย่าง ถ้าได้ผลแล้ว จึงจะขอใหม่ได้ ........สมมติว่า มันยังไม่ได้ผลก็ให้ขอแบบนี้ไปเรื่อยๆ ใช่หรือไม่ครับ

    กับ เรื่องที่สอง คือ ในกรณีที่ไม่อยากขอ แค่อยากสวดเฉยๆ เทวดาท่านอยากมาคุ้มครองเราหรือไม่ก็ตามแต่ใจท่าน แบบนี้ได้มั๊ยครับ ..เพราะเห็นในบทแปลพูดถึง เรื่องการที่เราจะต้องขอ

    เรื่องที่สาม ในกรณีที่เราขอเพื่อผู้อื่น จะได้มั๊ยครับ เช่น พ่อไม่สบายอยากขอให้ท่านช่วย

    ขอบคุณครับ
     
  5. ศิษย์ฤาษี

    ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +257
    สาธุครับเป็นคำถามที่โดนมากมายเลย............
    รู้สึกชอบกับคำถามมาก เพราะผมก็ลองนึกตามที่คุณถามมา ว่ามันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ บทความ ที่ข้างบนสุด เป็นการคัดลอกจากเทปบันทึกของท่านครู ที่ท่าน เทศน์ ไว้ หลังจากการทำวัตรเช้าที่จ.นครสวรรค์ โดยปรกติ เราจะมีการสนทนากันเล็กน้อยหลังจากทำวัตรเช้าเสร็จ ก่อนที่จะแยกย้ายไปปฏิบัตรธรรม ตามกิจของตนเอง เป็นปรกติใน ทุกๆ เช้า แต่วันนั้นพิเศษหน่อยมันเลยทำให้ผมต้อง กราบขอบันทึกเสียงไว้ครับ (อิอิเสียงท่านยังหนุ่มอยู่เลยในตอนนั้นนะ) เผอิญ ไปค้นเจอแล้วมาคัดลอกไว้ครับ ปัญญายังไม่ถึงขั้น พอมาเปิดอ่าน ท่านครู ก็ นอนพักไปเรียบร้อยแล้ว เพราะพึ่งทานยาก่อนนอนไป พรุ่งนี้เช้า จะเอาคำถาม นี้ ไปสนทนาธรรมกับท่านครูครับ เผื่อได้คำตอบ มา ให้ อ่านกัน สาธุครับ อด ใจรอ เจ้าของต้นเรื่องเขา อธิบายเองจะดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ มาให้คำตอบครับ สาธุ หมื่นครั้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2011
  6. Nuk036

    Nuk036 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +99
    ขอบคุณครับ

    จะรอนะครับ
     
  7. Jindamunee

    Jindamunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,187
    ขออนุญาตินิ้ดนึงครับ รู้สึกว่าถ้าสวดให้คนอื่นจะเปลี่ยนตรง
    คำว่า เม เป็น เต
    สาธุสุเทวตาอารักขาประสิทธิเต
    สัพพะสิทธิภวันตุเต สุสาอาหะ

    ส่วนเคล็ดอื่นนั้นไม่ทราบรู้แต่ถ้าเป็นพ่อแม่ลูกกันมักจะเห็นผลง่ายครับ
     
  8. ศิษย์ฤาษี

    ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +257
    ถูกต้องแล้วครับ สาธุครับ
    เผอิญท่านครู ลุกมาเข้าห้องน้ำพอดี เลยถือโอกาสถาม

    แต่เมื่อกี้ ถามท่านครู ท่านบอกว่า
    (ครูตอบเป็นภาษาโบราณครับผม ท่านพูดภาษาคนเก่าๆน่ะ แต่ไม่หยาบนะ)

    มี คนร่วมบุญร่วมชาติ เขามาร่วมสังฆกรรม กับเอ็งแล้วไม่ใช่เหรอ ไอ้ป๊อบ (อิอิ ผมชื่อป๊อบครับ) ข้าเทศน์ไว้ ตั้งนานนมแล้วเอ็งยังอุ่ตส่า ไปหาขุดมา เผยแพร่ จนได้ ก็หมดหน้าที่ข้าแล้วนี่เว้ย ตั้ง 10 ปี ที่แล้วมันหมดหน้าที่ข้าแล้ว ตอนนี้เทวดาเขาคงดลจิตดลใจเอ็ง ให้เอาไปลงเผยแพร่ แล้วคงดลจิตดลใจคนที่เคยร่วมบุญร่วมชาติก๊ะเอ็งมาเจอกันแล้ว อันนี้ ไม่เกี่ยวก๊ะข้าแล้ว เพราะข้าก็มีหน้าที่ท่องเหมือนก๊ะเอ็ง พอๆ กัน ดังนั้น ต้อง ไป หา คน ที่เจอกันก๊ะเอ็งแล้วแหละ เพราะคงร่วมบุญร่วมชาติกันมา แน่นอน ให้เขา อธิบายให้เอา
    แถมทิ้งปริศนาธรรมไว้ อีกว่า เทวดาเฝ้าป่ากับเทพธิดาเฝ้าโบสถ์กับเพชรฤาษี

    ที่เห็นๆ ก็เจอแล้วหนึ่ง เห็นที่ ต้อง รบกวน พี่ Jindamunee (จินดามุณี)ช่วยอธิบายด้วยนะครับผม เพราะท่านครู ไม่พูดแล้วอ่ะ
    แต่แปลก เอ๊ะ!!!! ครู แกรู้ได้ไงอ่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2011
  9. ศิษย์ฤาษี

    ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +257
    เอ่อ เรื่องไม่สบาย น่ะมีเรื่องเล่าครับ ครู โดนงูกัด เพราะรถผมหม้อน้ำระเบิด บริเวณทางขึ้นดอยตุง โห เปลี่ยวก็เปลี่ยว รถก็นานๆ มีมาสักคัน อากาศก็เย็น ครูท่านก็เกิดอาการปวดฉี่ บอกกับผมว่า เดี๋ยวไป ทำธุระแป็บหนึ่ง สักพักครูเดินขากระแผลกกลับมา ดูหน้าซีดพิกล อ้าวสิคราวนี้ ครูบอกว่า โดนงู ฟัดมาซะแล้ว ผมงี้ โครตโกรธเลย จะตามไปดูซะหน่อย หาเจอนะ พ่อจะทุบให้แบนเลย แต่ครูห้ามไว้ ผมก็อ้างเหตุผลปน แค้น ว่า จะได้เอาไปให้หมอ เขาดูเขาจะได้รู้ แล้วฉีดเซรุ่มถูก ครูก็บอกว่า ช่างมันเถอะอย่าไปสร้างบาปสร้างกรรม ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าครูมันจะตายก็ ให้มันตายไปซะ อ้าวคราวนี้ ครูเริ่มหน้าซีดลงไปเรื่อยๆ รถเจ้ากรรมก็มามีปัญหาทำไงหล่ะคราวนี้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นอานิสงค์ของมนต์ที่สวดกันทุกเช้าเย็นนะ สักพักมีมอไซร์ ผ่านมาพอดี แถมเป็นหมออนามัยด้วย โอ้พระเจ้าบังเอิญ หรือ อัศจรรย์ คุณหมอแกบอกว่า นึกเอ๊ะ ใจ เหมือน อยากขับรถ ออก มาเที่ยวเท่านั้นอ่ะนะ โอ้ !!! ผมนี้ ขนลุกเลย ปรากฏว่า หมอก็พา ครุ ไปที่บ้านแก แล้วซีดเซรุ่มให้ ท่านก็ถือโอกาสพักที่นั่น2 อาทิตย์ ไม่นานก็อาการ ดีขึ้น แถมมีแต่หมอมาเยี่ยมยาบำรุงเพียบเลยทั้งหมอผีหมู่บ้านเอย หมอยากลางบ้านเอย 55555 ขุนซะครูอ้วนไปเลย นี่แหละครับ แปลกป่ะหล่ะ มันเหมือนมีเหตุการณ์ ที่ประจวบเหมาะพอเหมาะพอดีเหมือนบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ นี่ก็อีกเรื่องครับ

    ...........................................................
    มีหลายอย่างที่เกิดขึ้น จากชีวิตประจำวัน อย่างไม่คาดฝัน
    ในขณะที่ผมเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2011
  10. Jindamunee

    Jindamunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,187
    ไม่บังเอิญแน่ๆเพราะตอนเห็นคาถาครั้งแรกผมดีใจลิงโลดปนร้องไห้
    เพราะเป็นวิธีเดียวกันกับที่ผมค้นพบหากแต่หาคาถาไม่มี อาศัยจิตโดดๆ
    กำลังจะไปทำงานครับเวลาทางนี้กับทางนู้นต่างกัน
    เดี๋ยวมาคุยต่อ

    เทวดาเฝ้าป่ากับเทพธิดาเฝ้าโบสถ์กับเพชรฤาษี


    ดูสันโดษดีหนอ ฝึกยากไหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2011
  11. wiraphat1

    wiraphat1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +3,348
    โอ้.! กำลังศึกษาบทสวดที่เกี่ยวกับเทวดาอยู่พอดี ขออนุญาตนำไปใช้น่ะครับ
     
  12. Nuk036

    Nuk036 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +99
    สาธุครับ
    งงนิดหน่อย แต่สรุปว่า คำถามที่ถามไป ท่านครูก็จะยังไม่ตอบ รอให้ผู้ร่วมบุญร่วมชาติกับผมมาตอบแทน อย่างนั้นรึป่าวครับ
    ขอบคุณครับ
     
  13. Jindamunee

    Jindamunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,187
    ต้องขออภัยเพราะรู้สึกผิดกาลเทศะที่เข้ามาตอบครับ
    ปรีศนาธรรมนั้นสำหรับผมแล้วขอแปลว่าผิดกาลเทศะ
    เพราะสลับกันผิดหน้าที่ฦาษีเฝ้าป่า เทวดาเฝ้าโบสถ์ เพชรนางฟ้า
    แต่ถ้าไม่ใช้ขอเป็นศิษย์ท่านครับ ผมไม่มีเจตนาล่วงเกิน
     
  14. ศิษย์ฤาษี

    ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +257
    ในที่สุดก็เค้นมาให้จนได้
    ท่านอารัมภบทว่า

    ในบรรดาอฐิษฐานมีมากมาย จำแนกใด้หลายประเภท
    แต่จริงแล้วอฐิษฐานแปลว่าเพียรปรารถนาดำรงค์ตั้งมั่น ไม่ใช่วิงวอน เพราะพระพุทธองค์ ไม่ทรงสรรญเสริญ แต่ก็ ไม่ใช่ ไม่มีอยู่นะ สรุปว่า มี
    แต่คงจะ ไม่เหมาะ ไม่ควร เพราะต้องยึด คำว่าบัญฑิตย์ต้องปรารถนาความเพียร แต่ก็ มีอยู่นะ อฐิษฐานประเภทวิงวอนน่ะ ไม่ใช่ ไม่มี เพราะมันมีอยู่ในโลกอยู่แล้ว ในยุคพุทธองค์ ก็ยังมีอยู่
    ปัจจุบันก็เยอะแยะที่พบเห็น ศาสนาตามแบบลักษณะการวิงวอนน่ะ

    แต่พระพุทธองค์ ทรงเห็นว่า ไม่ถูก ไม่ควร ไม่ใช่ทางที่ชอบ ไม่ควรที่เรียกว่ามรรค(ทาง)ให้เกิดผล ในบรรดา อฐิษฐานมีมาก จำแนกไม่ถูกแต่เอาคร่าวๆ นะป๊อบ(ผมชื่อป๊อบครับ ลอกมาตามแบบที่ท่านเล่าแปร๊ะ!!!!!เลย)

    1ปุคคะลาฐิษฐาน คือการอฐิษฐานของบุคคล เช่นเทวดาอฐิษฐานอยากจะเกิดมาเป็นคนในยุคพุทธเจ้า คนอฐิษฐานจะเกิดมาร่วมชาติในพระพุทธศาสนา พระโพธิสัตว์ ปรารถนาจะลงมาเกิดเพื่อทำความเพียรเป็นต้น
    2ธรรมมาฐิษฐาน คิอการปรารถนา ในการทำความเพียรในการปฏิบัติธรรม เช่นการสมาทานศิลก็เป็นธรรมาฐิษฐานเป็นต้น
    3เจตนาฐิษฐาน คือการตั้งใจมั่นว่าต้องทำให้ได้ ทั้งที่เป็นกุศลและอกุศล เช่นวันนี้ ฉันต้องด่ามันให้ได้เป็นอกุศล หรือ ฉันต้อง ไปทำบุญที่วัดหัวลำโพลงให้ได้ก็เป็นกุศล จัดเป็นเจตนาฐิษฐาน
    4สัญญาฐิษฐาน คิอการ จำได้หมายมั่นว่าต้องทำ ต้องปฏิบัติคือการปรารภตั้งมั่นเป็นต้น
    5สัจจาฐิษฐาน คือการสำเร็จด้วยการเปล่งประกาศ โดยอ้างต่อเทพยาดาและ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และหมูชนเป็นสักขีพยานเพื่อจะกระทำการในสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ เช่นพระนเรศวร หลั่งน้ำทักษิโณทกประกาศต่อเทพยดาและเสนาอัมมาตย์ และไพร่ฟ้าประชากร ว่าจะกลับกรุงศรีไม่มีสัญญาปฏิมรรรคร่วมทางกับพรัหมะรามัญประเทศ(เป็นภาษาโบราณครับหมายถึงพม่า)อีกต่อไป เป็นต้น
    6บุญญาฐิษฐาน คือการกล่าวอ้างบุญที่ทำ กรรมที่สร้างไว้ ด้วยศรัทธา ด้วยปีติ ในการกระทำลงไป
    7ภาวนาฐิษฐาน คือการ พร่ำเพียรพร่ำร่ำว่าจะทำ จะทำ จะทำ จะทำ ให้สำเร็จพร่ำภาวนา คล้ายปฏิญาณตนน่ะแหละ ในทำวัตรเช้าวัตเย็น เราสวดกันบ่อย ไปดูสิ
    8ศรัทธาฐิษฐาน นี่แหละที่เรากำลังจะคุยกันเรื่องนี้ เป็นการกล่าวทั้งทางจิตทางใจ ทางวาจา สุดแล้วแต่ จะเปล่งออกมาทางใด แต่ทำไปด้วยศรัทธา ต่อสิ่งๆ หนึ่ง เช่นเรา ก็ศรัทธาต่องพระพุทธองค์ ก็จะกล่าวต่อพระพุทธองค์ เป็นต้น ทำไปเพราะพลังของศรัทธา
    (มีต่อ)}}}}}}​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2011
  15. ศิษย์ฤาษี

    ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +257
    ไม่ผิดเลยครับท่านครูบอกว่าที่ท่านกล่าวน่ะถูกแล้ว ถูกต้องแล้วครับ

    นางฟ้าเฝ้าโบสถ์ เพราะผู้หญิงเข้าวัดกันเยอะครับ

    เทวดาในป่า ผู้ชายที่ปฏิบัติธรรม ก็ส่วนมากจะเข้าแบบวัดป่าหรือ ธรรมยุติกันมาก

    ส่วนฤาษีผู้ละวางเสียแล้วเพชรพลอยก็ไม่ยินดียินได้เพราะเห็นเป็นกรวดเป็นทรายแต่ถ้าถึงกับเก็บรักษาเอาไว้มันต้องไม่ใช่เพชรพลอยธรรมดาแน่นอนมันคงต้องมีอะไร พิเศษกว่าเพชรพลอยธรรมดา ฤาษีถึงต้องเก็บไว้ จริงหรือป่ะครับ คุณพี่จินดามุณี (เพชรฤาษี) อิอิ

    ดังนั้นคนเหล่านี้ ล้วนมีสิทธิ์ที่รู้ธรรม เข้าใจธรรมเป็นธรรมดา เหมือนฤาษีที่เข้าใจในมณีอันมีค่า เหมือนเทวดาที่อยู่ป่าบำเพ็ญเพียร เหมือนเทพธิดาที่คอยดูแลรักษาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า(พุทธเขตหรือพุทธาวาสเพราะโบสถเป็นเขตพุทธาวาส)

    คนเข้าใจธรรมย่อมรู้ธรรม และสามารถปรารภธรรมย่างรื่นหูสบายใจ
    ธรรมะเหมือนน้ำ อยู่ในที่ร้อนก็ร้อน
    อยู่ในที่เย็นก็เย็น อยู่ทีสกปรกก็ได้ อยู่ที่สะอาดก็ได้
    อยู่ที่สกปรก เป็นน้ำสกปรก
    เดี๋ยวธรรมชาติความร้อนความเย็นก็กลั่นกรองกลายมาเป็นน้ำสะอาดในที่สุด
    (กลายเป็นไอแล้วก็ควบแน่นกลายเป็นน้ำ)
    นี่คือธรรมชาติของน้ำ
    ธรรมะก็เหมือนกัน ต้องไม่ขัดกับสิ่งใด
    เข้าไปสู่ที่นั้นที่นั้น ได้ทุกสมรภูมิ
    ผลสุดท้ายก็กลายเป็นธรรมะอยู่ดี ธรรมะก็เช่นนั้น พลสุดท้ายก็กลายเป็นธรรมะเหมือนเดิมเหมือนน้ำ
    เทพมุณี 18/7/54​

    อีกอย่างท่าน กับชอบด้วย ท่านยิ้ม อมหัวเราะนิดหน่อย ท่านบอกว่าพระพุทธองค์ ทรงค้นพบธรรมะมาเพื่อมนุษย์ ดังนี้ควรจะยินดีที่เข้ามาช่วยส่งเสริมธรรมะกัน เผยแพร่พระธรรมก็เหมือนการทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขัน ดีเสียอีก สาระประโยชน์ จะได้เพิ่มมากขึ้นอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2011
  16. ศิษย์ฤาษี

    ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +257

    {{{{{{{ต่อจากเมื่อข้อความ


    คำถามข้อที่หนึ่งคือ

    ผมยังสงสัยนิดหน่อยครับ เรื่องการอธิษฐาน ที่ว่าให้ ขอทีละอย่าง ถ้าได้ผลแล้ว จึงจะขอใหม่ได้ ........สมมติว่า มันยังไม่ได้ผลก็ให้ขอแบบนี้ไปเรื่อยๆ ใช่หรือไม่ครับ
    ท่านครูตอบว่า
    ธรรมดามนุษย์เรามีความอยากเกินประมาณ ตัณหา(ความอยาก)เอย วิภาวะตันหา(ความต้องการประดับความอยาก)เอย ในบริโภค(การใช้สอย) ในสมบัติ(ทรัพย์ที่เก็บรักษา) มีมากมายเยอะแยะไม่สิ้นสุด ในทุกวันนี้ การเกิด- ดับภพชาติมันผูกพัน รัดยุ่งอีรุงตุงนังไม่สิ้นสุด แค่เกิดมาใช้หนี้ เจ้ากรรมนายเวร ก็ยากอยู่แล้วที่จะพ้นภพชาติ กับการต้องมาใช้คืนเจ้าคุณนายบุญกันอีก ก็ ไม่มีวันจบสิ้น เอาแค่หนึ่งอย่างสองอยากก็พอ สมกับอัตตะภาพ พอได้พอมี ไม่เกินพอเกินใช้ จริงๆ มันก็ต้องรอ อีกแหละรอเขามาช่วย แต่เราก็ ตั้งหน้าตั้งตาทำของเราไปจนกว่าไม่ไหวแล้ว เขาก็จะมาหาเราเอง แต่หากว่า สู้เราขอแล้วให้มาช่วยหนุนนำกำลัง ทำให้เราผ่านพ้นอุปสรรค และดำรงคงมั่นในชีวิตก็พอแล้ว ก็น่าจะดีกว่า ปรกติน่ะ คนเรา มันต้องถึงตาจนแล้วแหละ ไม่แย่จริงๆ ไม่ลำบากจริงๆ ก้คงไม่เอ่ยปาก ขอความช่วยเหลือจากใครหรอกน่ะ ขอเทวดาก่อนก็ดีให้ท่านคัดสรรค์จัดสรรค์ คึนดี คนมีเมตตาเข้ามาช่วยเหลือ ดีกว่า ไขว่คว้าบ้าใบ้ไม่รุ้เรื่องรู้ราว ประมาณว่าฟางเส้นเดียวก็เอา แต่ระวังอนาคตมันจะยุ่งเหยิงนะ วุ่นวายวุ่นวาย
    บทความนี้ขออ้างถึงชาดกเรื่อง พระมหาชนกหล่ะกันที่ท่านมีภพมีชาติร่มกันกับนางมณีเมขลา จนร้อนอาสน์ ต้องลงมาช่วย แต่ท่านก็ยังไม่ทั้นช่วยทันทีนะ จนพระมหาชนกหมดแรงแล้วก็เข้ามา หากจะถามว่า อ้าว ต้องหมดแรงด้วยเหรอ ก็ต้องตอบว่า นี่แหละชีวิต!!!

    (มีต่อ)}}}}}}​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2011
  17. ศิษย์ฤาษี

    ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +257
    ครับผม เพราะถามเมื่อตอนตีสาม เมื่อคืนครับ ครู ท่าน ลุกไปเข้าห้องน้ำ เลยถามท่านหน่อย จริงๆ ท่านครูเจ้าบอกว่า คนถามน่ะ เขารู้ คำตอบอยู่แล้วามไปเพราะ ต้องการความกระจ่างเท่านั้นเอง ว่าคิดถูกคิดควรไหม ตรงกับความ เข้าใจของเขาหรือเปล่า จริงๆ เขามีคำตอบของเขาแล้ว ลักษณะนั้น เป็นคนมีความรู้นะที่ถามน่ะ ไม่ใช่กอไก่ขอไข่ฝึกหัดเรียน เพียงแค่ว่า เป็นคำถาม เชิงให้เกียรติเจ้าของ ผู้เผยแพร่ แต่เขาจะเอาไปขยายอรรถะขยายความต่อได้ไม่มีปัญหาเลย เขาสามารถ ทำได้ แต่เขา ไม่ทำ คนที่มาสนใจ มาสงสัย ในบทความที่เอ็งเขียนไปน่ะ(ครูหมายถึงผมนะ) ต้องมีภพมีชาติร่วมกันมาทั้งนั้น ไม่งั้นคงไม่มีการร่วมปฏิพัทธ์สัญญา(ร่วมคิดเห็นด้วยกัน อาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้) ด้วยกันหรอก
     
  18. ศิษย์ฤาษี

    ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +257
    {{{{{{{ต่อจากเมื่อข้อความ

    กับ เรื่องที่สอง คือ ในกรณีที่ไม่อยากขอ แค่อยากสวดเฉยๆ เทวดาท่านอยากมาคุ้มครองเราหรือไม่ก็ตามแต่ใจท่าน แบบนี้ได้มั๊ยครับ ..เพราะเห็นในบทแปลพูดถึง เรื่องการที่เราจะต้องขอ
    ท่านครูตอบมาว่า
    ไม่จำเป็นต้องขอเลย ยิ่งสวดแล้วไม่ขอยิ่งดี เพราะเหมือนเราไม่ไปรบกวน ท่านผู้สูงภพกว่าเรา ยิ่งดีเสียอีกที่เรา สวดแบบไม่ขอ จะเกิด เทพนิมิตรเทพรักษาเทวดาประจำตัวมากมาย เคยสวดมนต์นี้บ่อยมาก แล้ว ไปจาริกแสวงธรรม ตามสถานที่ต่างๆ พบผู้ทรงศิลทรงคุณทรงญาณ ก็ล้วนออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่า คณะศิษย์ของท่านครู นี้ มีเทวดารายล้อมดูแลรักษาแต่ละคนแต่ละคนเยอะแยะมากมายจริงๆ นี่ก็เป็นเรื่องจริงที่ทางเรา ได้ประสบพบเจอมา

    ตอนนั้นสวดกันเอง ไม่ค่อยได้บอกใครครับ เพราะกลัวคนต่อต้าน แล้วจะพาลพาให้จิตตก ไม่สบายใจ เพราะเราเลื่อมใสกันใน วัตรปฏิบัติที่เราทำกันอยู่แล้ว บางคนบอกไม่ถูกแต่เราดูแล้วก็ ไม่เห็นผิดอะไร ตอนนั้นก็แค่อยากเห็นแต่ภาพที่สดใสสวยงาม เราก็พึ่งจะมา เปิดใจ เปิดตัว จากการคิดอยู่หลายปีว่าจะเผยแพร่ดีไหม ผมทำ แจกจ่ายญาติพี่น้องไปก็เยอะมีทั้งเสียงชื่นชมมีทั้งเสียงสรรเสริญ มีทั้งเสียงตำหนิ ยอมรับครับว่าตอนใหม่ๆ รับไม่ค่อยได้ กับคำคัดค้าน
    แต่พอได้ยินท่านครูบอกว่า
    คนชอบหวาน จะบอกว่าคนชอบเผ็ดไม่ดีก็ไม่ได้
    คนชอบแมว จะบอกว่าคนชอบหมาไม่ถูกก็ไม่ได้
    ธรรมะเป็นอาหารใจ เสพทางอารมณ์ จุดมุ่งหมายเดียวกันเหมือนกับการกินอาหาร ไม่ต้องสนใจ ชอบยังไงกินไปยังงั้นเพราะจุดมุ่งหมายคืออิ่มและให้ลงท้องก็พอ
    ............................................................................
    ผมเลยคิดว่าทำไปแล้วอิ่มบุญอิ่มใจ พอแล้วครับ

    (มีต่อ)}}}}}}​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2011
  19. ศิษย์ฤาษี

    ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +257
    สวดให้หลวงตา

    {{{{{{{ต่อจากเมื่อข้อความ

    เรื่องที่สาม ในกรณีที่เราขอเพื่อผู้อื่น จะได้มั๊ยครับ เช่น พ่อไม่สบายอยากขอให้ท่านช่วย

    ตอบว่า ได้ครับ ได้เลย ได้บุญ ได้เกื้อหนุ่น ร่วมกันและกัน สาธุครับ อันนี้ผมตอบแทนเอง หล่ะกัน


    มีเหตุการณ์อยู่ครั้งหนึ่งครับประมาณ ปี่ 50

    มีหลวงตาอยู่องค์หนึ่ง ที่ท่านครู รักเคารพมาก ​
    ท่านอยู่ที่เกาะลอยศรีราชา ท่านสายตาไม่ค่อยดีครับ ไปเผลอ ปัดตะเกียง ไฟไหม้มุ้ง
    แผลเหวอะเลอะลาม ไปทั่ว จนต้องเข้าโรงบาลทำการรักษา ทนทุกขเวทนา ด้วยแผลพิษไฟ
    ทางคณะผมและท่านครูพากัน ไปเยี่ยมแกที่โรงบาล แกร้องร่ำคร่ำครวญน่าสงสารมาก พรรณาบรรยาย ถึงชีวิตน่าสงสาร ทั้งชีวิตของแก ว่า ไม่มีความสุขเลย ผจญกับความทุกข์ยากลำบากมาตลอดชีวิต
    ท่านครู เลย พาคณะ ไปกราบอฐิษฐานและสวดมนต์ บทนี้ กับ ปู่ชีวก โกมารภัจจ์ ที่หน้าโรงบาลสงฆ์
    ท่านครูก็ปรารภว่า"ไอ้ห่าแม่งท่ามียาซื้อมาแล้วทาหายปวดก็ดีเน้อะ ข้าจะซื้อมาถวาย กี่ตังส์ ก็จะซื้อแต่หมอบอกว่าไม่มี ขนาดฉีดมอร์ฟีนระงับปวดแล้วนะเนี้ยะสงสารแกจัง"
    สรุปพอขึ้นไปหาหลวงตา ท่านนอนหลับ ตื่นขึ้นมา แล้วบอกว่าฝัน เห็นหมอแก่ๆ พาหมอหนุ่มๆ มากันเยอะแยะไปหมด มาฉีดยาให้(น่าจะเป็นยาทิพย์ )ตอนนี้หมายปวดแล้ว ไม่ปวดแล้ว หมอ เก่งมาก
    (อ้าวฝันไปหรอกเหรอไปถามพยาบาลก็ยืนยันว่าไม่มีหมอมาตรวจเลย อ้าวยังไงกันนี้)
    หลวงตาบอก
    " แล้วหมอก็บอกว่า ฉีดยาให้แล้วหายปวดก็กลับบ้านนะ ครูเจ้าฯ ผมอยาก กลับบ้านแล้วครับ"
    ท่านครูฟังแล้วท่านก็น้ำตาไหลออกมา แล้วก็ยิ้ม หลังจากนั้นไม่นาน ประมาณ ตี 3 หลวงตาก็ กลับบ้านจริงๆ
    ท่านครูบอกว่า
    ไม่น่ากลัวอะไรหรอก แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เท่านั้น ท่านลำบากมาทั้งชีวิตแล้ว ตอนนี้ ท่านก็ ไปเสวยสุข ตามสภาพบุญที่ทำกรรมที่สร้าง ไม่ต้องกังวล
    ภพชาติมันเวียนกันให้มาเจอ ต่อไปข้างหน้า พวกเราก็ต้องจากกันไปตามเส้นทางของเรา ทุกคน
    สาธุ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2011
  20. ศิษย์ฤาษี

    ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +257
    ผมเอาคอมไปเปิดเน็ตให้ท่านครูอ่านแก้เหงา
    เล่าเรื่องคุณ Nuk036 ให้ท่านครูเจ้าฟัง

    ท่านครูเจ้าบอกว่า อ๋อ คุณหมออ่ะเหรอ แกไม่สงสัยหรอก แต่แค่อยากถามน่ะ เพราะมีความรู้ทั้งทางโลกทางธรรมอยู่แล้ว สายพระปฏิบัติ ก็เงี้ยะแหละ
    ป๊อบเอ็งรู้จัก การสังคายนา การแจกแจงธรรมไหม หรือประชุมธรรมไหม
    ว่ามีหน้าที่อะไรบ้าง
    1 ต้องมีคน ตั้งกระทู้ เป็นความรู้ (ธรรมมาจารย์)
    2ต้องมีคนตอบกระทู้เป็นความรู้ (วิสัชชนาจารย์)
    3ต้องมีคนอภิปรายเป็นความรู้ (ปุจฉิกะระณาจารย์)
    4 ต้องมีคนสงสัยและเป็นคนถามเป็นความรู้ (ปรัศนียาจารย์)
    ซึ่งคนเหล่านั้นเขารู้อยู่แล้ว เป็นคนมีความรู้ แต่คอยแจกแจงธรรมะกระทู้เพื่อให้รู้มากขึ้นและเพื่อให้คนอื่นจะได้รู้ด้วย อย่ากังวลใจ อย่างกริ่งเกรง อย่างวุ่นวายใจเลยป๊อบเอ๋ย เอ็งกลับทำได้ดีเสียอีกนะ ดูสิคนสนใจกันเพียบพาบเลย เราทำดี เราทำถูก เราทำควรแล้ว เพราะอย่างน้อยเราก็เอามาสวดมนต์นะ เอามาทำดี ดีกว่าเอาเวลาไปนั่งนินทาชาวบ้านน่ะ

    แต่ ไม่ทราบว่า คุณพี่Nuk036 เป็นคุณหมอหรือครับ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...