ข้อความจากต่างมิติ - สมาธิและภาวนา ในมุมมองของโลกแห่งจิตวิญญาณ (โดย: ครายออน)

Kryon ออกเสียงคล้ายๆ Cry-on หรือเสียงสะอื้นร้องไห้ชั่วนิรันดร์...
เป็นคลื่นสั่นสะเทือนที่เต็มไปด้วยความรัก อ่านแล้วก็อาจหัวเราะทั้งน้ำตาเอาง่ายๆเลยนะครับ

แปลได้เยี่ยมจริงๆครับคุณชยุต+คุณเดรด
หลายสิ่งที่เร้นอยู่ใน DNA ถูกเฉลยออกมาอีกแล้ว
ชาวเลมูเรีย ในยุคนั้นเขามีวีธียืดอายุขัยให้ยาวนานขึ้น
พร้อมกับการฟื้นฟูสภาพร่างกายให้สมบูรณ์ได้ คงเพราะรู้ความลับนี้นั่นเองนะครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ

 

ขอบคุณมากเลย คุณชยุต โอ้..โห..
เมื่อมีคำถาม คำตอบก็มา :boo:

 

คุณ mead ช่วยตอบไปแล้วนะครับ
ว่า "ครายออน" มาจาก "Kryon" ครับ

ไม่ใช่ "Cry-on"

Kryon มีมุขเยอะครับ ศัพท์และสำนวนที่ใช้
ก็เข้าใจยากมากซะด้วย..เล่นเอาปวดหัวไปหมดเลยครับ

ที่พวกผมแปลออกมาได้นี่ ก็ไม่มั่นใจถึง 100% หรอกนะครับ
เพราะอาจจะมีข้อผิดพลาด-คลาดเคลื่อน เพราะไม่เข้าใจสำนวน
หรือไม่มีพื้นฐานความรู้ในบางเรื่อง ที่ครายออนกล่าวถึงด้วย

แต่ก็น่าจะได้ซัก 95% ขึ้นหละน่า...
..........................................

 

ขอบคุณทีมงานทุกคนเลยน่ะครับ รับและเติมเต็มแสงสว่างแล้วครับ^^

 

อืมมม..อยากให้ทีมงงานแปลบทความของ kryon (หรือว่าแปลไว้แล้วก็ไม่รู้)

You Don't Know How the Frog Jumps
a message from Kryon channeled by Lee Carroll
Saturday, 22 January, 2011 at Tucson, Arizona

ผมอ่านแล้วได้แง่คิดมุมมองใหม่ที่ดีมากเลยล่ะสำหรับบทความนี้

 

อ่านแล้ว อมยิ้มลึกๆอย่างบอกไม่ถูก
ขอบคุณมากมายฮะ

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=KYew4lxZTsM&feature=player_embedded#at=120"]‪canon in d(???)‬‏ - YouTube[/ame]

 

เดี่ยวผมจะลองไปอ่านดูก่อนนะครับ
เพราะก็ผ่านๆตาอยู่เหมือนกันครับ
แต่ยังไม่สะดุดตา และยังไม่มีแรงกระตุ้นให้ไปอ่านเท่านั้นเองครับ

......................................

 

ขอบคุณนะครับสำหรับข้อมูล ผมมีความสุขมาก ข้อความเหล่านี้ทำให้ผมจำได้อีกครั้งถึง
บางสิ่งที่ลืมเลือนไป คำพูดที่ครายออนพูด ช้ำๆกัน 3 ครั้งนั้น มีสิ่งที่น่าให้ค้นหาเสมอ

 

ขอบคุณผู้เสียสละด้วยความรักทุกท่านค่ะ

 

ขอบคุณทีมงานทุกท่านครับ

 

กะจะอ่านนิดหน่อยพอดึงดูดใจให้อ่านต่อคราวหน้า
ปรากฏว่ารวดเดียวจบเลย
ขอขอบคุณผู้แปลที่ทุ่มเทให้วิทยาทานครับ

 

เมื่อก่อนอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง วันนี้มาซํ้า อื้อ เก็ตขึ้นเยอะเลย ขอบคุณค่ะ ชอบข้อความนี้ค่ะ
......................................................................................
2). "แล้วเรื่องของวิธีการล่ะ? ทุกๆศาสนาดูเหมือนว่า
ต่างก็มีวิธีการเป็นของตัวเอง และวิธีการเหล่านั้น
ก็แตกต่างกันอย่างมากด้วย

เวลาทำสมาธิหรือภาวนา พวกคุณยืน หรือพวกคุณนั่ง?
พวกคุณจะต้องหันหน้าไปทางทิศใดทิศหนึ่งเป็นพิเศษหรือเปล่า?
และควรจะทำสมาธิ-ภาวนาเวลาไหนถึงจะดีที่สุด
ตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน?
พวกคุณควรจะสวมใส่เสื้อผ้าอย่างไร?
พวกคุณมีวิธีการเตรียมความพร้อมสำหรับพระเจ้าอย่างไร?"


อา...ที่รัก ทำไมพวกคุณไม่เพียงแค่นั่งลงและทำมันเลยล่ะ?
พวกเรามีความอดทน พวกคุณก็รู้ พวกเรารอได้


"แต่ ครายออน, มันมีบางวัฒนธรรมบนโลกใบนี้
ที่ให้มนุษย์ปีนบันไดขึ้นไปข้ามวันข้ามคืน เพื่อสวดมนต์
เมื่อพวกเขาทำสำเร็จพวกเขาก็หมดเรี่ยวหมดแรง...

บางครั้งพวกเขาก็มอบคลานถูไถไปกับพื้นจนมือและหัวเข่าถลอกปอกเปิก

ในบางสังคมและบางวัฒนธรรมก็จะมีการเฆี่ยนตีตนเองให้เลือดไหล
ด้วยการทำทุกรกิริยาเพื่อเป็นการบูชา และได้พูดกับจิตวิญญาณ
เรื่องนี้มันเป็นอย่างไร ?"


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

อีกครั้งหนึ่ง คำตอบก็คือ พวกเราจะรอ อะไรก็ตามที่พวกคุณรู้สึกว่ามันเหมาะสมกับความพร้อมของพวกคุณ
มันก็เป็นความเหมาะสมสำหรับพวกเราด้วย ทำไปเถอะ ในสิ่งที่พวกคุณคิดว่าพวกคุณต้องทำ
ไม่มีการชี้ถูกผิดในเรื่องนี้ พวกเราพร้อมอย่างยิ่งที่จะรับการติดต่อสื่อสารในทุกวิถีทางที่พวกคุณอยากจะส่งให้

แต่พวกเราก็อยากแนะนำว่า : ทำไมพวกคุณไม่แค่นั่งลงแล้วทำมันเลยล่ะ?

ขอฉันถามพวกคุณหน่อยเถอะว่า: ถ้าพวกคุณเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า
แล้วทำไมพวกคุณจึงจะต้องทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ด้วยล่ะ?
พวกคุณต้องเฆี่ยนตีตนเองก่อน
ก่อนที่พวกคุณจะเรียกหาพี่ชายของพวกคุณหรือเปล่า?

พวกคุณต้องปีนเขาเพื่อที่จะขึ้นไปพูดกับคู่หูของพวกคุณหรือเปล่า?

แต่ถึงแม้ว่าพวกคุณจะทำอย่างนั้น ก็จะไม่มีการชี้ถูกผิดใดๆ
และพวกเราก็จะรอพวกคุณ

 

เป็นบทความที่ให้แนวคิด และมุมมองใหม่ เกี่ยวกับร่างกาย และจิตใจ ขอบคุณมากครับ

 

เซฟๆๆๆ:boo:

 

น่าอัศจรรย์จริง ๆ ความรู้นี้สามารถใช้ไขปริศนาต่าง ๆ ที่ลี้ลับดำมืดมาก่อน ที่พวกเราไม่สามารถเข้าใจได้ ทำไมผู้ที่บรรลุฌานสมาบัติทั้งหลายถึงรู้อดีต-อนาคตได้ แต่สิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าอดีตนั้นสามารถแก้ไขด้วยปัจจุบัน และการกระทำในปัจจุบันสามารถรู้ได้ในอดีต โอ้..มันเหลือเชื่อจริง ๆ เหมือนฝันเลยนะครับ

ผมเคยดูหนัง "Black to The Future " เป็นหนังที่ผมชอบที่สุด ดูแล้วดูอีกไม่มีเบื่อ มันเหมือนความรู้ในบทความนี้จริง ๆ นึกไม่ถึงว่ามันทำได้จริง ๆ โดยไม่ต้องใช้เครื่องจักรกลเหมือนในหนัง

ขอบคุณมากคุณชยุตและน้อง ๆ ทีมงาน

 

น่าเสียดายนะที่กระทู้ดี ๆ นี้ไม่มีการสืบต่อ และเจ้าตัว จขกท. และทีมงานก็คงลืมมันไปแล้วกระมัง

ตกลงผมอ่านมามากมายหลายกระทู้ที่คุณชยุตโพสต์ลง มันให้ความรู้อัศจรรย์ทุก ๆ กระทู้ มันเติมเต็มให้แก่สติปัญญากระท่อนกระแท่นที่ได้เรียนรู้มาให้เต็มขึ้น แม้จะศึกษาตำราพุทธศาสน์มามากมาย แม้จะนั่งสมาธิภาวนามานมนาน แม้จะเอาเป็นเอาตายจนเข้าดงหนาป่าทึบเพียงผู้เดียวมาแล้วก็ตาม ก็มาค้นพบอะไรหลาย ๆ อย่าง หลาย ๆ วิธีการ ในที่นี่ ใบบทความเหล่านี้

ถึงแม้พุทธศาสนาจะได้ชื่อว่าศาสนาของผู้มีปัญญา มีแนวทางปัญญามากกว่าศรัทธา แต่ความรู้ที่เราได้รู้ได้ศึกษาก็เพียงใบไม้ในกำมือที่พระพุทธเจ้าทรงหยิบขึ้นมาแสดง เมื่อมาพบความรู้จากที่นี่ก็เหมือนพบใบไม้นอกกำมือที่พระพุทธเจ้ายังไม่ได้พูดถึง ที่มันเติมความบกพร่องให้เต็ม

DNA ระดับที่ 1 และที่ 6 ซึ่งเป็นระดับมหัศจรรย์นั้นคือ การบรรลุถึงฌาน ๔ แล้วถอยกลับออกมาสู่อุปจารฌาน แล้วอธิษฐานจิตเข้าไปรู้ ก็จะรู้ในทุกสิ่งที่มันปรากฏมีอยู่ในจิตใต้สำนึกหรือ DNA ของเรา ชาวยุโรปและอเมริกาไม่มีความรู้เหล่านี้แน่นอน ครายออนถึงบอกว่ามันใหม่สำหรับพวกเขา

พิธีกรรม พิธีการต่าง ๆ มันไม่จำเป็นต่อการนั่งสมาธิ แม้กระทั่งอิริยาบทต่าง ๆ ก็ไม่สำคัญ ท่านครายออนจึงบอกว่า "ทำไม่นั่งลงแล้วกระทำมันเสียเลยล่ะ"

สมาธิระดับที่ ๓ (ของท่านครายออน) เข้าถึงยาก เข้าใจยาก และไม่สามารถบังคับได้หรืออยู่ในความต้องการได้ เพราะมันอยู่เหนือความต้องการของใคร ๆ แต่มันจะถึงเมื่อมีความเหมาะสม นั่นคือการบรรลุขั้นสูงสุดของพุทธศาสนา ยกตัวอย่างเมื่อพระอานนท์เร่งปฏิบัติเพื่อบรรลุพระอรหันต์ให้ทันการประชุมสังคายนา พยายามอย่างไรก็ไม่เกิดผล แต่พอคิดจะเลิก ขอนอนพักก่อน เอนกายลงจะนอน ก็บรรลุขึ้นเอง

แล้วนี่เราจะปฏิเสธได้อย่างไรว่านิพพานของมิตินอกจักรวาลแตกต่างจากนิพพานของพระพุทธเจ้า เพราะเคยอ่านลักษณะของนิพพานที่ท่านอธิบายมันก็ลงตัวกับจิตที่เข้าถึงนิพพานของพุทธศาสนาเช่นกัน

ขอบคุณครับ จะติดตามอ่านทุก ๆ โพสต์ของคุณชยุตและทีมงาน

 

อ้อ...นึกขึ้นมาได้อีกอย่าง คุณชยุตและน้อง ๆ ทีมงานต้องเป็นอดีตชาวเลมูเรีย ที่กลับชาติมาเกิด เพื่อช่วยกันอุ้มโลกต่อไป แต่ผมไม่ใช่แน่นอน เพราะผมเบื่อชีวิตจริง ๆ เบื่อการเวียนว่ายตายเกิด เวลาทำบุญสร้างกุศลทีไรผมก็อธิษฐานถึงนิพพาน ไม่กลับมาสู่โลกนี้อีก ผมไม่ดำเนินตามแนวโพธิสัตว์เหมือนคุณชยุต แม้อ่านบทความของท่านจบแต่ละบทผมก็ไม่ต้องการเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ผมก็ปฏิบัติตามแนวโพธิสัตว์ช่วงที่มีชีวิตเท่านั้น คือให้ทาน ช่วยเหลือ เมตตาไม่มีประมาณ เท่าที่ตัวเองจะทำได้เท่านั้น ขออนุโนทนากับแนวทางโพธิสัตว์ของคุณชยุตนะครับ

 

คุณยังเขียน ได้ แต่ อันนี่ ต้องการสื่อถึงอะไร หรือ ที่ทำให้ โลกเจริญ เหมือนคุณ ชยุต และทีมงาน