ขอคำแนะนำ สมุนไพรรักษากระดูกแตก

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย namo pante, 3 กันยายน 2011.

  1. namo pante

    namo pante สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    คุณพ่อขับมอร์เตอร์ไซด์ แล้วหกล้มหัวไหล่ กระแทกพื้นครับ แต่กระดูกที่ต้นแขนแตก พาไปพบหมอแล้ว หมอแนะนำให้ผ่าตัด ถึงแม้จะใชเวลารักษาแผลนานหน่อย แต่แกไ่ม่ยอมผ่า กลับมาอยู่ที่บ้่าน ตอนนี้ไม่สามารถยกแขนข้างนี้ขึ้นสูงๆ ได้เลย หยิบจับอะไรก็ไม่ได้ อยากขอความรู้จากผู้มีเมตตาช่วยแนะนำ ตัวยา หรือสมุนไพรที่จะช่วยให้กระดูกสมานกันเร็วขึ้น หรือทำให้อาการดีขึ้นด้วยครับ


    ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

    ภานุวัฒน์
    เชียงใหม่
     
  2. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +796
    วัดยุคคลราษฎร์สามัคคี จ.ชลบุรี เปิดรักษาต่อกระดูก ค่าครู 25 สตางค์

    สำหรับความเป็นมาของการเปิดรักษาต่อกระดูกนั้น พระครูปลัดนรินทร์ เล่าว่า เมื่อปี ๒๕๑๒ หลวงพ่อสมบุญ ได้เริ่มทำการรักษาโรคตามแบบแพทย์แผนโบราณ ในระยะเริ่มแรกมีผู้ป่วยมาขอรับการบำบัดรักษาเพียง ๒-๓ ราย ต่อมาจึงเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โรคที่ท่านรักษาส่วนใหญ่เกี่ยวกับกระดูกและอัมพาต ด้วยความตั้งใจจริงในการที่จะช่วยเหลือผู้ป่วย ทำให้ชื่อเสียงของท่านพระครูวรเวชวิศาลเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ทั้งภายใน จ.ชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียง
    ในการดำเนินการบำบัดรักษาคนไข้นี้ ทางวัดจัดบริการให้เปล่า โดยมิได้เสียค่าตอบแทนแต่อย่างใด เพียงแต่เสียค่าบูชาครู ๒๕ สตางค์ต่อครั้งเท่านั้น ทั้งนี้รวมทั้งค่าอาหาร และค่าที่พักทั้งหมด โดยทางวัดได้สร้างเรือนพักจำนวน ๒ หลัง แบ่งเป็นสัดส่วนไม่ปะปนกัน คืออาคารสำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกกับอาคารผู้ป่วยโรคอัมพาต มีเตียงนอนให้กับผู้ป่วยจำนวน ๑๗๐ เตียง
    สถิติผู้ป่วยที่เข้าพักรักษาและบำบัด ปัจจุบันมี ๔๐-๕๐ คน คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อเดือนละหลายหมื่นบาท แต่นับว่าทางวัดโชคดีที่หลวงพ่อสมบุญได้หาเงินทุนเอาไว้ ๑๐ ล้านบาท ในการนำออกมาเป็นค่าใช้จ่าย และตอนนี้ทางวัดเห็นว่าดอกเบี้ยถูกจึงได้ไปเปลี่ยนเป็นพันธบัตรรัฐบาลมาแทน
    ระยะเวลา ๓๙ ปี ที่ท่านได้ช่วยเหลือประชาชนในด้านการรักษาโรคแก่ผู้ป่วยด้วยโรคกระดูกและโรคอัมพาต สืบทอดความรู้ดั้งเดิมประยุกต์กับความรู้ทางการแพทย์ปัจจุบันและความเชื่อของประชาชนในท้องถิ่น เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งตนเองทางด้านสุขภาพอนามัย เป็นผู้มีความรอบรู้เรื่องสมุนไพร ด้วยการปลูกพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นตัวยาในการบำบัดรักษาโรคกว่า ๑๐๐ ชนิด และถ่ายทอดความรู้ให้แก่ประชาชนทั่วไป
    สำหรับรางวัลที่ท่านเคยได้รับจากการทำงานให้สังคม ปี ๒๕๓๓ บุคคลดีเด่นประเภทพระนักพัฒนา จากสมาคมผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย ปี ๒๕๓๗ ได้รับประกาศเกียรติคุณผู้มีส่วนสนับสนุนงานด้านสาธารณสุข จากคณะกรรมการประสานงานสาธารณสุข ระดับอำเภอพานทอง ในปีเดียวกันยังได้เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาภูมิปัญญาชาวบ้าน ด้านการปกครองและรักษาโรค จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
    ปี ๒๕๓๘ ได้รับรางวัลเชิดชูพระเกียรติ ชีวิตติดดาว ผู้บำเพ็ญประโยชน์สร้างสรรค์สังคม เป็นพระนักปฏิบัติธรรมดีเด่นแห่งปี จากสมาคมหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ จากนั้นในปี ๒๕๔๐ ได้รับพระราชทานพัดกาชาดสมนาคุณชั้น ๒ จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกา สภากาชาดไทย ผู้อุทิศด้วยกำลังกาย กำลังปัญญาและแรงงานช่วยเหลือกิจกรรมต่างๆ
    อย่างไรก็ตาม เมื่อหลวงพ่อสมบุญได้มรณภาพลง น้องชาย (ลุงอรุณ อินทรสังข์) ผู้ที่ช่วยท่านทำการรักษาก็ยังได้รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยต่อมาจนถึงทุกวันนี้ (อดีตตระกูลของท่านรักษาต่อกระดูกจึงมีการถ่ายทอดกันมา) โดยพระครูปลัดนรินทร์ ยืนยันว่า
    "อาตมาคิดว่าการรักษาผู้ป่วยตามแพทย์แผนโบราณก็เป็นทางเลือกอย่างหนึ่งให้กับคนยากจนที่ไม่มีเงินไปรักษาในโรงพยาบาล หลายคนมารักษาแล้วก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี อาตมาได้ทำการรักษาตามวิชาที่ได้เรียนรู้มาจากหลวงพ่อสมบุญทั้งหมด ไม่ว่าจะรักษาโรคอะไรก็ต้องมีคาถากำกับไว้ตลอด อย่างการเข้าเฝือกไม้ไผ่จะดีกว่าเข้าเฝือกปูน เพราะเราสามารถแก้แล้วเอาน้ำมันงาที่เข้าพิธีแล้วนำมานวดเพื่อให้กระดูกเข้าที่ได้ดังเดิม สิ่งเหล่านี้เกิดจากความเชื่อและความศรัทธา"
    สำหรับประวัติพระครูวรเวชวิศาล ชื่อเดิม นายสมบุญ อินทสังข์ เกิดวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๒ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะเส็ง ณ บ้านเลขที่ ๓ หมู่ ๔ ต.เกาะลอย อ.พานทอง จ.ชลบุรี บิดาชื่อ นายปลิด อินทสังข์ มารดาชื่อ นางใช้ อินทสังข์ เมื่ออายุครบเกณฑ์ทหาร จึงเข้ารับการคัดเลือกเป็นทหาร สังกัดทหารเรือ (นาวิกโยธิน) ณ ฐานทัพเรือสัตหีบ เมื่อปี ๒๔๙๒ (รุ่นกบฏแมนฮัตตัน)
    อุปสมบท เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ เมษายน ๒๔๙๕ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง (หลังจากปลดจากทหารประจำการ) ณ วัดเกาะลอย ต.เกาะลอย อ.พานทอง จ.ชลบุรี พระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมสารอภินันท์ (เจริญ) วัดเกาะลอย พระกรรมวาจาจารย์ เจ้าอธิการพิเชษฐ์ (หวี) วัดพานทอง พระอนุสาวนาจารย์ พระอธิการประยูร วัดแหลมแค จ.ชลบุรี ได้รับฉายา สุวณฺโณ
    อย่างไรก็ตาม "คม ชัด ลึก" ได้สอบถามผู้ที่มารักษาหลายท่าน ต่างให้ข้อมูลที่ตรงกันว่าเสียค่าบูชาครูเพียง ๒๕ สตางค์เท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกมากและไม่ต้องเจ็บตัวเหมือนการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน นายสามารถ คชเดช อายุ ๒๖ ปี หนึ่งในจำนวนผู้ที่เดินทางไปรักษาหลายที่ บอกว่า มีอาชีพรับจ้าง ได้เดินทางมารักษาไหล่หัก ซึ่งก่อนหน้านี้มีญาติเคยมารักษากระดูกที่ขาหักจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ที่วัดแห่งนี้แล้วก็หายเป็นปกติ ด้วยเหตุนี้จึงได้เดินทางมารักษา เพราะเชื่อในวิธีการรักษาแบบแพทย์แผนโบราณ และค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องเสียอะไรมากมาย เพียงแค่เสียเงินค่าบูชาครูเท่านั้น
    ผู้สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่วัดยุคลราษฎร์สามัคคี ต.เกาะลอย อ.พานทอง จ.ชลบุรี โทรศัพท์ ๐-๙๙๓๖-๙๘๗๑, ๐-๑๖๔๘-๘๔๐๗
     
  3. tanawass

    tanawass Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +37
    อยากให้ลองน้ำมันชาตรีของหลวงพ่อปานดูครับ ไม่ทราบว่าคุณภานุวัฒน์อยู่เชียงใหม่แถวไหน
     
  4. THEFOOL23

    THEFOOL23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +136
    copy มาให้อ่านนะ จากคนอื่น
    ทำไมต้อง Mag-Cal (แมกนีเซียม+แคลเซียม)
    เพราะ แคลเซี่ยม อย่างเดียว ... ไม่เพียงพอ ต่อการบำรุงรักษา กระดูก

    คุณ รู้หรือไม่ว่า...แคลเซียมอย่างเดียว ไม่เพียงพอต่อการบำรุงกระดูก เพราะร่างกายจะไม่สามารถนำแคลเซียมไปใช้งานได้ ถ้าขาดตัวช่วยที่ดีอย่างแมกนีเซียม มีผลวิจัยว่า ถ้ามีการรับประทานแมกนีเซียมควบคู่กับแคลเซียมแล้ว จะช่วยเพิ่มมวลกระดูกลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกแตก และฟันผุลงได้อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น การรับประทานแคลเซียมที่อยู่ในรูปของ "อมิโนแอซิดคีเลต" จะช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่า แคลเซียมคาร์บอเนตถึง 76% เช่นเดียวกับแมกนีเซียม อะมิโนแอซิดคีเลต ที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้มากกว่าแมกนีเซียมออกไซด์ถึง 400%

    ----------------------------------------------------------------------------
    1.สารอาหาร ที่ร่างกายต้องการไป ซ่อมแซม ครับ
    2.กรรม ทาน ศีล ภาวนา อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร
    3.ทาน ไข่ โปรตีน แดง ขาว ทาน ให้ครบ ได้ วิตามิน + กรดอมิโน ซ่อมแซมเซลในร่างกาย

    4.ควรดูว่า กระดูกที่แตกนั้น จำเป็นที่จะต้องผ่าจริงๆ ไหม

    ปรึกษา หลายๆ โรงพยาบาล ก่อน ดีกว่าครับ

    ถ้าหนักมาก ทิ้งไว้ 10 ปี ก็ไม่มีทางหาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...