ถามผู้รู้หรือท่านผู้มีประสพการณ์ตรง หากอดีตชาติเราเคยได้ญาณ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย จิตอนัตตา, 8 กันยายน 2011.

  1. จิตอนัตตา

    จิตอนัตตา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +7
    ไม่ว่าจะเป็นเจโตปริญาณ หรือบุปเพนิวาสาญาณ หรือญาณใดญาณหนึ่ง ซึ่งเราเคยได้มาแต่อดีตชาติ มาในปัจจุบันชาติ ญาณนั้นจะกลับมาได้อีกหรือไม่ ปฏิบัติตนอย่างไรที่ญาณเหล่านั้นจะกลับมาได้อีก และจะได้เมื่อไหร่ ขอทราบเป็นธรรมทานครับ
     
  2. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    เคยอ่านพระไตรฯ สังเกตุดูจากพระจูฬปันถก

    ท่านได้สำเร็จอรหันตแล้ว อิทธิฤทธิ์ ท่านก็ได้มาพร้อม ด้วยเคยมีแต่อดีตชาติ
    ฉะนั้น ต้องฝึกให้ตัวเองได้บรรลุอรหันต์


    แต่สำหรับ การปฏิบัติส่วนตัว

    ต้องฝึกจนจิตลงอัปนาสมาธิ ฌาน 4 ให้ได้ซักครั้ง
    ภูมิรู้ ภูมิธรรมที่เคยมี จะเริ่มรู้ได้ด้วยตัวเอง
    เหมือนๆว่า อยู่ๆ ก็รู้วิธีว่า จะฝึกอันนี้ ต้องทำอย่างไร
    และต้องอาศัย ความเพียรทำตาม จนเข้าใจ


    ฌาน 4 จึงเป็นบาทฐานในการเดินอภิญญา
     
  3. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    เคยอ่านพระไตรฯ สังเกตุอีกอย่างหนึ่ง

    ท่านที่ฟังธรรมพระพุทธเจ้า แล้วได้บรรลุ
    พระโสดาบัน
    พระสกทาคามี
    พระอนาคามี

    บางท่าน ได้อภิญญามาทั้งนั้น

    แสดงว่า หากเราเคยมี อภิญญาแต่ปางก่อน
    คุณธรรม ระดับ พระโสดาบันที่บรรลุ ก็ทำให้เชื่อมอภิญญาที่เคยมี กลับมาได้คืนในปัจจุบันชาติได้

    ทีนี้ การจะบรรลุคุณธรรม มีพระโสดาบันเป็นเบื้องต้น
    ก็ต้อง เดินตาม สติปัฏฐาน 4 อย่างถูกต้อง
     
  4. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    สิ่งที่เคยได้มาก่อนเมื่ออดีตชาติ ว่าด้วยเรื่องฌาณ จะได้ดั่งเดิมที่เคยปฎิบัติไว้

    แต่แรกๆจะบังคับไม่ได้ดั่งที่อดีตชาติเคยบังคับได้ และ จะได้ก็ต่อเมื่อจิตเป็นสมาธิ

    ดั่งเรื่องที่ผมจะเปรียบเปรยให้ฟัง

    การได้ฌาณเมื่อดีตชาติเปรียบเหมือมีไม้ฟืน ขาดก็แต่ไฟเท่านั้น

    การได้สมาธิเปรียบเหมือนการจุดไฟ เมื่อจุดไฟติดแล้ว ก็สามารถใช้ไม่ฟืนได้ ฉนั้น

    ถ้าหากจะถามถึงเวลา คงให้คำตอบตายตัวไม่ได้ อยู่ที่ผู้ปฎิบัติเท่านั้น ว่าจะเป็นสมาธิเมื่อใด

    และเมื่อได้ดั่งเดิมแล้ว ต้องฝึกฝนให้ชำนาญ จึงจะบังคับได้ตามเดิม
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    หากเคยได้ญาณมาแล้วในอดีตชาติ จริตเดิมจะนำพาให้ปฏิบัติเองในปัจจุบันชาติ เมื่อจิตเข้าถึงสภาวะหนึ่งที่เคยทำได้แล้ว ของเดิมจะค่อยๆ แสดงให้เห็นเองค่ะ เพื่อต่อยอดต่อไป

    ขอให้เจริญในธรรมค่ะ
     
  6. จิตอนัตตา

    จิตอนัตตา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +7
    อะไรพิสูจน์ว่าเป็นของเดิมที่ทำมา การได้ญาณเร็ว หรือการรู้ชัดในใจเราเองครับ
     
  7. สิเนรุ อุตรกุรุ

    สิเนรุ อุตรกุรุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2010
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +297
    เป็นสิ่งที่บอกว่ายากหรือง่ายก็ได้ก็แล้วแต่ปัจจัยและเหตุ...การที่จะพิสูจน์ว่าเป็นของเดิมที่เคยได้มาแล้ว...ก็อย่าคิดวิตกอะไรมาก และท่านผู้รู้พ่อแม่ครูจารย์ ท่านเคยบอกว่าผู้ที่สนใจและลงมือฝึกปฏิบัติเอาจริงตั้ง่แต่วันนี้ ไม่ผลัดวันประกันพรุ่งตามแนวทางอริยะแล้ว...ย่อมถือว่าผู้นั้นเป็นผู้มีวาสนาตามที่ตนปรารถนาอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนมันต้องมีความต่อเนื่องมาแต่ชาติที่แล้วและมาหลายชาติแล้วด้วย สัญญาเดิมนั้นได้เตือนให้เราต้องเร่งแล้ว...ก็ไม่ต้องรอว่าจะช้าหรือเร็วเมื่อเหตุและผลที่ปฏิบัติสมบูรณ์ก็ย่อมเข้าใจ ขอให้มั่นใจอย่างแท้จริงและไม่ต้องสงสัย
     
  8. เช ลี ยง

    เช ลี ยง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +8
    หากยังไม่บรรลุโสดาบัน ญาณก็ยังไม่เที่ยงครับ มีๆ หยุดๆ แล้วแต่บุคคล สังเกตุว่าพระพุทธเจ้าตอนที่บำเพ็ญบารมี บางชาติก็ไม่ได้ญาณครับ ทั้งที่ชาติก่อนหน้านั้น เป็นอภิญญาแปดแล้ว แต่ใครเคยได้ญาณในชาติก่อน หากรื้อฟื้นใหม่ก็คงจะได้เร็วกว่าคนที่ไม่เคยปฏิบัติมาก่อนเลยอย่างแน่นอน
     
  9. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    จากประสบการณ์ สิ่งที่เคยได้มาในอดีตนั้น เราต้องกลับมาทำสมาธิให้ได้ก่อน ขึ้นอยู่หลายสิ่ง ผลแห่งกรรมที่ทำมาในอดีตด้วย กำลังบารมีที่เราสะสมมาด้วย เมื่อจิตรวมเป็นสมาธิแล้วสิ่งที่เคยได้มาก็จะกลับคืนมาจะได้ระดับไหนนั้นสุดแล้วแต่สิ่งที่ทำมาในอดีตทั้งนั้น (จะปฏิบัติได้เร็วกว่าท่านอื่นๆ)(ทำทาน รักษาศีล ภาวนาให้ดี)
     
  10. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    ตอนเด็กๆจะ มีความรู้สึกที่เรียกเซนส์รู้นั่นนี่ก่อน ล่วงหน้าและมักจะตรงเสมอ
    พอโตมาหากยังไม่ได้ทำสมาธิภาวนา ก็จะเลือนไปแต่พอจิตนิ่ง หรือยามไม่สบาย ความสามารถนี้ก็จะขึ้นๆลงๆ
    แต่ถ้าเริ่มปฏิบัติดีขึ้น (ซึ่งจะถูกดึงเข้าทางไปเอง) สมาธิ และศีลดี ความรู้เดิมจะกลับมาเอง แต่จะหายไปเมื่อนิวรณ์มากวนครับ กลับไปกลับมาแบบนี้ จนกว่าจะบรรลุโสดาบัน ฌานที่ได้จะกลายเป็นโลกุตตระญาณ ไม่ถอยหลังแต่ถึงตอนนั้น จะไม่ค่อยสนใจความสามารถเหล่านี้เห็นเป็นเรื่องเด็กๆ ไปสนใจความก้าวหน้าของการตัดกิเลสแทนตามสังโยนช์แทน ประมาณนี้ครับ
     
  11. crossis

    crossis Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +84
    ไม่รู้นะว่า เคยหรือไม่เคย

    แต่เคยมี ประสบการณ์ตรงๆเลยครับ
    ตอนทำ เตโชกษิณ ครั้งแรก หลังภาวนา เตโชกษิณัง ไปได้สักพัก
    หลับตาลง เห็น ดวงกษิณ เป็นวงแดง นานพอสมควร

    พระป่าที่ สนทนากัน ท่านบอกว่า ผมเคยทำกรรมฐานนี้มาก่อน
    เพราะ เวลาผมไปทำ กษิณ ตัวอื่น ก็ไม่สามารถรับดวงกษิณได้ นอกจากเตโช เท่านั้นที่ทำได้
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ญาณเดิม

    การปฏิบัติธรรมในปัจจุบันจะเป็นเครื่องชี้วัดความรู้ ความสามารถที่เคยสั่งสมมาในอดีต การเข้าสมาธิได้เร็วกว่าบุคคลทั่วไป การเข้าฌานได้ง่ายกว่าคนทั่วไป บางคนเพียงแค่ได้ยิน ได้ฟังในสิ่งที่เคยได้ยินมาก่อน ก็ถึงบางอ้อแล้ว ดิฉันทราบจากการปฏิบัติธรรมของตัวเอง ตอนที่อายุน้อยๆ ได้ไปถือศีลปฏิบัติธรรม 7 วัน 7 คืน ในวันที่ 7 เป็นการปฏิบัติธรรมวันสุดท้าย ดิฉันสามารถทำสมาธิจนได้อัปนาสมาธิ ลมหายใจละเอียดจนถึงที่สุด เห็นจิตเดิมสว่างไสว มีความคิดจะไม่ยอมออกไปอยู่ทางโลกอีก แต่ขณะนั้น ยังไม่ทราบว่าสภาวะจิต สภาวะธรรมนั้นเรียกว่าอะไร เพราะไม่ได้สนใจ สนใจแค่เพียงว่าจิตเรามีบุญแล้ว ถูกฝึกให้แคล่วคล่องว่องไวแล้ว สามารถนำมาใช้งานได้แล้ว เพราะนึกอยากรู้ อยากเห็นอะไร ก็ไปได้ในทันที เห็นเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ อธิษฐานอะไรก็จะได้ดังใจนึก จิตมีความรู้เกิดขึ้นเอง พิจารณาธรรมต่างๆ ได้เอง

    แต่ก็ยังไม่เก่งพอที่จะบอกว่าใครเคยสำเร็จญาณไหนมาบ้าง เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ดิฉันถือว่าเป็นผลพลอยได้จากการปฏิบัติธรรม จึงไม่ได้เน้นที่จะศึกษาอย่างจริงจัง และเป้าหมายของการปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคือปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด หลุดพ้นจากวัฏสงสาร ได้บรรลุธรรมที่จะสามารถนำมาประหารกิเลสได้อย่างหมดจด
     
  13. gatang

    gatang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +5

    อนุโมทนาบุญที่ท่านได้กระทำแล้วด้วยคะ ชอบที่คุณตอบจัง
     
  14. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,306
    ขออนุโมทนา สาธุ กับการปฏิบัติธรรมด้วยค่ะ
    สิ่งที่คุณกล่าวมาดังข้างต้นนั้น เราเชื่อว่าจริง และเป็นสิ่งที่เกิดได้กับผู้ปฏิบัติ
    และรบกวนขอถามเรื่องการปฏิบัติ ของคุณเพิ่มเติมเพื่อเป็นธรรมทานด้วยค่ะ
    สิ่งที่ถามคุณนั้น คุณอาจเคยผ่านมาแล้ว หรือกำลังเป็น
    ในขณะที่การปฏิบัติของคุณได้ก้าวหน้าขึ้นไปเป็นลำดับ คุณได้เห็นกิเลส ทั้งหลาย เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กิเลสที่มันแข็งแรงแต่ถ้าหลายท่านยังดับมันไม่ได้ เช่นอัตตา อย่างละเอียด ทิฐิ มานะ ทั้งหลาย ที่เห้นมันเพิ่มขึ้นเป้นอย่างละเอียด ไม่รู้ใช้คำถูกมั้ย
    ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป รบกวนตอบเป็นธรรมทานด้วยค่ะ เพื่อพิจารณาเพิ่มเติม
     
  15. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,165
    เรามักจะหยิบเอาการปฏิบัติ หรือได้ปฏิบัติ หรือพอใจในการปฏิบัติ อันทำให้ได้ญาณนั้น ขึ้นมาประดับตนโดยเป็นปกติ เป็นความเคยชิน อย่างไม่ยาก

    รถเรือเคยวิ่งแล้ว แรงไหล
    ไฟเคยจุดแล้ว มีร้อน
    นอนเคยตรงไหน มีกลิ่น
    กินเคยตรงไหน จำได้

    ทำไว้ ได้ผล
     
  16. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ผมขออนุญาติ กล่าวเรื่องกิเลสนะครับ อันกิเลสนั้น ไม่มีผู้ใดไปประหานได้ครับ

    เขามีอยู่เป็นธรรมดาของโลก จะมีเพียงแต่ ผู้ห่างไกลกิเลส

    สิ่งที่เป็นของโลก ก็อยู่เป็นของโลก เมื่อให้ความสนใจ ก็เกิดขึ้นมีมาทันที

    แต่หากไม่ให้ความสนใจ กลับไม่เกิดสิ่งใดให้ว้าวุ่น เมื่อจิตตั้งมั่น ความหวั่นไหว ไม่มีผล

    ผมขอรบกวน กล่าวออกความเห็น เพียงเล็กน้อยนะครับ
     
  17. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,306
    เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ขออนุโมทนา สาธุ ด้วยความยินดี ค่ะ
     
  18. จิตอนัตตา

    จิตอนัตตา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +7
    ผมเป็นมือใหม่สำหรับธรรมะครับ อาจจะเป็นสัญญาเก่าทำให้ผมหันมาสนใจศึกษาธรรม และเริ่มจริงจังได้ไม่ถึงสองปี ไม่ได้ทำสมาธิ แต่อาศัยการอบรมธรรม และดูจิตดูเวทนาระหว่างวัน รู้ลมหายไป ในยามที่จิตเป็นกลางสังเกตว่าเริ่มสัมผัสได้ถึงการรับรู้หรืออาจเรียกว่าญาณเป็นครั้งคราวแต่ไม่ได้ใส่ใจครับเห็นเป็นการเกิดดับ เป็นอย่างท่านว่าจะรู้ได้จำเพาะเมื่อจิตเป็นกลาง แวบมาและแวบไปเมื่อนิวรณ์ครอบงำ ไม่กล้าคิดว่าเป็นของเก่าแต่ปางก่อน เพราะเราไม่ใช่นักปฏิบัติ และถ้าดำเนินชีวิตเช่นนี้ต่อไป จะเกิดอะไรขึ้นไม๊ครับ ถามเป็นธรรมทานเผื่ออีกหลายคนที่มีสภาวะคล้ายๆกัน
     
  19. จิตอนัตตา

    จิตอนัตตา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +7
    โมทนาสาธุครับ ผมเจอเพชรเม็ดใหญ่ในเว็บแล้ว คำตอบชัดเจนมาก แต่วาสนาผมคงไม่ถึง การปฏิบัติธรรม ถ้าเราทำฌาณไม่ได้ และไม่ทำสมาธิ อาศัยศึกษาธรรม และรู้สภาวะธรรมดูเกิดดับไประหว่างวัน ดูลมหายใจและเวทนาตามแต่จังหวะ ญาณจะเกิดได้ไม๊ครับ แล้วจะก้าวหน้าไม๊ครับกับธรรมะ ขอบคุณสำหรับธรรมทานครับ
     
  20. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    คุณได้มาคือ 1.สติ มีความระลึกเท่าทันจิต 2.ธัมมวิจยะ การไตร่ตรองด้วยปัญญา 3.วิริยะ ความเข้มแข็ง และ4.อุเบกขา รวมกันแล้วก็ทำให้เกิดฌานได้ครับ เพียงแต่จะตรึงฌานนั้นไว้ไม่ได้ครับ และคุณก็มีสัมผัสพิเศษได้บ้างเป็นบางครั้งจากบารมีครั้งก่อนนะครับ แต่ถ้าจะทำให้เกิดระดับใช้งานได้นั้น คุณต้องทรงฌานนั้นได้ครับ ลองทำสมาธิก่อนนอนทุกวัน วันละ 15- 30 นาที ก็พอครับ เพราะว่าคุณขาดไปแค่ 3 ข้อ จาก7ข้อครับ
    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...